ตามความเห็นของผมที่จนถึงตอนนี้แต่ละพรรคยังไม่ตอบตกลง
จัดตั้งรัฐบาลกับ พปช. เป็นที่แน่ชัดว่าถ้าเลือกได้ ก็ไม่อยาก
ร่วมรัฐบาลกับ พปช. นั่นเอง
ในขณะเดียวกันก็ต้องอยากรอฟังข้อเสนอจากฝ่าย ปชป. เสียก่อน
ซึ่งในทางการแข่งขัน อันดับสอง ย่อมจะ "ให้" มากกว่าอันดับหนึ่ง
เพราะถ้าไม่ให้มากกว่าเบอร์หนึ่ง ก็จะแข่งขันกับเบอร์หนึ่งไม่ได้ยกตัวอย่าง "จำนวนเก้าอี้รัฐมนตรี" ที่ ปชป.ย่อมให้พรรคร่วมรัฐบาล
ได้มากกว่า พปช. ที่มี สส.เกือบครึ่งสภาอย่างแน่นอน
หรือการมีโอกาสผลักดันนโยบายพรรค เพื่อสร้างผลงานกับประชาชน
ถ้าร่วมรัฐบาล ปชป.จะมีโอกาสมากกว่า ขณะที่การร่วม รัฐบาล พปช.
ย่อมจะต้องยอมหมดบทบาท ปล่อยให้ พปช.ทุ่มงบทำประชานิยม
ได้คะแนนเข้า พปช.พรรคเดียว
ซึ่งการเลือกตั้งที่จะมีในอนาคตอันใกล้ จะมีแต่ พปช.ที่ได้คะแนนเสียงในเรื่องของความมั่นคงรัฐบาล ถ้า พปช.เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลจะมี
ความเสี่ยงจากนโยบาย นิรโทษกรรม กลุ่ม 111 และการยุบ คตส.
ที่พรรคร่วมรัฐบาลจะต้องตกกระไดพลอยโจนยกมือสนับสนุนไปด้วย
อาจนำมาซึ่งการต่อต้านจากสังคม โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ
นอกเหนือจากศึกในสภา ที่มีแต่ช่องทางเสียหายกับผู้สนับสนุน...
ทางตันจุดหนึ่งที่ทำให้ตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็คือ พปช.ได้รับคะแนนเสียง
มากเกินไปจนพรรคอื่นตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพมาแข่งไม่ได้
สมมุตินะครับว่า.. ถ้าในที่สุดการตั้งรัฐบาลโดย พปช. เกิดความยืดเยื้อ
ทำท่าจะหาข้อยุติไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ หลังปีใหม่
ถึงตอนนั้นถ้าลูกพรรคบางกลุ่มจะหันมาหนุน ปชป. ให้เป็นรัฐบาลแทน
ก็ย่อมสามารถทำได้ และเป็นเอกสิทธิ์ของ สส.แต่ละคนอยู่แล้วเช่นเดียวกับที่ตอนนี้ก็มีข่าวทาง พชป. พยายามไปดึง สส. บางกลุ่ม
ใน พรรคเพื่อแผ่นดิน แยกตัวอิสระมาหนุน พปช. เป็นรัฐบาล
ในทางกลับกัน กลุ่ม สส.ใน พปช. ก็ย่อมมีสิทธิสนับสนุนใครก็ได้
ที่เห็นว่าเหมาะสม ให้เป็นนายกรัฐมนตรีเรื่องที่ พปช. ยึดติดจำนวน สส.พรรค 233 เสียง นำมาใช้อ้างตลอดเวลา
เอาเข้าจริงไม่ได้มีตรงไหนในรัฐธรรมนูญ บังคับให้ สส. พรรคต้องทำตาม
ความต้องการของกรรมการบริหารพรรค มีแต่การระบุให้ความคุ้มครอง
ต่ออิสระในการตัดสินใจของ สส.
ดังนั้นหลังปีใหม่อาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ได้นะครับ ถึงตอนนี้ผมยังไ่ม่อยาก
ให้ ปชป. ไปเป็นฝ่ายค้านและไม่เห็นทางว่า พปช.จะบริหารประเทศไปรอด
ถ้าบังเอิญมี สส. พลังประชาชน คนไหน กลุ่มไหน มาเจอความเห็นนี้เข้า
โปรดระลึกไว้ว่า
สส. ทุกคนมีอิสระในการตัดสินใจครับและการตัดสินใจสนับสนุนพรรคอันดับสอง น่าจะได้อะไรดีกว่าทั้งกับตัว สส.
และพรรคร่วมรัฐบาล และกับประเทศชาติของเราโดยส่วนรวมนะครับ