ว่าจะไม่เข้ามาตอบแล้ว อยากจะบอกว่ามันไม่เครียร์ครับ
1 จากที่คุณจี ตอบผม
ถ้าคุณ mebeam รับ สด.9 เพื่อเข้าเกณฑ์ เดือนเมษา 51 แล้วไม่ไป
เมื่อพ้นวันเกณฑ์ ถ้าคุณไม่ทำอะไร ก็เป็นบุคคลหนีทหารครับ จนกว่า
จะดำเนินการแก้ไข
ดังนั้นนายอภิสิทธิ์ รับหมายให้ไปเกณฑ์ทหารเลยวันที่ 7 เมษายน 2530 แล้วไม่ไป
เมื่อพ้นวันเกณท์ ก็ต้องเป็นบุคคลหนีทหารครับ อย่างน้อย 4 เดือนครับ คือเคยเป็นบุคลหนีทหารอยู่ 4 เดือนอย่างน้อยจนเป็น
ข้าราชการในสังกัดกลาโหม
2.ถ้าคุณ mebeam สามารถเข้ารับราชการ
เป็นอาจารย์จนได้รับยศเป็นนายทหารแบบนายอภิสิทธิ์เรื่องก็จบ
แต่มันไม่ได้ครับ ไม่มีชายไทยใด เอาสด 9 ที่เกินกำหนดการเกณฑ์ แล้วไปสมัครราชการพลเรือนสังกัดกลาโหมในฐานะกองเกินได้
แล้วมัน ไม่ใช้ไม่ได้ นอกจากมี ใบสด.43 มาแทน ลองถามกลาโหมดูครับ ประเด็นนี้ทำให้มีการสอบและผลก็ออกมาแล้วว่าผิดวินัย
แล้วนายอภิสิทธิ์เข้าไปได้ไง
ตอนผมเชื่อว่านายอภิสิทธิ์ มิได้เป็นบุคคลหนีทหาร เพราะรับราชการในสังกัดกลาโหมไปแล้ว
แต่เชื่อว่านายอภิสิทธิ์ เคยเป็นบุคคลหนีทหารอยู่ อย่างน้อย 4 เดือน จนแก้ไข
และผมยังเชื่ออีกว่า บุคคลที่หนีทหารอยู่ ไม่สามารถรับราชการในสังกัดกลาโหมได้ในกรณีปกติได้
หมายความว่าในกรณีนี้ ถ้าเป็นผม จะไม่สามารถเข้ารับราชการในสังกัดกลาโหม ได้
ความผิดนายอภิสิทธิ์ เล็กน้อยครับ ไม่มีหลักฐานใดผูกมัดเอาผิดได้ และหมดอายุความทุกกรณี แล้วครับ
1. ผมคงต้องขอออกตัวไว้ว่าการตอบกระทู้นี้ของผมมีข้อจำกัด เพราะทำในนามตัวเอง
ซึ่งไม่สามารถไปล่วงรู้เหตุผล เหตุการณ์ รวมทั้งเจตนาของบุคคลต่างๆ ในเรื่องนี้ได้ว่า
แต่ละคนตั้งใจอย่างไรไว้ ผมจึงสามารถทำได้แค่อ้างอิงคำพูดของแต่ละคนในข่าวเท่านั้น
และวิเคราะห์พฤติกรรมไปตามเนื้อหาข่าว นอกเหนือจากนั้นอาจต้องทำการคาดเดาเอง
ซึ่งผมไม่อยากทำนะครับ
เรื่องราวทั้งหมดนี้จะไม่มีปัญหาในข้อกฎหมายให้ต้องตีความเลย ถ้านายอภิสิทธิ์จะไป
ขอลงบัญชีทหารกองเกินหลังเดือนเมษายน 2530 แล้วนำใบ สด.9 ไปสมัครเป็นอาจารย์
โรงเรียนนายร้อย จปร. ในเดือน สิงหาคม 2530
เนื่องจากถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว จะถือว่านายอภิสิทธิ์ได้ลงบัญชีทหารกองเกินแต่ยังไม่เป็น
ทหารกองเกิน จนกว่าจะถึงต้นปี 2531 ซึ่งจะต้องเข้ารับการตรวจเลือกในเดือนเมษายน
2532 และกว่าจะถึงตอนนั้นนายอภิสิทธิ์ก็เป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย จปร. อย่างสมบูรณ์
ซึ่งมีกฎหมายระบุยกเว้นไม่ต้องเข้ารับการตรวจเลือก และในที่สุดก็จะได้รับโปรดเกล้่าฯ
เป็นนายทหารสัญญาบัตร
โดยความผิดที่มีในกรณีไปขอลงบัญชีทหารกองเกินหลังเดือนเมษายน 2530 ก็เท่ากับ
ที่ไปลงบัญชีทหารกองเกินในเดือนกรกฎาคม 2529 คือปรับไม่เกิน 300 (ปกติปรับ 100)
และถ้าคุณ mebeam จะบอกว่ากรณีนี้ก็หนีทหารอีก ผมก็คงต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ทำได้
กฎหมายระบุเอาไว้ชัดเจนทุกขั้นตอนว่าต้องถูกปรับอย่างไรบ้าง ถ้าเรายอมรับโทษปรับนั้น
ก็ไม่มีปัญหาอะไรเจ้าหน้าที่ก็เปรียบเทียบปรับไป แค่นั้น
เรื่องที่ว่าหนีทหาร 4 เดือนอะไรนั้น ผมมองว่าในการพิจารณาเขาดูที่เหตุการณ์ทั้งหมด
เช่น นาย ก. ยิงคนตายแล้วหายไปจากที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นกลับมามอบตัวต่อสู้คดี
ไม่มีใครเขาไปสรุปว่านาย ก. หนีคดีหรอกครับมีแต่สรุปได้ว่านาย ก. ต่อสู้คดีในชั้นศาล
กรณีนายอภิสิทธิ์หลังจากขาดการตรวจเลือก ก็ไม่ได้รอไปเข้าตรวจเลือกในปีต่อไป
แต่สมัครเข้ารับราชการหลังจากนั้นเพียง 4 เดือน การจะบอกว่าใคร "หนี" ผมคิดว่า
ควรใช้กับกรณีหายตัวไปเฉยๆ ไม่ดำเนินการแก้ไขอะไรเลยมาจนถึงปัจจุบันนะครับ
ผมตั้งข้อสงสัยด้วยว่าความจริงนายอภิสิทธิ์อาจตั้งใจทำแบบที่ผมยกตัวอย่างข้างบน
ตั้งแต่ปี 2529 คือเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ทันทีแต่มีปัญหาติดขัดหรือเปล่า
ทำให้เรื่องราวล่าช้าจนมาถึงปี 2530 กลายเป็นเรื่องที่พรรคฝ่ายค้านเอามาโจมตี 2. นายอภิสิทธิ์ไม่ได้นำใบ สด.9 ไปยื่นในการสมัครเป็นอาจารย์ สังกัดกระทรวงกลาโหม
คือยื่นเอกสารไ่ม่ครบ แต่เจ้าพนักงานในขณะนั้นพิจารณาดำเนินการบรรจุนายอภิสิทธิ์ครับ
ถ้าจะมีความผิดก็คือความผิดของเจ้าพนักงาน แต่ในส่วนของนายอภิสิทธิ์ พล.อ.สุรยุทธ์
ผบ.ทบ. ระบุแล้วว่ามีเพียงโทษปรับเท่านั้น ผมไม่รู้ว่าทำไมเจ้าพนักงานถึงพิจารณาให้
บรรจุนายอภิสิทธิ์ และผมก็ไม่รู้ว่าเจ้าพนักงานดังกล่าวถูกลงโทษอย่างไร เพียงแต่รู้ว่า
ผู้ที่ถูกอ้างชื่อยังได้รับราชการต่อมาและได้เลื่อนยศนะครับ
ต่อมานายอภิสิทธิ์ได้ใช้ ใบ สด.9 ที่ออกใหม่ไปยื่นเป็นหลักฐานเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการ
ประจำ และในที่สุดได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศร้อยตรี เป็นนายทหารสัญญาบัตร
ซึ่งผมคิดว่าเรื่องนี้สามารถเปรียบเทียบได้กับกรณีการดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการ สตง. ของ
คุณหญิงจารุวรรณ ที่ตอนนั้นมีการเคลื่อนไหวโดยระบุว่าการดำรงตำแหน่งไม่มีผลแต่ต้น
และในที่สุดก็มีข้อสรุปว่าให้ดำรงตำแหน่งต่อไป
ผมคิดว่านายอภิสิทธิ์มีสิทธิที่จะกล่าวได้ว่าตัวเองได้รับราชการ เป็นอาจารย์ทหารจริงๆ
และถ้านายอภิสิทธิ์มีอิทธิพลอะไรอย่างที่กล่าวอ้างกันจริง มีวิธีมากมายที่สามารถทำได้
ให้มีชื่อเป็นกองหนุนโดยถูกต้อง ไ่ม่จำเป็นจะต้องไปสมัครเป็นอาจารย์ ร.ร.นายร้อย จปร.
ทางกองทัพก็ยอมรับสถานะของนายอภิสิทธิ์ และไม่เคยติดใจดำเนินคดีใดๆ มาโดยตลอด
จนกระทั่งหมดอายุความไปนานแล้ว ตัวผมเองพิจารณาแล้วก็ไม่ติดใจอะไรนายอภิสิทธิ์
ที่มีปัญหามาโดยตลอดจึงเป็นเรื่องของการเมืองล้วนๆ ที่ไม่ได้มาจากความหวังดีอะไร
ต่อประเทศชาติ แต่เริ่มต้นมาจากการสาดโคลนตอบโต้ที่คนของฝ่ายค้านถูกดำเนินคดี
เมื่อหาเหตุไม่ได้ก็ไปขุดเรื่องเก่าๆ สมัยที่เขายังอายุน้อยมาตีข่าววุ่นวายทำลายชื่อเสียง
ทั้งที่ก็รู้แก่ใจตัวเองดีว่าดำเนินการทางกฎหมายใดๆ ไม่ได้
เรื่องราวมันก็เป็นแบบนี้แหละครับคุณ mebeam