เป็นความเห็นที่ไม่ค่อยคมชัดสักเท่าไหร่ แต่ก็เป็นบทความแรกๆ ที่เห็นเลยเอามาลง ชวนคุยนะครับ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
การเมืองไทยหลังการเลือกตั้ง โดย ชัยอนันต์ สมุทวณิช 2 ธันวาคม 2550 15:03 น.
ใกล้วันเลือกตั้งเข้ามาทุกทีแล้ว ผมพบใครๆ ก็มักถามว่าการเมืองไทยหลังเลือกตั้งแล้วจะเป็นอย่างไร การตอบคำถามนี้ไม่ยากเพราะเวลานี้ดูที่ปัจจัย 3-4 ด้าน ก็พอจะทำนายแนวโน้มการเมืองไทยได้
1. ประเด็นใหญ่ของการต่อสู้ทางการเมือง ไม่ใช่ประเด็นนโยบายสาธารณะ แต่เป็นการประเมินความนิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดังนั้นหลังการเลือกตั้งแล้วก็ต้องดูว่าพรรคพลังประชาชนจะได้ที่นั่งเท่าใด หากได้ไม่ถึงครึ่งจะไปรวมกับพรรคใดเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
2. การร่วมพันธมิตรทางการเมือง ผมไม่เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะสามารถรวมพรรคอื่นๆ แล้วจัดตั้งรัฐบาลได้ เวลานี้พรรคหลายพรรครู้ว่าคะแนนเสียงแถบอีสานยังนิยม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่ จึงไม่กล้าประกาศตัวว่าจะไม่ร่วมกับพรรคพลังประชาชน พรรคที่มีแนวโน้มมากที่สุดว่าจะร่วมกับพลังประชาชนคือ พรรคชาติไทย
3. นักการเมืองที่เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง เวลานี้เป็นคนหน้าเก่าหลายคน ที่น่าสนใจคือ นายสมัคร สุนทรเวช การเอานายสมัครเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคน่าจะเป็นเพราะภาพพจน์ของนายสมัคร เป็นคนขวาจัด นายสมัครไม่ได้มีประวัติการทำงานที่โดดเด่นแต่อย่างใด เคยเป็นนักเขียนบทความแล้วเข้าไปเล่นการเมือง ผลงานทางการเมืองคือ การด่าฝ่ายซ้าย และก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 มีการเคลื่อนไหวปราบปรามฝ่ายซ้ายเพื่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ไม่ปรากฏผลงานอะไร สิ่งที่นายสมัครชอบกล่าวอ้างก็คือ การจัดระบบขนส่งมวลชน และการสร้างแฟลตตำรวจ เวลานี้นายสมัครถูกคดีฟ้องร้องหมิ่นประมาทที่กำลังอุทธรณ์คำสั่งศาล และคดีรถดับเพลิงอยู่ สังเกตว่าแต่ก่อนนายสมัครชอบสาบาน เวลานี้คงกลัวจึงไม่กล้าสาบาน ต่อคำถามที่ว่า ทำไมนายสมัครจึงจะเป็นนายกฯ ไม่ได้ คำตอบก็คือ มีชนักติดหลังอยู่
4. หลังการเลือกตั้งจะมีปัญหาสำคัญ 2 เรื่องคือ คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ใกล้จะมีการสรุปหลายคดี ผมคาดว่าประมาณเดือนมิถุนายน 2551 คงจะมีการดำเนินคดีได้ ดังนั้นต้องระวังเดือนกรกฎาคมให้ดี น่าจะมีการเคลื่อนไหวทางการเมือง นอกจากนั้นก็มีคดีรถดับเพลิงที่นายสมัครเกี่ยวข้องอยู่
5. บทบาทของทหาร หลังจากไม่มีการรัฐประหารมานาน ทหารได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองอีก แม้จะไม่อยากทำรัฐประหาร แต่ทหารจำนวนหนึ่งก็เห็นว่าการเมืองไทยแบบที่เป็นอยู่ไม่สามารถแก้ปัญหาความมั่นคง และปัญหาด้านอื่นๆ ได้ ดังนั้น ทหารเหล่านี้จึงคิดหาทางออกว่า หากไม่ทำรัฐประหารแล้วจะทำอย่างไร
ปัจจัยเหล่านี้ทำให้การเมืองไทยยังคงเป็นการเมืองที่สร้างปัญหาให้กับสังคม ไม่ใช่การเมืองที่แก้ปัญหาให้กับสังคม เราก็ต้องหวังว่า สังคมและเศรษฐกิจของเราจะเข้มแข็งพอที่จะทนทานกับการเมืองได้ ผมเห็นว่าการเมืองที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางนี้ จะต้องเกิดสถานการณ์ที่เป็นการปิดฉากบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
หัวหน้าพรรคการเมืองคนอื่นๆ ก็มีปัญหา นายประชัยไม่เป็นที่ยอมรับของคนในวงการธนาคาร และอุตสาหกรรม นายสุวิทย์ คุณกิตติ มีปัญหาตรงที่คนไม่รู้แน่ว่าหัวหน้าพรรคตัวจริงเป็นใคร แต่ที่แน่ๆ ก็คือ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย และนายพินิจ จารุสมบัติ มีบทบาทค่อนข้างสูง
พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีระบบ และมีคนดีๆ เข้ามาร่วมด้วยมาก แต่โอกาสที่พรรคอื่นๆ จะตีจากไปก็มีสูง หากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล เราคงจะได้คนดี-คนเก่งเข้ามาเป็นรัฐบาล แต่ถ้าพรรคพลังประชาชนจับมือกับพรรคชาติไทยได้ เราก็คงต้องทนกับนักการเมืองแบบเดิมๆ ไป และผู้เคลื่อนไหวต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็คงจะออกมาคัดค้านการเสนอให้นิรโทษกรรม 111 คน อย่างแน่นอน
เมื่อมองอนาคตการเมืองไทยเป็นอย่างนี้แล้ว ผมก็เห็นว่าภาคเศรษฐกิจและภาคสังคมน่าจะเข้มแข็งขึ้น แต่ความเข้มแข็งของภาคเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นได้ยาก หากนักการเมืองเข้าไปแทรกแซง ดังนั้นหอการค้า สภาอุตสาหกรรม และสมาคมธนาคาร ควรผนึกกำลังกันให้ดี ในภาคสังคมบรรดาองค์กรอิสระทั้งหลายซึ่งเวลานี้มีรัฐธรรมนูญประกันสิทธิ และให้บทบาทมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ก็น่าจะเป็นพลังที่ถ่วงดุลอำนาจที่ฉ้อฉลของนักการเมืองไทย
เวลาที่อันตรายน่าจะเป็นตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน เป็นต้นไป เดือนพฤษภาคม มิถุนายน และกรกฎาคม จะเป็นช่วงเวลาที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด แม้เราจะไม่อยากให้มีรัฐประหารอีก แต่หากมีความขัดแย้งอย่างรุนแรง แม้ไม่มีการรัฐประหารอย่างที่เราเห็นกัน ก็คงจะมีวิธีการอื่นที่เป็นการแก้ปัญหา หากมีจริง เราก็คงจะไม่เห็นการเลือกตั้งไปอีกชั่วระยะหนึ่ง