แปะข่าวเพิ่ม ข่าวจาก
http://manager.co.th/politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000152218“อภิชาต-สดศรี” ย้ำฝ่ายสืบสวนทำงานอืด เตรียมล้วงลูก-ไม่งั้นยุบทิ้ง กกต.
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 ธันวาคม 2550 12:58 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
สดศรี สัตยธรรม
อภิชาต สุขัคคานนท์
“สดศรี” ตั้งข้อสงสัย จนท.สืบสวน กกต.รับร้องเรียนเกือบ 600 เรื่อง กลับเหลือทำคดีแค่ 10 เรื่อง เตรียมขอดูสำนวนหลังเลือกตั้ง ระบุ 4 กกต.มีมติล้วงลูกดึงงานฝ่ายสืบสวนมาช่วยดูแล เพื่อทำงานให้ได้ผล ไม่เช่นนั้นก็ต้องยุบ กกต. “อภิชาต” ตอกย้ำฝ่ายสืบสวนทำงานหย่อนประสิทธิภาพ เผยรู้แล้วใครเกียร์ว่าง
วันนี้ (23 ธ.ค.) เวลา 09.00 น. นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ได้เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่ ร.ร.วัดขุนจันทร์ ในหน่วยเลือกตั้งที่ 9 แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี พร้อมกับตรวจเยี่ยมการการใช้สิทธิของผู้สูงอายุที่ ร.ร.กรุงเทพวิจิตรศิลป์ เพชรเกษม 39 หน่วยเลือกตั้งที่ 38 โดยมีลูกเสืออาสา และเนตรนารีอาสาตามโครงการรณรงค์อำนวยการของ กกต. ทั้งนี้ นางสดศรีคาดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่น่าจะมีปัญหาโดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมก็ได้มีประสานกับท้องที่ให้มีการย้ายหน่วยเลือกตั้งที่ประสบเหตุให้เคลื่อนย้ายหน่วยฯมาพื้นที่สูง
ส่วนที่เกรงว่าอาจจะมีการก่อกวนการเลือกตั้งก็ได้มีการเฝ้าระวังทุกพื้นที่ โดย กกต.ไม่ประมาทเพราะไม่อยากให้เกิดเหตุร้ายแรง โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดภาคใต้ก็ได้ประสานกับตำรวจ ทหารให้เข้าประจำตามจุด หรือหน่วยเลือกตั้งต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงคืนหมาหอนที่ผ่านมา ตนก็ได้รับรายงานเรื่องการขนเงินที่ จ.กระบี่ โดยตนได้ประสานไปยังพื้นที่แล้วและจะส่งเจ้าหน้าที่ส่วนกลางลงพื้นที่ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม การซื้อสิทธิขายเสียงในคืนวันหมาหอนเป็นเรื่องธรรมดาคงต้องมี กกต.เองก็จะดำเนินการให้เข้มงวดกวดขันมากยิ่งขึ้น
เมื่อถามว่าหลังเลือกตั้ง กกต.ได้เตรียมรับกับการพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านที่ กกต.ต้องประกาศรับรองผลภายใน 30 วันอย่างไร นางสดศรี กล่าวว่า ได้ประสานกับตำรวจสันติบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการจะทำงานร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ กกต. หลังเลือกตั้ง กกต.ก็จะพิจารณาเรื่องที่มีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้มากพอสมควร และคิดว่าถ้ามีใบเหลือง ใบแดงมากก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาเรื่องการเปิดประชุมสภาตามมา และเชื่อว่ายิ่งผลการเลือกตั้งออกมาแล้วก็เชื่อว่าจะมีการร้องเรียนเพิ่มมากขึ้น เพราะแพ้ชนะก็อยู่ตรงนี้
“เท่าที่รองเลขาธิการด้านสืบสวนสอบสวนของ กกต.ได้รายงานเข้ามาก็มี 500 กว่าเรื่อง แต่พอสอบสวนจริงๆ แล้วเหลือเพียง 10 เรื่อง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาเหมือนกันว่าทำไมจำนวนมันถึงลดลงไปมากขนาดนั้น ก็คิดว่าเราคงต้องดูแลเจ้าหน้าที่ของเราด้วย เพราะคิดว่าเจ้าหน้าที่เราน่าจะมีปัญหา เพราะจาก 578 เรื่องลดลงเหลือแค่ 10 เรื่องมันผิดปกติมาก หลักฐานเป็นอย่างไรเราก็ไม่เคยเห็น น่าสงสัยว่ามันหมดไปได้อย่างไร คงต้องขอทบทวน เพราะถ้ามีเรื่องร้องเรียนในลักษณะกลั่นแกล้งกันก็ไม่น่าจะลดลงมากขนาดนั้น แต่ขอให้เลือกตั้งผ่านไปก่อนแล้วจะขอดูว่าสำนวนการสอบสวนเป็นอย่างไร แม้ว่าการสอบสวนบางเรื่องเจ้าหน้าที่จะขอให้ยุติเรื่องไปแล้ว แต่เราถือว่า กกต.มีสิทธิเข้าไปดูแลการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะเจ้าหน้าที่ต้องไม่เกียร์ว่าง เราต้องอยู่ตรงกลาง ไม่ใช่เข้าข้างพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง” นางสดศรี กล่าว
นางสดศรี ยังกล่าวอีกว่า กกต.4 คนเห็นตรงกันว่าควรจะแบ่งงานด้านสืบสวนจากนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนมาดูแล เพราะกกต.ทั้ง 5 คนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งรับผิดชอบคนเดียว รวมทั้งอาจมีการสับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่กันทำงานด้วย ถ้ายังไม่ได้ผลก็ควรมาดูว่าเราควรยุบ กกต.หรือไม่ เพราะเมื่อทำไม่ได้ก็ควรยุบไปเสีย เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้เราต้องดูเจ้าหน้าที่ของเราด้วยว่าทำงานกันอย่างไร กกต.จังหวัดก็ต้องร่วมมือกับ กกต.กลาง เพราะเมื่อแต่งตั้งให้มาทำหน้าที่ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องพิจารณาตัวเองด้วย ดังนั้น ถ้า กกต.ไม่เฉียบขาด เข้มแข็งในการทำงานเราก็อยู่ไม่ได้ สำหรับ กกต.5 คนเรายินดีที่จะพิจารณาตัวเอง ว่ามันไม่ควรมีองค์กรนี้อยู่ และให้การเลือกตั้งกลับไปอยู่กับมหาดไทยเช่นเดิม
“ทุกคนถือได้ว่ามีส่วนได้เสียกันหมด เจ้าหน้าที่ กกต.ต้องไม่เกียร์ว่างในเรื่องนี้ ปล่อยทุกอย่างผ่านไป ไม่มีอะไรเลยในกอไผ่ ก็คิดว่าเจ้าหน้าที่ควรพิจารณาตัวเองมากกว่า และตอนนี้ก็มีรายงานเข้ามาว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่สืบสวนไม่ชอบธรรม รวมทั้ง 1 ปีที่ กกต.ชุดนี้เข้ามาก็สังเกตเห็นว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ล่าช้า”
นางสดศรี ยอมรับว่า หลังเลือกตั้งจะมีกระแสกดดันให้ กกต.แจกใบเหลือง ใบแดง โดยตรงนี้อาจจะมีการข่มขู่ กกต.อีก เพราะผลเลือกตั้งออกมาชัดเจน เนื่องจากมีผู้เสียประโยชน์ทางการเมือง ทั้งนี้เมื่อเลือกตั้งแล้วใครได้เราก็ต้องยอมรับ แต่หากได้มาโดยไม่สุจริต ซื้อสิทธิขายเสียงเข้ามา กกต.ก็ต้องดำเนินการ โดย กกต.ได้เตรียมแผนงานในการจัดการเลือกตั้งใหม่ไว้ 2 ครั้ง เพราะคิดว่ายังไงก็มีเรื่องตั้งใหม่แน่
** “สุเมธ” เชื่อประกาศใบแดงก่อน 7 วัน
ด้าน นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวภายหลังการไปใช้สิทธิที่ ร.ร.วัดเปาโลหิตย์ หน่วยเลือกตั้งที่ 29 เขตเลือกตั้งที่ 12 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม. การเลือกตั้งครั้งนี้คงเป็นไปด้วยดี ส่วนเรื่องการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งหากเขตใดไม่มีเรื่องนร้องเรียน กกต.ก็สามารถที่จะประกาศได้ภายใน 7 วันทำการ แต่หากเขตใดมีเรื่องร้องเรียน กกต.จะพิจารณาซึ่งเราจะเริ่มพิจารณาวันที่ 25 ธ.ค. โดยเชื่อว่าจะสามารถประกาศใบแดงใบเหลืองได้ก่อนที่จะมีการประกาศผล ในส่วนของที่ไม่มีเรื่องร้องเรียน
ส่วน นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวภายหลังตรวจความพร้อมของศูนย์รายงานผลการเลือกตั้งว่า จากรายงานของฝ่ายบริหารการเลือกตั้งได้รับรายงานว่ามีความพร้อมเป็นอย่างดีโดยเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. กกต.ได้ทำการตรวจสอบอุปกรณ์การเลือกตั้งและรับรายงานตัวกรรมการประจำหน่วย ไม่มีรายงานว่ามีปัญหารืออุปสรรคอะไร อย่างไรก็ตาม ได้รับรายงานจาก ผอ.กต.กทม.ว่าพบปัญหาที่เขตบางกอกน้อย คือมีกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งลืมคูหาเลือกตั้งไว้บนแท็กซี่ แต่ก็ได้แก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้ว ส่วนในพื้นที่ภาคใต้ได้มีการย้ายหน่วยเลือกตั้งใน จ.ปัตตานี และนราธิวาสไม่มีปัญหาอะไร เพราะหน่วยที่ย้ายไม่ไกลจากหน่วยเดิมโดยภาพรวมจึงเชื่อว่าการเลือกตั้งในวันนี้จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
“ส่วนการทุจริตในคืนหมาหอนก็ไม่มีอะไรร้ายแรงมีเพียงการแจ้งเหตุประปรายไม่มีการหอนอะไรมากมายไม่ได้มีปรากฏเหตุอะไรมากมาย หรือการจับกุมรายใหญ่ทางภาคใต้ได้กำชับผู้ว่าราชการใน 3 จังหวัดไปแล้วให้ประสานงานกับฝ่ายความมั่นคงให้ดีอย่าประมาท ทั้งนี้ยืนยันว่าจะสามารถรู้ผลคะแนนการเลือกตั้งได้ก่อนเวลา 24.00 น.” นายประพันธ์ กล่าว
ส่วนที่มีความกังวลว่า กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการได้ไม่ถึงร้อยละ 95 ทันตามกำหนด นายประพันธ์ กล่าวว่า การตรวจสอบเรื่องทุจริตจะต้องดูก่อนว่าจะมีเรื่องร้อนเรียนในวันนี้มากน้อยเพียงใดล่าสุดจนถึงขณะนี้มีรายงานเพียง 20 เรื่อง หากไม่มีเรื่องทุจริตอะไรน่าจะประกาศผลการเลือกตั้งได้ตามกำหนดและเปิดสมัยประชุมสภาได้ภายใน 30 วัน และการประกาศผลคาดว่าจะประกาศผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการได้ ภายในวันที่ 3 ม.ค.โดยในส่วนของ ส.ส.ระบบสัดส่วนน่าจะประกาศได้ก่อนเพราะเป็นส่วนที่ไม่ได้รับรายงานการทุจริต
** “อภิชาต” ย้ำงานสืบสวนขาดประสิทธิภาพ
ด้าน นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. แถลงข่าวภายหลังเปิดหีบเลือกตั้งทั่วประเทศ ว่า ขณะนี้ทั่วประเทศสามารถเปิดหน่วยเลือกตั้งได้พร้อมกันแล้ว โดยช่วงคืนที่ผ่านมามีการแจ้งเหตุทุจริตการเลือกตั้งทั้งหมด 172 เรื่อง เป็นเรื่องการแจกเงิน 147 เรื่อง ร้องเรียนเจ้าหน้าที่วางตัวไม่เป็นกลาง 11 เรื่อง การแจกของ 4 เรื่อง และเรื่องอื่น 10 เรื่อง โดยกลุ่มจังหวัดที่มีเรื่องร้องเรียนมากที่สุดคือกลุ่มที่ 4 ซึ่งป็นกล่มจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสานใต้ มีเรื่องร้องเรียน 31 เรื่อง รองลงมาคือจังหวัดในกลุ่มที่ 6 นนทบุรี สมุทรปราการ กรุงเทพฯ มีทั้งสิ้น 30 เรื่อง ซึ่งหากรวมเรื่องร้องเรียนตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.เป็นต้นมาจนถึงวันนี้ จะมีเรื่องรื่องเรียนทั้งสิ้น 914 เรื่อง
นายอภิชาต กล่าวถึงกรณีที่นางสดศรีระบุอาจต้องมีการล้วงลูกฝ่ายสืบสวนฯ หากยังไม่สามารถเอาผิดคนทุจริตได้ว่า ก็มีการคุยกันว่าควรจะปรับปรุงอย่างไรบ้าง แต่ยังไม่ได้มีการคุยกันอย่างพร้อมเพรียง ตอนนี้เราก็เห็นแล้วว่างานด้านสืบสวนสอบสวนไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ กกต.ทุกคนตั้งใจทำงาน แต่เวลาได้พิสูจน์แล้วว่าเจ้าหน้าที่คนใดเกียร์ว่าง ทำให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น เพื่อการปรับปรุงเราก็อาจทำเป็นต้องหยิบบางสำนวนมาดูเอง หากจะเรียกว่าเป็นการล้วงลูกก็ได้ แต่ทั้งนี้ก็ทำเพื่อให้การทำงานดีขึ้น
เมื่อถามว่า นางสดศรี ระบุว่า กกต.จะพิจารณาตนเองหากการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่บริสุทธิ์ โปร่งใส นายอภิชาต กล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของท่านที่ใครคิดอะไรก็ทำไป ตนไม่เคยพูดเช่นนี้ และที่ผ่านมาเราก็พยายามจัดการเลือกตั้งให้เต็มที่ถูกต้องและโปร่งใส ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่มีความหนักใจอะไรการเลือกตั้ง ถึงแม้จะมีกระแสกดดันอยู่ทุกวัน แต่เราก็ไม่กลัวเพราะเคยเป็นผู้พิพากษามาก่อน และจะพยายามจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์อย่างเต็มที่ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ใครทำงานอย่างไรและทุ่มเทแค่ไหน
