อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
|
|
« เมื่อ: 11-11-2007, 19:39 » |
|
จากข่าวเก่า มีนาคม 2548 พ.ต.ท.ทักษิณ ดึงนางสุดารัตน์มาดูแลงานของกระทรวงเกษตรฯ นั้น น่าจะต้องการบุคคลซึ่งเป็นที่ไว้วางใจ ดูแลโครงการเครือข่ายชลประทานระบบท่อหรือ Water Grid มูลค่าโครงการกว่า 400,000 ล้านบาท ซึ่งเดิมมีนายสุวิทย์ คุณกิตติ อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดูแลดำเนินการ การเกิดขึ้นของเมกะโปรเจ็กต์เป็นผลของการพัฒนาจากการประชุมเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเมื่อปี 2546 โดยมีรองนายกฯ สุวิทย์ คุณกิตติ เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายน้ำแห่งชาติ ได้เสนอภาพการจัดการน้ำทั้งประเทศไว้ครอบคลุมพื้นที่เกษตรกรรมประมาณ 132 ล้านไร่ โดยมีจุดขายในเรื่อง "โครงข่ายส่งน้ำระบบท่อ" (Water Grid System) และปรับปรุงพื้นที่ชลประทานที่มีอยู่แล้ว ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยต่างพากันช่วงชิง นำเสนอโครงการพัฒนาขนาดใหญ่มากมายและมายุติได้ข้อสรุปรวมในกรอบเมกะโปรเจ็กต์ด้านทรัพยากรน้ำในที่สุด
ส่งน้ำระบบท่อต้องใช้ท่อประเภทนี้ รายใหญ่ในประเทศไทยที่ผลิตได้มี http://www.tappipe.com/html/home.htmlhttp://www.wiik-hoeglund.com/และต้องซื้อเม็ดพลาสติกส่วนใหญ่จาก http://www.thaiplastic.co.thและผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทนี้คือ http://www.set.or.th/set/companyinfo.do?type=holder&symbol=TPC&language=th&country=THและผู้ถือหุ้นใหญ่ของสองบริษัทที่ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทนี้ก็คือ...นั่นเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
RiDKuN
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 11-11-2007, 20:51 » |
|
คุณแถช่างมีความคิดลึกซึ้งจังเลยนะครับ แต่ทีเรื่องลดสัมปทานให้บริษัทตัวเอง ง่ายๆ ตรงๆ ทำไมหนอถึงคิดไม่ออกว่ามันเอื้อยังไง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
|
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 11-11-2007, 21:53 » |
|
^ ^ ไม่มีข้อมูลอะไรมาแย้ง ก็เล่นมุกเดิมๆ เกรียนซ้ำซาก อ่านดูแล้วไม่รู้สึกว่า มันทำให้บอร์ดนี้น่าเบื่อซ้ำซากกะเรื่องเดิมๆ เหรอ ทุเรศตัวเองเปล่าๆ นา หรืออยากให้คนมองเป็นตัวตลกไร้ความคิดหว่า แปลกดีคนเรา คุณแถช่างมีความคิดลึกซึ้งจังเลยนะครับ แต่ทีเรื่องลดสัมปทานให้บริษัทตัวเอง ง่ายๆ ตรงๆ ทำไมหนอถึงคิดไม่ออกว่ามันเอื้อยังไง
เรื่องชินคอร์ป เอไอเอส มันยังไม่จบง่ายๆ หรอก คงมีอีกหลายภาค ลองไปหาดู กรรมการคนมาใหม่ชื่อว่า อวิรุทธ์ นั่นดูว่ามาจากไหน แล้วจะเลิกโทษทักษิณ เพราะผลประโยชน์ทั้งหมดมันเริ่มไหลไปทางไหนก็ชัดขึ้นทุกวัน อย่ามองข้าม แล้วกัน ชี้ให้เห็นแล้วนะจ๊ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปรมาจารย์เจได
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 11-11-2007, 21:58 » |
|
จินตนาการน้ำแตกอีกแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
meriwa
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 11-11-2007, 23:02 » |
|
^ ^ ไม่มีข้อมูลอะไรมาแย้ง ก็เล่นมุกเดิมๆ เกรียนซ้ำซาก อ่านดูแล้วไม่รู้สึกว่า มันทำให้บอร์ดนี้น่าเบื่อซ้ำซากกะเรื่องเดิมๆ เหรอ ทุเรศตัวเองเปล่าๆ นา หรืออยากให้คนมองเป็นตัวตลกไร้ความคิดหว่า แปลกดีคนเรา เรื่องชินคอร์ป เอไอเอส มันยังไม่จบง่ายๆ หรอก คงมีอีกหลายภาค ลองไปหาดู กรรมการคนมาใหม่ชื่อว่า อวิรุทธ์ นั่นดูว่ามาจากไหน แล้วจะเลิกโทษทักษิณ เพราะผลประโยชน์ทั้งหมดมันเริ่มไหลไปทางไหนก็ชัดขึ้นทุกวัน อย่ามองข้าม แล้วกัน ชี้ให้เห็นแล้วนะจ๊ะ ตามนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ผู้ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสามารถของตน อย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่น อย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่น อย่างเต็มที่
...คำคมขงเบ้ง
|
|
|
\(^_^)/
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 11-11-2007, 23:15 » |
|
^ ^ ไม่มีข้อมูลอะไรมาแย้ง ก็เล่นมุกเดิมๆ เกรียนซ้ำซาก อ่านดูแล้วไม่รู้สึกว่า มันทำให้บอร์ดนี้น่าเบื่อซ้ำซากกะเรื่องเดิมๆ เหรอ ทุเรศตัวเองเปล่าๆ นา หรืออยากให้คนมองเป็นตัวตลกไร้ความคิดหว่า แปลกดีคนเรา เรื่องชินคอร์ป เอไอเอส มันยังไม่จบง่ายๆ หรอก คงมีอีกหลายภาค ลองไปหาดู กรรมการคนมาใหม่ชื่อว่า อวิรุทธ์ นั่นดูว่ามาจากไหน แล้วจะเลิกโทษทักษิณ เพราะผลประโยชน์ทั้งหมดมันเริ่มไหลไปทางไหนก็ชัดขึ้นทุกวัน อย่ามองข้าม แล้วกัน ชี้ให้เห็นแล้วนะจ๊ะ ข้อมูลเพียงแค่นี้ฟันธงได้เลยหรือ?
แต่ของหน้าเหลี่ยมมีมากกว่า 100 เท่า
เห็นชัดๆ กลับ แถ ว่ามุกเก่าๆ
ไม่รู้สึก "ทู่เรศ" ตัวเองบ้างหรือ?
ตอบไม่ได้ หรือไม่กล้าตอบกันครับ วานเฉลยหน่อย
แม้แต่คุณหน้าเหลี่ยม เจอมุขนี้เข้า
ยังวิ่งหนีหางจุกก้น
เพราะตอบคำถามเหล่านี้ไม่ได้สักข้อ
ได้แต่โยนความผิดให้คนอื่น
ตัวเองรับแต่ชอบ
เลวให้คนอื่น
แบบนี้เรียกว่า "เกรียนเทพ" ได้หรือเปล่า?
นาย "แถ" ติดแก๊ส
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 12-11-2007, 01:16 » |
|
ถ้าโครงการเขาทำเป็นคลองส่งน้ำด้วยซีเมนต์ ก็คงหลับหูหลับตาคิดออกมาอีก ว่าปูนซิเมนต์ไทยได้ประโยชน์อีก ในหัว จขกท. วนเวียนอยู่แค่ไม่กี่เรื่องจริงๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
Kittinunn
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 12-11-2007, 02:06 » |
|
ถ้าโครงการเขาทำเป็นคลองส่งน้ำด้วยซีเมนต์ ก็คงหลับหูหลับตาคิดออกมาอีก ว่าปูนซิเมนต์ไทยได้ประโยชน์อีก ในหัว จขกท. วนเวียนอยู่แค่ไม่กี่เรื่องจริงๆ ยังจะเสวนากับล็อกอินเพี้ยนไร้ตัวตนบนเว็บบอร์ดอีกเหรอคุณจี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 12-11-2007, 03:08 » |
|
ยังจะเสวนากับล็อกอินเพี้ยนไร้ตัวตนบนเว็บบอร์ดอีกเหรอคุณจี ผมลองไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมแล้วก็เจอความเพี้ยนอีกอย่างครับ คือโครงการระบบส่งน้ำทางท่อนี้ไม่ได้เริ่มต้นในปี 2546 สมัยรัฐบาลทักษิณอย่างที่ จขกท. บอก แต่เริ่มต้นมาอย่างน้อยตั้งแต่สมัยรัฐบาลบรรหาร ที่มีมติ ครม.ในปี 2539 ที่ตอนนั้น นายสุวิทย์ คุณกิตติ ขยับจากรัฐมนตรีช่วยฯ เกษตร ขึ้นเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร มีการทำเป็น โครงการนำร่อง 10 แห่ง ทยอยเสร็จมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2541 จนแห่งสุดท้ายมาเสร็จในปี 2545 รัฐบาลทักษิณ 1 ใช้เงินไปแค่หลักร้อยล้าน และทั้งหมดอยู่ก่อนปี 2546 ทั้งนั้นเลย .. ดักคอไว้ก่อนว่าเดี๋ยว จขกท. คงมาแถต่อว่า หมายความถึงเฉพาะเรื่อง Mega Project แต่ก็เห็นชัดว่าจงใจเอาความดีให้ทักษิณ แต่ดิสเครดิตนายสุวิทย์ พอมารัฐบาลทักษิณทำเป็น Mega Project ใช้งบประมาณถึง 4 แสนล้านบาท ท่ามกลางกระแสต่อต้านจากหลายฝ่าย เพราะโครงการนำร่อง 10 แห่งยังมีปัญหา (จะโทษนายสุวิทย์ ว่าทำให้มีปัญหาก็ไม่ได้ เพราะโครงการก่อสร้างในสมัย รัฐบาลชวลิต รัฐบาลชวน และรัฐบาลทักษิณ โดยที่นายสุวิทย์ไม่ได้อยู่คุมแล้ว) ที่ว่าเอา คญ.สุดารัตน์ มาคุมเพราะต้องการเอาคนที่ไว้ใจมาดูแล Mega Project ในอีกมุมนึงก็มองได้ว่า คนมาคุม Project ใหญ่ขนาด 4 แสนล้าน (กว่า 3 เท่าสนามบินสุวรรณภูมิ) ถ้ามีผลประโยชน์ทับซ้อนจะทำไปได้ถึงขนาดไหนด้วยครับ ไหนจะเรื่องรัฐบาลพรรคเดียว แต่มีหลายมุ้ง ปรับ ครม.กันวุ่นวายไม่ต่างอะไรกับรัฐบาลผสมเข้าไปอีกนะนี่ ไว้ผมไปค้นข้อมูลระบบชลประทานทางท่อมาลงเพิ่มเติมอีกทีในกระทู้นี้ก็แล้วกัน ไหนๆ ก็ตั้งเป็นกระทู้ขึ้นมาแล้วครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 12-11-2007, 06:43 » |
|
^ ^ อย่าเพิ่งหลงประเด็นไปไกล ไม่ได้อยู่ที่ว่านโยบายนี้เป็นของใคร แต่อยู่ที่ว่าจะผลักดันให้เป็นรูปร่างตอนไหน หวังว่าคงรู้จักเจ้าของ เดิมของบริษัทขายเม็ดพลาสติกนั่น เดิมก็อยู่ธนาคารตึกหุ่นยนต์ แถวสาทร เมื่อไม่อยู่แบ๊งค์แล้วมาทำเม็ดพลาสติกตามสมัยนิยม อยู่ดีๆ ก็เกิดอยากขายกิจการให้กับบริษัททุนหมื่นล้าน(ที่ไม่ชอบ ทำกำไร)ที่ถือหุ้นอันดับสองนั่นแหละ แล้วยกให้บริษัทที่ถือหุ้น อันดับหนึ่งส่งทีมเข้ามาบริหารเบ็ดเสร็จ ที่น่าแปลกใจเล็กน้อยก็ ตรงที่บริษัททุนหมื่นล้านนั่นตอนนั้นที่เป็นคนซื้อมีประธานบอร์ด เป็นคนเดียวกับเจ้าของบริษัทเม็ดพลาสติกที่ต้องการขาย ไม่รู้ว่า ตกลงอะไรกันแบบไหน แต่สุดท้ายก็ขายเรียบร้อยในช่วงปลายๆ รัฐบาลทักษิณแรก (แต่ตอนนี้ประธานบอร์ดบริษัททุนหมื่นล้าน กลายเป็นฝรั่งไปแล้ว) ถ้าคิดจะมาเจาะประเด็นท่อส่งน้ำว่าท่อแบบไหนใช้พลาสติกแบบ ไหน รายละเอียดเป็นเม็ดๆ นั่น หรือใครเป็นคนคิดคนแรกของโลก เรื่องการทำชลประทานแบบท่อ เท่ากับหลงประเด็นอย่างแรง ต้อง ดูให้ชัดเจนว่าผลักดันตอนไหน แล้วตอนนั้นใครได้ประโยชน์ เวลา จะวิเคราะห์การเมืองเรื่องผลประโยชน์เนี่ยนะ มันต้องมองกันลึกๆ เกี่ยวกับเงื่อนไขเวลาและตัวละครต่างๆ ด้วย ไม่ใช่เรื่องทางเทคนิค จิ๊บจ๊อย หรือแค่ใครคิดโครงการ มันอ่อนหัดไปหน่อยนาคับ ฮิฮิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ton
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 12-11-2007, 08:23 » |
|
100 โปรเจค์เอื้อประโยชน์ตัวเอง 1 โปรเจค์แบ่งคนอื่น คุยใหญ่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 12-11-2007, 16:23 » |
|
* ประกาศขออภัยในความผิดพลาดของข้อมูล * เนื่องจากเม็ดพลาสติกจาก http://www.thaiplastic.co.th ไม่สามารถใช้ทำท่อ HDPE ได้ เพราะเป็นคนละประเภท ต้องใช้จาก SCG Chemicals (ธุรกิจเคมีภัณฑ์ เครือซิเมนต์ไทย) ถึงจะใช้ได้ แหะ แหะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สมชายสายชม
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 12-11-2007, 16:51 » |
|
" เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจ" อย่างไร เขียนเรื่องให้คลุมเคลือ อ่านไม่เข้าใจ ๑. ท่อน้ำ ไม่ใช่สินค้าผูกขาด หรือ มีทางทำให้ล็อคเสป็คได้แบบ"ท่อร้อยสายไฟ" ที่ สนามบินหนองงูเห่า ซึ่งกำลังจะถูก สตง. ดำเนินคดี ๒. วัตถุดิบเม็ด พลาสติก HDPE ก็ไม่ใช่สินค้าผูกขาด มีผู้ผลิตทั้งในและต่างประเทศ เป็นร้อยราย มีราคามาตรฐาน ๓. ใครเทคโอเวอร์บริษัทอะไร เพื่ออะไร ยังไม่เห็นประเด็น เขียนกระทู้คลุมเคลือแบบนี้ เหมือนไอ้พวกนักการเมืองหลงหอ ที่ชอบเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น เช่นที่ทักษิณพูดเป็นแผ่นเสียงตกร่องว่า "เป็นคนใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ" แต่ไม่บอกว่า "เอาตังค์ใครใช้หนี้" ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สมชายสายชม
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 12-11-2007, 16:58 » |
|
ขออนุญาตมาสอนคุณแก๊สเรื่องการเขียนกระทู้ ต้องไม่บิดเบือน สามารถหาที่อ้างอิงได้ เช่น กระทู้นี้ " ทักษิณจะเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจให้ใคร" ควรจะเขียนแบบข้างล่างนี้ ... _________________________________________________________ http://www.ftawatch.org/autopage1/show_page.php?t=1&s_id=19&d_id=19&page=1สำรวจเครือข่ายธุรกิจทับซ้อน ข้อมูล...น่าขบคิด ก่อนเข้าคูหาวันเลือกตั้ง
โดย..มติชนรายวัน(24 มกราคม 2548)
คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กำหนดไว้แล้วให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่วันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ แต่ยิ่งอายุรัฐบาลภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและพลพรรคไทยรักไทยชุดนี้งวดเข้ามามากเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าธุรกิจในลักษณะการเอื้อประโยชน์ ผูกพันเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้นำรัฐมนตรีและบุคคลที่เกี่ยวข้องในพรรคไทยรักไทย หรือเรียกตามคำจำกัดความของนายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าทักษิโนโครนี(Thaksinocrony) ก็ยิ่งฉายภาพเด่นชัดมากขึ้นเท่านั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับนโยบายใหม่ๆ ของรัฐบาลในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาคือ หลากหลายคำถามที่ต้องการคำตอบว่า "ทำไม" จึงมักปรากฏชื่อบริษัทกลุ่มทุนผู้ใกล้ชิดของไทยรักไทย เป็นผู้รับงานที่มีรัฐเป็นคู่สัญญาอยู่เสมอๆ
เช่น ทำไม? รัฐบาลจึงมีแนวคิดในการลดภาษีวัตถุดิบ ซึ่งถูกทำให้ตีความได้ว่าบริษัท ไทยคอปเปอร์ อินดัสตรี ผู้ผลิตทองแดง ในกลุ่มของนายประยุทธ มหากิจศิริ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้รับผลประโยชน์
ทำไม? บริษัทพอร์ทัลเน็ต ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทเอ็ม-ลิ้งค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) และมีนางมณฑาทิพย์ โกวิทย์เจริญกุล น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการบริษัท จึงชนะการประมูลโครงการเช่าระบบซอฟแวร์สำเร็จรูปสำหรับธุรกิจของการไฟฟ้านครหลวง(กปน.) มูลค่าโครงการ 3, 000 ล้านบาท เป็นเวลาถึง 8 ปี
ทำไม? บริษัทเอ็มลิ้งค์ฯ จึงสามารถดำเนินกลยุทธ์การตลาด ด้วยการขายมือถือให้กับเกษตรกรที่เป็นลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ได้
หรือทำไม? ข้าราชการที่นั่งเครื่องบินของสายการบินแอร์ เอเชีย สายการบินต้นทุนต่ำหรือโลว์คอสต์ แอร์ไลน์ ซึ่งถือหุ้นโดยบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สามารถนำค่าโดยสารมาเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ฟรีกับหน่วยงานต้นสังกัดเหมือนกรณีที่โดยสารด้วยเครื่องบินของสายการบินไทย
ทั้งที่แต่ไหนแต่ไรมา เรามีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนที่กำหนดให้หน่วยงานราชการใช้บริการเฉพาะสายการบินไทย เนื่องจากความเป็นสายการบินแห่งชาติ ดังนั้น คนไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการไทยก็ควรจะสนับสนุนกิจการของไทย
แม้ว่าก่อนหน้าที่จะมีธุรกิจโลว์คอสต์แอร์ไลน์ก็มีสายการบินของคนไทยให้เลือกใช้บริการหลายแห่ง อาทิ บางกอกแอร์เวย์ส พีบีแอร์ ภูเก็ตแอร์ เป็นต้น แต่สายการบินเหล่านี้ก็หาได้รับสิทธิเท่าเทียมการบินไทยไม่!!
เหตุไฉนสายการบินแอร์ เอเชีย ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้ว เป็นสายการบินสัญชาติมาเลเซีย ที่เผอิญมี "คนไทย" ร่วมทุนด้วยเท่านั้น กลับได้สิทธิเทียบเท่าสายการบินแห่งชาติ!!
สิ่งที่อธิบายคำถามเหล่านี้ได้ดีที่สุดคือ ธุรกิจในลักษณะความสัมพันธ์เชิงผลประโยชน์เชิงทับซ้อนหรือ Conflict of Interest !!!
กล่าวสำหรับกลุ่มทุนของพรรคไทยรักไทยมีหลากหลายกลุ่ม ไล่เรียงมาตั้งแต่กลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) กลุ่มนายประยุทธ มหากิจศิริ กลุ่มนายอดิศัย โพธารามิก กลุ่มนายประชา มาลีนนท์ กลุ่มนายธนินท์ เจียรวนนท์ กลุ่มนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
ทุกกลุ่มทุนที่กล่าวไปข้างต้นล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่อันดับต้นๆ ของเมืองไทย
อย่างไรก็ตาม ในบรรดาธุรกิจกลุ่มทุนที่เป็นพวกพ้องใกล้ชิดของพรรคไทยรักไทย ไม่มีธุรกิจไหนจะน่าจับตามากเท่ากับธุรกิจของบริษัท ฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด บริษัทซึ่งทำธุรกิจบันเทิงแบบครบวงจร
สปอร์ตไลต์ที่จับจ้องมายัง "ฮาวคัมฯ" ดูจะสว่างและสดใสมากกว่าธุรกิจของกลุ่มทุนที่ใกล้ชิดกลุ่มอื่นๆ
เนื่องจาก มี "โอ๊ค-พานทองแท้" รวมทั้ง "เอม-พิณทองทา" และ "อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร" ชินวัตร บุตรชาย-หญิง ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
น่าจับตาเพราะช่วงหลังๆ มักปรากฏชื่อของบริษัทในเครือ "ฮาวคัมฯ" ได้งานใหญ่ของภาครัฐอยู่เนืองๆ
น่าจับตาเพราะเครือข่ายธุรกิจของ "ฮาวคัมฯ" กำลังเติบโตและแตกหน่อต่อกิ่งไปอย่างรวดเร็วราวติดปีกบิน
เครือข่ายธุรกิจของ "ฮาวคัมฯ" กำลังเติบโตไปพร้อมกับคำถามที่มีมาอย่างต่อเนื่องว่า เด็กหนุ่มสาวในวัยที่อายุนำหน้าเพียงเลขสอง ทำได้อย่างไร ??
แต่ละโครงการของภาครัฐที่ "ฮาวคัมฯ" เข้าไปเกี่ยวข้องนั้นมีเม็ดเงินเกี่ยวข้องมูลค่าเป็นหลักหลายร้อยล้านบาทขึ้นไป
เช่น การเข้าไปพัฒนาพื้นที่อุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินของบริษัท ฮาวคัม มีเดีย ซึ่งมีบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด หรือบีเอ็มซีแอล เป็นคู่สัญญาสัมปทาน
และล่าสุดยังปรากฏชื่อบริษัทบริษัท เอวี โปรเจคท์ จำกัด ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้จัดแสดงสินค้าหรือ "แฟชั่น วีก" หนึ่งในโครงการย่อยของโครงการกรุงเทพฯเมืองแฟชั่น
โครงการกรุงเทพฯเมืองแฟชั่น ถือเป็นอีกหนึ่งในนโยบายหลักของรัฐบาลชุดนี้ พยายามผลักดันให้ไทยเป็นศุนย์กลางแฟชั่นโลก มีวงเงินงบประมาณโครงการนี้สูงถึง 1,800 ล้านบาท และสำนักงานโครงการกรุงเทพฯเมืองแฟชั่น ได้จัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการย่อยไว้รวม 1,600 ล้านบาท
โครงการผู้จัดแสดงสินค้า หรือแฟชั่น วีก ที่บริษัท เอวี โปรเจคท์ ประมูลได้ไปนั้น ถือเป็น 1 ใน 3 โครงการย่อยที่ได้มีการลงนามร่วมกับสำนักงานโครงการกรุงเทพฯเมืองแฟชั่น จากโครงการย่อยทั้งหมด 11 โครงการที่จะจ้างบริษัทเอกชนมาบริหารงาน
แต่มีมูลค่าถึง 300 ล้านบาทเศษ สูงที่สุดในโครงการย่อย 11 โครงการ
จึงน่าสนใจว่า บริษัท เอวี โปรเจคท์ เป็นใครและเกี่ยวข้องกับ "ฮาวคัมฯ" อย่างไร !!
จากการตรวจสอบข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ พบว่าบริษัท เอวี โปรเจคท์ จดทะเบียนนิติบุคคลเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2537 มีทุนจดทะเบียน 10,000,000 บาท ทำธุรกิจ รับจ้างออกแบบ ให้คำปรึกษาระบบเสียง แสง ภาพเวที และเทคนิคพิเศษ
โดยปรากฏชื่อของนายพลวัฒน์ ศุขจรัส เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่
แต่เมื่อตรวจสอบลึกลงไปอีก ก็พบว่านายพลวัฒน์ ศุขจรัส เป็นกรรมการอยู่ในบริษัท ฮาวคัม เอวี จำกัด ด้วย
บริษัท ฮาวคัม เอวี มีนายพานทองแท้ ชินวัตร,นายนันทสิทธิ์ แจ่มสมบูรณ์(ป่าน), นายไอยคุปต์ กฤตบุญญาลัย(น้ำนิ่ง) เป็นกรรมการ จดทะเบียนนิติบุคคลเมื่อ 4 ตุลาคม 2547 มีทุนจดทะเบียน 5,000,000 บาท ประกอบธุรกิจประเภทธุรกิจ บันเทิงและสันทนาการ
ถ้าถามว่าหนุ่มสาววัยเพิ่งเริ่มต้นด้วยเลขสองทำได้อย่างไรจึงสามารถขยายเครือข่ายธุรกิจได้อย่างก้าวกระโดดภายในเวลาช่วงสั้นๆ แค่สองปี
"โอ๊ค" เคยบอกถึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของฮาวคัมฯเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดไว้สองเรื่องหลักคือ 1.คอนเน็กชั่น และ 2.สายป่านเงินทุน
แน่นอนสายป่านเงินทุนและคอนเน็กชั่น ถือเป็นบันไดสำคัญที่พาดต่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับฮาวคัมได้เป็นอย่างดี ไม่แปลกหากภายในเวลาระยะเวลาแค่ 1-2 ปีเครือข่ายของฮาวคัมฯเติบโตได้เพิ่มขึ้นถึง 7 บริษัท
จากบริษัทแรก "นิวโอ๊ค จำกัด" ที่จดทะเบียนในปี 2546 ทำธุรกิจเกี่ยวกับกิจการรับจ้างถ่ายรูป ล้างอัด ขยายรูป ถ่ายทำเอกสาร สู่บริษัทฮาวคัมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด จากนั้นเครือข่ายของ "ฮาวคัมฯ" ก็ขยายตัวสู่บริษัทมาสเตอร์โฟน-ฮาวคัมมีเดีย-ฮาวคัมสตูดิโอ-ฮาวคัม เอวี-และบริษัท โอคานิท
ธุรกิจหลักของ "ฮาวคัมฯ" เป็นเรื่องของบันเทิงซึ่งถือเป็นธุรกิจดาวรุ่งในช่วงปีสองปีก่อนหน้านี้ และแนวโน้มยังคงดำรงสืบเนื่องไปอีกหลายปี
นี่เป็นตัวอย่างเล็กๆ ของธุรกิจในเครือข่ายญาติพี่น้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังไม่นับธุรกิจเครือข่ายของผู้ใกล้ชิดอื่นๆ
ซึ่งไม่รู้ว่าหลังการเลือกตั้ง 6 กุมภาพันธ์ 2548 จะขยายใหญ่โตกว้างใหญ่ไปอีกมากน้อยแค่ไหน?
...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
สมชายสายชม
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 12-11-2007, 17:13 » |
|
^ ^ อย่าเพิ่งหลงประเด็นไปไกล ไม่ได้อยู่ที่ว่านโยบายนี้เป็นของใคร แต่อยู่ที่ว่าจะผลักดันให้เป็นรูปร่างตอนไหน หวังว่าคงรู้จักเจ้าของ เดิมของบริษัทขายเม็ดพลาสติกนั่น เดิมก็อยู่ธนาคารตึกหุ่นยนต์ แถวสาทร เมื่อไม่อยู่แบ๊งค์แล้วมาทำเม็ดพลาสติกตามสมัยนิยม อยู่ดีๆ ก็เกิดอยากขายกิจการให้กับบริษัททุนหมื่นล้าน(ที่ไม่ชอบ ทำกำไร)ที่ถือหุ้นอันดับสองนั่นแหละ แล้วยกให้บริษัทที่ถือหุ้น อันดับหนึ่งส่งทีมเข้ามาบริหารเบ็ดเสร็จ ที่น่าแปลกใจเล็กน้อยก็ ตรงที่บริษัททุนหมื่นล้านนั่นตอนนั้นที่เป็นคนซื้อมีประธานบอร์ด เป็นคนเดียวกับเจ้าของบริษัทเม็ดพลาสติกที่ต้องการขาย ไม่รู้ว่า ตกลงอะไรกันแบบไหน แต่สุดท้ายก็ขายเรียบร้อยในช่วงปลายๆ รัฐบาลทักษิณแรก (แต่ตอนนี้ประธานบอร์ดบริษัททุนหมื่นล้าน กลายเป็นฝรั่งไปแล้ว)
เขียนแบบข้างบนนี้ อ่านไม่รู้เรื่อง กล้ากล้าหน่อย เขียนชื่อ เขียนแซ่ ให้ชัดเจนไปเลย .. แบบกระทู้ข้างล่างนี้ สามพี่น้อง "วงศ์สวัสดิ์" เทคโอเวอร์ บ.ทุนระดับหมื่นล้าน ในราคาหุ้นละ "หนึ่งสลึงhttp://forum.serithai.net/index.php?topic=17069.msg223583;topicseen#msg223583...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 12-11-2007, 22:13 » |
|
" เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจ" อย่างไร เขียนเรื่องให้คลุมเคลือ อ่านไม่เข้าใจ ๑. ท่อน้ำ ไม่ใช่สินค้าผูกขาด หรือ มีทางทำให้ล็อคเสป็คได้แบบ"ท่อร้อยสายไฟ" ที่ สนามบินหนองงูเห่า ซึ่งกำลังจะถูก สตง. ดำเนินคดี ๒. วัตถุดิบเม็ด พลาสติก HDPE ก็ไม่ใช่สินค้าผูกขาด มีผู้ผลิตทั้งในและต่างประเทศ เป็นร้อยราย มีราคามาตรฐาน ๓. ใครเทคโอเวอร์บริษัทอะไร เพื่ออะไร ยังไม่เห็นประเด็น เขียนกระทู้คลุมเคลือแบบนี้ เหมือนไอ้พวกนักการเมืองหลงหอ ที่ชอบเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น เช่นที่ทักษิณพูดเป็นแผ่นเสียงตกร่องว่า "เป็นคนใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ" แต่ไม่บอกว่า "เอาตังค์ใครใช้หนี้" ... ตอบแบบนิ่มๆ 1. ท่อ PE ขนาดมหึมาเป็นเทคโนโลยีพิเศษ ในไทยมีบริษัทจากฟินแลนด์เท่านั้นถึงจะทำได้ ถามนายแวน เฮเลนดูก็ได้ 2. บริษัทจากฟินแลนด์เป็นลูกค้ารายใหญ่เบ้อเริ่มของ เอสซีจี เคมิคอลส์ เม็ด HDPE ไม่ใช่สินค้าผูกขาด แต่ไม่ใช่ใครจะ ทำก็ได้ เพราะต้องลงทุนเยอะมาก เอาจากต่างประเทศมาก็ไม่คุ้ม 3. ต้นทางส่วนหนึ่งมาจากแก๊สธรรมชาติ ดาวน์สตรีมไปเป็นพลาสติก ใครทำท่าจะผูกขาด ถ้า ปตท ไม่คิดจะแข่งด้วย คิด คิด ข้อมูลตั้งแต่ แหม่มเบนโล ยังไม่ท้อง ใหม่กว่าสมัยพระเจ้าเหาหน่อยนึง นอกเรื่อง นอกประเด็นกระทู้ หวังว่าคงเข้าใจมารยาทการตอบกระทู้นะจ๊ะ อย่าไหล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 12-11-2007, 22:22 » |
|
นอกเรื่อง นอกประเด็นกระทู้ หวังว่าคงเข้าใจมารยาทการตอบกระทู้นะจ๊ะ อย่าไหล ของถนัดเอ็งเลยหละแถ เรื่องนอกประเด็นคุยกันอยู่บนเขาเสรือก พา ออกทะเล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สมชายสายชม
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 12-11-2007, 22:42 » |
|
1. ท่อ PE ขนาดมหึมาเป็นเทคโนโลยีพิเศษ ในไทยมีบริษัทจากฟินแลนด์เท่านั้นถึงจะทำได้ ถามนายแวน เฮเลนดูก็ได้
ขบวนการผลิตด้วยวิธี Extrusion ไม่ใช่เทคโนโลยี่ใหม่ มีมาเกือบครึ่งร้อยปีแล้วมั๊ง หัวใจในการการผลิตอยูที่เครื่องจักรมีแรงอัดด้วยเพลาสกรูถึงหมื่นตัน _______________________________________________________ 2. บริษัทจากฟินแลนด์เป็นลูกค้ารายใหญ่เบ้อเริ่มของ เอสซีจี เคมิคอลส์ เม็ด HDPE ไม่ใช่สินค้าผูกขาด แต่ไม่ใช่ใครจะ ทำก็ได้ เพราะต้องลงทุนเยอะมาก เอาจากต่างประเทศมาก็ไม่คุ้ม 3. ต้นทางส่วนหนึ่งมาจากแก๊สธรรมชาติ ดาวน์สตรีมไปเป็นพลาสติก ใครทำท่าจะผูกขาด ถ้า ปตท ไม่คิดจะแข่งด้วย คิด คิด
ให้กลับไปอ่านที่คำตอบที่ 18 (ข้างบน) หรือถ้าจะนำเข้าเม็ดพลาสติก ค่าขนส่งไม่น่าจะมากเมื่อเทียบกับราคาวัตุดิบ ประมาณ USD1300 ต่อตัน ปริมาตร(volume)ต่อตัน ก็ไม่มาก ประมาณ 1 คิวบิคเมตรเศษๆถ้าคิดรวมแพลเล็ทที่รองรับ ...
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-11-2007, 23:19 โดย สมชายสายชม »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 12-11-2007, 22:54 » |
|
ขบวนการผลิตด้วยวิธี Extrusion ไม่ใช่เทคโนโลยี่ใหม่ มีมาเกือบครึ่งร้อยปีแล้วมั๊ง หัวใจในการการผลิตอยูที่เครื่องจักรมีแรงอัดด้วยเพลาสกรูถึงหมื่นตัน _______________________________________________________ ให้กลับไปอ่านที่คำตอบที่ 18 (ข้างบน) ... เมืองไทยเอาเครื่องขนาดไหนมาเอ็กซ์ทรูดหละจ๊ะ แค่ทำดายก็เหนื่อยแย้ว คิดซะมั่งนะจ๊ะ ท่อชลประทานนะไม่ใช่ท่อตู้ปลาที่บ้าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 13-11-2007, 13:46 » |
|
* ประกาศขออภัยในความผิดพลาดของข้อมูล * เนื่องจากเม็ดพลาสติกจาก http://www.thaiplastic.co.th ไม่สามารถใช้ทำท่อ HDPE ได้ เพราะเป็นคนละประเภท ต้องใช้จาก SCG Chemicals (ธุรกิจเคมีภัณฑ์ เครือซิเมนต์ไทย) ถึงจะใช้ได้ แหะ แหะ คิดอะไรได้แค่วูบๆ วาบๆ ยังไม่ได้ตรวจสอบอะไรเลย ก็เอามาตั้งเป็นกระทู้ แล้วยังมีหน้ามาคุยต่ออีก น่าจะปิดกระทู้ไปเสียเลยมากกว่า เครือซีเมนต์ไทยก็ทำทุกอย่างเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง อย่าคิดฟุ้งซ่านให้มากนัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 13-11-2007, 13:52 » |
|
^ ^ อย่าเพิ่งหลงประเด็นไปไกล ไม่ได้อยู่ที่ว่านโยบายนี้เป็นของใคร แต่อยู่ที่ว่าจะผลักดันให้เป็นรูปร่างตอนไหน หวังว่าคงรู้จักเจ้าของ เดิมของบริษัทขายเม็ดพลาสติกนั่น เดิมก็อยู่ธนาคารตึกหุ่นยนต์ แถวสาทร เมื่อไม่อยู่แบ๊งค์แล้วมาทำเม็ดพลาสติกตามสมัยนิยม อยู่ดีๆ ก็เกิดอยากขายกิจการให้กับบริษัททุนหมื่นล้าน(ที่ไม่ชอบ ทำกำไร)ที่ถือหุ้นอันดับสองนั่นแหละ แล้วยกให้บริษัทที่ถือหุ้น อันดับหนึ่งส่งทีมเข้ามาบริหารเบ็ดเสร็จ ที่น่าแปลกใจเล็กน้อยก็ ตรงที่บริษัททุนหมื่นล้านนั่นตอนนั้นที่เป็นคนซื้อมีประธานบอร์ด เป็นคนเดียวกับเจ้าของบริษัทเม็ดพลาสติกที่ต้องการขาย ไม่รู้ว่า ตกลงอะไรกันแบบไหน แต่สุดท้ายก็ขายเรียบร้อยในช่วงปลายๆ รัฐบาลทักษิณแรก (แต่ตอนนี้ประธานบอร์ดบริษัททุนหมื่นล้าน กลายเป็นฝรั่งไปแล้ว) ถ้าคิดจะมาเจาะประเด็นท่อส่งน้ำว่าท่อแบบไหนใช้พลาสติกแบบ ไหน รายละเอียดเป็นเม็ดๆ นั่น หรือใครเป็นคนคิดคนแรกของโลก เรื่องการทำชลประทานแบบท่อ เท่ากับหลงประเด็นอย่างแรง ต้อง ดูให้ชัดเจนว่าผลักดันตอนไหน แล้วตอนนั้นใครได้ประโยชน์ เวลา จะวิเคราะห์การเมืองเรื่องผลประโยชน์เนี่ยนะ มันต้องมองกันลึกๆ เกี่ยวกับเงื่อนไขเวลาและตัวละครต่างๆ ด้วย ไม่ใช่เรื่องทางเทคนิค จิ๊บจ๊อย หรือแค่ใครคิดโครงการ มันอ่อนหัดไปหน่อยนาคับ ฮิฮิ ตกลงตัว จขกท. ก็สารภาพออกมาเองแล้วว่า หลงประเด็นอย่างแรงตั้งแต่ต้น เพราะบริษัทขายเม็ดพลาสติกต้นกระทู้ ไม่ได้เกี่ยวกับโครงการท่อส่งน้ำเลย ยังอุตส่าห์จะถูไถต่อเรื่องการเทคโนโลยีการผลิตท่อส่งน้ำ ... อายเขาบ้างไหมนั่น
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2007, 13:54 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
ScaRECroW
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 13-11-2007, 14:12 » |
|
มันเป็นตด มันเหม็น มันไม่อายหรอก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.
ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่? ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
|
|
|
|
หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 13-11-2007, 15:33 » |
|
ว่าแล้วเด๋วต้องมีคนจับไต๋ ไอแก๊สได้ บอกแล้วมันนั่นหละ ที่พาชาวบ้านออกทะเล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 13-11-2007, 21:37 » |
|
คิดอะไรได้แค่วูบๆ วาบๆ ยังไม่ได้ตรวจสอบอะไรเลย ก็เอามาตั้งเป็นกระทู้ แล้วยังมีหน้ามาคุยต่ออีก น่าจะปิดกระทู้ไปเสียเลยมากกว่า เครือซีเมนต์ไทยก็ทำทุกอย่างเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง อย่าคิดฟุ้งซ่านให้มากนัก ไม่เห็นแปลกที่จะเข้าใจผิด เพราะบริษัทที่ผลิตเม็ดพลาสติกขาย จะบริษัทไหนก็เหอะ เจ้าของเดียวกันทั้งนั้น แค่แยกกันขายให้ครบทุกอย่างเท่านั้นเอง จะจำสลับว่าใครขาย อะไรมันก็อยู่ในเล้าเดียวกันนั่นแหละ สงสัยจะไม่เข้าใจการทำธุรกิจของปูนใหญ่มั้ง เลย คิดว่าแค่วัสดุก่อสร้าง จริงๆ แล้วมีสามอย่างหลัก คือ เยื่อกระดาษ วัสดุก่อสร้าง และที่ มาแรงกินรวบถีบประชัยไปพ้นๆ ก็คือ ปิโตรเคมี ส่วนบริษัทที่มีดีลลึกลับที่ว่านั่น ขายเม็ด ที่ทำท่อพีวีซีใช้ตามบ้านนั่นแหละ รวมทั้งคอมปาวน์ซึ่งต่อไปจะเป็นวัสดุอนาคตทดแทน ไม้หรือกระเบื้อง ดูแนวโน้มก็น่าจะมองออกนะว่าถ้าได้โพรเจคท่อมหึมานั่น ความครบวง จรของสินค้า จะทำให้คู่แข่งเจ๊ง ใครเอื้อประโยชน์ให้ใครรู้ยังจ๊ะ อย่าโง่สิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สมชายสายชม
|
|
« ตอบ #30 เมื่อ: 14-11-2007, 00:07 » |
|
ไม่เห็นแปลกที่จะเข้าใจผิด เพราะบริษัทที่ผลิตเม็ดพลาสติกขาย จะบริษัทไหนก็เหอะ เจ้าของเดียวกันทั้งนั้น แค่แยกกันขายให้ครบทุกอย่างเท่านั้นเอง จะจำสลับว่าใครขาย อะไรมันก็อยู่ในเล้าเดียวกันนั่นแหละ สงสัยจะไม่เข้าใจการทำธุรกิจของปูนใหญ่มั้ง เลย คิดว่าแค่วัสดุก่อสร้าง จริงๆ แล้วมีสามอย่างหลัก คือ เยื่อกระดาษ วัสดุก่อสร้าง และที่ มาแรงกินรวบถีบประชัยไปพ้นๆ ก็คือ ปิโตรเคมี ส่วนบริษัทที่มีดีลลึกลับที่ว่านั่น ขายเม็ด ที่ทำท่อพีวีซีใช้ตามบ้านนั่นแหละ รวมทั้งคอมปาวน์ซึ่งต่อไปจะเป็นวัสดุอนาคตทดแทน ไม้หรือกระเบื้อง ดูแนวโน้มก็น่าจะมองออกนะว่าถ้าได้โพรเจคท่อมหึมานั่น ความครบวง จรของสินค้า จะทำให้คู่แข่งเจ๊ง ใครเอื้อประโยชน์ให้ใครรู้ยังจ๊ะ อย่าโง่สิ
มั่วนิ่มตั้งแต่เปิดกระทู้แล้ว Thai Plastic and Chemicals (TPC) ผลิตวัตถุดิบ PVC .. ไม่ได้ผลิต HDPE ที่ใช้ืำทำท่อชลประทาน http://www.thaiplastic.co.th/tpc/Product.aspx...
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2007, 00:12 โดย สมชายสายชม »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Cherub Rock
|
|
« ตอบ #31 เมื่อ: 14-11-2007, 01:00 » |
|
ตกลงกระทู้นี้ไม่เกี่ยวกับ สุวิทย์ คุณกิตติ แล้วใช่มะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
|
|
|
\(^_^)/
|
|
« ตอบ #32 เมื่อ: 17-11-2007, 22:52 » |
|
ตกลงกระทู้นี้ไม่เกี่ยวกับ สุวิทย์ คุณกิตติ แล้วใช่มะ ปิดกระทู้แล้วครับ
สรุปได้ว่า "นายแก๊ส" ยอมรับเอง
ว่า "เข้าใจผิด"
แล้วดัน "แถ" มาเสียนาน
พาคนอื่นลง "ทะเล" เป็นแถว "ไม่เห็นแปลกที่จะเข้าใจผิด" "แถ โคตร"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
RiDKuN
|
|
« ตอบ #33 เมื่อ: 18-11-2007, 02:00 » |
|
จะใส่ร้ายป้ายสีเขาทั้งที ก็ขอข้อมูลแม่นๆ หน่อยเถอะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
สมชายสายชม
|
|
« ตอบ #34 เมื่อ: 05-02-2008, 23:15 » |
|
ปี ๒๕๔๔ ทักษิณหลอกประชาชนว่า "จะทำเมกกะโปรเจคแลนด์บริดจ์ เพื่อขนถ่ายสินค้าแทนคอคอดกระ" ปี ๒๕๔๕ ทักษิณหลอกคนประชาชนว่า "จะสร้างรถไฟฟ้า ๗ เส้นทาง" ปี ๒๕๔๖ ทักษิณหลอกประชาชนว่า "จะจัดการน้ำทั้งระบบด้วยงบสองแสนล้านบาท" ปี ๒๕๔๗ ถึง ๒๕๔๘ ภาคตะวันออกขาดแคลนน้ำอยากหนักจนภาคอุตสาหกรรมต้องลดกำลังผลิต ทักษิณส่งให้ "ไอ้ยุทธตู้เย็น" ไปแก้ปัญหา โดยให้กรมทรัพยากรธรณีไปขุดเจาะน้ำบาดาลบนภูเขา เจาะลงไป เจอแต่หีน !!! ปี ๒๕๔๘ ทักษิณหลอกประชาชนว่า "จะประมูลรถไฟฟ้า ๑๐ เส้นทาง" คุณแก๊สบอกว่า "ทักษิณจะทำโครงการผันน้ำเพื่อเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจให้สำนักงานทรัพย์สินฯ" คราวนี้ "ไอ้หมัก" มันโม้ว่า "จะเจาะภูเขาทำท่อส่งน้ำใต้ดินให้คนอีสานด้วยงบล้านล้านบาท" อยากให้ "คุณแก๊ส" ช่วยตรวจสอบว่า .. ไอ้หมักกำลังจะเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจให้ ้สำนักงานทรัพย์สินฯ หรือเปล่า ...
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2008, 23:25 โดย สมชายสายชม »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #35 เมื่อ: 06-02-2008, 10:46 » |
|
ผู้นำการเมืองคนใดและกลุ่มใดที่ไม่มีมาตรฐานทางจริยธรรมถือว่าเป็นนักการเมืองหรือกลุ่มการเมือง หน้าด้าน ผู้นำหน้าด้าน ขาดหิริโอตตัปปะ แสวงหาและติดยึดเก้าอี้ เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพรรคพวก จึงอยากเป็น อยากมี อยากอยู่ อยากได้ ไม่ละอายต่อบาป ทำลายเวลา ทำลายทรัพย์สินและสาธารณประโยชน์ของบ้านเมือง คอย แยกย้ายแบ่งกันหากินเป็น สายๆ ในโครงการใหญ่ๆ ใส่ถุงมือ ฉีดน้ำยากลบเสียงกันกลิ่น รู้ทีหนีทีไล่ มีที่อาศัยพึ่งพิงอ้างอิง แม้กระทั่งศาลและกฎหมาย ผมเคยถาม อ.ประหยัด หงษ์ทองคำ นักรัฐศาสตร์ชื่อดังว่า ผู้นำหน้าด้าน..ชาวบ้านควรทำอย่างไร อ.ประหยัด ตอบโดยไม่พักต้องคิด ก็ต้องหน้าด้านกว่าซิวะ แล้วขยายความต่อว่า ชาวบ้านต้องกล้าด่า กล้าหาเรื่อง กล้าขุดคุ้ย กล้าวิเคราะห์ กล้าทะเลาะ กล้าฟ้อง กล้าฟัด กล้ากัดไม่รู้จักปล่อย ฯลฯ ผู้นำหน้าด้านจึงจะลดจำนวนลง หรือหน้าด้านน้อยลง แต่ปรากฎว่าชาวบ้านทั่วไปหรือแม้แต่สื่อและนักวิชาการในสังคมไทยหน้าด้านไม่พอหรือหน้าบางเกินไป พากันทอดธุระ ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนกันเสียหมด ปล่อยให้คนหน้าด้านได้ดี ณ ขณะนี้สังคมไทยกำลังเดินเข้าสู่ห้วงวิกฤต เราอย่าหลอกตนเองเลยว่าการเลือกตั้งของเราสุจริตเที่ยงธรรม กกต.ได้จัดการ ทุกอย่างจนเราจวนจะได้รัฐบาลมาแก้ปัญหาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาปักษ์ใต้ ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหานักการเมือง คอร์รัปชั่น ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดการเคลื่อนไหวต่อสู้และแตกแยกกัน การเลือกตั้งน้ำเน่ากำลังจะพาเราไปตาย แต่เหมือนกับทุกครั้งในอดีต พวกคนหน้าด้านจะพากันลอยนวล ท่านผู้อ่านอย่าถามผมได้ไหมครับว่าใครบ้างที่เป็นนักการเมืองหน้าด้าน ผมไม่บอกหรอก แต่ผมอยากให้ ท่านผู้อ่านบอกผมต่างหาก ใครบ้าง มีพฤติกรรมอย่างไร และคนเช่นนั้นควรจะจัดการตัวเอง หรือถูกกลุ่ม พรรค หรือสังคม หรือแม้กระทั่งศาลช่วยกันจัดการอย่างไร http://forum.serithai.net/index.php?topic=21407.0
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-02-2008, 10:49 โดย ปุถุชน »
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
|