ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-04-2024, 09:15
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ผมตั้งกระทู้เดียวกันนี้ใน ราชดำเนิน ผมขอข้อคิดเห็นบ้างครับ เลยนำมาตั้งที่นี่ด้วย 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ผมตั้งกระทู้เดียวกันนี้ใน ราชดำเนิน ผมขอข้อคิดเห็นบ้างครับ เลยนำมาตั้งที่นี่ด้วย  (อ่าน 1070 ครั้ง)
chiangraiplus
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 165


ผมขายของเล็กน้อยอยู่เชียงรายครับ เป็นคน นครปฐมน่ะ


« เมื่อ: 12-05-2006, 22:37 »

 จุดที่ทำให้เกิดการแตกหัก คือ ทรท มี POPULIST เต็มร้อย เอาไว้ไม่ได้ครับ
นโยบาย ของ ทรท มีส่วนอย่างมาก ในการเร่งให้เกิด เรื่องของการขุดรากถอนโคน นโยบายพรรค ทรท นั้น เกิดขึ้นมาในยุคที่พรรค ปชป กำลังเปิดประเทศ ให้ตะวันตกเข้ามาในประเทศอย่าง ไม่ลืมหูลืมตา การเปิดประเทศในครั้งนั้นคือ ปี พ.ศ. 2540  จนมาถึงยุคนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามา แล้วก็มีการแก้กฏหมาย 11 ฉบับ เพื่อที่จะให้ทุนต่างชาติ มีสิทธิเท่าเทียมกัน กับทุนท้องถิ่น เขาหัวเราะและสนุกกันมากครับ กับเรื่องที่ได้ทำไป


ในอดีต ทุนระดับชาติ ( ทุนใหญ่ๆครับ ) ก็จะ จับมือกับทุนต่างชาติ จับมือกัน เพื่อที่จะเข้ามา ทำมาหากินในประเทศเรา จนเมื่อมีการล่มสล่ายของบ้านเรา เงินเราไม่มีครับ  เรากลายเป็นคนที่ไม่มีเงิน คนที่เคยเป็นหุ้นส่วนกับเรา ตอนก่อนนี้ ก็เริ่มพูดกันคนละภาษา สุดท้าย จากหุ้นส่วนกัน เขาเปลี่ยนตัวเองมาเป็นเจ้าของ อย่างเต็มตัว โดยการนำหน้าของ IMF พอคนที่เป็นหุ้นส่วนกับเราอยู่ เขารู้ทางหนีทีไล่มากพอแล้ว เขาส่งซิกเลยครับ ผมพร้อม เขาโจมตีค่าเงินทันที เราจะเอาอะไรไปสู้ เงินงบประมาณของประเทศทั้งหมด ยังมีไม่เท่า บริษัท ของเขา บริษัทเดียวเลยครับ เราลดค่าเงินไปตามที่ควรจะเป็น ทำไม มาเลย์ รอดมาได้ในครั้งนั้น เราเองก็มีทุนไม่ห่างจาดเขามากนัก  มาเลย์ กล้าบอกว่า ผมขอให้หยุด ผมขอปิดประเทศ เขาไม่ให้เงินไหล เข้า ออก ไปสักพัก เขาตั้งหลักได้ เขาก็ประคองไป เขารอด เพราะเขามีใจที่จะสู้เพื่อ คำว่า อำนาจอธิปไตย ของชาติ เขาไม่เคยมีมาก่อน เขาหวงมาก แต่ของเรา เราไม่เคยเสียอำนาจที่ว่านี้ ไปอยู่ในมือใคร เราไม่รู้สึกว่าต้องอะไรกันมากมาย เรายอมยก อำนาจอธิปไตยของเรา ให้ต่างชาติ มามีอำนาจเต็ม ในการกำหนด ทิศทาง การเงินของประเทศ เขามีความสุขดี จนเมื่อเวลาล่วงเลยมาถึง ทรท ได้ตั้งรัฐบาล

เขาจะบ้าตายครับ ท่านนายกทักษิณนี่ มหาเด ชัดๆ เปิดนโยบาย ประชานิยมอย่างเต็มที่

ทางตะวันตก ไม่ต้องการ ประชานิยมครับ เพราะว่าตะวันตกนั้น เป็นผู้กำหนด ระบบเศรษฐกิจ ที่เขาต้องการจะแผ่ขยายเข้าไปทั่วโลก ระบบเศรษฐกิจนั้น ในหลักเศรษฐศาสตร์ เค้าเรียกระบบนี้ว่า ระบบ NEO LIBERALISM ซึ่ง NEO LIBERALISM ก็คือนโยบายเปิดเสรีค้าเสรี ทุกอย่างต้องเสรีหมด ลดกฏเกณฑ์ ไม่มีข้อแตกต่าง ในการทำธุรกรรม คือต้องเท่ากัน ไม่ว่าใคร ก็ต้องเท่ากัน  พูดง่ายๆ ว่าถ้าในอเมริกา ทำการค้าอย่างไรได้
ในเมืองไทย ก็ต้องทำได้ เหมือนอย่างที่เขาต้องการ

พอมีการเสนอนโยบาย  POPULIST จาก ทรท เขายอมไม่ได้ครับ นี่คือหนึ่งในข้อหา ที่ต้องกำจัดให้พ้นทาง

ไม่ลองถามคนในบ้านเราที่คอยแต่จะทำลายกันเองบ้างหรือครับ  คนในบ้านเราออกมาถล่มท่านนายกทันที อย่างไม่ยอมลดละ ทำอย่างนี้ ต้องไปไม่รอดแน่ หาทางให้คนไทยไม่รู้จักทำมาหากิน ล่มสลายอีกแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้ หาทุกคำพูดที่จะมาทำลาย แล้วคนในบ้านเรากี่คนที่จะมองออกว่าเราควรเชื่อใคร ทรท หรือ ปชป สุดท้ายเรื่องมาดังสุดๆ ตอนที่สนธิออกมาเขย่า วงการเมืองของบ้านเรา ท่านนายก ลืมไปว่า สนธินั้นขนาดไหน ก็เลยเป็นแบบที่เราเห็นกัน  มันมีหลายจุดจริงๆครับ ที่เราน่าจะต้องมามองกันนะ เราต้องทะเลากับ ลาว และ เวียตนามอีก ในอนาคตนะ เขาไม่ยอมให้เราได้อยู่อย่าง คนบ้านใกล้เรือนเคียง กันอย่างแน่นอน

ลองไปตามหาข้อมูล ที่เขาช่วยประเทศทางกลุ่มประเทศที่ยากจนดูซิครับ เขาจะต้องไปกำหนด มาตรฐาน ของเรื่องต่างๆ ให้มันสูงเกินจริงไว้ให้มาก เช่นถ้าถนนต้องกว้างกว่า สนามบินต้องใหญ่กว่า ต้องกว่าไว้ก่อน ให้มันต้องหาเงินมาคืนเขาทั้งชีวิต เอากะมันซิ แล้วการก่อสร้างหรืออะไรก็แล้วแต่ ต้องของเขาด้วยนะ ที่ก่อสร้างได้ การให้ความช่วยเหลือ กลุ่มนี้ ที่ได้คือ แค่ได้ย้ายที่ฝากเงินเท่านั้นครับ ประเทศเหล่านี้ไม่ได้เลยแม้แต่บาทเดียว มีหลายเรื่องที่ยังนึกไม่ออก ลองอ่านดูครับ

ผมอยากบอกว่า เพราะ นโยบาย เท่านั้นทำให้ต้องลำบากนะ ทรท สู้ต่อไปไอ้มดแดง

จากคุณ : chiangraiplus  - [ วันวิสาขบูชา 20:34:06 ]   

บันทึกการเข้า
eAT
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,066



« ตอบ #1 เมื่อ: 12-05-2006, 23:22 »

มั่วจัง เวลาจะเขียนให้มันถูกต้อง ต้องหาข้อมูลก่อนแล้วค่อยมาสรุป
ไม่ใช่ตั้งว่าจะเขียนเชียร์ใคร แล้วก็หาเหตุผลมาสนับสนุน มันจะมั่ว


เอาง่ายๆ ที่อ้าวว่า
"เขาจะต้องไปกำหนด มาตรฐาน ของเรื่องต่างๆ ให้มันสูงเกินจริงไว้ให้มาก เช่นถ้าถนนต้องกว้างกว่า"

ขอข้อมูลเลยว่า ประเทศไหน แล้วมันเกินอย่างไร
1. ให้รับน้ำหนักมากกว่าที่ควรจะเป็น
2. กว้างกว่าที่ควรเป็น

เอาอะไรมาอ้างว่า ควรจะเป็นยังไง ให้รถบรรทุก 21 ตันวิ่งได้
หรือต้องทำถนนให้ รถ 30 ตันวิ่ง ถนนต้องกว้างกว่า 3 เมตร
ขณะที่รถคอนเทนเนอร์ กว้าง 2 เมตร อะไรทำนองนี้

มีข้อมูลไหม?

ผมว่าคุณไม่มีหรอก แค่เขียนมั่วๆ ให้ดูหน่าเชื่อถือ
ผมนะเคยทำ engineering มาก่อน มาตราฐานมันมีที่มาที่ไปเสมอ
ไม่ใช่อยู่ๆ ก็กำหนดกฎเกณฑ์ ว่ามันต้องเป็นอย่างโน้น เป็นอย่างนี้
แล้วที่สำคัญมันมักจะมี class เสมอ ว่าจะเอามาตราฐาน class ไหน
ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ อย่าง โรงพยาบาล ใช้มาตราฐานตามบ้านได้ไหม
ถ้าเป็นโรงงานอุตสหกรรม ใช้มาตรฐาบโรงพยาบาลได้หรือเปล่า?

คิดว่าคนที่ทำงานมาตราฐาน เมืองไทย เขากินแกลบกันหมดหรือ?
บันทึกการเข้า
จูล่ง_j
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,901



« ตอบ #2 เมื่อ: 13-05-2006, 00:09 »

อ่านกระทู้นี้ แล้ว มึนกับ ตรรกะเพี้ยนๆ ของเจ้าของกระทู้ ในหลายเรื่อง
ประเทศเราน่ะ เป็นต้นตอทำวิกฤติเศรษฐกิจเน่า กระจายไปทั่วเลย
เพราะมันโกงกันเองจนเละเทะ ลำพัง บีบีซี ก็สร้างหนี้ไป 1.2 แสนล้านแล้ว

ลองอ่านข่าว เหล่านี้

ย้อนรอยเส้นทางชีวิตพ่อมดการเงินคนนี้กันอีกสักนิด เผื่อใครจะหลงลืมไปแล้วว่า นายราเกซฝากรอยแผลฉกรรจ์ทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศไทยอย่างไรบ้าง...

นายราเกซ ก้าวเข้ามามีบทบาทอย่างสูงในวงการเมือง และเศรษฐกิจ เมื่อมีโอกาสเป็นที่ปรึกษา นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ กรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ ซึ่งถูกทางการไทยยื่นฟ้องเมื่อปี 2539 ฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์บีบีซี ราว 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3,000 ล้านบาท อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ธนาคารเก่าแก่ของไทยแห่งนี้ตกอยู่ในภาวะล้มละลายในปี 2538

การยักยอกทรัพย์ของนายเกริกเกียรติ และนายราเกซพร้อมพวกจะใช้วิธีการปล่อยกู้ที่มีความเสี่ยงสูง และกิจกรรมที่ใช้เงินทุนสูงมากให้พรรคพวกที่เป็น "นักการเมือง" จำนวนหลายหมื่นล้านบาท จากนั้นจึง "ตบแต่งบัญชี" ให้มีผลกำไรนับร้อยนับพันล้านบาท ทั้งที่ขาดทุนย่อยยับ!

ต่อมา บีบีซี จึงล่มสลายลง เนื่องจากมีหนี้สินมหาศาลราว 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 1.2 แสนล้านบาท) ตามมาด้วยการปิดตัวของสถาบันการเงินกว่า 50 แห่งจนเป็นชนวนสำคัญให้เกิดการขาดความเชื่อมั่นในระบบธนาคารไทย และนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจการเงินในเอเชียหรือที่เรียกว่า “โรคต้มยำกุ้ง” ในปี 2540
http://medinfo.psu.ac.th/pr/WebBoard/readboard.php?id=7503

ส่วนนักการเมืองกลุ่ม 16 ที่มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับแบงก์บีบีซียุคนั้นมีแกนนำประกอบด้วย นายเนวิน ชิดชอบ นายสรอรรถ กลิ่นประทุม นายสุชาติ ตันเจริญ และนักการเมืองอีกหลายคน
http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2003q4/article2003nov25p3.htm

http://forum.serithai.net/index.php?topic=1847.0

ปัญหาที่หมักหมมจากการโกงกันใน สถาบันการเงิน จนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ
แต่คุณดันมาตั้งกระทู้ เปิดประเด็น เริ่มต้นก็ป้ายสี ปชป แบบไม่เป็นกลาง แค่นี้ก็ไม่ต้องมาคุยการเมืองกันแล้ว หัวคุณมันเอียงกะเท่เร่ เทิดทูนทักษินผิดปรกติ จบ
บันทึกการเข้า

RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 13-05-2006, 00:42 »

อยากถามเจ้าของกระทู้ว่า ไปตั้งแล้ว มี โหวตครับ โหวตค่ะ ตามมาเป็นแถวเลยหรือเปล่า
เพราะเห็นว่าส่วนใหญ่บทความยาวๆ จะได้รับการต้อนรับแบบนี้ทั้งนั้น
โดยไม่เกี่ยงว่ามีคุณภาพมากน้อยขนาดไหน  Cool
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
นายเบียร์
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 997



« ตอบ #4 เมื่อ: 13-05-2006, 03:46 »

หึๆ ก็เพราะแบบนี้ผมถึงอดไม่ได้ที่จะเข้ามาแขวะรายวันคนมองโลกเป็นสีขาวแบบคุณ(?)

กรณีที่คุณบอกว่านโบบายประชานิยมเป็นจุดแยกหักของไทยรักไทย นะ ถูกเฉพาะท่อนนี้ละครับ เพราะการออกนโยบายต่างๆ โดยไม่พิจารณาสภาพควงามเป็นจริงของการเงินการคลังของประเทศ ถลุงใช้เงินอย่างเมามัน แต่นั่นยังไม่เท่ากันที่ไปละลายกับอภิอัครมหาโครงการทั้งหลายโดยผลประโยชน์ไปตกกับบริษัทของคนใกล้ชิด โยไม่คำนึงว่าประเทศจะเสียหายยังไง อันนี้แหละจุดแตกหักของไทยรักไทย

ส่วนที่ว่าสมัยตอนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจมาเลเซียที่คุณเทิดทูนเลือกใช้นโยบายปิดประเทศสู้ แต่ไทยในการนำของประชาธิปัตย์เลือกเปิดขายประเทศ คุณเขียนแบบนี้ คุณน่าจะไปทำการบ้านเสียหน่อยว่า ณ ช่วงเวลานั้นเงื่อนไขของไทยกับมาเลต่างกันยังไง พื้นฐานด้านพลังงานตัวเดียวก็ต่างกันคนละโลกแล้วคุณ

คุณมีสิทธิ์ที่จะชอบไทยรักไทยและไม่ชอบประชาธิปัตย์ นั่นเป็นเรื่องของคุณ แต่เมื่อคุณเขียนออกมา ต้องมีข้อมูลในการนำเสนอที่จับต้องได้ ไม่ใช่เสนอข้อความมโนรมย์เพ้อฝัน เอาศรัทธานำปัญญาเหมือนพวกเจ้าหน้าที่ขายตรง ที่จริงใจในสิ่งที่พูดโดยไม่พิจารณาซักนิดว่าที่พูดมามันจะกลวงเกรียนหรือเล่นแร่แปรธาตุยังไงบ้าง

คนแบนนี้ เทียบกับคุณ killer ไม่ได้เลยสักนิดเพราะคุณ killer ยังได้นำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจให้ไปติดต่อต่อว่าจริงไหม ความจริงใจในการแสดงออกมันต่างกันเยอะ Mr. Green Mr. Green Mr. Green
บันทึกการเข้า

chiangraiplus
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 165


ผมขายของเล็กน้อยอยู่เชียงรายครับ เป็นคน นครปฐมน่ะ


« ตอบ #5 เมื่อ: 13-05-2006, 08:28 »

ผมขออ่านหลายๆรอบก่อน ตอนนี้ไม่มีความคิดอะไรเลย ยังมึนอยู่ครับ
บันทึกการเข้า
chiangraiplus
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 165


ผมขายของเล็กน้อยอยู่เชียงรายครับ เป็นคน นครปฐมน่ะ


« ตอบ #6 เมื่อ: 13-05-2006, 09:37 »

ผมก็มึนกับวิธีเขียนของคุณ  Laughing Laughing

ขอยกคำของคนที่คุณไม่น่าจะชอบ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เขาบอกว่า

ทักษิณบริหารประเทศแบบ "ปั่นประเทศ"

ผมชอบคำนี้ "ปั่น"

มันทำให้ตีความไปได้หลายอย่าง

-ปั่นเศรษฐกิจรากหญ้าด้วยการใช้เศษเงินโป๊ะหน้า

-ปั่นเศรษฐกิจประเทศ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนในภายหลัง (ตัวอย่างเช่นขายหุ้นชิน)

-ปั่นหัวให้คนรักด้วยการ "เลือกรัก" กลุ่มเป้าหมายที่มีปริมาณเป็นกอบเป็นกำ (ความผิดพลาดใหญ่ คือ เอาองค์กรครูไม่ได้)

-ปั่นหัวคนเกลียดให้ไม่รู้จะเกลียดอันไหนดี เพราะ "ปั๊ม" ความห่วยออกมาใหม่เป็นระลอก ๆ จนสับสน งงไปเอง


ตอนนี้หนังยังไม่จบ 
มันเป็นเช่นนั้นเอง 
สนธิบอกว่า
แล้วคุณคิด แบบที่เขาบอกหรือเปล่าครับ


 
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #7 เมื่อ: 13-05-2006, 09:51 »

ผมว่าเราน่าจะมองความเป็นไปแบบเจาะจงช่วงเวลานะครับ

....ในช่วงเวลาวิกฤติในยุครัฐบาลชวลิตนั้นมีการไหลออกของเงินทุนต่างชาติอย่างมหาศาล จนทำให้ทุนสำรองต่างประเทศร่อยหรอลงมาก จนเป็นเหตุให้รัฐบาลในยุคนั้นต้องเข้าขอความช่วยเหลือ IMF แล้วประกาศลอยค่าเงินบาท ตามคำแนะนำของ IMF นี่จึงเป็นที่มาของการเดินหน้าถล่มค่าเงินบาท เนื่องจากการลอยค่าเงินบาท หมายถึงการที่เงินบาทจะมีค่าเท่าไหร่ก็ได้ ขึ้นอยู่ก้บการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะพูดว่าเราเป็น Manage float
แต่จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะควบคุมค่าเงินบาทเนื่องจากเรามีทุนสำรองน้อยมาก ๆ หรืออาจจะเรียกว่าติดลบเลยก็ได้ เพราะมีการไปซื้อล่วงหน้าไว้ ตอนที่ไปสู้ไว้ก่อนที่จะ เข้า IMF.........ตอนนั้น IMF แนะนำอย่างไร รัฐบาลก็ยอมครับ เนื่องจากไม่มีสภาพอะไรจะไปต่อรอง การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ก็มีการเขียนไว้เช่นกันลองไปตรวจสอบดูได้ที่หนังสือแสดงเจนจำนงค์ฉบับที่ 1  ในขณะเดียวกันยังมีการฉ้อโกงกันอย่างมากในสถาบันการเงิน รัฐบาลเลือกทีจะปิด 58 ไฟแนนซ์ แทนที่จะเข้าไปควบคุมอย่างเข้มข้น การปิดสถาบันการเงินเป็นการตัดวงจรเศรษฐกิจทั้งระบบ เป็นการเร่งให้วิกฤติรุนแรงหนักเข้าไปอีก เนื่องจากไม่มีเม็ดเงินหล่อเลี้ยงให้ธุรกิจที่ยังพอดำเนินการได้ แล้วล้มกันแบบโดมิโน

.....ต่อมารัฐบาลชวลิตออกไป รัฐบาลชวนเข้ามาบริหาร จึงต้องดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตจำนงค์ฉบับที่ 1 อย่างไม่มีทางเลือก เนื่องจากประเทศชาติยังคงอยู่ในวิกฤตอย่างรุนแรง  รัฐบาลจึงเข้าควบคุมสถาบันการเงินที่ยังคงอ่อนแอ แทนที่จะปิด เพื่อให้ยังคงมีการดำเนินต่อไปได้ เนื่องจากระบบเศรษฐกิจยังคงต้องการการหล่อเลี้ยง และมีบางธุรกิจบางประเภทที่ยังคงดำเนินการต่อไปได้
การออก กฏหมาย 11 ฉบับ มีแนวคิดจะให้มีเม็ดเงินต่างชาติ ไหลเข้า เนื่องจากเราไม่มีทุนสำรองเหลืออยู่ในแบงค์ชาติ..........หลังจากบริหารงานได้ 3 ปีกว่า เรามีเงินทุนสำรองสุทธิ 3 หมื่นกว่าล้าน และออกจากวิกฤติแล้ว เงินทุนต่างชาติหยุดไหลออก ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ มีการใช้หนี้คืน IMF ไปแล้วบางส่วน ทำให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้น แล้วไม่มีการพูดถึงการแปรรูปอีกในช่วงปลายรัฐบาลชวน เนื่องเราไม่มีแรงกดดันจาก IMF อีกต่อไป ตอนนี้ควรหาช่องทางยกเลิก กฏหมาย 11 ฉบับ

....รัฐบาลทักษิณกับนโยบายประชานิยม ประเทศชาติต้องการการพัฒนาแบบยั่งยืน ถึงแม้ว่ารัฐบาลชวนจะพาประเทศออกจากวิกฤติแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่ถึงกับดีนัก...........นโยบายประชานิยมเป็นการปั่นเศรษฐกิจให้โตขึ้น เนื่องจากมีการอัดงบประมาณ อัดเม็ดเงินเข้าไปในระบบเศรษกิจอย่างมหาศาล จริงเป็นแนวคิดที่ผมเห็นว่าดีครับ ถ้าเพียงแต่.................
1.เรารอให้เศรษฐกิจมีความมั่นคงยั่งยื่นกว่านี้ก่อน
    2.ถ้าไม่มีการคอรัปชั่น อย่างมหาศาลขนาดนี้ .....อันนี้สำคัญครับครับเพราะแทนที่เงินจะไหลเวียนอยู่ในระบบเศรษกิจ แต่กับถูกดูดกลับเข้ากระเป๋าใครบางคน จากการคอรัปชั่น
จนเป็นที่มาของการที่ รัฐบาลกระเป๋าแห้ง
บันทึกการเข้า
นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #8 เมื่อ: 13-05-2006, 17:07 »

ไม่ใช่นโนบาย หรอกค่ะ ที่ทำให้ ทรท เป็นเช่นนี้
แต่ คน ตะหาก
คน !!

คนในที่นี้แบ่งเป็นหลาย กลุ่ม
ผู้นำ ( โดดๆ เลย )
พวกลิ่วล้อ ที่ปรึกษา (ทั้งตัวจริง ทั้งตัวมั่ว)
กลุ่มต่างๆ.. ไม่มีปากไม่มีเสียง อยากได้ตำแหน่งไม่กล้าหือ

อีกประเด็น คือ ประเทศไทยไม่พร้อม
ด้วยเรื่องพื้นฐานการศึกษา ความรู้เรื่องเศรษฐกิจ
และอื่นๆอีกมากมาย

โชคดี ที่เมืองไทย ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ให้หุ้นเจ๊ง เป็นหนี้ imf เท่าใด เราก็กินผักบุ้งข้างบ้าน จิ้มน้ำพริกได้

จึงไม่ใช่ประชานิยมอย่างเดียว หรือระบอบทักษิณ แต่ มีเศรษฐกิจพอเพียงที่สวนทางกับการก้าวกระโดดของ ชาติตะวันตก
ไม่ตัดสินว่าระบบไหนถูกผิด พิจารณาอันที่เหมาะกับบ้านเราเป็นดีที่สุด นี่แหละ ลักษณะเฉพาะของคนไทยที่ไม่เหมือนใคร

พูดตรงๆ นะคะ อ่านกระทู้นี้แล้ว งง มึนๆ
อะไรหว่า ???







 
บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
chiangraiplus
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 165


ผมขายของเล็กน้อยอยู่เชียงรายครับ เป็นคน นครปฐมน่ะ


« ตอบ #9 เมื่อ: 13-05-2006, 22:16 »

ผมขอปิดกระทู้ครับ
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #10 เมื่อ: 13-05-2006, 23:20 »

หึๆ ก็เพราะแบบนี้ผมถึงอดไม่ได้ที่จะเข้ามาแขวะรายวันคนมองโลกเป็นสีขาวแบบคุณ(?)

กรณีที่คุณบอกว่านโบบายประชานิยมเป็นจุดแยกหักของไทยรักไทย นะ ถูกเฉพาะท่อนนี้ละครับ เพราะการออกนโยบายต่างๆ โดยไม่พิจารณาสภาพควงามเป็นจริงของการเงินการคลังของประเทศ ถลุงใช้เงินอย่างเมามัน แต่นั่นยังไม่เท่ากันที่ไปละลายกับอภิอัครมหาโครงการทั้งหลายโดยผลประโยชน์ไปตกกับบริษัทของคนใกล้ชิด โยไม่คำนึงว่าประเทศจะเสียหายยังไง อันนี้แหละจุดแตกหักของไทยรักไทย

ส่วนที่ว่าสมัยตอนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจมาเลเซียที่คุณเทิดทูนเลือกใช้นโยบายปิดประเทศสู้ แต่ไทยในการนำของประชาธิปัตย์เลือกเปิดขายประเทศ คุณเขียนแบบนี้ คุณน่าจะไปทำการบ้านเสียหน่อยว่า ณ ช่วงเวลานั้นเงื่อนไขของไทยกับมาเลต่างกันยังไง พื้นฐานด้านพลังงานตัวเดียวก็ต่างกันคนละโลกแล้วคุณ


คุณมีสิทธิ์ที่จะชอบไทยรักไทยและไม่ชอบประชาธิปัตย์ นั่นเป็นเรื่องของคุณ แต่เมื่อคุณเขียนออกมา ต้องมีข้อมูลในการนำเสนอที่จับต้องได้ ไม่ใช่เสนอข้อความมโนรมย์เพ้อฝัน เอาศรัทธานำปัญญาเหมือนพวกเจ้าหน้าที่ขายตรง ที่จริงใจในสิ่งที่พูดโดยไม่พิจารณาซักนิดว่าที่พูดมามันจะกลวงเกรียนหรือเล่นแร่แปรธาตุยังไงบ้าง

คนแบนนี้ เทียบกับคุณ killer ไม่ได้เลยสักนิดเพราะคุณ killer ยังได้นำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจให้ไปติดต่อต่อว่าจริงไหม ความจริงใจในการแสดงออกมันต่างกันเยอะ Mr. Green Mr. Green Mr. Green



ส่วนที่ว่าสมัยตอนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจมาเลเซียที่คุณเทิดทูนเลือกใช้นโยบายปิดประเทศสู้ แต่ไทยในการนำของประชาธิปัตย์เลือกเปิดขายประเทศ คุณเขียนแบบนี้ คุณน่าจะไปทำการบ้านเสียหน่อยว่า ณ ช่วงเวลานั้นเงื่อนไขของไทยกับมาเลต่างกันยังไง พื้นฐานด้านพลังงานตัวเดียวก็ต่างกันคนละโลกแล้วคุณ


ผมอยากจะเสริมตรงนี้ด้วย เนื่องจากการค้าระหว่างประเทศของมาเลเซียนั้น เกินดุล คือมีเงินตราต่างประเทศเข้ามากกว่าออก ประกอบการจำกัดการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและ เศรษฐกิจในเวลานั้นดีกว่าไทย ทำให้มีแรงเสียดทานการโจมตีค่าเงินมากกว่าไทย จึงสามารถดำเนินนโยบายอย่างนั้นได้ ระยะหนึ่ง ก็ต้องเปลี่ยนแปลง.....

สิงคโปร์ ก็มีมาตราการจำกัดการแลกเปลี่ยนเงินตรา เฉพาะที่มีธุรกรรมการค้าจริงๆ การแลกเปลี่ยนเงินตราครั้งละไม่เกิน 5 ล้านเหรียญสหรัฐ จะต้องได้รับพิจารณาอนุมัติก่อน....

ว่าการตามจริงแล้ว ประเทศอื่นๆ มีโอกาส เตรียมตัวและประสบการณ์มากกว่า เพราะมีเหตุการณ์ทีหลังประเทศไทย สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายที่นิยมพรรคไทยรักไทยไม่พูดถึง...


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #11 เมื่อ: 13-05-2006, 23:24 »

เจ้าของกระทู้ ได้รับข้อมูลที่แตกต่างจากเคยที่ได้รับ....
ผมเข้าใจผิดด้วยหรือไม่ว่า เป็นข้อมูลที่ไม่อยากให้ปรากฎในกระทู้นี้ด้วยซ้ำไป....

ถ้าผมเข้าใจผิด ขอโทษด้วยครับ.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
eAT
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,066



« ตอบ #12 เมื่อ: 14-05-2006, 09:15 »

เอ้าปิดกระทู้หนีเสียแล้ว ยังมิทันได้รื้อข้อมูลเก่าๆ มาเถียงเลย
ปิดซะแล้ว ตกลงข้อมูลของ จขกท นี่ของจริงหรือของปลอม?
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: