คนไทยต้องยืนยัน...ไม่เอาทั้ง'อำนาจเก่า'และ'อำนาจปืน'
กาแฟดำ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2550 00:00:00
คนไทยที่บอกว่าการเมืองสับสนเพราะไม่รู้ว่า "ประชาธิปไตย" มีความหมายอย่างไรกันแน่...และถ้าการเลือกตั้งครั้งนี้มีการทุ่มเงินซื้อเสียงกันอย่างบ้าคลั่ง เราจะยังเลื่อมใสในระบอบประชาธิปไตยได้หรือไม่?
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นักวิชาการแบ่งเป็นค่าย...ที่ต่อต้าน ทักษิณ ชินวัตร บอกว่า อาจจะพอรับได้กับการปฏิวัติ 19 กันยายนปีที่แล้ว...แต่อีกบางกลุ่มก็ยึดในหลักการว่าไม่ว่าจะตีความอย่างไรหรือเพื่อจุดประสงค์อันใด การล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งย่อมจะเป็นที่ยอมรับไม่ได้
เหตุเพราะรัฐธรรมนูญฉบับเดิมไม่อาจจะเปิดทางให้ประชาชนขจัดผู้นำที่โกงกินมหาศาล และสร้างความแตกแยกอย่างมโหฬารโดยอ้างว่าได้ผ่านการเลือกตั้งมา เมื่อประเทศถึง "ทางตัน" และกำลังจะกลายเป็น "สงครามกลางเมือง" การรัฐประหารจึงเกิดขึ้น มาถึงวันนี้ ความเห็นแปลกแตกต่างก็ยังแผ่ซ่านในแวดวงสังคมต่างๆ เพราะนักทฤษฎีกับนักปฏิบัติมีความสับสนพอๆ กัน
แต่คนไทยไม่ควรจะยอมให้ "ความสับสน" ของนักวิชาการและนักการเมืองบางกลุ่มมาทำให้เกิดความไขว้เขว จนกลายเป็นความงุนงงทั้งประเทศ และตามมาด้วยความเหนื่อยหน่ายกับคำว่า "การเมือง" และเผลอๆ อาจจะทำให้เริ่มลดความเชื่อถือในคำว่า "ประชาธิปไตย" ด้วยซ้ำไป
ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ค่อนข้างจะอันตราย
เพราะหากจะวิเคราะห์กันอย่างละเอียดแล้วก็จะเห็นว่า คนไทยส่วนใหญ่อยู่ตรงกลางของสถานการณ์การเมือง นั่นคือไม่เอา "ประชานิยม" และต่อต้านรัฐประหาร เพราะได้พิสูจน์แล้วว่าทางเลือกทั้งสองอย่างล้วนแต่ก่อปัญหาให้กับประเทศชาติทั้งสิ้น คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้หมดศรัทธาในระบอบ "ประชาธิปไตย" แต่เริ่มจะเห็นว่าคำว่า "เลือกตั้ง" นั้นไม่ได้แปลว่าจะเป็นกลไกที่จะรับรองความถูกต้องชอบธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากมีคนบางกลุ่มสามารถใช้เงิน "ซื้อประเทศ" ได้ โดยผ่านระบอบการกาบัตรที่เขาสามารถจะควบคุมและกำหนดผลได้พอสมควร
ด้วยเหตุนี้ คนไทยที่ต้องถูกบังคับให้ยืนอยู่ "ระหว่างเขาควาย" จึงต้องปฏิเสธที่จะตกอยู่ในภาวะที่ถูกบังคับให้ต้องเลือกข้างระหว่าง "ประชานิยม" หรือ "ปฏิวัติ" เพราะเรารู้ว่าหากเรายอมปล่อยให้ข้างใดข้างหนึ่งมีอิทธิพลต่อความเป็นไปของประเทศอีก การเผชิญหน้าก็จะก่อตัวขึ้นและความแตกแยกก็จะระเบิดขึ้นมาได้อีก ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพราะสองกลุ่มนี้กลายเป็นกลุ่มผลประโยชน์หลักของประเทศที่ต่างก็มี "วาระ" ของตัวเองที่ไม่ได้ยึดเอาผลประโยชน์ของชาติและของส่วนรวมมาเป็นที่ตั้ง
จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คนไทยจะต้องระดมสรรพกำลังของ "พลังแห่งประชาธรรม" ที่ไม่ยอมสยบต่ออำนาจเงินและอิทธิพล และไม่ก้มหัวให้กับผู้ใช้ปืนเพื่อกำหนดทิศทางของประเทศอีกต่อไป
ที่เห็นเผชิญหน้ากันอยู่ในขณะนี้ คือคนที่เลือกอยู่ข้าง "ประชานิยม" ของ "อำนาจเก่า" หรือไม่ก็อยู่ข้าง "อำนาจทหาร" ที่พวกเขาคิดว่าจะมาคานอำนาจเก่าได้ทั้งๆ ที่ 1 ปีที่ผ่านมาควรจะสรุปบทเรียนได้แล้วว่า ความเชื่อทั้งสองด้านล้วนเป็นความคิดที่ผิด
คนไทยจึงควรจะหันกลับมายึดแนวทางแห่งสันติประชาธรรม แสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในอันที่จะไม่ยอมให้ทั้ง "อำนาจเก่า" หรือ "อำนาจปัจจุบัน" มากำหนดให้เราต้องเลือกข้าง องค์กรประชาชนทั้งหลายทั้งปวงจะต้องแสดงจุดยืนที่หนักแน่นว่าเราต้องการประชาธิปไตยบนพื้นฐานของความเท่าเทียม ความพอเพียง ต่อต้านทั้งอำนาจเงินและอำนาจปืน คัดค้านความพยายามของทั้งสองฝ่ายที่พยายามจะทำลายล้างกันและกัน...จนในที่สุด ที่ถูกทำลายจริงๆ จะเป็นสังคมไทยเองนั่นแหละ
ได้เวลาที่เราจะประกาศอิสรภาพจากคนสองฝั่งนี้...เพื่อให้คนไทยส่วนใหญ่ที่กำลังถูกบีบคั้นอยู่ตรงกลาง สามารถหาทางออกที่ปลอดจากพิษภัยแห่งการแย่งชิงอำนาจด้วยวิธีการเน่าๆ และเถื่อนๆ อย่างที่เห็นกันอยู่ขณะนี้ (เข้ามาร่วมแสดงความเห็นได้ที่ blog ของผมที่
www.oknation.net/blog/black หรือเกาะติดสถานการณ์ร้อนๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่
www.suthichaiyoon.com)
http://www.bangkokbiznews.com/2007/10/23/WW12_1238_news.php?newsid=194825 วันนี้พวกกลุ่มอำนาจเก่าได้ถือหลัก'แยกกันเดิน รวมกันตี' จัดตั้งพรรคการเมือง'นอมินี' ให้อดีตนายกฯทักษิณ จำเลยคดีหนี"หมายจับ" ศาลยุติธรรมไทย.......
คนไทยจะยอมเชื่อถือกลุ่มนักการเมืองที่จงรักภักดีต่ออดีตนายกฯ และ ครอบครัวที่หนีหมายเรียก หมายจับคดีทุจริตต่าง ๆ คอร์รั่ปชั่น ของศาลยุติธรรม
เกือบทั้งครอบครัว..... 