Solidus
|
 |
« ตอบ #200 เมื่อ: 15-12-2007, 11:12 » |
|
อืมม ใครเขาไม่ได้บอกเราหมดทุกอย่างหรอก .. ถ้าอยากทราบข้อเท็จจริงก็ต้องไปแอบๆถามกันเอง ว่าได้ทดลองหรือไม่ ผมเชื่อว่าเขาลองแล้ว  ไม่จำเป็นต้องลองหรอกครับ ถ้าเครื่องมันสามารถผลิตความร้อนได้ก็เป็นอันว่าสามารถนำไปปั่นไฟได้ อยู่ที่ว่าจะปั่นหรือไม่ปั่น ถ้าปั่นก็ติดระบบเพิ่มอย่างที่ ScaRECroW บอก ถ้าไม่ปั่นก็ไม่ต้องติด ในเมื่อจุดประสงค์หลักคือเพื่อใช้วิจัยที่ใช้ประโยชน์จากนิวตรอนแล้วจะติดระบบเพิ่มเพื่อให้สิ้นเปลืองไปทำไม อันนี้เรื่องใช้ปั่นไฟได้หรือไม่นะครับ ไม่เกี่ยวกับเรื่องมีหรือไม่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นะครับ เพราะถึงใช้ปั่นไฟได้แต่ไม่เรียกว่าโรงไฟฟ้าก็มีเยอะ เช่น เขื่อน คุณเรียกเขื่อนว่าโรงไฟฟ้าหรือครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #202 เมื่อ: 15-12-2007, 11:21 » |
|
เออจริงสิ กาต้มน้ำก็ปั่นไฟได้ แต่ไม่ปั่นเนื่องจากไมได้วางระบบเพิ่มนี่เอง ถ้าจะแปลแบบนั้นก็ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่แปลกนะ ทำไมประเทศที่มีเครื่องปฏิกรณ์วิจัย เขาไม่เอามาปั่นไฟเลยสักเครื่องหนึ่ง
ในเมื่อจุดประสงค์หลักมันไม่ได้ใช้เพื่อผลิตไฟฟ้า แล้วจะติดระบบเพิ่มให้สิ้นเปลืองงบประมาณไปทำไมครับ หรือว่าแบบกำลังถึงไม่ติดระบบเพิ่มตัวเตาปฏิกรณ์ก็ปั่นไฟได้เองอยู่แล้วใช่ไหมครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #203 เมื่อ: 15-12-2007, 14:24 » |
|
ผมเรียกว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก หรือ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทดลองขนาดเล็ก ครับ ชาวบ้านทั่วไปเข้าใจโดยไม่ต้องอธิบายว่า ปั่นไฟได้ และ เข้าใจว่ามีการทดลองโดย ผมไม่จำเป็นต้องไปถามเองหรือคิดจินตนาการเองแบบมั่วๆส่วนใครจะคิดว่าอย่างไร ไม่ต้องเถียงกันเองหรือบอกผมแล้ว ไปถามหาข้อเท็จจริงเอาเองจากต้นแหล่งดีกว่า.. หรือจะเถียงกันต่อ ก็ไม่ต้องพาดพิงผมแล้ว ... 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ท้าวอภิมหาอัครเทพอลังการ
|
 |
« ตอบ #205 เมื่อ: 15-12-2007, 15:29 » |
|
ผมเรียกว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก หรือ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทดลองขนาดเล็ก ครับ ชาวบ้านทั่วไปเข้าใจโดยไม่ต้องอธิบายว่า ปั่นไฟได้ และ เข้าใจว่ามีการทดลองโดย ผมไม่จำเป็นต้องไปถามเองหรือคิดจินตนาการเองแบบมั่วๆส่วนใครจะคิดว่าอย่างไร ไม่ต้องเถียงกันเองหรือบอกผมแล้ว ไปถามหาข้อเท็จจริงเอาเองจากต้นแหล่งดีกว่า.. หรือจะเถียงกันต่อ ก็ไม่ต้องพาดพิงผมแล้ว ...  งั้นวิมานท่านท้าว ก็มีโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนขนาดเล็กแบบใช้แกสอยู่อ่ะดิ เพราะท่านท้าวมีเตาแกส มีถังแกส มีหม้อต้มน้ำ แต่ยังขาด Generator สำหรับปั่นไฟ ท่านท้าวก้บอกใครต่อใครได้ว่า ท่านท้าวปั่นไฟได้เองนะ มีส่วนควบองค์ประกอบใกล้ครบแล้ว ขาด Generator ตัวเดียวเอง ซึ่งเป็นที่รู้กันโดยไม่ต้องทดลองว่า มีเท่านี้ก็อาจจะปั่นไฟได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สมชายสายชม
|
 |
« ตอบ #206 เมื่อ: 15-12-2007, 16:20 » |
|
แผนการขยายกำลังผลิตกระแสไฟฟ้าในสหรัฐฯ 2007 - 2011 ไม่มีนิวเคลียร์ แหล่งพลังงานทางธรรมชาติกำลังไล่ตาม เพิ่มขึ้นเป็น 20% ของนิวเคลียร์ (Wood, black liquor, other wood waste, municipal solid waste, landfill gas, sludge waste, tires, agriculture byproducts, other biomass, geothermal, solar thermal, photovoltaic energy, and wind.) http://www.eia.doe.gov/cneaf/electricity/epa/epat2p5.htmlแหล่งพลังงานที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าในสหรัฐฯ 1995 - 2006 พลังงานจากนิวเคลียร์์ แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง http://www.eia.doe.gov/cneaf/electricity/epa/epat2p1.htmlโครงการติดตั้งเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าในสหรัฐฯ 2007 - 2008 พลังงานลม (WND) กำลังมา http://www.eia.doe.gov/cneaf/electricity/epm/tablees3.html...
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2007, 16:27 โดย สมชายสายชม »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #207 เมื่อ: 15-12-2007, 17:56 » |
|
งั้นวิมานท่านท้าว ก็มีโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนขนาดเล็กแบบใช้แกสอยู่อ่ะดิ เพราะท่านท้าวมีเตาแกส มีถังแกส มีหม้อต้มน้ำ แต่ยังขาด Generator สำหรับปั่นไฟ ท่านท้าวก้บอกใครต่อใครได้ว่า ท่านท้าวปั่นไฟได้เองนะ มีส่วนควบองค์ประกอบใกล้ครบแล้ว ขาด Generator ตัวเดียวเอง ซึ่งเป็นที่รู้กันโดยไม่ต้องทดลองว่า มีเท่านี้ก็อาจจะปั่นไฟได้ ถ้าอย่างนั้นประเทศไทยเราก็มีโรงไฟฟ้ามากมายหลายล้านโรง กระจายอยู่ทั่วทุกครัวเรือน แม้แต่ในแคมป์ไฟกลางป่าก็นับด้วย เวลาวันลอยกระทงเราก็เอาโรงไฟฟ้าไปลอยน้ำกัน ส่วนกำลังการผลิตนั้นไม่กล้านับ เพราะคงมากมายหลายเทอราวัตต์ครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #208 เมื่อ: 15-12-2007, 18:15 » |
|
แผนการขยายกำลังผลิตกระแสไฟฟ้าในสหรัฐฯ 2007 - 2011 ไม่มีนิวเคลียร์ แหล่งพลังงานทางธรรมชาติกำลังไล่ตาม เพิ่มขึ้นเป็น 20% ของนิวเคลียร์ (Wood, black liquor, other wood waste, municipal solid waste, landfill gas, sludge waste, tires, agriculture byproducts, other biomass, geothermal, solar thermal, photovoltaic energy, and wind.) http://www.eia.doe.gov/cneaf/electricity/epa/epat2p5.htmlแหล่งพลังงานที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าในสหรัฐฯ 1995 - 2006 พลังงานจากนิวเคลียร์์ แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง http://www.eia.doe.gov/cneaf/electricity/epa/epat2p1.htmlโครงการติดตั้งเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าในสหรัฐฯ 2007 - 2008 พลังงานลม (WND) กำลังมา http://www.eia.doe.gov/cneaf/electricity/epm/tablees3.html... เชื้อเพลิง ราคาแพงครับ ก็ต้องหาอะไรที่ไม่ต้องจ่ายค่าเชื้อเพลิง นี่ขนาดมีผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่ก็เก็บไว้ขายชาวบ้านดีกว่า..
ส่วนนิวเคลียร์ของตาย สหรัฐไม่ขยายอุตสหกรรมการผลิต เพราะค่าแรงแพง ไม่มีอะไรต้องขยับตรงนี้
ต่างจากชาติที่กำลังโตทั้งหลาย ต้องพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์ ส่วนพลังงานทางเลือกไม่พอยาไส้และยังแพงหากเทคโนโลยีไม่ถึงหรือสภาพแวดล้อมไม่เป็นใจ
ไทยต้องทบทวนตัวเอง ว่ากลัวเงาตัวเองใช่หรือไม่? ประเทศไม่โต คนไทยก็ยากจนไปด้วย เพราะชาวบ้านเขาโตกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #209 เมื่อ: 15-12-2007, 18:57 » |
|
สรุปง่ายๆสายส่งไฟฟ้าเป็นของส่วนกลาง
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้สิทธิ์ราคาพิเศษในที่ตั้ง มลภาวะตามปกติในโรงไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆน้อยกว่าระบบอื่นๆ
อุบัติเหตุมีน้อบ มาตรฐานความปลอดภัยสูงกว่าการโดยสารเครืองบิน กากนิวเคลียร์ปัจจุบันก็หมุนเวียนได้และมีน้อยลง
เรื่องกัมตรังสีบรเวณโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ มีสังเกตเพื่อศึกษาได้ในระยะใกล้ๆไม่เกินห้ากิโลเมตร. ยังไม่มีข้อสรุปที่เชื่อถือได้อย่างเป็นทางการในระยะดังกล่าว
ว่ามีผลต่อการเป็นมะเร็งโดยตรง เพราะปริมาณรังสีน้อย และมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ รวมทั้งสารก่อมะเร็งอื่นๆมากมาย
โรงไฟ้ถ้านหินไม่เป็นที่นิยมมากเท่าน้ำมันและแก๊ซ เพราะมีข้อจำกัดมากกว่าในความสะดวก และต้นทุนการขุดและค่าขนส่งมากกว่าด้วย
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีข้อดีในแง่การลงทุนระยะยาวทางเทคโนโลยี ระยะยาวด้วยอีกทางหนึ่ง
เพื่อนำร่องในการพัฒนาทางเทคโนโลยีของประเทศไทย พลังงานที่ได้ สะอาด ปลอดภัย ราคาประหยัด
สร้างเสถียรภาพด้านพลังงานเพื่อรองรับการเติบโตในทุกด้านให้ประเทศไทย เช่นเดียวกับด้านไอที
หากตั้งได้สำเร็จ จะแก้ปัญหาความงมงายและขาดวินัยในการดำเนินขีวิตให้คนไทยได้โดยทางตรงและทางอ้อม
การต่อต้านไม่พบข้อมูลสนับสนุนที่เชื่อถือได้ว่าประเทศใดจะเลิกพึ่งพาพลังานนิวเคลียร์เพื่อสันติ
ในทางตรงกันข้ามกลับมีการพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งและละเอียดอ่อนมากขึ้นเพท่อท้ายสู่นิวเคลียร์ฟิวชั่น
ซึ่งต้องอาศัยคุณภาพของประชากรโลกสูงขึ้นไปอีก ในการควบคุมจัดการทั้งประบวนการ
หากมุ่งแต่รอซื้อเทคโนโลยี โดยไม่เสริมสร้างการเรียนรู้จากสนามจริง คนไทยจะต้องจ่ายแพงมากอย่างไม่คุ้มค่าและยากจนลงขนาดที่ไม่มีความสามารถ
มีมาตรฐานชีวิตในธรรมชาติปกติ ดีกว่ากระบือเท่าไรนัก เนืองจากกลุ่มคนที่ยืนอยู่ได้เป็นกลุ่มท้ายๆ ต้องมีกึ๋นอย่างพอเพียง ในระดับนำ
มิฉะนั้นก็ต้องปิดประเทศขุดรูรออยู่อยู่เพื่อหลบหนีการล่าอาณานิคมทางเศรษฐกิจต่อไป..การสงบศึกได้ต้องทำให้คนไทยสามารถเข้มแข็งยืนหยัดได้มากขึ้นในทุกด้านเท่านั้น
ส่วนเรื่องรังสี เข้าใจว่า มีอยู่ในธรรมชาติทั่วไปไม่น้อย แม้ในแสงแดด ไม่ต้องกลัวจนปัสาวะรดที่นอน
ควรกลัวระเบิดหรือโจรข่มขืนมากกว่า เพราะมันอาจจะคืบคลานไปทำมิดีมิร้าย ได้ทุกเพศทุกวัย.. ไม่เลือกสถานที่หรือเวลา...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sleepless
|
 |
« ตอบ #210 เมื่อ: 15-12-2007, 20:07 » |
|
แผนการขยายกำลังผลิตกระแสไฟฟ้าในสหรัฐฯ 2007 - 2011 ไม่มีนิวเคลียร์ แหล่งพลังงานทางธรรมชาติกำลังไล่ตาม เพิ่มขึ้นเป็น 20% ของนิวเคลียร์ (Wood, black liquor, other wood waste, municipal solid waste, landfill gas, sludge waste, tires, agriculture byproducts, other biomass, geothermal, solar thermal, photovoltaic energy, and wind.) http://www.eia.doe.gov/cneaf/electricity/epa/epat2p5.htmlแหล่งพลังงานที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าในสหรัฐฯ 1995 - 2006 พลังงานจากนิวเคลียร์์ แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง http://www.eia.doe.gov/cneaf/electricity/epa/epat2p1.htmlโครงการติดตั้งเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าในสหรัฐฯ 2007 - 2008 พลังงานลม (WND) กำลังมา http://www.eia.doe.gov/cneaf/electricity/epm/tablees3.html... ตัวเลขปริมาณการใช้ไฟฟ้าต่อหัวประชากร (kWh/คน/ปี) ปี 42 (ปัจจุบันน่าจะเพิ่มขึ้นนิดหน่อย) ไทย 1,360 มาเลเซีย 2,420 เกาหลีใต้ 4,970 อังกฤษ 5,630 สิงคโปร์ 6,380 ญี่ปุ่น 7,490 สหรัฐอเมริกา 11,870 ผมว่าทิศทางในอนาคตผู้ใช้น่าจะเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอง ไอ้โมเดลโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ผลิตไฟฟ้าแล้วส่งไปให้ตามบ้านแล้วเก็บตังค์มันไม่น่าจะใช่อนาคตนะ ผมคิดว่าเราน่าจะทุ่มวิจัยระบบกำเนิดไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับในครัวเรือนแทนการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ และทิศทางของแหล่งพลังงานที่จะนำมาใช้ต้องไม่ใช่จากเชื้อเพลิง แต่ต้องเป็นแหล่งพลังงานที่มีอยู่ทั่วไปตามครัวเรือน เช่นแสงอาทิตย์ พลังลม หรือในอนาคตหากทำได้จริงก็คือแรงโน้มถ่วง (อันนี้ฝันเอา) พลังงานที่ครัวเรือนเหลือ ค่อยขายคืนให้การไฟฟ้าซื้อไปจ่ายให้โรงงานที่ต้องการไฟฟ้าไปใช้งานเพิ่ม โรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าในอนาคตน่าจะเป็นแค่ระบบสำรอง (เช่น กรณีดวงอาทิตยดับ หรือโลกหยุดผลิตแรงโน้มถ่วง) ส่วนการไฟฟ้าก็เป็นผู้ขาย (ผ่อน) ระบบกำเนิดไฟฟ้าให้แต่ละครัวเรือนแทนเก็บค่าไฟ ไม่ถึง 10 ปี หลังคาแต่ละบ้านก็น่าจะมี solar cell ติดได้หมดแล้ว ระบบคอมพิวเตอร์เมนเฟรมปัจจุบันยัง downsizing กันจนปัจจุบันเราสามารถตั้ง server ของตนเองในบ้านกันได้แล้ว เทคโนโลยีที่จะผลิดพลังงานให้คนละ 2,000 kWh/คน/ปี ไม่น่าจะยากเกินเทคโนโลยีปัจจุบันนะ หรือถ้ากลัวคนการไฟฟ้าจะตกงาน เปลี่ยนการไฟฟ้าไปเป็นหน่วยงานผลิตเครื่องกำเนิดไฟฟ้าประจำบ้าน มีบริการหลังการขาย ออกรุ่นใหม่ๆ มา upgrade ทุกปี แล้วถึงตอนนั้น จะแปรรูปทั้งสามการไฟฟ้าพร้อมกันเลยก็น่าจะไม่มีใครว่านะ คราวนี้ก็ไม่ต้องมานั่งเถียงกันว่าจะเอานิวเคลียร์หรือไม่เอานิวเคลียร์ (ซึ่งเราก็ยังไม่มีเทคโนโลยีเหมือนกัน และน่าจะทำยากกว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดเล็กมาก) ว่าแต่ว่า มหาอำนาจนิวเคลียร์ทั้งหลายแหล่เขาก็คงบอกเราว่าไม่น่าจะคุ้ม ซื้อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จากเขาเลย ตูมเดียวจบ ก็มันจะขายของนี่หว่า 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #211 เมื่อ: 15-12-2007, 20:26 » |
|
พลังงานที่ครัวเรือนเหลือ ค่อยขายคืนให้การไฟฟ้าซื้อไปจ่ายให้โรงงานที่ต้องการไฟฟ้าไปใช้งานเพิ่ม โรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าในอนาคตน่าจะเป็นแค่ระบบสำรอง (เช่น กรณีดวงอาทิตยดับ หรือโลกหยุดผลิตแรงโน้มถ่วง) ส่วนการไฟฟ้าก็เป็นผู้ขาย (ผ่อน) ระบบกำเนิดไฟฟ้าให้แต่ละครัวเรือนแทนเก็บค่าไฟ ไม่ถึง 10 ปี หลังคาแต่ละบ้านก็น่าจะมี solar cell ติดได้หมดแล้ว
solar cell ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีครับ เพราะปัจจุบันประสิทธิภาพยังต่ำเมื่อเทียบกับราคาอีกทั้งยังต้องเสียค่าบำรุงรักษาอีก อย่างแบตเตอรี่นี่ก็ใช่ว่าจะใช้ได้ตลอดอายุการใช้ง่าย ได้ไม่กี่ปีต้องเปลี่ยนแบตใหม่ ส่วนแบตเก่าก็ทิ้งเป็นขยะอีก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sleepless
|
 |
« ตอบ #212 เมื่อ: 15-12-2007, 20:51 » |
|
solar cell ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีครับ เพราะปัจจุบันประสิทธิภาพยังต่ำเมื่อเทียบกับราคาอีกทั้งยังต้องเสียค่าบำรุงรักษาอีก อย่างแบตเตอรี่นี่ก็ใช่ว่าจะใช้ได้ตลอดอายุการใช้ง่าย ได้ไม่กี่ปีต้องเปลี่ยนแบตใหม่ ส่วนแบตเก่าก็ทิ้งเป็นขยะอีก
งั้นเราน่าจะทุ่มเงินให้ NECTEC วิจัย free energy แบบอื่น อาจจะเป็นแบบ hybrid ก็ได้ จุดหลักก็คือ เราน่าจะยกเลิกระบบมีผู้ผลิตขนาดใหญ่แล้วจ่ายไฟเก็บตังค์จากผู้ใช้ ผมคิดเอาเองหรือเปล่าก็ไม่รู้ ว่าที่เรายังไม่มีพลังงานที่ผลิตได้จากครัวเรือนใช้ ก็เพราะว่าผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ ผู้ผลิตโรงไฟฟ้า รวมทั้งรัฐบาลของมหาอำนาจที่มีเทคโนโลยี เขาล้างสมองเราว่าไม่น่าจะคุ้มค่า !!!! Trend ในอนาคตมันไปทาง ''distributed generation''--putting generation close to consumption อยู่แล้ว แต่ก่อน ครัวเรือนไม่น่าจะมีปัญญาหาซื้อ maingrame มาประจำที่บ้านได้ แต่ปัจจุบัน เราสามารถมี personal computer ที่มีสมรรถนะเหนือกว่า mainframe ของแบงก์ใหญ่ๆ บางแห่งในสมัยก่อนเสียอีก engineer ทางด้านไฟฟ้าก็เป็นระดับหัวกระทิไม่แพ้ทางด้านคอมพิวเตอร์ แล้วทำไมเราถึงยังไม่มี personal power plant ตั้งในบ้าน??? ผมเชื่อว่ามันมีผลประโยชน์มากมายที่ขัดขวางเทคโนโลยีใน field นี้ไม่ให้สามารถนำออกมาใช้งานได้ หรือคุณเชื่อทุกอย่างที่เขาบอก  อาจจะเริ่มจากพลังแก๊สธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูงก่อนอย่างเจ้าข้างล่างนี่  <--- Combined Heat and Power (CHP) generators  <--- Combined Heat and Power (CHP) generators อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมhttp://www.treehugger.com/files/2006/11/home_energy_and.phphttp://www.ecogeek.org/content/view/451/
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2007, 21:14 โดย sleepless »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ScaRECroW
|
 |
« ตอบ #213 เมื่อ: 15-12-2007, 22:10 » |
|
ถ้าอย่างนั้นประเทศไทยเราก็มีโรงไฟฟ้ามากมายหลายล้านโรง กระจายอยู่ทั่วทุกครัวเรือน แม้แต่ในแคมป์ไฟกลางป่าก็นับด้วย เวลาวันลอยกระทงเราก็เอาโรงไฟฟ้าไปลอยน้ำกัน ส่วนกำลังการผลิตนั้นไม่กล้านับ เพราะคงมากมายหลายเทอราวัตต์ครับ  ผมใช้โรงไฟฟ้าต้มน้ำ ชงกาแฟทุกวันเลย เพราะน้ำเดือดแล้วมันมีไอน้ำ ทีปั่นไฟยังไม่ได้ เป็นเพราะไม่มีอุปกรณ์สำคัญอื่น ๆ ประกอบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.
ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่? ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
|
|
|
สมชายสายชม
|
 |
« ตอบ #214 เมื่อ: 15-12-2007, 22:32 » |
|
บริษัท Siemens ขายระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลมที่มีกำกังผลิตเทียบเท่ากับ พลังงานนิวเคลียร์ให้แก่สหรัฐฯ ด้วยกังหันลมจำนวน 600 ยูนิท ผลิตกำลังไฟฟ้าได้ยูนิทละ 2300 KW หรือ 2.3 MW รวมทั้งระบบสามารถผลิตกำลังไฟฟ้าได้ 1400 MW ซึ่งเทียบเท่ากับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ขนาดใหญ่ http://www.renewableenergyaccess.com/rea/news/story?id=47102 2007-01-12 Siemens Wind Power Exceeds 1,400 MW of Orders in the U.S. Orlando, Florida & Erlangen, Germany [RenewableEnergyAccess.com] Siemens Power Generation announced that, since its acquisition of Bonus Energy in 2004, its wind power division has received U.S. orders for more than 600 wind turbine units for wind energy project development, or 1,400 megawatts (MW), with the total order volume of these projects in the range of US$1.7 billion. Recently Siemens was awarded an order from Airtricity to supply 55 units of its SWT-2.3-93 wind turbine for the Roscoe wind farm in Texas. Siemens is to deliver, install, commission and test the wind turbines. Siemens entered into a five-year service, maintenance and warranty agreement for the wind farm. Installation will take place from early August through November 2007, with the project handover scheduled for mid-January 2008. Siemens, which also received contracts for two other projects in Texas, will supply equipment and service to Airtricity for the Forest Creek Wind Farm in Sterling City. The Siemens scope of supply includes 54 SWT-2.3-93 turbines, totaling approximately 125 MW, as well as a turbine supply agreement, and a service, maintenance and warranty agreement. Another order in the state of Texas comes from RES, for which Siemens will supply 46 of its SWT-2.3-93 turbine generators for a total of 106 MW, as well as wind turbine supply, and service, maintenance and warranty agreements. These turbines will be an extension of the existing Sweetwater Wind Farm, which will then have a total capacity of over 500 MW. "Once all of the Siemens units are completed and operating at Sweetwater, the United States will have surpassed the 10,000 MW mark in wind energy," said Randy Zwirn, president and CEO of Siemens Power Generation, Inc. and member of the PG Group Executive Management. "Only two other countries, Germany, with 19,000 MW, and Spain, with 10,000 MW, have reached this level of wind power capacity." ......................................................................................................... กังหันอีกรุ่นหนึ่งของ Siemens ที่สามารถผลิตกำลังไฟฟ้าได้ 3600 KW ที่ความเร็วลม 50 กม. ต่อ ชั่วโมง (กังหันเริ่มหมุนที่ความเร็วลม 10 กม. ต่อชั่วโมง) http://www.powergeneration.siemens.com/products-solutions-services/products-packages/wind-turbines/products/swt-3-6-107/http://www.powergeneration.siemens.com/products-solutions-services/products-packages/wind-turbines/products/swt-3-6-107/techspecification/techspecification.htm.......................................................................................................... บริษัท Siemens เข้าไปตั้งโรงงานผลิตใบพัดกังหันในสหรัฐฯ http://www.renewableenergyaccess.com/rea/news/story?id=45762_____________________________________________________________ บริษัท Vestas ผู้ผลิตกังหันลมอีกรายหนึ่งที่เข้าไปขายโครงการในสหรัฐฯ http://jcwinnie.biz/wordpress/?p=1922 _____________________________________________________________ กังหันลมของบริษัท GE http://jcwinnie.biz/wordpress/?p=2179 http://www.renewableenergyaccess.com/rea/news/story?id=48355 May 2, 2007 GE to Supply Invenergy with 600 MW of Wind Turbines, Again Contracts now total 1,200 MW for wind projects in the U.S. & Canada. Atlanta, Georgia [RenewableEnergyAccess.com] GE Energy will provide an additional 600 megawatts (MW) of wind turbines to Invenergy Wind LLC for its 2008 projects in the U.S. and Canada. This order, which brings the total to 1,200 MW of GE 1.5-MW wind turbines for Invenergy projects over the next two years, replicates Invenergy's order last fall for projects planned for 2007. "Working with Invenergy on such a large scale to implement a renewable energy addition to the North American grid represents one of our larger commercial agreements this year," said Victor Abate, vice president of renewables for GE Energy. "The United States and Canada have vast wind energy resources and Invenergy continues to demonstrate strong industry leadership and innovation in the development of that potential." Invenergy, as a member of the Canadian Wind Energy Association (CanWEA), is well on its way supporting CanWEA's goal of 10,000 MW of wind energy installed in Canada by the year 2010. "Over the past three years, Invenergy has developed and constructed more than 680 megawatts of wind energy facilities," said Michael Polsky, CEO of Invenergy. "We are excited about the future of wind energy in the United States and Canada, and are pleased to utilize GE technology to further increase the supply of clean, wind-generated electricity." The American Wind Energy Association (AWEA) recently reported that GE was the leading U.S. wind technology supplier for providing wind turbines representing more than 45% of this country's new wind capacity in 2006. With GE Energy's wind turbine design, manufacturing and assembly facilities in Germany, Spain, China, Canada and the U.S., it is responsible for the development and/or installation of more than 7,500 wind turbines with a total rated output exceeding 9,800 MW. _____________________________________________________________ ถ้าใครเคยขับรถบนทางด่วนยกระดับบูรพาวิถีฝั่งขาเข้า จะรู้สึกต้านลมมาก มั่นใจว่า ความเร็วลมที่ความสูงระดับนั้นน่าจะเกิน 40 กม.ต่อชั่วโมง ถ้าขอบทางสามารถรับน้ำหนักกังหันลมขนาด 2300 KW ไหว ติดตั้งกันหันลมทุกระยะ 100 เมตร .. ระยะทางด่วน 50 กม. ติดตั้งกังหันได้ 500 เครื่อง ถ้าติดตั้งสองฝั่งของขอบทางด่วน ก็จะได้ 1000 เครื่อง .. จะสามารถผลิตกำลังไฟฟ้าได้ 2300 MW มากกว่าโรงจักรบางปะกงและโรงจักรแม่เมาะ เก็บค่าไฟฟ้าได้มหาศาลยิ่งกว่าค่าผ่านทาง หรือถ้าทางด่วนโฮปเวลสนใจ ก็น่าจะลองศึกษาดู กังหันลมมี regurator ควบคุมแรงดันให้คงที่แม้ว่าความเร็วลมจะเปลี่ยนแปลงระหว่าง 25 ถึง 50 กม.ต่อชั่วโมง ดังนั้น แนวชายฝั่งของประเทศไทยน่าจะใช้พลังงานลมได้ .. แต่ที่ไม่อยากจะใช้คงอยาก จะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ถ้าคิดค่าคอมมิชชั่น 3 % ก็จะได้เงินมากกว่า 1000 ล้านบาท ติดกังหันตามขอบทางด่วน (ไม่ต้องใช้เสารับกังหัน)  ...
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2007, 23:39 โดย สมชายสายชม »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
so what?
|
 |
« ตอบ #215 เมื่อ: 15-12-2007, 22:36 » |
|
ผมยังอยากเห็นการเอาพลังงานแสงอาทิตย์มาแปรรูปมากกว่าครับ เพราะพลังงานแสงอาทิตย์มีเหลือเฟือไม่หมดสิ้น และเป็นการหมุนเวียนพลังงาน จึงไม่ทำให้โลกร้อนขึ้น ปัญหาหลักคือประสิทธิภาภของโซล่าเซลล์กับแบตเตอรี่ แต่เรื่องนี้คงต้องมีการวิจัยพัฒนากันต่อไปอีก สาเหตุหนึ่งที่การพัฒนาจุดนี้ไปไม่ถึงไหนก็เพราะพลังงานจากแหล่งอื่นยังมีต้นทุนถูกกว่า แรงจูงใจในการพัฒนาจึงน้อย
การแปรรูปก็ไม่จำเป็นต้องแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด แบบที่ใช้ได้ตรงๆเลยก็เอามาให้ความร้อนโดยตรงแบบทำน้ำร้อน หรือหุงหาอาหาร เหมือนโครงการของยูเอ็น ที่เค้าทำ cooker แจกแม่บ้านในค่ายผู้อพยพในซูดาน เพื่อให้ผู้หญิงพวกนี้ไม่ต้องออกไปหาฟืนมาหุงหาอาหาร ซึ่งเสี่ยงต่อการโดนข่มขืน ผมยังเชื่อว่าถ้ามีการทุ่มเทวิจัยพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พลังงานแสงอาทิตย์น่าจะแปรรูปได้มากกว่าการให้ความร้อนโดยตรง หรือเปลี่ยนเป็ไฟฟ้าผ่านโซล่าเซลล์ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #216 เมื่อ: 15-12-2007, 22:38 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ท้าวอภิมหาอัครเทพอลังการ
|
 |
« ตอบ #217 เมื่อ: 15-12-2007, 22:40 » |
|
ผมใช้โรงไฟฟ้าต้มน้ำ ชงกาแฟทุกวันเลย เพราะน้ำเดือดแล้วมันมีไอน้ำ ทีปั่นไฟยังไม่ได้ เป็นเพราะไม่มีอุปกรณ์สำคัญอื่น ๆ ประกอบ
จะว่าไปแล้ว รถยนต์ของท่านท้าวเนี่ย ก็เป็นโรงไฟฟ้านะ มีองค์ประกอบตามที่ พหูสุตรท่านหนึ่งว่าไว้เลย มี หลังคาคลุมเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มีส่วนกำเนิดพลังงาน มี Generator ซึ่งในรถยนต์คือ ไดนาโม องค์ประกอบครบเลย เป็นโรงไฟฟ้าแบบใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ขนาดเล็ก โอ้เยี่ยมเลย ถ้าคิดตามตรรกะนี้ เรามีโรงไฟฟ้าเคลื่อนที่แบบส่วนบุคคลทั้งไม่เกินเจ็ดที่นั่ง และมากกว่าเจ็ดที่นั่ง รวมแบบขนส่งส่วนบุคคล จำนวนกว่าแปดล้านคัน หุหุ นี่ยังไม่รวมโรงไฟฟ้าแบบ อีแต๋น ยันมาร์ คูโบต้า โคมัทสุ และอีกสารพัดแบบเลยนะ อืมมอไซค์ไม่นับว่าเป็นเโรงไฟฟ้านะ แม้ว่าจะปั่นไฟได้ เพราะว่าไม่มี หลังคา รวมทั้งรถเปิดประทุน จะยี่ห้ออะไรก็ตาม ถ้าไม่มีหลังคา เป็นโรงไฟฟ้าไม่ได้นะ สำคัญมากเลยนะ โรงไฟฟ้าต้องมีหลังคา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
so what?
|
 |
« ตอบ #218 เมื่อ: 15-12-2007, 22:48 » |
|
....
ถ้าใครเคยขับรถบนทางด่วนยกระดับบูรพาวิถีฝั่งขาเข้า จะรู้สึกต้านลมมาก มั่นใจว่า ความเร็วลมที่ความสูงระดับนั้นน่าจะเกิน 40 กม.ต่อชั่วโมง ถ้าขอบทางสามารถรับน้ำหนักกังหันลมขนาด 2300 KW ไหว ติดตั้งกันหันลมทุกระยะ 100 เมตร .. ระยะทางด่วน 50 กม. ติดตั้งกังหันได้ 500 เครื่อง ถ้าติดตั้งสองฝั่งของขอบทางด่วน ก็จะได้ 1000 เครื่อง .. จะสามารถผลิตกำลังไฟฟ้าได้ 2300 MW มากกว่าโรงจักรบางปะกงและโรงจักรแม่เมาะ เก็บค่าไฟฟ้าได้มหาศาลยิ่งกว่าค่าผ่านทาง หรือถ้าทางด่วนโฮปเวลสนใจ ก็น่าจะลองศึกษาดู
...
ขอบทางของทางด่วนบางนาขบางปะกง รับไม่ไหวหรอกครับ ผมหมายถึงส่วนพื้น deck ที่ยื่นไปออกไป แค่รับรับน้ำหนัก barrier กับรถที่วิ่งไปวิ่งมามันก็แย่แล้วครับ ที่พอจะรับได้น่าจะเป็น barrier ที่กั้นตรงกลางระหว่างสามเลนขาเข้ากับสามเลนขาออกครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สมชายสายชม
|
 |
« ตอบ #219 เมื่อ: 15-12-2007, 22:49 » |
|
เครื่องปั่นไฟของคุณ Solidus .. ผมก็เคยคิด นะ ถ้านำไปติดตั้งตามโรงออกกำลังกายฟิตเนส เจ้าของสถานจะได้กำไรเพิ่มขึ้นจากการ ขายไฟฟ้าให้รัฐ  ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สมชายสายชม
|
 |
« ตอบ #220 เมื่อ: 15-12-2007, 22:57 » |
|
ขอบทางของทางด่วนบางนาขบางปะกง รับไม่ไหวหรอกครับ ผมหมายถึงส่วนพื้น deck ที่ยื่นไปออกไป แค่รับรับน้ำหนัก barrier กับรถที่วิ่งไปวิ่งมามันก็แย่แล้วครับ ที่พอจะรับได้น่าจะเป็น barrier ที่กั้นตรงกลางระหว่างสามเลนขาเข้ากับสามเลนขาออกครับ
ถ้าตั้งเสาแนวกลางทางด่วน แล้วใช้สลิงดึง tension กับตัวกังหัน พอจะไหวไหมครับ และคงจะมีแรง drag force แนวนอน จากลมที่ปะทะกับกังหันที่ต้องนำมาคิดด้วย ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อธิฏฐาน
|
 |
« ตอบ #221 เมื่อ: 15-12-2007, 22:58 » |
|
จะว่าไปแล้ว รถยนต์ของท่านท้าวเนี่ย ก็เป็นโรงไฟฟ้านะ มีองค์ประกอบตามที่พหูสุตรท่านหนึ่งว่าไว้เลย
มีหลังคาคลุมเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มีส่วนกำเนิดพลังงาน มี Generator ซึ่งในรถยนต์คือ ไดนาโม
องค์ประกอบครบเลย เป็นโรงไฟฟ้าแบบใช้น้ำมันเชื้อเพลิงขนาดเล็ก โอ้เยี่ยมเลย
ถ้าคิดตามตรรกะนี้ เรามีโรงไฟฟ้าเคลื่อนที่แบบส่วนบุคคลทั้งไม่เกินเจ็ดที่นั่ง และมากกว่าเจ็ดที่นั่ง รวมแบบขนส่งส่วนบุคคล จำนวนกว่าแปดล้านคัน หุหุ
นี่ยังไม่รวมโรงไฟฟ้าแบบ อีแต๋น ยันมาร์ คูโบต้า โคมัทสุ และอีกสารพัดแบบเลยนะ
อืมมอไซค์ไม่นับว่าเป็นเโรงไฟฟ้านะ แม้ว่าจะปั่นไฟได้ เพราะว่าไม่มีหลังคา
รวมทั้งรถเปิดประทุน จะยี่ห้ออะไรก็ตาม ถ้าไม่มีหลังคา เป็นโรงไฟฟ้าไม่ได้นะ
สำคัญมากเลยนะ โรงไฟฟ้าต้องมีหลังคา
มอเตอร์ไซค์ตุ๊ก ๆ มีหลังคาค่ะ เพราะฉะนั้นเป็นโรงไฟฟ้าได้ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #222 เมื่อ: 15-12-2007, 23:01 » |
|
จะว่าไปแล้ว รถยนต์ของท่านท้าวเนี่ย ก็เป็นโรงไฟฟ้านะ มีองค์ประกอบตามที่พหูสุตรท่านหนึ่งว่าไว้เลย
มีหลังคาคลุมเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มีส่วนกำเนิดพลังงาน มี Generator ซึ่งในรถยนต์คือ ไดนาโม
องค์ประกอบครบเลย เป็นโรงไฟฟ้าแบบใช้น้ำมันเชื้อเพลิงขนาดเล็ก โอ้เยี่ยมเลย
ถ้าคิดตามตรรกะนี้ เรามีโรงไฟฟ้าเคลื่อนที่แบบส่วนบุคคลทั้งไม่เกินเจ็ดที่นั่ง และมากกว่าเจ็ดที่นั่ง รวมแบบขนส่งส่วนบุคคล จำนวนกว่าแปดล้านคัน หุหุ
นี่ยังไม่รวมโรงไฟฟ้าแบบ อีแต๋น ยันมาร์ คูโบต้า โคมัทสุ และอีกสารพัดแบบเลยนะ
อืมมอไซค์ไม่นับว่าเป็นเโรงไฟฟ้านะ แม้ว่าจะปั่นไฟได้ เพราะว่าไม่มีหลังคา
รวมทั้งรถเปิดประทุน จะยี่ห้ออะไรก็ตาม ถ้าไม่มีหลังคา เป็นโรงไฟฟ้าไม่ได้นะ
สำคัญมากเลยนะ โรงไฟฟ้าต้องมีหลังคา
ก็ไปจอดติดเครื่องที่มีหลังคาสิครับ ก็เข้าองค์ประกอบโรงไฟฟ้าพอดี แต่ยังสงสัยอยู่ว่าทางยกระดับนี่ถือเป็นหลังคาได้หรือไม่ เพราะคนที่นอนใต้ทางยกระดับก็ถือว่าเป็นหลังคาได้เพราะใช้บังแดดบังฝนได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #223 เมื่อ: 15-12-2007, 23:02 » |
|
ถ้าตั้งเสาแนวกลางทางด่วน แล้วใช้สลิงดึง tension กับตัวกังหัน พอจะไหวไหมครับ
และคงจะมีแรง drag force แนวนอน จากลมที่ปะทะกับกังหันที่ต้องนำมาคิดด้วย
...
ผมว่าตั้งเสาขึ้นใหม่เลยดีกว่าครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #224 เมื่อ: 15-12-2007, 23:07 » |
|
เครื่องปั่นไฟของคุณ Solidus .. ผมก็เคยคิด นะ ถ้านำไปติดตั้งตามโรงออกกำลังกายฟิตเนส เจ้าของสถานจะได้กำไรเพิ่มขึ้นจากการ ขายไฟฟ้าให้รัฐ  ... ไดนาโมของจักรยาน ถ้าติดใบพัด แล้วไปตั้งที่มีกระแสลมพอสมควรตลอดเวลา ก็น่าทำให้หลอด LED ติด ใช้แทนหลอดไฟข้างทางได้เลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
so what?
|
 |
« ตอบ #225 เมื่อ: 15-12-2007, 23:08 » |
|
ถ้าตั้งเสาแนวกลางทางด่วน แล้วใช้สลิงดึง tension กับตัวกังหัน พอจะไหวไหมครับ
และคงจะมีแรง drag force แนวนอน จากลมที่ปะทะกับกังหันที่ต้องนำมาคิดด้วย
...
ถ้ามองจากโครงสร้างแล้วคงติดตั้งไม่ได้ครับ เพราะถ้าติดตั้งเตี้ยๆ ใบพัดที่มีรัศมีค่อนข้างกว้างก็จะไปหมุนตัดรถที่วิ่งไปวิ่งมา ถ้ายกสูงขึ้นไปโครงสร้างก็คงรับไม่ไหว ถ้าเอาสายสลิงมาช่วยก็จะตีกับใบพัด และยวดยานพาหนะอีก อีกอย่างคือทางวิศวกรของการทางพิเศษคงไม่ยอมอะครับ ถ้าถามคนออกแบบเค้าก็ต้องเซย์โนเหมือนกัน เพราะคงไม่กล้าเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงโดยไม่จำเป็น ไอ้ครั้นจะขึ้นไปติดตั้งบนยอดตึกสูงก็จะไปตีกับเสาอากาศโทรศัพท์มือถืออีก 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #226 เมื่อ: 15-12-2007, 23:14 » |
|
เออ เริ่มมีนวัตกรรมแล้ว ยกประโยชน์ให้โรงไฟ่นิวเคลียร์ทดลองไป.. 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สมชายสายชม
|
 |
« ตอบ #227 เมื่อ: 15-12-2007, 23:15 » |
|
ประเทศเดนมาร์ก ผู้ค้นคว้าและพัฒนาพลังงานลม .. มีความเร็วลมเฉลี่ยต่ำแค่ 4.9 to 5.6 metres per second ที่ระดับความสูง 10 เมตร เขาจึงใช้พลังงานลมชายฝั่ง 8.5 to 9 m/s ที่ความสูง 50 m Capacities and production In 2005, Denmark had installed wind capacity of 3,129 MW, which produced 23,810 TJ of energy. Wind power provided 18.2 % of the total gross electricity production, and 18.5 % of the electricity supply in Denmark.[1] In 2006, the installed capacity increased to 3,136 MW. http://en.wikipedia.org/wiki/Wind_power_in_Denmark
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2007, 23:17 โดย สมชายสายชม »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
so what?
|
 |
« ตอบ #228 เมื่อ: 15-12-2007, 23:23 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #230 เมื่อ: 15-12-2007, 23:33 » |
|
เรื่องไฟฟ้าพลังลมเห็นฝ่ายรัฐว่ายังไม่คุ้มทุนครับ เห็นว่าค่าไฟจะตกอยู่ที่ 5 บาท/หน่วย อันนี้ความเร็วลมเฉลี่ยคลอดปี 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #232 เมื่อ: 15-12-2007, 23:45 » |
|
อันนี้ผมเสนอให้ทำเลนจักรยานทั่วประเทศจะบนดินหรือใต้ดินก็ได้ ประหยัดพลังานได้มากจริงๆ ได้ไฟเล็ดไว้ใช้ด้วย..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #233 เมื่อ: 15-12-2007, 23:50 » |
|
อาจจะเป็นแบบ hybrid ก็ได้
อันนีคือทางออกของภาวะอุดตันทางเทคโนโลยีปัจจุบัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #234 เมื่อ: 16-12-2007, 00:43 » |
|
เอาคลิปวิดีโอมาฝากกันครับเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ทำได้เห็นภาพครอบคลุมทั้งระบบชัดเจนมาก ขนาดประมาณ 23 MB ความยาวประมาณเกือบ 5 นาทีครับ http://www.calenergy.com/movies/geo/wm/wmhigh8.wmv... น่าเสียดายที่ประเทศไทยเราไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับธรณีวิทยาระดับลึก อย่างจริงจัง เพราะพลังงานความร้อนใต้พิภพน่าจะเป็นอีกแหล่งพลังงาน ที่ไม่ก่อมลพิษ และใช้ได้แบบไม่มีกำหนดหมด ถ้ามีข้อมูลชัดเจนว่าตรงไหนใต้ดิน 3-4 กิโลมีสภาพเหมาะสม เราก็น่าจะ ทำได้แบบเดียวกัน เช่นบริเวณที่เป็นรอยแยกทางธรณีวิทยาต่างๆ ก็ไม่รู้เมื่อไหร่เราถึงจะมีข้อมูลด้านนี้ทัดเทียมประเทศอื่นเขานะครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #235 เมื่อ: 16-12-2007, 00:56 » |
|
พลังงานความร้อนใต้พิภพที่เห็นก็มีโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพฝาง จ.เชียงใหม่ กำลังผลิต 300 กิโลวัตต์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #236 เมื่อ: 16-12-2007, 02:00 » |
|
พลังงานความร้อนใต้พิภพที่เห็นก็มีโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพฝาง จ.เชียงใหม่ กำลังผลิต 300 กิโลวัตต์
โรงไฟฟ้าที่ฝางผมเคยไปดูตั้งแต่เปิดดำเนินการ 5 ปีครับ (ปี 37) ไปดูแหล่งน้ำมันแถวนั้นด้วย น่าเสียดายที่จนป่านนี้ประเทศไทยไม่มีการดำเนินการใดๆ เพิ่มเติมในแหล่งอื่นเท่าที่ควร ทั้งที่เราเป็นประเทศแรกใน ASEAN ที่มีโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิำภพ ประเทศไทยของเราตั้งอยู่บนแนวพื้นที่ที่มีศักยภาพในด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพครับ ครอบคลุมตั้งแต่ภาคเหนือคือ เชียงราย ลงมาทางภาคกลาง ลงไปถึงภาคใต้ คือยะลา มีแหล่งน้ำพุร้อนเกือบ 100 แห่ง แต่ส่วนใหญ่ใช้หลอกนักท่องเที่ยวให้ต้มไข่เท่านั้น   ถ้าทั้งหมดพัฒนาเป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใ้ต้พิภพจะมีกำลังหลายร้อยกิโลวัตต์ต่อแห่ง เพียงพอจะใช้ในชุมชน ... แต่ที่สำคัญไม่ได้อยู่ตรงนี้ครับ ความจริงลึกลงไปใต้พื้นโลกของไทยสัก 3-4 กิโลเมตร จะมีชั้นหินที่มีบางส่วนร้อนกว่าปกติ ซึ่งถ้าเราอัดน้ำลงไปทำให้ร้อน แล้วดึงขึ้นมาใช้ปั่นไฟ สามารถได้พลังงานถึงระดับหลายเมกกะวัตต์ แต่การสำรวจเรื่องนี้ของไทยเราเงียบสนิท โรงงานพลังความร้อนใต้พิภพระบบที่ว่านี้เรียกว่าระบบ Hot Dry Rock ตอนนี้ทั้งสหรัฐ อังกฤษ เยอรมัน และโดยเฉพาะญี่ปุ่น ทำกันใหญ่แล้ว ผมไม่รู้ว่าศักยภาพด้านนี้ของไทยมีแค่ไหน แต่จากตำแหน่งที่ตั้งมีอยู่แน่นอนครับ 
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2007, 02:08 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
ScaRECroW
|
 |
« ตอบ #237 เมื่อ: 16-12-2007, 02:03 » |
|
จะว่าไปแล้ว รถยนต์ของท่านท้าวเนี่ย ก็เป็นโรงไฟฟ้านะ มีองค์ประกอบตามที่พหูสุตรท่านหนึ่งว่าไว้เลย
มีหลังคาคลุมเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มีส่วนกำเนิดพลังงาน มี Generator ซึ่งในรถยนต์คือ ไดนาโม
องค์ประกอบครบเลย เป็นโรงไฟฟ้าแบบใช้น้ำมันเชื้อเพลิงขนาดเล็ก โอ้เยี่ยมเลย
ถ้าคิดตามตรรกะนี้ เรามีโรงไฟฟ้าเคลื่อนที่แบบส่วนบุคคลทั้งไม่เกินเจ็ดที่นั่ง และมากกว่าเจ็ดที่นั่ง รวมแบบขนส่งส่วนบุคคล จำนวนกว่าแปดล้านคัน หุหุ
นี่ยังไม่รวมโรงไฟฟ้าแบบ อีแต๋น ยันมาร์ คูโบต้า โคมัทสุ และอีกสารพัดแบบเลยนะ
อืมมอไซค์ไม่นับว่าเป็นเโรงไฟฟ้านะ แม้ว่าจะปั่นไฟได้ เพราะว่าไม่มีหลังคา
รวมทั้งรถเปิดประทุน จะยี่ห้ออะไรก็ตาม ถ้าไม่มีหลังคา เป็นโรงไฟฟ้าไม่ได้นะ
สำคัญมากเลยนะ โรงไฟฟ้าต้องมีหลังคา
อันที่ผมใช้ต้มน้ำชงกาแฟ เป็นโรงไฟฟ้าแน่นอน เพราะมันมีฝาปิด แต่ถ้าเปิดฝาเมื่อไรถึงจะยังมีไอน้ำก็ไม่ใช่โรงไฟฟ้าทันทีเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.
ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่? ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
|
|
|
Solidus
|
 |
« ตอบ #238 เมื่อ: 16-12-2007, 02:21 » |
|
ผมว่าที่ประเทศไปไม่ค่อยพัฒนาเรื่องพลังงานทดแทนเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการขัดผลประโยชน์กับคนบางกลุ่ม ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศเอง ถ้าพัฒนาพลังลม คลื่น ความร้อนใต้ภิภพนี่ลงทุนครั้งเดียวที่เหลือเสียแค่ค่าซ่อมบำรุง ต่างจากถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซ นิวเคลียร์ ที่ต้องหาเชื้อเพลิงมาเติมเรื่อย ๆ หากลดการใช้ตรงนี้ไป ใครจะเป็นฝ่ายเสียผลประโยชน์ ยังไม่รวมเรื่องค่าคอมมิชชั่นอีก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #239 เมื่อ: 16-12-2007, 02:23 » |
|
มีโจทย์อีกข้อหนึ่ง ที่ต้องย้ำก็คือ
พลังงานไฟฟ้าที่ได้มาต้องนำไปสร้างมาตรฐานชีวิตและคุณภาพคน
ขยายฐานเศรษฐกิจทั้งภายใน ภายนอกของประเทศในลักษณะเหมือน การลงทุนด้วยอีกทางหนึ่ง
เฉพาะทรัพสินทางปัญญาเท่านั้นคิดว่าคงไม่พอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #240 เมื่อ: 16-12-2007, 02:30 » |
|
ตัวที่จะผลักดันเทคโนโลยีได้คืออุตสาหกรรมและการค้า
อย่างไรก็ตาม ต้นทุนของอุตสาหกรรมนอกจากค่าแรงฯลฯ ก็คือไฟฟ้า
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมต้องนิวเคลียร์ ตราบเท่าที่ต้นทุนต่อหน่วยมันถูกกว่าและเราไม่มีแหล่งพลังงานและเทคโนโลยีที่เหมาะสม
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2007, 02:32 โดย ********Q******** »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #241 เมื่อ: 16-12-2007, 02:56 » |
|
สำหรับประชาชนที่อยู่ห่างไกลสายส่ง ตรงนี้ไม่มีข้อมูล
รัฐต้องลงทุน เดินสายเข้าไปเช่น เดียวกับการจัดระบบผังเมืองและการตัดถนน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #242 เมื่อ: 16-12-2007, 05:40 » |
|
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 พฤศจิกายน 2550
รองปลัดกระทรวงพลังงานย้ำ "แผนพีดีพี 2007" ต้องบรรจุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แม้จะช่วยกันประหยัดและผลักดันพลังงานทดแทนอื่นๆ แล้วก็ยังไม่พอ ส่วน บก.อาวุโสผู้จัดการเชื่อมั่นโรงนิวเคลียร์ปลอดภัย ควรสร้าง แต่ต้องกวดขัน แม้หวั่นปัญหาคอรัปชั่นเก็บไปกินอีกโครงการ
กระแสโรงไฟฟ้านิวเคลียร์กำลังมาแรง ทั้งฝ่ายสนับสนุนให้มี และฝ่ายต่อต้าน โดยสำนักงานคลังสมองวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) เพื่อสังคม จัดเสวนา ทัศนะของสื่อมวลชนต่อโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทย ขึ้นเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมมีผู้แทนภาครัฐและสื่อมวลชนร่วมแสดงความคิดเห็นราว 30 คน
ดร.คุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน เผยถึงสาเหตุที่ต้องบรรจุการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 4,000 เมกะวัตต์ลงในแผนทั้ง 9 แผนของแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า พ.ศ.2550 -2564 (พีดีพี 2007) ซึ่งเป็นที่กังขาของหลายฝ่ายว่า เป็นการยัดเยียดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้กับคนไทย ในขณะที่ยังไม่พร้อมหรือไม่ ว่าเป็นเพราะโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นทางเลือกที่ถูกบังคับให้เลือกโดยอัตราการใช้พลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นของประเทศในปัจจุบันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตามที่มีการคาดการณ์จากอัตราการเจริญโตทางเศรษฐกิจของประเทศ เฉลี่ย 5 -6% ต่อปี
ลดใช้พลังงาน-เพิ่มพลังงานทดแทน ยังไม่ใช่ทางออก
รองปลัดกระทรวงพลังงาน ชี้แจงว่า ในการจัดทำแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าโดยการกระจายสัดส่วนปัจจัยผลิตกระแสไฟฟ้าให้สมดุลทั้งปัจจัยเรื่องปริมาณและราคานี้ กระทรวงพลังงานได้พยายามหาวิธีอื่นๆ มาก่อนแล้ว ได้แก่ การรณรงค์ประหยัดพลังงานตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ผ่านการออกฉลากผลิตภัณฑ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 การรณรงค์ใช้หลอดผอมและหลอดตะเกียบแทนหลอดไส้ การรณรงค์ลดการใช้ลิฟต์ การกรณรงค์ประหยัดไฟในบ้านเรือนและสถานที่ราชการ ฯลฯ จนกล่าวกันว่าช่วยให้ประเทศไทยลดการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ไปแล้วถึง 2 โรง
ขณะที่การพัฒนาพลังงานทางเลือกอื่นๆ ของชุมชนและเอกชนต่างๆ อาทิ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล และพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ซึ่งเป็นการกระจายศูนย์การผลิตกระแสไฟฟ้าไม่ให้รวมศูนย์เพียงส่วนกลางเท่านั้น กระทรวงพลังงานก็ได้ผลักดันแล้วเช่นกัน ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากที่สุดก็ว่าได้
กลไกที่ชัดเจนเช่น การออกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ที่รับซื้อกระแสไฟฟ้าในราคาแพงขึ้นกว่าปกติเพื่อจูงใจให้มีการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนจากหน่วยผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (เอสพีพี) และเล็กมาก (วีเอสพีพี) เพิ่มขึ้น อย่างการรับซื้อกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 8 บาท/หน่วยเป็นเวลา 10 ปี การเพิ่มแรงจูงใจสำหรับการผลิตไฟฟ้าจากของเหลือทิ้งทางการเกษตรจูงใจอีก 30 สตางค์/หน่วยเป็นเวลา 7 ปี เพิ่มแรงจูงใจให้อีก 3.50 บาท/หน่วยเป็นเวลา 10 ปีสำหรับพลังงานลม และพลังงานไฟฟ้าจากขยะที่เพิ่มแรงจูงใจอีก 2.50 บาท/หน่วย
ส่วนสถานการณ์พลังงานทดแทนในปัจจุบัน ดร.คุรุจิต กล่าวว่า ประเทศไทยผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานทดแทน โดยไม่รวมพลังงานน้ำแล้ว 4-5% ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศ จากที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 8% ในปี 2554 ขณะที่ประเทศที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดด้านพลังงานทดแทนของยุโรปยังสามารถทำได้ดีที่สุดเพียง 10% เท่านั้น จึงแสดงให้เห็นว่า การพึ่งพิงแหล่งพลังงานทางเลือกเพียงอย่างเดียวไม่อาจตอบโจทย์ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นของประเทศได้
นอกจากนั้น อุปสรรคอีกข้อหนึ่งของพลังงานทางเลือกในการผลิตกระแสไฟฟ้าคือ ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่มีราคาแพงและมีข้อจำกัดมาก ตัวอย่างเช่น การผลิตไฟฟ้าพลังงานลมซึ่งพื้นที่ภาคใต้เป็นภูมิภาคเดียวที่เหมาะสมที่สุด และยังต้องอาศัยทุนการผลิตถึง 5.7 ล้านบาท/เมกะวัตต์ หรือการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์สำหรับผลิตไฟฟ้าใช้ตามบ้านเรือนก็ยังจำกัดในกลุ่มผู้มีฐานะดีเท่านั้น เนื่องจากต้องมีการลงทุนนับล้านบาททีเดียว จึงไม่ใช่แหล่งพลังงานที่ประชาชนทุกระดับจะเข้าถึงได้
"นิวเคลียร์" ไม่ใช่ระเบิดปรมาณู ถ้ามีทางออกดีกว่าก็ถอดออกได้
อีกทั้งจากตัวแปรหลักของการจัดทำแผนคือ ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ต่ำที่สุดที่ประชาชนจะสามารถเข้าถึงไฟฟ้าได้ ตลอดจนความพยายามลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตกระแสไฟฟ้าตามกระแสด้านสิ่งแวดล้อมที่นานาชาติให้ความสำคัญ ดังนั้นหากจะผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยวิธีที่บรรลุผลได้ทั้งหมด จึงต้องมีการพิจารณาพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์ด้วย
สำหรับแผนพีดีพีนี้จะมีการทบทวนกันทุกๆ 3 ปี หากมีการค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติแหล่งใหม่ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าได้มากพอถึง 8,000 ล้านลบ.ฟุต/วัน ขณะที่เราผลิตได้จริง 2,000 ล้านลบ.ฟุต/วัน ก็ถอดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ออกไปได้"
"เหมือนเมื่อ 30 ปีก่อนในสมัยคุณเกษม จาติกวณิช (อดีต รมว.อุตสาหกรรม และผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยคนแรก) ที่จะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่อ่าวไผ่ แต่เมื่อมีการค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติก็ถอดเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ออกไป ซึ่งเรื่องนี้เราต้องดูความจริงของโลกด้วย ทั้งเรื่องพลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แผนดีพีดี 2007 นี้จึงไม่ใช่การยัดเยียดให้ประชาชนแต่อย่างใด รองปลัดกระทรวงพลังงาน ระบุ
อย่างไรก็ดี รองปลัดกระทรวงพลังงาน ย้ำด้วยว่า หากมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทยจริงตามแผนพีดีพี 2007 ประชาชนจะสามารถมั่นใจในความปลอดภัยได้แน่นอน เพราะทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างเข้มงวด และมีการเตรียมการถึง 13 ปีก่อนการก่อสร้างโรงแรกในปี 2563 ซึ่งจะมีการพัฒนากำลังคน 2 ชุด คือ คนเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ (โอเปอเรเตอร์) และผู้กำกับดูแลที่มีความอิสระจากผู้ใด (โมดูเลเตอร์)
ขณะเดียวกันยังมีการออกกฎหมายกำกับความปลอดภัยของโรงงานที่เทียบได้กับของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) และจะมีสำนักพัฒนาโครงสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (สพน.) เป็นหน่วยงานอิสระอีกแห่งหนึ่งที่จะตั้งขึ้นใหม่ เพื่อทำงานร่วมกันกับสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.)
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นพลังงานทางเลือกที่สำคัญและจำเป็นต่อเศรษฐกิจของประเทศที่จะต้องเติบโตไปข้างหน้าและเพื่อคนรุ่นหลัง พลังงานนิวเคลียร์เป็นพลังงานที่มีราคาถูกที่เราต้องพิจารณา เป็นพลังงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในยุคของการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่ใช้ระเบิดปรมาณู มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าเดิมมาก รุ่นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลของสหภาพโซเวียตเป็นเรื่องเก่าไปแล้ว รุ่นใหม่ๆ จะมีความปลอดภัยสูง และเราก็มีการกระทำตามกฎกติกาจากไอเออีเออย่างเคร่งครัด
เรามีความจำเป็นต้องกระจายความเสี่ยงของแหล่งเชื้อเพลิง เพราะเราพึ่งพาก๊าซธรรมชาติมากเกินไป และถ้าเราจริงใจต่อการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนก็ต้องกระจายแหล่งเชื้อเพลิงและใช้เชื้อเพลิงที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้น้อยลง โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่กระทรวงพลังงานกระทรวงเดียว แต่ยังมีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงศึกษาธิการร่วมศึกษาด้วย เพื่อหวังให้คนรุ่นหลังได้มีพลังงานใช้ได้อย่างมีความมั่นคง เพียงพอและในราคาที่เหมาะสมต่อไป รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าว
ตัวแทนสื่อเห็นด้วยกับ นิวเคลียร์ แต่ต้องทำให้ปลอดภัย
ส่วนเสียงจากตัวแทนสื่อมวลชนที่มีโอกาสชมงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ณ ประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี และฟินแลนด์ตามคำเชิญของกระทรวงพลังงานเป็นเวลา 1 สัปดาห์เมื่อเร็วๆ นี้ นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการอาวุโสหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ แสดงความคิดเห็น โดยเห็นด้วยกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทย ว่าจะเป็นสิ่งที่จำเป็นจริง เพื่อลดการพึ่งพิงก๊าซธรรมชาติและต้นทุนพลังงานที่ถูกลง โดยเชื่อมั่นในระบบความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ ดังที่เห็นตัวอย่างมาจากต่างประเทศ
แต่มีข้อแม้บางประการคือ หากมีการก่อสร้างจริงจะต้องมีความเข้มงวดด้านการกำกับรักษาความปลอดภัยอย่างจริงจัง มีการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนจากปัจจุบันที่ยังมีอยู่น้อยเกินไป เช่น จะต้องมีการก่อสร้างศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดังตัวอย่างของประเทศญี่ปุ่น
ขณะเดียวกัน ผู้นำประเทศจะต้องมีวิสัยทัศน์ที่ดีต่อการพัฒนาประเทศ มีแผนพัฒนาพลังงานที่ชัดเจน ไม่หวังผลระยะสั้นระหว่างดำรงตำแหน่ง แต่ต้องมองไปถึงการพัฒนาที่ยั่งยืน ไม่โหมทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ปล่อยให้ประเทศไทยเป็นแหล่งอุตสาหกรรมนอกประเทศของประเทศที่ผลักดันอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดมลพิษออกนอกประเทศเหมือนที่ผ่านๆ มา แต่ควรอาศัยข้อดีที่มีอยู่ในประเทศมากำหนดยุทธศาสตร์ เช่น การชูเรื่องการท่องเที่ยวและการเป็นแหล่งผลิตอาหารของโลกมากำหนดตำแหน่งของประเทศ
เรื่องการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพื่อแก้ปัญหาการผลิตไฟฟ้า เท่าที่อยู่ในวงการข่าว มันมีมานานแล้ว เทคโนโลยีก็ก้าวหน้าเรื่อยๆ และก็มีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก แต่ชะงักลงเพราะมีอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ทำให้มีคนตาย 40 คน แต่จำนวนคนตาย 40 คนนี้ก็เป็นจำนวนที่ไม่มากอะไร อุบัติเหตุในโรงอย่างอื่นทั่วโลกยังมากกว่า ตัวแทนสื่อกล่าว และย้ำว่า หากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่ปลอดภัยจริง ประชาชนในประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ ย่อมไม่อยู่เฉย แต่จะโวยวายออกมาแล้ว
นอกจากนี้ นายตุลย์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หากต่อไปจะมีการเกิดอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จริง ไม่ว่าประเทศไทยจะมีเป็นของตัวเองหรือไม่ก็ย่อมหนีไม่พ้นกัมมันตภาพรังสีที่ปนเปื้อนในอากาศลอยข้ามประเทศมาแน่นอน เพราะประเทศเพื่อนบ้านไทยทุกประเทศจะมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นของตัวเองแล้ว เช่น จีน และเวียดนาม ทว่าก็ยอมรับว่ารู้สึกหวั่นๆ กับเรื่องของการคอรัปชั่นในแวดวงราชการที่อาจส่งผลกระทบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกของประเทศไทยได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #243 เมื่อ: 16-12-2007, 05:41 » |
|
บทบรรณาธิการ ประชาชาติธุรกิจ 19 พฤศจิกายน 2550
หากไม่นับกระแสการเมืองที่กินพื้นที่ข่าวสารในสื่อต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ ประเด็นที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งซึ่งกลายเป็นข้อถกเถียงในหลายกลุ่ม หลายมุมมอง ทั้งในสื่อโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ไปจนถึงบนสื่อออนไลน์ต่างๆ อย่างกว้างขวางก็คือ ความจำเป็นที่ประเทศไทยจะเลือกใช้พลังงานนิวเคลียร์เป็นทางเลือกใหม่สำหรับการผลิตไฟฟ้าในอนาคต
แม้เมื่อพิจารณาจากท่าทีของพรรคการเมืองต่างๆ ที่กำลังเร่งรณรงค์หาเสียงอยู่ในขณะนี้ ส่วนใหญ่จะยังคงสงวนท่าที ว่าจะเข้ามาผลักดันนโยบายด้านพลังงานด้วยการเลือกใช้พลังงานนิวเคลียร์หรือไม่ แต่ดูเหมือนรัฐบาลชุดปัจจุบันโดยกระทรวงพลังงานเป็นแกนหลักจะแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า จะต้องเร่งดำเนินการโดยเร็ว
ปฏิกิริยาที่ติดตามมาหลังจากจุดประเด็นสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขึ้น ก็คือในกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย หรือมีท่าทีคัดค้านแนวคิดนี้ ก็ออกมาตั้งป้อมในแทบจะทันที ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด เมื่อมีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในหลายๆ พื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือหลายๆ จังหวัดในภาคใต้ ผลที่ได้ก็คือไม่มีประชาชนในพื้นที่ไหน หรือจังหวัดไหน เชื่อมั่นหรือเต็มใจที่จะให้เกิดโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในพื้นที่นั้นๆ เลย
ขณะที่กลุ่มที่ต้องการผลักดันให้เกิดการใช้พลังงาน ทางเลือกอย่างนิวเคลียร์ และออกมาขับเคลื่อนอย่างจริงจัง กลายเป็นภาพของ "ภาครัฐ" โดยกระทรวง พลังงานเป็นหลัก นั่นทำให้เกิดคำถามมากมายตามมากับกระบวนการที่เสมือนจะ "ปักธง" เอาไว้ล่วงหน้า หรือเตรียมทางเลือกสำหรับการใช้พลังงานในอนาคตเอาไว้แบบ "บังคับเลือก" โดยเฉพาะข้อครหาที่ว่า ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยช่วงปี 2550-2564 อันเป็นแผนที่จัดทำโดยคณะอนุกรรมการการพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้านั้น แม้จะมีข้อเสนอใน การเลือกใช้พลังงานในหลายรูปแบบ แต่ในบรรดาทางเลือกเหล่านั้นล้วนมีข้อเสนอที่จะต้องมีการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อยู่ด้วยทั้งสิ้น
จริงอยู่ที่หากถึงที่สุดเมื่อพิจารณาศึกษาทางเลือก ทุกๆ ทางแล้ว ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เนื่องจากเป็นวิธีการผลิตพลังงานที่สะอาด-ปลอดภัย และราคาต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับน้ำมัน-ถ่านหิน-ก๊าซธรรมชาติ รวมถึงคุ้มค่ากับการลงทุน รองรับความมั่นคงในด้านการใช้พลังงานได้ในระยะยาว ถึงจุดนั้นเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจ และพร้อมรับ-อยู่ร่วมกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้
แต่ในกระบวนการศึกษาทางเลือกและพิจารณาข้อมูล ในทุกๆ ด้าน ก็ต้องเป็นไปอย่างเปิดเผยและโปร่งใส สามารถชี้ให้เห็นว่า ข้อจำกัดของพลังงานทางเลือกชนิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นพลังน้ำ, การซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อบ้าน, พลังงานชีวมวล, พลังลม ฯลฯ มีข้อจำกัดอย่างไร มิใช่เน้นโหมประชาสัมพันธ์ สร้างกระแสโดยให้ข้อมูลเฉพาะด้านที่สนับสนุนพลังงานนิวเคลียร์เพียงด้านเดียว
หากทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและคัดค้านต่อสู้กันด้วยข้อมูล เปิดเผยรายละเอียด สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนส่วนใหญ่อย่างเต็มที่ กระบวนการตัดสินใจ ในขั้นสุดท้ายก็จะออกมาโดยเป็นที่ยอมรับจากทุกๆ ฝ่าย และที่สำคัญจะต้องสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความคุ้มค่า ความปลอดภัย ตลอดจนผลกระทบที่แท้จริง หากต้องเลือกลงทุนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เพราะต้องยอมรับว่าในอดีตที่ผ่านมา ประชาชนคนไทยมีบทเรียนมาตลอดจากผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น หรือความไม่มีมาตรฐานในการก่อสร้าง-ลงทุน ไม่ว่าจะเกิดจากปัญหาคอร์รัปชั่นหรือขาดการศึกษาที่รอบด้านก็ตาม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #244 เมื่อ: 16-12-2007, 05:43 » |
|
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 พฤศจิกายน 2550
ด้วยวิกฤติพลังงานที่ใกล้เข้ามา ทำให้ไทยต้องพิจารณาถึงการพึ่งพา "พลังงานนิวเคลียร์" ก่อนที่จะตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งว่าจะ "เอา" หรือ "ไม่เอา" พลังงานชนิดนี้ และไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม เราจำเป็นที่จะต้องติดตามถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ว่าไปถึงไหนแล้ว
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์จัดเป็นโรงไฟฟ้าความร้อนชนิดหนึ่ง ที่อาศัยความร้อนจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน (Fission) ถ่ายเทให้กับน้ำจนเดือด ได้ไอน้ำไปหมุนกังหันไอน้ำ (Turbine) ปั่นกระแสไฟฟ้า ซึ่งนายนพพล มิรินทางกูร ผู้ช่วยผู้ว่าการวิศวกรรมไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่าปัจจุบันเทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีด้วยกันหลายรูปแบบ แต่ที่นิยมใช้มี 3 รูปแบบคือ
1.โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบความดันสูง (Pressure Water Reactor: PWR) ซึ่งมีระบบการถ่ายเทความร้อนจากแกนปฏิกรณ์ที่ไม่ทำให้ไอน้ำสำหรับหมุนกังหัน เพื่อปั่นไฟนั้นปนเปื้อนสารกันมันตรังสี โดยทั่วโลกมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ประเภทนี้ 66.1%
2.โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบน้ำเดือด (Boiling Water Reactor: BWR) ซึ่งระบบนี้น้ำจะสัมผัสกับแกนเครื่องปฏิกรณ์โดยตรงทำให้ไอน้ำสำหรับปั่นกังหันปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี แต่ทั่วโลกก็มีโรงไฟฟ้าประเภทนี้อยู่ 22.0%
และ 3.โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบน้ำมวลหนัก (Pressurized Heavy Water Reactor: PHWR) หรือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แคนดู (Candu) หรือเครื่องปฏิกรณ์แบบน้ำหนัก (Heavy Water Reactor) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของแคนาดา โรงไฟฟ้าประเภทนี้จะใช้น้ำหนัก (Heavy Water) เพื่อระบายความร้อนจากเครื่องปฏิกรณ์และใช้ยูเรเนียมจากธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ทำให้ทั่วโลกมีโรงไฟฟ้าประเภทนี้เพียง 6.0% เพราะยูเรเนียมจากธรรมชาติหาได้ยาก
นอกจากนี้ยังมีโรงไฟฟ้าประเภทฟาสต์บรีดเดอร์ (Fast Breeder) แก๊สคูลลิง (gas cooling) และอื่นๆ อีก 5.9% แต่ไม่เป็นที่นิยมนัก
"ไทยกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา (โรงไฟฟ้านิวเคลียร์) แต่ก็ต้องดูเทคโนโลยีที่เหมาะสมจากต่างประเทศควบคู่ไปด้วย และที่มีอยู่ อาทิ สหรัฐ ฝรั่งเศส รัสเซีย ญี่ปุ่น เป็นต้น" นายนพพลกล่าว
ทั้งนี้ได้มีการศึกษาเทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของเอกชนหลายราย อาทิ บริษัทจากญี่ปุ่นอย่าง บริษัท โตชิบา คอร์เปอร์เรชัน เพาเวอร์ ซิสเต็ม (Toshiba Corporetion Power System Company) ซึ่งมีเทคโนโลยี BWR ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็น PWR ได้ และบริษัทมิตซูบิชิ เฮฟวี อินดัสทรีส์ จำกัด (Mitsubishi Heavy Industries) ซึ่งมีเทคโนโลยี PWR เป็นต้น
ทั้งนี้ กว่าจะมาถึงโรงไฟฟ้าในเคลียร์ในยุคปัจจุบันที่เป็นยุค 3 (Generation III) ซึ่งเน้นความปลอดภัยให้กับโรงไฟฟ้ารักษาความปลอดภัยได้อัตโนมัตินั้น นางวราภรณ์ วัชรสุรกุล นักวิศวกรนิวเคลียร์ สำนักกำกับดูแลความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) กล่าวว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้พัฒนามาแล้วหลายยุค
เริ่มจากยุคที่ 1 ซึ่งอยู่ในยุคสงครามเย็น (ประมาณ 40-50 ปีที่ผ่านมา) นั้นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เน้นผลิตระเบิดนิวเคลียร์เป็นหลัก แต่หลังจากโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลที่สหภาพโซเวียตระเบิดและอุบัติเหตุของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เกาะทรีไมล์ สหรัฐอเมริกา ก็มีการปรับปรุงโรงไฟฟ้าสู่ยุคที่ 2 ซึ่งเน้นความปลอดภัยและสร้างกระแสไฟฟ้าเป็นหลัก
"แต่โรงไฟฟ้าในยุคที่ 3 ก็ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ จึงมีโรงไฟฟ้ายุค 3+ (ช่วงปี 2010-2030) ที่เน้นความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น และยังมีโรงไฟฟ้าในยุคที่ 4 ซึ่งยังเป็นแนวคิดอยู่และคาดว่าจะดำเนินการในเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2070 โดยโรงไฟฟ้ายุคนี้จะใช้เน้นการนำเชื้อเพลิงกลับมาใช้ใหม่เพื่อลดปัญหากากนิวเคลียร์ โดยใช้โลหะเหลวระบายความร้อนเพื่อความคุ้มค่าด้านเชื้อเพลิงที่นำมาผลิตใหม่ได้" นางวราภรณ์กล่าว
นอกจากนี้ยังมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีกรูปแบบหนึ่งคือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชัน (Fusion) ซึ่งเป็นปฏิกิริยาของการรวมนิวเคลียสของธาตุเบา และเป็นปฏิกิริยานิวเคลียร์ชนิดเดียวกับที่เกิดขึ้นบนดวงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าชนิดนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาโดยความร่วมมือของหลายประเทศ
แต่ความร้อนที่ได้จากปฏิกิริยานั้นสูงมาก อีกทั้งปัจจุบันยังไม่มีวัสดุใดที่จะกักเก็บความร้อนจากนิวเคลียร์ฟิวชันได้ จึงต้องรอความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีวัสดุที่จะมารองรับโรงไฟฟ้าประเภทนี้
กลับมาที่เทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิชชันประเภท PWR นั้น มิตซูบิชิในฐานะผู้ประกอบการที่มีความถนัดในการสร้างโรงไฟฟ้าประเภทดังกล่าวได้ร่วมกับ กฟผ.จัดงานสัมมนาเผยแพร่เทคโนโลยีของบริษัท โดยอาคิโตชิ อิมัยซูมิ (Akitoshi Imaizumi) รองประธาน สำนักงานใหญ่ระบบพลังงานนิวเคลียร์ มิตซูบิชิ อินดัสทรี ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า บริษัทมีเทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ PWR แบบเดียว โดยได้เริ่มศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวตั้งแต่ปี 1957 และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มิตซูบิชิสร้างได้เริ่มจ่ายกระแสไฟฟ้าครั้งแรกเมื่อปี 1970
"ช่วงแรกผลิตกระแสไฟฟ้าโดยนำเทคโนโลยีซึ่งเป็นสิทธิบัตรของทางสหรัฐ จากนั้นก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์จนพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองได้ ต่อมาก็ดูการพัฒนาประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าให้ดีขึ้น ดูความปลอดภัยและลดต้นทุนในการก่อสร้าง และเรายังมีโรงไฟฟ้าแบบแอดวานซ์ที่เรียกว่า APWR (Advanced PWR) ด้วย" นายอิมัยซูมิกล่าว
ทางด้าน มาโกโตะ กันดะ (Maakoto Kanda) รองผู้จัดการทั่วไปฝ่ายวิศวกรรมระบบนิวเคลียร์ของมิตซูบิชิญี่ปุ่นกล่าวว่า บริษัทได้ก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้กับญี่ปุ่นทั้งหมด 23 โรงและกำลังก่อสร้างอีก 1 โรง ขณะเดียวกันก็ได้เซ็นสัญญากับทางสหรัฐเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีก 2 โรงและกำลังจะก่อสร้างในอนาคต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #245 เมื่อ: 16-12-2007, 05:44 » |
|
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2550
ในหลากหลายแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่มีการเอ่ยถึง พลังงานน้ำ เป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ ยิ่งกับประเทศไทยที่มีแม่น้ำและลำคลองมากมาย อย่างที่มีคำกล่าวว่า ไทยคือเวนิชตะวันออก แล้ว ศ.ดร.ปรีดา ราชบัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์ ระบุว่าประเทศไทยยังมีพลังงานน้ำเป็นแหล่งพลังงานทางเลือกที่น่าสนใจอีกแหล่งหนึ่ง
ในการสัมมนา เติมพลังงานให้อาเซียน: เทคโนโลยีและนโยบาย เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) พลังงานน้ำ เป็นแหล่งพลังงานอันดับต้นๆ ที่เป็นหัวข้อหลักเรื่องหนึ่ง
ศ.ดร.ปรีดา วิบูลย์สวัสดิ์ ราชบัณฑิตสาขาวิศวกรรมศาสตร์ สำนักวิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตยสถาน และผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานทดแทน ผู้สนับสนุนการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานน้ำจากเขื่อนขนาดเล็ก เผยว่า ประเทศไทยมีศักยภาพขยายกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยน้ำได้อีกอย่างน้อย 5,000 เมกะวัตต์ด้วยกัน
"เฉพาะชายแดนไทย ลาวทางฝั่งแม่น้ำโขงที่มีศักยภาพผลิตไฟฟ้ากว่า 5,000 เมกะวัตต์ แต่ยังไม่มีการหารือกันของภาคีลุ่มน้ำโขงอย่างจริงจัง" ศ.ดร.ปรีดา ว่า
ศ.ดร.ปรีดา กล่าวว่า ในปี พ.ศ.2549 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าทั้งสิ้น 33,348 เมกะวัตต์ โดยมีพลังงานน้ำอยู่เพียง 11% หรือ 3,424 เมกะวัตต์เท่านั้น จากศักยภาพที่เชื่อว่ายังอาจขยายได้ถึงอีกกว่า 10,000 เมกะวัตต์ เพื่อตอบรับกับความต้องการพลังงานที่จะเพิ่มอีกเท่าตัวในอีก 14 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ การสร้างเขื่อนเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้า ศ.ดร.ปรีดา เผยว่า จะเป็นเขื่อนขนาดเล็กที่คร่อมระหว่างลำน้ำ ไม่มีอ่างเก็บน้ำ และมีความสูงของสิ่งก่อสร้างน้อยกว่า 10 เมตร ทำให้การคมนาคมในแม่น้ำยังทำได้ และไม่มีผลต่อการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำหรือวิถีชีวิตคนลุ่มน้ำ หากมีแผนดำเนินการจริงก็สามารถทำได้ในทันที โดยการเก็บข้อมูล ออกแบบ และก่อสร้างด้วยเงินลงทุนจะต้องพิจารณาเป็นกรณีๆ ไปตามความเหมาะสม
ศ.ดร.ปรีดา บอกอีกว่า สำหรับประเทศไทยอาจถือเขื่อนฟรอยเดอเนา (Freudenau Hydroelectric Power Station) เป็นต้นแบบได้ ซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 172 เมกะวัตต์ บนฝั่งแม่น้ำดานูปในกรุงเวียนนา เมืองหลวงประเทศออสเตรีย ประเทศที่ผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังน้ำกว่า 60% ของประเทศ
เวลานี้ สกว. และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้เริ่มศึกษาข้อมูลลุ่มน้ำในประเทศทั้ง 25 ลุ่มน้ำแบบบูรณาการแล้ว มีลุ่มน้ำที่ศึกษาเสร็จสิ้นจำนวน 3 แห่งคือ ลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำวัง และลุ่มน้ำยม ในเขตภาคเหนือ และจะมีที่ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช อีกแห่งหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานทดแทน กล่าว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #246 เมื่อ: 16-12-2007, 05:44 » |
|
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2550
คนนิวเคลียร์แจงจะเลือกนิวเคลียร์ต้องรู้ว่าเลือกเพราะผลสืบเนื่องยาวนานและต้องเตรียมการไว้เพื่อลูกหลาน ด้านฝ่ายคัดค้านให้ความเห็นควรเน้นสร้างพลังงานหมุนเวียนและสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล้กสำหรับชุมชน ส่วนฝ่ายเป็นกลางแจงต้องให้ข้อมูลประชาชนอย่างรอบด้าน
เป็นกระแสที่แรงอย่างต่อเนื่องสำหรับประเด็น "โรงไฟฟ้านิวเคลียร์" ที่มีทั้งกระแสสนับสนุนและคัดค้าน รายการ "รู้ทันประเทศไทย" ซึ่งดำเนินรายการโดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผ่านทางสถานี "เอเอสทีวี" ได้เชิญผู้มีความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวในหลากหลายมุมมองมาแลกเปลี่ยนทรรศนะในประเด็น "พลังงานนิวเคลียร์ ทางเลือกพลังงานไทย" ณ อาคารห้องสมุดของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เพิ่งเปิดให้บริการ
ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นประกอบด้วย รศ.ดร.ธัชชัย สุมิตร กรรมการที่ปรึกษาสมาคมนิวเคลียร์แห่งประเทศไทย ดร.จิรพล สินธุนาวา อาจารย์คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพาณิชย์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งล้วนเห็นพ้องต้องกันว่าพลังงานจากก๊าซธรรมชาติ ถ่านหินและน้ำมันซึ่งประเทศไทยพึ่งพาในสัดส่วนถึง 90% นั้นกำลังจะหมดไป ขณะที่ความต้องการใช้กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงจำเป็นที่เราจะต้องหาแหล่งพลังงานใหม่
ในประเด็นว่าจะทำอย่างไรให้ความต้องการลดใช้พลังงานไม่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายใน 10 ปีนั้น รศ.ดร.ธัชชัยกล่าวว่า แต่ละคนย่อมรู้ว่าใช้พลังงานไปมากน้อยแค่ไหน บางคนอาจจะลดการใช้พลังงานได้ต่ำสุดเท่าที่จะสามารถดำรงชีวิตได้ แต่ก็มีคนอีกนับสิบล้านคนที่จำเป็นต้องยกระดับฐานะและคุณภาพชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น ทั้งในชีวิตความเป็นอยู่และการประกอบอาชีพ ซึ่งในอนาคตอีกร้อยปีไปจนถึงนับพันปีจะเหลือพลังงานทดแทนและพลังงานนิวเคลียร์ให้ใช้ โดยเรายังใช้ยูเรเนียมซึ่งเป็นเชื้อเพลิงนิวเคลียร์กันน้อย
ณ ความรู้ปัจจุบันต้อง "นิวเคลียร์" เท่านั้น
"เมื่อปิโตรเลียมหมดลงก็จะเหลือนิวเคลียร์ให้ใช้เพราะไม่มีทางเลือกอื่น" รศ.ดร.ธัชชัยกล่าว พร้อมแจงว่ายังมีพลังงานความร้อนใต้พิภพซึ่งหากสามารถฉีดน้ำลงไปถึงชั้นหินร้อนก็จะได้ไอน้ำขึ้นมาปั่นกระแสไฟฟ้าและเมื่อรวมกับนิวเคลียร์แล้วได้พลังงานที่ราคาถูกก็สามารถใช้ผลิตพลังงานไฮโดรเจนจากน้ำทะเลได้ โดยความรู้ในปัจจุบันเป็นอย่างนี้ซึ่งอนาคตอาจเกิดความรู้เกี่ยวกับแนวทางหรือแหล่งพลังงานอื่นๆ ก็ได้แต่มีโอกาสน้อย
"ตอนนี้เราขาดความมั่นคงทางพลังงาน ไม่ใช่ว่าน้ำมันแพงหรือไม่แพง แต่เราไม่รู้ว่าราคาจะเป็นเท่าไหร่ แต่พลังงานนิวเคลียร์มีราคาคงที่เพราะปีหนึ่งใช้เชื้อเพลิงนิวเคลียร์เป็นยูเรเนียมประมาณ 80 ตัน ซึ่งถ้าเทียบกับน้ำมันก็เป็น 10 ล้านบาเรล สเกลต่างกันเยอะ ทุกวันนี้เราไม่รู้ว่าราคาน้ำมันพรุ่งนี้จะเป็นเท่าไหร่ แล้วอีก 10 ปีจะมีราคาเท่าไหร่ ถ้ามีแหล่งพลังงานที่กำหนดราคาได้และเป็นการใช้พลังงานอย่างผสมผสาน (energy mix) ที่ดี เราก็จะมีความมั่นคงพลังงาน เพราะมีความคงที่ของพลังงานพอสมควร" รศ.ดร.ธัชชัยกล่าว
คิดมิติใหม่สร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็กกระจายตามท้องถิ่น
ด้าน ดร.คุณหญิงกัลยาได้เสนอพลังงานชีวมวลเป็นอีกทางหนึ่ง โดยได้ยกตัวอย่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีได้รับทุนประมาณ 100 ล้านบาทไปศึกษาและสามารถสร้างต้นแบบโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ผลิตกระแสไฟฟ้า 100 กิโลวัตต์จ่ายให้ 100 ครัวเรือนได้ซึ่งต้นทุนของโรงไฟฟ้าดังกล่าวอยู่ที่ 10 ล้าน แต่หากขยายขึ้นเป็นโรงไฟฟ้า 200 กิโลวัตต์ ต้นทุนจะลดลงเหลือ 18 ล้านบาท ซึ่งจากการทดลองใช้ภายในมหาวิทยาลัยพบว่าช่วยการใช้ไฟฟ้าจากส่วนกลางได้ 50% และหากตำบลต่างๆ นำไปใช้ก็จะช่วยลดความต้องการใช้พลังงานของประเทศลง ขณะที่คุณภาพชีวิตของคนก็จะดีขึ้น
"เห็นด้วยกับคุณหญิง ต่อไปการผลิตไฟฟ้าเราต้องไม่คิดอย่างเดิม ที่คิดกันเป็นโครงการใหญ่ 1000-1500 เมกะวัตต์ เราต้องคิดมิติใหม่ คือขนาดเล็กและกระจายเพื่อตอบสนองความต้องการในท้องถิ่นให้มากขึ้น แทนที่จะรอคอยการผลิตไฟฟ้าและส่งจ่ายผ่านกริดใหญ่ของประเทศอย่างทุกวันนี้อย่างเดียว ตอนนี้จะคิดเติบโตแบบอดีตไม่ได้แล้ว หลายอย่างต้องทบทวนแล้ว และที่คุณหญิงพูดมานั้นมีความเป็นได้ในทางปฏิบัติมาก ใครต้องการใช้ไฟฟ้าที่ไหนก็ผลิตที่นั่น ในอุดมคติเราอยากจะผลิตไฟฟ้าแล้วส่งไฟข้ามรั่วถึงผู้ใช้เลยด้วยซ้ำไป" ดร.จิรพลกล่าวและแจงว่าแต่ละปีเราต้องสูญเสียพลังงานไฟฟ้า 8-10% กับการจัดส่งไฟฟ้าไปยังที่ต่างๆ
เมื่อเลือก "นิวเคลียร์" ต้องพร้อมรับผลสืบเนื่องยาวนาน
รศ.ดร.ธัชชัยกล่าวว่าเห็นด้วยกับการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างเต็มประสิทธิภาพแต่ก็แสดงความกังวลต่อเงินลงทุน เพราะพลังงานหมุนเวียนนั้นต้องใช้เงินลงทุนสูงและไทยก็เป็นประเทศที่ยากจน อีกทั้งไม่ควรจะใช้พลังงานอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์หรือแม้แต่พลังงานนิวเคลียร์ พร้อมยกตัวอย่างการใช้พลังงานลมผลิตกระแสไฟฟ้า 1,000 เมกะวัตต์นั้นต้องใช้พื้นที่ 50 ตารางกิโลเมตร แต่ไม่ใช่พื้นที่สี่เหลี่ยมจตุรัสหากแต่เป็นการกระจายตามพื้นที่ที่มีลม ซึ่งประเทศไทยคงรับไม่ได้
"สัดส่วนการใช้พลังงานไหนแค่ไหนคงต้องดูเรื่องความมั่นคงทางพลังงานและความมั่นคงทางราคาพลังงาน ถ้าใช้พลังงานลมต้องมีพลังงานไฟฟ้าอย่างอื่นด้วย เพราะถ้าลมหยุดก็ต้องมีโรงไฟฟ้าอื่นจ่ายไฟฟ้าทดแทน ถ้ามีการผสมผสานพลังงานที่ดีก็สามารถดำเนินการได้ ทั้งลม แสงแดด ปิโตรเลียม น้ำและอื่นๆ ไม่ควรรังเกียจนิวเคลียร์ แต่ต้องเลือกโดยที่รู้ว่าเลือก เพราะว่านิวเคลียร์มีผลสืบเนื่องที่ยาวนาน เมื่อไหร่ที่เลือกใช้แล้วจะหยุดไม่ได้" รศ.ดร.ธัชชัยกล่าว
"ถ้าเราเลือกที่จะใช้นิวเคลียร์เราก็ต้องดำเนินการเพื่อใช้ให้ดีที่สุดแต่ถ้าไม่แน่ใจก็อย่าเพิ่งเลือก อย่างไรก็ดีอีก 100 ปีข้างหน้าเราจะหนีพ้นไหม ความรู้ที่มีในวันนี้บอกว่าคงหนีไม่พ้น ซึ่งเราคงต้องเลือกว่าอีก 100 ปีเราจะไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยหรือจะค่อยๆ สะสมความรู้เรื่องนี้ ปัญหาคือถ้าเราเลือกใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เราต้องดูแลเรื่องการจัดเก็บกากไม่ให้เป็นอันตรายซึ่งต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เลือกตั้งแต่ต้น" รศ.ดร.ธัชชัย
"กากนิวเคลียร์" คาใจ
แม้ว่าในกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงนิวเคลียร์จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยซึ่งหลายคนยกมาเป็นข้อดีของโรงไฟฟ้านวเคลียร์ แต่ประเด็นการกำจัด "กากนิวเคลียร์" ก็เป็นสิ่งที่หลายคนกังวล โดย ดร.จิรพลได้ชี้ว่าเป็นปัญหาหนักอกของประเทศที่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และมีต้นทุนการกำจัดที่สูงมาก
"ผมไม่เห็นด้วยเพราะมันเพิ่มขึ้นทุกวัน ภาระที่ต้องดูแลก็เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเป็นปัญหาหนักอกของประเทศที่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งในการเก็บหรือเคลื่อนย้ายเพื่อนำไปฝั่งกลบทั้งโดยรถยนต์ ที่สหรัฐฯ มีอุบัติเหตุขณะเคลื่อนย้ายมีเป็นร้อยๆ ครั้ง เป็นปัญหาที่ใหญ่มาก ต้นทุนการผลิตก็สูงกว่าเชื้อเพลิงทุกชนิด ธนาคารโลกก็ระบุว่าแพงกว่า เราต้องหาทางเลือกที่ดีกว่า ดูค่าเชื้อเพลิงอย่างเดียวก็ถูก แต่จริงๆ แล้วการจัดการกากเป็นค่าใช้จ่ายที่แพงกว่า ยิ่งนานวันผ่านไปยิ่งแพง" ดร.จิรพลกล่าว
"เรื่องกากนิวเคลียร์เป็นสิ่งที่ทุกคนกังวล ดิฉันไม่ขัดข้องเรื่องเทคโนโลยีในการนำยูเรเนียมหรือพลูโตเนียมมาใช้ แต่ว่ามีทางเลือกอื่นอย่างที่ ดร.ธัชชัยเรียกว่าการใช้พลังงานอย่างผสมผสานจะนำมาใช้อย่างไร นิวเคลียร์เป็นสิ่งที่ดีที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อย แต่ขอเสริมว่าในกระบวนการผลิตแร่ยูเรเนียมที่เหมืองก็ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว จนถึงกระบวนการสกัด มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีของแต่ละประเทศ" ดร.คุณหญิงกัลยากล่าวถึงความกังวลเดียวกัน
ทั้งนี้เหตุผลที่ทุกคนกลัวกากนิวเคลียร์นั้น รศ.ดร.ธัชชัยกล่าวว่าเป็นเพราะพลูโตเนียมที่แตกตัวจากการใช้ยูเรเนียมนั้นสามารถนำไปพัฒนาเป็นระเบิดได้ แตหากมองในแง่พลังงานแล้วพลูโตเนียมเป็นแหล่งพลังงานที่ดีกว่ายูเรเนียม โดยอนาคตญี่ปุ่นจะใช้เชื้อเพลิงนิวเคลียร์รูปแบบใหม่ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างพลูโตเนียมออกไซด์และยูเรเนียมออกไซด์ ซึ่งจะจำกัดกากพลูโตเนียมได้ในที่สุด
"อย่างที่บอกว่าถ้าจะใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็ต้องรู้ว่าเลือกที่จะใช้และดำเนินการทุกอย่างทั้งขณะใช้และเลิกใช้ให้ปลอดภัย เรื่องของการจัดการกากก็ต้องคิดตั้งแต่วันแรกที่คิดจะใช้แล้ว ซึ่งวิธีการจัดการกากง่ายกว่าอย่างอื่นซึ่งก็คือการเก็บไว้ในที่ลึกๆ จะหาได้ไหมในประเทศไทย ก็หาได้ ระบบจัดการกากเป็นอะไรที่ไม่แรงไปกว่านั้น อยู่กับที่ เป็นของแข็ง ขนาดสารพิษบางไม่สบายและอยู่นานเราก็ยังปล่อยออกมาทุกวัน แต่ทุกคนกลับกลัวเรื่องกากนิวเคลียร์ สำหรับสารพิษเราก็แค่อย่าไปสัมผัสมัน" รศ.ดร.ธัชชัยกล่าว
เปรียบใช้นิวเคลียร์เสี่ยงเหมือนขึ้น "เครื่องบิน"
ในเรื่องความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้น รศ.ดร.ธัชชัยกล่าวว่ามีระบบเป็นชั้นๆ ป้องกันรั่งสีรั่วออกมา ซึ่งสามารถที่จะไปนอนพิงกำแพงบ่อปฏิกร์ณโดยที่ได้รับรังสีน้อยกว่าคนที่ขึ้นเครื่องบินซึ่งได้รับรังสีคอสมิกปริมาณสูง โดยปริมาณรังสีที่ได้รับจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้นน้อยมากจนไม่สามารถวัดค่าได้ อีกทั้งการออกแบบโรงไฟฟ้าก็ต้องมีระบบป้องกันเผื่อกรณีอุบัติเหตุร้ายแรงต่างๆ ไว้อยู่แล้ว อาทิ แผ่นดินไหวรุนแรง เครื่องบินพุ่งชน ถุกวางระเบิดหรือก่อการร้าย เป็นต้น และนับว่าความเสี่ยงคล้ายกับการโดยสารเครื่องบินที่เสี่ยงน้อยกว่าการเดินทางด้วยรถยนต์ ซึ่งเมือ่คิดจะเลือกใช้แล้วก็ต้องยอมรับความเสี่ยง
ขณะที่ ดร.จิรพลกล่าวว่าแม้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะไม่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงกรณีของเชอร์โนบิลที่รัสเซีย และคงไม่มีใครตั้งใจสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อเพิ่มรังสีให้กับสิ่งแวดล้อม แต่ก็เกิดกรณีรังสีรั่วไหลจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต่างๆ ออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งวิธีที่จะป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำก็คือไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ พร้อมทั้งแจงว่าปัจจุบันรัฐกำลังสับสนระหว่างการให้ความรู้ การประชาสัมพันธ์และการโฆษณา
"เห็นด้วยว่าเราต้องเตรียมความพร้อมโดยการศึกษา แต่ที่ผ่านมาเราไม่ได้ให้การศึกษาอย่างเพียงพอ รัฐบาลนี้ทำแบบไลฟสไตล์ แยกไม่ออกระหว่างการศึกษา การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ ตอนนี้โฆษณาอย่างเดียวและเป็นการโฆษณาชวนเชื่อด้วย กำลังทำให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีและจำเป็น และกำลังจะใช้เงินอีก 600-700 ล้านบาทเพื่อสอนให้คนเชื่อว่า "ดี" ซึ่งผมเห็นว่าไม่ใช่ ถึงเวลาจะไม่ทำก็ไม่ทำ แต่ถึงเวลาจะทำก็ทุ่มสุดตัวว่าดีๆ และปิดหูปิดตาอีกด้านที่ไม่ดี" ดร.จิรพลกล่าว
ปู่ตัดสินใจสร้าง "โรงไฟฟ้านิวเคลียร์" ให้หลาน
"มีคนบอกว่าคนที่อายุ 50 ปีขึ้นไปไม่ควรตัดสินใจเรื่องนี้ เพราะอาจจะไม่ได้ใช้หรือไม่สนใจ แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่เราตัดสินใจในวันนี้คนที่จะได้รับผลคือลูกเรา หลานเรา ซึ่งลูกเราก็อาจจะเป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเดินเครื่องโรงไฟฟ้า แต่หลานก็อาจจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการกากที่ต้องใช้เวลาอีก 50-60 ปี ซึ่งโครงการนิวเคลียร์เป็นโครงการระยะยาวที่การตัดสินใจต้องใช้เวลาที่เหมาะสมและใช้ความรับผิดชอบสูง ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยหลานเราก็อาจจะถามว่าทำไมปู่ไม่ทำอะไรเลยแล้วปล่อยให้หลานลำบาก" รศ.ดร.ธัชชัยกล่าว
ด้าน ดร.คุณหญิงกัลยากล่าวว่าเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องให้ข้อมูลแก่ประชาชนทั้งด้านจริงและบอกให้รับรู้ถึงด้านไม่จริง กระจายความรู้ให้มากที่สุดและให้คนไทยได้เข้าใจว่าวิทยาศาสตร์กับการใช้วิทยาศาสตร์นั้นไม่ใช่เรื่องเดียวกัน รวมถึงเรื่องการนำไปใช้อย่างเหมาะสม ทิศทางการพัฒนาของประเทศ อุตสาหกรรมใหญ่ๆ ที่เราต้องพิจารณารับหรือไม่รับ ซึ่งต้องคณะกรรมการที่คำนึงถึงยุทธศาสตร์ และหากทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งเมื่อประชาชนได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วนแล้วก็ง่ายต่อการตัดสินใจ
ทั้งนี้ ดร.คุณหญิงกัลยากล่าวว่าเชื่อมั่นในเทคโนโลยีแต่ยังไม่มั่นใจในบุคลากร โดยแสดงความกังวลว่า หากเป็นชาวญี่ปุ่นก็จะมั่นใจได้ว่าเขาจะควบคุมมาตรฐานได้ตามขั้นตอน แต่คนนั้นจะสามารถควบคุมมาตรฐานให้เป็นไปตามขั้นตอนได้แค่ไหน ซึ่งเป็นความเห็นที่สอดคล้องกับ ดร.จริพล
"เราคิดจะนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาใช้ต้องคิดให้รอบคอบ ผมไม่วางใจ และท้ายที่สุด การก่อสร้าง งบประมาณที่บานปลาย ตรงนี้ต่างหากคือน่าห่วง แค่พื้นที่เรียบอย่างสนามบินสุวรรณภูมิยังร้าว แล้วเตาปฏิกรณ์จะฝากความหวังไว้ได้มากน้อยเพียงใด" ดร.จิรพลกล่าวถึงความกังวลที่มีต่อโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของไทย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #247 เมื่อ: 16-12-2007, 05:45 » |
|
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2550
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างกฎหมายนิวเคลียร์ฉบับปรับปรุงใหม่ หวังให้สอดคล้องกับสถานการณ์รังสีนิวเคลียร์ปัจจุบันมากขึ้น เลขาฯ เชาวน์ เผย 60% ยังคงมาตราต่างๆ ใน พ.ร.บ.ฉบับเดิมไว้ ส่วนของใหม่จะครอบคลุมถึงการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ด้วย
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ณ ทำเนียบรัฐบาล ได้มีมติเห็นชอบกับ ร่าง พ.ร.บ.พลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (ฉบับที่...) พ.ศ.... เพื่อปรับปรุงบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.พลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ. 2504 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2508 ขึ้น จุดประสงค์เพื่อให้มีกฎหมายกำกับดูแลรังสีนิวเคลียร์ในประเทศที่สอดคล้องกับปัจจุบันมากกว่าในอดีต
นายเชาวน์ รอดทองคำ เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) หน่วยงานซึ่งจัดทำร่างฯ เปิดเผยว่า มติดังกล่าวจะทำให้ พ.ร.บ.พลังงานปรมาณูเพื่อสันติ ได้รับการปรับปรุงบางมาตราให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศมากขึ้น ทั้งด้านเทคโนโลยี การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก
ขณะที่ พ.ร.บ.ฉบับเก่ามีอายุถึง 46 ปีแล้ว จึงมีบางส่วนที่ควรแก้ไขปรับปรุงให้เกิดประสิทธิภาพ โดยจะมีเนื้อหาที่ครอบคลุมที่กว้างขวางกว่าในอดีต เช่น การควบคุมการผลิต การนำเข้า ส่งออกวัสดุนิวเคลียร์ การทำอาวุธนิวเคลียร์ การก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ตลอดจนการควบคุมการใช้รังสีนิวเคลียร์ไม่ให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล สาธารณะ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีการกำหนดถึงการรับผิดชอบความเสียหายไว้ด้วย
กฎหมายเดิมถือว่าครอบคลุมเรื่องต่างๆ ไว้ค่อนข้างครอบคลุมแล้ว แต่ไม่สามารถครอบคลุมทุกเรื่องได้ทั้งหมดในเวลานี้ เช่น การแก้ไขเมื่อปี 2508 ที่เพิ่มเรื่องของการใช้รังสีเอ็กซ์เข้ามา เช่นเดียวกับปัจจุบันที่ที่มีความก้าวหน้ามากมายจึงต้องแก้ไขบางส่วนให้เหมาะสม โดยคงของเดิมไว้ประมาณ 60% ซึ่งยังใช้งานได้ดี ดังนั้นจึงไม่ถึงกับต้องยกร่างใหม่ เลขาธิการ ปส.กล่าว
ทั้งนี้ เนื้อหาร่างยังได้แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามต่างๆ เช่น ให้ยกเลิกคำว่า วัสดุพลอยได้ และให้ใช้คำว่า วัสดุกัมมันตรังสี แทน การเพิ่มเติมบทนิยาม คำว่า พลังงานปรมาณู และเพิ่มเติมบทนิยม คำว่าวัสดุกัมมันตรังสี คำว่าวัสดุนิวเคลียร์ คำว่า เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ คำว่าความเสียหายสาธารณะ และคำว่า กากกัมมันตรังสี เพื่อให้คำนิยามต่างๆ เป็นที่เข้าใจตรงกันระหว่างผู้ใช้กฎหมายและผู้ทำงานด้านรังสีนิวเคลียร์
ร่างดังกล่าวยังกำหนดให้คณะกรรมการพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (พ.ป.ส.) มีนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรี ที่ได้มอบหมายเป็นประธาน มีหน้าที่พิจารณาออกใบอนุญาต การพักใบอนุญาต การสั่งถอนคำสั่งพักใบอนุญาต และการเพิกถอน สำหรับการผลิต การมีไว้ในครอบครอง หรือใช้ซึ่งวัสดุนิวเคลียร์พิเศษ พลังงานปรมาณู วัสดุกัมมันตรังสี วัสดุต้นกำลัง ซึ่งพ้นสภาพที่เป็นอยู่ตามธรรมชาติในทางเคมี
การกำหนดให้การให้ก่อสร้าง การเริ่มดำเนินงาน การมีไว้ครอบครองหรือใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ หรือเลิกดำเนินงานเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ตลอดจนการดำเนินการจัดการกากกัมมันตรังสีต้องได้รับอนุญาตจาก พ.ป.ส. ก่อน
ร่าง พ.ร.บ.ยังห้ามไม่ให้มีการนำเข้าหรือส่งออกวัสดุนิวเคลียร์ วัสดุกัมมันตรังสี วัสดุต้นกำลัง หรือเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก พ.ป.ส. รวมถึงห้ามไม่ให้นำเข้ากากกัมมันตรังสีเข้ามาในราชอาณาจักร และห้ามไม่ให้มีการใช้ หรือสมคบกันกระทำให้เกิดการใช้วัสดุกัมมันตรังสี หรือวัสดุนิวเคลียร์ที่เพื่อก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย หรือความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลใด และแม้จะกระทำนอกราชอาณาจักรก็ต้องได้รับโทษในราชอาณาจักร
สุดท้าย ร่าง พ.ร.บ.ได้กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตตามกฎหมายฉบับนี้ ต้องเอาประกันสำหรับความเสียหายสาธารณะ และกำหนดวงเงินที่เอาประกันให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการฯ กำหนด พร้อมทั้งมีการกำหนดหลักเกณฑ์ความรับผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่สาธารณะ
ส่วนขั้นตอนต่อไป หลังจากที่ประชุมครม.ให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.แล้ว จะส่งร่างพ.ร.บ.ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป โดยให้รับข้อสังเกตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา ก่อนส่งกลับมายังที่ประชุมครม.และเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา โดยร่างดังกล่าวได้เริ่มจัดทำเรื่อยมาตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.2548 และได้รับการแก้ไขปรับปรุงหลายครั้ง จนสำเร็จเป็นร่างปัจจุบันเมื่อ 6 ก.ย.2550 ก่อนได้รับความเห็นชอบหลักการในการประชุมครั้งนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #248 เมื่อ: 16-12-2007, 05:45 » |
|
Kom Chad Luek20 พฤศจิกายน 2550
นักวิจัยสหรัฐคิดค้นแบตเตอรี่แบบใหม่พิมพ์ลงบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้เลย ให้กำลังไฟฟ้ามากกว่าแบตเตอรี่ทั่วไป เหมาะกับอุปกรณ์ประเภทใช้แล้วทิ้ง
ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียใช้สารเคมี "ซิงก์-คาร์บอน" แบบเดียวกับที่ใช้ทำแบตเตอรี่ทั่วไปมาพิมพ์เป็นแผ่นบางวางลงบนพื้นผิวอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ป้ายอิเล็กทรอนิสก์ และจอภาพขนาดเล็ก
พวกเขาทดลองพิมพ์แบตเตอรี่แผ่นบางด้วย "หมึกท่อนาโนคาร์บอน" เริ่มจากชั้นแรกสำหรับทำหน้าที่เป็นตัวเก็บประจุไฟฟ้า แล้วทับด้วยหมึกท่อนาโนอีกชั้นผสมกับแมงกานีส ออกไซด์ และอิเล็กโทรไลต์ ทำหน้าที่เป็น "แคโทรด" หรือขั้วลบให้ประจุไฟฟ้าวิ่งออกจากแบตเตอรี่ และทับด้วยแผ่นฟอยล์สังกะสีเป็นชั้นที่สาม แต่รวมกันแล้วแผ่นแบตเตอรี่ยังมีขนาดหนาไม่ถึงมิลลิเมตร
โดยหลักการแล้ว หากต้องการกระแสไฟฟ้ามากขึ้นสามารถเพิ่มชั้นท่อนาโนคาร์บอนลงไปได้อีก กระแสไฟฟ้าที่ได้จากชั้นท่อนาโนคาร์บอนที่ซ้อนกันจำนวนมากให้กำลังไฟฟ้ามากกว่าเทคนิคเดิมที่ซ้อนวางด้วยแผ่นโลหะ กระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าแบบใหม่ยังไม่ชะลอกระบวนการเคมีไฟฟ้าที่ใช้ผลิตกระแสไฟด้วย
นักวิจัยกล่าวว่า แบตเตอรี่อย่างบางไม่ต่างจากแบตเตอรี่ปกติเว้นแต่เปลี่ยนมาใช้โครงสร้างเล็กระดับนาโนเมตรแทนโลหะและขั้วนำไฟฟ้าอย่างที่ใช้กันอยู่เท่านั้น ถ้าออกแบบให้ดี แบตเตอรี่บางสามารถให้กำลังไฟได้มากกว่าแบตเตอรี่ทั่วไปในขนาดเท่ากัน ซึ่งเหมาะกับอุปกรณ์ประเภทพกพาติดตัวอย่างมาก
นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังได้คิดค้นตัวเก็บประจุที่สามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้มากมายโดยใช้เทคนิคหมึกท่อนาโนคาร์บอนอย่างเดียวกัน และมีแผนจะผนวกตัวเก็บประจุเข้ากับแบตเตอรี่สำหรับใช้กับอุปกรณ์ที่ต้องการกำลังไฟสูงขึ้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
 |
« ตอบ #249 เมื่อ: 16-12-2007, 05:46 » |
|
22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 10:53:00
สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติมั่นใจโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คุ้มค่า หนุนความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศให้ยืนด้วยลำแข้ง ลดนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิล
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ดร.สมพร จองคำ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) กล่าวว่า ประเทศไทยต้องสั่งสมความรู้อีกมากถึงจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ แต่การสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีความคุ้มค่าสูง เพิ่มความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้าใช้ภายในประเทศ ทดแทนการใช้ก๊าซธรรมชาติที่นำเข้าจากเพื่อนบ้าน หรือเสี่ยงต่ออายุการใช้งานของท่อลำเลียงไทยเองที่อาจเกิดการเสื่อมตามอายุจนไม่สามารถใช้ได้ในอนาคต
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าทั้งด้านพลังงาน และอายุการใช้งานโรงไฟฟ้าที่นานถึง 60 ปี หากไทยต้องการสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ประเทศที่จะเลือกมาเป็นพี่เลี้ยงที่ดี ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญจากจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ"
แม้ไทยยังไม่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติได้นำเข้าสารกัมมันตรังสีมาใช้ประโยชน์ด้านอื่นเป็นเวลาหลายสิบปี เช่น การใช้ในสถานพยาบาลเพื่อการรักษา ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและอาหาร อุตสาหกรรมไม้และอะลูมิเนียมส่งออก รวมถึงใช้ด้านการศึกษาในภาควิชาเคมี ฟิสิกส์ ทันตกรรม และการเรียนระดับมัธยม เป็นต้น ทำให้ไทยมีประสบการณ์ด้านการกำจัดกากกัมมันตรังสีในระดับหนึ่ง
การจัดการกากกัมมันตรังสีเป็นเรื่องสำคัญระดับโลก เพราะกากกัมมันตรังสีซึ่งเป็นสิ่งเหลือใช้มีทั้งส่วนดีและไม่ดี และต้องการการจัดการที่ได้มาตรฐาน ไม่เพียงเพื่อลดการสูญเสียงบประมาณในการจัดการระดับประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความปลอดภัยต่อชีวิตของผู้อื่นที่อยู่โดยรอบอีกด้วย ผู้อำนวยการ สทน.กล่าวในการจัดประชุมการจัดการกัมมันตรังสีเหลือใช้ครั้งที่ 14
การประชุมครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนผลการทำงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการจัดการกากกัมมันตรังสีจากการนำพลังงานปรมาณูเพื่อสันติมาใช้ เพื่อดูว่าแต่ละประเทศมีการจัดการอย่างไรบ้าง สำหรับนำมาประยุกต์ใช้หรือเสนอแนะความคิดต่อไป
การประชุมด้านการจัดการดังกล่าวมีสมาชิกระดับภูมิภาคเอเชียเข้าร่วม 10 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย บังกลาเทศ จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม เกาหลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย พร้อมด้วยทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ซึ่งมีสมาชิกอยู่กว่า 140 ประเทศทั่วโลก แต่ละประเทศที่เข้าร่วมในการประชุมจะนำผลการจัดการในรอบปีที่ผ่านมารายงานให้ประเทศสมาชิกอื่นได้รับรู้ร่วมกันเพื่อความโปร่งใสในการใช้ทรัพยากร
นอกจากนี้ สารกัมมันตรังสีที่ใช้แล้วสามารถนำกลับมาหมุนเวียนใช้ได้อีก หากมีการจัดการที่ดี เช่น พลูโตเนียม-239 สำหรับนำกลับไปใช้เป็นเชื้อเพลิงเดินเครื่องผลิตเชื้อเพลิงต่อไป รวมถึงโคบอล-60 ที่ใช้ทางการแพทย์ อเมริเซียม-241 สำหรับดูดจับควันป้องกันเหตุไฟไหม้หรือการทำสายล่อฟ้า แคลิฟอเนียม-259 เป็นต้น
กานต์ดา บุญเถื่อน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|