จำนวนเงินที่ถูกอายัด 73000 ล้านบาท จะต้องจ่ายภาษีและค่าปรับจากการขายหุ้น
และยังมีความเสียหายอีกอย่างน้อยสองเรื่อง คือ
1. หวยบนดิน ประมาณ 38000 ล้านบาท
2. การแก้สัญญาสัมปทานและค่าโรมมิ่ง
นอกจาก ครม. จะต้องถูกดำเนินคดีอาญาแล้ว ยังอาจจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้แก่รัฐ
ถ้าหักจากเงินที่อายัดไว้ 73000 ล้านบาท แล้วยังไม่พอจ่าย
...............................................................................
ครม.แม้ว ระทึก คตส.นัดชี้มูลหวย ก่อนชง อสส.ฟันโดย ผู้จัดการออนไลน์ 2 พฤศจิกายน 2550 18:28 น.
อนุฯไต่สวน หวยบนดิน นัดสรุปชี้มูล 14 พ.ย.นี้ ก่อนชง อสส.ฟัน ลั่นโทษฐานยกเว้นภาษีถึงขั้นฟ้องแพ่ง-อาญา “อุดม” เผย ศาลสั่งยึดทรัพย์เงิน “แม้ว” ชดใช้คืนแผ่นดินได้ ชี้ หากไม่พอยึดทรัพย์อดีต ครม.เพิ่ม
วันนี้ (2 พ.ย.) ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2-3 ตัว หรือหวยบนดิน ที่มี นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส.เป็นประธาน ซึ่งการประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมสรุปประเด็นคำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหา ทั้งหมด 20 ประเด็น เป็นครั้งสุดท้าย
นายอุดม เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนฯได้พิจารณาครบ 20 ประเด็นแล้ว โดยในวันพุธที่ 14 พ.ย.ตนต้องสรุปเป็นรายงานเสนอเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวน เพื่อพิจารณาร่วมกันอีกครั้งเพื่อสรุปหาข้อยุติ หากไม่มีคณะอนุกรรมการคนใดทักท้วง ก็สามารถนำผลการสรุปดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่พิจารณา เพื่อส่งสำนวนส่งอัยการได้ในสัปดาห์ต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่า จำนวนผู้ถูกกล่าวหาจะลดลงจากเดิม 49 คน แต่คงไม่มาก ทั้งนี้ จะมีเพียงกลุ่ม ครม.บางคนเท่านั้น เนื่องจากคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาบางคนฟังขึ้น
นายอุดม กล่าวว่า คณะอนุกรรมการจะเสนอให้อัยการเอาผิดทั้งอาญาและทางแพ่ง โดยในส่วนโดยในส่วนของคดีอาญา จะเป็นข้อหาเจ้าพนักงานยักยอก สามารถเรียกค่าเสียหายคืนในทางอาญาได้ด้วยและถ้าศาลวินิจฉัยให้มีความผิด จริงก็จะสามารถเรียกร้องทางแพ่งที่เกี่ยวข้องกับภาษีได้ด้วย
“โทษหลักจะเป็นเรื่องภาษีมีโทษติดคุก ถึง 20 ปี เพราะการที่มีมติให้ยกเว้นจัดเก็บภาษีจะถือว่ามีโทษสูง ซึ่งการมีมติก็ถือว่าเป็นคำสั่ง เป็นคำบงการ โดยในคดีนี้ ครม.จะต้องรับผิดชอบเต็มๆ แต่บอร์ดกองสลากจะแยกความผิดออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนแรก บอร์ดที่มีมติอนุมัติให้มีหวยบนดิน จะถูกดำเนินการเต็มที่ ส่วนที่มาทีหลังก็ดูว่ามีส่วนอนุมัติเงินไปเท่าใดก็ต้องรับผิดชอบตามนั้น ซึ่งในส่วนของพล.ต.อ.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ถือว่าเป็นผอ.กองสลากที่มาทีหลังก็คงต้องรับผิดชอบในส่วนที่ได้อนุมัติไป แต่ละกลุ่มจะมีความผิดแต่ละมาตราไม่เหมือนกัน และบางส่วนจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมด้วย” นายอุดม กล่าว
เมื่อถามว่า อนุกรรมการจะขอให้ คตส.มีมติอายัดทรัพย์ด้วยหรือไม่ นายอุดม กล่าวว่า คงไม่ เพราะคตส.เคยมีมติอายัดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวไปแล้ว 7.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากศาลมีมีคำวินิจฉัยให้ยึดทรัพย์เพื่อนำมาชดใช้กรณีหวยบนดิน ก็สามารถนำเงินในส่วนที่คตส.อายัดไว้มาชดใช้ได้ ซึ่งหากยังไม่พอ ก็จะยึดทรัพย์บุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมจนกว่าจะครบ และหากยึดทรัพย์ได้ครบผู้ที่ถูกยึดก็ต้องไปไล่เบี้ยตามเก็บกับบุคคลที่ เกี่ยวข้องเอาเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับความเสียหายในการกระทำผิดทางอาญาของผู้ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกับพวก เป็นเงินทั้งสิ้น 37,970,389,640.06 บาท
http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000130527.......................................................................................................
“แก้วสรร” นัดชี้มูล “แม้ว” โรมมิ่ง รัฐเจ๊งแสน ล.ก่อนสิ้นเดือนนี้"โดย ผู้จัดการออนไลน์ 2 พฤศจิกายน 2550 18:39 น.
อนุฯไต่สวน “แม้ว” เอื้อประโยชน์ทับซ้อน รัฐเสียค่าโง่โครงการโรมมิ่งให้ “ทักษิณ” หมื่นล้าน รวมเบ็ดเสร็จแสนล้าน “แก้วสรร” เผยสรุปผลข้อเท็จจริง-ข้อกฎหมายคดีเอื้อประโยชน์เสร็จแล้วสรุปแน่ พ.ย.นี้
วันนี้ (2 พ.ย.) ในการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจโดยมิชอบในการออกมาตรการเพื่อเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจให้กับตนเอง และครอบครัวที่มี นายกล้านรงค์ จันทิก เป็นประธาน เพื่อสรุปผลการสอบสวนในแต่ละคดีที่อนุกรรมการพิจารณา
นายแก้วสรร อติโพธิ อนุกรรมการชุดดังกล่าว เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมวันนี้อนุกรรมการได้สรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเสร็จ สิ้นแล้ว และต่อจากนี้จะเข้าสู่การเขียนสรุปสำนวนความผิด ในเรื่องมาตรการเอื้อประโยชน์ต่างๆ ที่ คตส.สอบสวนเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการ ไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สู้คดีต่อไป โดยแต่ละคดีจะมีการสรุปภาพการสอบสวน ถึงที่มาของการตั้งมูลค่าความเสียหายไว้ชัดเจนด้วย ซึ่งจะสามารถสรุปเสร็จเสนอที่ประชุมใหญ่ได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้แน่นอน
มีรายงานข่าวจากอนุกรรมการ ว่า ที่ประชุมได้สรุปผลมูลค่าความเสียหายที่รัฐได้รับจากการสอบสวนกรณีโครงการ ต่างๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจโทรคมนาคมที่ครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งถือหุ้นในบริษัทโทรคมนาคมแห่งหนึ่ง ได้รับประโยชน์จากการออกมาตรการต่างๆ เช่น มติคณะรัฐมนตรี การออกพระราชกำหนด การออก พ.ร.บ.ต่างๆ ในสมัยรัฐบาลไทยรักไทยไว้แล้วรวมทั้งสิ้นเกือบ 1 แสนล้านบาท โดยในส่วนของการสรุปมูลค่าความเสียหายโครงการใหม่ที่อนุกรรมการได้ข้อสรุป แล้วในวันนี้ ก็คือ โครงการเชื่อมต่อระบบโทรศัพท์ หรือโรมมิ่ง ที่ คตส.สอบในเรื่องบริษัทเอกชนที่ได้รับสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่แห่งหนึ่ง หลบเลี่ยงไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาที่บริษัทเอกชนทำไว้กับหน่วยงานรัฐ ในเรื่องการต้องลงทุนสร้างเครือข่ายและอุปกรณ์การเชื่อมต่อโทรศัพท์ตามจุด ต่างๆ ทั่วประเทศให้ครบตามสัญญา โดยบริษัทดังกล่าวได้อาศัยช่องทางหลบเลี่ยงทางกฎหมายโดยไปร่วมมือกับบริษัท เอกชนบางแห่งขอแก้ไขสัญญาในการลงทุนสร้างอุปกรณ์ที่จะต้องส่งมอบให้กับรัฐ และส่งมอบอุปกรณ์ไม่ครบตามสัญญา ซึ่งอนุกรรมการพบว่ามูลค่าความเสียหายที่รัฐได้รับคิดเป็นมูลค่าตลอดทั้ง โครงการรวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท
http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000130528...