ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
02-12-2024, 22:05
378,182
กระทู้ ใน
21,926
หัวข้อ โดย
9,412
สมาชิก
สมาชิกล่าสุด:
MAN4U
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ปฏิทิน
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)
|
ทั่วไป
|
ห้องสาธารณะ
|
การเมืองของใครเพื่อใคร เพื่อพรรค?หรือเพื่อประชาชน ปชป. กับระบอบทักษิณแตกต่างกัน?
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า:
[
1
]
ส่งหัวข้อนี้
พิมพ์
การเมืองของใครเพื่อใคร เพื่อพรรค?หรือเพื่อประชาชน ปชป. กับระบอบทักษิณแตกต่างกัน? (อ่าน 1448 ครั้ง)
คนไทย
บุคคลทั่วไป
การเมืองของใครเพื่อใคร เพื่อพรรค?หรือเพื่อประชาชน ปชป. กับระบอบทักษิณแตกต่างกัน?
«
เมื่อ:
11-11-2007, 17:34 »
ทั้งๆ ที่รู้ดีว่า
สมาชิกในเวปบอร์ดนี้ไม่นิยมคนตัดแปะ ซึ่งหลายครั้งที่ฉันได้อ่านผู้มีพฤติกรรมดังกล่าว
ในเวปบอร์ดเสรีไทยนี้ ก็มีความเห็นด้วย แต่บางครั้งก็พอใจ เพราะได้ข้อมูลหลากหลายดี
ซึ่งวันนี้ตัวเองก็มีเหตุให้ต้องดำเนินการตัดแปะบ้าง ด้วยเหตุผลว่าหลังจากได้ติดตามอ่านข้อคิดเห็นใน
เวปบอร์ดแห่งนี้มายาวนานกว่า 1 ปี จากแรกที่คิดว่าสมาชิกในเวปบอร์ดแห่งนี้มีความรู้ความเข้าใจถึงเบื้องหน้า
เบื้องหลังการเมืองไทย พรรคการเมือง กลุ่มผลประโยชน์ ฯลฯ ดีพอสมควร และมีจุดยืนอยู่บนผลประโยชน์ของ
ประเทศชาติและประชาชนเฉกเช่นผู้ที่รักชาติ รักแผ่นดินเกิดทั้งหลาย แต่บัดนี้เริ่มไม่แน่ใจในความคิดความ
เข้าใจของตนเองยิ่งขึ้นๆ ซึ่งวิเคราะห์ว่าอาจด้วยสมาชิกในเวปบอร์ดนี้ ไม่ได้ติดตามเรื่องราวของภาคการเมือง
ในเวลากว่า 15 ปีอย่างต่อเนื่อง และรอบด้านเพียงพอก็เป็นได้
ในการที่หลายพรรคการเมือง และหลายกลุ่มการเมืองที่อ้างความรักชาติ รักประชาชน เมื่อมีโอกาส
เข้ามาบริหารประเทศไทยอันเป็นที่รักของเรานั้นได้เข้ามาปู้ยี่ปู้ยำประเทศไว้จนเสียหายจนยากมากที่จะแก้ไข
ปัญหาให้ลุล่วงได้ในเร็ววัน แม้กระทั่งหลายครั้งตัวเองก็ยังคิดว่า จะมีวันไหมที่ประเทศของเราสามารถลืมตา
อ้าปากได้อย่างเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์มาเลเซีย ไม่ล้าหลังเวียตนามอย่างที่ชนชั้นกลางในประเทศกำลังวิตก
กันอยู่หรือไม่
เผอิญวันนี้ได้อ่านบทความข้างล่างนี้ในหน้าเวป "มติชน" ซึ่งสามารถสรุปพฤติกรรมความเป็นมาของ
พรรคการเมือง กลุ่มการเมือง ที่ได้ร่วมกันก่อความเสียหาย และความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงให้กับประเทศไทย
จนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 และต่อมายังช่วยกันยังรุมสกรัมประเทศนี้อย่างไม่หยุดหย่อน จนแม้ทุกวันนี้
ได้สั้นกระชับได้ใจความพอสมควรเป็นอย่างยิ่ง จึงขอเสนอไว้เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งประกอบความรู้ความเข้าใจ
แก่ท่านสมาชิกเวปบอร์ด "เสรีไทย" ด้วย
ด้วยจิตคารวะ
พระป่ากู้ชาติ : เมื่อ"คลังหลวง"จะถูกถลุง
คอลัมน์ หน้าต่างความจริง(มติชน,อาทิตย์ที่ 11 พย. 50 )
โดย ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์
เมื่อครั้งที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจทางการเงินครั้งร้ายแรงในปี
พ.ศ.2540
ด้วยนโยบายเปิดตลาดเสรีทางการเงินของ
รัฐบาลพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ
ส่งผลให้บรรดา "กองทุนเก็งกำไร" (Hedge Fund) ซึ่งเป็นบรรษัทข้ามชาติทางการเงินจากสหรัฐอเมริกา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ไทเกอร์ฟันด์" (Tiger Fund) ของนายจูเลี่ยน โรเบิร์ตสัน (Julian Robertson)
ใช้กลยุทธ์ที่เหนือกว่าโจมตีค่าเงินบาทเพื่อการเก็งกำไรค่าเงิน โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้นำเงินตรา
สำรองต่างประเทศออกมาต่อสู้ จนกระทั่งเงินตราสำรองของธนาคารแห่งประเทศไทยสูญหายไปเกือบหมดสิ้น
ทำให้
รัฐบาลสมัยพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
ต้องลาออก
รัฐบาลต่อมาของนายชวน หลีกภัย
ได้ส่งรัฐมนตรีคลังคือนายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ เดินทางไป
ขอกู้เงินจาก "กองทุนการเงินระหว่างประเทศ" (International Monetary Fund หรือ IMF) เพื่อชดเชย
เงินตราสำรองต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทยที่สูญเสียไป "กองทุนการเงินระหว่างประเทศ
" ได้แนะนำให้ประเทศไทย แก้กฎหมาย 11 ฉบับเพื่อแลกกับเงินกู้จำนวนดังกล่าว โดยมิได้ต่อรองให้ถึงที่สุด
รัฐบาลนายชวน หลีกภัย ได้ยินยอมแก้กฎหมาย 11 ฉบับตามคำแนะนำของ "กองทุนการเงินระหว่างประเทศ"
อันนำไปสู่การสูญเสียเอกราชทางเศรษฐกิจครั้งร้ายแรงของประเทศ
กฎหมาย 11 ฉบับ (ซึ่งเรียกกันในหมู่นักวิชาการว่า
"กฎหมายขายชาติ"
) ได้เปิดทางให้ทุนข้ามชาติ
สามารถเข้าซื้อสินทรัพย์อันเป็นหัวใจเศรษฐกิจของประเทศได้เกือบทุกอย่าง เช่น ธนาคาร รัฐวิสาหกิจ สนามบิน
(ยกเว้น "ดอนเมือง" และ "สุวรรณภูมิ" เท่านั้น) สถาบันการศึกษา ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ บริษัทประกันภัย
ธุรกิจเอกชน รวมทั้งอนุญาตให้ทุนข้ามชาติเข้ามาค้าปลีกเพื่อแย่งอาชีพแข่งกับคนไทยได้อย่างเสรี
รวมความแล้ว "กฎหมาย 11 ฉบับ" ได้เปิดประเทศไทยให้ล่อนจ้อนเพื่อให้ทุนข้ามชาติเข้ามาข่มขืนเศรษฐกิจไทย
ได้อย่างเสรี และในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจปี พ.ศ.2540 ที่มูลค่าสินทรัพย์ลดต่ำกว่าความเป็นจริงเป็นอย่างมาก
(บางครั้งเหลือเพียง 10% ของมูลค่าจริง) ทุนข้ามชาติได้เข้ามาซื้อไว้อย่างมหาศาล ไม่มีใครรู้ว่า "สินทรัพย์
อันเป็นหัวใจเศรษฐกิจของประเทศไทย" อยู่ในมือของต่างชาติเป็นจำนวนเท่าใด
ต่อมา
รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นอกจากจะไม่ได้แก้คืนกฎหมาย 11 ฉบับตามที่ได้หาเสียงไว้แล้ว
ยังได้แก้กฎหมายเพื่อเปิดช่องให้ตนเองขายดาวเทียมและกิจการโทรคมนาคม
(ในรูปของหุ้นชินคอร์ป) อันเป็น
"สัมปทานของชาติ" ให้แก่กองทุน "เทมาเส็ก" ของสิงคโปร์ และแก้กฎหมายสรรพากรเพื่อให้ตนเองไม่ต้องเสีย
ภาษีแม้แต่บาทเดียวจากรายได้มหาศาลนั้น นับเป็นการสูญเสียอธิปไตยด้านข้อมูลข่าวสาร อันนำไปสู่วิกฤต
การเมืองจนกระทั่งรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกยึดอำนาจ
ในท่ามกลางภาวะล้มละลายทางการเงินของประเทศ ซึ่งนักวิชาการหลายคนเปรียบว่าเป็น
"การเสียกรุงครั้งที่ 3"
พระภิกษุผู้สูงอายุรูปหนึ่งซึ่งจำศีลภาวนาอยู่ในป่า
เมื่อได้ทราบถึงความเดือดร้อนของบ้านเมืองแล้วก็ไม่อาจที่จะนิ่งดูดาย ได้ลุกขึ้นมาเรียกร้องให้ประชาชน
ออกมาช่วยกันกอบกู้บ้านเมือง เหมือนดัง "สมเด็จพระพนรัตน์" วัดป่าแก้ว และ "มหาเถรคันฉ่อง"
เมื่อคราวเสียกรุงครั้งที่ 1 หรือเหมือนดัง "พระอาจารย์ธรรมโชติ" แห่ง "ค่ายบางระจัน" (สิงห์บุรี)
และ "พระอาจารย์เจี้ยง" แห่ง "ค่ายบางกุ้ง" (สมุทรสงคราม) เมื่อคราวเสียกรุงครั้งที่ 2
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ได้จัดตั้ง "กองทุนผ้าป่าช่วยชาติ" ขึ้นเพื่อระดมทุนจากภาคประชาชน
ในรูปของทองคำและเงินตราต่างประเทศ โดยมีเจตนาที่จะนำไปใส่ไว้ใน "คลังหลวง" เพื่อเป็นหลักประกัน
ความมั่นคงทางการเงินของประเทศ
"คลังหลวง"
(ปัจจุบันเรียกว่า "ฝ่ายออกบัตร" เป็นทรัพย์สินที่อยู่ในรูปของทองคำ เงินสกุลต่างประเทศ
และพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ) เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2445 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
(รัชกาลที่ 5) พระราชทานทรัพย์สินในพระคลังมหาสมบัติเพื่อหนุนหลังการพิมพ์ธนบัตรที่พิมพ์ครั้งแรกในขณะนั้น
ต่อมามีการออก "พระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ.2471" โดยกำหนดให้แยกทรัพย์สินส่วนนี้ออกจากกระทรวง
พระคลังมหาสมบัติ จัดขึ้นเป็น "บัญชีทุนสำรองเงินตรา" (เป็นบัญชีหลักใน "ฝ่ายออกบัตร" หรือ "คลังหลวง")
เพื่อหนุนหลังการพิมพ์ธนบัตร ต่อมา "พระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2485" และ
"พระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ.2501 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2516" ก็กำหนดให้แยกสินทรัพย์ใน "คลังหลวง"
ไว้ต่างหากจากสินทรัพย์ใน "ฝ่ายการธนาคาร" ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยกำหนดให้ธนาคาร
แห่งประเทศไทยเป็นเพียงผู้ดูแล "คลังหลวง" เท่านั้น (ไม่สามารถเบิกจ่ายเพื่อการใดทั้งสิ้น)
ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์
ขณะที่เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2509 ว่า
"พวกคุณทั้งหลายคงเข้าใจกันดีว่า
เรื่องทุนสำรองนี่ไม่ใช่ของผม และไม่ใช่ของใครในธนาคารชาตินี่ และไม่ใช่ของพวกคุณ ไม่ใช่ของรัฐบาล
เป็นของชาติทั้งชาติ และก็เป็นของลูกหลานของพวกเราที่จะมีต่อไป ถ้าเปรียบประเทศเหมือนครอบครัว
ทุนสำรองก็เหมือนกับหลักทรัพย์ของครอบครัวเรา เรามีหน้าที่จะทำนุบำรุงรักษาให้เป็นประโยชน์
แก่อนาคตต่อไป"
เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย นำ
"กองทุนผ้าป่าช่วยชาติ" ไปเข้าไว้กับ
"ฝ่ายการธนาคาร" ของธนาคารแห่งประเทศไทย
(ซึ่งเป็นบัญชีที่สามารถเบิกจ่ายได้) ทำให้หลวงตามหาบัว
และประชาชนต้องออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน (โดยหวั่นเกรงว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะนำเงินที่เพิ่มขึ้นของ
"ฝ่ายการธนาคาร" ไปใช้เพื่อชดเชยภาวะขาดทุนจากการบริหารงานที่ผิดพลาด) จนในที่สุดธนาคาร
แห่งประเทศไทยต้องยินยอมทำตาม ด้วยการนำไปใส่ไว้ใน "คลังหลวง" ตามเจตนารมณ์เดิม
ของประชาชนผู้บริจาค
แล้วจู่ๆ
รัฐบาลพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
ก็เสนอ "ร่างพระราชบัญญัติเงินตราฉบับใหม่" เข้าสู่
"สภานิติบัญญัติแห่งชาติ" ในเดือนกันยายน พ.ศ.2550 ที่ผ่านมา (แต่ต้องถอนกลับมาหลายครั้ง
เนื่องจากกระแสคัดค้าน) โดยมีการแก้ไขหลักการของพระราชบัญญัติเงินตราอย่างสำคัญ
จากแต่เดิมที่กำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นเพียงผู้ "ดูแล" ทรัพย์สินใน "คลังหลวง"
เท่านั้น มาเปิดทางให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีสิทธิเข้า "บริหารจัดการ" ทรัพย์สินใน
"คลังหลวง" (ซึ่งมี 3 บัญชี คือ บัญชีทุนสำรองเงินตรา บัญชีผลประโยชน์ประจำปี
และบัญชีสำรองพิเศษ) ได้ (มาตรา 34/3) และยังเปิดโอกาสให้ต่างชาติสามารถเข้ามาบริหารจัดการ
สินทรัพย์ใน "คลังหลวง" ได้อีกด้วย (มาตรา 34/4) นับเป็นการเปิดกรุมหาสมบัติของชาติ ให้ธนาคาร
แห่งประเทศไทยและต่างชาติถลุงเล่นตามอำเภอใจ
การออกมาคัดค้าน "พระราชบัญญัติเงินตราฉบับใหม่" ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และประชาชน
ในขณะนี้ จึงเป็นสิ่งที่ชอบด้วยเหตุผล ที่รัฐบาลและสภานิติบัญญัติแห่งชาติพึงรับฟัง
และรับพิจารณา และนับเป็นการออกมา "กู้ชาติ" อีกครั้งหนึ่งของพระป่าแห่งวัดป่าบ้านตาด
ในดินแดนอีสานของไทย
บันทึกการเข้า
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
ออฟไลน์
กระทู้: 8,520
I'm Looking At You.
Re: การเมืองของใครเพื่อใคร เพื่อพรรค?หรือเพื่อประชาชน ปชป. กับระบอบทักษิณแตกต่างกัน?
«
ตอบ #1 เมื่อ:
11-11-2007, 17:47 »
ถ้าอยากคุยกันก็คงต้องล็อคอินไปคุยกันครับ
เพราะเป็นบอร์ดสนทนา
หลักการของเงิน ก็เหมือนพลังาน ต้องมีสำรองอย่างเพียงพอสม่ำเสมอ
คงเอาไปเก็บไว้เฉยๆตลอดไม่ได้ มันเสื่อมสภาพได้เช่นกันแม้เป็นกระดาษหรือตัวเลข
ก็คงต้องดูว่าการดูแลเก็บรักษาใช้ประโยชน์นั้น ปลอดภัยเหมาะสมเพียงใด
เพราะเงินเราไม่ได้ใช้เป็นหลักประกันโดยการฝังดินเพียงอย่างเดียว
เราต้องใช้เงินในการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยๆเสมอ..แม้จะเป็นหลักประกันก็ตาม
บันทึกการเข้า
M Y
********Q********
GoogR
********Q********
ภาษาการเมือง
แอบๆอ่าน อย่างเงียบๆ
บุคคลทั่วไป
Re: การเมืองของใครเพื่อใคร เพื่อพรรค?หรือเพื่อประชาชน ปชป. กับระบอบทักษิณแตกต่าง
«
ตอบ #2 เมื่อ:
11-11-2007, 18:13 »
คงจะเป็นคนเดียวกันกับที่เคยเขียนกระทู้ แสดงความเป็นห่วงถึงคุณ ผ่าทางตัน
ทำไมถึงไม่สมัครสมาชิกเข้ามาสนทนากันล่ะครับ
แนะนำว่า คุณอย่าไปเต้นตามพวกคอลัมนิสต์มากนักเลย อ่านจากที่เขียนแล้ว ไม่น่าเชื่อถือ ประดิษฐ์คำใส่สีสันซะเยอะ
ยิ่งคำว่า สูญเสียเอกราชทางเศรษฐกิจ ฟังแล้ว ออกจากน่าขัน อุตส่าห์ประดิษฐ์ออกมาเพื่อจุดกระแสชาตินิยมแบบแปลกๆ
แล้วตกลงผู้ที่ทำเรื่องยื่นขอกู้เงินกับ ไอเอ็มเอฟ เป็นรัฐบาลจิ๋วหรือรัฐบาลชวนกันแน่ครับ ลองเช็คดูหน่อย
ผมไม่ได้ชอบ ปชป หรอกนะ แต่ในสถาณการณ์เช่นนั้น ผมเห็นใจในสิ่งที่พวกเขาพยายามทำ แต่ไม่ได้ดั่งใจคนไทยซึ่งลืมอะไรๆได้ง่ายเหลือเกิน
มิหนำซ้ำ
คนไทยยังชอบออกความเห็นในเรื่องที่ตัวเองไม่รู้จริงกันตามความรู้สึก
พรบ ตัวนี้ แม่ผมเรียกว่า ขายสมบัติเก่ากิน แต่ในความเห็นของผม การรู้จักบริหารทรัพย์สินให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เหมาะสมกับสถาณการณ์โลก
ไม่มีประโยชน์ที่จะนั่งกอดสมบัติไว้เฉยๆ แล้วก็นั่งอับจนหนทาง
สิ่งที่น่ากังวลก็คือ กึ๋นของธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าจะบริหารออกมาได้ดีหรือไม่
บันทึกการเข้า
นายเกตุ
ขาประจำขั้นที่ 3
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 1,289
Re: การเมืองของใครเพื่อใคร เพื่อพรรค?หรือเพื่อประชาชน ปชป. กับระบอบทักษิณแตกต่างกัน?
«
ตอบ #3 เมื่อ:
11-11-2007, 19:01 »
แล้วคุณแน่ใจหรือครับว่าคนเขียนบทความนี้เขาเข้าใจเบื้องหน้าเบื้องหลังการเมืองดีเสียเหลือเกิน
บันทึกการเข้า
หน้า:
[
1
]
ส่งหัวข้อนี้
พิมพ์
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
ทั่วไป
-----------------------------
=> ตะกร้าข่าว
=> ห้องสาธารณะ
=> สภากาแฟ
=> ชายคาพักใจ
=> ร้อยรักษ์กวีวรรณ
=> สโมสรริมน้ำ
-----------------------------
ด้านเทคนิค
-----------------------------
=> ปัญหาการใช้งาน
=> ห้องทดสอบ
===> ทดสอบบอร์ดย่อย
Powered by SMF 1.1.20
|
SMF © 2005, Simple Machines
|
Thai language by ThaiSMF
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.122 วินาที กับ 21 คำสั่ง