การสไตร๊ค์ในอดีตของสหภาพรถไฟฯ มักจะไม่กระทบการให้บริการ-ไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน แต่การนัดหยุดงานครั้งนี้ เกิดขึ้นเฉียบพลัน มีประสิทธิภาพสูง มีการวางแผนรัดกุม ไม่มีใครระแคะระคายเพื่อหาทางประนีประนอมก่อนล่วงหน้า... จึงนำมาสู่ความเคลือบแคลง
การออกมาเรียกร้องของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.ร.ฟ.ท.) โดยอ้างเหตุการลาป่วยของพนักงานขับรถและช่างเครื่องกว่า 400 คน ทำให้ขบวนรถไฟทั่วประเทศต้องหยุดชะงัก ตั้งแต่กลางดึกของคืนวันที่ 30 และต่อเนื่องวันที่ 31 ตุลาคม ถือว่ามีความผิดปกติ และแตกต่างจากกระบวนการสไตร๊ค์ในอดีตของสหภาพรถไฟฯ
ที่แตกต่างคือ ก่อนหยุดงานจะต้องมีการยื่นข้อเรียกร้องให้ฝ่ายบริหารรับทราบเพื่อเปิดการเจรจา หรือแม้ว่าการเจรจาไม่สามารถหาข้อยุติได้ แต่การหยุดงานมักจะไม่กระทบต่อการให้บริการและไม่ทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อน
ขณะที่การนัดหยุดงานครั้งนี้ เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันแต่มีประสิทธิภาพสูง จากการวางแผนอย่างรัดกุม ไม่มีใครระแคะระคายเพื่อหาทางประนีประนอมก่อนล่วงหน้า
และที่น่าสนใจกว่านั้น เมื่อกางประเด็นการเรียกร้อง 6 ข้อ ที่ สร.ร.ฟ.ท.แถลงออกมา ดูเหมือนจะเป็นเงื่อนไขเดิมๆ ที่เคยมีการพูดจาและมีการชี้แจงจากฝ่ายบริหารมาแล้วก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการแก้ไข พ.ร.บ.การรถไฟแห่งประเทศไทย 2494 ซึ่ง สร.ร.ฟ.ท. อ้างว่าเป็นเจตนารองรับการแปรรูป ร.ฟ.ท. ทั้งที่เนื้อแท้เป็นการปรับโครงสร้างการบริหารองค์กร เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและเพิ่มรายได้ของ ร.ฟ.ท.เอง
ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมยอมรับ เพราะหน่วยงานแห่งนี้ขาดทุนบักโกรกมาอย่างต่อเนื่อง
ที่สำคัญ เมื่อเทียบเคียงข้อเรียกร้องดังกล่าว ช่างบังเอิญว่าสอดคล้องกับสิ่งที่คณะกรรมาธิการการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มี พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน เป็นประธาน ไม้เบื่อไม้เมาทั้งกับ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม และนายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รมช.คมนาคม ให้ข่าวออกมาตลอดเวลา
และยิ่งบังเอิญมากขึ้น เมื่อพบว่าแกนนำ สร.กฟผ. และประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม ล้วนมีความใกล้ชิดกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
การนัดหยุดงานครั้งนี้จึงนำมาสู่ความเคลือบแคลงว่า ชอบธรรมและเกิดขึ้นเพื่อรักษาผลประโยชน์ของพนักงาน ร.ฟ.ท.
หรือแค่จะเปิดทางให้ใครบางคนที่เคยเคลื่อนไหวแล้วถูกสยบไปก่อนหน้านี้ ได้กลับมามีบทบาทอีกครั้ง
เพื่อสร้างอำนาจต่อรองบางอย่าง!!
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=9230&catid=25มันไม่ใช่ความเดือดร้อนโดยตรงของพนักงานรถไฟ แต่เป็นเกมส์การเมืองของบางคนที่ทำแล้วเข้าทางพันธมิตร
โชว์พาวเวอร์หยุดรถเฉยๆ เพื่อต่อรองโดยไม่สนว่าใครจะเดือดร้อน หรือว่าปีนี้เป็นปีอะไร พวกนี้ถ้าไม่เคยเป็นลิ่ว
ล้อทหารแต่ขัดผลประโยชน์คงไม่กล้าทำแบบนี้ เหมือนกับมั่นใจว่ามีคนหนุนหลัง แม้ว่าประชาชนเดือดร้อนและ
เหตุผลหกข้อมันอ่อนด้อย ก็ยังมั่นใจว่าสไตร๊ค์แล้วไม่มีใครกล้าเอาผิดได้ นี่แหละการปกครองระบอบเผด็จการ
ทหารที่ต้องพึ่งพาพวกเลวทุกชนิดเป็นแนวร่วม สุดท้ายเมื่อคุมไม่ได้ก็หันมาฟัดกันเอง