มีบทความของเปลวสีเงินมาให้อ่านกันครับ

สิงคโปร์ไม่ได้ทุ่มเงินกว่า 73,000
ล้านบาทเพื่อซื้อแค่ความเป็นบริษัท-ห้างร้าน ในชื่อ "ชินคอร์ป"

หากแต่เป็นการซื้อ "สัมปทาน" คือธุรกิจผูกขาดที่ทั้งประเทศไทยมีชินคอร์ปเจ้า เดียวครอบครองอยู่ตามเงื่อนไขสัญญา

และที่สำคัญ ธุรกิจสัมปทานผูกขาดนั้น เป็นธุรกิจอันเป็นหัวใจทางความมั่นคง ประเทศลำพังคนไทยครอบครองสัมปทานผูกขาดก็ยังพอทนว่า "เป็นคนไทยด้วยกัน" ถึงคราว เป็น-คราวตาย คงไม่เลวยำยำที่จะ "เอารวย" ก่อน "เอาชาติ" รอด

แต่คราวนี้ "หัวใจ" แห่งความเป็น-ความตายทางความมั่นคง นั้น บัดนี้ถูกขายต่อให้ สิงคโปร์ไปเรียบร้อยแล้ว

ประเทศไทยขณะนี้ มีสภาพเปรียบเหมือน "กระสือ" ลอยไป-ลอยมา มีแต่หัวลำตัวกลวงโบ๋

ส่วนเครื่องในทั้ง ตับ ไต ไส้ พุง หัวใจ อันเป็นส่วนสำคัญ ตกอยู่ในกำมือ"ต่าง ชาติ" หมด!

ต้องเข้าใจกันให้ชัดนะครับ ขณะนี้สิงคโปร์ได้ "สัมปทานประเทศไทย" ผ่านธุรกิจอัน เป็นสัญลักษณ์นำชาติก้าวล้ำสู่อนาคตโลกไปหมดแล้ว

ท่านอย่าไปมองแค่สัมปทานมือถือ เพราะลึกไปกว่านั้น ด้วยโลกไอทีทุกวันนี้ " ข้อมูลข่าวสาร" คือหัวใจ และชีพจรรัฐทุกวันนี้เต้นได้อยู่ด้วยระบบข้อมูลข่าวสาร ที่ ร้อยละ 99.99

ตกอยู่ภายใต้การบริการ และการควบคุมของชินคอร์ป!

ตั้งแต่ทำเนียบฯ ถึงกองทัพ ถึงทุกหน่วยความมั่นคง ถึงทุกกระทรวง ทบวง กรม กระทั่งบริษัท และรายบุคคล ต้องยอมรับกันเลยเชียวว่า ล้วนเป็นลูกค้าตกอยู่ในกล ไกชินคอร์ป

ไอทีวี ก็เป็นธุรกิจสัมปทานผูกขาดจากรัฐ คนอื่นมาเปิดสถานีโทรทัศน์ในเมืองไทย ไม่ได้ นอกจากกฎหมายไม่อนุญาตแล้วยังห้ามต่างชาติมาเป็นเจ้าของด้วย

แต่สิงคโปร์ซะอย่าง..สบายมาก!

วันนี้ สิงคโปร์ยืดอกคุยได้เลยว่า..อั๊วะนี่ไง เป็นเจ้าของโทรทัศน์ "ไอทีวี สื่อเสรี"ของเมืองไทย

ซี้ย่ำปึ้กกะนายกฯ ไทยซะอย่าง กฎหมายก็เอาไว้เช็ดตูด!

แค่นี้ยังเรื่องเล็ก แต่ที่ผมอยากจะฝากให้มองกัน ก่อนอื่นควรรู้ก่อนว่าชินคอร์ ปนั้นหลักๆ เขาทำอะไรบ้าง

-ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมไร้สาย

-ธุรกิจสื่อสารดาวเทียมและธุรกิจต่างประเทศ

-ธุรกิจสื่อและโฆษณา

-ธุรกิจ E-Business

-ธุรกิจสายการบิน

-ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล

จะเห็นทันทีตามที่ผมบอก ธุรกิจไอทีอันเป็นธุรกิจสัญลักษณ์ครองโลกในอนาคต ล้วน เป็นธุรกิจสัมปทานผูกขาดอยู่ในกำมือชินคอร์ป และชินคอร์ป "ผ่องถ่าย" ให้ต่าง ชาติไปครองแล้ว

ที่สำคัญยิ่งคือ โดยเฉพาะ "ความมั่นคง" ของประเทศ และความลับทางยุทธศาสตร์- ภูมิศาสตร์ ในแต่ละพื้นที่โลกผ่านดาวเทียมไทยคมทั้ง 5 ดวง ล่าสุด ไอพีสตาร์ซึ่ง ถือว่าทันสมัยใหญ่สุด ล้ำด้วยเทคโนโลยีอันลึกลับซับซ้อน กระทั่งจีนยังผวาว่า สหรัฐจะแอบใช้ช่องดาวเทียมนี้โดยใครก็พิสูจน์ไม่ได้

วานซืนนี้ยังเป็นของคนไทย-ประเทศไทย

วันนี้..ตกเป็นของต่างชาติ คือสิงคโปร์ไปแล้ว!

"วงโคจรดาวเทียม" คือ "สมบัติของชาติ" ซึ่งกระทรวงคมนาคมให้สัมปทานในสิทธิ์นี้ กับชินคอร์ปไป

บัดนี้ ชินคอร์ปนำสมบัติชาติอันเป็นส่วนรวม ซึ่งโลกสากลแบ่งปันให้ในความเป็น ประเทศไทย ไปขายให้ต่างชาติสร้างความร่ำรวยเฉพาะครอบครัวและวงศ์ตระกูลตัวเอง!

โดยรัฐไม่ทักท้วง-ไม่ตระหนักถึงผลร้ายอันอาจตามมา คงด้วยเหตุผลแค่ว่า

พ่อของคนขายเขาเป็นนายกฯ!?

ตรงนี้ต้องนำกลับมาใคร่ครวญกันให้จงหนัก กินใต้ดิน-บนดิน นั่นก็หนักหนาอยู่แล้ว นี่ยังจะยอมให้กินกันถึงบนฟ้า-บนอากาศของประเทศ

แล้ว..เราจะยอมด้วยโง่ไปถึงไหนกัน หือ?

ดาวเทียม "ไทยคม" นี้ อย่าลืมนะว่าเป็น "นามพระราชทาน" และมีไม่กี่คนหรอกที่นำ สมบัติพระราชทานอันมีความหมายถึง "ชื่อเสียง-เกียรติยศชาติ" ไปขายกิน!

นายกฯ ทักษิณบอกกับนักข่าววานนี้ (24 ม.ค.49) ว่า การลงทุนไทยก็ไปลงทุนต่าง ประเทศ ต่างประเทศก็มาลงทุนในไทย เดี๋ยวนี้เขาเรียกว่า "โลกไร้พรมแดน" เรื่อง ของเศรษฐกิจเป็นเรื่องของโลกไร้พรมแดน

เมื่อนักข่าวถามถึงสัดส่วนการลงทุนต่างชาติควรจะให้แค่ 25% นายกฯ ก็ตอบว่า

"ไม่มี บางประเทศให้ 100% ด้วยซ้ำ ก็ไม่มีใครเอาอะไรจากเราไปได้ ใครก็เอาอะไรไป ไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ตามที่มาลงทุนในบ้านเรา เสาโทรศัพท์ต้นหนึ่งก็ยังเอาไปไม่ได้ เลย"

ครับ..ใช่ ผมเห็นด้วย เงิน 73,000 ล้านใครก็เอาไปไม่ได้..ไม่เชื่อคอยดู เสา โทรศัพท์ต้นหนึ่งสิงคโปร์ก็เอาไปไม่ได้

เพราะสิงคโปร์มันไม่บ้าเอาแค่เสาโทรศัพท์หรอก แต่มันฉลาดพอที่จะครอบครองราช อาณาจักรไทยด้วยรูปแบบ "จักรวรรดินิยมยุคใหม่"

ไม่เอาพื้นที่ประเทศ

แต่เอาสิทธิ์ "เหนือทรัพยากรทั้งบนดิน-ใต้ดิน และในอากาศของไทย"

เอาศักดิ์ "เหนือสิทธิ์คนไทย ซึ่งต่อไปจะเป็นแค่..สมบัติติดแผ่นดิน"

ผมมีอีกข้อสังเกต ท่านสงสัยไหมว่า ทำไมเทมาเซกจึงต้องนำ "แบงก์ไทยพาณิชย์"มา ร่วมลงทุนซื้อชินคอร์ปด้วยสัดส่วนเศษอาหารในซอกฟัน 9.9%?

สิงคโปร์ไม่มีเงิน จำต้องหาพาร์ตเนอร์ โดยยอมให้ไทยพาณิชย์มีเอี่ยวในสเต๊กก้อน โตอย่างนั้นหรือ?

เปล่าหรอก..ไทยพาณิชย์ก็แบงก์ "ลูกหนี้" สิงคโปร์ในปัจจุบัน ก็อย่างที่ผมบอกไป วันก่อน ทุกแบงก์พาณิชย์ไทย ไม่มีแบงก์ไหนที่ไม่มีสิงคโปร์เป็นหุ้นใหญ่

ฉะนั้น ถ้าสิงคโปร์จะใช้แบงก์ไทยร่วมเป็นไม้กันหมาในการซื้อชินคอร์ป จะเลือก แบงก์ใหญ่ๆ อย่างแบงก์กรุงเทพ แบงก์กสิกรไทย หรือแบงก์ทหารไทยของลูกโอ๊คก็ได้ ทั้งนั้น

แต่เจาะจงเอาแบงก์ไทยพาณิชย์ให้มามีชื่อว่า "ร่วมซื้อ-ร่วมบริหารชินคอร์ปยุค ใหม่" ความน่าสนใจก็อยู่ที่ว่า นอกเหนือจากสิงคโปร์ถือหุ้นด้วยแล้ว

ไทยพาณิชย์ เป็นธนาคารที่ได้รับพระราชทานอำนาจพิเศษจาก ร.5 ทรงให้ตั้งเป็น ธนาคารแห่งแรกของประเทศ โดยมี "สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" เป็นผู้ ถือหุ้นใหญ่

ปัจจุบัน กระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ และสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์รอง ลงมา

ใครจะทำอะไรกัน มีจิตซ่อนเร้นหวังนำความสำคัญส่วนนี้บังหน้าเพื่อไปสู่เป้าหมาย อะไรกัน ก็ระวังกันเอาไว้บ้าง ใช่ว่าคนไทยจะไม่รู้-ไม่เห็น จับความเคลื่อนไหวใน ระยะ4-5 ปีที่ผ่านมานี้ไม่ได้

ที่ดินในส่วน "ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์" อยู่ในโซนทองคำมากมาย ใครจะสมคบใครเล่นแร่แปรธาตุอะไร หรือใครหวังแอบอิงใช้ชื่อส่วนนี้ไปเพื่อ

อะไร
ตามดูกันให้ดีนะครับ!

เปลว สีเงิน (นสพ.ไทยโพสต์ 25 ม.ค.49)