แน่หรือ? โปลิศไม่เอี่ยว ส่วยเทปผีซีดีเถื่อน [23 พ.ย. 50 - 20:24]ข้อกล่าวหา ส่วยเทปผีซีดีเถื่อน 40 ล้านที่หลุดจากปาก "เสี่ยเจียง" สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ บิ๊กบอสแห่งค่ายหนังสหมงคลฟิล์ม
ออกมาพร้อมกับคำขู่ ม็อบดาราจะมาประท้วง...มีผลให้ตำรวจนครบาลสามพื้นที่ละแวกคลองถม สะพานเหล็ก ออกมาปฏิเสธพัลวัน
ความจริง...ของส่วย 40 ล้าน มีอยู่แค่ไหน ปล่อยให้ตำรวจด้วยกันเขาชำระกันเอง
ตอนนี้ลองมาฟังความจริง จากด้าน คนในขบวนการเทปผีซีดีเถื่อนดูบ้างข้อมูลพื้นฐานจากคนในวงการที่อยากให้เรียกชื่อว่า กุ่ย ประตูผี วัย 44 ปี แผ่นซีดีเปล่า ขายใน ท้องละตลาดแผ่นละ 6 ถึง 7 บาท
ถ้าซื้อในหลักพันหลักหมื่นแผ่น จะได้ลดเหลือ 4 ถึง 5 บาท
หนัง 1 เรื่อง ต้องใช้แผ่นซีดีเปล่าเฉลี่ย 2 แผ่น ต้นทุนก็จะอยู่ 10 บาท บวกค่าปั๊มหนัง โรงงานคิดแผ่นละ 8 บาท รวมค่าซอง ค่าแรง ขนส่ง อีก 5 บาท
สรุปหนังซีดีเถื่อน 1 เรื่อง ต้นทุนมากสุด 23 บาทคนผลิต...ส่งจำหน่ายคลองถม สะพานเหล็ก หาดใหญ่ เชียงใหม่ ขอนแก่น อุบลฯ เรื่องละ 29 บาท เป็นอันว่า...กำไร 6 บาทต่อเรื่อง
หนังใหม่ที่กำลังฉายชนโรง บางที่หนังยังไม่เข้าฉาย ลูกค้าจะสั่งจำนวนมาก บางที่สั่ง 30,000 แผ่น ลองเอา 6 คูณ 30,000 ดู จะเป็นเงิน 180,000 บาท
นี่แค่หนัง 1 เรื่อง แต่ในความเป็นจริง จะมีสั่งพร้อมกัน 5 ถึง 6 เจ้า แต่ละเจ้าสั่งหลักหมื่นแผ่น
ใบสั่งมากขนาดนี้...โรงผลิตแต่ละเจ้า ใช้เครื่องจักรราคา 40-50 ล้าน ปั๊มกันทั้งวันทั้งคืน คนผลิตต้องเหนื่อย วิ่งหาโรงงานปั๊ม
แหล่งผลิตในไทย ปั๊มไม่ทัน บางทีต้องลงทุนข้ามแม่น้ำโขงไปจ้างโรงงานถึงลาว
"ที่ลาว มีโรงผลิต 3 แห่ง" เฮียกุ่ยว่าเครื่องจักรทำงานหนัก หลายครั้งเครื่องก็เสีย ต้องวิ่งไปโรงอื่น
ผ่านขั้นตอนการผลิต มาถึงขั้นตอนการจำหน่าย ราคาขายส่งหรือขายปลีก รายย่อยหรือรายใหญ่เรื่องละ 50 ถึง 100 บาท
หนังบางเรื่องอาจแพงกว่า ถ้าเป็นหนังใหม่ หนังดัง
ยังมีกลุ่มวิ่งรับปั้มหนังทุกเรื่อง วิ่งเข้าถึงตัวลูกค้า คนกลุ่มนี้เป็นพวกชุบมือเปิบต่อจากคนผลิตรายใหญ่ แต่การผลิตอยู่แค่หลักร้อยหลักพัน
ได้หนังมา 1 เรื่อง 2 แผ่น ก็รีบโทร.ติดต่อลูกค้า พอสั่ง...ก็จะปั๊มส่งตามจำนวน ทันทีไม่มีการกักเก็บ ซุกซ่อนไว้ให้ถูกสืบจับถามถึงกองแผ่นซีดี ที่ตำรวจจับโชว์ เฮียกุ่ยคุยว่า
ที่มีการจับตามโกดัง ตามโรงงาน ตามร้านส่งนั้นที่เป็นข่าวนั้น ส่วนมากเป็นหนังเก่าทั้งไทย-เทศ ค้างสต๊อกที่ขายไม่ออก"หนังใหม่ที่ทำเงินได้ไม่ค่อยมีหรอก"...เฮียกุ่ยยืนยัน "ถ้ามีก็น้อยมาก เพราะหนัง ที่ลูกค้าต้องการ ส่วนใหญ่ผลิตได้ไม่พอส่งอยู่แล้ว"
เฮียกุ่ย บอกว่า เหตุที่มีหนังเก่าอยู่มากพอที่จะเอื้อเฟื้อให้ตำรวจจับไปโชว์
นอกจากหนัง ที่ขายไม่ออก ก็ยังมีหนังที่ปั๊มสำรองไว้ หนังต่างประเทศบางเรื่อง ออกฉายมา 10 ปีแล้ว แต่ก็มีลูกค้าสั่งได้ตลอดทั้งปี
"แต่ข้อหาเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าหนังจะเก่าหรือหนังใหม่ ความผิดนั้นเท่ากัน"
คุยกันถึงที่มาของต้นฉบับหนัง...กุ่ย ประตูผี บอกว่า มาได้ 4 ทาง
ทางที่ 1 นำมาจากต่างประเทศเลย บ้านเรามักจะนำมาจากมาเลเซีย มีการ บรรยายไทยมาให้เสร็จเรียบร้อย
เอามาเป็นแผ่นดีวิดี, วีซีดี แล้วเอามาปั๊ม เส้นทางนี้จึงมีหนังบางเรื่อง ยังมาไม่ถึงเมืองไทย
หรือยังไม่เข้าฉาย...ก็มีแต่...ตลาดมืดมีขายแล้ว ราคาประมาณเรื่องละ 250 บาท
หนังกลุ่มนี้ ผู้ผลิตในไทยจะประสานกับกลุ่มในมาเลเซียหรือประเทศอื่นๆ เมื่อเพื่อนส่งหนังฝรั่งดีๆมาให้
เมื่อมีหนังไทยดีๆระดับอินเตอร์ ก็จะส่งไปให้แบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า
นายทุนเทปผีซีดีเถื่อน พึ่งพากันไปมาอย่างนี้เอง ลาว เขมร พม่า จึงมีหนังไทยเถื่อนเต็มไปหมดทางที่ 2 ได้จากการแอบถ่าย หนังใหญ่จากต่างประเทศกำลังดัง และกำลัง เข้าฉาย
คนผลิตจะส่งตากล้องเข้าไปแอบถ่ายในโรง วิธีนี้ทำไม่ง่าย เพราะมักจะถูกค้นตัว หรือถูกห้ามนำกล้องถ่ายภาพเข้าโรงหนัง
จึงต้องเปลี่ยนวิธี เป็นรุกเข้าหาเด็กฉายหนัง อัดถ่ายกันจะจะในห้องฉายเลย
เริ่มต้นด้วยเงินแลกเปลี่ยนหลักหมื่น อัดถ่ายในห้องฉายหนังได้ ในโรงหนังก็อัดถ่ายได้ ไม่ใช่เรื่องยาก
เพราะเคยมีคนทำสำเร็จมาแล้ว ยังจับมือใครดมไม่ได้
หนังฉายหลายรอบ แต่ละรอบมีเด็กดูแลอยู่หลายคน
ข้อเสียของหนังแอบถ่าย คุณภาพจะไม่ดีทั้งเสียงและภาพ ลูกค้าดูแล้วเสียอารมณ์ จึงมีน้อยมาก อดใจรอจากแผ่นมาสเตอร์มากกว่า
ทางที่ 3 ซื้อหนังจากแผ่นของบริษัทที่วางขายทั่วไปตามห้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหนังลาโรง ไปหลายเดือน
ความนิยมและการสั่งของลูกค้าจะอยู่ในระดับกลางๆ คอหนังบางคนไม่ได้ดู บางคนชอบมาก ซื้อมาเก็บ
หนังบริษัทราคา 120-250 บาท หนังเถื่อน 50-80-100 บาท ถูกกว่ากันมาก คอหนังบางราย จึงอดใจรอ...
ทางที่ 4 สำคัญมาก อาจไม่มีการเผยมาก่อน คือ หนังออกมาจากเจ้าของหนังเอง ปั๊มหนังออกมาให้เป็นหนังเถื่อน เพื่อหวังผลในการถอนทุนเจ้าของหนังมองว่า ขายในตลาดมืดจะโกยกำไรกว่าขายในโรง เช่น
ลงทุนสร้างหนังไป 12 ล้านเข้าฉายได้ 2 อาทิตย์ก็ออก เพราะไม่มีคนดู เก็บเงินได้ไม่ถึง 5 ล้าน
แต่...ถ้าเป็นหนังเถื่อนอาจขายได้ถึง 5 ถึง 6 ล้านบาทอย่างน้อยก็มีกำไรหรือถ้าขาดทุน ก็ไม่มาก หนทางทำเงินของเจ้าหนังยังมีอีก เช่น ส่งทีมงานทนายความ ตำรวจออกตรวจจับหนังตัวเอง ที่ส่งขายเองไปตามแผง
ร้านให้เช่าหนัง จับได้ก็เรียกเงินรายละ 3-5 หมื่นบาท
เรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นแล้วหลายๆท้องที่ บางที...ทำให้ร้านที่ถูกจับ ปิดร้านเลิกกิจการเช่าหนังไปเลยก็มี
ข้อมูลลึกระดับสุดคอหอย จากเฮียกุ่ย...ขบวนการอิทธิพลทำหนังเถื่อนป้อนตลาดไม่ขาดสาย ดูเหมือนมีมากมาย แต่ถ้าจะพูดถึงรายยักษ์ใหญ่ที่สุด มีอยู่ 2 ราย
คนในวงการรู้จักกันในชื่อ เฮียกวงกับเจ๊กิ๊กอีกราย ระดับยักษ์รอง...เป็นผู้หญิง ชื่อเป็นผลไม้...
คนในวงการไม่ครั่นคร้ามเจ๊เท่ากับ สามีของเจ๊ ซึ่งเป็นตำรวจยศชั้นนายพัน สังกัดงานดูแลปัญหาด้านเศรษฐกิจ
เฮียและเจ๊ๆเหล่านี้ ยืนยงคงกระพันอยู่ในวงการมายาวนาน แน่นอน จะต้องมีพี่เลี้ยงดี แน่นอน...
ความก้าวหน้าของขบวนการเทปผีซีดีเถื่อน จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าคุณตำรวจ ไม่มีเอี่ยว ไม่ว่าจะเอี่ยวแบบส่วย หรือเอี่ยวแบบได้เสียเป็นผัวเมียกัน
คุณตำรวจ ผู้ยิ่งยงในวงการแบ่งเป็น 2 คุณ คุณแรก คือ คุณตำรวจท้องที่ คุณที่สอง เป็นตำรวจนอกพื้นที่
จะบอก ว่า ไม่มีส่วนได้เสียกับเทปผีซีดีเถื่อนย่านสะพานเหล็ก กับย่านคลองถมคงไม่ได้ เพราะมีการจ่ายส่วยกันทุกเดือน
ร้านขายหนัง ที่มีหนังถูกต้องวางหน้าร้านมากกว่า 60 ร้าน รู้กันทั้งนั้นว่า หลังร้านมีหนังเถื่อนแทบทุกเรื่องถ้าไม่จ่าย...ใครจะกล้าขายเปิดเผย เช่นที่ขายกันในวันนี้
คนในวงการอย่างเฮี่ยกุ่ย รู้ดีว่า การจับของท้องที่ส่วนใหญ่จะจับแบบจัดฉาก จับแบบมีตัวผู้ต้องหาก็มี ไม่มีตัวผู้ต้องหาก็มาก
หนังที่ขนมาเป็นกองๆนั้น ขนมาจากร้านไหนก็ได้...เท่าไหร่ก็ได้ แผ่นละไม่กี่บาท เจ้าของร้านเขาพร้อมให้ความร่วมมือ
แต่จะเป็นกองเดียวกับ ที่เห็นวางกองในหน้าหนังสือพิมพ์หรือไม่ ก็ไม่ทราบส่วนตัวเฮียกุ่ยเอง
เคยถูกตำรวจมาขอยืมแผ่นซีดี เอาไปจัดฉากอวดนายมาแล้วหลายหน
"ขนไปก็ขนกลับ...ขนกันจนเบื่อ" ประเด็นสุดท้าย คือเรื่องส่วย ลักษณะของส่วย
ไม่ว่าส่วยสะพานเหล็กกับส่วยคลองถม ไม่คงที่ ไม่มีลงมีแต่ขึ้นและขึ้นสถานเดียว
ส่วยรายเดือนว่าหนักอกแล้ว ยังมีส่วยรายปี ปีละสองครั้ง ทุกครั้งที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ไม่ว่าระดับไหน
ทุกร้านที่ขายเทปผีซีดีเถื่อน จะต้องช่วยลงขัน ครั้งละ 15,000 บาทถึง 20,000บาท
การโยกย้ายแต่งตั้ง ครั้งล่า ราคาเพิ่มขึ้น เป็น 25,000 บาทตำรวจบอกว่า ราคาที่เพิ่ม เพิ่มตามอัตราค่าความเสี่ยงสูง
ค่าความเสี่ยงสูง ผู้สันทัดกรณี แย้มเป็นนัยๆว่า เริ่มอ้างกัน ตั้งแต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส
ตั้งแต่ชื่อนี้มา ไม่ส่วยซีดี ส่วยบ่อน ส่วยซ่อง หรือส่วยอะไรต่อมิอะไร ในวงการตำรวจแพงขึ้นไปหมด.http://www.thairath.com/news.php?section=hotnews02&content=69159