การเด็ดหัวนักการเมือง เคยมีจริง ๆ น่ะครับป๋าหมาก ระวังใว้หน่อยก็ดี ผมมีตัวอย่าง

[soco]

ศาลล้มละลายสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดพี่ชาย'เนวิน ชิดชอบ' ฉายา'แอ๊ดขาว'ผู้ต้องหาคดีจ้างวานฆ่าอดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่ยังหลบหนีหมายจับอยู่ ขณะที่ผู้ร่วมก่อคดีโดนศาลฎีกาสั่งจำคุกตลอดชีวิต บุกสำรวจบ้านเป็นห้องแถวปิดตายอยู่ใกล้โรงโม่ศิลาชัยของตระกูล'ชิดชอบ'


'ผู้สื่อข่าว'มติชนออนไลน์'รายงานเมื่อวันที่ 24 ตุลาคมว่า ราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมได้ลงประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดนายทีวศักดิ์ หรือทวีชัย ชิดชอบ พี่ชาย นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยในคดีที่บริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด ยื่นฟ้องนายทวีศักดิ์ ลูกหนี้ในคดีล้มละลาย

ประกาศเจ้าหน้าที่พิทักษืทรัพย์ระบุว่า นายทวีศักดิ์ มีบัตรประจำตัวประชาชนเลขที่ 3-3101-00933-50-7 อาชีพ ไม่ปรากฎ มีภูมิลำเนาอยู่เลขที่ 30/3 หมู่ 15 ต.อิสาณ อ.เมือง บุรีรัมย์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย 2483 ขั้นตอนในการพิทักษ์ทรัพย์ เป็นกระบวนการก่อนที่ศาลล้มละลายจะพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย หากในช่วงที่มีการพิทักษ์ทรัพย์เจ้าหนี้และลูกหนี้ ไม่สามารถประนีประนอมยอมความกันได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  สำหรับบ้านเลขที่30/3 ม. 15 บ.ศิลาชัย ต.อิสาณ  อ.เมือง จ.บุรีรัมย์  ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ระบุว่าเป็นที่อยู่ของนายทวีศักดิ์นั้นเป็นเพียงห้องแถวชั้นเดียวที่มีสภาพเก่าทรุดโทรม และปิดตายไม่มีผู้อยู่อาศัยมานานแล้ว โดยตั้งอยู่ในอาณาเขตของโรงโม่หินศิลาชัย ด้านหน้าปากทางเข้าโรงโม่หินศิลาชัย ใกล้กับสำนักงาน หจก.ศิลาชัย และอยู่ในบริเวณเดียวกันกับบ้านพักหลังใหญ่ของ นายชัย ชิดชอบ  บิดานายนายเนวินและนายทวีศักดิ์

นอกจากนี้จากการข้อมูลของฝ่ายงานทะเบียนราษฎร์อำเภอเมืองบุรีรัมย์  ยังพบว่าทะเบียนบ้านเลขที่ 30/3 ไม่มีชื่อบุคคลใดอยู่ในทะเบียนบ้านแล้วขณะนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทวีศักดิ์นั้น มีฉายาว่า' แอ๊ดขาว' เป็นผู้ต้องหาคดีจ้างวานฆ่านาย นายปณวัตร เลี้ยงผ่องพันธุ์ อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ คู่แข่งสำคัญของตระกูลชิดชอบในจ.บุรีรัมย์ซึ่งขณะนี้หลบหนีหมายจับอยู่ ขณะที่มือปืนและผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ 2 คนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้แล้วโดย นายชัยยศ หรือ อ๊อด รุ่งเจริญพร  มือปืน ศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2544 ยืนตามศาลชั้นต้น-อุทธรณ์ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตนายชัยยศ ในข้อหาพยายามฆ่า

ส่วนจำเลยอีกคนหนึ่งคือ นายบัญชา ตั้งรวยทรัพย์หรือโย แซ่ตั้งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้เมื่อต้นปี 2550 ที่ผ่านมาที่ลานจอดถรพัฒนาการคอมเพล็กซ์ หลังจากหลบหนีคดีอยู่นานกว่า 7 ปี

หลังจากถุกจับกุมนายบัญชาสารภาพว่า นายรับว่าจ้างจานายทวีศักดิ์ให้จัดหารถจักรยานยนต์วิบากให้โดยไปซื้อมาในรคาคา 17,000 บาทและขายให้นายทวีศักดิ์ 20,000 บาทซึ่งจักรยานยนต์คันดังกล่าวถูกนำไปใช้เป็นพาหนะในการยิงนายปณวัตร

สำหรับคดีลอบสังหารนายปณวัตรนั้นเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2542 ขณะนายปณวัตรพร้อมคนขับรถเดินทางออกจากรัฐสภา ซึ่งเวลานั้นมีการประชุมเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนายชวน หลีกภัย กลับที่พักจันทาพรอพาร์ตเมนต์ ซอยประดิพัทธ์ 15 เขตพญาไท กทม.

เมื่อนายปณวัตรลงจากรถมีมือปืนใส่ผ้าคาดหน้าเหมือนที่แพทย์ใช้อำพราง เข้ามาประกบใช้อาวุธปืนยิงใส่จากด้านหลังรวม 4 นัด ก่อนวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์แบบวิบาก ที่เพื่อนอีกคนจอดรออยู่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

นายปณวัตรแม้จะถูกยิงเข้าไปถึง 4 นัด แต่เพราะกระสุนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ แพทย์สามารถช่วยชีวิตไว้ได้

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=8449&catid=1
**************************************************

อย่าลืมถามลูกพรรคน่ะครับ ว่าพี่มันหนีไปไหน

[soco]

เอกสารชิ้นนี้ ไม่ลับ เพื่อประกอบกระทู้นี้ เท่านั้น

[soco]

"สมัคร"จิตปรุงแต่งถูกสั่งเด็ดหัว  
--------------------------------------------------------------------------------

โดย Post Digital 25 ตุลาคม 2550 11:41 น.

รมว.กลาโหม โยน คมช. ต้องสอบข้อเท็จจริงกรณีเอกสารลับ ไม่เชื่อสั่งเอาชีวิต"สมัคร สุนทรเวช" เย้ย จิตปรุงแต่งไปเอง


พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนเปิดเอกสารลับของคมช.ว่าต้องการสกัดขั้วอำนาจเก่าถึงขั้นเอาชีวิต ว่า เรื่องนี้ต้องให้คมช.ตรวจสอบข้อเท็จจริง ตนก็ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ ซึ่งเห็นแล้วเป็นเรื่องธรรมดาที่ทาง คมช.จะทำอย่างไรที่จะป้องกันไม่ให้อำนาจเก่ากลับมาถือเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งนี้เมื่อมีพระราชกฤษฎีกากฎหมายเลือกตั้งออกมาแล้วก็ต้องหยุด ทั้งนี้ ทางคมช.ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเอกสารดังกล่าวหลุดออกมาได้อย่างไร ใครเป็นคนทำ แต่ยังคงยืนยันเจตนาของ คมช.ว่า ไม่มีแนวคิดรังแกหรือทำร้ายใคร โดยเฉพาะกรณีที่นายสมัครกล่าวอ้างว่า มีคำสั่งการถึงขั้นเอาชีวิตนั้น ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน และมองว่าน่าจะเป็นเรื่องของจิตที่ปรุงแต่งไปเอง



พล.อ.บุญรอด กล่าวถึงกรณี หากกลุ่มอำนาจเก่าได้กลับมาบริหารประเทศอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง จะถือว่าการปฏิรูปการปกครองของ คมช.ล้มเหลวหรือไม่นั้น เห็นว่าการปฏิรูปการปกครองสำเร็จไปตามขั้นตอน แต่หากกลุ่มอำนาจเก่ากลับมา ก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย

http://www.posttoday.com/breakingnews.php?sec=breaking&id=199555
**********************************************************

[พรรณชมพู]

หมักหมม อาจปรุงแต่งจิตหลอกหลอนตนเอง เพราะภาพน้องนักศึกษาร่วมสถาบันที่ถูกฆ่าอย่างโหดร้ายกลางท้องสนามหลวง ที่ถูกหมักหมมยุแยงตะแคงรั่วโกหกคำโตว่าไม่ใช่คนไทย เป็นญวนเป็นแกว กลับมาหลอกหลอนให้สำนึกถึงกรรมที่ก่อไว้ และจะต้องชดใช้ในเร็ววันนี้ 

[Cherub Rock]

นายปณวัตรแม้จะถูกยิงเข้าไปถึง 4 นัด แต่เพราะกระสุนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ แพทย์สามารถช่วยชีวิตไว้ได้

 

[(ลุง)ถึก สไลเดอร์]

HEREขนาดนี้แล้ว ชาวบุรีรัมย ์ยังเลือกมันอยู่ได้อีกหรือคนในตระกูลนี้
 

[Scorpio6]

HEREขนาดนี้แล้ว ชาวบุรีรัมย ์ยังเลือกมันอยู่ได้อีกหรือคนในตระกูลนี้
 

ถึงพวกเขาจะ HERE แค่ใหนก็ยังไม่มีใครทำอะไรพวกเขาได้เลยลุง

[PastelSalad]

ถึงพวกเขาจะ HERE แค่ใหนก็ยังไม่มีใครทำอะไรพวกเขาได้เลยลุง

โอ้ย ถึงคนไม่เลือกก็ชนะอยู่ดี เล่นอุ้มนักศึกษาอาสาสังเกตการณ์เลือกตั้งไปทิ้งไว้กลางป่า ต้องให้ทหารออกหาเกือบสองวัน

การันตีชนะใส ใครมีปัญหาอ๊ะเปล่า ยี้ ฮ่า

[ดอกฟ้ากับหมาวัด]

จะรอดูวาระสุดท้าย ป๋าหมักหมมของคุณพรรณชมพู


 

[หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ]

กระทู้นี้ไม่ควรตก ขอยืม ข้อความของคุณ soco หน่อยนะครับ

[jerasak]

ไปเจอข่าว นายปณวัตร เลี้ยงผ่องพันธุ์ สส. ที่ถูกยิงไม่ตาย ต่อมาถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 7 ปีในคดีลอบขุดดินครับ
นายปณวัตร หลังถูกยิง จากที่เคยเป็น สส. 7 สมัย ก็สอบตก ย้านไปอยู่ ชาติไทย ก็ยังสอบตก จนกระทั่งโดนคดี

ถ้าไม่มีเรื่องนายปณวัตรถูกยิงในปี 42 จนโยงไปถึงกลุ่มชิดชอบ ป่านนี้ทั้งหมดอาจอยู่ประชาธิปัตย์ แทนไทยรักไทย
ประวัติศาสตร์การเมืองไทย อาจจะเป็นอีกแบบไปเลยก็ได้นะครับ ดังนั้นจึงเก็บมาให้อ่านกัน

http://news.sanook.com/crime/crime_38264.php

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เปิดเส้นทางอดีตส.ส.ปณวัตร เลี้ยงผ่องพันธุ์ รอดตายจากมือปืนจนมุมคดีลอบขุดดิน
โดย ข่าวสด วัน อาทิตย์ ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2549 02:06 น.
คอลัมน์ แฟ้มคดี

ชื่อของนายปณวัตร เลี้ยงผ่องพันธุ์ อดีตส.ส.บุรีรัมย์ 7 สมัย พรรคประชาธิปัตย์ หายเงียบจากแวดวงการเมืองไปพักใหญ่ หลังถูกรัศมีของตระกูล ชิดชอบ บดบังอย่างสิ้นเชิง

โดยเฉพาะเมื่อตระกูลชิดชอบเข้ามาอยู่สังกัดพรรคไทยรักไทย สามารถกวาดส.ส.ในบุรีรัมย์แทบยกจังหวัดได้หลายสมัย

นายปณวัตรเคยเป็นข่าวใหญ่เมื่อหลายปีก่อนสมัยตกเป็นเป้ากระสุนมือปืน ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยมือปืนถูกจับกุมและซัดทอดว่าผู้จ้างวานคือนายทวีศักดิ์ หรือทวีชัย ชิดชอบ พี่ชายนายเนวิน ชิดชอบ คือผู้บงการ

นับจากเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นนายปณวัตรดูเหมือนจะหายเงียบไป ลงสมัครส.ส.ก็สอบตก แม้ภายหลังจะย้ายจากพรรคประชาธิปัตย์มาอยู่กับพรรคชาติไทย ก็ยังไม่สามารถฝ่ากระแส ทักษิณฟีเวอร์ เข้ามาเป็นส.ส.บุรีรัมย์ได้อีกเลย

จนหลายปีผ่านไป ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันมานี้ นายปณวัตรตกเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง มิใช่ในฐานะเจ้าทุกข์ หากแต่ตกในฐานะ จำเลย!!!

เป็นจำเลยคดีทุจริตลักลอบขุดดินลูกรังในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) ป่าดงเค็ง บ้านจิกน้อย ม.4 ต.คูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ร่วมกับภรรยา และพี่ชาย รวมไปถึงพรรคพวกรวม 7 คน กับอีก 1 บริษัท

โดยเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมา คดีนี้เดินทางมาถึงบทสรุปในเบื้องต้นเมื่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์มีคำพิพากษาว่าจำเลยผิดจริงตัดสินลงโทษจำคุกคนละ 7 ปี และร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 22 ล้านบาทเศษ!!!

จุดเริ่มคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2547 สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เข้าร้องเรียนพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับนายแสวง เลี้ยงผ่องพันธุ์ กับพวกรวม 7 คน และ 1 บริษัท ซึ่งลักลอบเข้าไปขุดดินในเขตส.ป.ก.ซึ่งแจกจ่ายให้ชาวบ้าน รวมเนื้อที่ 141 ไร่ 2 งาน 61 ตารางวา ปริมาณดินลูกรังกว่า 458,300,000 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 22 ล้านบาท

ตำรวจสภ.อ.คูเมือง เข้าสอบสวนเรื่องนี้โดยมีพยานเป็นชาวบ้านซึ่งได้สิทธิ์บนที่ดินดังกล่าว ระบุว่าเห็นนายแสวง กับนายปณวัตร และจำเลยอื่นๆ มาสั่งการให้ขุดดินลูกรังออกจากพื้นที่มาตั้งแต่ปี 2533-2541

แต่ห้วงนั้นไม่มีใครกล้าขัดขวาง

อาจเป็นเพราะขณะนั้นนายแสวงมีตำแหน่งเป็นกำนัน ต.คูเมือง นางทอง เลี้ยงผ่องพันธุ์ ภรรยาเป็นส.จ. ขณะที่นายปณวัตรก็เป็นส.ส.

ต่อมาได้สรุปสำนวนการสอบสวนส่งให้อัยการจังหวัดบุรีรัมย์เพื่อพิจารณา โดยอัยการเห็นว่าเป็นคดีสำคัญ ตรวจสอบแล้วเสนอสำนวนไปยังอธิบดีอัยการเขต 3 เพื่อพิจารณา และมีคำสั่งฟ้องนายแสวง เลี้ยงผ่องพันธุ์ นายก อบต.คูเมือง จำเลยที่ 1 ห้างหุ้นส่วนจำกัดงบประมาณก่อสร้าง จำเลยที่ 2

ฐานความผิด ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด และการพาทรัพย์นั้นไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334, 335, 336 ทวิ และมีคำขอให้ศาลสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินกว่า 22 ล้านบาทด้วย


เมื่อคดีมาถึงมืออัยการมีคำสั่งให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 6 คน รวมทั้งนายปณวัตร ศาลประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2548 และให้มีการสืบพยานต่อเนื่อง โดยนายวิเชียร พรมพันธุ์ รองอัยการจังหวัดเป็นเจ้าของสำนวน สืบพยานโจทก์ 21 ปาก พยานฝ่ายจำเลย 17 ปาก เป็นเวลา 11 เดือนเต็ม

ตลอดเวลาที่มีการพิจารณาคดีได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง เพราะไม่บ่อยนักที่คนดังระดับอดีตส.ส.ถึง 7 สมัยจะถูกดำเนินคดีพร้อมกับญาติพี่น้อง ซึ่งล้วนแต่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงแทบจะยกตระกูลเช่นนี้

กระทั่งวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ผู้พิพากษาศาลบุรีรัมย์มีคำตัดสินออกมาว่าจำเลยที่ 1 และ 3-8 มีพยานหลักฐานชัดเจนว่ากระทำความผิดจริง ให้ลงโทษจำคุกคนละ 7 ปี ทั้งให้ร่วมกันชดใช้ราคาทรัพย์เป็นเงินจำนวน 22,604,715 บาท แก่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ผู้เสียหาย

ส่วนจำเลยที่ 2 ห้างหุ้นส่วนจำกัดงบประมาณก่อสร้าง โดยนายกาศ ลวดไธสง เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ยกฟ้อง เพราะพยานหลักฐานยังไม่ชัดเจนว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง หรือนำดินลูกรังที่จำเลยอื่นๆ ขุดไปใช้ประโยชน์ในการก่อสร้างใดหรือไม่

หลังเสร็จสิ้นการอ่านคำพิพากษา นายแสวงกับพวกทั้งหมดใช้หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินวงเงินคนละ 120,000 บาท ยื่นประกันตัวออกไปเพื่อสู้คดีต่อในชั้นอุทธรณ์ทันที

คดีดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากสำนักงานปฏิรูปที่ดินฯ สภ.อ.คูเมือง และที่สำคัญราษฎรบ้านจิกน้อย ม.4 ซึ่งเป็นเกษตรกรที่ทางส.ป.ก.ออกเอกสารสิทธิให้เข้าทำกินในที่ดินที่เกิดเหตุ มาเป็นพยานและติดตามการสืบคดีทั้งหมู่บ้านทุกนัดจนถึงวันที่ศาลอ่านคำพิพากษา ที่ทำให้การดำเนินคดีนี้เป็นไปอย่างรวดเร็ว นายวิเชียร รองอัยการจังหวัดบุรีรัมย์ เจ้าของสำนวน กล่าว

ด้านนายอรรถพล ใหญ่สว่าง โฆษกอัยการสำนักงานสูงสุด กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นการกระทำผิดต่อเนื่องเป็นเวลานาน และผู้กระทำความผิดมีหลายคนเข้าลักษณะมีอิทธิพล สำนักงานอัยการสูงสุดจึงมอบหมายให้อธิบดีอัยการฝ่ายคดีศาลสูงเขต 3 และอัยการศาลสูง จ.บุรีรัมย์ ตรวจสอบคำพิพากษาโดยละเอียดอีกครั้ง

อัยการจะเร่งพิจารณาว่าควรอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นในประเด็นโทษจำคุก ที่ศาลกำหนดไว้ว่าเหมาะสมกับความผิดหรือไม่ คาดว่าจะสามารถพิจารณาได้ภายในกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ คือ 30 วัน

แน่นอนว่าฝ่ายนายปณวัตร และพี่ชายคงยื่นอุทธรณ์ และสู้ถึงฎีกาแน่นอน!??
สำหรับคดีบุกรุกที่ส.ป.ก.ของตระกูลเลี้ยงผ่องพันธุ์ แม้จำเลยหลักจะเป็นนายแสวง แต่คนที่ได้รับความสนใจกลับไปอยู่ที่นายปณวัตร เนื่องจากเป็นนักการเมืองระดับชาติ และเคยเข้าไปนั่งในสภาถึง 7 สมัย

นายปณวัตรเป็นนักการเมืองที่มีเส้นทางโลดโผนอย่างยิ่ง โดยปักหลักซดหมัดกับตระกูล ชิดชอบ มายาวนานในเรื่องการเมือง และการสร้างบารมีในพื้นที่บุรีรัมย์

แม้ตระกูลชิดชอบจะถือว่ามีฐานเสียงไม่น้อยในพื้นที่ แต่ในห้วงแรกๆ กลับไม่สามารถเบียดนายปณวัตรตกจากเก้าอี้ส.ส.ได้

ทั้ง 2 ฝ่ายมีปัญหากันทุกครั้งที่เข้าฤดูเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นระดับท้องถิ่น หรือระดับชาติ

และการสาดน้ำลายใส่กันระหว่างหาเสียงเป็นหนึ่งในประเด็นที่นำมาสู่การลอบสังหารนายปณวัตรเมื่อปี 2542!??

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2542 นายปณวัตรในฐานะส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคนขับรถเดินทางออกจากรัฐสภา ซึ่งเวลานั้นมีการประชุมเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนายชวน หลีกภัย กลับที่พักจันทาพรอพาร์ตเมนต์ ซอยประดิพัทธ์ 15 เขตพญาไท กทม.

เมื่อนายปณวัตรลงจากรถมีมือปืนใส่ผ้าคาดหน้าเหมือนที่แพทย์ใช้อำพราง เข้ามาประกบใช้อาวุธปืนยิงใส่จากด้านหลังรวม 4 นัด ก่อนวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์แบบวิบาก ที่เพื่อนอีกคนจอดรออยู่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

นายปณวัตรแม้จะถูกยิงเข้าไปถึง 4 นัด แต่ชะตาไม่ถึงฆาต เพราะกระสุนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ แพทย์สามารถช่วยชีวิตไว้ได้

การลอบลงมือกับส.ส.รัฐบาลเป็นเรื่องไม่ธรรมดาแน่นอน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร. (ในขณะนั้น) ให้กองปราบปราม และนครบาลจัดทีมนักสืบมือดีร่วมกันทำงาน โดยมีพล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รองผบ.ตร. (ในขณะนั้น) คุมการสืบสวนสอบสวน

ในเวลาอันสั้นปริศนาก็ได้รับการคลี่คลายเมื่อตำรวจพบรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายทิ้งไว้ ซึ่งแม้จะมีการขูดหมายเลขเครื่องและตัวถังเพื่อทำลายเบาะแส แต่เนื่องจากรถวิบากนิยมใช้กันไม่มากนัก ตำรวจใช่เวลาไม่นานก็สืบหาที่มาได้

รถคันนี้มีคนซื้อเป็นอะไหล่และไปจ้างร้านประกอบ ผู้ซื้อคือ โย นักบิดนายบัญชา แซ่ตั้ง อดีตนักแข่งโมโตครอส หรือมอเตอร์ไซค์วิบากชื่อดังของเมืองไทย

พลันที่ชื่อ โย นักบิด ผุดขึ้นมา ทุกอย่างยิ่งชัดเจน เพราะโย นักบิดเป็นลูกน้องใกล้ชิดของ แอ๊ดขาวนายทวีศักดิ์ หรือทวีชัย ชิดชอบ พี่ชายนายเนวิน ชิดชอบ

จิ๊กซอว์ต่างๆ มาต่อกันอย่างรวดเร็ว เพราะแอ๊ดขาวมีลูกน้องติดตามคนหนึ่งคือนายชัยยศ หรืออ๊อด รุ่งเจริญพร มือปืนชื่อดัง เมื่อนำภาพมาให้พยานดูก็ยืนยันว่าเป็นมือปืนที่ยิงนายปณวัตร!??
นายชัยยศถือว่าไม่ธรรมดา เป็นมือปืนระดับแถวหน้าของภาคอีสาน เรื่องใจไม่ต้องพูดถึง เพราะเคยต้องคดีพยายามฆ่า เล้ง ขอนแก่น เจ้าพ่อภาคอีสานมาแล้วเมื่อปี 2533 แม้จะทำไม่สำเร็จแต่ชื่อชั้นก็พุ่งพรวดๆ

หลังจากรวบรวมหลักฐานได้มากพอตำรวจก็ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องทั้งนายชัยยศ, แอ๊ดขาว และโย นักบิด ก่อนที่จะติดตามจับกุมนายชัยยศ ได้เพียงคนเดียว ซึ่งให้การสารภาพและซัดทอดผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

ส่วนสาเหตุมาจากเรื่องที่นายปณวัตรเคยพูดจาเยาะเย้ยนายชัย เมื่อครั้งหาเสียงเลือกตั้ง

จากคดีนี้ทำให้นายเนวิน และนายชัย บิดา พลอยสะเทือนไปด้วย แผนที่วางไว้ว่าจะเข้าสังกัดพรรคประชาธิปัตย์เป็นหมันในทันที

ทว่ากลับกลายเป็นเรื่องดีเนื่องจากนายเนวินพากลุ่มบุรีรัมย์เข้าพรรคไทยรักไทย อาศัยช่วง ทักษิณฟีเวอร์ กวาดส.ส.ได้เป็นกอบเป็นกำ และยังเขี่ยนายปณวัตรให้กลายเป็นอดีตส.ส.ในที่สุด

ตำรวจตัดสินใจส่งฟ้องนายชัยยศเพียงคนเดียว เนื่องจากยังตามหาผู้ต้องหาที่เหลือไม่ได้ ยิ่งเมื่อพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาลติดต่อกันถึง 5 ปีเศษ ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า

นายชัยยศถูกส่งฟ้องศาลและมีการพิจารณาคดีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับให้การสารภาพจึงใช้เวลาไม่นานนักในการพิจารณาครบ 3 ศาล

วันที่ 20 กรกฎาคม 2544 ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น-อุทธรณ์ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตนายชัยยศ ในข้อหาพยายามฆ่า

ส่วนนายปณวัตร หลังต้องพ่ายกระแส ทักษิณฟีเวอร์ สอบตกหลายสมัยติดต่อกัน ก็เริ่มเงียบหายไปจากวงการเมือง

ก่อนที่จะตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อถูกศาลบุรีรัมย์จำคุก 7 ปีในที่สุด!!!

[Can ไทเมือง]

การเมืองไทยก็แค่นี้แหละครับ เตะหมูเข้าปาก***

ไล่***ไป จั***มา

[ปรมาจารย์เจได]

การเมืองไทยก็แค่นี้แหละครับ เตะหมูเข้าปาก***

ไล่***ไป จั***มา

บ้านเรายังมีตั้งสองคนแหนะ ว่าป่ะลุง คนก็กาอยู่นั่นแหละ