ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 15:53
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ถามจริง 23 ธ.ค. จะเสียเวลาไปกาบัตรหรือครับ โดยเชื่อว่านั่นคือสิทธิของคุณหรือ? 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ถามจริง 23 ธ.ค. จะเสียเวลาไปกาบัตรหรือครับ โดยเชื่อว่านั่นคือสิทธิของคุณหรือ?  (อ่าน 1183 ครั้ง)
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« เมื่อ: 06-11-2007, 11:51 »

ตอนไอ้เหลี่ยม จัดเลือกตั้ง ที่ชาวบ้านไป NO VOTE ผมคิดว่านั่นก็ไม่ถูกต้อง เพราะเมื่อมันเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรมอยู่แล้ว การที่ไป NO VOTE ก็คือการไปรับรองการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรม

คราวนี้ก็เช่นกัน แม้จะเป็นการเลือกตั้งที่ชอบธรรมตามกฎหมาย แต่ผลลัพธ์มันส่อแสดงอยู่แล้วว่า มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา รู้อยู่แล้วว่าใครจะขึ้นมา รู้อยู่แล้วว่า โจรยังคงถูกปล่อยให้เพ่นพ่านเหมือนเดิม คำพิพากษาห้ามยุ่งกับการเมือง ไม่มีความหมาย ความวุ่นวาย นองเลือด รออยู่ข้างหน้า

แล้วถามว่า คุณจะไปทำไม
บันทึกการเข้า

คนสงขลาเกลียดเปรม
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2


« ตอบ #1 เมื่อ: 06-11-2007, 12:11 »

มันคงคิดว่าการที่จบจาก รร.นายร้อย จปร.แล้ว อนาคตพวกมัน กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ต้องได้เป็นนายกเสมอ แต่เป็นนายกจากการแต่งตั้งของพวกพ้องกันเอง สีเดียวกัน จากการทำปฏิวัติทุกครั้ง เรื่องการลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือตั้งพรรคการเมืองอย่าไปคาดหวัง ว่าพวกปฏิวัติล้าหลัง คลั่งชาติ พวกนี้จะทำ จะมีทหารจาก จปร.ที่เป็นประชาธิปไตย มีอยู่ 3 คนเองมั้ง พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก , พลเอกชาติชาย ชุณหวัณ , พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ที่กล้าตั้งพรรคการเมืองและลงสมัครรับเลือกตั้ง


นี่คือตัวอย่างที่ดีของทหารประชาธิปไตยตัวจริง ไม่ใช่แอบอ้าง หรือพูดเลื่อนลอยไปวันๆ ว่า ตัวเองเป็นผู้นำรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยมากกว่าสมัยอื่นๆ พูดมาได้ไม่อายปากตัวเองบ้าง ไอ้สุรยุทธ ไอ้สนธิ บัง คอยแต่สร้างภาพรายวันว่าพวกตัวเองดี มีคุณธรรม รู้จักพอเพียง สมานฉันท์ พูดล้างสมองชาวบ้านทุกวันๆๆ คิดว่าคนที่มีสติดีๆ เขาจะเชื่อพวกมัน ไม่มีทาง NO WAY หลอกได้แต่พวกไม่รู้จักใช้สมองส่วนกลางคิดเท่านั้น ก็เคยมีนายทหารบางคนได้รับการทาบทามให้ลงเลือกตั้ง แต่ประชาชนไม่เลือก มันก็คงเห็นว่าเป็นตัวอย่างที่พวกมันไม่อยากทำ เป็นการสิ้นเปลืองเงินทอง



สู้ปฏิวัติไม่ได้ โดยมีเฒ่าเปรมกาลี คอยหนุนอยู่เบื้องหลัง นี่แหละคือความแตกต่างของนายทหารที่เป็นประชาธิปไตย ที่เขายอมรับได้กับความพ่ายแพ้ในระบอบประชาธิปไตย ถ้าสร้างผลงานเข้าตาประชาชน ในอนาคตลงสมัครอีก ประชาชนก็คงเลือกเข้ามา แต่พวกทหารนักปฏิวัติ จอมเผด็จการ ไม่มีวันเสียล่ะที่จะลงเลือกตั้ง หรือเสนอตัวให้ประชาชนเลือกตามระบอบ สู้ใช้อาวุธของประชาชน เข้ามาปล้นประชาชน ไม่ได้ สบายกว่ากันเยอะ ให้ประชาชนด่าว่าอย่างไร มันก็จะหน้าด้านอยู่สมชายชาติทหาร จปร.เลว บางคน ที่ไม่ดูตัวอย่างที่ดีๆของนายทหาร จปร.รุ่นพี่คนอื่นๆ ที่ประชาชนยอมรับ ไอ้พวกไม่ยอมรับความจริงว่ามันพ่ายแพ้แล้วกับอคติในตัวของตัวเอง จะสร้างภาพคุณธรรมอย่างไร คนที่ดีเขาก็ไม่เชื่อ เพราะเขาไม่โง่ให้มาสนตะพายเขาได้


มันจะกร่างก็กร่างให้ตลอด เมื่อไหร่ที่มันพ้นตำแหน่งนี้แล้ว ประชาชนจะขอทวงเอาคืนพวกมันบ้าง แม้แต่พรรคประชาวิบัติ ก็อย่าหวังว่าจะช่วยเหลือพวกมันได้ คนเขาเสื่อมศรัทธากับพรรคนี้มานานแล้ว ทำตัวไม่เหมาะสมของคนที่มาเล่นการเมืองเลย ไร้ความจริงใจต่อประชาชน เอาแต่พวกตัวเองเป็นหลักในเรื่องผลประโยชน์ของพรรค ไม่เคยเห็นผลประโยชน์ของชาติมาก่อน ยำยำมากๆ ค่ะ

 
บันทึกการเข้า
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 06-11-2007, 12:14 »

มันคงคิดว่าการที่จบจาก รร.นายร้อย จปร.แล้ว อนาคตพวกมัน กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ต้องได้เป็นนายกเสมอ แต่เป็นนายกจากการแต่งตั้งของพวกพ้องกันเอง สีเดียวกัน จากการทำปฏิวัติทุกครั้ง เรื่องการลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือตั้งพรรคการเมืองอย่าไปคาดหวัง ว่าพวกปฏิวัติล้าหลัง คลั่งชาติ พวกนี้จะทำ จะมีทหารจาก จปร.ที่เป็นประชาธิปไตย มีอยู่ 3 คนเองมั้ง พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก , พลเอกชาติชาย ชุณหวัณ , พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ที่กล้าตั้งพรรคการเมืองและลงสมัครรับเลือกตั้ง


นี่คือตัวอย่างที่ดีของทหารประชาธิปไตยตัวจริง ไม่ใช่แอบอ้าง หรือพูดเลื่อนลอยไปวันๆ ว่า ตัวเองเป็นผู้นำรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยมากกว่าสมัยอื่นๆ พูดมาได้ไม่อายปากตัวเองบ้าง ไอ้สุรยุทธ ไอ้สนธิ บัง คอยแต่สร้างภาพรายวันว่าพวกตัวเองดี มีคุณธรรม รู้จักพอเพียง สมานฉันท์ พูดล้างสมองชาวบ้านทุกวันๆๆ คิดว่าคนที่มีสติดีๆ เขาจะเชื่อพวกมัน ไม่มีทาง NO WAY หลอกได้แต่พวกไม่รู้จักใช้สมองส่วนกลางคิดเท่านั้น ก็เคยมีนายทหารบางคนได้รับการทาบทามให้ลงเลือกตั้ง แต่ประชาชนไม่เลือก มันก็คงเห็นว่าเป็นตัวอย่างที่พวกมันไม่อยากทำ เป็นการสิ้นเปลืองเงินทอง



สู้ปฏิวัติไม่ได้ โดยมีเฒ่าเปรมกาลี คอยหนุนอยู่เบื้องหลัง นี่แหละคือความแตกต่างของนายทหารที่เป็นประชาธิปไตย ที่เขายอมรับได้กับความพ่ายแพ้ในระบอบประชาธิปไตย ถ้าสร้างผลงานเข้าตาประชาชน ในอนาคตลงสมัครอีก ประชาชนก็คงเลือกเข้ามา แต่พวกทหารนักปฏิวัติ จอมเผด็จการ ไม่มีวันเสียล่ะที่จะลงเลือกตั้ง หรือเสนอตัวให้ประชาชนเลือกตามระบอบ สู้ใช้อาวุธของประชาชน เข้ามาปล้นประชาชน ไม่ได้ สบายกว่ากันเยอะ ให้ประชาชนด่าว่าอย่างไร มันก็จะหน้าด้านอยู่สมชายชาติทหาร จปร.เลว บางคน ที่ไม่ดูตัวอย่างที่ดีๆของนายทหาร จปร.รุ่นพี่คนอื่นๆ ที่ประชาชนยอมรับ ไอ้พวกไม่ยอมรับความจริงว่ามันพ่ายแพ้แล้วกับอคติในตัวของตัวเอง จะสร้างภาพคุณธรรมอย่างไร คนที่ดีเขาก็ไม่เชื่อ เพราะเขาไม่โง่ให้มาสนตะพายเขาได้


มันจะกร่างก็กร่างให้ตลอด เมื่อไหร่ที่มันพ้นตำแหน่งนี้แล้ว ประชาชนจะขอทวงเอาคืนพวกมันบ้าง แม้แต่พรรคประชาวิบัติ ก็อย่าหวังว่าจะช่วยเหลือพวกมันได้ คนเขาเสื่อมศรัทธากับพรรคนี้มานานแล้ว ทำตัวไม่เหมาะสมของคนที่มาเล่นการเมืองเลย ไร้ความจริงใจต่อประชาชน เอาแต่พวกตัวเองเป็นหลักในเรื่องผลประโยชน์ของพรรค ไม่เคยเห็นผลประโยชน์ของชาติมาก่อน ยำยำมากๆ ค่ะ

 


กูอยากนั่งบนภู ดูสมุนเหลี่ยมๆกระจอกๆอย่างมึงไปฟัดกับพวกสีเขียวแหละ สนุกดี กูชอบเห็นเลือด
บันทึกการเข้า

ton
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 137


« ตอบ #3 เมื่อ: 06-11-2007, 12:15 »

ปัญหาก็คือ พรรคที่ได้เป็นรัฐบาลก็จะอ้างแต่ความชอบธรรมจากเสียงที่เลือกตัวเข้าไป ไม่สนหรอกครับ ใครจะรับรองหรือไม่ เพราะฉะนั้น ไม่อยากให้พรรคไหนเป็นรัฐบาลก็ไปเลือกพรรคตรงข้าม
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 06-11-2007, 12:22 »

ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปเลือกพวกหน้าด้านไม่มีจริยธรรมสิครับ รวมพลังกันเลือกปชป.เอาไว้ก่อน พวกมันจะได้แห้วรับประทาน 
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 06-11-2007, 12:35 »

ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปเลือกพวกหน้าด้านไม่มีจริยธรรมสิครับ รวมพลังกันเลือกปชป.เอาไว้ก่อน พวกมันจะได้แห้วรับประทาน 
ปัญหาก็คือ พรรคที่ได้เป็นรัฐบาลก็จะอ้างแต่ความชอบธรรมจากเสียงที่เลือกตัวเข้าไป ไม่สนหรอกครับ ใครจะรับรองหรือไม่ เพราะฉะนั้น ไม่อยากให้พรรคไหนเป็นรัฐบาลก็ไปเลือกพรรคตรงข้าม

ถ้าการเลือกตั้ง คือการต้องจำใจเลือกเพื่อบล๊อกฝ่ายตรงข้าม ซึ่งรู้ๆกันอยู่ว่า มีความผิด 4 ข้อร้ายแรง แต่ไม่ได้ถูกลงโทษ แถมยังถูกปล่อยให้มาเพ่นพ่าน

มันคนละเรื่องเลยครับ คนผิด ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงต่อบ้านเมืองจะต้องถูกกำจัดให้สิ้นซากก่อน ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ  ไม่ใช่ปล่อยให้มีโอกาสมาลงเลือกตั้ง พอได้รับเลือกตั้งเสร็จแล้วก็พ้นผิดงั้นหรือ

แบบนี้คนที่ฆ่าคนตายไปในหมู่บ้าน แทนที่คุณจะจับมันไปลงโทษ แต่ดันปล่อยให้มันมาลงเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้าน แล้วมันได้เป็นผู้ใหญ่บ้านขึ้นมา แปลว่ามันพ้นผิดแล้วเหรอ ?

สมมติคุณเป็นนักกีฬา แล้วต้องลงแข่งกับทีมที่มันขี้โกง เล่นตุกติก คุณจะเสียเวลาลงไปเล่นกับมันเหรอ ?? เพื่ออะไร?

การเลือกตั้งไม่ใช่เครื่องมือฟอกคนผิดนะครับ
บันทึกการเข้า

คuสงขลาเกลียดเปรม
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13


« ตอบ #6 เมื่อ: 06-11-2007, 12:46 »

สังคมไทยวันนี้ กำลังเรียกร้อง ถามหาคุณธรรม จริยธรรม และการปฏิบัติตามกฎหมาย นักวิชาการ สื่อมวลชน นักธุรกิจ และกลุ่มผู้เสียประโยชน์จำนวนมาก ซึ่งอ้างว่าคณะของตนกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง ชอบธรรมเพื่อประเทศชาติ และประชาชนส่วนใหญ่ แต่ทว่าวิธีการที่ดำเนินการกลับใช้วิธีการนอกกฎหมาย วิธีการนอกระบบ มากดดัน และ ขับไล่ผู้ที่มาตามระบบ

ระบบประชาธิปไตยของเราจะเป็นเช่นไร หากว่านายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องพ้นจากตำแหน่ง และ ถูกขับไล่ด้วยวิธีการนอกระบบประชาธิปไตย เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี ที่มาจากการปฏิวัติ รัฐประหาร
หากนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง กับ นายกรัฐมนตรีมาจากการยึดอำนาจ ปฏิวัติ รัฐประหาร ต้องมีจุดจบเหมือนกัน ต่อไปใครจะเลือกแนวทางการเลือกตั้ง เพราะไม่มีหลักประกันใดๆ เลยว่าการปฏิบัติตามกฎหมาย จะได้รับการคุ้มครองจากกฎหมาย

ทุกอย่างล้วนแต่ขึ้นอยู่กับอารมณ์และกระแสสังคม มากกว่าความถูกต้องของกฎหมาย และหลักการของระบบประชาธิปไตย
ความไม่อดทน และไม่เรียนรู้ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย และนำปัญหาของบุคคล มาเป็นปัญหาของระบบ นำข้อด้อย ข้อเสียของบุคคล มาเป็นข้อด้อย ข้อเสียของระบบ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลายเป็นวัฒนธรรมทางการเมืองของคนไทย

จำได้ไหมครั้งหนึ่ง สังคมไทยเคยเบื่อหน่ายต่อพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ยอมรับให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อไปไม่ได้ แต่ยอมรับได้ และเชิดชูมากยิ่งขึ้น เมื่อพล.อ.เปรม เป็นองคมนตรี และรัฐบุรุษ และเป็นประธานองคมนตรี ในเวลาต่อมา

จำได้ไหมครั้งหนึ่ง เราเคยดูถูกดูแคลนคุณบรรหาร ศิลปอาชา ว่าเป็นนักการเมืองที่มีภาพพจน์ไม่ดี และไม่ยอมรับการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ของคุณบรรหาร มีการสร้างกระ แสขับไล่ แต่เมื่อคุณบรรหาร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กลับบอกว่าคุณบรรหาร เป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองที่น่าเคารพ ยกย่อง

จำได้ไหมครั้งหนึ่งเราเคยรักคุณชวน หลีกภัย เรียกร้องให้คุณชวน เป็นวีรบุรุษ กู้ชาติหลังภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ต่อมากลับมีการปลุกกระแสขับไล่คุณชวน หลีกภัย จนพรรคประชาธิปัตย์ ต้องพ่ายแพ้การเลือกตั้งต่อพรรคไทยรักไทย

จำได้ไหมครั้งหนึ่งเราชื่นชมพรรคไทยรักไทย ลงคะแนนเสียงให้มากถึง 11 ล้านเสียงและ 19 ล้านเสียง ในการเลือกตั้ง 2 ครั้งติดต่อกัน ซึ่งไม่เคยมีพรรคการเมืองใดทำได้มาก่อน แต่วันนี้ กลับมีการสร้างกระแสขับไล่หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่คนส่วนใหญ่เลือกมาให้เป็นนายกรัฐมนตรี เอง

ปรากฏการณ์เหล่านี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นวุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนในสังคม ไทย เลือกที่จะใช้วิธีการปลุกกระแส ขับไล่ กดดันนอกระบบ มากกว่าที่จะใช้วิธีการตามระบบประชาธิปไตย
การยื่นกระทู้ถาม การอภิปรายไม่ไว้วางใจ การเข้าชื่อถอดถอน การยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง การยื่นฟ้องผู้ตรวจการแผ่นดิน และอีกหลายวิธีการที่จะดำเนินการกับผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง
แต่ความไม่อดทน การไม่รอคอย การต้องการเห็นผลทันตา เป็นลักษณะเด่นของสังคมไทย ที่ผู้หวังประโยชน์ จากการล้มรัฐบาล ขับไล่นายกรัฐมนตรี ในแต่ละยุคสมัย เข้าใจเป็นอย่างดี และนำมาใช้ประโยชน์ได้เสมอ

ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ขบวนการโค่นล้มนายกรัฐมนตรี ก็ใช้วิธีการที่เคยใช้กันมาตลอด คือการปลุกระดมประชาชน การชุมนุมขับไล่นายกรัฐมนตรี และการยั่วยุให้เกิดการปะทะ เพื่อให้สถานการณ์การการเมืองตึงเครียด และกล่าวหารัฐบาลทำร้ายประชาชน ไม่มีความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศต่อไป ไม่มีความชอบธรรมที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป

แต่ทว่าครั้งนี้แตกต่างกว่าทุกครั้ง ตรงที่รัฐบาลนี้ นายกรัฐมนตรีคนนี้ มาจากการเลือกตั้ง หากถูกกดดัน ถูกไล่ออกจากตำแหน่งแล้ว จะออกไปด้วยวิธีใด และจะมีการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ ด้วยวิธีการเช่นใด จะมั่นใจได้อย่างไรว่าหากเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ได้รัฐบาลใหม่แล้ว จะไม่ถูกขับไล่จากผู้ไม่สมประโยชน์ ที่แอบอ้างประชาชน อีก
หลักการของคุณทักษิณ ชินวัตร ที่ยืนยันไม่ลาออกจากตำแหน่ง และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับผู้ขับไล่ ก็ไม่แตกต่างจากหลักการของคุณชวน หลีกภัย ที่เคยยืนยันไม่ออก ไม่ยุบ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เช่นกัน
คาถาเดียวของคุณชวน ก็คือ หากไม่พอใจผม ไม่ชอบธรรม เห็นว่าผมทำไม่ถูก ก็ไม่ต้องเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต้องเลือกผม
นั่นหมายความว่าคุณชวน ก็ใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อปกป้องตัวเองและรัฐบาลประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่แตกต่างจากคุณทักษิณ ที่บอกว่าผมมาตามระบบ มี 19 ล้านคนเลือกให้ผมมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ผมไม่มีเจตนาที่จะลาออก หากว่าประชาชนไม่พอใจ ไม่ชอบการทำงานของผม เลือกตั้งครั้งต่อไปก็ไม่ต้องเลือกผม ไม่ต้องเลือกพรรคไทยรักไทย
ถ้าประชาชนไม่เลือก ไม่ลงคะแนนให้ พรรคไทยรักไทยและทักษิณ ชินวัตร ก็ถึงกาลอวสาน

นี่คือระบบประชาธิปไตย นี่คือหลักการ และหัวใจของระบบประชาธิปไตย ที่ต้อง การให้นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง และให้ความสำคัญกับ “การเลือกตั้ง” ในแง่มุม หรือนัยยะ “การยอมรับของประชาชน” และ “การใช้อำนาจแทนประชาชนที่ไว้วางใจ” ไม่ใช่มองการเลือกตั้งเป็นเพียงวิธีการที่มาของตำแหน่ง เสมือนหนึ่งพิธีกรรม ดั่งเช่นที่มีการพูดกันประชาธิปไตย 4 วินาที ซึ่งพยายามจะอธิบายว่าประชาชนมีอำนาจเพียงแค่ 4 วินาทีในขณะที่กาบัตรลงคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการพยายามอธิบายให้เกิดการเข้าใจผิด และดูถูกการตัดสินใจของประชาชนที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อีกทั้งดูถูก ไม่เชื่อวิธีการควบ คุม วิธีการเพิกถอน วิธีการถอดถอน วิธีการลงโทษผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งสะท้อนได้ถึงวิธีคิด วิธีปฏิบัติของบุคคลนั้น ว่าเป็นผู้ไม่ยอมรับระบบและหลักการแห่งประชาธิปไตย ไม่ยอมรับการเลือกตั้ง ไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ

จึงไม่น่าแปลกใจที่ สนธิ ลิ้มทองกุล จะเคลื่อนไหวปลุกระดมขับไล่นายกรัฐมนตรี ด้วยวิธีการนอกระบบทั้งหมดทั้งมวลเท่าที่จะคิดหา และทำได้ เพราะสนธิ ไม่เคยเชื่อมั่นวิธีการในระบบมาแต่ต้น เนื่องจากตลอดชีวิตการทำงานของเขา อยู่ด้วยระบบอภิสิทธิ์ และ สิทธิพิเศษ มาโดยตลอด จนกระทั่งไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ ไม่มีอภิสิทธิ์ในชีวิต เนื่องจากรัฐบาลนี้ไม่ให้ เช่นที่รัฐบาลอื่นเคยให้ สนธิ จึงอดรนทนไม่ได้ ที่จะต้องใช้ชีวิตเช่นปกติชนทั่วไป จึงต้องขับเคลื่อนประชาชน ปลุกระดมประชาชนด้วยข้อความที่ทำให้เข้าใจผิดและเกลียดชัง มาขับไล่รัฐบาล สนธิ กำลังใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือเพื่อชำระแค้นทางการเมือง ทางธุรกิจ และชีวิตของตนเอง ด้วยวิธีการนอกระบบ แต่น่าแปลกใจสำหรับนักวิชาการ และ สมาชิกวุฒิสภาที่ใกล้หมดวาระในอีกไม่กี่วันข้างหน้าที่ไปรวมตัวกัน เข้าชื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก กลับอาศัยโอกาสนี้ผสมโรงเข้าไปด้วย ซึ่งไม่ต่างจากการสนับสนุนการเคลื่อนไหวของขบวนการนอกระบบ

นักวิชาการระดับปริญญาเอกจำนวนมาก และ สมาชิกวุฒิสภาจำนวนมาก ย่อมรู้ดี เข้าใจดีถึงหลักการของระบบประชาธิปไตย และความสำคัญของการเลือกตั้ง การอยู่ในอำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง มีนัยยะอย่างไรต่อระบบประชาธิปไตย อย่างยั่งยืน มิใช่ประชาธิปไตยแบบชั่วครั้งชั่วคราว หรือประชาธิปไตยแบบตามใจฉัน น่าประหลาดใจที่คณบดีรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็เป็นผู้หนึ่งที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวนอกระบบ สนับสนุนวิธีการที่ไม่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

หากการเคลื่อนไหว กดดันนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ประสบความสำเร็จ คงต้องบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ว่าเหตุแห่งการพ้นตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี มี “การพ้นไปเพราะประชา ชนขับไล่” ไว้ด้วย และตำรารัฐศาสตร์ ก็ต้องเขียนกันใหม่ ว่า นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งกับนายกรัฐมนตรีที่มาจากการแต่งตั้ง ต่างกันเพียงแต่วิธีการที่มา แต่ไม่แตกต่างในแง่ของความชอบธรรมที่จะได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ
ในเมื่อท่านทั้งหลายมีจุดมุ่งหมายที่แจ่มชัดเหลือเกินว่าต้องการขับไล่นายกรัฐ มนตรี ด้วยเหตุที่ไม่มีจริยธรรม ไม่มีคุณธรรม และไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย แล้วไยท่านจึงสนับสนุนวิธีการที่ขัดต่อกฎหมาย จึงสนับสนุนวิธีการที่มุ่งหมายให้ประชาชนออกมาเผชิญหน้า สนับสนุนวิธีการที่ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ ในเมื่อท่านใช้วิธีการหรือสับสนับสนุนวิธีการที่ไม่เป็นไปตามหลักการ และระบบประ ชาธิปไตย ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ท่านยังเข้าใจว่าท่านเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม อีกหรือไม่

ผู้ไม่รักษากฎหมาย ผู้ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ย่อมไม่อาจเรียกเป็นผู้มีคุณธรรม และยิ่งไม่อาจเรียกเป็นผู้มีจริยธรรม เพราะท่านกำลังละเมิดกฎกติกาของการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข สงบเรียบร้อยในสังคม ในเมื่อท่านมิอาจเรียกได้ว่าเป็นผู้มีคุณธรรม และมิอาจเรียกได้ว่าเป็นผู้มีจริยธรรม แล้วเหตุใดท่านจึงจะเรียกร้องให้ผู้อื่นมีจริยธรรม และมีคุณธรรม ตลอดจนการปฏิบัติตามกฎหมาย ก็ในเมื่อท่านยังไม่กระทำ แล้วท่านจะใช้สิทธิใดไปเรียกร้องผู้อื่นกระทำ

สิทธิแห่งความเป็นครูอาจารย์ ย่อมไม่ได้รับการยกเว้นเช่นบุคคลทั่วไปในสังคมที่เรียกขานตัวเองเป็นนิติรัฐมิใช่หรือ ตรงกันข้าม
ความเป็นครูอาจารย์ยิ่งเป็นสิ่งกำหนดกรอบและแนวปฏิบัติแก่ท่านชัดเจนว่าไม่ควรใช้วิธีการนอกระบบ หรือวิธีการที่กฎหมายมิได้กำหนดไว้ หรือท่านคิดจะใช้อาญาเถื่อนกำจัดสิ่งที่มาตามกฎหมายหากแต่ท่านเข้าใจว่าเป็นอาญาเถื่อน แต่ถึงกระนั้น ภาพ“อาญาเถื่อน”ที่ท่านมองเห็น ก็เป็นเพียงมุมมองของท่าน ยังมีมุมมองอีกหลายสิบล้านมุมมองที่อาจไม่เห็นเช่นเดียวกับท่าน

ท่านใช้สิทธิอันใด มาตัดสินว่ามุมมองหรือภาพที่ท่านเห็นเป็นมุมมองหรือภาพที่ถูก ต้อง โดยไม่สอบถามผู้อื่น ท่านพึงตระหนักว่าสิ่งที่ท่านกระทำในขณะนี้ จะเป็นบันทึกในประวัติศาสตร์ และจดจารไว้ในตำราเรียน เช่นเดียวกับเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 วันหนึ่งข้างหน้าท่านจะตอบคำถามนักเรียนของท่านได้อย่างไร ว่าหลักการแห่งประชาธิปไตย เป็นอย่างไร และการใช้วิธีการนอกระบบกำจัดผู้ที่มาตามระบบภายใต้กรอบแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่กระทำได้ใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนี้ แล้วเราจะยึดถือระบบประชาธิปไตยไปเพื่ออะไร เราจะเรียนรู้รัฐธรรมนูญไปเพื่ออะไร เราจะให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งไปเพื่ออะไร

บันทึกการเข้า
ton
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 137


« ตอบ #7 เมื่อ: 06-11-2007, 12:58 »

ถ้าการเลือกตั้ง คือการต้องจำใจเลือกเพื่อบล๊อกฝ่ายตรงข้าม ซึ่งรู้ๆกันอยู่ว่า มีความผิด 4 ข้อร้ายแรง แต่ไม่ได้ถูกลงโทษ แถมยังถูกปล่อยให้มาเพ่นพ่าน

มันคนละเรื่องเลยครับ คนผิด ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงต่อบ้านเมืองจะต้องถูกกำจัดให้สิ้นซากก่อน ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ  ไม่ใช่ปล่อยให้มีโอกาสมาลงเลือกตั้ง พอได้รับเลือกตั้งเสร็จแล้วก็พ้นผิดงั้นหรือ

แบบนี้คนที่ฆ่าคนตายไปในหมู่บ้าน แทนที่คุณจะจับมันไปลงโทษ แต่ดันปล่อยให้มันมาลงเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้าน แล้วมันได้เป็นผู้ใหญ่บ้านขึ้นมา แปลว่ามันพ้นผิดแล้วเหรอ ?

สมมติคุณเป็นนักกีฬา แล้วต้องลงแข่งกับทีมที่มันขี้โกง เล่นตุกติก คุณจะเสียเวลาลงไปเล่นกับมันเหรอ ?? เพื่ออะไร?

การเลือกตั้งไม่ใช่เครื่องมือฟอกคนผิดนะครับ


เห็นด้วยครับ ที่คนทำผิดต้องถูกลงโทษ ผมยังเคยสงสัยว่า รธน.40 ที่ว่าดีที่สุด ประชาธิปไตยที่สุด กลับมีบทลงโทษกรรมการบริหารพรรคที่ถูกยุบแค่ไม่ให้เป็นกรรมการบริหารพรรคใหม่ แต่ยังมี่ตำแหน่งทางการเมืองได้ ซึ่งเท่ากับว่าไม่ได้ลงโทษอะไรเลย โชคยังดีที่มีการแก้บทลงโทษใน รธน.50
แต่ในมื่อมาถึงขั้นนี้ เท่าที่ทำได้ก็คือ สกัดไม่ให้พวกหน้าด้านเหล่านี้มามีอำนาจเพื่อ นิรโทษกรรมตัวเอง
บันทึกการเข้า
ton
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 137


« ตอบ #8 เมื่อ: 06-11-2007, 13:14 »

ที่คุณ enjoy พิมพ์มาซะยาวเหยียดจะหาสาระได้ก็ต่อเมื่อ
คนไทยรับเงิน 200 บาท แล้วบอกว่า "รับมาแต่ไม่เลือกมันหรอก"
แต่ทุกวันนี้รับแล้วคิดว่าเป็นหนี้บุญคุณ ท่วมหัว

จึงต้องมีคนที่รู้เรื่องราวที่เป็นไป และรักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง คอยควบคุมนักการเมืองเลวเหล่านั้น ต้องไล่เมื่อมันโกงบ้านกินเมือง

19ล้านเสียงมาพร้อมกับคำว่า "ฝนห่าใหญ่" "เปลี่ยนกล่องใส่บัตรเลือกตั้ง"
ไม่เห็นพูดถึงเลือกตั้งครั้งล่าสุด ที่ลงสมัครคนเดียว ยังแพ้ ผี
บันทึกการเข้า
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #9 เมื่อ: 06-11-2007, 13:18 »

ยังไงๆก็ต้องไปใช้สิทธิ์ จะเลือกพรรคไหน
หรือไม่เลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง ก็ถือว่า ไม่ได้นอนหลับทับสิทธิ์ก็แล้วกัน.....เอิ้กกกก

 
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
คuสงขลาเกลียดเปรม
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13


« ตอบ #10 เมื่อ: 06-11-2007, 13:24 »

ยุทธศาสตร์การรบในขณะนี้ ต้องกำหนด "เป้าหมาย" ให้ถูกต้องชัดเจน

ในแง่ที่ทักษิณและพวกพ้องเป็นเป้าหมายแม้พวกเค้าจะมีปัญหา
แต่นั่นก็เป็นปัญหาทางการเมืองที่จะต้องใช้ระบอบเข้าแก้ไข
และต้องพยายามแก้กันไปตามระบอบประชาธิปไตยที่ควรจะเป็นตามครรลอง รัฐธรรมนูญปี 40

ไม่ใช่ทหารมาล้มโต๊ะ ล้มกระดานโดยการรัฐประหาร ซึ่งมีผลทำให้ 1 ปีที่ผ่านมา
ประเทศไทยย่ำเท้าอยู่กับที่และดูถอยหลังยิ่งกว่า "ฟิลิปปินส์"  เสียอีก
และเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่เขาไม่มีปัญหาทางการเมือง
แล้วตอนนี้ก็กลัวว่าพรรคเดิมจะได้กลับมาอีกก็ต้องพยายามกีดกันทุกวิถีทาง
ซึ่งไม่ใช่วิธีการของระบอบประชาธิปไตย


แต่ถ้าเป้าหมายเป็น "ศัตรูของระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง"
ต้องสนับสนุนทักษิณและพวกพ้องในการเข้ากำจัดพวก
"ศัตรูของระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง" เสียก่อน

และขณะนี้ จึงไม่มียุทธวิธีอื่น นอกจากการสนับสนุนทักษิณและพวกพ้อง
เพื่อโค่นล้ม "ศัตรูที่แท้จริงของระบอบประชาธิปไตย" ลงให้จงได้
แล้วจึงผลักดันให้เกิดการปฏิรูปการเมืองเพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชนอีกครั้งหนึ่ง

หากย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่ผ่านมา บรรดานักวิชาการที่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม
ได้ตั้งชื่อ "ระบอบทักษิณ"  ขึ้นมา เนื่องจากพวกเขามีความคิดคล้าย ๆ กับ
การทดลองความรู้ที่ได้เล่าเรียนมา มีลักษณะเลอะเทอะออกนอกลู่นอกทาง

โดยมิได้คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศไทย หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า
มีความประสงค์ร้ายต่อประเทศไทยก็ได้ เพราะว่า หนึ่งปีหลังการทำรัฐประหาร
หลายสิ่งหลายอย่างได้แสดงให้เห็นและกำลังจะให้เห็น
เป็นหลักฐานในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำลงไป

แม้นกระทั้งความพยายามที่จะให้ออก กฎหมายที่อ้างความมั่นคงของชาติ
เพื่อเอามาใช้กดขี่ประชาชน ก็เป็นหลักฐานยืนยันในความต้องการให้ประเทศนี้
ปกครองในระบบประชาธิปไตยจอมปลอม
ทั้งๆที่พวกเขาก็มิได้เคยเชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

สังเกตุได้จากการใช้ตรรกะของพวกเขา เริ่มตั้งแต่ อะไรก็ซื้อเสียง
การ ดูถูก ประชาชนไม่รู้จักประชาธิปไตยบ้าง !
ประเทศนี้่ยังไม่พร้อมที่จะมีประชาธิปไตยบ้าง !

ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นการส่อให้เห็นสันดานของผู้พูดมากกว่าความเป็นจริงที่เป็นรูปธรรม
และมาจนบัดนี้พวกเขาต้องตะลึงที่งนึกไม่ถึงในความเข้าใจของประชาชนไทย
ที่เข้าใจและต้องการให้มีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

หากแต่พวกเขา"กลัว"กำลังมวลชนลุกขึ้นมาทวงหาสิทธิเสรีภาพคืน ให้กับประเทศนี้
ทุกสิ่งที่พวกเขาได้กระทำลงไปก็เพราะ "ความกลัว" นั่นเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2007, 13:30 โดย enjoy » บันทึกการเข้า
ton
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 137


« ตอบ #11 เมื่อ: 06-11-2007, 13:54 »

แต่ถ้าเป้าหมายเป็น "ศัตรูของระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง"
ต้องสนับสนุนทักษิณและพวกพ้องในการเข้ากำจัดพวก
"ศัตรูของระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง" เสียก่อน

และขณะนี้ จึงไม่มียุทธวิธีอื่น นอกจากการสนับสนุนทักษิณและพวกพ้อง
เพื่อโค่นล้ม "ศัตรูที่แท้จริงของระบอบประชาธิปไตย" ลงให้จงได้
แล้วจึงผลักดันให้เกิดการปฏิรูปการเมืองเพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชนอีกครั้งหนึ่ง

 


พรรคไหนน้า โดนยุบพรรคด้วยข้อหาล้มล้างประชาธิปไตย หัวหน้าพรรครู้สึกจะชื่อทักษิณ 

จะให้พวก ล้มล้างประชาธิปไตย มากำจัด ศัตรูที่แท้จริงของระบอบประชาธิปไตย
แล้วมันจะกำจัดตัวเองได้ยังไงหว่า 

บันทึกการเข้า
คuสงขลาเกลียดเปรม
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13


« ตอบ #12 เมื่อ: 06-11-2007, 14:13 »

พรรคไหนน้า โดนยุบพรรคด้วยข้อหาล้มล้างประชาธิปไตย หัวหน้าพรรครู้สึกจะชื่อทักษิณ 

จะให้พวก ล้มล้างประชาธิปไตย มากำจัด ศัตรูที่แท้จริงของระบอบประชาธิปไตย
แล้วมันจะกำจัดตัวเองได้ยังไงหว่า 




ถ้าจะปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย ต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่คะ
ที่พวกนักวิชาการ(มั่ว) สื่อ  นักการเมือง ออกมาแถข้างๆคูๆ ก็เพื่อเบี่ยงประเด็น
มีนักกฎหมายระดับ ปรามาจารย์ของประเทศ บอกว่า ใครได้อำนาจรัฐ ก็ออกกฎหมาย อะไรก็ได้ ตามแต่ใจตัวเอง ออกกฎหมายให้มีผลย้อนหลังก็ได้  นิรโทษกรรมตัวเองก็ได้  แต่รัฐบาลทักษิณ ได้อำนาจรัฐโดยประชาชน ทำอะไรมันบอกผิดหมด   
บันทึกการเข้า
แอบอ่าน ซุ่มเงียบ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 249


stand, fight, live or die for what?


« ตอบ #13 เมื่อ: 06-11-2007, 14:22 »

ต้องไปครับ เพราะการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เป็นการยืนยันว่า เรายังคงต้องการ ระบอบประชาธิปไตย อยู่ครับ
ส่วนที่ว่าใช้สิทธิ์แล้ว ผลออกมา ไม่ได้เป็นตามที่เราอยากจะให้เป็น ก็เป็นอีกเรื่องหนี่ง
ถึงแม้เราจะมีทางเลือกน้อยเต็มทีในเวลานี้ ก็ต้องเลือกเอาทางเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่จะมีอยู่
เพื่อรักษาระบอบเอาไว้ รอวันที่เราจะมีทางเลือกมากมายและดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

อย่าลืมนะครับ ว่าระบอบประชาธิปไตย เป็นเพียงวิถีทางเดียวที่ให้คนทั่วไป(ที่ไม่มีเงิน ไม่เส้น และไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ) ยังพอจะมีที่ยืนอยู่ได้บ้างในสังคม

ส่วนเรื่องที่ว่าผลลัพธ์จะออกมาวุ่นวาย นองเลือด อะไรนั่น เป็นหน้าที่คนมีอำนาจต้องรับผิดชอบครับ
ไม่ใช่ให้ประชาชนอย่างผมไปรับผิดชอบ  ผมแค่ทำหน้าที่ของผมคือ ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
บันทึกการเข้า

IF YOU DON'T STAND FOR SOMETHING, YOU MIGHT FALL FOR ANYTHING.
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #14 เมื่อ: 06-11-2007, 14:23 »

ยุทธศาสตร์การรบในขณะนี้ ต้องกำหนด "เป้าหมาย" ให้ถูกต้องชัดเจน

ในแง่ที่ทักษิณและพวกพ้องเป็นเป้าหมายแม้พวกเค้าจะมีปัญหา
แต่นั่นก็เป็นปัญหาทางการเมืองที่จะต้องใช้ระบอบเข้าแก้ไข
และต้องพยายามแก้กันไปตามระบอบประชาธิปไตยที่ควรจะเป็นตามครรลอง รัฐธรรมนูญปี 40

ไม่ใช่ทหารมาล้มโต๊ะ ล้มกระดานโดยการรัฐประหาร ซึ่งมีผลทำให้ 1 ปีที่ผ่านมา
ประเทศไทยย่ำเท้าอยู่กับที่และดูถอยหลังยิ่งกว่า "ฟิลิปปินส์"  เสียอีก
และเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่เขาไม่มีปัญหาทางการเมือง
แล้วตอนนี้ก็กลัวว่าพรรคเดิมจะได้กลับมาอีกก็ต้องพยายามกีดกันทุกวิถีทาง
ซึ่งไม่ใช่วิธีการของระบอบประชาธิปไตย


แต่ถ้าเป้าหมายเป็น "ศัตรูของระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง"
ต้องสนับสนุนทักษิณและพวกพ้องในการเข้ากำจัดพวก
"ศัตรูของระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง" เสียก่อน

และขณะนี้ จึงไม่มียุทธวิธีอื่น นอกจากการสนับสนุนทักษิณและพวกพ้อง
เพื่อโค่นล้ม "ศัตรูที่แท้จริงของระบอบประชาธิปไตย" ลงให้จงได้
แล้วจึงผลักดันให้เกิดการปฏิรูปการเมืองเพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชนอีกครั้งหนึ่ง

หากย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่ผ่านมา บรรดานักวิชาการที่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม
ได้ตั้งชื่อ "ระบอบทักษิณ"  ขึ้นมา เนื่องจากพวกเขามีความคิดคล้าย ๆ กับ
การทดลองความรู้ที่ได้เล่าเรียนมา มีลักษณะเลอะเทอะออกนอกลู่นอกทาง

โดยมิได้คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศไทย หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า
มีความประสงค์ร้ายต่อประเทศไทยก็ได้ เพราะว่า หนึ่งปีหลังการทำรัฐประหาร
หลายสิ่งหลายอย่างได้แสดงให้เห็นและกำลังจะให้เห็น
เป็นหลักฐานในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำลงไป

แม้นกระทั้งความพยายามที่จะให้ออก กฎหมายที่อ้างความมั่นคงของชาติ
เพื่อเอามาใช้กดขี่ประชาชน ก็เป็นหลักฐานยืนยันในความต้องการให้ประเทศนี้
ปกครองในระบบประชาธิปไตยจอมปลอม
ทั้งๆที่พวกเขาก็มิได้เคยเชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

สังเกตุได้จากการใช้ตรรกะของพวกเขา เริ่มตั้งแต่ อะไรก็ซื้อเสียง
การ ดูถูก ประชาชนไม่รู้จักประชาธิปไตยบ้าง !
ประเทศนี้่ยังไม่พร้อมที่จะมีประชาธิปไตยบ้าง !

ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นการส่อให้เห็นสันดานของผู้พูดมากกว่าความเป็นจริงที่เป็นรูปธรรม
และมาจนบัดนี้พวกเขาต้องตะลึงที่งนึกไม่ถึงในความเข้าใจของประชาชนไทย
ที่เข้าใจและต้องการให้มีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

หากแต่พวกเขา"กลัว"กำลังมวลชนลุกขึ้นมาทวงหาสิทธิเสรีภาพคืน ให้กับประเทศนี้
ทุกสิ่งที่พวกเขาได้กระทำลงไปก็เพราะ "ความกลัว" นั่นเอง


อ่านในเนื้อความแล้วของดเว้นจะวิจารณ์ เพียงแต่ประทับใจในประโยคที่ว่าถึง ความกลัว

โดยเฉพาะถ้าอ่านทั้งประโยคที่ว่า

ทุกสิ่งที่พวกเขาได้กระทำลงไปก็เพราะ "ความกลัว"

ความกลัวนั้นก่อให้เกิดอะไรได้หลายอย่าง มีกระทั่งคนที่ฆ่าผู้อื่นเพราะความกลัว กลัวที่ตนเองจะถูกฆ่า

บ้างก็ชิงลงมือทำร้ายผู้อื่นเพราะความกลัว กลัวว่าเขาจะทำร้ายตนเอง จึงต้องชิงทำร้ายเขาเสียก่อน

คนบางคนถึงกับมุ่งหมายทำลายประเทศของตนเอง เพราะกลัวตนและลูกเมียจะติดคุกด้วยกรรมชั่วที่ก่อไว้

คนคนเดียวกันนั้นยังมุ่งหมายถึงทำลายสถาบันอันเป็นที่เคารพ เพราะความกลัว กลัวที่จะมีอำนาจอื่นเหนือตนเอง

มีภาษิตโบราณสอนไว้ว่า คนกล้าตายครั้งเดียว แต่คนขลาดตายหลายครั้ง

คนขลาดนั้นคือคนที่มีแต่ความกลัว กลัวแม้กระทั่งจะกลับมาสู้คดีที่ตนทำชั่วไว้ กลัวแม้กระทั่งความจริง

อยูกินฟิชแอนด์ชิบ(หาย) แถวลอนดอนนั้นน่ะดีแล้ว  
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: