โพลชี้คนกรุงเชื่อมั่นพรรค พปช. มากกว่า ปชป. ๔ ส.ค. ๒๕๕๐
ศูนย์ วิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จำนวน 2,135 คน เกี่ยวกับพรรคพลังประชาชน ในสายตาของประชาชน และความคิดเห็นต่อการดีเบตร่างรัฐธรรมนูญ ผลปรากฏว่า
ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 72.5 ทราบข่าวอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยได้เข้าไปสังกัดพรรคพลังประชาชน
โดยร้อยละ
33.6 เห็นด้วย ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยมีร้อยละ 17.3
ขณะที่มีกลุ่มตัวอย่างประมาณครึ่งหนึ่ง หรือร้อยละ 49.1 ไม่มีความเห็น
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณากลุ่มประชาชนจำแนกตามจุดยืนทางการเมือง พบว่า ผู้ที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 69.9 เห็นด้วยกับอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยที่ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชาชนเมื่อพิจารณาความมั่นใจของประชาชนต่อพรรคพลังประชาชน เปรียบเทียบกับพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม และปัญหาการเมือง ถ้าพรรคใดพรรคหนึ่งได้เป็นรัฐบาล ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือประมาณร้อยละ 70 ขึ้นไป ไม่มั่นใจต่อทั้ง 2 พรรค อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มที่มั่นใจต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ พบผู้ที่มั่นใจต่อพรรคพลังประชาชนในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจมีอยู่ร้อยละ 30.1 ซึ่งมีสัดส่วนสูงกว่าผู้ที่มั่นใจต่อพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีอยู่ร้อยละ 22.5 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ในกลุ่มที่มั่นใจต่อการแก้ปัญหาสังคม พบผู้ที่มั่นใจต่อพรรคพลังประชาชนในการแก้ปัญหาสังคม คิดเป็นร้อยละ 31.5 โดยมีสัดส่วนสูงกว่าผู้ที่มั่นใจต่อพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีอยู่ร้อยละ 18.1 อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจพบว่า สัดส่วนของประชาชนที่มั่นใจต่อทั้ง 2 พรรค ไม่แตกต่างกันในการแก้ปัญหาปมและความแตกแยกกันทางการเมือง โดยมีอยู่เพียงประมาณร้อยละ 20 เท่านั้น
และผลการสำรวจดังกล่าวยังพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.6 ไม่สนใจเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน ในขณะที่ร้อยละ 19.4 สนใจเมื่อสอบถามถึงการติดตามชมการดีเบต จุดเด่น-ข้อด้อยร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.5 ไม่ได้ติดตามเลย อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในกลุ่มผู้ที่ได้ติดตามดูตั้งแต่ต้นจนจบ พบว่า ในคู่ระหว่างนายจรัญ ภักดีธนากุล กับ นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ คนที่ดูแล้วเข้าใจกับไม่เข้าใจมีสัดส่วนก่ำกึ่ง คือร้อยละ 50.3 ต่อร้อยละ 49.7 ในขณะที่คู่ของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง กับนายจาตุรนต์ ฉายแสง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.4 เข้าใจ และในคู่ของนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ กับนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ พบว่า ร้อยละ 52.1 เข้าใจ แต่ร้อยละ 47.9 ไม่เข้าใจ
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงความชอบไม่ชอบต่อการจัดดีเบตคู่ต่าง ๆ พบว่า ประมาณร้อยละ 40 ชอบ แต่ส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 60 ไม่ชอบ เพราะดีเบตกันในเรื่องไกลตัวประชาชน มีการแสดงความไม่เหมาะสม เช่น การโห่ไล่ แสดงความแตกแยกในสังคม และฟังไม่รู้เรื่อง เป็นต้น.
.....เดลินิวส์ ออนไลน์
http://parcy.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=82868____________________________________________________________
ผมอ่านตรงที่เป็นสีแดง แล้วตีความไม่ออก ว่า "ผู้ที่ไม่สนับสนุนรัฐบาล" คิดเป็นร้อยละ
เท่าไรของจำนวนตัวอย่างผู้ที่ถูกสอบถาม 2,135 คน
คุณกาลามชน หรือใครก็ได้ ช่วยอธิบายได้ไหม ครับ
...