มาตามล่าหาและต้อนรับ ... จะเด็ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดเมืองตองอู
http://www.kroorenu.net/index.php?option=com_content&task=view&id=10&Itemid=65เพลงผู้ชนะสิบทิศ จากเรื่องผู้ชนะสิบทิศ
เขียนโดย ครูเรณู
ผู้ชนะสิบทิศ
พิมพ์ในช่วงปี พ.ศ. 2474-2482 ยาขอบ (โชติ แพร่พันธุ์) (พ.ศ. 2450-2499)
นิยายเรื่องนี้ ดำเนินตามกลวิธีนิยายโบราณ ทุกประการ เนื้อเรื่องอิงพงศาวดารพม่าและไทย และอิงอย่างนิยายทั้งหลาย คือ ไม่ถือภูมิศาสตร์ หรือกาลเวลาอย่างกวดขัน ความเยี่ยมของผู้ชนะสิบทิศ อยู่ที่ลักษณะ อันประกอบกันขึ้นเป็นนิยาย ยาขอบ ใช้ชีวิตบรรยายตามเหตุการณ์ ผู้แต่งอยู่ในฐานะเป็นสัพพัญญู เกี่ยวกับตัวละครในเรื่อง คือ รู้และชี้แจงความคิด ความรู้สึก อารมณ์ ในขณะต่างๆ ของตัวละคร ตัวละคร ใช้สำนวนเดียวกันหมด แต่เช่นเดียวกับนิยายชั้นดี ของโบราณ ลักษณะนิสัย ของตัวละครแต่ละตัว เป็นบุคคลที่กำใจคนอ่านได้ ส่วนสำนวนภาษา เป็นสำนวนของยาขอบเอง เป็นสำนวนร้อยแก้ว ที่ละม้ายสำนวน ในหนังสือราชาธิราช และหนังสืออิงพงศาวดารจีน แต่ไม่เหมือนทีเดียว คุณค่าของผู้ชนะสิบทิศ นอกจากความเริงรมย์ อรรถรสทางภาษา ที่ไม่เหมือนใคร มีความไพเราะงดงาม ยังเป็นค่าควรเมือง การสรรค์สร้างผลงานนี้ แม้จะมีเค้าของวรรณคดีดั้งเดิม แต่การพลิกปลายปากกา ในอีกเหลี่ยมหรือมุมใหม่ เป็นเยี่ยงและอย่าง ของการอนุรักษ์กับพัฒนา ที่ทำอย่างสมน้ำสมเนื้อ ไม่เพียงศึกษาเรื่องของไทย อย่างเชี่ยวชาญ การผ่านวรรณกรรมต่างชาติ เช่น ทะแกล้วทหารสามเกลอ (The Three Musketees) ของดูมาส์ (Dumas) เราได้เห็น เงาก่อวิญญาณใหม่ เป็นคู่บารมีจะเด็ด นั่นคือ จาเลงกะโบ เนงบา และสีอ่อง ความชำนาญการ แห่งการประพันธ์ ของยาขอบ มิใช่เพียงการอ่านมาก ฟังมาก แล้วจึงเขียนได้วิเศษ ความวิเศษ ของความสมจริง จากการประพันธ์ จินตนิยายนี้ คุณค่าสำคัญอย่างหนึ่ง มาจากประสบการณ์ตรง กลั่นมาจากชีวิต ที่เคยผ่านพบ คำฝากรัก วอนสวาท คำตัดพ้อ ใช่เรื่องประดิษฐ์ รจนาล้วนๆ ก็หาไม่ คำบางคำ สรรมาแล้ว จากชีวิตจริง หยิบเพชรร่วง ในจดหมายรักของตนเอง จากเคยมีไป-มา ระหว่างคนรัก ที่ต่างนาง ต่างกรรม และวาระ สิริรวม จดหมายรักของยาขอบ ประมาณ 700 ฉบับ หรือความสมจริง แห่งการบรรยายเรื่องม้าศึก ก็มาจากวัยเยาว์ ยาขอบ เคยควบอาชา ในฐานะจ็อกกี้
เพลงผู้ชนะสิบทิศ
คำร้อง ทำนอง : สไล ไกรเลิศ
ฟ้าลุ่มอิรวดีคืนนี้มีแต่ดาว
แจ่มแสงแวววาว...เด่นอะคร้าว สว่างไสว
เสียงคลื่นเร้าฤดีคืนนี้ข้าเปลี่ยวใจ
เหน็บหนาวทรวงใน...แปลกไฉนข้าเศร้าวิญญา
ข้ามาทำศึกลำเค็ญ เหนื่อยแสนยากเย็นไม่เว้นว่างเปล่า
เพื่อศักดิ์ชาวตองอู ถึงจะตายจะอยู่ขอเชิดชูมังตรา
ดวงใจข้ามอบจอมขวัญ มั่นรักต่อกันมิ่งขวัญจันทรา
กุสุมายอดชู้ รักเจ้าเพียงเอ็นดู ไว้ชื่นชูดวงแด
ไปรบอยู่แห่งไหน ใจคะนึงถึงเจ้า เคยเล้าโลมโฉมแม่
ข้ากลับมาเมืองแปร มองเหลียวแลแสนเปลี่ยวเปล่า
ไม่มีแต่เงาข้าเศร้าอาลัย หัวใจแทบขาด อนาถใจไม่คลาย
เจ็บใจคนรักโดนรังแก ข้าจะเผาเมืองแปรให้มันวอดวาย
จะตายให้เขาลือชาย จะให้เขาลือชาย ว่านามชื่อกู
ผู้ชนะสิบทิศ ผู้ชนะสิบทิศ ผู้ชนะสิบทิศ ผู้ชนะ....สิบทิศ
ประวัตินายโชติ แพร่พันธุ์
พ.ศ.๒๔๙๑-๒๔๙๒
โชติ แพร่พันธุ์ เจ้าของนามปากกา ยาขอบที่คนไทยรู้จักทั่วประเทศ ซึ่งในวงการหนังสือพิมพ์เมืองไทยสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ.2475 มีคำกล่าวกันว่า มี 3 ทหารเสือ ที่มีผลงานและชื่อเสียงโด่งดังติดอันดับสูงสุด เสมือนดาวจรัสแสงของบรรณพิภพอยู่ 3 คน
นั่นคือ นายกุหลาบ สายประดิษฐ์ เป็นพี่เอื้อยใหญ่, นายมาลัย ชูพินิจ เป็นพี่กลาง และนายโชติ แพร่พันธุ์ หรือ ยาขอบ คือน้องนุชคนสุดท้อง
ในช่วงเจริญวัย มารดาของนายโชติ แพร่พันธุ์ได้นำมาฝากเป็นเด็กในบ้านพระยาบริหารนครินทร์ ซึ่งที่บ้านเจ้าคุณผู้นี้ นายโชตมีโอกาสได้อ่านวรรณกรรมชั้นดีหลายเรื่อง เช่น ขุนช้างขุนแผน, สามก๊ก, รามเกียรติ์, อิเหนา ซึ่งได้กลายเป็นพื้นฐานในการเขียนหนังสือในกาลต่อมา
จากนั้น ได้เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนมัธยมวัดเทพศิรินทร์ ซึ่งเพื่อนร่วมห้องเรียนเดียวกัน ต่อมาได้มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการนักเขียนและหนังสือพิมพ์เมืองไทย คือ หม่อมเจ้าอากาศดำเกิง ระพีพัฒน์, นายกุหลาบ สายประดิษฐ์, และนายสด กูรมะโรหิต เป็นต้น
นายโชติ แพร่พันธุ์ ชีวิตเด็กหักเห เมื่อเรียนหนังสืออยู่โรงเรียนเทพศิรินทร์ชั้นมัธยมปีที่ 4 ตอบคำถามของครูถนิม เลาหะวิลัย ที่ถามว่า ธรรมะคืออะไร ด้วยนิสัยรักสนุกและเจ้าบทเจ้ากลอนจึงตอบว่าธรรมะคือคุณากร ส่วนชอบสาธร ดั่งดวงประทีปชัชวาล จึงถูกทำโทษ แต่เจ้าตัวกระโดดหน้าต่างโรงเรียนหนี และหนีออกจากบ้านเจ้าคุณบริหารนครินทร์ด้วย
หลังจากเร่ร่อนอยู่ริมถนนแถวเจริญกรุง เป็นทั้งจ๊อกกี้แข่งม้า, เด็กปิดใบปลิวหน้าโรงหนัง ครูถนิมมาเจอเข้าจึงรับตัวไปทำงานที่หนังสือพิมพ์สยามรีวิวที่ครูถนิมเป็นเจ้าของและบรรณาธิการ ต่อมา ได้ทำงานที่หนังสือพิมพ์ธงไทย ของนายเฉวียง เศวตะทัต และเปลี่ยนไปสมัครทำงานเป็นหัวหน้าแผนกโฆษณาของห้างขายยาเพ็ญภาค
นายโชติ แพร่พันธุ์ มีหน้าที่ออกแบบและค้นคิดประโยคถ้อยคำโฆษณาแปลกๆใหม่ๆ ที่ติดหูผู้ฟังออกสู่ตลาด เป็นที่ถูกใจนายเจือ เพ็ญภาคกุล เจ้าของมากเป็นพิเศษ
พ.ศ.2472 นายกุหลาบ สายประดิษฐ์ เจ้าของหนังสือพิมพ์สุภาพบุรุษ เล็งเห็นแววนักเขียนเอกของเพื่อนผู้นี้ จึงขอร้องแกมบังคับให้เขียนเรื่องตลกขบขันส่งมาลงเป็นประจำ และตั้งนามปากกาให้ด้วยว่า ยาขอบ เลียนแบบมาจากชี่อ W.W.JACOB นักเขียนเรื่องตลกชื่อดังชาวอังกฤษ ยาขอบ นามปากกาของนายโชติ แพร่พันธุ์ นอกจากเขียนเรื่องต่างๆลงในหนังสือพิมพ์หลายฉบับแล้ว ยังมีผลงานการประพันธ์มากมายหลายสิบเรื่อง ที่รวมเล่มไว้ด้วย นิยายเลื่องชื่อของท่านคือ ยอดขุนพล ต่อด้วย ผู้ชนะสิบทิศ และสามก๊กฉบับวณิพก
นายโชติ แพร่พันธุ์ เป็นคนมีอัธยาศัยสนุกสนานร่าเริง ชอบดื่มกินกับเพื่อนๆ นักเขียนทั้งที่โรงพิมพ์และสมาคมหนังสือพิมพ์ฯมากกว่าอยู่กับลูกเมีย คือ จรัส ภรรยาชาวสวนฝั่งธนบุรี และมีบุตรชายโทน คือนายมานะ แพร่พันธุ์ นักหนังสือพิมพ์อาวุโสในปัจจุบัน
หลังจากเดินเข้าออกโรงพยาบาลด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง ในที่สุดก็ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2499 ขณะอายุได้เพียง 51 ปี
นายโชติ แพร่พันธุ์ ได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการหนังสือพิมพ์เลือกตั้งให้เป็นนายกส.น.ท. 2 สมัย ในระหว่างปี พ.ศ.2491-2492 โดยก่อนหน้านั้นได้ร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารมาตลอดทุกปี ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยฯ
ข้อมูลจาก สมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์