********Q********
|
 |
« ตอบ #250 เมื่อ: 16-12-2007, 05:47 » |
|
เดลินิวส์ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริแก่คณะทำงานโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มขนาดเล็กอันเนื่องมาจากพระราชดำริมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2531 ให้ดำเนินการจัดสร้างโรงงาน สกัดและแปรรูปน้ำมันปาล์มขนาดเล็กขึ้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ จังหวัดนราธิวาส เพื่อนำผลผลิตปาล์มน้ำมันจากแปลงทดลองของศูนย์ฯ มาสกัด และแปรรูปเป็นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ เพื่อการบริโภค และแปรรูปในเชิงการศึกษาอย่างครบวงจรเพื่อให้เกษตรกรในจังหวัดนราธิวาสและจังหวัดใกล้เคียง ได้รู้ถึงการใช้ประโยชน์ของปาล์มน้ำมันในการนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยเริ่มจากการสกัดน้ำมันปาล์มในระดับครัวเรือนก่อน
ปี พ.ศ. 2543 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริให้ทดลองนำน้ำมันปาล์มมาใช้กับเครื่องจักรกลการเกษตร ซึ่งศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ได้เริ่มนำน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์มาใช้กับรถแทรกเตอร์ลากพ่วงได้ผลดี ปี พ.ศ. 2544 สำนักวิจัยและพัฒนามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ เริ่มผลิตน้ำมันไบโอดีเซลนำมาทดลองใช้กับรถหกล้อ รถแทรกเตอร์ลากพ่วง และรถไถเดินตาม ปี พ.ศ. 2546 จัดสร้างโรงงานต้นแบบผลิตเมทิลเอสเตอร์ เพื่อใช้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนน้ำมันดีเซลจากน้ำมันปาล์ม ปี พ.ศ. 2547 จัดสร้างเครื่องแยกกลีเซอรีนเหลว ขนาด 140 ลิตร เพื่อแยกเอากลีเซอรีนออกจากกรดไขมัน
ปี พ.ศ. 2548 ติดตั้งปั๊มและหัวจ่ายน้ำมันไบโอดีเซล ที่โรงผลิตเมทิลเอสเตอร์ ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ กำลังการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ผลิต 1 ครั้ง จะได้น้ำมันประมาณ 300-350 ลิตร การผลิตของโรงงานใช้ถังขนาด 400 ลิตร ในการผลิตแต่ละครั้ง ปัจจุบันถังเก็บน้ำมันมีความจุประมาณ 1,000 ลิตร รวมต้นทุนการผลิตทั้งหมด 18.526 บาท/ลิตร การผลิตใช้ผลปาล์มดิบ จำนวน 100 กิโลกรัม ต่อน้ำมันไบโอดีเซล 20 ลิตร
จากความสำเร็จดังกล่าว ก็ได้มีการต่อยอดโครงการการสร้างโรงงานผลิตไบโอดีเซลขนาดใหญ่ในพื้นที่ที่เป็นแหล่งปลูกปาล์มจำนวนมาก คือจังหวัดกระบี่ โดยความร่วมมือระหว่างชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร ASPL จากกรมส่งเสริมสหกรณ์ จำนวน 270 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงงานขนาดกำลังผลิต 45 ตันทะลายต่อชั่วโมง
โครงการดังกล่าวนี้เป็นโครงการเพื่อหวังผลเชิงพาณิชย์ ขนาดกำลังผลิต 10,000 ลิตรต่อวัน ด้วยการใช้งบประมาณจากโครงการยุทธศาสตร์ จังหวัดกระบี่ ปี 2548 วงเงิน 18.5 ล้านบาท การก่อสร้างได้แล้วเสร็จในปี 2550 ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯเปิดโรงงานอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปาล์มน้ำมันที่ปลูกในพื้นที่จังหวัดกระบี่นั้นส่วนใหญ่ปัจจุบันเป็นปาล์มที่ปลูกมานานแล้ว ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการเตรียมการด้านการผลิตสำหรับป้อนเข้าสู่โรงงานอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์จึงมีโครงการปลูกปาล์มใหม่เพื่อทดแทนปาล์มเก่าซึ่งนางสาวสุพัตรา ธนเสนีวัฒน์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เปิดเผยว่าทางกรมฯ ได้เข้าไปช่วยเจรจากับ ธ.ก.ส. ให้กับเกษตรกรที่ปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อให้ลดอัตราดอกเบี้ยจากร้อยละ 7.5 เหลือร้อยละ 5
พร้อมหาแนวทางในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการปลูกปาล์มทดแทนได้มีอาชีพเสริมในช่วงก่อนที่ปาล์มจะโตจนให้ผลผลิตได้ นอกจากนี้ก็ยังมีโครงการผลิตน้ำเสียจากโรงงานผลิตไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมันมาผลิตเป็นไบโอแก๊สเพื่อใช้งานภาคการเกษตรอันจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการผลิตของเกษตรกรในพื้นที่อีกด้วย.
กิตติกร พรรณงาม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #251 เมื่อ: 16-12-2007, 05:48 » |
|
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 พฤศจิกายน 2550
เหตุเพราะบางอุตสาหกรรมและบางธุรกิจจำเป็นต้องใช้กระแสไฟฟ้าที่คงที่ จึงต้องปัด "พลังงานทางเลือก" ที่ปัจจจุบันยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวได้ออกไปจากการพิจารณาทางเลือกหลักของอนาคตพลังงาน และหันซับ "โรงไฟฟ้านิวเคลียร์" ที่คนวงในมองว่าให้ความมั่นคงทางพลังงานที่มากกว่า
นายชวลิต พิชาลัย รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน กล่าวในการสัมมนา "โรงไฟฟ้านิวเคลียร์กับสังคมไทย" ณ สมาคมผู้สื่อขาวเศรษฐกิจ ตึกช้าง เมื่อ 15 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ในภาคของการใช้พลังงานไฟฟ้านั้นแบ่งเป็นอุตสาหกรรมประมาณ 40% ภาคธุรกิจประมาณ 30% และภาคที่อยู่อาศัยประมาณ 20% ทั้งนี้ในบางอุตสาหกรรมนั้นจำเป็นต้องใช้กระแสไฟฟ้าที่มีความสม่ำเสมอซึ่งพลังงานทดแทนไม่สามารถให้ได้ โดยพลังงานนิวเคลียร์นั้นมีประสิทธิภาพประมาณ 80-85% แต่พลังงานลมนั้นดีที่สุดเพียง 15%
ทั้งนี้ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2550-2564 (พีดีพี 2007) ซึ่งได้ผ่านมติเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติและที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ได้มีมติเห็นชอบไปเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสำระสำคัญของแผนดังกล่าวคือการกำหนดทางให้ให้มีการจ่ายไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ 2,000 เมกะวัตต์ในปี 2563 และอีก 2,000 เมกะวัตต์ในปี 2564 ซึ่งหากต้องใช้พลังงานลมทดแทนพลังงานนิวเคลียร์ 4,000 เมกะวัตต์นั้น นายชวลิตกล่าวว่าต้องเพิ่มกำลังผลิตให้ได้ถึง 20,000 เมะวัตต์
"เราให้งบสำนักกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ศึกษาเรื่องพลังงานทดแทน 6000 ล้านบาท พบว่าประสิทธิภาพของพลังงานชีวมวล แกลบ ชานอ้อย สามารถขยายอย่างเต็มที่ในปี 2554 ได้ถึง 6% จากปัจจุบันที่ทำได้ 2% ถ้าจะทำให้ดีโรงไฟฟ้าพลังงานแกลบต้องอยู่ติดโรงสี สาเหตุที่แกลบแพงก็เพราะค่าขนส่ง" นายชวลิตกล่าว
พร้อมกันนี้ได้นายชวลิตได้ระบุถึงทางเลือกอื่นที่มไใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แต่มุ่งเน้นที่การซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากต่างประเทศและซื้อกระแสไฟฟ้าจากต่างประเทศว่ามีความเสี่ยง เพราะหากทางพม่าที่ไทยซื้อไฟฟ้ามาใช้นั้นเกิดร่ำราวยขึ้นมาแล้วไม่ขายไฟฟ้าให้ไทยเพียง 2000 เมะวัตต์ก็ทำให้ไฟฟ้าดับได้ทั้งประเทศ อีกทั้งย้ำว่าได้วางแผนพลังงานอยู่บนข้อเท็จจริง
"หากเรามีเชื้อเพลิงอย่างสแกนดิเนเวียเราก็อยากทำอย่างเขา" นายชวลิตกล่าวประเทศในแถบสแกนดิเนเวียที่ตั้งเป้าจะไม่สร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มและบางประเทศไม่พึ่งพาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เลย
ทางด้าน ดร.กมล ตรรกบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมเครื่องกล การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เสริมด้วยข้อมูลเกี่ยวกับการส่งเสริมพลังงานเลือกของ กฟผ.ว่า ในส่วนของพลังงานลมนั้นจากข้อมูลการศึกษาของต่างประเทศระบุว่าต้องใช้กังหันแบบใบพัดเครื่องบิน ทั้งนี้ได้ทดลองติดตั้งสถานีวัดลมโดยความร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาที่แหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต และผลจากการศึกษาพบว่าต้นทุนของพลังงานลมอยู่ที่ 8 บาท
พลังงานทางเลือกอย่างความร้อนใต้พิภพนั้น ดร.กมลกล่าวว่าได้ทำการศึกษาแล้วพบว่ามีแหล่งน้ำพุร้อน 5 แห่งที่มีศักยภาพพอจะเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าได้ แต่ได้ลงไปศึกษาจริงๆ 2 แหล่งคือ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ที่ได้ร่วมศึกษากับญี่ปุ่นแต่พบว่าให้กระแสไฟฟ้าไม่พอ ทางภาคเอกชนจึงรับไปดำเนินการต่อโดยจัดทำเป็นรีสอร์ท อีกแห่งคือ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ที่ได้ร่วมศึกษากับประเทศฝรั่งเศสซึ่งได้ไฟฟ้าที่มีต้นทุนหน่วยละ 3-4 บาทแต่ได้ขายให้กับพื้นที่ห่างไกลซึ่งมีต้นทุนต่อหน่วย 5-6 บาท ในราคาหน่วยละ 2 บาท
นอกจากนี้ยังมีโรงงานไฟฟ้าพลังงานชีวมวลที่ดำเนินการโดยโรงน้ำตาลมิตรผล 2 แห่ง คือ ที่ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี และ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ซึ่ง ดร.กมลกล่าวว่าเป็นหน้าเป็นตาของพลังงานชีวมวลเพราะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานชีววมลขนาดใหญ่ โดยมีแต่ละแห่งมีกำลังผลิต 40 เมกะวัตต์ และไฟฟ้าที่ผลิตได้นั้นส่วนหนึ่งโรงงานได้นำไปใช้เองและอีกส่วนได้ขายเข้าระบบให้กับ กฟผ. ซึ่งเป็นตัวอย่างหนึ่งของระบบผลิตไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์
อย่างไรก็ดีแม้พลังงานทดแทนจะมีต้นทุนที่สูงกว่าพลังงานนิวเคลียร์ซึ่งคาดการณ์กันว่าต้นทุนอยู่ที่หน่วยละ 2.08 บาท แต่นายเดชรัต สุขกำเนิด จากภาควิชาเศรษฐศาสตร์และทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่าปัจจุบันมีผู้บริโภคที่ยอมจ่ายเงินมากกว่าเพื่อซื้อพลังงานสะอาด ทั้งนี้แม้ต้นทุนของพลังงานทดแทนจะแพงกว่าแต่เงินตราก็ยังคงไหลเวียนอยู่ในประเทศ ขณะที่การใช้พลังงานนิวเคลียร์หรือพลังงานถ่านหินนั้นเงินส่วนใหญ่จะออกไปนอกประเทศ
" 1 บาทของถ่านหินออกไปนอกประเทศ 80% แต่ 1 บาทของพลังงานทดแทนหมุนเวียนอยู่ในประเทศ 80% แกลบแพงขึ้น ราคาดีขึ้น ถ้าของในบ้านเราราคาดีขึ้นก็เป็นเรื่องน่ายินดี เดี๋ยวนี้ผู้บริโภคยุคใหม่เขายินดีจ่ายเงินเพิ่ม 5-10% สำหรับพลังงานที่สะอาด" นายเดชรัตกล่าว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #252 เมื่อ: 16-12-2007, 05:52 » |
|
ประชาชาติธุรกิจ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
น้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาน้ำมันในประเทศไทย ปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ตามมาคือ ค่าครองชีพสูงขึ้น ค่าขนส่งสูงขึ้น ค่าโดยสารรถเมล์และรถทัวร์สูงขึ้น พ่อค้าแม่ค้าต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าขายของอะไรก็ไม่ค่อยได้ เพราะผู้บริโภคต่างรัดเข็มขัดจนเอวคอด
แต่สำหรับ "ภาสกร พุทธิชีวิน" เจ้าของบริษัท บีเอ็นบี อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ที่ประกอบธุรกิจพลังงานทดแทนแบบครบวงจร ผู้บุกเบิกเป็นรายแรกของประเทศไทยกว่า 10 ปีที่แล้วกล่าวว่า วิกฤตครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทเลย
เป็นคนที่เห็นน้ำมันแพงแล้ว หัวเราะเลย ?
"เอาจริงๆ เลยนะ ถ้าถามในแง่ของธุรกิจ ตอบว่าใช่ แต่ในแง่ของความเป็นคนคนหนึ่งในประเทศ ผมกังวล กังวลว่าถ้ายังอยู่กันอย่างนี้ลำบาก" ภาสกรกล่าว
เพราะภาสกรเชื่ออยู่เสมอว่า การที่ประเทศไทยจะหลุดพ้นจากบ่วงของวิกฤตน้ำมันในขณะนี้ได้ ต้องพึ่งพลังงานทดแทน กับพลังงานชุมชน
"ให้ทุกชุมชนอยู่ได้ด้วยตัวเอง ใช้พลังงานลม ไบโอก๊าซ พลังงานแสงอาทิตย์ ใช้ทุกรูปแบบ ทำไมจะอยู่ไม่ได้ ผมว่าอยู่ได้ เพียงแต่ในชุมชนนั้นเป็น scale ที่เล็ก ซึ่งจะทำให้เหนื่อย"
บริษัท บีเอ็นบี อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ดำเนินธุรกิจ 4 ด้าน ได้แก่ 1.ออกแบบ ติดตั้ง และปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน 2.บริษัทจัดการพลังงาน 3.พลังงานทดแทน และ 4.ที่ปรึกษาด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน
เรื่องพลังงานทดแทนนั้น นอกจากไบโอดีเซลแล้ว ยังมีถังหมักก๊าซชีวภาพ จากขยะอินทรีย์ เครื่องทำน้ำร้อนจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือที่เรียกว่า solar water heater และที่กำลังเริ่มต้นดำเนินงานอีกประเภทหนึ่งคือ กังหันลม
ไบโอดีเซล
Bio bank แบรนด์ของธุรกิจไบโอดีเซลในบริษัทบีเอ็นบี เป็นเครื่องผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว ด้วยระบบการผลิตไบโอดีเซลรุ่น BDW-100-Advance กำลังการผลิต 100 ลิตรต่อรอบ คุณภาพไบโอดีเซลผ่านมาตรฐาน 13 รายการ จากกรมธุรกิจพลังงาน
ลักษณะเด่นของเครื่องผลิตไบโอดีเซล คือมีประสิทธิภาพการผลิตมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับคุณภาพวัตถุดิบ ซึ่งมีกำลังผลิตสูงสุด 260 ลิตรต่อวัน (ค่าเฉลี่ยเมื่อผลิตตลอด 24 ชั่วโมง)
นอกจากนี้ ท่อส่งสารและวาล์วในระบบเป็นชนิดพิเศษทนทานต่อการกัดกร่อนของสารเคมี เทปพันท่อชนิดพิเศษทนความร้อนและสารเคมีได้ดี พร้อมทั้งติดตั้งกระจกด้านข้างถัง ตรวจดูปริมาณสารได้สะดวก แม่นยำ และทนทานกว่าแบบทั่วไป ดูแลรักษาง่าย ค่าบำรุงรักษาต่ำ ปลอดภัยต่อผู้ใช้งานด้วยฮีตเตอร์ไฟฟ้าชนิดไม่เกิดประกายไฟ และการผสมสารเคมีแบบระบบปิด
ส่วนวัตถุดิบที่สามารถนำมาผลิตไบโอดีเซล อาทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันพืชใช้แล้ว น้ำมัน ไขสัตว์ น้ำมันสบู่ดำ ไขปาล์ม
โครงการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานด้วย ไบโอดีเซลชุมชน จึงได้ก่อตั้งขึ้นมา โดยชุมชนที่สนใจต้องมีการรวมตัวกันอย่างน้อย 3 หมู่บ้าน หรือเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) มีบุคลากรอย่างน้อย 7 คน ร่วม รับผิดชอบในการบริหารจัดการโครงการ
ภายใต้เงื่อนไข ชุมชนมีความต้องการใช้น้ำมัน ดีเซลสำหรับเครื่องจักรกลเกษตร และสามารถรวบรวมวัตถุดิบในท้องถิ่นเพื่อผลิตไบโอดีเซลอย่างน้อย 200 ลิตรต่อสัปดาห์
พร้อมกันนี้ ยังต้องพร้อมที่จะสามารถจัดหาโรงคลุมขนาดอย่างน้อย 4 คูณ 4 ตารางเมตร ระบบน้ำและไฟฟ้า บนพื้นที่ของชุมชน เพื่อติดตั้งระบบผลิตไบโอดีเซล
เมื่อมีความพร้อมทั้งหมด จะมีเครื่องผลิตไบโอดีเซลขนาด 100 ลิตรต่อวัน ซึ่งผ่านการรับรองจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานทดแทน (พพ.) พร้อมระบบบำบัดน้ำเสียราคาประมาณ 3-6 แสนบาท
คุณสมบัติของไบโอดีเซล คือ เป็นพลังงาน เชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ เนื่องจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงนี้จะไม่ก่อให้เกิดเขม่าควันดำและไม่ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ
ไบโอดีเซลยังช่วยลดปรากฏการณ์ภาวะเรือนกระจกได้ดีกว่าการใช้น้ำมันดีเซล มีความหล่อลื่นมากกว่าน้ำมันดีเซล และสามารถใช้ได้กับทุกสภาพเครื่องยนต์ซึ่งไม่จำเป็นต้องดัดแปลงสภาพเครื่องยนต์ก่อนนำไปใช้
ผลพลอยได้จากกระบวนการผลิต ซึ่งจะมี กลีเซอรีน (เชื้อเพลิงผลพลอยได้จากการผลิตไบโอดีเซล) สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ หรือสามารถนำมาดัดแปลงใช้เป็นปุ๋ยได้
ผู้ผลิตไบโอดีเซล จะรู้ดีว่า สามารถกลั่นเอาเมทานอลกลับมาใช้ใหม่ แยกกลีเซอรีนให้บริสุทธิ์ ส่งโรงงานทำสบู่ หรือแม้กระทั่งเอากลีเซอรีนมาทำเชื้อเพลิงแทนการใช้ก๊าซหุงต้ม ซึ่งปัจจุบันยังไม่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย
ผู้ผลิตไบโอดีเซลรายเล็กบางราย ได้ศึกษาและพัฒนาด้วยการลองผิดลองถูกจนสามารถทำเตา กลีเซอรีนในการใช้ต้มน้ำมันได้ผลสำเร็จ และใช้ กลีเซอรีนเป็นเชื้อเพลิงผลิตไบโอดีเซล โดยไม่ต้องใช้ก๊าซหุงต้มหรือเชื้อเพลิงอื่นอีกเลย รวมไปถึงการใช้ความร้อนเพื่อการอบแห้งด้วย
ถังหมักก๊าซชีวภาพจากขยะอินทรีย์
ถังหมักก๊าซชีวภาพขนาดเล็ก จะทำหน้าที่ย่อยสลายขยะอินทรีย์ประเภทต่างๆ เช่น เศษอาหารจากชุมชน โรงแรม ตลาดสด เศษใบไม้จาก สวน ขยะจากครัวเรือน เป็นต้น โดยอาศัยหลักการย่อยสลายของจุลินทรีย์ที่ไม่ใช้ออกซิเจน เปลี่ยนขยะอินทรีย์ให้เป็นก๊าซชีวภาพสำหรับใช้หุงต้มในครัวเรือน
ถังหมักก๊าซชีวภาพ จะมีองค์ประกอบดังนี้ ชุดใบกวน ชุดบดย่อยขยะอินทรีย์ ถังสูบขยะอินทรีย์และกากตะกอน ปั๊มสูบขยะอินทรีย์และกากตะกอน ถังเก็บก๊าซชีวภาพ ฯลฯ
ขั้นตอนในการทำคือ นำขยะอินทรีย์มาบดย่อยด้วยชุดบดย่อยขยะ เพื่อให้มีขนาดที่เล็กเหมาะสำหรับการย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ในถังหมักก๊าซชีวภาพ
สูบขยะอินทรีย์จากถังสูบขยะด้วยปั๊ม ไปยังถังหมักก๊าซชีวภาพผ่านทางท่อป้อนขยะ ขยะชีวภาพในถังหมักจะถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ที่ไม่ใช้ออกซิเจนเกิดเป็นก๊าซชีวภาพ โดยก๊าซชีวภาพที่เกิดขึ้นจะไหลผ่านท่อนำก๊าซไปยังถังเก็บก๊าซชีวภาพเพื่อใช้งานสำหรับหุงต้ม
ตะกอนที่เกิดขึ้นจากการย่อยสลายจะถูกระบายออกทางท่อระบายตะกอนในรูปของเหลว เมื่อนำไประเหยน้ำออก สามารถนำไปเป็นปุ๋ยชีวภาพได้
โดยถังหมักก๊าซชีวภาพของบริษัทบีเอ็นบี รุ่น BG 100-A สามารถใช้ได้กับขยะอินทรีย์ ทุกประเภท จากชุมชน โรงแรม ตลาดสด ฯลฯ เป็นการกำจัดขยะเน่าเหม็นที่ส่งกลิ่นรบกวนชุมชน ลดปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อม ระบบทำงานไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับชุมชนขนาดเล็กที่มีขยะอินทรีย์ประมาณ 150 กิโลกรัมต่อวัน อายุการใช้งานของถังหมักก๊าซยาวนาน และรับประกันการใช้งาน 1 ปี
solar water heater
Solar bank แบรนด์ของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ที่นำเอาพลังงานใกล้ตัว ไม่มีวันหมด ไม่ต้องซื้อหา มาแปรให้เป็นพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และลดต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการได้
solar water heater หรือเครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ มี 2 แบบ คือ 1.แบบแผ่นเรียบ 2.แบบหลอดแก้วสุญญากาศ สามารถติดตั้งได้ในจุดลับสายตา หรือนำมาเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งของบ้านได้
เครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ เมื่อติดตั้งในตลาดสด จะส่งเสริมด้านสุขลักษณะที่ดี น่าเดินน่าซื้อ ไม่มีกลิ่นเหม็นจากการแล่ปลา หมู เนื้อ เพราะใช้น้ำร้อนในการทำความสะอาดพื้นของตลาดสด และล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำ เพื่อช่วยลดการแพร่เชื้อโรค และลดแหล่งอาหารของสัตว์ เช่น หนู แมลงสาบ แมลงวัน ฯลฯ ซึ่งเป็นพาหะนำเชื้อโรค นอกจากนี้ยังจะสามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ของเทศบาล
"ภาสกร พุทธิชีวิน" จับพลังงานทดแทนมา 10 ปี วันนี้...เห็นน้ำมันแพง แล้วหัวเราะ
คอลัมน์ เถ้าแก่รุ่นใหม่
โดย ธนก บังผล
ยามที่ข้าวยากหมากแพงไปทั่วทุกหัวระแหงในโลกใบนี้ อันเนื่องมาจากได้รับผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมันถีบตัวขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่า หากประเทศสหรัฐอเมริกาบุกประเทศอิหร่าน น้ำมันมีหวังทะลุ 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ใครบางคนบอกว่า เร็วๆ นี้คนไทยมีสิทธิ์ได้เติมน้ำมันลิตรละ 70 บาท
หลายประเทศต่างหันกลับมาให้ความสำคัญกับพลังงานทดแทน ที่จะสามารถช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อนในอนาคตอันใกล้ ด้วยการรณรงค์และใช้พลังงานที่ได้มาจากพืช หรือการนำวัตถุดิบกลับมารีไซเคิล ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง An Inconvenient Truth ก็ได้ทำให้เกิดกระแสรักษ์โลกให้ตามมาได้อย่างมากมาย
ส่วนในประเทศไทย เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจไม่น้อย ที่กลับหันมาตื่นตัวเรื่องโลกร้อนในระยะ 3 ปีหลังนี้ ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่น้ำมันราคาแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบางทีอาจเรียกได้ว่า "ฟีเวอร์" ไปตามชาวบ้าน โดยอาศัยความดังของภาพยนตร์เรื่อง An Inconvenient Truth
ทั้งๆ ที่หลายสิบปีก่อนราคาน้ำมันยังไม่เกิน 10 บาทต่อลิตร พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีกระแสพระราชดำรัสว่า ประเทศไทยเป็นประเทศกสิกรรม คนส่วนใหญ่ทำเกษตร
"...เอาน้ำมันปาล์มมาใส่รถดีเซลได้ กำลังของน้ำมันปาล์มนี้ ดีมาก ได้ผล เพราะว่าเมื่อได้มาใส่รถดีเซลไม่ต้องทำอะไรเลย ใส่เข้าไปแล่นไป คนที่แล่นตามบอกว่าหอมดี..." (9 กันยายน 2518)
หลังจากนั้น ได้พระราชทานแนวคิดพลังงานทดแทนที่ผลิตมาจากพืชผลทางการเกษตร แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลทุกยุคทุกสมัยไร้วิสัยทัศน์อย่างสิ้นเชิง และน่าอับอาย ละทิ้งสิ่งที่ล้ำค่ามหาศาลที่อยู่ใกล้ตัว
บางคนบอกว่า "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ก็อยู่ในข่ายความน่าอับอายนี้เช่นกัน คือ หากเราไม่เห็นโลงศพ ก็จะไม่หลั่งน้ำตา บ้างก็ว่าใกล้เกลือกินด่าง ฝรั่งตาน้ำข้าวทำอะไรก็ต้องแห่ไปทำตาม
เถ้าแก่ผู้เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส
แต่สำหรับ "ภาสกร พุทธิชีวิน" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีเอ็นบี อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด นักธุรกิจหนุ่มผู้ที่บุกเบิกเรื่องพลังงานทดแทนมาแล้ว กว่า 10 ปี จนกระทั่งเรียกได้ว่าปัญหาภาวะราคาน้ำมันแพงไม่ทำให้สะทกสะท้านต่อธุรกิจ กลับกันอาจกล่าวได้ว่าสามารถยิ้มได้สบายๆ
"ในภาวะวิกฤตราคาน้ำมัน เลิกฝันได้เลย ไม่เห็นราคาน้ำมันถูกอีกแล้ว" ภาสกรให้ความเห็น และว่า ทางรอดเดียวคือการใช้พลังงานทดแทน เพื่อต่อยอดไปสู่พลังงานชุมชน
"เรื่องพลังงานชุมชน ประเทศไทยเรามีประมาณ 7-8 หมื่นชุมชน หากใน 1 หมู่บ้าน เราส่งเสริมให้ใช้พลังงานทดแทน หมู่บ้านไหนมีลมทำเรื่องลม ทำไบโอดีเซล ทำไบโอก๊าซ มีน้ำก็เอาเครื่องปั่นไฟไปวาง หรือเอาเศษไม้เศษหญ้ามาทำมัลติพลายเออร์"
กว่าจะเป็นเจ้าของบริษัทที่ทำเกี่ยวกับพลังงานทดแทนครบวงจรได้อย่างวันนี้ ภาสกรซึ่งจบการศึกษาด้านการตลาด เคยทำงานอยู่ในบริษัทตลาดหลักทรัพย์ฯมาก่อน จนกระทั่งถึงปี 2538 จึงลาออก แล้วเดินทางไปในหลายๆ ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เพื่อพิสูจน์ความฝันบางอย่าง
จนกระทั่งกลับมาทำธุรกิจเรื่องพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงาน แต่ก็ประสบกับช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 แต่ถึงกระนั้น ความที่อยู่ในแวดวงการเงินมาก่อน จึงทำให้เอาตัวรอดได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
"แต่ก็ไม่ได้ดีมาก เพราะต้องบอกว่าหืดจับ เนื่องจากธุรกิจเรามาถูกที่แต่ไม่ถูกเวลา ในปี 2540 นั้นน้ำมันลิตรละไม่ถึง 10 บาท ผมบอกน้องๆ ว่าสักวันหนึ่งจะมีอนาคต" ภาสกรกล่าว และว่า
"ผมเชื่อมาตลอดว่า คนเราตั้งแต่ตื่นขึ้นมาไม่มีอะไรที่ไม่เกี่ยวกับพลังงาน ผมเป็นคนเกาะสมุย เห็นราคาที่ดินขึ้นก็รู้ว่ามาจากการที่เกาะสมุยมีที่ดินจำกัด น้ำมันก็เหมือนกัน น้ำมันมีอยู่อย่างจำกัดไม่สามารถผลิตตัวมันเองขึ้นมาใหม่ได้ เมื่อการใช้กับทรัพยากรน้ำมันที่มีอยู่มันไม่สมดุลกัน ก็เป็นปกติที่ราคาต้องแพงขึ้น จึงคิดทำเรื่องการอนุรักษ์พลังงาน"
ทั้งนี้ การก่อเกิดของธุรกิจประเภทพลังงานทดแทน ซึ่งเมื่อ 10 ปีก่อนนั้น ในประเทศไทยยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่ ดังนั้น ความเสี่ยงจึงมากมายมหาศาลสำหรับผู้บุกเบิก แต่ในมุมมองของภาสกรไม่คิดเช่นนั้น
"ทำอะไรก็ตาม ทำอะไรเหมือนชาวบ้านก็งั้นๆ ผมจับมาก่อนคนอื่น 10 ปี น่าจะรวยไปแล้ว แต่ไม่ใช่ วิกฤตพลังงานเพิ่งมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เราเดินมาก่อนคนอื่น และมองเห็นแล้วตั้งแต่ตอนนั้น คำนวณแล้วว่าถ้าราคาน้ำมันจะไปถึงลิตรละ 20 บาทจะเกิดอะไรขึ้น และถ้าขึ้นถึงลิตรละ 30 บาทจะเกิดอะไรขึ้น ไปจนถึงคำนวณแล้วราคาน้ำมันจะถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ก็คิดว่าถ้าถึงขนาดนั้นแล้วจะเกิดอะไรขึ้น หากสหรัฐบุกอิหร่าน ถึง 200 เหรียญต่อบาร์เรลแน่นอน"
ไบโอดีเซลคือคำตอบ
ด้วยความเชื่อเช่นนี้ ภาสกรจึงเริ่มต้นที่จะศึกษาเครื่องกลั่นน้ำมันพืชให้เป็นไบโอดีเซล เนื่องจากทุกสิ่งมีขีดจำกัด แล้วจะทำอย่างไรจึงจะฝ่าวิกฤตไปให้ได้ เพราะฉะนั้นต้องส่งเสริมโดยเอาพลังงานทดแทนเข้ามา
"วันนี้มันอาจจะแพง มันอาจจะใกล้เคียงกับน้ำมันดิบ แต่ถามว่าพรุ่งนี้มันถูกไหม ผมว่าพรุ่งนี้มันถูกกว่า ผมคิดอย่างนี้ เอาเป็นว่าราคามันเท่ากัน เงินทองก็ไม่ไหลออกสู่ต่างประเทศ อย่างน้อยๆ เมื่อราคาเท่ากัน ก็เกิดการสร้างงาน โครงการปลูกปาล์ม ชาวบ้านได้ ขายปุ๋ยได้ ขนส่งได้ โรงหีบได้ โรงกลั่นได้ แหล่งผลิตไบโอดีเซลได้ ปั๊มได้ การจ้างงานเพิ่มมาอีกเท่าไร" ภาสกรกล่าว และว่า
"บ้านเราเป็นลัทธิของการเอาอย่าง ผมทำอะไรศึกษาหมด ไบโอดีเซลทำอย่างไรไม่ให้ตีหัวเข้าบ้าน ทำอย่างไรถ้าเมื่อเอาไปผลิตแล้วชาวบ้านเอาไปใช้ได้จริงๆ ไม่เกิดปัญหาจริงๆ เพราะถ้าวันหนึ่งเราทำอะไรก็ตามแล้วเอาชุ่ยเข้าว่า เอาเงินเข้ามาก่อนมันอยู่ไม่ยาว แต่ถ้าจะอยู่ได้แล้วดี ต้นทุนสูงแต่ยาว ทำธุรกิจจริงๆ กำไรไม่มาก ยกเว้นแต่เราจะเอาของต่ำกว่าสเป็กไปทำ กำไรจะเยอะ แต่ถ้าทำจริงๆ กำไรไม่มาก"
"ผมยังทำกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้า ใกล้เสร็จแล้ว ทุกคนบอกว่าลมไม่มี ผมบอกว่ามี ประเทศไทยอยู่ในโลกหรือเปล่า คำถามคือ อาจจะยังไม่คุ้มแต่เทียบกับอะไร เทียบกับราคาน้ำมันราคา 100 เหรียญอาจจะแพง แต่เทียบกับราคา 150 เหรียญ กำไรแล้ว แต่ถ้าวันนี้เราไม่คิด แล้วไปเริ่มต้นตอนที่ราคา 150 เหรียญ กว่าจะสำเร็จราคาน้ำมันก็ปาเข้าไป 250 เหรียญแล้ว มันต้องเริ่มตอนนี้ อาจจะเจ็บปวดหน่อย อะไรก็ตามที่เริ่มต้นมันเจ็บปวดอยู่แล้ว มีแต่คนจ้องจะตามหากสำเร็จ เพราะมีโมเดลอยู่แล้ว คนพร้อมที่จะเลียนแบบอยู่แล้ว แต่ผมไม่สนุกกับการเลียนแบบ เพราะเลียนแบบอย่างไรก็ไม่ดีกว่าคนที่คิดขึ้นมาเอง"
น้ำมันพืชใช้แล้ว 74 ล้านลิตรไปไหน ?
ภาสกรให้ความเห็นอีกว่า การที่คิดว่าราคาน้ำมันจะถูกลงนั้น เป็นการคิดที่ผิด นอกจากนี้ยังไปตระเวนหาแหล่งขุดก๊าซ และนำเข้าน้ำมัน ตรงนี้ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง กลับกัน หากส่งเสริมให้มีการปลูกปาล์มหรือพืช ที่สามารถนำมาแปรรูปเป็นพลังงานทดแทนได้ รวมถึงขยะที่มีมากมาย สามารถนำมาทำเป็นขยะอินทรีย์ ทำก๊าซได้ จึงจะเป็นทางรอดของประเทศที่ยั่งยืน
"เราต้องส่งเสริมให้หมู่บ้านมีพลังงานทดแทนทุกหมู่บ้าน มีคนถามผมว่าแล้ววัตถุดิบจะมีเพียงพอหรือไม่ ผมเจอคำถามนี้บ่อยมาก แม้กระทั่งเคยทะเลาะกับผู้ว่าราชการจังหวัด เรื่องวัตถุดิบไม่พอนั้น เรารณรงค์กันหรือยัง"
"น้ำมันพืชที่ใช้แล้วทั่วประเทศทั้งครัวเรือนและอุตสาหกรรม ในหนึ่งปีมี 74 ล้านลิตร ไปไหน นอกจากนี้ น้ำมันพืชที่ใช้แล้วกว่า 42 ล้านลิตรจากครัวเรือนหรือสถานประกอบการอุตสาหกรรม ลงท่อหมด ในขณะที่สถานประกอบการเองก็มีวงจรธุรกิจซื้อน้ำมันพืชที่ใช้แล้วตามโรงงานอุตสาห กรรม มากรองแล้วเติมสารเคมี นำมาผูกถุงขาย คุณดูว่าทำไมเด็กชั้นประถม 3 ประถม 4 เด็กเหล่านี้มีก้อนเนื้อซีสแล้ว เป็นมะเร็ง มีเต้านม คนไทยคุณภาพชีวิตต่ำ ตรงนี้ผมมองว่าไม่ควรเป็นเรื่องของกระทรวงพลังงานเพียงอย่างเดียว แต่ต้อง มีกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้ามาช่วยกันรณรงค์ เช่นออกนโยบายว่า โรงงานอุตสาหกรรมต้องเอาน้ำมันพืชที่ใช้แล้วไปผลิตไบโอดีเซลเท่านั้น"
ส่วนน้ำมันพืชที่ใช้แล้วในครัวเรือน ภาสกรกล่าวว่า ได้เคยมีโอกาสถามพ่อค้าขายกล้วยทอด ถึงสาเหตุที่ต้องนำเอาน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว 2-3 ครั้งมาใช้ โดยได้คำตอบว่า หากใช้น้ำมันพืชที่ใช้แล้วมาทอดจะทำให้สีของกล้วยเหลืองและสวย
"เชื่อไหมว่าผมเลิกกินกล้วยทอด กล้วยแขก ปาท่องโก๋ ทันที เพราะไม่กล้ากิน เป็นเพราะเรา ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องพวกนี้ น้ำมันพืชใช้แล้วมีราคา 14 บาทต่อลิตร และยังสามารถนำมาทำไบโอดีเซลได้ ด้านการคืนกำไรสู่สังคมตรงนี้ ที่ไม่สำเร็จเพราะไม่มีเจ้าภาพจริงๆ กระทรวงพลังงานจะไปบังคับ ผู้ค้าได้อย่างไร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำร่วมกัน ประกาศให้ประเทศไทยไม่มีคราบน้ำมัน" ภาสกรกล่าว และว่า
"ในหมู่บ้านที่เราไปติดตั้งและสอนให้นำน้ำมันพืชมาผลิตเป็นไบโอดีเซล เรายังแถมกระติกให้เด็กๆ ที่หมู่บ้าน เพราะน้ำมันพืชที่ใช้แล้วในแต่ละบ้านสามารถตีค่าเป็นรายได้ เด็กนักเรียนที่นำเอาน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว 1 ลิตร เราให้ 14 บาท เราคำนวณแล้วว่าใน 1 สัปดาห์ ในแต่ละครัวเรือนจะมีน้ำมันพืชที่ใช้แล้วหนึ่งลิตร 14 บาทในต่างจังหวัดถือว่ามีค่า"
"นอกจากนี้ ผมยังทดลองเรื่อง solar water heater หลังจากได้พบว่าในตลาดสดต่างจังหวัดนั้น หลังจากที่ตลาดวายแล้วเทศบาลจะนำน้ำมาล้างตลาด ซึ่งทิ้งคราบสกปรกและกลิ่นเหม็นเอาไว้ด้วย จึงได้ทดลองและแนะนำให้ใช้น้ำร้อนที่มาจาก solar water heater ล้างตลาด ฉีดไปตามเขียงหมูและพื้น ทำให้ไม่มีกลิ่นเหม็นและคราบสกปรก"
อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ภาสกรทำธุรกิจผลิตเครื่องไบโอดีเซล และมีโรงงานผลิตไบโอดีเซล ซึ่งทำกับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยการรับน้ำมันพืชที่ใช้แล้วจากการบินไทยไปผลิตไบโอดีเซล แล้วขายกลับไปให้การบินไทยอีกทีหนึ่ง
"ธุรกิจนี้ถ้าพอผมได้มาทำจริง เห็นทางรอด อยู่ๆ ลอยมาเลยไม่ได้ ต้องลงไปคลุก เชื่อหรือไม่ว่าจากที่เอาเครื่องไบโอดีเซลไปให้ชาวบ้าน สอนให้ใช้เป็น สอนให้ชาวบ้านเอาน้ำมันพืชที่ใช้แล้วมาทำ ไบโอดีเซล แล้วเราก็จะไปรับซื้อ 2 ปีที่ผ่านมา เราไม่เคยซื้อคืนได้เลย ไม่พอ เพราะชาวบ้านรู้แล้วว่ามันทำได้จริง ใช้ได้จริง ในขณะที่กระทรวงพลังงานตั้งเป้าทำโครงการเอาเครื่องไบโอดีเซลไปสอนไปติดตั้งให้ 400 ชุมชน แต่สมัครเข้ามาเป็นพัน นั่นเป็นเพราะชาวบ้านรู้ว่าน้ำมันพืชที่ใช้แล้วนำมาใช้ได้จริง"
แต่หลังจากศึกษาเรื่องพลังงานทดแทนมานาน ภาสกรได้ตกผลึกความคิดที่ก้าวล้ำไปข้างหน้าเพื่อการอยู่รอดของประเทศไทย โดยให้ความเห็นว่า น้ำมันพืชที่ใช้แล้วนั้นยังมีขีดจำกัดของการทำไบโอดีเซลอยู่บ้าง เนื่องจากสารตั้งต้นบางชนิดในน้ำมันพืชไม่สามารถทำได้ แต่สำหรับน้ำมันปาล์ม ผลการศึกษาพบว่าสามารถทำได้
"แต่ปัญหาคือชาวบ้านไม่มีโรงหีบ ปาล์ม น้ำมันสบู่ดำ น้ำมันพืชใช้แล้ว เหล่านี้สามารถนำมาใช้ได้ ส่วนต้นปาล์มที่ไหนมีน้ำที่นั่นปลูกได้หมด หากรัฐตั้งโรงหีบระดับชุมชน แล้วนำน้ำมันปาล์มไปกลั่นที่หอกลั่น เพื่อเอากำมะถันออก เอายางออก จะได้น้ำมันที่เราเรียกว่า RBD-PO ที่สามารถนำเอาไปทำเป็นไบโอดีเซลได้ ดีกว่าน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว"
ศูนย์การเรียนรู้พลังงานทดแทน
ภาสกรยังกล่าวอีกว่า ในอนาคตข้างหน้า ทาง บริษัทบีเอ็นบี มีโครงการที่จะทำศูนย์การเรียนรู้เรื่องพลังงานทดแทนให้แก่เด็กนักเรียนชนบทที่เรียนดีแต่ไม่มีทุนทรัพย์ที่จะไปเข้าค่าย summer camp ให้ได้รู้จักพลังงานทดแทน
"ผมมีโรงงานอยู่ที่คลอง 14 จ.ปทุมธานี จะใช้ที่ดิน 40 กว่าไร่ นอกเหนือจากโรงงานที่ผลิตไบโอดีเซล มาทำศูนย์การเรียนรู้เรื่องพลังงานทดแทนทั้งหมดมีทุกอย่างแบบครบวงจร ให้ทุกปิดเทอมเอาเด็กจากทั่วประเทศมาเรียนรู้ฟรี มาให้รู้ว่าพลังงานทดแทนสามารถช่วยประเทศได้อย่างไร คัดเด็กที่เรียนดีแต่ยากจนมาพักฟรีอยู่ฟรี และเมื่อกลับไปก็อยากให้รณรงค์เรื่องพลังงานทดแทนในโรงเรียน ไปบอกต่อเพื่อนๆ เหมือนเราสร้างยุวพลังงาน"
"ลองคิดดูว่า เมื่อเด็กๆ เก็บน้ำมันพืชที่ใช้แล้วมาขาย ได้เงิน 14 บาทต่อ 1 ลิตร ใช้แล้วได้เงินคืนด้วย นอกจากนี้เด็กๆ ก็ยังคุ้นเคยที่มีโรงงานผลิตน้ำมันในชุมชน นี่ถือว่าเป็นการคืนทุน และเกิดการต่อยอดทางปัญญาที่ชัดเจน"
ในฐานะที่ภาสกรเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจพลังงานทดแทน วิเคราะห์ว่าสาเหตุที่พลังงานทดแทนไม่ได้รับการตอบรับจากรัฐบาลและคนไทย จนเป็นเรื่องที่เกิดได้ยาก เนื่องจากคนไทยใช้ของถูกจนเคยตัว
"ต้องบอกว่าวิกฤตครั้งนี้จะอยู่กับเราตลอดไป รัฐบาลไม่กล้าบอกว่านี่คือวิกฤตและมีความเป็นไปได้ที่น้ำมันจะถึง 50 บาทต่อลิตร ตรงนี้ต้องบอกให้ประชาชนรับรู้ เพราะเมื่อถึงตอนนั้นเราต้องรู้ว่าเราจะอยู่กันอย่างไร วันนี้ต้องบอกแล้ว และผมคิดว่าวิกฤตเช่นนั้นเกิดแน่ เพียงแต่ว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้วประชาชนต้องมีทางเลือก" ภาสกรกล่าว และว่า
คนไทยไม่ได้ใช้พลังงานที่ถูกต้องแก่เรื่องที่ควรจะเป็น เช่น การอบลำไย ที่ใช้ก๊าซอบที่ให้ความร้อนที่สิ้นเปลืองกว่าการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งให้ความร้อนที่เหมาะสมกว่าและประหยัด ทั้งนี้ จึงทำให้เกิดต้นทุนต่อครัวเรือนที่หมดไปกับพลังงานสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น
นี่อาจจะเป็นคำถามว่า วันนี้ประเทศไทยถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะหันกลับมาให้ความสำคัญกับพลังงานทดแทน ที่มีอยู่มากมายในธรรมชาติ ก่อนที่ภาวะวิกฤตน้ำมันจะรุนแรงมากไปกว่านี้
หลังจากที่ภาสกรได้พิสูจน์แล้วว่า ความฝันเรื่องพลังงานทดแทนของเขา
ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #253 เมื่อ: 16-12-2007, 06:05 » |
|
ถึงแม้อุบัติเหตุจะสามารถเกิดได้ และการกลัวภัยกัมมันตรังสีเป็นเรื่องสมควร แต่เราก็ไม่ควรกลัวจนเกินไปว่า โดยไม่คำนึงว่าภัยนั้นจะน้อยเพียงใด เสมือนกับการกลัวว่าอากาศที่ร้อน 30 องศาเซลเซียส จะฆ่าเราได้จากสาเหตุเพราะอุณหภูมิผิวดวงอาทิตย์สูงถึง 6,000 องศาเซลเซียส จนสามารถเผาเราทั้งเป็นได้ สำหรับประเด็นภัยกัมมันตรังสีที่จะทำให้ร่างการล้มเจ็บนั้นงานวิจัยแพทย์ได้แสดงให้เห็นชัดว่า เวลาเซลล์สร้างพลังงานและร่างกายกำลังเติบโต DNA ในเซลล์จะถูก "ทำร้าย" ด้วยอนุมูลอิสระ 70 ล้านครั้งต่อปี แต่ร่างกายเรามีระบบภูมิคุ้มกันที่ทำหน้าที่ซ่อมแซม DNA ตลอดเวลา เราจึงมีชีวิตอยู่ได้ รังสีที่ร่างกายได้รับก็เช่นกัน ตามปกติสามารถทำร้าย DNA ได้ เช่น ถ้าร่างกายได้รับรังสี 0.0022 Sv ต่อปี ซึ่งจะเท่ากับการที่ DNA ถูกทำร้าย 5 ครั้งใน 1 ปี เราจึงไม่ควรกังวลในเรื่อง DNA ถูกทำร้ายมากและเมื่อข้อมูลเกี่ยวกับกัมมันตรังสีเป็นเช่นนี้ คำถามจึงมีว่า แล้วเหตุใดคนทั่วไปจึงกลัวภัยชนิดนี้มาก Z. Jaworoski แห่ง Central Laboratory for Radiological Protection ที่กรุง Warsaw ในโปแลนด์ได้ให้เหตุผลหลายประการ ว่า 1. ความกลัวว่า ถ้าระเบิดปรมาณูระเบิดอีก ผู้คนจะล้มตายเหมือนกรณีที่เกิดที่เมือง Hiroshima กับ Nagasaki ในปี พ.ศ. 2488 2. การรณรงค์เชิงจิตวิทยาของนักการเมือง ให้ประชาชนกลัวอาวุธนิวเคลียร์ 3. บริษัทน้ำมันซึ่งมีผลประโยชน์ได้โฆษณาให้ผู้คนกลัวโรงไฟฟ้าปรมาณู 4. นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานวิจัยด้านนี้ (บางคน) ได้กระตุ้นสังคมให้กลัวภัยโรงไฟฟ้าปรมาณู เพื่อของบประมาณในการทำวิจัยของตน 5. หนังสือพิมพ์ต้องการชี้นำสังคมให้กลัว เพราะข่าวร้ายขายดี 6. นักการเมือง (บางคน) กลัวกัมมันตรังสีจนเกินควร และ 7. ความเชื่อผิดๆ ที่ว่า ที่ใดก็ตามมีกัมมันตรังสี ร่างกายจะเป็นอันตราย การไม่รู้จริงเกี่ยวกับกัมมันตรังสี และคิดว่ากัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะฆ่าชีวิตทุกชีวิตจนหมดสิ้นนั้น สามารถทำให้บุคคลวิตกได้มาก แต่ความจริงก็มีว่าในระหว่างปี พ.ศ. 2488-2523 โลกได้เห็นการทดลองระเบิดปรมาณูในอากาศ 541 ครั้ง ซึ่งคิดเป็นระเบิด TNT ที่หนัก 440 ล้านตัน ซึ่งมีผลทำให้บรรยากาศของโลกมีพลูโตเนียม 3 ตัน ถึงกระนั้นพลโลกทุกวันนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ หาได้ล้มตายไม่ เพราะปริมาณรังสีที่แต่ละคนได้รับ จากการทดลองมีค่า = 0.001 Sv เท่านั้นเอง และถึงแม้ระเบิดปรมาณู 50,000 ลูกจะระเบิดพร้อมกัน ในสถานที่เดียวกัน คนแต่ละคนทั่วโลกก็จะได้รับกัมมันตรังสีเพิ่มอีกเพียง 0.055 Sv เท่านั้นเอง ซึ่งนับว่าน้อยกว่า 3 Sv ที่สามารถฆ่าคนได้ทันที ด้วยเหตุนี้ถ้าวันหนึ่งประเทศไทยจำต้องมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เพราะราคาน้ำมันแพงมาก เราก็มั่นใจว่า ถ้าเรามีมาตรการควบคุมเตาปฏิกรณ์ปรมาณูดี ภัยกัมมันตรังสีจากเตาถึงจะมีบ้างแต่ก็สามารถป้องกันได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
drop
|
 |
« ตอบ #254 เมื่อ: 16-12-2007, 09:19 » |
|
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=13742&catid=5ด้านนายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน (พปช.) ในฐานะที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ออกมาระวุ่าคนที่อยู่ลอนดอน ควรรับผิดชอบที่ออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) แปรรูป ปตท. และทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว ว่ากรณุาอย่าโยนความรับผิดชอบให้รัฐบาลชุดที่แล้ว เพราะคำพิพากษาศาลก็ระบุชัดเจนว่าการแปรรูป ปตท. ทำถูกต้องตามกฎหมาย และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทุนรัฐวิสาหกิจก็ผ่านสภาเรียบร้อย จึงถือว่าหลักการเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่องค์กร เป็นการดำเนินการที่ถูกต้อง แต่วิธีการปฏิบัติอาจมีปัญหา ดังนั้น อย่าเอาวิธีปฏิบัติที่ไม่ได้ดีมาทำลายหลักการดีๆ นายนพดลกล่าวว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณได้วางหลักการดีๆ ไว้ให้ประเทศจำนวนมาก ส่วนนายปิยสวัสดิ์เข้ารับตำแหน่งได้เพราะการยึดอำนาจ ซ้ำยังไม่มีฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงาน ก็ขอให้ตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองไป และขอให้ทำให้ดี 'เมื่อศาลมีคำพิพากษาเช่นนี้ รัฐมนตรีก็ต้องคิดหาแนวทางปฏิบัติตามคำสั่งศาล รัฐมนตรีเขามีไว้แก้ปัญหา ไม่ใช่มีไว้โยนปัญหาให้รัฐบาลอื่น การออกมาโทษว่าเป็นความผิดของอดีตนายกฯ จึงไม่เป็นธรรมแก่ท่าน หรือถ้าคุณปิยสวัสดิ์อยากจะโยนให้คนอื่นรับผิดชอบ ก็ระบุชื่อไปเลยสิ กล้าๆ หน่อย พูดให้ชัดเลย ไม่ใช่บอกว่าคนที่ลอนดอน หรือคนที่ฮ่องกง อีกอย่างคือ พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจฯ ก็ออกตอนที่คุณปิยสวัสดิ์เป็นข้าราชการ ถ้าเห็นว่าไม่ถูกไม่ดี ทำไมตอนนั้นถึงไม่คัดค้านล่ะ' นายนพดลกล่าว --------------------------------- ไอ้คนที่อยู่ลอนดอน มันได้ทำอะไรไว้ ปัจจุบันใครเป็นพวกถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ควรเอาหุ้นมากระจายให้ประชาชน แทนการผุกขาดของคนไม่กี่กลุ่ม กระทรวงการคลัง ได้ค่าเช่าท่อก๊าซแล้ว จะคืนกำไรให้ ปชช ในทางไหน จะเอาผิดตาม ก.ม.ไอ้พวกที่อยู่ลอนดอน ได้ไง ใครจะฟ้อง ฟ้องยังไง เจิมศักดิ์ให้ความเห็นว่า เขียนสำนวน เฉพาะ ท่อก๊าซ ราชบุรี แต่ไม่รวมท่อก๊าซ อื่น ๆ ด้วย ---------------------------- โรงไฟฟ้านิเคลียร์ ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา เรื่องน้ำมัน ... ควรจะเป็นวิธีสุดท้าย เมื่อหมดหนทาง อันตรายเกิดได้ตลอดเวลา คนไทยพร้อมหรือไม่ แค่ จะทำประเทศให้เป็น ปชต ยังยากแค้นแสนเข็ญ จะนองเลือด อีกต่างหาก เพราะ ไอ้คนที่อยู่ ลอนดอน ไม่เคารพ กฏกติกา ใด ๆ ด้วยคิดว่า ผู้มีอำนาจคือผู้เขียน ก.ม. ------------------------ เอาตัวพวกแปรรูป ปตท แล้วได้ปรธดยชน์ มาเข้าคุก ให้หมด เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ประพฤติมิชอบ หาผลประโยชน์ใส่ตัว เหมือนนายสมหมาย ภาษี เจ้าหน้าที่รัฐจะได้ กลัวเกรงกันบ้าง ให้รู้ว่า มารับใช้ ปชช ไม่ใช่ มาเป็น นาย ปชช ----------------- ประท้วงเก็บค่าทำบัตร ปชช ๕๐๐ บาท ------------------
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
A Few Good Men
Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.
Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.
************************ I only want to fight for my country as long as I ' m alive. I do nothing wrong . The tyrant is still the tyrant, I have to expel them in every step of life. When the time come, the tyrant will absolutely extinguish. That ‘ s the dharma truth.
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #255 เมื่อ: 16-12-2007, 17:46 » |
|
ไหนๆ คุณ Q ก็ประกาศหนุนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ชัดเจนแล้ว.. คุณ Q ลองเสนอสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้สักหน่อยได้ไหม ว่าน่าจะไปตั้งอยู่ที่ไหนในประเทศไทยดีครับ? ไม่เอาแบบโรงไฟฟ้าในบ้าน หรือแบบที่ไม่มีเครื่องปั่นไฟนะครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #256 เมื่อ: 16-12-2007, 18:30 » |
|
ไหนๆ คุณ Q ก็ประกาศหนุนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ชัดเจนแล้ว.. คุณ Q ลองเสนอสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้สักหน่อยได้ไหม ว่าน่าจะไปตั้งอยู่ที่ไหนในประเทศไทยดีครับ? ไม่เอาแบบโรงไฟฟ้าในบ้าน หรือแบบที่ไม่มีเครื่องปั่นไฟนะครับ  Nuclear Reactor Safety Research http://www.nrc.gov/about-nrc/regulatory/research/reactor-rsch.htmlOn this page: Reactor Fuel Behavior and High Burnup Fuel Plant Aging Plant Material Conditions Digital Instrumentation and Controls Thermal Hydraulic and Severe Accident Computer Codes Probabilistic Risk Analysis Operational Data Assessment Radiation Protection Human Performance Reactor Fuel Behavior and High Burnup Fuel Postulated accidents are studied to demonstrate that fuel damage during such events would be adequately limited and to confirm that recent increases in energy output or the use of new cladding alloys in the fuel rods preserve the limits on fuel damage. Plant Aging A better understanding of the effect of age-related degradation on structures, systems, and components is being developed to ensure that adequate margins are maintained under all design conditions for the current and any extended operating life of nuclear power plants. The research is currently focused on the age-related degradation of passive components such as cables, connectors, and penetrations. Plant Material Conditions This research is focused on measuring, evaluating, and predicting the effects on structural integrity of nuclear systems, structures, and components (e.g., reactor pressure vessel and internals, and steam generator tubes) during normal operations. The research also focused on a range of postulated accidents during which the plant experiences hostile environments that include high temperatures, stresses, nuclear irradiation, aggressive water coolant chemistry, cyclic loading, and general wear. The research incorporates both laboratory and field measurements, evaluations, and predictions to enhance the agencys technical basis for regulation. Digital Instrumentation and Controls Because digital instrumentation and controls (I&C) are easier to obtain than analog I&C and because digital controls can easily perform more complex functions, plants are expected to retrofit their safety, operating, and support systems with digital I&C. The research is focused on evaluating these changes to digital controls, their possible safety implications, and their complexity and unique failure modes to provide timely guidance to regulators and the industry based on the research findings. Thermal Hydraulic and Severe Accident Computer Codes Thermal-hydraulic research activities at NRC focus on the development of computer codes that simulate the behavior of the reactor system to ensure that a balance between energy removal from the fuel to the coolant is balanced by energy production in the fuel. The computer codes are used to assess the consequences if an imbalance occurs and to determine the effectiveness of mitigating actions. NRC maintains experimental research programs to obtain data that are used in both computer code assessment and model development activities. Severe accidents are the highly improbable group of accidents that involve serious, prolonged overheating of most of the nuclear fuel that then could result in the release of large amounts of radiation and radioactive material. Research studies of severe accidents assess the detailed behavior of reactor and containment systems, including the means by which these accidents may be prevented or mitigated. Research studies address fuel damage, progression of accident scenarios, ability to maintain damaged fuel within the reactor pressure vessel and, in the event of reactor vessel failure, the ability to confine the radiation release within the containment building. Probabilistic Risk Analysis The NRCs 1995 Probabilistic Risk Assessment (PRA) Policy Statement states that "the use of PRA technology should be increased in all regulatory matters to the extent supported by the state-of-the-art in PRA methods and data." NRCs PRA research program contributes to the implementation of this policy in that it applies current methods and data to the resolution of reactor safety issues and develops and demonstrates new state-of-the-art PRA methods. Operational Data Assessment The NRC research program has activities that collect, analyze, and disseminate operational data and assess trends in performance. These data and assessments provide insights to improve the understanding of the risk significance of events that have occurred at licensed facilities. Examination of individual plants and events at these plants is used to develop guidance on the use of risk assessments for the agencys reactor oversight program. Radiation Protection The radiation protection research program collects, analyzes, and disseminates information on occupational exposures reported to NRC by licensees. This information is used to track the effectiveness of licensee As Low As Reasonably Achievable (ALARA) programs and will form the basis for future studies to evaluate the health effects of this group of workers. Human Performance The Human Performance Research program focuses on the interaction of people with the systems and the environments in which they work. It establishes the technical basis for NRC initiatives in areas such as inspection guidance for evaluating emergency operating procedures, a systems approach to training, human system interface design for current and advanced control station design, human performance contributors in events, communications-related corrective action plans, shift working hours, and fatigue management programs. Privacy Policy | Site Disclaimer Wednesday, February 21, 2007
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #257 เมื่อ: 16-12-2007, 18:34 » |
|
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ http://www.tint.or.th/adv/phys_oap/info/npp/npp_th.htmlเค้าเรื่อง: กล่าวนำ พลังงานมาจากไหน? เสบียงเชื้อเพลิง การเตรียมเชื้อเพลิง การปฏิบัติการเครื่องปฏิกรณ์ ความปลอดภัย กาก คุณสมบัติของพลังงานนิวเคลียร์ เศรษฐศาสตร์ ค่าใช้จ่ายภายนอก นิวเคลียร์ในโลกทุกวันนี้ มองสู่อนาคต บทความที่เกี่ยวข้อง กล่าวนำ: เรื่องสำคัญที่สุดสำหรับโลกเรื่องหนึ่งคือ อนาคตของแหล่งพลังงาน โลกได้มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านจำนวนประชากร และ เทคโนโลยี เราจะหาพลังงานมาจากที่ไหนที่จะมารับรองเทคโนโลยีใหม่ๆ และ เติมความต้องการของผู้คน? เสบียงพลังงานถ่านหิน, ก๊าซธรรมชาติ, และ ปิโตรเลียม ไม่ได้มีเหลือเฟือ มลพิษที่มาจากการสร้างไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงเหล่านั้น ก็เป็นสิ่งที่ควรวิตก การนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้นั้น เป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันมานาน ในการรายงานนี้ เราลองมองถึงธรรมชาติของพลังนิวเคลียร์ และ สิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้อง เราสามารถสร้างพลังงานมหาศาลได้ จากการแตกนิวเคลียสขนาดใหญ่ออก วิธีหนึ่งก็คือการส่งนิวตรอนเข้าไปสู่นิวเคลียส กระบวนการนี้เรียกว่า นิวเคลียร์ฟิชชั่น ซึ่งเป็นกระบวนการธรรมชาติที่นิวเคลียสนำตัวเองไปสู่สภาวะที่เสถียรกว่า เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใช้ยูเรเนียม (จำนวนโปรตอน 92) ในการทำให้เกิดฟิชชั่น ยูเรเนียมในธรรมชาติ ประกอบด้วย U-238 ถึง 99.3% และอีก 0.7% เป็น U-235 ซึ่งเป็นไอโซโทปเดียวในธรรมชาติที่ฟิซไซล์ (ฟิซไซล์ (fissile) แปลว่าสามารถเกิดฟิชชั่นได้ด้วย นิวตรอนช้า (slow neutrons)) ทุกวันนี้เครื่องปฏิกรณ์ใช้ยูเรเนียมที่ถูกเสริม (มี U-235 อยู่ราว 3 ถึง 5%) เป็นเชื้อเพลิง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
drop
|
 |
« ตอบ #258 เมื่อ: 16-12-2007, 18:40 » |
|
6 คำถาม-คำตอบ เกี่ยวกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ข้อมูลอีกด้านที่ไม่ควรมองข้าม
คำถาม : โรงไฟฟ้านิวเคลียร์กำลังเป็นที่นิยมทั่วโลกจริงหรือ
ในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปยุคทองของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ผ่านพ้นไปแล้วในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกา (ซึ่งมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มากที่สุดในโลก คือ 112 โรง) ไม่เคยอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีกเลย ขณะเดียวกันก็ยกเลิกแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าวจำนวน 120 โรง ในแคนาดา Ontario Hydro อันเป็นหน่วยงานผลิตไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศได้ระงับการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 10 แห่งไปแล้วเมื่อไม่นานนี้ ส่วนที่เยอรมนีไม่มีการอนุมัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีกเลยนับแต่กลางทศวรรษ 1970 หลังจากนั้นไม่นานประชาชนสวีเดน สวิตเซร์แลนด์ อิตาลี สเปน ออสเตรีย และกรีซ ก็ได้ลงประชามติให้เริ่มลดโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรือไม่ก็ยุติการก่อสร้างไปเลย ส่งผลให้รัฐบาลในประเทศเหล่านี้ยุติการพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์ นอกจากนั้นในปี พ.ศ. 2535 รัฐบาลเบลเยียมได้ประกาศระงับการขยายโครงการพลังงานนิวเคลียร์แห่งใหม่ในยุโรปคงมีฝรั่งเศสประเทศเดียวที่ยังขยายโครงการไฟฟ้านิวเคลียร์อีกต่อไป กล่าวได้ว่าเอเซียดูจะเป็นภูมิภาคเดียวในโลกที่มีการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้โดยการผลักดันจากประเทศอุตสาหกรรม ซึ่งไม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ในประเทศของตนแล้วเช่น แคนาดา อย่างไรก็ตามกระแสการคัดค้านก็ยังมีอยู่ในหลายประเทศของเอเซีย โดยเฉพาะเมื่อเร็ว ๆ นี้ รัฐสภาไต้หวันลงมติให้ยกเลิกการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหม่ ขณะเดียวกันประชาชนเมืองมากิ ในญี่ปุ่น ก็ได้ลงประชามติไม่ให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมืองของตน
คำถาม : โรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีความปลอดภัยจริงหรือ
แม้ว่าจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาโดยตลอด แต่ยังไม่มีหลักประกันว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะปลอดภัยอย่างเต็มที่ ข่าวคราวเกี่ยวกับอุบัติเหตุในโรงไฟฟ้าเคลียร์ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องที่เป็นข่าวใหญ่โตไปทั่วโลกล่าสุด (ธันวาคม 2538) ก็คือ กรณีโรงไฟฟ้ามอนจูของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโครงการนิวเคลียร์ที่ทันสมัยที่สุด ทั้งของญี่ปุ่นและของโลก หลังจากเปิดเดินเครื่องมาได้เพียง 4 เดือนเท่านั้น ก็เกิดอุบัติเหตุสำคัญจนต้องปิดโรงงานไปมีกำหนด 3 ปี ความผิดพลาดในระบบระบายความร้อนของโรงไฟฟ้าดังกล่าวทำให้โซเดียมเหลวรั่วไหลออกมาถึง 3 ตัน ซึ่งเสี่ยงต่ออันตรายอย่างยิ่งเนื่องจากเมื่อมันกระทบกับอากาศจะมีฤทธิ์ระเบิดรุนแรง เหตุการณ์ดังกล่าวตามมาด้วยอุบัติเหตุในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีก 2 แห่งของญี่ปุ่น จนต้องปิดกะทันหัน โดยที่ก่อนหน้านั้นก็เคยเกิดอุบัติเหตุในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งอื่น ๆ อีก โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่นเป็นชนิดเดียวกับของสหรัฐอเมริกา ด้วยเหตุนี้อุบัติเหตุเกือบทุกชนิดที่เกิดกับญี่ปุ่นก็เคยเกิดในสหรัฐอเมริกามาแล้ว (และมีแนวโน้มว่าจะเกิดต่อไป) กรณีโรงไฟฟ้ามอนจูเป็นหลักฐานยืนยันว่า เทคโนโลยีนิวเคลียร์แบบล่าสุดยังไม่ใช่ข้อยืนยันว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นสิ่งที่น่าไว้วางใจ โดยเฉพาะเมื่อคำนึงว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยและวินัยของคนงานญี่ปุ่นนั้นจัดว่าเข้มงวดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ในฝรั่งเศสพบว่าโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้นสูงกว่าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตของฝรั่งเศส (EDF) ประมาณการไว้ถึง 20,000 เท่า ขณะเดียวกันรายงาน (ลับ) ของ EDF ที่รั่วไหลสู่สาธารณชน เมื่อปี พ.ศ. 2533 ก็ระบุว่าโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ร้ายแรงในฝรั่งเศสเมื่อถึงปี พ.ศ. 2543 นั้น มิใช่ 1 ต่อล้านอย่างที่คิด หากเป็น 1 ต่อ 20 แม้จะยังไม่พบว่ามีผู้เสียชีวิตทันทีจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหลาย (ยกเว้นกรณีเซอร์โนบิล) แต่ปัจจุบันยังมีหลักฐานที่ทำให้เชื่อว่ากัมมันตภาพรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อาจมีผลต่อชีวิตและสุขภาพของผู้คนที่ทำงานหรืออาศัยอยู่ใกล้ ๆ ได้ เมื่อปี พ.ศ. 2538 สำนักงานตรวจสอบมาตรฐานแรงงาน 2 แห่ง ซึ่งสังกัดกระทรวงแรงงานญี่ปุ่น ได้ยอมรับเป็นครั้งแรกว่าการเจ็บป่วยและเสียชีวิตของคนงาน 2 คน เป็นผลจากกัมมันตภาพรังสีที่ได้รับขณะทำงานในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
คำถาม : ในปัจจุบันเราสามารถจัดการกับกากกัมมันตภาพรังสีได้แล้วหรือ
แม้ว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถบำบัดกากกัมมันตภาพรังสีระดับต่ำและ ระดับปานกลาง (ซึ่งเกิดจากการทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ) ให้สลายตัวในเวลาไม่นาน แต่กากกัมมันตรังสีระดับสูงซึ่งปะปนอยู่ในเชื้อเพลิงใช้แล้วยังเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ได้ สถานที่เก็บกากกัมมันตรังสีในปัจจุบันไม่ว่าที่ไหน ล้วนเป็นเพียงสถานที่ชั่วคราวเท่านั้น สถานที่เก็บกากกัมมันตรังสีแบบ "ถาวร" ที่แท้จริงนั้นจะต้องสามารถเก็บกากดังกล่าวไว้อย่างมิดชิดได้นานถึงหมื่นปี เพื่อให้กากกัมมันตรังสีสลายตัวไปจนกระทั่งมีระดับรังสีเท่ากับธรรมชาติ แม้จะมีการคิดค้นวิธีต่าง ๆ เช่น เก็บกักไว้ในอุโมงค์ใต้ดิน แต่ก็ยังไม่มีหลักประกันว่าอุโมงค์ดังกล่าวจะคงทนได้นานถึงหมื่นปี โดยที่สามารถป้องกันไม่ให้กากดังกล่าวมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมข้างเคียงได้ ปัจจุบันสหรัฐอเมริกากำลังประสบปัญหาดังกล่าวอย่างหนักหน่วงจนกระทั่งทุกวันนี้รัฐสภาสหรัฐอเมริกายังไม่สามารถอนุมัติโครงการจัดทำสถานเก็บกากกัมมันตรังสีแบบถาวรได้โดยให้เลื่อนโครงการนี้ออกไปจนถึงปี พ.ศ. 2543 ส่วนสถานที่เก็บกากกัมมันตรังสีแบบชั่วคราวก็เป็นปัญหาเช่นกัน เพราะนอกจากประชาชนส่วนใหญ่จะคัดค้านไม่ให้ใช้ท้องถิ่นของตนเป็นที่เก็บแล้ว การส่งไปเก็บในประเทศอื่นก็ไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ในสหรัฐอเมริกามีประชาชนเป็นอันมากป่วยด้วยโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง โดยสันนิฐานว่าเกิดจากกากกัมมันตรังสีที่เก็บในสถานที่เก็บชั่วคราวก็ยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่
รูปโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์
คำถาม : ไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ราคาถูกจริงหรือ เป็นที่ยอมรับในหลายประเทศแล้วว่า ไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์มิใช่เป็นพลังงานที่ถูก ที่สุดอย่างที่เคยเชื่อกันเมื่อสองทศวรรษที่แล้ว แท้ที่จริงแล้วกลับตรงกันข้ามด้วยซ้ำ นี้คือเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่สหรัฐอเมริกา และแคนาดาระงับการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศในยุโรป ในกรณีประเทศไทย การวิจัยของธนาคารโลกระบุว่าประเทศควรเลือกพลังงานนิวเคลียร์เป็นหนทางสุดท้ายเท่านั้นเพราะมีต้นทุนสูงที่สุด กล่าวคือ 1.87 - 2.56 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง ขณะที่ก๊าซธรรมชาติราคาถูกที่สุดคือ 1 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง รองลงมาคือไฟฟ้าที่ผลิตจากถ่านหินกำมะถันต่ำในโรงงานที่ติดเครื่องลดกำมะถัน ราคา 1.32 - 1.52 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับการศึกษาของสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ซึ่งชี้ว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หน่วยแรกขนาด 1,000 เมกะวัตต์ จะเสียค่าใช้จ่าย 2.25 บาท/กิโลวัตต์ ส่วนหน่วยที่สองจะเสีย 1.87 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง ขณะที่ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติมีเพียง 0.77 - 0.87 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง ผู้ที่ยืนยันว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ราคาถูกที่สุดนั้น มักจะไม่ได้คำนึงถึงต้นทุนจริงหรือปัจจัยแปรผัน ในความเป็นจริงจะพบเสมอว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ส่วนใหญ่มีค่าก่อสร้างสูงกว่าที่คาดไว้เพราะนอกจากจะใช้เวลานานกว่ากำหนดแล้วยังต้องเพิ่มมาตรการความปลอดภัยอีกมากมาย ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายในการควบคุมการทำงานและบำรุงรักษาก็มักจะสูงกว่าที่กำหนดมาก ใช่แต่เท่านั้นยังมีรายจ่ายอีกมากมายที่มักจะไม่ได้คำนวณเอาไว้ก่อน เช่น ค่ารื้อถอนหลังครบอายุการใช้งาน (แต่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นอันมากหมดสภาพก่อนครบกำหนด ข้อมูลจาก Worldwatch Institute ระบุว่าเมื่อปี พ.ศ. 2535 โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 76 แห่งทั่วโลกถูกรื้อถอนหลังจากมีอายุใช้งานเพียง 17 ปี ทั้ง ๆ ที่ระบุไว้ในโครงการว่าใช้งานได้ถึง 30 ปี) นอกจากนั้นยังมีค่าใช้จ่ายแฝงอีกมากมาย เช่น การกำจัดกาก และการซ่อมแซมซึ่งใช้เงินสูงมาก ในแคนาดา โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งหนึ่งซึ่งใช้มาได้ 16 ปี ต้องใช้เงินซ่อมแซมถึง 100,000 ล้านบาท เนื่องจากทรุดโทรมก่อนอายุขัยที่คาดไว้ อีกแห่งหนึ่งต้องใช้เงินซ่อมแซม 20,000 ล้านบาท ในฝรั่งเศสการซ่อมแซมแบบเร่งด่วน (ไม่ใช่การยกเครื่องอย่างกรณีแคนาดา) ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 6 แห่งต้องใช้เงินประมาณ 3,000 - 4,000 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายที่มองข้ามไม่ได้ก็คือเงินอุดหนุนลักษณะต่าง ๆ เช่น การให้ทุนวิจัยและประชาสัมพันธ์ เงินอุดหนุนแบบต่าง ๆ ทำให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตของฝรั่งเศสหลังจากที่สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์กว่า 70 โรง เป็นหนี้ถึง 950,000 ล้านบาท
คำถาม : ถ้าไม่สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตอนนี้ ในอนาคตเราจะมีโรงไฟฟ้าใช้หรือ
พลังงานต่าง ๆ ของโลกยังไม่หมดไปง่าย ๆ หากการใช้พลังงานยังอยู่ในอัตรา ปัจจุบัน น้ำมันทั่วโลกเท่าที่ค้นพบและคุ้มค่าแก่การสูบขึ้นมาใช้มีมากพอที่จะใช้ได้นานกว่า 40 ปี ก๊าซธรรมชาติมีพอใช้กว่า 60 ปี นอกจากนั้นโลกยังมีถ่านหินให้ใช้ได้ไม่น้อยกว่า 230 ปี จริงอยู่ในความเป็นจริงความต้องการย่อมเพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกันปริมาณสำรองก็จะเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากมีการสำรวจแพร่หลายขึ้นโดยต้นทุนก็จะลดลงด้วย ดูจากตัวเลขดังกล่าว ไม่มีความจำเป็นที่ประเทศไทยจะรีบสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในตอนนี้ แม้รอตัดสินใจสร้างอีก 20 - 30 ปีข้างหน้ายังไม่สาย ถึงตอนนั้นเทคโนโลยีนิวเคลียร์อาจน่าไว้วางใจมากกว่าตอนนี้ก็ได้ ขณะเดียวกันไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ก็อาจมีราคาไม่ต่างจากไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เพราะเชื้อเพลิงดังกล่าวอาจจะมีราคาแพงขึ้นเนื่องจากมีปริมาณเหลือน้อยลง อันที่จริงแล้วยังมีวิธีการอีกมากมายที่สามารถรับมือกับวิกฤตการณ์น้ำมันได้ดีกว่าการพึ่งพลังงานนิวเคลียร์ เช่น การสร้างคลังเก็บน้ำมันขณะที่ยังมีราคาต่ำดังปัจจุบัน การกำจัดการใช้รถหรือส่งเสริมรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันเสียแต่ตอนนี้ รวมทั้งการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างจริงจัง
คำถาม : โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อันก่อให้เกิดปรากฎ การณ์เรือนกระจกไม่ใช่หรือ
จริงอยู่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่ใช้น้ำมันถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า แต่กระบวนการต่าง ๆ ในการผลิตและแปรสภาพยูเรเนียมให้เป็นเชื้อเพลิงที่เหมาะแก่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็ต้องอาศัยน้ำมันหรือถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงไม่ทางตรงก็ทางอ้อม หากพิจารณากระบวนการต่าง ๆ ในวัฏจักรเชื้อเพลิงนิวเคลียร์แล้วจะพบว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นเพียงหนึ่งในกระบวนการต่าง ๆ อีกมากมาย เริ่มต้นก็ต้องเหมืองแร่ยูเรเนียม ตามมาด้วยโรงงานแปรสภาพยูเรเนียมและโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียม จากนั้นก็ต้องมีโรงงานสำหรับแปรสภาพยูเรเนียมที่เสริมสมรรถนะแล้วให้เป็นผงยูเรเนียมไดออกไซด์ ตามด้วยโรงงานขึ้นรูปเชื้อเพลิง แล้วจึงมาถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หลังจากนั้นก็ต้องมีการขนส่งเชื้อเพลิงใช้แล้วไปยังโรงงานสกัดเชื้อเพลิงใช้แล้วหรือโรงงานจัดการกากเชื้อเพลิงใช้แล้ว กระบวนการต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาล้วนแต่ส่งผลให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งสิ้นไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ดังนั้นจึงไม่สามารถกล่าวได้ว่าการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังนิวเคลียร์นั้นช่วยลดปรากฎการณ์เรือนกระจกอย่างที่มักอ้างกัน มีการผลิตไฟฟ้าอีกหลายวิธีที่ไม่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยไม่ต้องพึ่งพลังงานนิวเคลียร์ นอกจากการใช้พลังแสงอาทิตย์ พลังลม และความร้อนจากใต้พิภพแล้ว วิธีที่ได้ผลก็คือการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้พลังงานน้อยลง 1 หน่วยย่อมทำให้เรามีพลังงานเพิ่มขึ้น 1 หน่วยโดยไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการผลิตเลย การศึกษาของธนาคารโลกเมื่อปี พ.ศ. 2536 ชี้ว่าการจัดการเพื่อให้การใช้ไฟฟ้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้มีไฟฟ้าเพิ่มขึ้นโดยใช้เงินเพียง 1 ใน 4 ของพลังนิวเคลียร์เท่านั้น (0.53 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง เทียบกับ 2.06 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมงจากพลังงานนิวเคลียร์)
ที่มา : รวบรวมจาก กลุ่มศึกษาปัญหานิวเคลียร์ วารสารสิ่งแวดล้อม ฉบับที่ 7 ปีที่ 2 ประจำเดือน มกราคม - กุมภาพันธ์ 2540
ศึกษามาตั้งแต่ปี ๔๐ ก็จริง แต่ข้อมูลก็ยังเป็นประโยชน์ให้คิดให้รอบคอบ
ขอค้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทย และ ปิยะสวัสดิ์ อมรนันท์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
A Few Good Men
Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.
Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.
************************ I only want to fight for my country as long as I ' m alive. I do nothing wrong . The tyrant is still the tyrant, I have to expel them in every step of life. When the time come, the tyrant will absolutely extinguish. That ‘ s the dharma truth.
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #260 เมื่อ: 16-12-2007, 18:49 » |
|
ไหนๆ คุณ Q ก็ประกาศหนุนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ชัดเจนแล้ว.. คุณ Q ลองเสนอสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้สักหน่อยได้ไหม ว่าน่าจะไปตั้งอยู่ที่ไหนในประเทศไทยดีครับ? ไม่เอาแบบโรงไฟฟ้าในบ้าน หรือแบบที่ไม่มีเครื่องปั่นไฟนะครับ  เรื่องเตาปฏิกรณ์ และ ความปลอดภัยเรื่องใหญ่ครับ
ส่วนเรื่องเครืองปั่นไฟ โทรไปถามเขาหรือยัง ที่ไหนก็มี? ข้อมูลต้นแหล่งอ่านบ้างหรือยังครับ..?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
drop
|
 |
« ตอบ #261 เมื่อ: 16-12-2007, 18:56 » |
|
http://www.sarakadee.com/blog/oneton/?p=23เมื่อส้มหล่นใส่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ October 24, 2007 By: admin Category: สิ่งแวดล้อม nuclear-1.jpg “พลังงานคืออำนาจ” ชาร์ลส์ เดอ โกลล์ (1890-1970) เพื่อนชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งได้บอกผมว่า คำพูดของอดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศสผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ มีส่วนสำคัญที่ทำให้ประเทศฝรั่งเศสในทศวรรษที่ 50 กลายเป็นประเทศผู้สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มากที่สุดในยุโรป คือ มีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 59 โรง เป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐอเมริกาที่มี 104 โรง ในช่วงทศวรรษที่ 50-70 จึงเป็นยุคทองของการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์กันทั่วโลกถึง 400 กว่าโรง ด้วยเหตุผลคือเป็นพลังงานสะอาด ไม่ปล่อยมลภาวะ ราคาถูกกว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ แม้จะหายังหาวิธีกำจัดกากนิวเคลียร์ไม่สำเร็จ บรรดานักสร้างนิวเคลียร์ในเวลานั้น มีความภูมิใจกันถ้วนหน้าว่ามันเป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่มนุษย์สามารถควบคุมความปลอดภัยของมันได้ และเป็นคำตอบของแหล่งพลังงานอันยิ่งใหญ่ในอนาคต แต่แล้วในปี ค.ศ.1979 ได้เกิดอุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์บนเกาะทรีไมล์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โชคดีที่ยังไม่มีคนเสียชีวิต แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น ผู้คนเริ่มไม่มั่นใจความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ตามที่บรรดาบริษัทผู้สร้างเคยโฆษณาสรรพคุณเอาไว้ อีก 7 ปีต่อมา ผู้คนทั้งโลกในยุคนี้ก็ได้รับรู้ถึงพิษสงและความน่ากลัวของนิวเคลียร์ นับตั้งแต่เมื่อสหรัฐไปทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ในจังหวัดฮิโรชิมา และนางาซากิ ในวันที่ 26 เมษายน ค.ศ.1986 ได้เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิล ประเทศยูเครน หรืออดีตสหภาพโซเวียต เตาปฏิกรณ์ที่ 4 ภายในโรงไฟฟ้าได้ระเบิดขึ้นสนั่นหวั่นไหว มีคนตาย 4,000 คน ส่งผลให้มีการแผ่กัมมันตภาพรังสีฟุ้งขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ และลมได้พัดพาไปทั่วยุโรป จากโปแลนด์ไปสู่กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย อิตาลี ฮังการี สวิตเซอร์แลนด์ โรมาเนีย และกรีซ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ช่อง History ของ UBC ได้นำเอาสารคดีเรื่องอุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์นาบิลมาฉายเตือนสติ ภาพที่สะเทือนใจก็คือ บรรดาคนงานและอาสาสมัครหลายพันคนที่ช่วยกันเข้ามาต่อสายฉีดน้ำดับไฟในโรงงานที่กำลังลุกลามไหม้ติดต่อกันหลายวัน โดยไม่ได้สวมชุดป้องกันอะไรเลย คนเหล่านี้ส่วนใหญ่รู้ดีว่า พวกเขาต้องตายด้วยผลจากการแผ่ของกัมมันตภาพรังสีเข้าไปในร่างกาย แต่ก็เสี่ยงเข้าไปดับไฟ เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยชีวิตคนในเมืองและคนทั้งยุโรป ไม่นาน วีรบุรุษนิรนามเหล่านี้ก็พากันป่วยล้มตายไปหมด ด้วยโรคมะเร็งตามที่คาดกันไว้ และล่าสุดทางการรัสเซียได้ออกมายอมรับว่า นับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้นเมื่อยี่สิบปีก่อน มีผู้คนค่อยๆ ล้มตายจากการแผ่รังสีถึง 200,000 คน ไม่นับเด็กๆ ที่เกิดมาพิการ ได้รับความทรมานแสนสาหัสอีกจำนวนมาก
เป็นตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ใกล้เคียงกับเมื่อครั้งเกิดสึนามิในเอเชียเมื่อสามปีก่อน สหประชาชาติออกมารายงานว่า ปัจจุบันมีผู้ได้รับผลกระทบจากการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ครั้งนั้นประมาณ 7 ล้านคน หลังจากเกิดโศกนาฏกรรมในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เชอร์นาบิลแล้ว ดูเหมือนยุคทองของการสร้างโรงไฟฟ้าแบบนี้ค่อยๆ หายไป ฝันร้ายยังปกคลุมผู้คนโดยเฉพาะในยุโรป ที่รับรู้พิษภัยมาด้วยตนเอง มีการยกเลิกการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลายแห่งทั่วโลก แต่เมื่อน้ำมันดิบเชื้อเพลิงสำคัญของการผลิตไฟฟ้า ได้ถีบราคาสูงขึ้นจนเกือบจะถึง 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรลล์ ทำให้ต้นทุนของการผลิตไฟฟ้าแพงขึ้น และปัญหาภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน ซึ่งมีสาเหตุสำคัญมาจากการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้า กลายเป็นประเด็นสำคัญของโลกในเวลานี้ ได้ทำให้ยักษ์นิวเคลียร์ตื่นจากหลับทันที ทั่วโลกพยายามแสวงหาพลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้นเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ พลังลม พลังงานก๊าซชีวภาพ บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกที่ผลิตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็พยายามสร้างภาพ ประโคมทำโฆษณาว่า พลังงานนิวเคลียร์ก็เป็นพลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยเหมือนกัน nuclear-2.jpg ยักษ์ใหญ่เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นบริษัทในสหรัฐอเมริกาและมีอยู่ไม่กี่บริษัท และผู้บริหารเหล่านี้เป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของทีมงานประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช แห่งสหรัฐอเมริกา ผู้พยายามผลักดันให้อุตสาหกรรมนิวเคลียร์กลับมาครองโลกอีกครั้งหนึ่ง ภารกิจสำคัญคือ การพยายามขายเทคโนโลยีการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ส่งออกให้กับประเทศในเอเชียหรือประเทศที่กำลังพัฒนา อย่าลืมว่า การก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีราคาแพงมหาศาล ราคาค่าเทคโนโลยีของฝรั่งสูงมั่กๆ เพราะผูกขาดกันอยู่ไม่กี่แห่ง จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทุกวันนี้มีข่าวการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 50 โรงทั่วโลก แต่ทั้งหมดเกิดขึ้นในทวีปเอเชีย ขณะที่ไม่มีการสร้างโรงไฟฟ้าแบบนี้ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปผู้นำทางเทคโนโลยีด้านนิวเคลียร์เลย เพราะประเทศเหล่านี้พากันพัฒนาพลังงานทางเลือกอื่นอย่างจริงจังมากกว่า อุตสาหกรรมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จึงแทบจะไม่ต่างจากอุตสาหกรรมการผลิตอาวุธ คือ เป็นเทคโนโลยีราคาแพง บริษัทผู้ผลิตมีน้อยราย แต่ได้กำไรมหาศาล และกลุ่มลูกค้ามักเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา และประเทศไทยเองก็ได้บรรจุเอาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นพลังงานทางเลือกประการหนึ่ง ตามแผนการพัฒนาผลิตไฟฟ้า พ.ศ.2550-2564 หน่วยงานที่รับผิดชอบพยายามที่จะผลักดันให้มีการสร้างให้สำเร็จ ทั้งๆ ที่ในรอบสิบปีที่ผ่านมา ก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วโลกเฉลี่ยปีละครั้ง ไม่ว่าที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น สวีเดน สหราชอาณาจักร ฮังการี ขณะที่ประเทศที่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต่างทราบดีว่า กากนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นและถูกฝังอยู่นั้นไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยได้ในอนาคต เฉพาะที่สหรัฐอเมริกามีสารพิษปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีถึง 80,000 ตัน ถูกฝังอยู่ข้างๆ โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์เหล่านั้น เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบด้านพลังงานของประเทศ บอกว่า ปัญหาเวลานี้คือจะต้องเร่งทำประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนคนไทย เพื่อให้รู้ว่า พลังงานนิวเคลียร์ปลอดภัย เป็นพลังงานสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม --------------------- เคยมีคนพูดว่า เมืองไทยนั้นล้าหลังประเทศตะวันตกอย่างน้อบ ๑๐-๑๕ ปี อะไรที่ใหม่ ในประเทศไทย นั้น ส่วนใหญ่ ล้าหลัง มาจาก ตะวันตก แล้วทั้งนั้น เมื่อเราต้องเดินตามตะวันตก ถึง ๑๐ กว่า ปี ก็ควรศึกษาด้วยว่า ผลดี ผลเสีย ต่อ คน ต่อประเทศ มีมากกว่า ปรธยชน์ หรือไม่ ในระยะยาว จึงจะเรียกว่า พัฒนาประเทศ ให้ก้าวหน้า ข้อสำคัญคือ คนที่เป็นหัวหอก เรื่องนี้ มีความสุจริตใจเพียงใด แค่ ปัยหา ปตท ยังไม่จริงใจกับ ปชช แล้ว จะให้คิดว่า การสร้างโรงไฟฟ้าฯ เพื่อ ประเทศชาติ มันจะเป็นไปได้ไง ที่เห็นต่อหน้า ยังไม่คิดจะทำ จะหวังอะไรได้ จากคนแบบนี้ (ข่าวหนังสือพิมพ์ สามีภรรยา คู่นี้ ร่ำรวยผิดปกติ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
A Few Good Men
Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.
Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.
************************ I only want to fight for my country as long as I ' m alive. I do nothing wrong . The tyrant is still the tyrant, I have to expel them in every step of life. When the time come, the tyrant will absolutely extinguish. That ‘ s the dharma truth.
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #262 เมื่อ: 16-12-2007, 18:58 » |
|
Z. Jaworoski แห่ง Central Laboratory for Radiological Protection ที่กรุง Warsaw ในโปแลนด์ได้ให้เหตุผลหลายประการ ว่า 1. ความกลัวว่า ถ้าระเบิดปรมาณูระเบิดอีก ผู้คนจะล้มตายเหมือนกรณีที่เกิดที่เมือง Hiroshima กับ Nagasaki ในปี พ.ศ. 2488 2. การรณรงค์เชิงจิตวิทยาของนักการเมือง ให้ประชาชนกลัวอาวุธนิวเคลียร์ 3. บริษัทน้ำมันซึ่งมีผลประโยชน์ได้โฆษณาให้ผู้คนกลัวโรงไฟฟ้าปรมาณู 4. นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานวิจัยด้านนี้ (บางคน) ได้กระตุ้นสังคมให้กลัวภัยโรงไฟฟ้าปรมาณู เพื่อของบประมาณในการทำวิจัยของตน 5. หนังสือพิมพ์ต้องการชี้นำสังคมให้กลัว เพราะข่าวร้ายขายดี 6. นักการเมือง (บางคน) กลัวกัมมันตรังสีจนเกินควร และ 7. ความเชื่อผิดๆ ที่ว่า ที่ใดก็ตามมีกัมมันตรังสี ร่างกายจะเป็นอันตราย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
drop
|
 |
« ตอบ #263 เมื่อ: 16-12-2007, 19:04 » |
|
5. หนังสือพิมพ์ต้องการชี้นำสังคมให้กลัว เพราะข่าวร้ายขายดี
อ้างจากข้อ ๕ นะ คนที่ไม่เห็นด้วย นี่ เพราะ ถูกสื่อชี้นำ ดูถูกกันมากนะ
อย่าดูถูกคน แม้คนผู้นั้น จะไม่รู้หนังสือ อ่านหนังสือไม่ออก
พวกเขามีสิทธิอยู่ในประเทศนี้ เท่า ๆ กับพวกคุณ ที่รู้หนังสือ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2007, 19:14 โดย drop333 »
|
บันทึกการเข้า
|
A Few Good Men
Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.
Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.
************************ I only want to fight for my country as long as I ' m alive. I do nothing wrong . The tyrant is still the tyrant, I have to expel them in every step of life. When the time come, the tyrant will absolutely extinguish. That ‘ s the dharma truth.
|
|
|
drop
|
 |
« ตอบ #264 เมื่อ: 16-12-2007, 19:10 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
A Few Good Men
Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.
Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.
************************ I only want to fight for my country as long as I ' m alive. I do nothing wrong . The tyrant is still the tyrant, I have to expel them in every step of life. When the time come, the tyrant will absolutely extinguish. That ‘ s the dharma truth.
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #265 เมื่อ: 16-12-2007, 19:11 » |
|
อย่าดูถูกคน แม้คนผู้นั้น จะไม่รู้หนังสือ อ่านหนังสือไม่ออก
พวกเขามีสิทธิอยู่ในประเทศนี้ เท่า ๆ กับพวกคุณ ที่รู้หนังสือ
โพสต์ผิดกระทู้ มังครับ... 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #266 เมื่อ: 16-12-2007, 19:12 » |
|
กลั่นกรองข้อมูลกันมากๆหน่อยครับ.. 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #267 เมื่อ: 16-12-2007, 19:13 » |
|
ข้อเท็จจริง คือ ยังมีการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่เพิ่มขึ้นอยู่ทุกปี ทั่วโลก
แล้วก็ยังมีคนโกงเดินเพ่นพ่านอยู่ทั่วไป....
เมื่อเป็นเช่นนั้น อย่าหลับหูหลับตา กับข้อเท็จจริงเหล่านี้
ค้นหาข้อหลอกลวง และความรู้ อย่ากลัวเรื่องไร้สาระ
หากหลับหุหลับตาเชื่ออะไร ก็อย่าโพสต์หรือตั้งกระทู้แบบปลุกปั่นหรือโยนหิน เราแก้ปัญหาของคนไทยไม่ได้ด้วยวิธีนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
drop
|
 |
« ตอบ #268 เมื่อ: 16-12-2007, 19:16 » |
|
5. หนังสือพิมพ์ต้องการชี้นำสังคมให้กลัว เพราะข่าวร้ายขายดี
อ้างจากข้อ ๕ นะ คนที่ไม่เห็นด้วย นี่ เพราะ ถูกสื่อชี้นำ ดูถูกกันมากนะ
อย่าดูถูกคน แม้คนผู้นั้น จะไม่รู้หนังสือ อ่านหนังสือไม่ออก
พวกเขามีสิทธิอยู่ในประเทศนี้ เท่า ๆ กับพวกคุณ ที่รู้หนังสือ
ไม่ผิดกระทู้หรอก ถูกแล้ว หาจังหวะ จะเอาเรื่อง นิวเคลียร์มาลง อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เอามาให้อ่าน เพราะไม่เห้นด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
A Few Good Men
Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.
Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.
************************ I only want to fight for my country as long as I ' m alive. I do nothing wrong . The tyrant is still the tyrant, I have to expel them in every step of life. When the time come, the tyrant will absolutely extinguish. That ‘ s the dharma truth.
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #269 เมื่อ: 16-12-2007, 19:18 » |
|
ไม่ผิดกระทู้หรอก ถูกแล้ว หาจังหวะ จะเอาเรื่อง นิวเคลียร์มาลง อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เอามาให้อ่าน เพราะไม่เห้นด้วย
งั้นข้อความที่เน้นก็จงเตือนใจตนเอง และสำรวจให้ดีก่อนโพสต์ครับ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #270 เมื่อ: 16-12-2007, 19:20 » |
|
5. หนังสือพิมพ์ต้องการชี้นำสังคมให้กลัว เพราะข่าวร้ายขายดี
อ้างจากข้อ ๕ นะ คนที่ไม่เห็นด้วย นี่ เพราะ ถูกสื่อชี้นำ ดูถูกกันมากนะ
อย่าดูถูกคน แม้คนผู้นั้น จะไม่รู้หนังสือ อ่านหนังสือไม่ออก
พวกเขามีสิทธิอยู่ในประเทศนี้ เท่า ๆ กับพวกคุณ ที่รู้หนังสือ
หนังสือพิมพ์ขี้โกงมีมาก หนังสือพิมพ์รับเงินอุดหนุนด้วย บ่อยครั้งเขียนโดยไม่ได้อ่านอะไรมาเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
drop
|
 |
« ตอบ #271 เมื่อ: 16-12-2007, 19:23 » |
|
ข้อเท็จจริง คือ ยังมีการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่เพิ่มขึ้นอยู่ทุกปี ทั่วโลก
แล้วก็ยังมีคนโกงเดินเพ่นพ่านอยู่ทั่วไป....
เมื่อเป็นเช่นนั้น อย่าหลับหูหลับตา กับข้อเท็จจริงเหล่านี้
ค้นหาข้อหลอกลวง และความรู้ อย่ากลัวเรื่องไร้สาระ
หากหลับหุหลับตาเชื่ออะไร ก็อย่าโพสต์หรือตั้งกระทู้แบบปลุกปั่นหรือโยนหิน เราแก้ปัญหาของคนไทยไม่ได้ด้วยวิธีนี้
คนเราต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานว่า ทุกคนคิดเองได้ เคารพความคิดคนอื่น ต่างคนต่างเห็น และคิด แต้ถ้ามีคนไม่เห้นด้วยแล้วบอกว่า.....(อย่างที่คุณพูด นะ ก็เลิกพูดดีกว่า เพราะ...มันไม่เห็นด้วย มันโง่ อย่ากลัว.... ไร้สาระ.... นั่งอ่านข้อมูลที่คุณ โพส มาตั้งหลายวัน ยังไม่คิดจะว่า ความคิดของคุณ เลย เมื่อเข้ามาแสดงความเห็น แย้ง กลายเป็นว่า ถูกสื่อชี้นำให้กลัว... ขอบคุณที่เตือน เช่นเดียวกันค่ะ คุณก็เช่นเดียวกัน จงเตือนตนเอง 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
A Few Good Men
Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.
Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.
************************ I only want to fight for my country as long as I ' m alive. I do nothing wrong . The tyrant is still the tyrant, I have to expel them in every step of life. When the time come, the tyrant will absolutely extinguish. That ‘ s the dharma truth.
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #272 เมื่อ: 16-12-2007, 19:26 » |
|
คนเราต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานว่า ทุกคนคิดเองได้ เคารพความคิดคนอื่น ต่างคนต่างเห็น และคิด แต้ถ้ามีคนไม่เห้นด้วยแล้วบอกว่า.....(อย่างที่คุณพูด นะ ก็เลิกพูดดีกว่า เพราะ...มันไม่เห็นด้วย มันโง่ อย่ากลัว.... ไร้สาระ.... นั่งอ่านข้อมูลที่คุณ โพส มาตั้งหลายวัน ยังไม่คิดจะว่า ความคิดของคุณ เลย เมื่อเข้ามาแสดงความเห็น แย้ง กลายเป็นว่า ถูกสื่อชี้นำให้กลัว... ขอบคุณที่เตือน เช่นเดียวกันค่ะ คุณก็เช่นเดียวกัน จงเตือนตนเอง  เขียนเองก็ได้ครับ หากเขียนแล้วมีข้อเท็จจริง เสียงเล็กๆผมก็อ่าน..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #273 เมื่อ: 16-12-2007, 19:30 » |
|
คนเราต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานว่า ทุกคนคิดเองได้ เคารพความคิดคนอื่น ต่างคนต่างเห็น และคิด แต้ถ้ามีคนไม่เห้นด้วยแล้วบอกว่า.....(อย่างที่คุณพูด นะ ก็เลิกพูดดีกว่า เพราะ...มันไม่เห็นด้วย มันโง่ อย่ากลัว.... ไร้สาระ.... นั่งอ่านข้อมูลที่คุณ โพส มาตั้งหลายวัน ยังไม่คิดจะว่า ความคิดของคุณ เลย เมื่อเข้ามาแสดงความเห็น แย้ง กลายเป็นว่า ถูกสื่อชี้นำให้กลัว... ขอบคุณที่เตือน เช่นเดียวกันค่ะ คุณก็เช่นเดียวกัน จงเตือนตนเอง  ผมว่าการใช้วิธีกล่าวหาว่าอะไรโง๋ซึ้ซั้ว ไม่เป็นเรื่องมันโง่มากครับ ..แล้วถ้าอ่านหนังสือไม่แตก
เชื่อเรื่องไร้สาระ ปลุกอารมณ์ร่วม ยิ่งมหาโง่..เลยทีเดียว
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2007, 19:35 โดย ********Q******** »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sleepless
|
 |
« ตอบ #274 เมื่อ: 16-12-2007, 19:35 » |
|
จากที่อ่านมา ผมว่าก่อนที่เราจะตายด้วยนิวเคลียร์ โอกาสที่คนในเว็บบอร์ดนี้จะฆ่ากันตายน่าจะสูงกว่านะ  เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เอาเป็นว่า หลังเลือกตั้ง ลงประชามติกันดีกว่า ให้แต่ละฝ่ายมาชี้ผลดีผลเสียให้ประชาชนรับทราบสักเดือนนึงเต็มๆ แล้วจัดลงประชามติกันซักที ผมว่ามันกระทบความปลอดภัยในชีวิต ทุกคนควรมีสิทธิ์ได้แสดงความคิดเห็นนะ ไม่ใช่คนกลุ่มเล็กๆ กางแผนที่ แล้วชี้เปรี้ยงลงไปว่าจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตรงใหน แล้วก็ต้องให้ความรู้ประชาชนถึงพลังงานทางเลือกทางอื่นดูด้วยว่ามันจะแพงกว่านิวเคลียร์อย่างที่ผู้ผลิตเขาบอกมากแค่ไหน และเรายินดีจะจ่ายแพงกว่าเพื่อชีวิตที่ปลอดภัยกว่าหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าคุ้มค่ากว่าแล้วจะเป็นทางเลือกที่ดีทีสุดซะเมื่อไหร่ เงินยังไม่ตายยังหาเพิ่มได้ ตายไปแล้วเงินที่ประหยัดได้จะเอาไปทำอะไรยังคิดไม่ออกเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #275 เมื่อ: 16-12-2007, 19:39 » |
|
จากที่อ่านมา ผมว่าก่อนที่เราจะตายด้วยนิวเคลียร์ โอกาสที่คนในเว็บบอร์ดนี้จะฆ่ากันตายน่าจะสูงกว่านะ  เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เอาเป็นว่า หลังเลือกตั้ง ลงประชามติกันดีกว่า ให้แต่ละฝ่ายมาชี้ผลดีผลเสียให้ประชาชนรับทราบสักเดือนนึงเต็มๆ แล้วจัดลงประชามติกันซักที ผมว่ามันกระทบความปลอดภัยในชีวิต ทุกคนควรมีสิทธิ์ได้แสดงความคิดเห็นนะ ไม่ใช่คนกลุ่มเล็กๆ กางแผนที่ แล้วชี้เปรี้ยงลงไปว่าจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตรงใหน แล้วก็ต้องให้ความรู้ประชาชนถึงพลังงานทางเลือกทางอื่นดูด้วยว่ามันจะแพงกว่านิวเคลียร์อย่างที่ผู้ผลิตเขาบอกมากแค่ไหน และเรายินดีจะจ่ายแพงกว่าเพื่อชีวิตที่ปลอดภัยกว่าหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าคุ้มค่ากว่าแล้วจะเป็นทางเลือกที่ดีทีสุดซะเมื่อไหร่ เงินยังไม่ตายยังหาเพิ่มได้ ตายไปแล้วเงินที่ประหยัดได้จะเอาไปทำอะไรยังคิดไม่ออกเลย อย่าคิดมากครับ เอาข้อมูลมากรอง
แล้วก็ปะทะสัสรรค์เท่านั้นเอง..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #276 เมื่อ: 16-12-2007, 19:45 » |
|
ข้อเท็จจริง คือ ยังมีการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่เพิ่มขึ้นอยู่ทุกปี ทั่วโลก
แล้วก็ยังมีคนโกงเดินเพ่นพ่านอยู่ทั่วไป....
เมื่อเป็นเช่นนั้น อย่าหลับหูหลับตา กับข้อเท็จจริงเหล่านี้
ค้นหาข้อหลอกลวง และความรู้ อย่ากลัวเรื่องไร้สาระ
หากหลับหุหลับตาเชื่ออะไร ก็อย่าโพสต์หรือตั้งกระทู้แบบปลุกปั่นหรือโยนหิน เราแก้ปัญหาของคนไทยไม่ได้ด้วยวิธีนี้
ถ้าคู่สนทนาของผมเห็นว่าเป็นข้อความที่ใช้เตือนใจได้ดี ก็ขออีกครั้งละกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sleepless
|
 |
« ตอบ #277 เมื่อ: 16-12-2007, 19:57 » |
|
จริงๆ ผมไม่ได้ anti โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เท่าไหร่ แต่ถ้าจะตั้งจริงๆ ขอตั้งไกลๆ บ้านผมก็แล้วกัน เห็นเอาข้อมูลมากางดูกัน ก็เลยออกไป google มาบ้าง เจอข้อมูลจากเว็บพวก green นะ ไม่รู้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ถ้าจริง ทำไมประเทศในยุโรปหลายประเทศถึงปิดและยกเลิกโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลายแห่ง??? เสียอ่ะ  ============================= Italy: closed five nuclear reactors between 1987 and 1990, after the accident at Chernobyl, through a referendum (political decision to seek the peoples approval); Germany: decided to close 19 Nuclear Power Plants by 2025. The first nuclear power plant was closed in November 2003; The Netherlands: closed two Nuclear Power Plants in 2003; Belgium: stated in 2003 that they will close seven of their nuclear reactors between 2015 and 2025; Sweden: through a referendum, stated that they will close their nuclear power plants; two will be closed in 2002 and 2003. Only three EU countries are still open to the construction of nuclear power plants: England, France and Finland. The remainder have cancelled all plans.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #278 เมื่อ: 16-12-2007, 20:00 » |
|
เรื่องเตาปฏิกรณ์ และ ความปลอดภัยเรื่องใหญ่ครับ
ส่วนเรื่องเครืองปั่นไฟ โทรไปถามเขาหรือยัง ที่ไหนก็มี? ข้อมูลต้นแหล่งอ่านบ้างหรือยังครับ..?
ผมไม่ได้ถามครับว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องใหญ่หรือเปล่า เรื่องเครื่องปั่นไฟผมไม่โทรไปถามหรอกครับ ผมยังไม่บ้า  เขาเคยแถลงต่อสาธารณะไว้หรือว่าเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ คุณ Q ไปหามาให้ผมดูดีกว่า ถ้าไม่เคยถือว่าไม่นับครับ เพราะต่อให้ปั่นไฟจริงก็เป็น โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์เถื่อน..คุณ Q ตอบคำถามดีกว่า ว่าจะให้เอาโรงไฟฟ้าไปตั้งที่ไหน..คำถามเดียวกับที่คุณอภิสิทธิ์ถามนี่แหละ ตอบได้ไหมครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #279 เมื่อ: 16-12-2007, 20:02 » |
|
จริงๆ ผมไม่ได้ anti โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เท่าไหร่ แต่ถ้าจะตั้งจริงๆ ขอตั้งไกลๆ บ้านผมก็แล้วกัน เห็นเอาข้อมูลมากางดูกัน ก็เลยออกไป google มาบ้าง เจอข้อมูลจากเว็บพวก green นะ ไม่รู้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ถ้าจริง ทำไมประเทศในยุโรปหลายประเทศถึงปิดและยกเลิกโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลายแห่ง??? เสียอ่ะ  ============================= Italy: closed five nuclear reactors between 1987 and 1990, after the accident at Chernobyl, through a referendum (political decision to seek the peoples approval); Germany: decided to close 19 Nuclear Power Plants by 2025. The first nuclear power plant was closed in November 2003; The Netherlands: closed two Nuclear Power Plants in 2003; Belgium: stated in 2003 that they will close seven of their nuclear reactors between 2015 and 2025; Sweden: through a referendum, stated that they will close their nuclear power plants; two will be closed in 2002 and 2003. Only three EU countries are still open to the construction of nuclear power plants: England, France and Finland. The remainder have cancelled all plans. ของเก่าสู้รุ่นใหม่ ไม่ได้ ใครเขาจะเอาไว้ละครับ..?
อิตาลี คนมันเลือดร้อน แต่รัฐบาลก็รับซื้อไฟจากแหล่งประเทศที่ใช้นิวเคลียร์ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #280 เมื่อ: 16-12-2007, 20:10 » |
|
ผมไม่ได้ถามครับว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องใหญ่หรือเปล่า เรื่องเครื่องปั่นไฟผมไม่โทรไปถามหรอกครับ ผมยังไม่บ้า  เขาเคยแถลงต่อสาธารณะไว้หรือว่าเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ คุณ Q ไปหามาให้ผมดูดีกว่า ถ้าไม่เคยถือว่าไม่นับครับ เพราะต่อให้ปั่นไฟจริงก็เป็น โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์เถื่อน..คุณ Q ตอบคำถามดีกว่า ว่าจะให้เอาโรงไฟฟ้าไปตั้งที่ไหน..คำถามเดียวกับที่คุณอภิสิทธิ์ถามนี่แหละ ตอบได้ไหมครับ  อภิสิทธิ์นัการเมืองคนหนึ่ง ผมไม่คิดว่าเขาจะมีอิทธิพลอะไร..
คำถามของคุณผมตอบไปแล้ว อย่าเซ้าซี้ครับ..
เขตไหนต้องการไฟฟ้าราคาต่ำกว่า ให้ตั้งที่นั่น
และถ้าคุณไม่คิดจะตอบที่ผมถามบ้าง..มันไม่เป็นวิธีที่ถูกต้อง
คุณต้องถามตัวเองว่า..ชาวบ้านควรรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องมากพอหรือยัง
เขากลัวอะไรอยู่ จะแก้ไขอย่างไร? 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #281 เมื่อ: 16-12-2007, 20:14 » |
|
ผมไม่ได้ถามครับว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องใหญ่หรือเปล่า เรื่องเครื่องปั่นไฟผมไม่โทรไปถามหรอกครับ ผมยังไม่บ้า  เขาเคยแถลงต่อสาธารณะไว้หรือว่าเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ คุณ Q ไปหามาให้ผมดูดีกว่า ถ้าไม่เคยถือว่าไม่นับครับ เพราะต่อให้ปั่นไฟจริงก็เป็น โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์เถื่อน..คุณ Q ตอบคำถามดีกว่า ว่าจะให้เอาโรงไฟฟ้าไปตั้งที่ไหน..คำถามเดียวกับที่คุณอภิสิทธิ์ถามนี่แหละ ตอบได้ไหมครับ  อีกสองคำถาม
ชาวบ้านที่เผาแทนทาลัมเพราะอะไร? จะแก้ไขปัญหาแบบนี้ได้ใช้เวลาเท่าไร?
โรงไฟฟ้าถ่านหินจะตั้งไว้ที่ไหนครับ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #282 เมื่อ: 16-12-2007, 20:19 » |
|
วกมาอภิสิทธิ์ หน่อยก็บอกว่า
ไม่มีปัญญาเป็นผู้นำที่ดี เช่น ได้แต่หาเสียงกับพวกลักเพศและหมอดู
ผลงานการศึกษาของชาติ ก็ไม่ได้ผลสักเท่าไร ส่วนใหญ่ผู้ปกครองเด็กและโรงเรียน
พยายามปรับตัวกันเองมากกว่า.. 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
sleepless
|
 |
« ตอบ #284 เมื่อ: 16-12-2007, 20:56 » |
|
ของเก่าสู้รุ่นใหม่ ไม่ได้ ใครเขาจะเอาไว้ละครับ..?
อิตาลี คนมันเลือดร้อน แต่รัฐบาลก็รับซื้อไฟจากแหล่งประเทศที่ใช้นิวเคลียร์  เท่าที่นั่งอ่านดู ไม่รู้ข้อมูลถูกหรือผิด แต่เยอรมันติดตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โรงล่าสุดตั้งแต่ 1989 (หลังเกิด Chernobyl 3 ปี) ทั้งๆ ที่โพลแสดงให้เห็นว่าชาวเยอรมันอยากให้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์สูงมาก (81% ในปี 1997) คนสนับสนุนมากขนาดนั้น เทคโนโลยีโรงไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ของเยอรมันที่ขายให้ประเทศอื่นก็ไม่ด้อยกว่าใคร ไฉนเยอรมันจึงไม่ติดตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพิ่ม แต่ยอมไปซื้อไฟฟ้าราคาแพงเพิ่มจากประเทศอื่น ???
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2007, 21:03 โดย sleepless »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #285 เมื่อ: 16-12-2007, 21:02 » |
|
เท่าที่นั่งอ่านดู ไม่รู้ข้อมูลถูกหรือผิด แต่เยอรมันติดตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โรงล่าสุดตั้งแต่ 1989 (หลังเกิด Chernobyl 3 ปี) ทั้งๆ ที่โพลแสดงให้เห็นว่าชาวเยอรมันอยากให้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์สูงมาก (81% ในปี 1997)
คนสนับสนุนมากขนาดนั้น เทคโนโลยีโรงไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ของเยอรมันที่ขายให้ประเทศอื่นก็ไม่ด้อยกว่าใคร ไฉนเยอรมันจึงไม่ติดตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพิ่มหล่ะ???
ก่อนตอบคำถาม ผมก็ให้ข้อสังเกตก่อน ถ้ามันมีปัญหาต่อคนของเขาจริงๆโดยแก้ไขไม่ได้ ทำไมไม่ปิดทิ้งทั้งหมดละครับ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #286 เมื่อ: 16-12-2007, 21:08 » |
|
เท่าที่นั่งอ่านดู ไม่รู้ข้อมูลถูกหรือผิด แต่เยอรมันติดตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โรงล่าสุดตั้งแต่ 1989 (หลังเกิด Chernobyl 3 ปี) ทั้งๆ ที่โพลแสดงให้เห็นว่าชาวเยอรมันอยากให้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์สูงมาก (81% ในปี 1997)
คนสนับสนุนมากขนาดนั้น เทคโนโลยีโรงไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ของเยอรมันที่ขายให้ประเทศอื่นก็ไม่ด้อยกว่าใคร ไฉนเยอรมันจึงไม่ติดตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพิ่ม แต่ยอมไปซื้อไฟฟ้าราคาแพงเพิ่มจากประเทศอื่น ???
ก่อนตอบคำถาม ผมก็ให้ข้อสังเกตก่อน ถ้ามันมีปัญหาต่อคนของเขาจริงๆโดยแก้ไขไม่ได้ ทำไมไม่ปิดทิ้งทั้งหมดละครับ..
ความต้องการพลังงานไฟฟ้าของเขา มันไม่ได้ก้าวกระโดดครับ เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้ได้อีกประมาณสองร้อยไป เขาก็เหมือนเศรษฐิเก่าไม่ขาดแคลน
ไม่ต้อรีบร้อน อย่างจีน อินเดีย และประเทศอุตสาหกรรมใหม่อื่นๆ ผลประโยชน์ด้านพลังานอื่นๆก็มีเหมือนกัน เข้าตำรา พลังงานทุกชนิดมีคนได้ประโยชน์
แม้แต่พวกต่อต้าน ก็ได้รับเงินอุตหนุนเหมือนกัน มันเป็นอาชีพ ของไทยเราก็ให้เงินอุดหนุนพลังงานทางเลือก ทั้งที่ยังมีต้นทุนแพง
เผื่อวันข้างหน้าจำเป็นขึ้นมาก็มีแหล่งสำรองอื่นๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #287 เมื่อ: 16-12-2007, 21:09 » |
|
อภิสิทธิ์นัการเมืองคนหนึ่ง ผมไม่คิดว่าเขาจะมีอิทธิพลอะไร..
คำถามของคุณผมตอบไปแล้ว อย่าเซ้าซี้ครับ..
เขตไหนต้องการไฟฟ้าราคาต่ำกว่า ให้ตั้งที่นั่น
และถ้าคุณไม่คิดจะตอบที่ผมถามบ้าง..มันไม่เป็นวิธีที่ถูกต้อง
คุณต้องถามตัวเองว่า..ชาวบ้านควรรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องมากพอหรือยัง
เขากลัวอะไรอยู่ จะแก้ไขอย่างไร?  ที่ผมยกคำถามอภิสิทธิ์มาเพราะเขาถามได้ถูกต้อง ไม่ใช่เขามีอิทธิพลครับ ที่คุณ Q ตอบว่าเขตไหนต้องการไฟฟ้าราคาต่ำกว่า ให้ตั้งที่นั่น มันไม่ใช่คำตอบครับ เพราะเขาอาจต่อต้านก็ได้ และถึงเขาไม่ต่อต้านพื้นที่ใกล้เคียงก็ต่อต้านอยู่ดี .. นั่นคือประเด็นครับ ..  ... ที่คุณ Q ถามมาผมก็ตอบแล้วไงว่าผมไม่โทร ใครว่าผมไม่คิดตอบ?  ที่ว่าชาวบ้านควรรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องมากพอหรือยัง .. ก็ควรสิครับ จะถามทำไม??  ... และที่ถามว่าเขากลัวอะไรอยู่ จะแก้ไขอย่างไร? เขาก็กลัวว่าถ้าเกิดเหตุร้ายแรงจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เขาจะรับความเสียหายไม่ได้ จะแก้อย่างไร ก็ไม่ต้องสร้างไงครับ ในเมื่อมันยังมีอันตรายมากมาย ที่หากเกิดขึ้นแล้ว ประเทศไทยจะรับไม่ได้ คุณ Q ยังไม่เข้าใจหรือว่าประเทศเกษตรอย่างไทยถ้ามีปัญหารังสีรั่วไหลจะเกิดอะไรขึ้น 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
sleepless
|
 |
« ตอบ #288 เมื่อ: 16-12-2007, 21:12 » |
|
ก่อนตอบคำถาม ผมก็ให้ข้อสังเกตก่อน ถ้ามันมีปัญหาต่อคนของเขาจริงๆโดยแก้ไขไม่ได้ ทำไมไม่ปิดทิ้งทั้งหมดละครับ..
เท่าที่อ่านดูรู้สึกว่าเขาจะปิดหมดภายใน 35 ปี แต่พลังงานนิวเคลียร์เป็นพลังงานหลักที่เยอรมันใช้ ตั้ง 30 กว่า% ไม่ใช่อยู่ๆ จะปิดวันพรุ่งนี้ได้เลยนี่ครับ เขาต้องค่อยๆ ทยอยปิด พร้อมๆ ไปกับหาแหล่งพลังงานอื่นทดแทนนะผมว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #289 เมื่อ: 16-12-2007, 21:14 » |
|
Z. Jaworoski แห่ง Central Laboratory for Radiological Protection ที่กรุง Warsaw ในโปแลนด์ได้ให้เหตุผลหลายประการ ว่า 1. ความกลัวว่า ถ้าระเบิดปรมาณูระเบิดอีก ผู้คนจะล้มตายเหมือนกรณีที่เกิดที่เมือง Hiroshima กับ Nagasaki ในปี พ.ศ. 2488 2. การรณรงค์เชิงจิตวิทยาของนักการเมือง ให้ประชาชนกลัวอาวุธนิวเคลียร์ 3. บริษัทน้ำมันซึ่งมีผลประโยชน์ได้โฆษณาให้ผู้คนกลัวโรงไฟฟ้าปรมาณู 4. นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานวิจัยด้านนี้ (บางคน) ได้กระตุ้นสังคมให้กลัวภัยโรงไฟฟ้าปรมาณู เพื่อของบประมาณในการทำวิจัยของตน 5. หนังสือพิมพ์ต้องการชี้นำสังคมให้กลัว เพราะข่าวร้ายขายดี 6. นักการเมือง (บางคน) กลัวกัมมันตรังสีจนเกินควร และ 7. ความเชื่อผิดๆ ที่ว่า ที่ใดก็ตามมีกัมมันตรังสี ร่างกายจะเป็นอันตราย
อ่านทั้งหมดใหม่หลายๆรอบ สำหรับคนที่กลัวรังสียูวี เท่าที่ทราบทั้งเวียดนามและพม่าก็สนใจพลังงานนิวเคลียร์ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #290 เมื่อ: 16-12-2007, 21:16 » |
|
เท่าที่อ่านดูรู้สึกว่าเขาจะปิดหมดภายใน 35 ปี แต่พลังงานนิวเคลียร์เป็นพลังงานหลักที่เยอรมันใช้ ตั้ง 30 กว่า% ไม่ใช่อยู่ๆ จะปิดวันพรุ่งนี้ได้เลยนี่ครับ เขาต้องค่อยๆ ทยอยปิด พร้อมๆ ไปกับหาแหล่งพลังงานอื่นทดแทนนะผมว่า
ถ้ามันอันตราย เขาต้องอพยพคนทันทีครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #291 เมื่อ: 16-12-2007, 21:19 » |
|
อีกสองคำถาม
ชาวบ้านที่เผาแทนทาลัมเพราะอะไร? จะแก้ไขปัญหาแบบนี้ได้ใช้เวลาเท่าไร?
โรงไฟฟ้าถ่านหินจะตั้งไว้ที่ไหนครับ?
ชาวบ้านที่เผาแทนทาลัมเพราะอะไร? จะแก้ไขปัญหาแบบนี้ได้ใช้เวลาเท่าไร?เรื่องนี้ผมไม่ทราบเพราะผมไม่รู้ว่าใครเผา แต่เชื่อว่าเรื่องนี้มีเบื้องหลัง ไม่ใช่ชาวบ้านทั่วๆ ไปทำ ดังนั้นจะแก้ปัญหาแบบนี้ได้ใช้เวลาเท่าไหร่ ผมก็เลยไม่รู้ว่าปัญหาจริงๆ มันคืออะไรกันแน่ครับ ถ้าคุณ Q คิดว่าโรงงานแทนทาลัม ถูกเผาเพราะมวลชนหลงเชื่อข้อมูลเฉยๆ ผมยังไม่อยากเชื่อ ผมคิดว่าเรื่องน่าจะมีเบื้องหลังแต่ก็ไม่เคยได้ตามเรื่องนี้นะครับ ที่แน่ๆ มีกระบวนการปลุกระดม มวลชนให้เข้าใจผิดอย่างหนักจริงๆ ... โรงไฟฟ้าถ่านหินจะตั้งไว้ที่ไหนครับ?ไม่เหมือนกับกรณีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรอกครับ เพราะมีการกำหนดแน่นอนแล้วว่าจะตั้งตรงไหน เพียงแต่มีกลุ่ม NGO เป็นแกนนำต่อต้านอยู่เท่านั้น ถ้าให้ข้อมูลจริงๆ หรือจ่ายค่าตอบแทนดีๆ เรื่องน่าจะไปถึงขั้นเปิดดำเนินการได้ นอกจากมีกำหนดสถานที่ตั้งชัดเจน เขาถึงกับมีการทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบต่างๆ แล้ว ไม่ได้เลื่อนลอยไม่รู้จะเอาไปตั้งที่ไหนแบบกรณีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นะครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #292 เมื่อ: 16-12-2007, 21:22 » |
|
ชาวบ้านที่เผาแทนทาลัมเพราะอะไร? จะแก้ไขปัญหาแบบนี้ได้ใช้เวลาเท่าไร?เรื่องนี้ผมไม่ทราบเพราะผมไม่รู้ว่าใครเผา แต่เชื่อว่าเรื่องนี้มีเบื้องหลัง ไม่ใช่ชาวบ้านทั่วๆ ไปทำ ดังนั้นจะแก้ปัญหาแบบนี้ได้ใช้เวลาเท่าไหร่ ผมก็เลยไม่รู้ว่าปัญหาจริงๆ มันคืออะไรกันแน่ครับ ถ้าคุณ Q คิดว่าโรงงานแทนทาลัม ถูกเผาเพราะมวลชนหลงเชื่อข้อมูลเฉยๆ ผมยังไม่อยากเชื่อ ผมคิดว่าเรื่องน่าจะมีเบื้องหลังแต่ก็ไม่เคยได้ตามเรื่องนี้นะครับ ที่แน่ๆ มีกระบวนการปลุกระดม มวลชนให้เข้าใจผิดอย่างหนักจริงๆ ... โรงไฟฟ้าถ่านหินจะตั้งไว้ที่ไหนครับ?ไม่เหมือนกับกรณีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรอกครับ เพราะมีการกำหนดแน่นอนแล้วว่าจะตั้งตรงไหน เพียงแต่มีกลุ่ม NGO เป็นแกนนำต่อต้านอยู่เท่านั้น ถ้าให้ข้อมูลจริงๆ หรือจ่ายค่าตอบแทนดีๆ เรื่องน่าจะไปถึงขั้นเปิดดำเนินการได้ นอกจากมีกำหนดสถานที่ตั้งชัดเจน เขาถึงกับมีการทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบต่างๆ แล้ว ไม่ได้เลื่อนลอยไม่รู้จะเอาไปตั้งที่ไหนแบบกรณีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นะครับ  นิวเคลียร์ คุณต้องรอฟังต่อไปครับ แต่มีเตาปฏิกรณ์ที่ทำงานวิจัยทดลอง รวมทั้งบริการ
อยู่สองแห่งแล้วในกรุงเทพฯ นานแล้วนะครับ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sleepless
|
 |
« ตอบ #293 เมื่อ: 16-12-2007, 21:24 » |
|
ถ้ามันอันตราย เขาต้องอพยพคนทันทีครับ
อพยพไปอยู่ที่ไหนละครับ ย้ายโรงไฟฟ้าไปยังประเทศยากจนแล้วรับซื้อไฟไม่ง่ายกว่าหรือครับ Germany renounces nuclear powerThe German Government has reached an historic agreement with energy companies for the gradual closing down of the country's 19 nuclear power stations. It means that Germany has become the first leading economic power officially to announce its intention to phase out the use of nuclear energy. Chancellor Gerhard Schroeder confirmed the agreement early on Thursday after four-and-a-half hours of last-ditch negotiations with the chief executives of Germany's four leading utilities. He said nuclear power plants would be shut down after a lifespan of 32 years - longer than his party's coalition partners, the Greens, wanted, but less than the industry had demanded. That means Germany's last nuclear plant could go off-line in about 20 years. "I think that's a sensible compromise," Mr Schroeder told a news conference after the meeting. Industry leaders said they regretted the early closures, but accepted "the primacy of the political system". Election pledge The deal fulfils an election pledge by the Social Democrat-Green Party coalition government to establish a plan for phasing out the country's nuclear energy production. Atomic power currently accounts for about 30% of all Germany's energy consumption. The conservative opposition Christian Democrats have threatened to block any deal in the upper house of parliament, where the states are represented. They say that abandoning nuclear energy will mean importing electricity from countries with bad nuclear safety records, or increasing electricity output - and carbon dioxide emissions - from conventional power plants. They also accuse the government of ignoring potential job losses, and costs to states like Bavaria and Baden-Wuerttemberg that are major shareholders in public utilities. Last chance The latest talks had been viewed as the last chance for a voluntary agreement with the four major energy companies - RWE, VIAG, VEBA and Energie Baden Wuerttemberg. The government had threatened to legislate for plant closures if a voluntary deal could not be reached. But the negotiations dragged on for over 18 months, marked by bickering between the coalition partners over how quickly the plants should be closed down. The plan The German chancellor did not say when exactly the last nuclear power station would be switched off. Under the deal, the generating industry will be allowed to produce about 2,500 terawatt hours before the shut-down. The indications are that it will be free to close the older, inefficient reactors first and transfer their right to generate power to new, more modern plants. The red-green government originally wanted to give each nuclear power-station a 30 year lifespan. The industry favoured 35 years. The Christian Democrat opposition has pledged to overturn the policy if it wins the next general election in 2002. http://news.bbc.co.uk/2/hi/europe/791597.stm
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #294 เมื่อ: 16-12-2007, 21:29 » |
|
นิวเคลียร์ คุณต้องรอฟังต่อไปครับ แต่มีเตาปฏิกรณ์ที่ทำงานวิจัยทดลอง รวมทั้งบริการ
อยู่สองแห่งแล้วในกรุงเทพฯ นานแล้วนะครับ..
รอฟังต่อไปก็คือยังหาที่ตั้งในประเทศไม่ได้ใช่ไหมครับ แล้วเรื่องเตาปฏิกรณ์ 2 แห่งที่ว่า ผมถามหลายหนแล้ว ว่าแห่งที่สองเขาเปิดดำเนินการได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะผมไม่เห็นทราบข่าวอะไรเลย มีแต่ข่าวปัญหา ในการก่อสร้างมาโดยตลอด ที่องครักษ์ก็โดนชาวบ้านต่อต้านด้วย ไม่ใช่สงบครับ ... อีกอย่าง..เตาปฏิกรณ์ที่ว่าไม่ทราบใช้เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ ในการทดลองวิจัยปีละกี่กรัมครับ ไม่ได้ใช้เป็นตันๆ อย่างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใช่ไหม 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #295 เมื่อ: 16-12-2007, 21:29 » |
|
ประเด็นเรื่องการต่อต้านอาวุธนิวเคลียร์เป็นแรงผลักดันมหาอำนาจต่างๆสูงกว่า
ยกตัวอย่างสหรัฐ เกรงเกาหลีเหนือและอิหร่าน... ขณะที่สนับสนุนญี่ปุ่น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ท้าวอภิมหาอัครเทพอลังการ
|
 |
« ตอบ #296 เมื่อ: 16-12-2007, 21:32 » |
|
นิวเคลียร์ คุณต้องรอฟังต่อไปครับ แต่มีเตาปฏิกรณ์ที่ทำงานวิจัยทดลอง รวมทั้งบริการ
อยู่สองแห่งแล้วในกรุงเทพฯ นานแล้วนะครับ..
หึหึ ตกลงมันเหลือแค่ "เตาปฏิกรณ์ที่ทำงานวิจัยทดลอง" แล้วเหรอ ไม่ใช่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กซะแระ แล้วในกรุงเทพมีสองเตาเลยเหรอ ท่านท้าวนึกว่ามีอยู่เตาเดียวที่ ปส
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #297 เมื่อ: 16-12-2007, 21:35 » |
|
ถึงแม้อุบัติเหตุจะสามารถเกิดได้ และการกลัวภัยกัมมันตรังสีเป็นเรื่องสมควร แต่เราก็ไม่ควรกลัวจนเกินไปว่า โดยไม่คำนึงว่าภัยนั้นจะน้อยเพียงใด เสมือนกับการกลัวว่าอากาศที่ร้อน 30 องศาเซลเซียส จะฆ่าเราได้จากสาเหตุเพราะอุณหภูมิผิวดวงอาทิตย์สูงถึง 6,000 องศาเซลเซียส จนสามารถเผาเราทั้งเป็นได้ สำหรับประเด็นภัยกัมมันตรังสีที่จะทำให้ร่างการล้มเจ็บนั้นงานวิจัยแพทย์ได้แสดงให้เห็นชัดว่า เวลาเซลล์สร้างพลังงานและร่างกายกำลังเติบโต DNA ในเซลล์จะถูก "ทำร้าย" ด้วยอนุมูลอิสระ 70 ล้านครั้งต่อปี แต่ร่างกายเรามีระบบภูมิคุ้มกันที่ทำหน้าที่ซ่อมแซม DNA ตลอดเวลา เราจึงมีชีวิตอยู่ได้ รังสีที่ร่างกายได้รับก็เช่นกัน ตามปกติสามารถทำร้าย DNA ได้ เช่น ถ้าร่างกายได้รับรังสี 0.0022 Sv ต่อปี ซึ่งจะเท่ากับการที่ DNA ถูกทำร้าย 5 ครั้งใน 1 ปี เราจึงไม่ควรกังวลในเรื่อง DNA ถูกทำร้ายมากและเมื่อข้อมูลเกี่ยวกับกัมมันตรังสีเป็นเช่นนี้ คำถามจึงมีว่า แล้วเหตุใดคนทั่วไปจึงกลัวภัยชนิดนี้มาก Z. Jaworoski แห่ง Central Laboratory for Radiological Protection ที่กรุง Warsaw ในโปแลนด์ได้ให้เหตุผลหลายประการ ว่า 1. ความกลัวว่า ถ้าระเบิดปรมาณูระเบิดอีก ผู้คนจะล้มตายเหมือนกรณีที่เกิดที่เมือง Hiroshima กับ Nagasaki ในปี พ.ศ. 2488 2. การรณรงค์เชิงจิตวิทยาของนักการเมือง ให้ประชาชนกลัวอาวุธนิวเคลียร์ 3. บริษัทน้ำมันซึ่งมีผลประโยชน์ได้โฆษณาให้ผู้คนกลัวโรงไฟฟ้าปรมาณู 4. นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานวิจัยด้านนี้ (บางคน) ได้กระตุ้นสังคมให้กลัวภัยโรงไฟฟ้าปรมาณู เพื่อของบประมาณในการทำวิจัยของตน 5. หนังสือพิมพ์ต้องการชี้นำสังคมให้กลัว เพราะข่าวร้ายขายดี 6. นักการเมือง (บางคน) กลัวกัมมันตรังสีจนเกินควร และ 7. ความเชื่อผิดๆ ที่ว่า ที่ใดก็ตามมีกัมมันตรังสี ร่างกายจะเป็นอันตราย การไม่รู้จริงเกี่ยวกับกัมมันตรังสี และคิดว่ากัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะฆ่าชีวิตทุกชีวิตจนหมดสิ้นนั้น สามารถทำให้บุคคลวิตกได้มาก แต่ความจริงก็มีว่าในระหว่างปี พ.ศ. 2488-2523 โลกได้เห็นการทดลองระเบิดปรมาณูในอากาศ 541 ครั้ง ซึ่งคิดเป็นระเบิด TNT ที่หนัก 440 ล้านตัน ซึ่งมีผลทำให้บรรยากาศของโลกมีพลูโตเนียม 3 ตัน ถึงกระนั้นพลโลกทุกวันนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ หาได้ล้มตายไม่ เพราะปริมาณรังสีที่แต่ละคนได้รับ จากการทดลองมีค่า = 0.001 Sv เท่านั้นเอง และถึงแม้ระเบิดปรมาณู 50,000 ลูกจะระเบิดพร้อมกัน ในสถานที่เดียวกัน คนแต่ละคนทั่วโลกก็จะได้รับกัมมันตรังสีเพิ่มอีกเพียง 0.055 Sv เท่านั้นเอง ซึ่งนับว่าน้อยกว่า 3 Sv ที่สามารถฆ่าคนได้ทันที ด้วยเหตุนี้ถ้าวันหนึ่งประเทศไทยจำต้องมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เพราะราคาน้ำมันแพงมาก เราก็มั่นใจว่า ถ้าเรามีมาตรการควบคุมเตาปฏิกรณ์ปรมาณูดี ภัยกัมมันตรังสีจากเตาถึงจะมีบ้างแต่ก็สามารถป้องกันได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #298 เมื่อ: 16-12-2007, 21:36 » |
|
หึหึ ตกลงมันเหลือแค่ "เตาปฏิกรณ์ที่ทำงานวิจัยทดลอง" แล้วเหรอ
ไม่ใช่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กซะแระ
แล้วในกรุงเทพมีสองเตาเลยเหรอ ท่านท้าวนึกว่ามีอยู่เตาเดียวที่ ปส
อีกแห่งอยู่ที่ไหนเนี่ย อยากรู้เหมือนกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #299 เมื่อ: 16-12-2007, 21:37 » |
|
หึหึ ตกลงมันเหลือแค่ "เตาปฏิกรณ์ที่ทำงานวิจัยทดลอง" แล้วเหรอ
ไม่ใช่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กซะแระ
แล้วในกรุงเทพมีสองเตาเลยเหรอ ท่านท้าวนึกว่ามีอยู่เตาเดียวที่ ปส
เขาคุยกันไปถึงไหนแล้ว รังสีมาจากไหนครับ..?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|