Can ไทเมือง
|
|
« เมื่อ: 26-10-2007, 09:47 » |
|
ช่วยคิดหน่อยสิ ทำไมเมืองไทยต้องมีพรรคการเมือง 5-60 พรรค
แล้วต้องมาให้ กกต. หาเวลาทีวี ให้โฆษณาหาเสียงให้ผมว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดซักอย่าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 26-10-2007, 09:50 » |
|
ตอนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ก็เห็นจำอวด ออกทีวีกันทั่วหน้า
ก่อนโน้น ก็มีพรรคอะไรก็ไม่รู้ จะแก้ไขรถติดด้วยการเปิดไฟเขียวทุกสี่แยก
ห้ามมีไฟแดง...ว่าไปโน่น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอบอ่าน ซุ่มเงียบ
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 26-10-2007, 10:05 » |
|
ผมก็ไม่รู้คำตอบหรอกครับ แต่อยากจะเล่าเรื่องให้ฟังว่า ที่ตลาดนัดแถวบ้านผมก็มีการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเหมือนกัน คนจัดตั้งมี 2 คน คือ ผู้นำชุมชนที่เป็นเจ้าของร้านขายแก๊สและเก็บค่าเช้าที่ตลาดนัดให้กับเจ้าของที่ ร่วมกับเพื่อนที่เป็นทนายความแต่ไม่ได้ว่าความ เพราะอาชีพหลักคือ ขายประกัน กับ รับตามทวงหนี้บัตรเครดิต คนดูแลพรรคหรือเลขาธิการ ก็คือเมียผู้คอยช่วยเก็บค่าเช่าที่ตลาดนัด ผู้ซึ่งเปลี่ยนคำ ราชกิจจานุเบกษา เป็น หนังสืออุเบกขา ทุกครั้งที่พูด จุดประสงค์หลักของพรรคที่แกบอกผม คือ ตั้งพรรคจะได้รับเงินช่วยเหลืออุดหนุนจากรัฐบาล เป็นเรื่องจริงที่ฟังกันขำๆก็แล้วกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
IF YOU DON'T STAND FOR SOMETHING, YOU MIGHT FALL FOR ANYTHING.
|
|
|
เล่าปี๋
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 26-10-2007, 10:17 » |
|
ลุงแคนครับ มีทางเป็นไปได้ไหมครับ ที่จดทะเบียนพรรค
ไว้ขาย พวกที่พรรคโดนยุบ การขัดผลประโยชน์กัน ฯลฯ
สภาโดนยุบจะได้ ซื้อพรรคเล็กพรรคน้อย เอามาใช้ได้ทัน
บางทีบางพรรคผมคิดว่า เจ้าของเดียวกัน แต่มีหลายพรรคก็เป็นได้ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว ไม่พราวไสว หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น พลันมืดมัว....
|
|
|
eAT
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 26-10-2007, 10:20 » |
|
ช่ายครับ พรรคเยอะมี 2 ประการใหญ่ๆ 1. เอาเงินสนับสนุน 2. อยากออกทีวี
นี่ก็ผ่านไปหลายปีแล้ว ยังไม่มีวิธีการป้องการ เงินสนับสนุนพรรครั่วไหล เลยหรือ ถ้าไม่มีทาง ตัดเงินส่วนนี้ทิ้งไปเถอะ ภาษีเราทั้งนั้น เอไปปู้ยี่ปู้ยำ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Cherub Rock
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 26-10-2007, 18:46 » |
|
ที่ผมสังเกตคือพรรคการเมืองยังเป็นสมบัติส่วนตัวของคนหยิบมือเดียว สมาชิกตัวเล็กตัวน้อยไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงกับการทำงานของพรรคเท่าไหร่ ขนาดระดับ กก พรรคหรือรองหัวหน้ายังเกิดเรื่องแบบนี้ได้ อย่างกรณี ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงษ์ศักดิ์(ปชป) กับชูวิทย์(ชาติไทย)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 26-10-2007, 19:20 » |
|
ความสัมพันธ์ของสมาชิกพรรค กับ พรรคหรือกรรมการบริหารพรรค อยู่ในระดับต่ำมาก
ประชาธิปไตย ระบบพรรค มันจึงไม่พัฒนา
กฎหมายพรรคการเมือง ก็ทำขึ้นเพียงแค่ให้มันดูเป็นกฎหมาย
หาได้คิดพัฒนาให้พรรคการเมืองคือตัวแทนของสมาชิก หรือ ตัดสินใจตามความต้องการของสมาชิก
การหารายชื่อผู้สนับสนุน ก็ไม่ได้นำเสนอแนวคิดอย่างจริงจัง รายชื่อสมาชิก ก็แค่ดูว่ามีคนรับรองมากน้อยแค่ใหน
กฎหมายที่เขียนไว้หรู ๆ แต่ไม่คิดทำให้พรรคการเมืองมีความเป็นที่รวมของกลุ่มบุคคลอย่างแท้จริง
พวกพรรครับจ้างลงสมัคร เหมือนเมื่อคราวเลือกตั้งโมฆะ จึงเกิดเป็นดอกเห็ด
การบริหารงานก็อยู่ในมือคนไม่กี่คน ที่สามารถดำเนินการได้
ง่ายพอ ๆ กับการจดทะเบียนบริษัท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
soco
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 26-10-2007, 19:44 » |
|
แก้ข้อเดียวก็พอครับ ต้องมีรายชื่อสมาชิกพรรค แนบมาพร้อมกัน ( กี่คนก็ว่าอีกรอบ แต่ไม่ใช่ห้าคน สิบคน ก็รับจดได้แล้ว ) ไม่ต้องรอให้ หนึ่งปีหาสมาชิกครบ ห้าพันคน ไม่งั้น พวกที่คิดไม่ซื่อ ก็ไปจดใว้โก้ ๆ แล้วเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง แจกนามบัตรพร้อม หนึ่งปี เท่ห์มั๊ยยยยยย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
สมปอง
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 26-10-2007, 19:52 » |
|
พรรคทรงเหลี่ยม กับ พรรคทรงกลมก็ได้ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่มีดินผืนใดให้ไออุ่น เท่ากับดินที่คุณถือกำเนิด ไม่มีดินผืนใดดูมั่นคง เท่ากับดินที่ลงสำมะโนครัว ไม่มีดินผืนใดให้คุณเดิน เท่ากับดินที่คุณเดินตอนตั้งไข่ ไม่มีดินผืนใดมีความหมาย เท่าแผ่นดินสุดท้ายของเผ่าพันธุ์ ไม่มีเงินไม่มีทองยังไม่หมองเศร้า มีแผ่นดินปลูกข้าวเราอยู่ได้ ไม่มีเงินไม่มีทองค่อยหาใหม่ บนแผ่นดินสุดท้ายของไทยทุกคน
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 26-10-2007, 19:55 » |
|
พวกเรารู้สึกมั๊ยว่า การจดทะเบียนตั้งพรรคการเมือง ทำไมมันหมูขนาดนั้น
หาผู้คน 50 คน ไปยื่นคำขอ มีรายละเอียดเล็กๆ น้อย ๆ
พวกนักการเมือง ขี้หมา ก็ออกมาประกาศส่งคนลงเลือกตั้ง
ผมว่ามันง่ายไปหน่อยนะ รู้สึกว่า ความหมายของ "พรรคการเมือง" ในแง่นี้ มันตีความได้ยังไงบ้าง
มองอีกแง่หนึ่ง เหมือนเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว ยังไงยังงั้น
อีก 1 ปี ค่อยหารายชื่อคน 5,000 คน ไปยื่นอีกที เพื่ออะไรครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Cherub Rock
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 26-10-2007, 20:05 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
|
|
|
|
Cherub Rock
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 26-10-2007, 20:18 » |
|
ดูคร่าวๆ ของอเมริกา บทบาทของแต่ละพรรคว่าจะมีสิทธิ์ส่งผู้สมัครประธานาธิปดีขึ้นอยู่กับระบบ Ballot Access ในแต่ละรัฐ คือต้องประสบความสำเร็จจากการเมืองระดับท้องถิ่นก่อน ไม่ใช่อยู่ๆ จะเข้าแข่งระดับชาติได้ทันที http://en.wikipedia.org/wiki/Ballot_access
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 26-10-2007, 20:28 » |
|
ประเด็น สร้างการยอมรับระดับท้องถิ่นมาก่อนนี่แหละครับ คือหัวใจของการทำพรรคการเมือง
กว่าจะไปถึงระดับชาติได้ มันต้องมีกระบวนการคัดสรร หรือสร้างผลงานมาก่อน
การหาเสียงในระดับชุมชน จังหวัด ภาค หรือประเทศมันก็ค่อยเป็นค่อยไป
ไม่ใช่ว่า คน 100-200 คน ที่มีชื่อเสียง มีเงิน สามารถจ้างทีมงานประชามพันธ์ได้
ก็มาตั้งพรรคการเมืองแล้วลงสมัครระดับชาติ ในทันที
แบบนี้ไปไม่รอดครับ เพราะมันไม่ได้เชื่อมโยงกับประชาชนตรงใหน
กว่า นายทะเบียนจะทวงรายชื่อ 5,000 คน ที่เป็นสมาชิก ก็อีก 1 ปี ข้างหน้า
ผมถึงบอกว่าตรงนี้เป็นจุดอ่อนมาก ๆ ในระบบการก่อตั้งพรรคการเมืองเพื่อเข้าไปสู้อำนาจการปกครองประเทศ
ประเทศนี้มันบ้า ๆ แค่จะหา "หัว" ของพรรคการเมืองก็ปิดแล้วปิดอีก ไม่กล้าจะประกาศแม้ตัวหัวหน้าพรรค
ผมว่ามันบ้ากันทั้งก๊ก ทั้งก๊วน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอบอ่าน ซุ่มเงียบ
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 26-10-2007, 21:29 » |
|
ผมคิดเอาเองนะครับว่า เป็นเพราะระบบการเมืองของเรา มันไม่เอื้อให้คนดี มีความรู้ ความสามารถ จะเข้ามาทำ ระบบอุปถัมภ์ทำให้โอกาสที่จะประสพความสำเร็จมันน้อยเต็มที สู้เอาเวลาและความสามารถไปทำมาหากินสร้างเนื้อสร้างตัวดีกว่า ทำให้การจัดตั้งพรรคการเมือง จึงเป็นช่องทางทำมาหากินของคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เห็นๆกันอยู่ว่าเข้ามาก็เพื่อต้องการสร้างเนื้อสร้างตัวเหมือนกันแหละ พูดถึง พรรคตลาดนัดแถวบ้านผมแล้วคันปาก ขอเมาท์ต่ออีกหน่อย เมื่อเย็นวานแวะไปซื้อกับข้าว พอดีได้เจอท่านประธานพรรคกำลังยืนจัดระเบียบที่จอดรถมอเตอร์ไซค์อยู่เลยแวะทักทาย ท่านประธานพรรคก็บอกให้ผมช่วยหาโรงพิมพ์ที่พอจะคุยกันได้มาช่วยจัดพิมพ์เอกสารและโปสเตอร์ของพรรคให้หน่อย เดี๋ยวมีแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ ผมว่า กิจกรรมพวกนี้จะต้องเอาไปเบิกเงินสนับสนุนได้แหงๆเลย น่ารักจริงๆเชียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
IF YOU DON'T STAND FOR SOMETHING, YOU MIGHT FALL FOR ANYTHING.
|
|
|
เล่าปี๋
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 26-10-2007, 22:02 » |
|
ความคิดเห็นของผมนะครับ ลุงแคน ออก กฎหมายใหม่ได้ไหมครับ พรรคการเมืองไหนที่จะสมัคร กันใหม่เนี่ย เริ่มต้นวันสมัคร นี่จะต้องมีสมาชิกรวมกัน ให้ได้ 5000 คนเลยครับ แล้วนับ ต่อไปอีก 180 วัน หรือ 6 เดือน จะต้องหาสมาชิกมาเพิ่มให้ ได้ครบอย่างน้อย 50000 คน ถึงจะถือว่าเป็นพรรคที่สมบูรณ์ แบบ แล้วอนึ่งในการเลือกตั้งครั้งหนึ่งๆ จะต้องส่งสมาชิกลง สมัครรับเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่า 80% ของจำนวน สส. ที่ทางชาติ ต้องการ (ไม่ทราบว่าข้อกำหนดนี้ยังมีอยู่ไหมครับ) จำได้ว่าเคยมี ที่พรรคการเมืองต้องส่งสมาชิกลง สมัครเลือกตั้ง จำนวนไม่น้อย กว่าครึ่งหนึ่ง ของผู้ที่จะมาเป็น สส. แล้วเรื่องเงินอุดหนุนพรรคการเมือง รัฐจะยกเลิกไป หรือว่าจะ จ่ายให้หลังเลือกตั้ง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว ไม่พราวไสว หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น พลันมืดมัว....
|
|
|
ปรมาจารย์เจได
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 26-10-2007, 23:50 » |
|
พวกเรารู้สึกมั๊ยว่า การจดทะเบียนตั้งพรรคการเมือง ทำไมมันหมูขนาดนั้น
หาผู้คน 50 คน ไปยื่นคำขอ มีรายละเอียดเล็กๆ น้อย ๆ
พวกนักการเมือง ขี้หมา ก็ออกมาประกาศส่งคนลงเลือกตั้ง
ผมว่ามันง่ายไปหน่อยนะ รู้สึกว่า ความหมายของ "พรรคการเมือง" ในแง่นี้ มันตีความได้ยังไงบ้าง
มองอีกแง่หนึ่ง เหมือนเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว ยังไงยังงั้น
อีก 1 ปี ค่อยหารายชื่อคน 5,000 คน ไปยื่นอีกที เพื่ออะไรครับ
ไปตั้งพรรคอีสานคลาสสิคกันมั้ยลุง ๕๕
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Cherub Rock
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 27-10-2007, 00:16 » |
|
อีกอย่างผมว่าในพรรคการเมืองก็ต้องมีวัฒนธรรมองค์กรแบบประชาธิปไตยเองก่อน ไม่ใช่รวบอำนาจอยู่ที่หัวหน้า เมียหัวหน้า หรือนายทุนพรรคเท่านั้น ในพรรคเองถ้าเป็นเผด็จการ จะไปทำการเมืองของชาติให้เป็นประชาธิปไตยคงเป็นไปไม่ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 27-10-2007, 00:25 » |
|
ยังไงดีล่ะ ประเทศเรามันชอบตั้งพรรคจากส่วนบนลงล่าง คนทำกฎหมายพรรคการเมืองก็ไปเพ่งเล็งตรงนั้น คือแทนที่จะให้พรรคการเมืองมันเริ่มที่ส่วนล่างจากประชาชนจริง ๆ จากฐาน หมู่บ้าน ตำบล ชุมชนเมือง แล้วค่อย ๆ รวบรวมขึ้นไปเป็นระดับชาติ เพราะการเมืองท้องถิ่น ควรจะเป็นฐานของการเมืองระดับชาติ สาขาพรรคก็ทำให้มันมีความเคลื่อนไหว
หากจะทำการเมือง มันต้องมีฐานประชาชนแท้ ๆ ไม่ใช่แค่หารายชื่อมาให้ครบตามกฎหมาย ทุกรายชื่อของสมาชิกต้องมีความหมาย...มีสิทธิ์มีเสียงในพรรค...รวมทั้งการลงคะแนนเลือกตัวแทนในพรรค
การขับสมาชิกที่มีพฤติกรรมไม่ดี ต้องทำได้จากสมาชิกส่วนล่าง ๆ นี่แหละ ทำธรรมนูญพรรคการเมือง ล้อ ๆ กับรัฐธรรมนูญ ให้มีการตรวจสอบภายในพรรค เช่นเดียวกับประชาชนตรวจสอบรัฐบาล
ก็ได้แต่ฝัน ๆ ครับ ตราบใดที่ การเมืองยังใช้เงินเป็นใหญ่ มันก็อีหรอบเดิม ๆ
พรรคการเมืองก็ดูแค่ว่า ใครมี สส.เก่ามากกว่ากัน ใครมี สว.เก่ามากกว่ากัน แล้วไปเกทับ บลั๊ฟกัน จริงอยู่ การมีคนเด่นคนดังในพรรคเป็นเรื่องดี แต่มันไม่ใช่ข้อตัดสินว่า คนเด่นคนดังเป็นคนดี มีความสามารถอะไรเลย อย่างมากก็รู้จักวิธีทำกฎหมาย หรือ วิธีหาเสียงดีกว่าคนอื่น สุดท้ายก็มาเกทับกันด้วยอาวุโส ใครเป็นก่อนเป็นหลัง ใครเป็นมากเป็นน้อย
แนวทางพรรคก็พื้น ๆ ไม่เห็นความแตกต่างทางด้านแนวคิด
เวลาคัดเลือกคนลงแข่งขัน สส. ใครได้หรือไม่ได้ ก็จะได้มีคำตอบที่เป็นเหตุเป็นผล ไม่ต้องมาตะโกนด่าคนในพรรค ให้เป็นที่อับอาย มันบอกได้อย่างหนึ่งว่า วัฒนธรรมองค์กรหรือการบริหารพรรค
ยังยึดติดอยู่กับตัวบุคคล หรือ คนของใคร ระบบอุปภัมป์ภายในพรรค ก็จะยังมีอิทธิพล
ก็อย่างว่าแหละครับ เมียหัวหน้ากลุ่ม เป็นเลขาธิการพรรค อิ อิ
ลูกหัวหน้าพรรค ออกมาทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์พ่อ ก็วน ๆ อยู่แบบนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปรมาจารย์เจได
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 27-10-2007, 00:31 » |
|
อย่าว่าแต่บรรยากาศในพรรคไม่เป็นประชาธิปไตยเลยครับ
ตอนเปิดรัฐสภา ใครแตะต้องพ่อมัน มันต้องร้องเสียงหลงด้วยการยกมือ ขอเบรก แล้วก็บอกให้ผู้ที่กำลังอภิปรายถอนคำพูด..
แตะไม่ได้เล๊ย นายกเทพ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Cherub Rock
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 27-10-2007, 00:41 » |
|
ไม่รู้เป็นเพราะพรรคมันตั้งง่ายเกินไปรึเปล่านะครับ แทนที่นายทุนจะง้อพรรค กลายเป็นพรรคง้อนายทุน
เลยไม่แคร์ทั้งประชาชน ทั้งสมาชิกพรรค รับใช้นายทุนลูกเดียว
พอประชัยออกจากประชาราช ป๋าเหนาะก็กอดพรรคตาย(อดตาย)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 27-10-2007, 00:43 » |
|
เมื่อมันตั้งพรรคง่าย ๆ ส่งสส. ลงแข่งง่าย ๆ กฎหมายที่ลงโทษให้ยุบพรรค จึงไม่มีความหมายอะไรเลย
ถ้าหากให้พรรคการเมืองไปสร้างผลงานระดับท้องถิ่นมาก่อน จะเป็นการป้องกันพวกมีเงิน หอบเงินมาตั้งพรรคได้ชะงัด
ไม่ใช่ว่า พอหาเงินได้แล้วรวมรวมคนเก่า ๆ ย้ายพรรคกันเป็นว่าเล่น แบบนี้ไปไม่รอดครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Cherub Rock
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 27-10-2007, 00:56 » |
|
สังเกตจากสื่อผมเห็นพรรคการเมืองไทยเหมือนเป็นแดนสนธยา ในพรรคมีความเคลื่อนไหวอะไรยังไงก็งุบงิบๆ ทำกันอยู่ไม่กี่คน อย่างอเมริกาใครจะเป็นผู้สมัครประธานาธิปดี ใครหนุนใครมองเข้าไปเห็นได้หมด ยังเห็นโครงสร้าง การตรวจสอบ การคานอำนาจ ดูโปร่งใสกว่ากันเยอะ ของไทยเห็นมีแต่ ปชป ตอนเลือกหัวหน้าพรรคที่ยังพอเห็นอะไรบ้าง นอกนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวของคนกลุ่มเล็กๆ แค่นั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 27-10-2007, 01:17 » |
|
ระบบพรรคของอเมริกา เวลาเค้าจะคัดผู้สมัครระดับหัวกะทิ ( ผู้ที่พรรคจะส่งชิงประธานาธิบดี ) เช่นตอนนี้ ออกทีวี ใส่กันเองก่อน
แต่เมื่อแพ้ก็ยอมรับ ไม่โวยวาย สปิริตสูงครับ ตัวเลือกก็มีเยอะมาก เวลาเค้าต่อสู้กันเท่ากับตรวจสอบโดยละเอียดทุกขุมขน
ถ้ามีเรื่องน่าละอาย เค้าก็ถอนตัว ทำนองนั้น ระบบบางอย่างเรานำมาใช้บ้าง เช่นการคัดสรรรอบแรก รอบสอง
เพื่อให้เหลือตัวเลือกเพียงแค่ 2 จะได้คะแนนฝ่ายเสียงข้างมาก
คนที่พรรคเลือกมา จึงได้รับการยอมรับจากประชาชนที่เป็นสมาชิกในระดับสูง
แม้ชนะในพรรค ชนะจนไปเป็นประธานาธิบดีแล้ว เค้าก็ยังตามตรวจสอบกันอยู่ โดยเฉพาะคนที่มีโอกาสสมัครในการเข้าสู่ตำแหน่งในรอบที่ 2
ในบ้านเรา มีบางพรรคการเมืองนำหลักวิชาการเช่นการทำโพลในพื้นที่มาใช้ แต่มันก็แปลก...เค้าไม่นำผลโพลออกมาให้ประชาชนหรือสมาชิกพรรครับรู้
เรื่องแบบนี้ ดูเหมือนดี แต่พอดูดี ๆ กลับเป็นเรื่องลึกลับซับซ้อน ไม่ได้เกี่ยวกับสมาชิกพรรคหรือประชาชนเลย
มันกลายเป็นการเมืองในพรรคการเมือง ที่ประชาชนเอื้อมเข้าไปไม่ถึง
นี่คือ ความโปร่งใส ที่พรรคการเมืองไทยไม่มีตั้งแต่ต้น ความเป็นพรรคของมหาชนจริง ๆ จึงไม่เกิด
ความชอบพรรคการเมือง อาจไม่มองเรื่องนโยบายหรืออุดมการณ์ กลับไปดูแค่ว่า ใครเป็นหัวหน้าพรรค
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ScaRECroW
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 27-10-2007, 04:13 » |
|
มีพรรคการเมืองน้อย เด๊วประเทศชาติจะเจริญ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.
ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่? ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 27-10-2007, 04:46 » |
|
เมื่อเรารู้ว่าพรรคการเมืองส่วนใหญ่ นิยมสร้างจากโครงสร้างจากบน ลงล่าง แลวมักมีปัญหา
ทางออกน่าจะเป็นว่า ใคครที่อยากตั้งพรรคการเมือง น่าจะหาสมาชิกหรือแนวร่วมในทางขวาง
นั่นคือ ไปเริ่มสร้างแนวร่วม ในระดับล่าง เพิ่มจำนวน เพิ่มความหลากหลาย และยอมรับในความแตกต่าง
นโยบายในแต่ละด้านก็จะครอบคลุม จากองค์ความรู้จากชุมชน ตามความต้องการของชุมชน
แต่ต้องมีจิตสาธารณะร่วมกัน ส่วนการบริหารก็ไปใช้ระบบให้สมาชิกทุกคน มีสิทธิ์ในการเลือกกรรมการบริหารพรรคด้วยตนเอง
หากประชาธิปไตยในพรรคไม่เกิดขึ้น ก็อย่าไปหวังว่าจะมีประชาธิปไตยในการเลือกตั้งขั้นต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ScaRECroW
|
|
« ตอบ #30 เมื่อ: 27-10-2007, 07:11 » |
|
ถ้าฝ่ายบริหาร กับฝ่ายนิติบัญญัติยังเป็นคนกลุ่มเดียวกัน มันก็จะเป็นอย่างที่เป็นมาตลอดไป ต่อให้ตั้งองค์กรอิสระอีกหมื่นแสนองค์กรมาคอยคานอำนาจก็ไม่ได้ประโยชน์ หนทางเดียวคือแยกฝ่ายบริหารออกมาจากฝ่ายนิติบัญญัติ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.
ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่? ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
|
|
|
THE THIRD WAY
|
|
« ตอบ #31 เมื่อ: 27-10-2007, 08:52 » |
|
ข้อคิดจากชูวิทย์เมื่อวาน ไม่เลวนะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความรักนั้นหวาน ไม่ว่าจะรับหรือให้ ************************ การขับไล่ทรราช เป็นภารกิจของเจ้าของประเทศ
|
|
|
shrine
|
|
« ตอบ #32 เมื่อ: 27-10-2007, 13:30 » |
|
ประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบพหุพรรคที่ไหนก็มีพรรคการเมืองจำนวนมากทั้งนั้น เพราะรัฐมีความปราถนาอยากให้ประชาชนมีทางเลือกที่หลากหลายเพื่อเป็นการสร้างหลักประกันเสรีภาพทางการเมืองตามระบอบเสรีประชาธิปไตยอย่างเต็มที่อีกทั้งเป็นการป้องกันไม่ให้พรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งมีการผูกขาดอำนาจไปตลอดกาลด้วยหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งการมีพรรคการเมืองเป็นจำนวนมากจะทำให้มีการแข่งขันขอคะแนนเสียงจากประชาชนกันสูง เมื่อทุกพรรคมีการแข่งขันขอคะแนนเสียงจากประชาชนกันสูงจะช่วยทำให้การเอาใจใส่ในการสนองความต้องการของประชาชนก็สูงตามไปด้วยเพราะไม่มีพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่งมีสิทธิครองอำนาจรัฐได้เพียงแค่พรรคเดียวและตลอดกาล
ถ้าขาดการแข่งขันทางการเมืองอย่างเต็มที่พรรคการเมืองก้ไม่จำเป็นต้องง้อประชาชนก็ได้เพราะยังไงก็ได้ครองอำนาจรัฐอยู่แล้ว ถ้ามีการแข่งขันกันมากๆจะก่อให้เกิดการบริการประชาชนที่ดี
ทั้งหมดเป็นเรื่องหลักการที่ทางปฎิบัติเป็นการพบกันครึ่งทาง
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-10-2007, 13:35 โดย shrine »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอบอ่าน ซุ่มเงียบ
|
|
« ตอบ #33 เมื่อ: 27-10-2007, 13:45 » |
|
ขอบคุณคำแนะนำ จากคุณ see - u ครับ แต่ผมคงไม่ได้ไปรับทำหรอกครับ แค่เล่าสู่กันฟังพอขำๆเท่านั้นเอง ว่า พรรคที่เกิดขึ้นมาเยอะแยะนั้น คงจะมีพรรคประเภทอย่างนี้ อยู่ไม่น้อย ผมคิดว่า มันเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ตามสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ผมไม่อยากจะให้มองว่ามันเป็นปัญหาใหญ่ที่จะต้องรีบแก้ไข จนกลายเป็นปิดกั้นโอกาศสำหรับคนที่มีความคิดอยากจะทำงานการเมืองอย่างจริงจัง
ทุกวันนี้ ผมมองไปยังพรรคการเมืองใหญ่ๆที่มีอยู่แล้ว รู้สึกสงสารตัวเองเหลือเกินที่มีตัวเลือกอยู่น้อยเต็มที ครั้นจะกาไม่เลือกใครเลย มันก็ไม่ได้ส่งผลเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้
ผมคิดว่า เราควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า สภาพสังคมจะเป็นผู้คัดสรรพรรคเหล่านั้นเองว่า พรรคใดที่สมควรคงอยู่ พรรคใดที่จะต้องยุบตัวเองไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
IF YOU DON'T STAND FOR SOMETHING, YOU MIGHT FALL FOR ANYTHING.
|
|
|
PastelSalad
|
|
« ตอบ #34 เมื่อ: 27-10-2007, 17:25 » |
|
การจัดตั้งพรรคได้ง่ายๆ ผมคิดว่า น่าจะเป็นเพราะคิดว่าจะเป็นการสร้างการเมืองภาคประชาชนมั้งครับ ทำนอง ขยายโอกาสการมีส่วนร่วมทางการเมือง แต่เป็นการเมืองภาคประชาชนแบบทุพพลภาพ คือ ทำไปก็ไม่ได้อะไร สนับสนุนผิดทาง ให้เงินอุดหนุนหาเสียงไป ก็แค่เศษขี้เงิน ไม่มีผลในเชิงการเมืองจริงๆ เพราะสุดท้ายเงินพรรคใหญ่ก็เข้าถึงประชาชนได้มากกว่าอยู่ดี สุดท้าย การสนับสนุนก็เป็นช่องทางให้คนบางพวกฉกฉวยโอกาสหาผลประโยชน์ การเมืองภาคประชาชน ถ้าจะทำจริงๆ ต้องสร้างช่องทางในการเข้าถึงอำนาจบริหารให้ประชาชน ไม่ใช่สร้างช่องทางให้แข่งขันทางการเมือง คนละเรื่องกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ใจเย็นๆ แล้วมานั่งจิบโกโก้อุ่นๆ ด้วยกันก่อนดีกว่าครับ
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #35 เมื่อ: 27-10-2007, 19:14 » |
|
ประเด็นปัญหาที่นำเสนอ น่าจะอยู่ที่ว่า
พรรคการเมืองที่ก่อตั้งขึ้นในปัจจุบัน 50-60 พรรค
มิได้เกิดจากประชาชนระดับล่าง การบริหารพรรคทั้งหมดมาจากบน ลงล่าง
สมาชิกแค่ 50 คน ก็สามารถกำหนดบทบาททั้งหมดได้
การตั้งพรรคเกิดขึ้น โดยกฎหมาย โดยการรวมคน 50 คน ก่อตั้งพรรค
แล้วก็สามารถส่งผู้แทนเข้าสมัครในระดับชาติในทันที จะว่าไปก็คือ ไม่มีจุดเชื่อมโยงใดๆ กับประชาชน
แค่สามารถออกมาหาเสียง และได้รับการปฎิบัติจาก กกต. เสมอเหมือนกันหมด
เมื่อเป็นเช่นนี้ พรรคการเมืองที่ลงเลือกตั้งจึงจำเป็นต้องหาทุนจากนายทุน เพื่อประกาศนโยบาย
หรือหาเสียงให้ทั่วถึง โดยอาศัยสื่อมวลชน ( เงินโฆษณา ) เพื่อให้ปลุกการรับรู้ของประชาชนในเวลาอันรวดเร็ว
การทำนโยบาย ก็แค่เขียน ๆ ไม่ให้ขัดรัฐธรรมนูญ ย่อมมิใช่ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ของคนในพรรค 50 คนนั้น
ที่สำคัฐ เมื่อนำมาประกาศ ก็ใช่ว่าจะได้รับการยอมรับจากประชาชน เพราะนโยบายมิได้ออกมาจากความต้องการของประชาชน
แต่ท้ายที่สุด ประชาชนก็ได้แต่เลือกๆ กันไป ตามแต่ความชื่นชอบของแต่ละบุคคลซึ่งไม่เหมือยกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #36 เมื่อ: 28-10-2007, 06:06 » |
|
กฎหมายพรรคการเมืองบอกไว้ชัด ใครจะตั้งพรรคการเมือง ต้องมีจุดมุ่งหมายส่งผู้แทนเข้าสู่สภา ไม่น่าจะเป็นเรื่องการเมืองภาคพลเมืองหรือภาคประชาชนที่มุ่งหมายการเมืองนอกสภา มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ พรรคการเมือง หมายความว่า คณะบุคคลที่รวมกันจัดตั้งเป็นพรรคการเมือง โดยได้รับ การจดแจ้งการจัดตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ เพื่อสร้างเจตนารมณ์ทางการเมืองของ ประชาชนตามวิถีทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมุ่งที่จะ ส่งสมาชิกเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และมีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอื่น อย่างต่อเนื่อง ...ฯ... http://www.weopenmind.com/board/index.php?topic=5407.0
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #37 เมื่อ: 28-10-2007, 06:15 » |
|
การจะไปเหมารวมว่า พรรคการเมือง กับ การเมืองภาคประชาชนเป็นสิ่งเดียวกัน น่าจะสรุปผิดอย่างไม่น่าให้อภัย
ผู้ที่เคลื่อนไหวในส่วนของ "ภาคประชาชน" หากมีความกระสันต์ที่จะเข้าไปสู่การเมืองในระบบพรรคการเมือง
ก็จงรู้ตัวเถิดว่า คุณได้จบชีวิตในการเมืองภาคประชาชนไปแล้ว ไม่ว่า สมัครในส่วนใดของระบบการเมืองไทย
ตั้งแต่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. สท. สจ. สว. สส.
พวกนี้ล้วนแต่เป็น ภาคประชาชนแอบแฝง
ถ้าเจอคนพวกนี้ เอาป้าย "นักการเมือง" สักที่หน้าผากไว้เลยครับ
ไม่ว่าหน้าใหนทั้งนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
cafein
|
|
« ตอบ #38 เมื่อ: 28-10-2007, 07:07 » |
|
ผู้สมัครเป็นผู้แทนต้องสังกัดพรรคการเมือง--->พรรคเลือกตัวแทนที่จะลงสมัครผู้แทน--->ผู้แทนสามารถตัดสินใจได้โดยอิสระ ไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับมติพรรค ส่วนสุดท้ายตือส่วนที่ถูกบิดเบือนและเบี่ยงเบนในระบบการเมืองไทย โดยมักจะยัดเยียดให้ผู้แทนต้องทำตามมติพรรค เป็นการดูถูกต่อผู้แทนชองประชาชน ดูถูกต่อประชาชนผู้ลงคะแนนเลือก ดูถูกต่อครรลองของประชาธิปไตย และที่จริงแท้แน่นอนที่สุดที่มักจะไม่พูดถึงก็คือ ดูถูกพรรคนั้นๆนั่นเองที่เป็นผู้เลือกว่าใคร จะลงสมัครเป็นผู้แทนของประชาชน เพราะพรรคไม่ได้มีอุดมการณ์อะไรอย่างแท้จริง เลือกเพียงเพราะคนๆนั้นมีสิทธิ์ที่จะได้รับเลือก แค่นั้นเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Scorpio6
|
|
« ตอบ #39 เมื่อ: 28-10-2007, 13:11 » |
|
การจะไปเหมารวมว่า พรรคการเมือง กับ การเมืองภาคประชาชนเป็นสิ่งเดียวกัน น่าจะสรุปผิดอย่างไม่น่าให้อภัย
ผู้ที่เคลื่อนไหวในส่วนของ "ภาคประชาชน" หากมีความกระสันต์ที่จะเข้าไปสู่การเมืองในระบบพรรคการเมือง
ก็จงรู้ตัวเถิดว่า คุณได้จบชีวิตในการเมืองภาคประชาชนไปแล้ว ไม่ว่า สมัครในส่วนใดของระบบการเมืองไทย
ตั้งแต่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. สท. สจ. สว. สส.
พวกนี้ล้วนแต่เป็น ภาคประชาชนแอบแฝง
ถ้าเจอคนพวกนี้ เอาป้าย "นักการเมือง" สักที่หน้าผากไว้เลยครับ
ไม่ว่าหน้าใหนทั้งนั้น
ส่วนตัวผมคิดว่าทุกภาคส่วนควรไปด้วยกันครับ คือ ๑. ส่งเสริมคนดีเข้าสู่ระบบเพื่อไปทำนโยบาย ๒. ส่งเสริมการตรวจสอบอำนาจรัฐ ๓. ส่งเสริมการเมืองภาคประชาชนให้รู้ทันทางการเมืองในระบบคนไทยทุกคนควรมีส่วนร่วมทางการเมืองตั้งแต่ประชาชน ส.อบต. สท. สจ. สว. สส.แต่ ขอให้เป็นคนดีได้เข้าไปปกครองบ้านเมืองไม่คิดแยกส่วนประชาชนออกเป็นภาคประชาชนหรือภาคการเมืองในระบบเลยครับคนที่ไม่มีตำแหน่งทางการเมืองในระบบก็ต้องคอยกำกับ ดูแล หรือตรวจสอบไม่ให้คนว่าเมื่อได้เป็นแล้วอย่าไปโกงกินหรือคอยเป็นพี่เลี้ยงที่ปรึกษาว่านโยบายควรไปในทิศทางใดเช่นสมมติผมอยู่ฝ่ายตรวจสอบหรือประชาชนธรรมดาแต่เป็นญาติกับ อบต.ก็คอย กำกับหรือบอกกล่าว ส.อบต สท.สจ.และ ส.ว.ส.ส.ในถิ่นผมว่าควรเสนออะไรเข้าไปในสภานั้นๆ ท่านที่มีความรู้ความสามารถไม่ได้มีหน้าที่การงานทางการเมือง เราต้องมีหน้าที่ส่งเสริมการเรียนรู้ สร้างองค์ความรู้ทางการเมือง(ภาคประชาชน)ให้สังคมตระหนักถึงพิษภัยการเมืองในระบบที่ไม่โปร่งใสในทุกระดับและควรชี้ให้เห็นว่าควรเลือกคนใหนที่ดีหรือเลวน้อยที่สุดไปบริหารบ้านเมือง...ไม่งั้นการเมืองก็เข้าวงจรอุบาทก์เหมือนเดิม... ผมเคยพูดในวงเสวนาว่าคนที่เป็นกลาง(เช่น ข้าราชการต่างๆ ถึงเวลาเลือกตั้งต้องบอกลูกหลาน ญาติสนิท มิตร สหายได้ด้วยว่า ต้องเลือกคน กลุ่ม พรรคใหน ให้ไปบริหาร หากมัวแต่กลางแล้วไม่ทำอะไรให้บ้านเมืองดีขึ้น
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2007, 13:25 โดย Scorpio6 »
|
บันทึกการเข้า
|
คิดจะล้มระบอบทักษิณ ต้องอ่านใจเนวินและเพื่อนบล็อกเสี่ยวไทบ้าน*แวะเยี่ยมRepublican Collage ของคุณสุธา ชันแสง* http://www.oknation.net/blog/thaibaan/2008/03/26/entry-1"ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนและในฐานะอย่างไร จงตรองหาว่า จะมีทางใช้ชีวิต ให้เป็นประโยชน์ในทางใดบ้าง เมื่อตั้งใจคิดถึงมันแล้วก็จะพบเสมอ ไม่ว่าอยู่ที่ใด เมื่อพบทางแล้วจงลงมือทำสิ่งที่เป็นประโยชน์"
|
|
|
Scorpio6
|
|
« ตอบ #40 เมื่อ: 28-10-2007, 13:33 » |
|
ช่วยคิดหน่อยสิ ทำไมเมืองไทยต้องมีพรรคการเมือง 5-60 พรรค
แล้วต้องมาให้ กกต. หาเวลาทีวี ให้โฆษณาหาเสียงให้ผมว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดซักอย่าง เมืองไทยให้อิสระในการมีส่วนร่วมทางการเมือง..ผมเห็นด้วยครับแต่ก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบในการที่จะปักหลักสร้างพรรคการเมือง" สร้างง่ายครับ แต่ทำให้ยั่งยืนยากกว่า" กกต.มีหน้าที่ดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม...ให้โอกาสพรรคต่างๆได้มีพื้นที่ประชาสัมพันธ์ดีครับแต่จัดการแล้วอย่านิ่งดูดายเมื่อมีการทุจริตเลือกตั้ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คิดจะล้มระบอบทักษิณ ต้องอ่านใจเนวินและเพื่อนบล็อกเสี่ยวไทบ้าน*แวะเยี่ยมRepublican Collage ของคุณสุธา ชันแสง* http://www.oknation.net/blog/thaibaan/2008/03/26/entry-1"ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนและในฐานะอย่างไร จงตรองหาว่า จะมีทางใช้ชีวิต ให้เป็นประโยชน์ในทางใดบ้าง เมื่อตั้งใจคิดถึงมันแล้วก็จะพบเสมอ ไม่ว่าอยู่ที่ใด เมื่อพบทางแล้วจงลงมือทำสิ่งที่เป็นประโยชน์"
|
|
|
Cherub Rock
|
|
« ตอบ #41 เมื่อ: 28-10-2007, 14:52 » |
|
อ่านเจอเพิ่มเติมเกี่ยวกับพรรคทางเลือกของอเมริกาและระบบ Ballot Access ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการให้พรรคการเมืองใหม่ล่ารายชื่อของผู้มีสิทธิ์ออกเสียง หรือให้หาสมาชิคพรรคให้ได้ตามจำนวนและเวลาที่กำหนด(ต่างกันตามกฎหมายของแต่ละรัฐ) ถึงจะส่งผู้สมัครได้ บางช่วงกำหนดให้หารายชื่อ(หรือสมาชิคพรรค)นับล้านชื่อ ถือว่าโหดมากสำหรับพรรคการเมืองใหม่ In 1994, a new party that wants to field a candidate in every race for the U.S. House of Representatives and have the party name appear on the ballot next to the candidate's name would need to register 1,593,763 members or gather an equal number of signatures. http://www.ballot-access.org/winger/iba.htmlปัจจุบันกำลังมีประเด็นที่ว่าอเมริกาขาดพรรคทางเลือกเพราะกฎหมายนี้เข้มเกินไป มีพรรคการเมืองมากก็จริง แต่ส่วนใหญ่ไม่สามารถแจ้งเกิดส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งได้ ปล. ผมว่าเราน่าจะให้ความสนใจวิธีการแสดงออกทางการเมืองด้วยการล่ารายชื่อบ้าง (เพิ่มเติมจากการเลือกตั้ง/ลงประชามติ) อเมริกาใช้วิธีนี้มานานแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
|
|
|
|
|