เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี หนึ่งในโปรเจคยักษ์ของรัฐบาล ทักษิณ ในพื้นที่เชียงใหม่ ที่คาดหมายว่าจะไปไม่รอดตั้งแต่เริ่มโครงการฯ ทั้งสายนักวิชารการ และ เอ็นจีโอ ที่ต่างลงความเห็นว่า ไม่คุ้มค่าและ รอวัน เจ๊ง แน่นอน
และในที่สุดก็มาถึงวันที่คาดหมายมาจนได้
สืบเนื่องจากปัจจุบันเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมีรายได้จากค่าเข้าชมและจำหน่ายสินค้าเฉลี่ยเพียงเดือนละ 2-3 ล้านบาท ซึ่งขาดทุนการบริหารมาโดยตลอด เพราะเฉพาะค่าจัดการซึ่งอยู่ที่เดือนละประมาณ 5 ล้านบาท ซึ่งถ้ารวมผลประกอบการในระยะ 2 ปีที่ผ่านมาที่ยังขาดชำระเงินให้หน่วยงานต้นสังกัด (อพท.) ในฐานะเจ้าของสัมปทานนับ 100 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าการบริหารงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีตั้งแต่เริ่มดำเนินการมา ขาดทุน มาโดยตลอด
แม้กระทั่งในช่วงงาน พืชสวนโลก ปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าน่าจะเป็นช่วงกอบโกยกำไร เพราะมีจำนวนนักท่องเที่ยวมาจังหวัดเชียงใหม่เป็นจำนวนมาก ก็ยังประสบกับภาวะ ขาดทุน
ในปัจจุบัน เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ถือว่าเป็นหน่วยงานในสังกัด องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ซึ่งก่อตั้งในยุครัฐบาลที่แล้ว และรัฐต้องคอยอุ้มชูมาโดยตลอด ซึ่งเฉพาะงบลงทุนที่ (อพท.) สนับสนุน เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ก็กว่า 2,000 ล้านบาท เข้าไปแล้ว
ซึ่งแผนการธุรกิจตอนก่อตั้งโครงการมีเป้าหมายว่า เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จะสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองและสามารถคืนทุนได้ตั้งแต่หลังปีที่ 7 ของการดำเนินการ ซึ่งในปัจจุบัน เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี มีรายได้(ระหว่างเดือน มิ.ย.-ส.ค.2550) เพียง 4.5 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 1.5 ล้านบาทเท่านั้น
นับว่างานนี้ นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตผู้อำนวยการสำนักงานบริหารโครงการ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และอดีตประธาน อพท. ที่เคยยืนกรานหลายครั้งว่า เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีจะไม่มีวันขาดทุน หากขาดทุนตนยินดีนำเงินมรดกมาจ่ายชดเชยให้ เห็นทีต้อง จ่ายกันหนัก เลยล่ะครับงานนี้
ปัจจุบันนี้ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารโครงการฯ จากหน่วยงานในสังกัด อพท. ไปเป็นบริษัทจำกัดภายใต้กำกับของกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2549 ที่ผ่านมา
และได้ให้คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษาแผนงานและขั้นตอนทางกฎหมายของการแปรสภาพองค์กร การจดทะเบียน และหน้าที่ความรับผิดชอบตลอดจนกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และให้คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดทำแผนธุรกิจ เพื่อบริหารโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีภายใต้รูปแบบ "บริษัทจำกัด"
ซึ่งหมายความว่าต้องเปลี่ยนรูปแบบการบริหารงานเสียใหม่ ก่อนจะ บรรลัย ไปมากกว่านี้
เพราะในส่วนตัวของเจ้าเรือนแล้วถือว่า เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี มิชอบด้วยกฎหมายมาตั้งแต่ต้น เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็น เค๊กก้อนโต ที่สร้างขึ้นมา หลอกรับประทาน ภาษีประชาชนจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่มันจะ เจ๊ง ก่อนวันอันควร
และเจ้าเรือนขอเสนอว่าน่าจะทำ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็น อนุสาวรีย์คอรัปชั่นเชิงนโยบาย ที่ประชาชนไทยควรจะได้เข้าไปดูและได้จดจำไว้ว่าบ้านเมืองจะ ล่มจม เพียงใดถ้าปล่อยคนกลุ่มนี้เข้ามา ครองเมือง
...........................................................................................................................
pen