ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
27-04-2024, 12:56
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ==น่าจะให้คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ออกทีวีเรื่องนโยบายพรรคประชาธิปัตย์สักที== 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
==น่าจะให้คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ออกทีวีเรื่องนโยบายพรรคประชาธิปัตย์สักที==  (อ่าน 1463 ครั้ง)
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« เมื่อ: 24-11-2007, 20:11 »

ไปเจอเว็บ http://www.esan2east.com (วาระประชาชนเพื่อพี่น้องอีสานและตะวันออก)
ก็เลยไปเจอที่ คุณจุรินทร์ สรุปนโยบายภาคอีสาน .. ผมคิดว่านำเสนอได้ชัดเจนมากครับ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“นโยบายอีสาน” สรุปและสังเคราะห์ความคิด จากงานสมัชชา “ประชาธิปัตย์คืนถิ่นอีสาน”
วันศุกร์ที่ 12 - เสาร์ที่ 13 ตุลาคม 2550 โรงแรมโซฟิเทล  อ.เมือง จ.ขอนแก่น

โดย  นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  และประธานคณะทำงานยุทธศาสตร์
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ผมทำหน้าที่มาสรุปความคิดเห็นที่ได้ระดมสมองกันมาในระยะเวลาช่วงเช้าที่ผ่านมา ผมเดินไปดูความคิดความเห็นของพวกเราทุกห้อง
รวมทั้งมานั่งรับฟังข้อสรุปจากพวกเราทั้ง 5 กลุ่ม เมื่อสักครู่แล้วต้องยอมรับความจริงว่า ล้วนแล้วแต่เป็นความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์
เป็นอย่างยิ่ง ทั้งหมดนี้คือผลงานของการประชุมของพี่น้องชาวอีสาน อย่างไรก็ตามหลักใหญ่ที่สุดเมื่อได้สรุปรวมทั้งหมดจากการ
ระดมความเห็นของพวกเราแล้ว ผมเรียนว่าก็ไม่ถึงกับแตกต่างจากวาระประชาชน ประชาธิปัตย์ ที่ได้ประกาศไปบ้าง และก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าก็ยังมีความคิดเห็นบางประการที่ ผมได้บันทึกไว้บ้าง และก็คณะทำงานได้รวบรวมไว้บ้าง มีหลายประเด็นที่เป็นประเด็นที่สามารถที่จะนำไปศึกษาเพิ่มเติมแล้ว ก็สามารถนำมาเป็นวาระประชาชนต่อไป 

แต่ขณะเดียวกันก็มีบางประเด็นที่กระผมเห็นว่าอาจจะยังไม่สามารถปฏิบัติได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เราจะต้อง
เก็บไว้ในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น ความคิดเห็นที่ต้องการที่จะจัดให้มีรถไฟฟ้าให้เข้าถึงทุกจังหวัด ทั้ง 76 จังหวัด 
ถ้าประชาธิปัตย์ประกาศออกไปชัดเจนแม้จะอยู่ครบวาระ 4 ปี  ผมก็คิดว่ายังเป็นเรื่องยากที่จะจัดให้มีรถไฟฟ้าเข้าถึงทุกจังหวัด 
ประกาศปุ๊บก็โกหกปั๊บ เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ก็คือ สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องตัดออกแล้วนำไปศึกษาแล้วก็จะประกาศในวาระต่อไปว่า
กรณีรถไฟฟ้านั้นสามารถที่จะนำไปดำเนินการในจังหวัดใดบ้างตามกำลังงบประมาณและข้อเท็จจริง หรือประเด็นบางประเด็น เช่น
ที่พวกเราเสนอว่า ให้จัดเบี้ยยังชีพให้กับคนชราเดือนละ 1,500 บาท ความจริงอยากจะให้ 2,000 หรือ 5,000 ซะด้วยซ้ำ 
แต่ในฐานะของคณะทำงานยุทธศาสตร์ที่รับผิดชอบเรื่องนโยบาพอไปดูตัวเลขแล้วมันยากที่จะทำได้ในภาวะสถานการณ์การเงิน
การคลังของประเทศในปัจจุบัน เพราะถ้าให้เดือนละ 1,500 ต่อคน ท่านทราบไหมครับว่าปีนึงจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ แสนล้านครับ
เฉพาะเบี้ยยังชีพคนชรา แล้วใน 1 ปี เรามีเงินพัฒนาประเทศไม่กี่แสนล้านหรอกครับ  ถ้าเราไปใช้กับเรื่องนี้หนึ่งแสนล้าน
เงินที่จะเหลือนำไปใช้เรื่องอื่นก็จะน้อยลง แต่อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าประชาธิปัตย์จะไม่มีนโยบายเรื่องเบี้ยยังชีพ เพราะประชาธิปัตย์
เป็นผู้ริเริ่มนโยบายเบี้ยยังชีพคนชราตั้งแต่สมัยท่านนายกฯชวน  เริ่มต้นให้คนละ 200 บาท   แล้วมาขึ้นเป็น 300 บาท รัฐบาลนี้
มาขึ้นให้อีกเป็น 500 บาท แต่คนชราที่ได้คนละ 500 บาท ไม่ได้ทุกคนหรอกครับ   แต่ถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลอายุ  60 ปี ขึ้นไป
จะต้องได้เดือนละ 500 บาททุกคนครับ นี่คือสิ่งที่ยืนอยู่บนโลกของความเป็นจริงในแนวนโยบายของประชาธิปัตย์

เรียนฟรีถึงระดับปริญญาตรีที่เพิ่งเป็นประเด็นอีกประเด็นหนึ่งที่พวกเราหลายท่านทีเดียว  ที่ผมเดินไปฟังห้องต่างๆนำเสนอที่ประชาธิปัตย์
ยังทำไม่ได้  พรรคการเมืองไหนบอกว่าเรียนฟรีระดับปริญญาตรี ท่านต้องตั้งข้อสังเกตไว้ได้เลย คงยังไม่สามารถทำได้ แต่ประชาธิปัตย์
มีนโยบายว่าถ้าเรียนปริญญาตรีแล้ว เรามีกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา   ที่จะให้ลูกหลานของท่านที่จบมัธยมแล้วยากจน สามารถกู้จนเรียน
จบปริญญาตรีได้    แต่ถ้าต่ำกว่าระดับปริญญาตรี ประชาธิปัตย์นโยบายชัดเจน เรียนฟรีครับ    หลายคนบอกว่า ก็ทำตามรัฐธรรมนูญ 
เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันระบุให้เรียนฟรี  แต่ท่านทั้งหลายครับดูให้ดีครับรัฐธรรมนูญนี้บอกว่าให้เรียนฟรี 12 ปี แปลว่าตั้งแต่ ป.1 – ป.6
เท่ากับ 6 ปี บวก ม.1 – ม.6 อีก 6 ปี รวมเป็น 12 ปี แต่นโยบายของประชาธิปัตย์ไม่ใช่เรียนฟรีแค่ 12  ปี  นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์
คือ  เรียนฟรี 15 ปี ครับพี่น้องครับ   เริ่มตั้งแต่อนุบาล 1- 2 - 3 นี่คือแนวประชาธิปัตย์ที่ขออนุญาตกราบเรียนเบื้องต้นสั้นๆ ก่อนที่จะเข้าไปสู่
บทสรุปที่พวกเราได้ระดมความเห็นกันตั้งแต่ช่วงเช้า  ผมฟังพวกเราทั้ง 5 ห้อง แล้วก็พยายามสอบถามโดยการสุ่มตัวอย่างบอกว่า ปัญหา
ภาคอีสานที่ต้องการให้คลี่คลายมากที่สุด 3 ลำดับแรกคืออะไร ผมได้คำตอบที่ตรงกันเลยครับ  ทุกคนที่ตอบไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่คนเดียว 
ปัญหาหลักของอีสานที่ต้องการให้แก้ไขคือ   1.ที่ดิน 2 น้ำ 3. หนี้  นี่คือความคิดเห็นที่ผมถามพวกเรา เพราะฉะนั้นสิ่งที่ได้จากการระดมสมอง
ของพวกเราวันนี้ที่จะไปบรรจุเป็นวาระประชาชนก็คือ  “นโยบาย  ดิน  น้ำ  หนี้ กู้อีสาน ”  ครับพี่น้องครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2007, 20:27 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #1 เมื่อ: 24-11-2007, 20:17 »

ซึ่งผมขออนุญาตสรุปความเห็นของพวกเราและขออนุญาตบรรจุไว้ในวาระประชาชนโดยใช้อำนาจพิเศษในฐานะประธานคณะทำงาน
นโยบายของพรรค เพราะว่ามันก็สอดคล้องกับนโยบาย

เรื่องที่ 1 ครับ เรื่องดิน หรือเรื่องที่ดินทำกิน  ผมอนุญาตเรียนว่าปัญหาของพี่น้องชาวอีสานมีอยู่ 3 -  4  ปัญหาก็คือ  1.ไม่มีที่ดินจะทำกิน
2. มีที่ดินทำกิน แต่เช่าที่ดินคนอื่น   3. มีที่ดินทำกินแต่ทำกินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ  ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐ  และตรงนี้ครับ ที่เป็นปัญหาใหญ
่สำหรับเกษตรกรยากจนชาวอีสาน นโยบายประชาธิปัตย์สำหรับคนที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเองก็คือว่า  1.เราจะจัดตั้ง “ธนาคารที่ดิน” ขึ้นมา
ตามแนวความคิดของท่านเมื่อเช้านี่แหละครับ ผมรวบรวมมาแล้วและก็ใส่เป็นนโยบายของพรรค คือ ตั้ง “ธนาคารที่ดิน”

โดยรวบรวมที่ดินของรัฐจากหน่วยงานต่างๆในเขตพื้นที่ป่า ที่ไม่มีสภาพป่าหลงเหลืออยู่แล้ว  และเหมาะที่จะทำการเกษตรมาไว้ในที่ธนาคารที่ดิน
แล้วจัดสรรที่ดินเหล่านั้นให้เกษตรกรที่ยากจนชาวอีสานได้ทำกินต่อไปตามกฎเกณฑ์กติกา  ประการที่ 2 ใครที่ทำกินอยู่ในป่าสงวนแห่งชาติ
ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่าผิดกฎหมาย เขาจะใช้กฎหมายเล่นงานวันไหนก็ผิดวันนั้นครับ  เพราะไปทำกินอยู่ในป่าสงวน ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐ
ซึ่งเท่ากับโดนข้อหาบุกรุก   แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลตรงกับแนวคิดของท่านที่เสนอมายังไงครับผมบรรจุเรียบร้อยแล้ว ประชาธิปัตย์
จะทำให้การที่ท่านเข้าไปทำกินอยู่ในที่ดินป่าสงวนของรัฐที่ผิดกฎหมายนั้นเป็นถูกกฎหมาย 

โดยการออกเอกสารสิทธิ์พิเศษ  เอกสารสิทธิ์ที่ท่านหัวหน้าพรรคพูดเมื่อเช้านี่ละครับให้กับเกษตรกรที่ยากจนคนละไม่เกิน 50 ไร่ แต่มีข้อแม้นะครับ
ห้ามขาย  ที่ห้ามขายเพราะว่า   ถ้าเปิดโอกาสให้ขายได้ในที่สุดที่ดินก็จะถูกเปลี่ยนมือจากคนจนไปอยู่ในมือของนายทุน สุดท้ายคนจนก็จะไม่มี
ที่ดินทำกิน  หันซ้ายหันขวาไม่รู้จะไปไหนก็บุกป่าสงวนอีก  แล้วได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินเอาไปขายได้   สุดท้ายก็ไปขายให้นายทุน ขายให้นายทุนเสร็จ
ใช้เงินหมด ไม่รู้จะไปไหนหันซ้ายหันขวาก็บุกป่าสงวนอีก ที่สุดป่าก็หมด ที่ดินก็หมด แล้วคนจนก็จะไม่มีที่ดินเหลือ   แต่ที่ดินก็จะตกไปอยู่ในมือ
ของนายทุน ตรงนี้คือเหตุผลที่ห้ามขายแต่ให้ตกทอดทางมรดกได้  ให้ลูกหลานทำมาหากินได้ชั่วลูกหลาน เหลน โหลน  นี่คือแนวทางของประชาธิปัตย์
ที่เรียกชื่อที่ท่านหลายท่านอาจจะคิดว่ามันแสลง แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องแสลงสำหรับพี่น้องชาวอีสาน   

ผมฟังมาแล้วบอกว่านี่คือ ผลงานชิ้โบแดงของพรรคประชาธิปัตย์คือการออกเอกสารสิทธิ์ สปก.  4-01 แน่นอนมันอาจมีความผิดพลาดในบางจังหวัด
แต่นโยบายที่ดีไม่ใช้สะดุดเพราะปัญหาเพียงจุดเดียว ทั้งหมดต้องทำเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่  และนี่คือนโยบายที่ถูกต้อง เราทำการปฏิรูปที่ดิน
ให้กับพี่น้องชาวอีสาน ท่านทราบมั้ยครับปัจจุบันนี้  ทั่วทั้งประเทศให้ สปก. คือ ให้กรรมสิทธิ์กับพี่น้องที่ทำกินอยู่ในป่าสงวนจากผิดกฎหมาย
มาเป็นถูกกฎหมายไปแล้ว  28  ล้านไร่ใน 28 ล้านไร่นั้นเป็นของ คนอีสานเท่าไหร่ทราบไหมครับ  14 ล้านไร่  ครึ่งหนึ่งของคนทั้งประเทศ

นี่คือมรดกอีสานจากพรรคประชาธิปัตย์ครับพี่น้องครับ และผมคิดว่าในอนาคตยังมีที่ดินอีกประมาณ 11 ล้านไร่ทั่วประเทศ ที่เป็นป่าสงวนที่พี่น้อง
ไปทำกินและไม่มีสภาพป่าหลงเหลืออยู่แล้ว และยังเป็นปัญหาคาราคาซังอยู่   ในจำนวนนั้นรวมที่ดินของพี่น้องชาวอีสานอยู่ด้วย ถ้าประชาธิปัตย์
เป็นรัฐบาลกรรมสิทธิ์ที่ดิน รูปแบบนี้จะจัดให้กับพี่น้องชาวอีสานต่อไปครับพี่น้องครับ นี่ก็คือทิศทางของนโยบายพรรคประชาธิปัตย์

สำหรับประชาชนที่อยู่อาศัยในแถบป่าสงวนแห่งชาติ  ที่ไม่มีสภาพป่าแล้วแต่มีสภาพชุมชน  ไม่ใช่พื้นที่ทำการเกษตร เป็นหมู่บ้านแล้ว
แต่ยังอยู่ในป่าสงวนแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ก็คือ   เราจะออกโฉนดให้กับหมู่บ้านที่เป็นชุมชนนั้น ในลักษณะของ “โฉนดชุมชน”
เพื่อให้ทุกคนได้มีหลักประกันว่าทำมาหากินหรืออยู่อาศัยในที่ดินป่าสงวนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย  แต่สมบัติที่ดินต้องเป็นของชุมชน
และชุมชนเป็นผู้บริหาร สถานที่ราชการ วัด โรงเรียน ปัจจุบันนี้ท่านไปดูเถิดครับ หลายโรงเรียนอยู่ในป่าสงวนแห่งชาติไม่มีต้นไม้ซักต้น
นอกจากที่เกิดขึ้นจากครู  นักเรียน  วัดหลายวัดอยู่ในสภาพของป่าสงวน เหล่านี้  ถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเราจะออกโฉนดให้วัด 
ออกโฉนดให้โรงเรียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย  และให้ส่วนราชการที่กำกับดูแลวัด  ดูแลโรงเรียนเป็นผู้ดูแลแต่ไม่ให้มีสภาพเป็นป่าสงวน
ที่ผิดกฎหมายนะครับ นี่คือแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องที่ดินสั้นๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2007, 20:31 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #2 เมื่อ: 24-11-2007, 20:18 »

เรื่องที่ 2  เรื่องน้ำ ปัญหาเรื่องน้ำที่พวกเรานำเสนอมีทั้งปัญหาน้ำกิน  น้ำใช้  น้ำทำการเกษตร ปัญหาเรื่องน้ำกิน  น้ำใช้ก็คือว่า น้ำไม่พอเพียงกับปัญหาน้ำขาคคุณภาพ เพราะฉะนั้นนี่เป็นแนวทางที่ประชาธิปัตย์ต้องแก้ต่อไป    ไม่เฉพาะพี่น้องชาวอีสาน    แต่เป็นปัญหาพี่น้องคนไทยทั่วประเทศ แต่ปัญหาเรื่องน้ำที่สำคัญที่สุดสำหรับชาวอีสานที่พวกเราพูดกันเมื่อเช้าก็คือ ปัญหาเรื่องน้ำทำการเกษตร     โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจของการเกษตร  ก็คือน้ำในเขตชลประทาน  พี่น้องทราบไหมครับอีสานมีพื้นที่การเกษตรอยู่กี่ล้านไร่  60 ล้านไร่   ในจำนวน 60 ล้านไร่นั้น จำเป็นจะต้องมีชลประทาน 28 ล้านไร่ จึงจะเกิดความครบถ้วนอุดมสมบูรณ์   แต่วันนี้อีสานมีพื้นที่ชลประทานเท่าไหร่ทราบไหมครับจาก 28 ล้านไร่   มีแค่ 6.5 ล้านไร่   และท่านทราบหรือไม่  เกษตรกรคนไหนไม่ได้อยู่ในพื้นที่ชลประทาน จะมีรายได้จากการทำการเกษตรน้อยกว่า คนอยู่ในพื้นที่ชลประทาน 3.5 เท่า และพบเกษตรกรอีสานส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ชลประทาน เพราะฉะนั้นนี่คือสาเหตุของ ความยากจนสาเหตุหนึ่งของเกษตรกรชาวอีสาน  ทิศทางแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุดก็คือต้องขยายพื้นที่ ชลประทาน ออกไป ท่านหัวหน้าประกาศแล้วเมื่อเช้าตรงกับความคิดพวกเราที่สรุปตรงนี้ว่า ถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลภายใต้ความต้องการของพี่น้องชาวอีสาน อย่างน้อยที่สุดภายในเวลาที่รวดเร็วและจำกัด ประชาธิปัตย์จะขยายพื้นที่ชลประทานออกไปอย่างน้อย 1 เท่าตัวในเวลาอย่างรวดเร็ว  จาก 6.5   เป็น  13  ล้านไร่ครับนี่คือแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์และเราจะลงทุนเรื่องของชลประทานอย่างน้อยสามแสนล้านบาทครับ     นี่คือแนวทางในเรื่องน้ำสั้นๆที่ขออนุญาตที่จะกราบเรียนกับพวกเรา
           
เรื่องที่ 3 ครับ เรื่องที่ 3 เรื่อง ปัญหาหนี้สิน ปัญหาหนี้สินเป็นปัญหาใหญ่อย่างยิ่งโดยเฉพาะกับพี่น้องชาวอีสาน   ท่านทราบไหมครับว่าวันนี้คนอีสานเป็นหนี้รวมกันเท่าไหร่ 600,000 ล้านที่เป็นหนี้ในระบบนะครับ หนี้นอกระบบ  5,600 ล้าน   นี่คือหนี้ของคนอีสาน ถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล การแก้ปัญหาหนี้สินคือ 1.จะปรับหนี้นอกระบบมาเป็นหนี้ในระบบ  2.หนี้ที่เกิดจากความผิดพลาดของโครงการรัฐบาล  เช่น โครงการวัวพลาสติก   รัฐบาลประชาธิปัตย์จะยกหนี้ให้  ประการที่ 3 ท่านเคยได้ยินใช่ไหมครับ ตอนเกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจธุรกิจภาคเอกชน ธุรกิจของคนที่เขามีเงินลงทุนทำธุรกิจ  ผู้ประกอบการต่างๆ  ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ ลดหนี้ ยืดภาระหนี้ ลดดอก ทำทุกอย่าง    แต่กับเกษตรกรคนยากจนโดยเฉพาะพี่น้องชาวอีสาน  ทำไมจะไม่มีรัฐบาลไหนที่จะแก้ปัญหาปรับโครงสร้างหนี้ให้กับคนยากจนหรือเกษตรกรบ้าง     แต่ถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล   ประชาธิปัตย์มีนโยบายที่จะปรับโครงสร้างหนี้ให้กับคนยากจนและเกษตรกรทั่วทั้งประเทศ      ถ้าท่านปรับโครงสร้างหนี้  สิ่งที่ท่านจะได้คืออะไร  มีการเจรจากับเจ้าหนี้โดยประชาธิปัตย์จะมีตัวกลางที่เรียกว่า “ หมอหนี้ ”  ที่คอยให้คำปรึกษา  ประสานงานกับเจ้าหนี้ในระบบของท่าน เช่น  ธนาคาร สถาบันการเงิน เป็นต้น  แล้วสิ่งที่ท่านจะได้ก็คือ ที่สุดท่านอาจจะได้รับ การลดหนี้หรือยืดเวลาชำระหนี้   หรือยืดดอก หรือพักการชำระดอก เป็นต้น นี่คือแนวทางการแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชน ในแนวประชาธิปัตย์ตามวาระประชาชน เรื่องที่ 3 ที่ท่านเสนอกันเมื่อสักครู่ประชาธิปัตย์รับเป็นนโยบาย    แล้วก็ความจริงได้ประกาศเป็นนโยบายก่อนหน้านี้แล้ว แล้วรัฐบาลนี้ก็ได้นำไปใช้ นั่นก็คือ   นโยบายปลูกไม้ใช้หน ี้ครับพี่น้อง ผมคงไม่ต้องลงรายละเอียดนะครับ เพื่อประหยัดเวลา นี่คือการพยายามแก้ปัญหาหนี้สินโดยสังเขป ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ระดมปัญหามาเสนอกับพี่น้องชาวอีสาน
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #3 เมื่อ: 24-11-2007, 20:19 »

เรื่องถัดมานอกจาก 3 เรื่องที่ผมจำเป็นต้องสรุป   เพราะเป็นความคิดเห็นของพวกเราก็คือว่า เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจก็คือ   ปัญหาพืชผลทางการเกษตร เช่น เกิดปัญหาภัยพิบัติ น้ำท่วม ฝนแล้ง ไฟไหม้  แล้วในที่สุดก็นำมาสู่ความเสียหายของเกษตรกรทั้งหลาย    ถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเราจะจัดตั้งองค์กรๆหนึ่งขึ้น มารับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยจัดให้มีการประกันภัยพืชผลการเกษตร ผู้เสียเบี้ยประกัน หนึ่งแน่นอน พี่น้องผู้ทำประกันภัยคือ เกษตรกร  แต่จะเสียในวงเงินที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ท่านไม่ต้องจ่ายคนเดียว  รัฐบาลประชาธิปัตย์จะสมทบจ่ายให้ด้วย แต่ถ้าหากพืชผลท่านเสียหายเวลารับเงินประกันรัฐบาลประชาธิปัตย์ไม่ขอรับด้วย ยกให้ท่านทั้งหมด  นี่คือการประกันภัยพืชผลของพรรคประชาธิปัตย์ ถัดมาเรื่องถ้าถึงเวลา ที่ท่านลงทุนทำการเกษตร ท่านไม่มีเงินไปซื้ออุปกรณ์ทำการเกษตร ท่าน   ไม่มีเงินไปซื้อปุ๋ย ประชาธิปัตย์จะตั้งกองทุนไว้ในหมู่บ้านของท่าน  เพื่อให้ท่านสามารถกู้ไปทำมาหากินได้ แต่ห้ามเอาไปซื้อโทรศัพท์มือถือนะครับ ให้กู้ลงทุนเท่านั้นห้ามกู้บริโภค กองทุนที่ประชาธิปัตย์จะจัดตั้งขึ้นคือ  “กองทุนเศรษฐกิจพอเพียง” ครับพี่น้องครับ  นี่คือแนวทางอีกอันนึงของพรรคประชาธิปัตย์   

ถัดมาเป็นเรื่องสวัสดิการผมขออนุญาตกราบเรียนไปเร็วๆเลยครับ  1.เรื่องเรียนฟรี 15 ปี อย่างที่ผมเรียนเมื่อสักครู่หลายท่านอาจจะถามว่า แล้วที่บอกว่าฟรีนั้นฟรีอย่างไร  ฟรีประชาธิปัตย์ ผมกราบเรียนว่าที่ฟรีอย่างน้อย คือ 4 เรื่อง เรื่องที่ 1 ค่าเล่าเรียนฟรี เรื่องที่ 2 ค่าวิชาพิเศษที่เก็บยุบเก็บยับอยู่ปัจจุบันนี้นะครับ อ้างว่าค่าเรียนภาษาอังกฤษ ค่าวิชา  ค่าคอมพิวเตอร์ ถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ฟรี เรื่องที่ 3 นมนักเรียน  นี่ก็ฟรีแล้วฟรีมาตั้งแต่สมัยท่านชวนแล้ว เรื่องที่ 4 ที่จะฟรี คือ หนังสือตำราเรียนฟรีทุกคน   15  ปี ตั้งแต่อนุบาล – ม.6  พอเข้ามหาลัยก็กู้เรียนจากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผมเรียนให้ทราบ
           
เรื่องรักษาฟรี ท่านอาจจะถามว่า ฟรีอย่างไร ขออนุญาตขยายความเพื่อความชัดเจน  ทั้งหลายที่นั่งอยู่ที่นี่ ผมคิดว่าเป็นแม่ทัพอีสานทั้งนั้นท่านจะได้ออกไปช่วยกระจายข่าวเพื่อความชัดเจนต่อไปในตำบลหมู่บ้านของท่าน รักษาฟรีก็ถือว่าเรามาแก้ปัญหา 30 บาท ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เพราะ 30 บาทที่ว่านั้น ท่านมาโรงพยาบาลต้องจ่ายกันคนละ 30 บาท แต่ท่านทราบไหม ค่าหัว ค่าชีวิตท่าน รัฐบาลจัดงบประมาณให้รักษาพยาบาลท่านต่อหัวต่อปีคนละเท่าไหร่ เริ่มต้นใหม่ ๆ ให้พันสอง มาเป็นพันสาม มาเป็นพันสี่  ปีสุดท้ายให้พันห้าร้อยเก้าสิบ พูดตัวเลขกลม ๆ คือพันหก พันหกมันไม่พอค่าชีวิตเราหรอกครับ ต่ำเกินไป รัฐบาลต้องลงทุนเรื่องสุขภาพ ชีวิตประชาชนมากกว่านี้ครับ เพราะฉะนั้นเมื่อลงทุนให้หัวละไม่เกินพันหก ท่านไปโรงพยาบาลปัญหาจึงตามมาที่สุดเข้าโรงพยาบาลเสร็จ โทษหมอ พยาบาลก็ไม่ได้ ได้ถุงมาคนละถุง  ข้างในจึงมีแต่พาราเซตามอล  เพราะอะไร เพราะค่าหัวท่านหัวละพันหก แต่ถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล อย่างน้อยที่สุดค่าหัวต่อคนต่อการรักษาพยาบาลต่อปีต้องสองพันหนึ่งร้อยบาทขึ้นไปครับ   นี่จึงเรียกว่า รักษาฟรี มีคุณภาพ และต่อไปนี้ถ้าประชาธิปัตย์เป็ รัฐบาลไม่ต้องใช้บัตรทอง และไม่ต้องเอาเงินภาษีประชาชนไปลงทุนทำบัตรทองแล้วก็มีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ ท่านสามารถไปรักษาฟรี โดยใช้บัตรประชาชนได้เลยครับ ถัดจากนั้นรัฐบาลประชาธิปัตย์จะไม่บังคับให้ท่านต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลศูนย์ ที่เป็นของรัฐบาล แต่เราจะเปิดโอกาสให้คลีนิคเอกชน ในอำเภอ ในจังหวัดสามารถมาร่วมโครงการรักษาฟรีประชาธิปัตย์ได้ คลีนิคไหนเข้าไปร่วมโครงการเราจะมีระบบบริหารจัดการ   ผมไม่เรียนตรงนี้มันจุกจิก แต่ศึกษามาครบถ้วน เพราะฉะนั้นผลได้กับประชาชนก็ดี โครงการรักษาฟรีประชาธิปัตย์ ท่านใช้บัตรประชาชนใบเดียวไปรักษาฟรีที่โรงพยาบาลของรัฐไหนก็ได้ รวมทั้งคลีนิคเอกชนภายในจังหวัดของท่านเองได้โดยทันที  ตามที่ท่านสนใจจะเลือกใช้ นี่คือรักษาฟรีประชาธิปัตย์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2007, 20:23 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #4 เมื่อ: 24-11-2007, 20:20 »

 สำหรับหลักประกันยามชราของท่านต้องจัดเบี้ยยังชีพ คนอายุ 60 ปีขึ้นไป เดือนละไม่ต่ำกว่า 500 บาทต่อเดือนแล้วที่ประกาศท่านหัวหน้าก็ประกาศไปแล้ว อีกอันหนึ่งครับ ท่านสังเกตมั้ยครับ ถ้าท่านเป็นข้าราชการ อายุ 60 ท่านมีบำเน็จบำนาญ ถ้าท่านเป็นผู้ใช้แรงงาน ท่านทำประกันสังคม อายุ 60 ปีขึ้นไป เกษียณจากวัยแรงงานท่านมีเบี้ยยามชรา มีเบี้ยชราภาพ มีเงินก้อนหนึ่ง   แต่ถ้าท่านเป็นประชาชนตาดำ ๆ เป็นเกษตรกรยากจน ท่านไม่มีสิ่งเหล่านี้ หากเมื่อ 60 ปีไปแล้ว ท่านเหลือแต่ตัวกับอาจจะได้เบี้ยยังชีพจากประชาธิปัตย์คนละ 500 บาทต่อเดือน แต่ประชาธิปัตย์จะให้ท่านมากกว่านั้น ถ้าเราเป็นรัฐบาล นั่นก็คือว่าให้ท่านช่วยเก็บออม ตั้งแต่วันที่เก็บอยู่ แต่ไม่ต้องใช้เงินมากหรอกครับ ท่านออมวันละบาทก็ได้ ถ้าท่านออมวันละบาท รัฐบาลประชาธิปัตย์จะใส่ให้ท่าน 1 บาท ถ้าท่านออมร้อย จะประชาธิปัตย์ใส่ให้เป็นสองร้อย และเมื่อท่านอายุ 60 ปีขึ้นไปเกษียณจากประชาชนธรรมดาหรือเกษตรกรตาดำ ๆ ท่านได้เงินที่ท่านใส่ไปหนึ่งร้อย คืนมาเป็นสองร้อย บวกดอกเบี้ย จนท่านครบอายุ 60 ปีครับ  นี่คือแนวสวัสดิการของพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะครับ แล้วก็เป็นความคิดตรงกันกับท่านทั้งหลายด้วย

เรื่องการกระจายอำนาจ หัวหน้าประกาศชัดเจนแล้ว ผมย้ำอีกรอบเพราะพวกเราพูดกัน ถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ประชาธิปัตย์จะโอนงานและโอนเงินให้กับหน่วยการปกครองส่วนท้องถิ่นโดยมีเป้าหมายเงินสูงสุด 35 เปอร์เซนต์   ประการที่สอง สิ่งที่จะกราบเรียนกับท่านก็คือว่า ถ้าผู้ประกอบการธุรกิจไหนยกตัวอย่างเช่น ศูนย์การค้ายักษ์ใหญ่จากกรุงเทพมหานคร ถ้าไปตั้งถิ่นฐานที่แท้จริงอยู่ในท้องถิ่น ภาษีสำคัญที่จะกราบเรียนท่านต่อไปในอนาคต 1 – 2 – 3 – 4 – 5 จะต้องตกเป็นของท้องถิ่นนั้น ไม่ใช่ตกเป็นของท้องถิ่นที่ไปจดทะเบียนเพราะส่วนใหญ่ไปจดทะเบียนอยู่ในกรุงเทพมหานครและจังหวัดใหญ่ ๆ แต่จังหวัดที่สถานประกอบการเหล่านั้นไปตั้งอยู่แล้วสร้างมลภาวะ สร้างปัญหาหรือไปหาผลประโยชน์ของคนในท้องถิ่นนั้น ไม่มีโอกาสกลับมาสู่ท้องถิ่นในรูปเงินภาษี เพราะฉะนั้นถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ภาษีต้องส่งกลับมาเป็นของท้องถิ่นที่สถานที่ประกอบการตั้งอยู่ครับ   นี่คือแนวของประชาธิปัตย์ ถัดมา รูปแบบการปกครองพิเศษที่พวกเราพูดกันเมื่อสักครู่ แน่นอนการจะจัดพื้นที่ใดเป็น พื้นที่ปกครองพิเศษเหมือนรูปแบบกรุงเทพมหานคร หรือเหมือนรูปแบบเมืองพัทยา ต่อไปนี้ต้องฟังความเห็นจากประชาชน อาจจะต้องทำประชามติขนาดเล็ก หรือทำประชาพิจารณ์ ถ้าประชาชนเห็นด้วยแล้ว แน่นอนสำหรับอีสานประชาธิปัตย์มีนโยบายครับ อย่างน้อยที่สุดขอนแก่น โคราช อุบลฯ จะต้องยกฐานะจากเทศบาลเป็นมหานครครับ    และถัดไปรูปแบบการปกครองพิเศษเช่น เมืองพัทยา เมืองพัทยาก็คล้ายกับเทศบาล นายกฯ เมืองพัทยาต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรง แต่มีอำนาจมากกว่านายกเทศมนตรีปกติ มีสิทธิพิเศษในทางเงินการคลังมากกว่าปกติ เพราะฉะนั้นถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล อย่างน้อยที่เห็น ๆ ประกาศได้ตรงนี้ มุกดาหาร หนองคาย ต้องประกาศเป็นเขตปกครองพิเศษ นี่ก็คือสิ่งที่ผมประกาศตรงนี้ได้ครับ เมื่อกี้มีท่านหนึ่งขึ้นมาพูดบนนี้ ผมก็บันทึกไว้ ท่านไม่สบายใจเรื่องการกระจายอำนาจทางการศึกษา พวกเราคงจำได้ท่านบอกว่า มีการกระจายอำนาจทางการศึกษาจริง แต่ไม่กระจายถึงที่สุด คือกระจายจากกระทรวงส่วนกลาง แล้วก็ส่วนกลางมันจะไปที่เขตพื้นที่การศึกษา เขตพื้นที่การศึกษาแล้วก็จะลงไปสถานศึกษาคือโรงเรียน แต่ท่านบอกว่ามันกระจายไปครึ่งเดียวคือ แค่เขตพื้นที่การศึกษาในที่สุดสถานศึกษาก็ไม่ได้มีอำนาจจริง ๆ ใด ๆ ในทางจัดการ ผมกราบเรียนว่าถ้าเป็นนโยบายประชาธิปัตย์จะประกาศชัดเจน ประชาธิปัตย์เปิดโอกาสให้สถานศึกษาคือโรงเรียนเป็นนิติบุคคลครับ คำว่านิติบุคคลแปลว่า เป็นบุคคลตามกฎหมายที่สามารถทำสัญญา จัดซื้อ จัดจ้าง ทำอะไรทุกอย่างได้ด้วยตัวของตัวเอง ไม่ต้องไปพึ่งพาใครในพื้นที่การศึกษาหรือใครต่อใคร เพราะฉะนั้นถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล   เราจะดำเนินการกระจายอำนาจการจัดซื้อจัดจ้าง รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ ผ่านเขตพื้นที่การศึกษาลงไปจนกระทั่งถึงสถานศึกษา อันนี้คือสิ่งที่ประกาศได้นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2007, 20:23 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #5 เมื่อ: 24-11-2007, 20:21 »

เรื่องเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ผมกราบเรียนว่า สำหรับพี่น้องชาวอีสาน เมื่อสักครู่พวกเราพูดแต่ไม่ได้ใช้ชื่อตรงกับผม ผมก็ขอใช้ชื่อเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ง่ายกับความคิดของพวกเราและเป็นแนวทางวาระประชาชน ของประชาธิปัตย์   เราจะประกาศเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ถ้าประกาศในพื้นที่ใดก็แปลว่าใครที่ไปลงทุนในพื้นที่นั้นจะ ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ปลอดการเก็บภาษีเครื่องจักรที่จะมาลงทุนในพื้นที่นั้น และรัฐบาลจะช่วยเรื่องปัจจัยการผลิต การแปรรูป การตลาด ให้กับเกษตรกรที่อยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ มีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการ มีศูนย์บริการรัฐบาลครบวงจรอยู่ในนั้น ตั้งแต่การจัดการแปรรูปจนถึงการส่งออกไม่ต้องวิ่งเต้นไปตั้งหลายหน่วยงาน ทั้งหมดจะสำเร็จรูปเป็นวันสต๊อปเซอร์วิส   นี่คือรูปแบบคร่าว ๆ ของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เพราะฉะนั้นผมถึงขออนุญาตกราบเรียนเอาความคิดของพวกเรารวบยอดกับความคิดประชาธิปัตย์ ในวาระประชาชนก็คือว่า ถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล เราจะประกาศเขตอุตสาหกรรมข้าวครบวงจร ในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ บริเวณจังหวัด ยโสธร มหาสารคาม บุรีรัมย์ แล้วก็จังหวัดสุรินทร์ครับ พี่น้องครับ  รวมทั้งประกาศเขตอุตสาหกรรมน้ำตาลครบวงจร ในหลายพื้นที่จังหวัดขออนุญาตไม่อ่านตรงนี้ อยู่ในอีสานหมด รวมทั้งเขตอุตสาหกรรมมันสำปะหลังครบวงจร และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน เช่นมุกดาหาร หนองคายที่ผมกราบเรียนเมื่อสักครู่เป็นต้น

ถัดไปที่พวกเราพูดกันมาก เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน โครงสร้างพื้นฐานประเด็นสำคัญที่พวกเราพูดกันก็คือว่า พวกเราต้องการเปิดประตูอีสาน ไปสู่โลกาภิวัฒน์ รวมทั้งเปิดประตูอีสานไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ประชาธิปัตย์ก็คิดอย่างเดียวกับท่าน และเราจะพยายามทำสิ่งเหล่านี้ให้ปรากฎเป็นจริงขึ้นมา เรื่องที่หนึ่งที่ท่านพูดกันมากคงไม่สรุปไม่ได้ รถไฟรางคู่ รถไฟรางคู่ที่จะพาสินค้าของคนอีสานไปสู่อีสเทอร์ซีบอร์ด หรือภาคตะวันออกเพื่อกระจายไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทุกวันนี้ท่านมีปัญหาเรื่องเส้นทางคมนาคม แต่เราจะเปิดประตูไปสู่โลกโดยใช้เส้นทางรถไฟรางคู่ โดยจัดให้โคราชเป็นศูนย์กระจายสินค้าที่จะรับออกมาจากขอนแก่น แล้วก็สร้างรถไฟรางคู่จากโคราชไปยังฉะเชิงเทรา แล้วก็ออกไปแหลมฉบัง นี่คือสิ่งที่ประชาธิปัตย์ให้สัญญาแล้ว เปิดประตูอีสานสู่อินโดจีน อย่างน้อยที่สุดในเรื่องของการค้าและการท่องเที่ยว ก็จะมีการดำเนินการที่จะเจรจาประสานงานเพื่อต่อเส้นทางรถไฟในอดีตที่ยังขาดอยู่เช่นจากหนองคายเพื่อต่อไปลาว ไปจีน หรือจากชุมทางบัวใหญ่ ไปมุกดาหาร ไปนครพนมในอนาคต หรือจากอุบลฯ ก็จะต่อไปจังหวัดอื่น ๆ ในอนาคตเช่นเดียวกัน  นี่ก็คือสิ่งทีเป็นแนวความคิดของเรา รวมทั้งการสานต่อโครงการถนนสี่เลน ของท่านนายกฯ ชวน พรรคประชาธิปัตย์ เฟสสอง และเฟสสามให้สำเร็จแน่นอนส่วนหนึ่งก็อยู่ในอีสาน ขณะเดียวกันเรื่องโครงข่ายโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตเราก็มีแนวทางที่จะดำเนินการให้ทั่วถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมทั้งไฟฟ้า ซึ่งควรจะมีครบทุกหมู่บ้าน นี่ก็คือแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2007, 20:22 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #6 เมื่อ: 24-11-2007, 20:21 »

ความจริงยังมีอีกบางประเด็น ขอสรุปสุดท้ายอีกเรื่องเดียวครับ เรื่องการท่องเที่ยว พวกเราพูดกันมาก ผมเรียนได้ว่าแนวทางของประชาธิปัตย์ อีสานไม่ใช่ภาคที่ไม่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยวนะครับ แน่นอนอีสานไม่มีทะเล แต่นักท่องเที่ยวไม่ได้ตั้งใจมาเที่ยวทะเลกันอย่างเดียว กลุ่มนักท่องเที่ยวมีหลายกลุ่มอีสานมีศักยภาพทางการท่องเที่ยวสูง แต่เราต้องขายศักยภาพของเราในทางที่ถูกต้อง ศักยภาพของอีสานคืออะไร ศักยภาพของอีสานก็คือ ทรัพยากรธรรมชาติ ภูเขา ประวัติศาสตร์  วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวชายแดน นี่คือศักยภาพทางการท่องเที่ยวของอีสาน เพราะฉะนั้นถ้าเราเป็นรัฐบาล เราก็จะเน้นการท่องเที่ยวในอีสาน เรื่องที่สองที่สำคัญอีสานจะขายการท่องเที่ยวแต่เพียงลำพังไม่ได้ อีสานจะต้องขายการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเรียกว่าขายเส้นทางท่องเที่ยวเป็นชุดการท่องเที่ยว หรือที่เรียกกันเป็นภาษาท่องเที่ยวว่าเป็นแพคเก็จ (Package) ตามประสาทัวร์เขานั่นแหละครับ ผมฟังพวกเราหลายคนแล้วก็ไปจดมาตามห้อง ผมคิดว่าเป็นแนวทางความคิดที่ถูกต้อง เช่น ขายมุกดาหารคู่กับสวันเขต ขายหนองคายคู่กับเวียงจันทน์ หรือขายอุบลฯ – ศรีสะเกษ ควบคู่กับเขาพระวิหาร นี่แหละครับคือสิ่งที่อีสานต้องขาย ขายปราสาทหินพิมาย ขายปราสาทเขาพนมรุ้ง ขายไดโนเสาร์ที่ขอนแก่น ที่กาฬสินธุ์ สิ่งเหล่านี้สามารถนำมาโปรโมท นำมาโฆษณาเพื่อดึงนักท่องเที่ยวได้ถ้าเราทำกันอย่างจริงจัง

นี่คือแนวทางวาระประชาชน ของพรรคประชาธิปัตย์ภายใต ้การระดมความคิดของพวกเราทั้งหมดที่เป็นชาวอีสาน และนี่คือผลผลิต มันสมองของทุกคนที่นี่ชาวอีสาน สู่วาระประชาชนเพื่ออีสานของพรรคประชาธิปัตย์ โดยคนอีสานและเพื่อคนอีสาน 

สวัสดีครับ
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Kittinunn
Aloha007
Global Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,127


ไปได้สวย...ด้วยเกียร์ต่ำ!!!


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 25-11-2007, 01:39 »

esan2east รู้สึกว่าจะเป็นเว็บ อ.โต้ง หน่ะครับ
บันทึกการเข้า

“ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย” (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)

หน้า: [1]
    กระโดดไป: