http://matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0103261050&day=2007-10-26§ionid=0101โวยกฎคุมเลือกตั้ง"โหด" มัด"พรรค-สื่อ" "ปธ.กกต."บอกพร้อมปรับ
หน้าใหม่-กลุ่มเล็กโอดไม่ได้เกิด กมธ.กม.ลูกชี้ต้องเข้มสกัดเงิน นายกฯตั้งเป้าสิทธิเลือกตั้ง70%ปธ.กกต.เสียงอ่อน ยอมคลายกฎเหล็กหาเสียงเลือกตั้ง พรรครุมซัดไม่ให้ใช้โทรโข่ง-จำกัดที่ปราศรัย สื่อร่วมวงค้าน นัดถกให้"ทีวี-วิทยุ"ทำข่าวได้ "ชาติไทย" ร่างหนังสือจี้ให้แก้ "ประชาราช-เพื่อแผ่นดิน"โอดโดนบอนไซ หน้าใหม่โดนตอนไม่ได้เกิด อดีต ส.ส.ร.ยอมรับ"กกต."เหนื่อย บางเรื่องปฏิบัติได้ยาก ปธ.ยกร่าง กม.ลูก แจงคุมเข้ม หวังให้ใช้เงินหาเสียงเท่าเทียมเกิดปฏิกิริยาทั้งต่อต้านและสนับสนุนการออกประกาศและร่างระเบียบข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติในการหาเสียง ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จากบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ รวมทั้งสื่อมวลชน
@ ชท.ร่างหนังสือจี้กกต.แก้กฎเหล็กเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการกฎหมายและกิจการรัฐสภาพรรคชาติไทย กล่าวว่า ระเบียบที่ออกมาเป็นเรื่องจุกจิกเกินไป และจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ต่อการดำเนินการจัดการของพรรคการเมืองในอนาคต และส่งผลต่อเป้าหมาย กกต.ที่จะมีผู้มาใข้สิทธิลงคะแนนร้อยละ 70 จะเป็นไปไม่ได้
"พรรคชาติไทยจะประชุมคณะกรรมการกฎหมายและกิจการรัฐสภาของพรรคเพื่อทำหนังสือ ข้อสังเกตระเบียบ กกต. เพื่อขอผ่อนผันข้อบังคับบางเรื่องที่เข้มงวดอันจะส่งผลกระทบต่อการหาเสียง ให้แก่ กกต. โดยระเบียบที่พรรคจะยื่นเรื่องมีหลายข้อ เช่น ร่างประกาศ กกต. ว่าด้วยหลักเกณฑ์ การดำเนินการของรัฐ ในการสนับสนุนการเลือกตั้ง ส.ส. ข้อที่ระบุว่า จัดให้มีเวทีกลางในการหาเสียง 2 แห่งตามที่ กกต.จังหวัดพิจารณา ซึ่งในเชิงธรรมชาติหาเสียงไม่ควรชี้ชัดสถานที่ เพราะพื้นที่ปราศรัยตามที่ กกต.จังหวัดกำหนด อาจจะไม่มีประชาชนเข้าสนใจฟังการปราศรัยมากพอ" นายสมศักดิ์กล่าว
@ พปช.งัดวีซีดีแจกหาเสียงแทนนายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้ กกต.ทบทวนเพราะการเปิดโอกาสให้นักการเมืองได้แสดงวิสัยทัศน์จะเป็นประโยชน์กับประชาชน ซึ่งโทรทัศน์ถือเป็นการสื่อสารที่ดีที่สุด เพราะเข้าถึงประชาชนได้ครอบคลุม แตกต่างจากสื่อหนังสือพิมพ์ ที่ประชาชนในต่างจังหวัดเข้าไม่ถึง จึงขอความกรุณาให้ กกต.ทบทวนให้พรรคการเมืองพูดผ่านโทรทัศน์และวิทยุได้ แต่ควรให้เท่าเทียมกันทุกพรรค ส่วนขนาดของป้ายหาเสียง พรรคพลังประชาชนยอมรับได้ เพราะกำหนดเท่ากันทุกพรรค
"อย่างไรก็ตาม เมื่อ กกต.มีระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น พรรคคงต้องมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ อาจจะทำเป็น วีซีดี และทีมปราศรัยจะลงพื้นที่พบประชาชนให้มากขึ้น ขณะนี้นโยบายของพรรคพลังประชาชนแล้วเสร็จและเตรียมพิมพ์เผยแพร่ พร้อมแจกจ่ายให้กับ ส.ส.ในการประชุมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. วันที่ 29 ตุลาคมนี้" นายนพดลกล่าว
@ "ปชร."ชี้บอนไซพรรค-ให้ทบทวนนายสุชาติ บรรดาศักดิ์ รองเลขาธิการพรรคประชาราช กล่าวว่า ยอมรับว่าหนักใจกับระเบียบของ กกต.มาก เพราะเราเป็นพรรคใหม่ ยังไม่ทันได้ทำการประชา สัมพันธ์อะไรเลย ก่อนหน้านี้ก็รอให้ กกต.แบ่งเขตให้ชัดเจน เพื่อจะได้วางตัวผู้สมัครถูก เมื่อ กกต.มาออกระเบียบเช่นนี้ ทำให้พรรคทำอะไรไม่ได้เลย มองแล้วเป็นการไม่ให้โอกาสพรรคขนาดล็ก หรือพรรคที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่เลย ใช้โทรโข่งเดินหาเสียง มีขบวนแห่ก็ทำไม่ได้ ขณะที่พรรคเก่าได้เปรียบที่โฆษณาเผยแพร่นโยบายแล้ว ที่เป็นห่วงคือ ห้ามมากๆ แล้วจะมีการซื้อเสียงก็ทำได้เฉพาะพรรคที่มีเงินมาก อยากเรียกร้องให้ กกต.ทบทวนในเรื่องนี้ใหม่
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า ตอบไม่ได้ว่ากติกาที่ออกมาดีหรือไม่ดี แต่ที่แน่ๆ ทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างนักการเมืองหน้าเก่ากับผู้สมัครหน้าใหม่ ซึ่งประเด็นที่ติดใจมากสุดคือ การจำกัดเวทีปราศรัย ทั้งที่จะเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับทราบแนวทางนโยบายของพรรคการ เมืองต่างๆ เพื่อนำไปตัดสินใจเลือกคนและพรรคได้
@ "มาร์ค"เลิกเสวนากลัวผิดกม.ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์แจ้งว่า หลังพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งถูกประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม ทำให้พรรคการเมืองต่างๆ ต้องดำเนินกิจกรรมด้วยความระมัดระวังและรอบคอบเป็นพิเศษ โดยเช้าวันเดียวกันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้ยกเลิกกำหนดการเสวนา "อนาคตไทยหลังการเลือกตั้ง" ที่โรงแรมเอราวัณ แกรนด์ แบบกะทันหัน เพราะหวั่นว่าจะผิดกฎหมาย ก่อนที่จะเดินทางมายังที่ทำการพรรค และเรียกประชุมคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย ที่มีนายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน
@ ซัดกกต.ตีความกม.แคบนายถาวรกล่าวว่า ตามปกติการเมืองทั่วโลกทุกประเทศจะรณรงค์ให้ประชาชนได้รับทราบตัวผู้สมัคร และนโยบายของแต่ละพรรค โดยการโฆษณาปราศรัยหาเสียง แต่ปรากฏว่า กกต.น่าจะตีความกฎหมายในมาตรา 59 และ 60 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว.ผิดพลาด โดยตีวงแคบเกินไป เช่น ในมาตรา 59 หรือ 60 ซึ่งระบุว่า กกต.สามารถที่จะระบุหลักเกณฑ์ กติกาให้รัฐสนับสนุน การติดแผ่นป้ายหรือกำหนดสถานที่ปราศรัยหาเสียง ให้โฆษณาเอง ซึ่ง กกต.สามารถที่จะให้รัฐสนับสนุนได้มากกว่านี้ เพราะไม่ได้เป็นข้อห้าม
"ขณะนี้ กกต.ห้ามพรรคการเมืองไปตั้งเวทีปราศรัย นอกจากสถานที่ที่ กกต.กำหนดให้ ทั้งที่ปกติถ้ารถแห่ของผมไปที่ตลาดนัด ก็แวะรถใช้โทรโข่งปราศรัยหาเสียงกับประชาชนที่กำลังซื้อกับข้าวได้ จึงอยากขอความกรุณาของ กกต.ซึ่งเป็นนักกฎหมายทุกคน อย่าตีความกฎหมายแคบจนเกินไป" นายถาวรกล่าว
@ สื่อ"ทีวี-วิทยุ"ถกคัดค้าน26ต.ค.วันเดียวกัน สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้เชิญบรรณาธิการข่าว ของกองบรรณาธิการสถานีวิทยุและโทรทัศน์ทุกสถานีมาร่วมประชุม ในวันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม 2550 เวลา 12.00 น. ณ ห้องประชุมอิศรา อมันตกุล ชั้น 3 อาคารสมาคมนักข่าวฯ กรณีที่ กกต.ออกระเบียบข้อห้ามปฏิบัติในการหาเสียงของผู้สมัครเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งครอบคลุมถึงการห้ามผู้สมัครรับเชิญไปออกอากาศในรายการต่างๆ ทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์ ตั้งแต่มีประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ไปจนถึงวันเลือกตั้ง เนื่องจากเห็นว่าระเบียบดังกล่าว ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการทำงานของสื่อมวลชน โดยเฉพาะสื่อวิทยุและโทรทัศน์ ที่มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่จะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของประชาชนในการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยทั้งสองสมาคมจะนำข้อเสนอของที่ประชุมบรรณาธิการเสนอ กกต.ต่อไป
@ กกต.เสียงอ่อนพร้อมคลายกฎเหล็ก นายอภิชาต สุขัคคานนท์ กล่าวถึงกระแสการต่อต้านการออกระเบียบของ กกต. ว่า ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น ยืนยันว่า กกต.ออกระเบียบตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อให้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด แต่ไม่ได้ทำให้ทุกเรื่อง เช่น การใช้รถขยายเสียงในการหาเสียง การติดป้าย ได้กำหนดให้ติดป้ายและแผ่นป้ายตามพื้นที่กำหนดเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม หากมีข้อสงสัยหรือข้อเสนอแนะจากพรรคการเมืองใดก็สามารถเสนอมาได้ กกต.พร้อมจะพิจารณาและปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม
ขณะที่นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่สมาคมนักข่าวฯ และสมาคมวิทยุโทรทัศน์ จะยื่นหนังสือคัดค้านระเบียบ กกต.ว่า การออกระเบียบต่างๆ ของ กกต. เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ ทั้งการจัดสถานที่โฆษณาหาเสียงและการปราศรัยหาเสียงที่กฎหมายระบุว่าให้รัฐจัดสนับสนุน ผู้สมัครจึงจะจัดอีกไม่ได้ ที่ผ่านมาได้อนุมัติงบฯในการจัดเวทีให้อำเภอละประมาณ 1 หมื่นบาท ปัจจุบันก็คงยังเป็นเช่นนี้
@ กกต.นัดถกสื่อสัปดาห์หน้านายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ระหว่างการเดินสายพบสื่อมวลชนและเข้าพบบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ มติชน เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบของ กกต. ข้อควรปฏิบัติหรือข้อห้ามในการเลือกตั้ง ว่าต้องการมารับฟังเสียงสะท้อนจากสื่อมวลชนจากทุกสาขาที่มีต่อระเบียบและประกาศของ กกต. ที่ดำเนินการตามกรอบของรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.ทุกประการ อย่างไรก็ตาม จะรวบรวมข้อมูลและเสียงสะท้อนที่ได้รับฟังไว้ เพราะประธาน กกต.ได้ระบุว่า หากมีข้อปัญหาก็พร้อมที่จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม กกต.เพื่อหารือกันใหม่ โดย กกต.จะพบกับตัวแทนของสื่อมวลชนทุกสาขาในสัปดาห์หน้าเพื่อทำความเข้าใจเรื่องนี้อีกครั้ง
"กกต.ยึดหลักการความเท่าเทียมกันในการออกสื่อทีวีและวิทยุ ดังนั้น การเชิญพรรคการเมืองหรือนักการเมืองไปออกรายการจะต้องยึดหลักนี้ แม้จะไม่สามารถเชิญพรรคการเมืองทุกพรรคมาพร้อมวันเดียวกัน แต่เหลือเวลาก่อนจะถึงวันเลือกตั้งอีกประมาณ 58 วัน จึงเชื่อว่าจะดำเนินการได้ ส่วนสื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอ นิกส์ไม่มีปัญหา สามารถถามความเห็นหรือรายงานข่าวได้ตามปกติ ยกเว้นการพิมพ์แผ่นแทรกของพรรคการ เมืองแทรกไปกับหนังสือพิมพ์ที่ไม่สามารถทำได้" นายสุทธิพลกล่าว
@ อดีตส.ส.ร.เตือนกกต.เหนื่อยขณะที่นายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) กล่าวบรรยายในหัวข้อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว.ตอนหนึ่งว่า กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ และระเบียบของ กกต.นั้น เกรงว่า กกต.จะเหนื่อย เพราะขัดธรรมชาติของการเลือกตั้ง เมื่อออกกติกามากมายแล้วอาจทำไม่ได้ จับไม่ได้ และเมื่อเรื่องมีการร้องเรียนเข้ามามาก กกต.ก็จะมีปัญหาเสียเอง
"การที่บอกว่าทุกพรรคเท่าเทียมกัน หากต้องการให้เท่าเทียมต้องกำหนดตั้งแต่แรก คือต้องให้ส่ง 480 คนเท่ากันทุกพรรค แต่เรากลับบังคับให้หาเสียงเท่ากัน แบบนี้เป็นการสกัดกั้นยุทธศาสตร์ของพรรค เมื่อเป็นแบบนี้ทุกคนก็จะเดินลงข้างล่าง ขัดกับหลักแข่งขันเชิงนโยบาย ซึ่งผมไม่เห็นด้วย แต่ตอนนี้คงจะไปบอกอะไรไม่ได้ หวังว่าครั้งหน้าคงจะมีการแก้ไขเรื่องนี้" นายวุฒิสารกล่าว
@ กมธ.ร่างกม.ลูกแจงเหตุคุมเข้มนายสุจิต บุญบงการ อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ ที่จำเป็นต่อการเลือกตั้ง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า เจตนาที่ กมธ.ร่างกฎหมายออกมาให้เข้มงวด เพราะต้องการควบคุมการหาเสียงให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ใช้เงินทองมากเกินไป ทั้งนี้ผู้ร่างเชื่อว่า ในการหาเสียงทุกครั้ง มีการใช้เงินเกินวงเงินที่ กกต.กำหนด ซึ่งไม่ใช่แค่ซื้อเสียง แต่รวมถึงพวกป้ายหาเสียง ซึ่งคุมด้วยการกำหนดวงเงินอย่างเดียวไม่ได้ ผู้ร่างจึงร่างหลักเกณฑ์ให้ควบคุมขนาดป้ายและสถานที่ปิดป้าย และเป็นวิธีการสากลของทั่วโลก แม้จะทำให้พรรคการเมืองไม่สะดวก และเกณฑ์แบบนี้ มีข้อดี คือทำให้ทุกพรรคเท่ากันหมด เพราะอดีตพรรคไหนมีเงินมากก็ขึ้นป้ายขนาดใหญ่โต แต่คราวนี้ กฎหมายทำให้ทุกพรรคเสมอภาค
@ ยอมรับบางเรื่องปฏิบัติยากนายสุจิตกล่าวต่อว่า ยอมรับว่ามีหลายประเด็นที่ปฏิบัติยาก เช่น การไปช่วยเงินในกิจการที่เป็นปกติตามประเพณี ความจริงน่าจะทำได้ ส่วนอะไรที่เห็นชัดๆ ว่าไปช่วยเงินเพื่อหวังผลคะแนน ก็ย่อมทำไม่ได้ ส่วนการปรากฏตัวตามงานเป็นพิเศษเพื่อหาเสียง ก็ห้ามทำ แต่กฎหมายก็ค่อนข้างเข้ม โดยห้ามไปเสียหมด ส่วนกรณีการออกสื่อ ผู้ร่างมีเจตนาไม่ต้องการให้ปรากฏตัวตามสื่อโดยไม่มีการควบคุม เพราะพรรคที่มีเงินเยอะ หรืออยู่ในอำนาจรัฐ ก็จะได้เปรียบพรรคการเมืองอื่น ผู้ร่างจึงคำนึงถึงความเป็นธรรมต่อทุกพรรค
"ที่บ่นกันว่ากฎหมายเข้มนั้น ผมมองว่าจริงๆ ปฏิบัติไม่ยาก แต่ที่พรรคการเมืองไม่ชอบกันเพราะเคยชินกับแบบเดิม แต่ผมมองว่า ประชาชนและผู้สมัครต้องปรับตัวได้แล้ว ถ้ายังปล่อยกลับให้เป็นแบบเดิมเดี๋ยวก็จะมาบ่นกันอีกว่า ใช้เงินกันมากมหาศาลในการเลือกตั้ง" นายสุจิตกล่าว
@ อดีตกกต.แนะผ่อนผันกฎเหล็ก นายสวัสดิ์ โชติพานิช อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า โดยหลักการถือว่าดี แต่ระเบียบที่ออกมาถือเป็นภาระหนักที่ กกต.ชุดนี้จะต้องรับฟังผู้ใช้กฎหมายเพื่อให้สอดรับกับการปฏิบัติด้วย ซึ่งระเบียบที่ออกมายังถือเป็นร่างหลักการอยู่ ไม่อยากให้นักการเมืองตื่นตกใจเกินไป เพราะหากมีข้อบังคับส่วนใดที่ต้องการให้ผ่อนผัน ก็สามารถพูดคุยและชี้แจงกับ กกต.ได้
"ทุกอย่างจะแก้ไขได้โดย กกต. หากผู้สมัครไม่เข้าใจชัดเจนในส่วนใด เช่น เรื่องติดป้ายได้ 2 แผ่นป้ายต่อรถ 1 คัน หากผู้สมัครเห็นว่าน้อยเกินไป ก็สามารถบอกให้ กกต.เข้าใจถึงความจำเป็นที่จะติดเพิ่มได้" นายสวัสดิ์กล่าว
@ กกต.หนักใจซื้อเสียงยกบ้าน2พันวันเดียวกัน นายอภิชาตได้กล่าวเปิดการอบรมให้ความรู้กฎหมายรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ให้แก่ผู้บริหารและพนักงาน กกต.กลางตอนหนึ่ง ว่า การจัดการเลือกตั้งครั้งนี้อยากให้ทุกคนวางตัวเป็นกลาง หากคนไม่เชื่อถือการเลือกตั้งก็จะเกิดความเสียหายขึ้นเหมือนในอดีต ซึ่ง กกต.มีความหนักใจในการซื้อเสียงเป็นอย่างมาก เพราะไม่ได้ให้กันเพียงแค่ร้อยสองร้อย แต่ให้กันเป็นหลัก 1-2 พัน เป็นการซื้อทั้งบ้าน
@ นายกฯหวังคนใช้สิทธิเลือกตั้ง70%ที่ห้องประชุมโรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวระหว่างเป็นประธานการประชุมสัมมนาการเตรียมการสนับสนุนการเลือกตั้งประจำปี 2550 โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จาก 11 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน รวมกว่า 1,200 คน เข้าร่วมประชุม ว่าสิ่งที่อยากจะฝากให้ข้าราชการทุกภาคส่วน เข้ามาสนับสนุนการเลือกตั้ง 2 ประการ คือการเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสพฤติกรรมของผู้ที่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และช่วยกันรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิกันให้มากที่สุด เพราะหากประชาชนใช้สิทธิกันมาก การซื้อสิทธิขายเสียงจะทำได้ยาก
"เป้าหมายการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม คิดว่าน่าจะทำได้ร้อยละ 70 หากยอดผู้ใช้สิทธิถึงร้อยละ 70 จะเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยม การใช้สิทธิครั้งนี้ไม่เหมือนกับการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ที่เกินครึ่งหนึ่งถือว่าดีแล้ว แต่การเลือกตั้งนั้น จำนวนผู้ใช้สิทธิต้องทำให้ได้มากกว่านั้น" นายกฯกล่าว และว่า นอกจากนี้ให้ช่วยจับตาดูคือความเคลื่อนไหว การย้ายเข้าย้ายออกในทะเบียนราษฎร ในพื้นที่ต่างๆ