กกต.อย่ามัวรอต้องสอบเอง กรณีพปช.ปลอมลายเซ็น (ผ่าประเด็นร้อน) หลังจากที่นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคพผ. และผู้สมัครส.ส.ระบบสัดส่วนพรรคเพื่อแผ่นดิน(พผ.)ทำท่าจะยอมซูเอี๋ยโดยอ้างเพื่อความสมานฉันท์สนองพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการเลิกล้มความตั้งใจที่จะตั้งทนายยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เพื่อให้สอบสวนกรณีที่พรรคพลังประชาชน(พปช.)ปลอมลายเซ็นการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพปช.ของตัวเอง ขณะที่ล่าสุด กกต.บางคนออกมาให้ความเห็นทำนองว่าเมื่อเจ้าทุกข์ไม่ติดใจเรื่องนี้ก็เป็นอันยุติโดยกกต.ไม่สามารถหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาได้ อย่างไรก็ตาม นักวิชการบางคนกลับออกมาโต้แย้งท่าทีของกกต.และยืนยันว่า กกต.สามารถหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาตรวจสอบได้เลยโดยไม่ต้องรอให้มีผู้ร้องเรียน
ทั้งนี้ นายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการซึ่งเป็นอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) ชี้ว่า พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้งมาตรา 236 บัญญัติให้อำนาจกกต.ในการวินัจฉัยสอบสวนในกรณีที่มีปัญหาโดยไม่ต้องรอการร้องเรียน ซึ่งที่ผ่านมา กกต.ชุดแรกก็เคยปฏิบัติในลักษณะนี้มาแล้ว
ทั้งนี้ หากไม่เร่งรีบดำเนินการ กกต.เองนั่นแหละจะมีความผิดตามมาตรา 29 ของพ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้งฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ สำหรับความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารนั้น มาตรา 106 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองบัญญัติไว้ว่า พรรคการเมืองใดแอบอ้างชื่อผู้ใดสมัครเป็นสมาชิกพรรคของตัวเอง มีความผิดจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองถึงขั้นอาจถูกยุบพรรคหากพบว่าการปลอมแปลงเอกสารดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น
และเมื่อหันมาพิจารณา พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 140 บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการอันเป็นเท็จเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าผู้สมัครผู้ใดกระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญนี้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาทและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 5 ปี
ในกรณี นายสิทธิชัย ถูกกกต.สั่งเพิกถอนสิทธิผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบสัดส่วนจากการปลอมลายเซ็นของพรรค พปช. จนต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ยำเลิกประกาศของกกต.ดังกล่าวและคืนสิทธิการสมัครรับเลือกตั้งให้แก่นายสิทธิชัย เนื่องจากตรวจสอบแล้วเชื่อว่าลายเซ็นสมัครเป็นสมาชิกพรรคพปช.เป็นลายเซ็นปลอม
มาตรา 140 ยังบัญญัติในวรรคต่อมาอย่างชัดเจนว่า ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่งเป็นการเพื่อจะแกล้งให้ผู้สมัครนั้นถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือเพื่อไม่ให้มีการประกาศผลการเลือกตั้งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 1 แสนถึง 2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง มีกำหนด 10 ปี
ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่งเป็นการแจ้งหรือให้ถ้อยคำต่อ กกต.ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 7-10 ปี และปรับตั้งแต่ 1 แสน 4 หมื่นบาท - 2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 20 ปี
ทีสำคัญก็คือ วรรคท้ายของมาตรานี้ที่บัญญัติว่า ถ้าการกระทำตามวรรคสอง หรือวรรคสามเป็นการกระทำหรือก่อให้ผู้อื่นกระทำ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจของหัวหน้าพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองให้ถือว่าพรรคการเมืองนั้นกระทำการอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
ซึ่งความผิดดังกล่าวเข้าข่ายตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 94 ซึ่งอาจถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุบพรรคได้
คดีนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ตรงกันข้ามเป็นเรื่องใหญ่ที่กกต.ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นเจ้าทุกข์ด้วยเหมือนกันเพราะถูกหลอก อีกทั้งพ.ร.บ.กกต.มาตรา 236 ก็ให้อำนาจไว้ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่กกต.จะไม่รีบสร้างความกระจ่างตรวจสอบเรื่องนี้โดยไม่ต้องรอให้มีผู้ร้องเรียน อีกทั้งหากตรวจสอบพบว่ามีการทำผิดจริงก็ต้องเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นกรณีตัวอย่างเพื่อสร้างบรรทัดฐานอันถูกต้องศักดิ์สิทธิ์ มิฉะนั้นอาจกลายเป็นลัทธิเอาอย่างสำหรับพรรคการเมืองอื่นที่เล่นเกมสกปรกน้ำเน่ากลั่นแกล้งคู่แข่งกันจนกลายเป็นแฟชั่น ทีมข่าวการเมือง
http://www.naewna.com/news.asp?ID=85870การกระทำผิดครั้งนี้ชัดเจน
ทำให้แกนนำ'พรรคปล้นชาติ' สงบเสงี่ยมมากกว่าปกติ....
บางคนไป'ขอร้อง' ผู้ถูกปลอมแปลงลายเซ็น,สิทธิชัย โควสุรัตน์
ขออย่าเอาเรื่องแล้ว........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า