นับเวลาถอยหลังตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงเที่ยงคืนวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ประเทศไทยของเราก็จะมีผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งเสียทีหลังจากถูกไล่ลงจากเวทีเนื่องจากทำตัวเป็น สภาปาหี่
การรณรงค์การเลือกตั้งคราวนี้ก็ทำกันอย่างเต็มกำลังและเข็มแข็ง (ถึงในบางพื้นที่จะอ่อนแอบ้าง) แต่ก็เนื่องด้วยเพราะกำลังคน และไหวพริบปฎิภาณที่ยังห่างชั้น นักการเมืองมืออาชีพ หลายขุมนัก ถ้าให้คะแนนก็ถือว่าขั้น พอรับได้ แต่ก็ยังต่ำกว่าคะแนน พอใช้ ซึ่งเป็นเกณฑ์ต่ำสุดในการวัดค่าคะแนน
เหตุที่เจ้าเรือนให้คะแนน พอรับได้ ก็เพราะ ก.ก.ต.กลาง และ ก.ก.ต.ประจำเขต คราวนี้จะออกมาตรวจสอบการเลือกตั้งตามพื้นที่ น้อยมาก จนเจ้าเรือนอดสงสัยมิได้ว่า ทำงานกันอยู่หรือเปล่า
เพราะตามธรรมเนียมช่วงสัปดาห์สุดท้าย ก่อนคืนหมาหอน จะมีเรื่องร้องเรียนกล่าวโทษกันระหว่าผู้ลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่เรื่องทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่พอมาคราวนี้ น้อยจนผิดสังเกต อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง มีออกให้เห็นทั่วไปทั้งการแจกของ ว่าการข่มขู่คุกคามระหว่างหัวคะแนน หรือผู้ลงสมัครเลือกตั้ง แต่ไม่ค่อยมีการร้องเรียนสักเท่าไหร่ หรือว่าเพราะ เลวเสมอกัน เลยสงวนท่าที
โดยเฉพาะการทุ่มเงินซื้อเสียงในการเลือกตั้งคราวนี้ เป็นการทุ่มแบบ หมดหน้าตัก ชนิดยอมกันไม่ได้ในทุกพื้นที่ และอย่าบอกว่าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ได้ เพราะเบิกและจ่ายกันล่วงหน้ามานานนับสัปดาห์แล้ว
ถ้าจะมารอเพียงแค่ คืนวันหมาหอน ออกจะช้าเกินไปไม่ทันการ เลยจ่ายกันล่วงหน้าผ่านการประชุมหมู่บ้านและการประชุมชุมชนในช่วงต้นที่สัปดาห์ผ่านมา ลองสุ่มสอบถามไปตามหมู่บ้านว่ามีจัดประชุมชาวบ้าน ประชุมชมรมผู้สูงอายุ หรือประชุมกลุ่มฌาปนกิจ บ้างไหม
คำตอบกลับมากว่าร้อยละ 90 ว่า มี
และแอบถามต่อว่าได้เบี้ยประชุมบ้างไหม หลายๆที่คำตอบกลับมาแบบเสียงอ่อยๆต่างย่อมรับว่า มี
แล้ว เงินสนับสนุนการประชุมก้อนนี้ จะมาจากไหนก็พอจะทราบได้นะครับพี่น้องว่าใครให้มา
ฉะนั้นถ้า ก.ก.ต. จะออกตามล่าการซื้อเสียงแบบ โต้งๆ เจ้าเรือนขอบอกได้คำเดียวว่า หาไปเถอะครับ เพราะหมดสมัยที่จะหอบเงินใส่ถุงไปยืนแอบแจกตอนกลางคืนก่อนวันเลือกตั้งแล้ว เพราะ ณ เวลานี้เจ้าเรือนบอกได้ว่า "หัวคะแนนพรรคการเมือง" ต่างเช็คยอดคะแนนในพื้นที่ของตัวเองกันได้ล่วงหน้าแล้ว
ซึ่งก็ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าเรือนเรียกว่า เลวเสมอกัน
เพราะไม่มีผู้ใดหรือฝ่ายใด เป็นคนดีจริงๆ หรือ "เพียบพร้อม" เพราะต่างก็ร่วมใจใช้กลยุทธ์ "หว่านให้ก่อนและหลอกรับประทาน(แดก)กันทีหลัง"แทบจะทุกพรรคก็ต้องนับว่าเป็นแผนการและเป็น "กลยุทธ์อมตะ" ที่งัดเอามาใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่หลังปี พ.ศ.2475 เป็นต้นมา
ในเมื่อมันสั่งสมมาอย่างนมนานอย่างนี้ เราจะทำอย่างไรกันดีที่จะ รักษาชาติบ้านเมือง ให้รอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกาไปได้ เพราะหาคนดีจริงๆสมัยนี้ เจ้าเรือนยอมรับว่า "หาไม่ได้จริงๆ"ด้วยตรรกะและเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น
ฉนั้นเจ้าเรือนจึงขอรณรงค์ให้ประชาชนเลือก "เลือกคนเลวน้อยที่สุดเข้าสภา" ดีกว่ากา "โนโหวต" เพราะถึงอย่างไร "มันจำเป็นต้องเลือก" เพื่อรักษาเสถียรภาพของประเทศเอาไว้ก่อนในเวลานี้ เพราะถือว่าตอนนี้คือ "ช่วงสูญญากาศ" ซึ่งไม่ส่งผลดีกับประเทศชาติในระยะยาวและต่อสายตานานาอารยะประเทศ
"วิธีการเลือกคนเลวน้อยที่สุด" เจ้าเรือนว่าทุกๆท่านคงมีคำตอบในใจว่าจะเลือกเอาคนแบบไหน
เพราะอย่างน้อยประเทศไทยต้องมี "รัฐบาล"เพื่อบริหารประเทศ ดั่ง "รัฐนาวา" จำต้องมี "เรือไว้พาย" เพราะไม่อย่างนั้นก็ต้อง "ลอยคอ" อย่างนี้ตลอดปีตลอดชาติ
................
เรือนปากกา บ้านแม่ริม
pen