ผมว่า กล่าวหาแต่พรรค พปช.กรณีนี้อย่างเดียวก็ไม่เป็นธรรมนะ
พรรค ปชป.เองก็มี นาย ประมวล พงศ์ถาวราเดช ผู้สมัคร สส.ประจวบคีรีขันธ์ เหมือนกัน
www.deedeejang.com/tell/news/00708.htmlเซ็นอนุมัติตัดถนน 'ศาลชั้นต้น'ตัดสิน ปชป.อีกคน-สั่งยก
ประมวล พงศ์ถาวราเดชส.ส.เขต 3 พรรค ปชป.เมืองประจวบฯถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 7 ปี โทษฐานรับสินบนค่าก่อสร้างถนน สั่งจ่ายเช็คแล้วเก็บไว้ใช้เอง แถมถูกจู่โจมจับกุมได้พร้อมทั้งของกลางเงินสด 5 แสนบาท ที่ได้ถ่ายสำเนาไว้แล้ว มัดแน่นจนดิ้นไม่หลุด ส่วนพวกที่ตกเป็นจำเลยที่ 2-11 คดีเดียวกัน มีทั้ง ส.ส. เขต 2 พรรคเดียวกันกับนักการเมืองท้องถิ่นรอดตัวไป ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าพยานโจทก์มีน้ำหนักน้อย ขณะที่เจ้าตัวไม่ยอมปริปาก ก่อนยื่นหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินมูลค่า 4 แสนบาท ประกันตัวออกไปทันที
ที่ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเวลา 10.00. น. วันที่ 11 ก.ค. ผู้พิพากษาได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีอาญาหมายเลขดำที่ 4300/2545 ระหว่างฝ่ายโจทก์อัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กับนายประมวล พงศ์ถาวราเดช ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ประจวบคีรีขันธ์ เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกรวม 11 ราย
ประกอบด้วย นายทรงเกียรติ ลิ้มอรุณรักษ์ นายก อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ นายปราโมศย์ ตั้งซุยยัง ส.จ.อำเภอบางสะพาน นายธีรวัช เต็งประเสร็จ ส.จ.กิ่ง อ.สามร้อยยอด นายมนตรี ปาน้อยนนท์ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ อดีต ส.จ.กิ่ง อ.สามร้อยยอด นายสุชน อินทเสน ส.จ.อำเภอหัวหิน นายสายหยุด น้ำกลั่น อดีต ส.จ.อำเภอหัวหิน นายยุทธนา ผาสุก และนายไชยณรงค์ เชื้อวงศ์สกุล ส.จ. อำเภอปราณบุรี นายชรินทร์ กาญจนรัตน์ ส.จ. อำเภอบางสะพาน และนายบุญเลิศ บุญช่วย รองนายก อบจ. ประจวบคีรีขันธ์ อดีต ส.จ.อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ในข้อหาเรียกรับสินบนจำนวน 500,000 บาท
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนการลงนาม ในสัญญาสร้างถนนและเรียกรับสินบนจำนวน 2,920,000 บาท และเพื่อตอบแทนการลงนามเบิกจ่ายเงินค่าก่อสร้างถนนสายหนองฆ้อง-รพช. ศรีนคร อ.บางสะพาน และถนนสายเพชรเกษม-วัดสามร้อยยอด กิ่ง อ.สามร้อยยอด โดยทุจริต และมีจำเลยที่ 2-11 เป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือในการกระทำความผิด โดยศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1 จำนวน 7 ปี ฐานมีความผิดข้อหารับสินบน เพื่อตอบแทนการลงนามเบิกจ่ายเงินค่าก่อสร้างถนน และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2-11
สำหรับคดีนี้ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐาน แล้วเห็นว่า ข้อหาเรียกรับสินบนเพื่อตอบแทนในสัญญาจ้างก่อสร้าง โดยเมื่อวันที่ 29 ก.ย. 45 พยาน โจทก์คือ น.ส.เบญจมาศ พูลลำเนาบุตรลูกสาวนายลำยอง พูลลำเนา อดีตนายก อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ และ ส.จ.อำเภอหัวหิน ได้ร้องทุกข์กับเจ้าพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับนายประมวล พงศ์ถาวราเดช นายก อบจ. (ในขณะนั้น) ใน 2 ข้อหา คือเรียกรับเงิน 500,000 บาท เป็นค่าตอบแทนก่อนการลงนามในสัญญาก่อสร้างถนนจำนวน 2 สัญญา กับห้างหุ้นส่วนจำกัด วิโรจน์ ก่อสร้าง จ.นครปฐม คือ ถนนลูกรังสายหนองฆ้อง-รพช. ศรีนคร และถนนสายเพชรเกษม-วัดสามร้อยยอด
ส่วนอีกข้อหาคือ ร่วมกับพวกเป็นเจ้าพนัก งานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่เกี่ยวกับการจ่ายเงินก่อสร้างถนนทั้ง 2 สาย ซึ่งพนักงานสอบสวนโดยตำรวจกองปราบปราม นำโดย พล.ต.ต. อัศวิน ขวัญเมือง ผบก.ป. (ตำแหน่งขณะนั้น) ได้ วางแผนจับกุมนายประมวล กับพวก พร้อมของกลางเงินสด 500,000 บาท และเช็คเงินสดธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เลขที่ 3782265 ลงวันที่ 29 ก.ย. 45 จำนวน 2,420,000 บาท อีก 1 ฉบับ
โดยทั้งนี้ โจทก์มีหัวหน้าส่วนการคลังของอบจ.ประจวบคีรีขันธ์ เบิกความว่าจำเลยที่ 1 ลงชื่อสั่งจ่ายเช็ค แล้วเก็บเช็คเอาไว้เอง โดยที่ไม่มีหน้าที่จัดเก็บและผิดระเบียบทางราชการ และตำรวจกองปราบปรามได้เข้าจับกุมได้ระยะกระชั้นชิด และจำเลยที่ 1 ถูกจับกุมในขณะอยู่ที่ห้องทำงานของตนเองพร้อมธนบัตร 500,000 บาท ซึ่งถูกถ่ายเอกสารไว้ก่อนแล้ว และโจทก์ยังมีสายลับ ซึ่งปลอมตัวเข้าไปในขณะส่งมอบเงินมาเบิกความสนับสนุน ทำให้เชื่อว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดจริง ส่วนจำเลยที่ 2-11 พยานโจทก์ ยังมีน้ำหนักน้อยไม่พอฟ้องลงโทษจำเลยที่ 2-11 ได้ จึงพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดข้อหาเรียกรับสินบน เพื่อตอบแทนการลงนามเบิกจ่ายเงินค่าก่อสร้างถนน จำคุก 7 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 -11
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากศาลมีคำพิพากษาในคดีดังกล่าว ซึ่งยืดเยื้อมานานเกือบ 5 ปี ทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะการประมูลจัดซื้อจัดจ้างของหน่วย งานราชการในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีการฮั้วประมูลกันมาตลอด และจากกรณีดังกล่าวถือ เป็นการจับทุจริตนักการเมืองรายแรกของจังหวัด อย่างไรก็ตาม หลังศาลมีคำพิพากษาแล้ว นายประมวล ได้ใช้หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินมูลค่า 400,000 บาท ยื่นประกันตัวออกไปทันที และไม่ให้สัมภาษณ์แสดงความเห็นใด ๆ กับสื่อมวลชน
ด้าน นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส. เพชรบุรี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลพิพากษาจำคุกนายประมวล ว่า ได้สอบถามนายประมวล ถึงเรื่องนี้แล้ว ซึ่งนายประมวลแจ้งว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ทั้งนี้พรรคยืนยันว่า จะไม่นำกระบวนการทางการเมือง เข้าไปแทรกแซงการพิจารณาของศาล โดยปล่อยให้ศาลพิจารณาบนหลักการของความตรงไปตรงมา อีกทั้ง จะไม่มีการนำทีมกฎหมายของพรรคไปให้ความช่วยเหลือ เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เนื่องจากคดีดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2543 ซึ่งขณะนั้น นายประมวล ดำรงตำแหน่งนายก อบจ. ส่วนพรรค การเมืองฝ่ายตรงข้ามจะหยิบยกเรื่องนี้มาโจมตีพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น คิดว่าเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ หากมีผู้นำคดีของนายประมวล มาใช้โจมตีทางการเมือง แต่พรรคขอยืนยันว่า จะไม่ใช้อำนาจใด ๆ เข้าไปปกป้องหรือแทรกแซงกระ บวนการยุติธรรมอย่างแน่นอน