ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-04-2024, 16:54
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เลี่ยงภาษี "บุหรี่ข้ามชาติ" หลายหมื่นล้าน - เหตุแห่งการเปลี่ยนตัว อธิบดี DSI ? 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เลี่ยงภาษี "บุหรี่ข้ามชาติ" หลายหมื่นล้าน - เหตุแห่งการเปลี่ยนตัว อธิบดี DSI ?  (อ่าน 4131 ครั้ง)
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« เมื่อ: 13-10-2007, 15:18 »

แกะรอย คดีนำเข้าบุหรี่นอก เลี่ยงภาษีหมื่นล้าน ชนวนศึกดีเอสไอ

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในช่วงที่ผ่านมา อาจมี
หลายสาเหตุ แต่ที่ทำให้เกิดการปะทะกันอย่างดุเดือดต่อสาธารณชนคือ กรณีเปลี่ยน
ตัวพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในคดีสำแดงภาษีนำเข้าบุหรี่ต่างประเทศอันเป็นเท็จ
ที่ว่ากันว่ามีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท

จนกระทั่ง พ.ต.อ.อโณทัย บำรุงพงษ์ หัวหน้ากลุ่มงานที่ปรึกษากฎหมายกรมสอบสวน
คดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยื่นหนังสือร้องเรียนกลางวงประชุมเชิงปฏิบัติการ "ถ่ายทอด
นโยบายและแนวทางปฏิบัติราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ" ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยระบุอย่างตรงไปตรงมาว่า นายสุนัย มโนมัยอุดม
อธิบดีดีเอสไอมีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติกับนายไชยวัฒน์ บุนนาค ประธาน บริษัท
ฟิลลิป มอร์ริส (ประเทศไทย) จำกัด เนื่องจากนายไชยวัฒน์ เป็นสามี นางนงลักษณ์
บุนนาค (นามสกุลเดิมมโนมัยอุดม) พี่สาวนายสุนัย


ขณะที่ดีเอสไอกำลังสอบสวนบริษัทฟิลลิป มอร์ริส ในคดีสำแดงภาษีนำเข้าบุหรี่ต่าง
ประเทศอันเป็นเท็จ

พ.ต.อ.อโณทัยระบุว่า ความสัมพันธ์ดังกล่าวระหว่างนายสุนัยกับนายไชยวัฒน์อาจทำ
ให้เสียความเป็นกลางในการสอบสวนคดีดังกล่าวและอาจเป็นสาเหตุที่มีการเปลี่ยน
พนักงานสอบสวนคดีพิเศษในคดีนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม นายสุนัยได้ออกมาตอบโต้เรื่องนี้ว่า ไม่เคยแทรกแซงการทำคดีดังกล่าว
แต่ยอมรับในข้อเท็จจริงเรื่องความสัมพันธ์ฉันเครือญาติกับนายไชยวัฒน์

...

สำหรับความเป็นมาของคดีดังกล่าว เริ่มจากคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษมีมติ
อนุมัติให้มีการสืบสวนเกี่ยวกับข้อมูลการนำเข้าบุหรี่จากต่างประเทศเป็นคดีพิเศษ
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2549 ซึ่งหลังจากตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว พ.ต.อ.ทวี
สอดส่อง รองอธิบดีดีเอสไอในขณะนั้น (ปัจจุบันเป็นรองเลขาธิการสำนักงานคณะ
กรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด-ป.ป.ส.)เสนอให้ พล.ต.อ.สมบัติ อมร-
วิวัฒน์ อธิบดีดีเอสไอในขณะนั้น แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษรวม
222 คน ขึ้นมาดำเนินการ 2 ครั้งด้วยเมื่อวันที่ 7 และ 15 สิงหาคม 2549

รายละเอียดในคำสั่งแต่งตั้งพนักงานสืบสวนครั้งที่สองนั้นระบุว่า กรณีที่กรมสอบสวน
คดีพิเศษได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการนำเข้าบุหรี่จากต่างประเทศ ซึ่งจากการตรวจสอบ
ข้อมูลเบื้องต้นพบพฤติการณ์น่าเชื่อว่า มีการสำแดงเอกสารการนำเข้าอันเป็นเท็จ
โดยแจ้งราคานำเข้า (C.I.F.) กับผู้นำเข้าอิสระเห็นว่า มีราคาต่างกัน

การกระทำดังกล่าวเป็นคดีความผิดอาญาแห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547
ซึ่งเป็นคดีความผิดทางอาญาที่มีหรืออาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อย
และศีลธรรมอันดีของประชาชน ความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
หรือระบบเศรษฐกิจการคลังของประเทศ รวมทั้งเป็นคดีความผิดทางอาญาที่มีลักษณะ
เป็นการกระทำความผิดข้ามชาติที่สำคัญ หรือเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม

ต่อมานายกรัฐมนตรีมีคำสั่งลงวันที่ 10 สิงหาคม 2549 ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีความรู้
ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเป็นพิเศษจากหน่วยงานกรมศุลกากร กรมสรรพสามิต กรม
สรรพากร มาปฏิบัติหน้าที่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อช่วยเหลือในการสืบสวนและสอบ-
สวนคดีพิเศษดังกล่าว

จากการตรวจสอบข้อมูลการนำเข้าบุหรี่ของคณะพนักงานสืบสวน พบว่า บริษัทฟิลลิป
มอร์ริสนำเข้าบุหรี่ 2 ยี่ห้อคือ Marlboro และ L&M จากโรงงานของฟิลลิป มอร์ริสเอง
ในประเทศฟิลิปปินส์สำแดงราคานำเข้า (C.I.F.) เพียงราคาซองละ 7.76 บาท และ
5.88 บาทตามลำดับ

ขณะที่บริษัทคิงเพาเวอร์นำเข้าบุหรี่ 2 ยี่ห้อดังกล่าวจากฮ่องกง สำแดงราคานำเข้าสูง
ถึง 27.46 บาท และ 16.81 บาท

การที่บริษัทฟิลลิป มอร์ริสสำแดงราคานำเข้าต่ำทำให้เสียภาษีสรรพสามิตเพียงซองละ
30.65 บาทและ 23.23 บาทตามลำดับ

ส่วนบริษัทคิงเพาเวอร์ต้องเสียภาษีสรรพสามิตซองละ 108.47 บาท และ 66.40
บาท มีส่วนต่างภาษีสูงถึงซองละ 77.82 บาทและ 43.17 บาท

ในปี 2548 บริษัทฟิลลิป มอร์ริสนำเข้าบุหรี่มีการนำเข้า Marlboro ประมาณ 72 ล้าน
ซอง และ L&M ประมาณ 368 ล้านซอง เมื่อนำส่วนต่างภาษีสรรพสามิตที่บริษัทคิง
เพาเวอร์ต้องเสียภาษี กับบริษัทฟิลลิป มอร์ริสต้องเสียภาษี จะเป็นเงินถึง 21,368
ล้านบาท หรือเท่ากับรัฐอาจสูญเสียรายได้จากภาษีถึง 21,368 ล้านบาท (ดูตาราง 1)

บริษัทฟิลลิป มอร์ริสเองก็ยอมรับว่า ถ้าใช้ฐานราคานำเข้าของคิงเพาเวอร์มาเป็นฐาน
ในการคำนวณภาษี
ศุลกากรและสรรพสามิต จะมีผลเป็นการเพิ่มภาษีของบริษัทในปี
2548 จาก 11,078 ล้านบาท เป็น 29,636 ล้านบาท
ภายในปีเดียวซึ่งบริษัทไม่
สามารถหาหนังสือมาค้ำประกันได้และมีผลให้ต้องหยุดกิจการในทันที (คำสั่งศาล
ปกครองสูงสุดที่ 417/2550)

อย่างไรก็ตาม บริษัทฟิลลิป มอร์ริสอ้างว่า เหตุที่บุหรี่นำเข้าสำแดงราคาแตกต่างกัน
เพราะแหล่งที่นำเข้าบุหรี่ต่างกันคือ บริษัทฟิลลิป มอร์ริสนำเข้าจากฟิลิปปินส์ ขณะที่
บริษัทคิงเพาเวอร์นำเข้าจากสิงคโปร์ ทำให้มีต้นทุนต่างกัน ขณะเดียวกันบริษัทฟิลลิป
มอร์ริสห้ามบริษัทคิงเพาเวอร์นำเข้าบุหรี่จากฟิลิปปินส์

แต่ประเด็นที่พนักงานสืบสวนสงสัยคือ เมื่อโรงงานในฟิลิปปินส์เป็นของบริษัทฟิลลิป
มอร์ริสเองการกำหนดต้นทุนจากโรงงานสามารถกำหนดอย่างไรก็ได้ ยากที่จะตรวจ-
สอบได้
ขณะที่โรงงานของฟิลลิป มอร์ริสในอินโดนีเซียก็มีต้นทุนถึงซองละ 16 บาท
สูงกว่าในฟิลิปปินส์ถึง 2 เท่า

นอกจากรัฐอาจต้องสูญเสียภาษีจำนวนมหาศาลแล้ว การสำแดงราคานำเข้าต่ำทำให้
ราคาขาย Marlboro และ L&M ใกล้เคียงกับบุหรี่ที่ผลิตโดยโรงงานยาสูบ
กล่าวคือ
Marlboro จำหน่ายเพียงซองละ 65 บาท L&M จำหน่ายซองละ 46 บาท

ขณะที่กรองทิพย์ ซองละ 42 บาท รอยัลสแตนดาร์ด ซองละ 53 บาท (ดูตาราง 2)
ทำบุหรี่นำเข้าเหล่านี้ให้สามารถช่วงชิงตลาดจากโรงงานยาสูบได้อย่างง่ายดาย ยอด
ขายบุหรี่ของโรงงานยาสูบจึงลดลงอย่างรวดเร็ว

ต้องยอมรับว่า บริษัทบุหรี่ข้ามชาตินั้นมีอิทธิพลอย่างมาก รวมถึงมีอิทธิพลต่อนโยบาย
ของรัฐบาลของสหรัฐอเมริกาด้วยเพราะมีเม็ดเงินจำนวนมหาศาล

ดังนั้นการสอบสวนคดีการเลี่ยงภาษีบุหรี่นำเข้าจากต่างประเทศ รัฐบาลไทยต้องมี
นโยบายที่ชัดเจนในสนับสนุนการทำงานของพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษเพื่อ
ป้องกันการแทรกแซงจากอิทธิพลครอบโลกดังกล่าว

มติชน วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10808

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0107131050&day=2007-10-13&sectionid=0101

ที่อธิบดี ดีเอสไอ คนเก่า ต้องเปลี่ยนใหม่ เป็น น้องเขย ที่ปรึกษาฯ บริษัทที่ว่านี้
เกี่ยวกันยังไงหรือเปล่า?

แล้วจะเกี่ยวอะไรไหมกับการที่นายกรัฐมนตรีที่ไปสั่งสอบสวนเรื่องนี้ ต้องมาโดน
น้องเขยที่ปรึกษาฯ บริษัทนั้น ตามล้างอยู่นี่

ผลประโยชน์ขัดกันก็บรรลัย ....

Conspiracy theory?


บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #1 เมื่อ: 13-10-2007, 17:09 »

สองหมื่นเก้าพันล้านไม่ใช่ขี้ๆ เอามาจ้างปฏิวัติยังมีเหลือทอน
ยิ่งถ้ามีปฏิวัติอยู่แล้ว แค่จ่ายเพิ่มให้เปลี่ยนตัวอธิบดีดีเอสไอ
ยิ่งประหยัดเข้าไปใหญ่ สงสัยต้องเปลี่ยนคำขวัญใหม่เป็น

อยากประหยัด(ภาษีสรรพสามิต)ให้ดูดมาร์ลโบโร่
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 13-10-2007, 17:17 »

เค้าสาวไส้กันเองใน สนช. จนประชาชนรู้ว่า
เจ้าของทุนปฏิวัติหรือขบวนการสนธิ มาจาก ประชัย-ประสงค์ ไม่ใช่เหรอครับ
บันทึกการเข้า

snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #3 เมื่อ: 13-10-2007, 17:40 »

แถมข่าวข้างเคียง

มติชน วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10808

ยื่นร้อง ป.ป.ช. สอบ 3 บิ๊กดีเอสไอ

ดีเอสไอป่วนอีก ยื่นร้อง "ป.ป.ช." ตรวจสอบคุณสมบัติ 3 บิ๊กดีเอสไอ
อ้างไม่ผ่านฝึกอบรมหลักสูตรสอบสวนคดีพิเศษ ไม่มีอำนาจกระทำการ
ในฐานะ พนง. คดีพิเศษ รวมทั้งไม่มีสิทธิรับเงินพิเศษเดือนละ 4.2 หมื่น
บาท


วันเดียวกัน "มติชนออนไลน์" รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา นายสงวน
สงวนรักศักดิ์ อยู่บ้านเลขที่ 3531/214 ถนนแฉล้มนิมิต ซอย 5 แขวงบางโคล่ เขต
บางคอแหลม กรุงเทพฯ ได้ยื่นหนังสือถึงประธานกรรมการป้องกันและปราบปราม
การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และเลขาธิการ ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบ นายสุนัย
มโนมัยอุดม อธิบดีดีเอสไอ นายพรชัย อัศววัฒนาพร และนายภิญโญ ทองชัย รอง-
อธิบดีดีเอสไอ กรณีบุคคลทั้งสามขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งอธิบดีและรอง-
อธิบดีเพราะไม่ได้สำเร็จการฝึกอบรมตามหลักสูตรสอบสวนคดีพิเศษ ไม่มีอำนาจ
กระทำการหรือเกี่ยวข้องกับคดีในฐานะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ

"แต่นายสุนัยและนายพรชัยได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีพิเศษในคดีการขายสินทรัพย์ของ
56 สถาบันการเงินขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) อาจก่อให้
เกิดความเสียหายต่อคดีดังกล่าว ซึ่งได้ร้องเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและ
ปลัดกระทรวงยุติธรรมตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2550
" หนังสือร้องเรียนระบุ

หนังสือร้องเรียนยังระบุอีกว่า บุคคลทั้งสามยังได้รับเงินเพิ่มพิเศษตำแหน่งพนักงาน
สอบสวนคดีพิเศษ ตำแหน่งอธิบดีได้รับเดือนละ 42,000 บาท รองอธิบดีได้รับเดือนๆ
ละ 41,000 บาท หากบุคคลทั้ง 3 ขาดคุณสมบัติย่อมไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าว

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0106131050&day=2007-10-13&sectionid=0101
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #4 เมื่อ: 13-10-2007, 17:56 »

คิงเพาเวอร์น่าจะรับรู้ถึงความไม่ถูกต้องของภาษีสรรพสามิตตั้งแต่แรก
เพราะว่าภาษีมันต่างกันตั้งสามเท่ากว่า ถ้าคิงเพาเวอร์มีส่วนเกี่ยวข้อง
ในการเรียกร้องความเป็นธรรม แล้วมาโดนทหารบอร์ดของคณะปฏิวัติ
ไล่ทุบอย่างเมามันทั้งที่ชื่อคิงเพาเวอร์ก็บอกอยู่แล้วว่าพลังระดับไหน
มันก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าสาเหตุหลักที่คิงเพาเวอร์ต้องมาซวย อาจจะ
เป็นเรื่องนี้ก็ได้ เพราะเรื่องที่จะเอาผิดคิงเพาเวอร์มันจิ๊บจ๊อยเกินกว่าที่
ท่านวีรบุรุษผู้ตกกระป๋องและพวกพ้องจะต้องมาเดินเรื่องจัดการเอง
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #5 เมื่อ: 13-10-2007, 20:22 »

ราคาสินค้านำเข้าจากประเทศต่าง ๆ ย่อมมี'ราคา'แตกต่างกัน ด้วยเหตุผลหลายประการเช่น..
1. ต้นทุนการผลิตต่างกัน ภาษี แรงงาน ฯลฯ...
2. คุณภาพวัตถุดิบแตกต่างกัน...
3. แหล่งที่ขายให้....
4. เจตนาแจ้งราคาต่ำกว่าความเป็นจริง...
5. สาเหตุอื่น ๆ....ฯลฯ

1. ผมยกตัวอย่าง รองเท้า เสื้อผ้า เครื่องสำอางที่ผลิตในประเทศไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น
ต้นทุน ภาษี แรงงาน ย่อมต่ำกว่า นิวยอร์ค ลอนดอน ปารีส โตเกียว เป็นต้น
2. คุณภาพวัสดุดิบอาจจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับผู้ว่าจ้างผลิต และผู้รับจ้างผลิต...
3. ผู้สั่งสินค้านำเข้า สั่งซื้อสินค้าจากผู้ผลิตหรือฝ่ายขายของผู้ผลิตอาจจะสูงกว่าราคาจาก 'ผู้แทนขายส่งรายใหญ่'...
4. เจตนาแจ้งราคานำเข้าต่ำกว่าความเป็นจริง....เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ. เจ้าหน้าที่ศุลกากร น่าจะตรวจสอบ'ราคาส่งออกที่ท่าเรือส่งออกของฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย หรือหอการค้าของประเทศนั้น...


ดังนั้น จึงต้องตรวจสอบว่า 'ราคา' นั้นเป็นราคาส่งออกที่แท้จริงหรือราคาส่งออกที่ต่ำกว่าความเป็นจริง....

ปล. การเปลี่ยนแปลงอธิบดี ผู้บริหารระดับสูงของ 'ดีเอสไอ' เพราะไม่ต้องการให้ 'คนเก่า' ของกลุ่มอำนาจเก่าอยู่
ในตำแหน่ง เพื่อช่วยเหลือ ปกป้องให้ทักษิณ จำเลยหนี"หมายจับ" เช่นเดียวกับ คณะกรรมการ กกต. คณะกรรมการ ปปช. และ ศาลตุลาการรัฐธรรมนูญ เป็นต้น.....

มากกว่า ที่คนรักทักษิณ จำเลยคดีทุจริตต่าง ๆ ของคณะกรรมการ คตส. บิดเบือน เบี่ยงเบนประเด็น......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 13-10-2007, 23:49 »



ก็รับฟังไว้ ยังไงเอาเรื่องแม้ว มนต์ดำ ให้จบก่อนแม้วย่นจนจำไม่ได้ก็ดีที่สุด..

ประเทศไทยเรายังไม่เคยเจอนักธุรกิจกินเมืองเยี่ยงนี้


การสร้างภูมิคุ้มกันในทุกด้านจำเป็นในกรณีสำหรับผู้ถืออำนาจรัฐประพฤติมิชอบ
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 14-10-2007, 16:07 »

 

ตอนนี้การตรวจสอบ คนนักการเมือง ข้าราชการ สื่อเอง เอ็นจีโอ นักธุรกิจการเมืองคงต้องทำให้ทั่วถึง..

ไม่ต้องแบ่งฝ่าย ยกเว้นพวกที่ประวัติยืนยันว่าแย่มากๆ อย่างพรรคพลังขี้หมูไหล นอมินี พรรคแม้วมนต์ดำ
บันทึกการเข้า

snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #8 เมื่อ: 17-10-2007, 12:32 »

"ดีเอสไอ" ลากไส้กันเอง!
--------------------------------------------------------------------------------

โดย Post Digital 10 ตุลาคม 2550 17:14 น.

หัวหน้ากลุ่มงาน ที่ปรึกษา กม. กรมสอบสวนคดีพิเศษ แฉอธิบดี ดีเอสไอ
มีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติกับ บริษัทบุหรี่นอก ที่ถูกกล่าวหาสำแดงภาษี
อันเป็นเท็จ


ในระหว่างการประชุม เชิงปฏิบัติการ “ถ่ายทอดนโยบาย และแนวทางปฏิบัติราชการ
กรมสอบสวนคดีพิเศษ” ประจำปี 2551 พ.ต.อ.อโณทัย บำรุงพงษ์ หัวหน้ากลุ่มงาน
ที่ปรึกษากฎหมาย ดีเอสไอ ได้ยื่นหนังสือถึงอธิบดี และรองอธิบดี ดีเอสไอ เพื่อท้วงติง
การสอบสวนคดีบริษัท ฟิลิป มอร์ริส ไทยแลนด์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำเข้าบุหรี่
มาร์ลโบโร และแอลเอ็ม ที่ถูกกล่าวหาว่า สำแดงภาษีอันเป็นเท็จ

หนังสือร้องเรียนดังกล่าว ระบุว่า หลังการเข้ารับตำแหน่งของ นายสุนัย มโนมัยอุดม
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีการย้าย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง จากรองอธิบดี ดีเอสไอ
และต่อมาได้ย้าย พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย และ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รวมทั้ง
ย้ายตนเองออกจากการเป็นพนักงานสอบสวนคดีนี้ จึงเกิดความเคลือบแคลงสงสัย
และสืบค้นข้อมูล

กระทั่งพบว่า นายสุนัย มีความสัมพันธ์เกี่ยวดองเป็นเครือญาติกับนายชัยวัฒน์ บุนนาค
ประธานกรรมการบริษัท ฟิลิป มอร์ริส
ซึ่งสมรสกับนางนงลักษณ์ มโนมัยอุดม และให้
นายพรชัย อัศววัฒนาพร รองอธิบดีดีเอสไอ เข้าเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน โดยที่
ภรรยาของนายพรชัย เป็นที่ปรึกษากฎหมายของบริษัท เบเกอร์ แอนด์ แมคเคนซี่ย์
ที่รับเป็นทนายว่าความให้บริษัท ฟิลิป มอร์ริส


ดังนั้น จึงเรียกร้องให้ นายสุนัย ชี้แจงประเด็นความสัมพันธ์ดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความ
เคลือบแคลงสงสัยในการรักษาความเป็นกลางในการสอบสวนคดีดังกล่าว

นายสุนัย ชี้แจงว่า แม้จะเป็นคู่เขยกับนายชัยวัฒน์ แต่ก็ไม่เคยทราบว่า นายชัยวัฒน์
ไปเป็นประธาน หรือมีหุ้นอยู่ที่บริษัทใด การมีหนังสือร้องเรียนแจ้งมา ทำให้เพิ่งได้
รับทราบ ซึ่งต้องขอบคุณ และโดยมารยาทก็ต้องไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ซึ่งปกติ
ตนเองจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีต่างๆ น้อยมาก โดยเฉพาะคดีบริษัท ฟิลิป มอร์ริส ซึ่ง
ไม่เคยรับทราบเลย

ขณะที่ นายพรชัย ชี้แจงกรณีภรรยาทำงานเป็นที่ปรึกษาบริษัท เบเกอร์ แอนด์ แมค-
เคนซี่ย์ โดยยอมรับว่า ภรรยาเป็นที่ปรึกษากฎหมายแต่ไม่เคยเป็นทนาย และไม่เคย
มีตั๋วทนาย การเข้าไปเกี่ยวพันกับคดีจึงค่อนข้างเป็นไปได้ยาก

ด้าน นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า โดยปกติ
การทำคดี หากพบว่าผู้เกี่ยวข้องในคดีเป็นญาติ หรือแม้แต่เป็นเพื่อน ก็ไม่มีใครเข้าไป
ทำคดี ปัญหานี้ตนเองจะสั่งการให้ นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม เรียก
นายสุนัย และนายพรชัย มาหารือ เพื่อให้ชี้แจงในประเด็นดังกล่าว สำหรับ นายสุนัย
คงไม่มีปัญหา เพราะไม่ได้เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีใด ส่วน นายพรชัย นั้น
หากมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา ก็จะให้ถอนตัวออกจากการเป็น
พนักงานสอบสวน โดยควรมอบหมายให้รองอธิบดีคนอื่นๆ หรือผู้บัญชาการสำนักคดี
รับเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนแทน

http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=196649

พี่เขย กับ ภรรยา ทำงานอะไรมั่ง ยังไม่รู้
แล้วจะไปสืบคดีพิเศษ เรื่องลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรได้ละนี่???


 
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #9 เมื่อ: 17-10-2007, 14:47 »

พี่เขย กับ ภรรยา ทำงานอะไรมั่ง ยังไม่รู้
แล้วจะไปสืบคดีพิเศษ เรื่องลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรได้ละนี่???



พี่เขย น้องเขย คู่เขย พี่เมีย น้องเมีย ไปทำงานดี-ชั่ว อย่างไร
ผมจะไปรู้ได้อย่างไร ถ้าไม่ได้เกี่ยวข้อง รับผลประโยชน์ ให้ผลประโยชน์......

ส่วน'ภรรยา' นั้น อาจจะไม่รู้ได้เหมือนกัน เพราะ'เธอ'เก็บเป็นความลับ...
เมื่อรู้แล้ว ผมจะตรวจสอบว่า 'เธอ' ได้แอบอ้าง หน้าที่ตำแหน่งงานของผม ไปทำประโยชน์ ประพฤติชั่วหรือไม่... Question


ผมเชื่อว่าคนทั่วไปย่อมทราบดีว่า 'อธิบดีคนนี้' ได้รับแต่งตั้งมาเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบอะไร... Question
ถ้า'อธิบดี' สมรู้ สมคบกับญาติพี่น้อง ก็ควรจะถูกตรวจสอบ และพิจารณาโทษ เช่นกัน เพราะประพฤติชั่วเหมือน'กลุ่มอำนาจเก่า'...

ถ้าไม่ได้ประพฤติชั่วช้า ก็ปล่อยให้เขาปฎิบัติหน้าที่ต่อไป อย่าให้คนรัก'กลุ่มอำนาจเก่า' หัวเราะด้วยความยินดีเลย.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


 
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #10 เมื่อ: 17-10-2007, 15:31 »

แก่เอ๊ยอยู่ดูโลกจนจะลงโลงอยู่แล้ว รู้จักคำว่ามาตรฐานมั่งหรือเปล่า
วันๆ เป็นแต่พ่นด่ากลุ่มอำนาจเก่าส่งเดชไม่สนใจหลักฐาน พวกไหน
เลียไข่เผด็จการมันมองเป็นเทวดาไปหมด วันๆ คงตะบันเยี่ยวทหาร
จนทะลักปาก คิดอะไรไม่เป็น แสดงความเห็นอะไรออกมามันไม่เหลือ
ราคา ออกแนวเศษเดนสวะผู้เสียประโยชน์ในยุคที่แล้ว เรื่องบุหรี่ข้าม
ชาติมันชัดยิ่งกว่ากรณีชินคอร์ป พวกในดีเอสไอก็ขัดแย้งกันเอง จนถึง
ขั้นราดน้ำมันเบรครถ เรื่องแบบนี้ผู้มีอำนาจระดับปลัดถ้ามีความยุติธรรม
ในตัว คิดจะแก้ปัญหาไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าแกล้งแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ปล่อย
มันไม่จบแถมบานปลายแบบนี้ ต้องเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์มหาศาล
โดยไม่ต้องสงสัย การแสดงความเห็นเป็นกลางว่าเรื่องนี้มีมูลน่าสงสัย
ยังพอมีราคาบ้าง ทะลึ่งเห็นพวกเลียไข่ทหารเป็นเทวดาทำอะไรไม่ผิด
นี่มันเข้าขั้นบ้า อุบาทว์ ทุเรศ ไร้เหตุผล เหมือนพวกแค้นฝังหุ่นแบบไอ้
สงค์ฟันดำ ยังเหลือเวลาในโลกมนุษย์ไม่มากก็กลับตัวซะเหอะ เป็นตัว
อย่างที่ดีแก่ลูกหลานมั่ง หวังดีนะ จุ๊บ จุ๊บ 
บันทึกการเข้า
irq5
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,149



« ตอบ #11 เมื่อ: 17-10-2007, 15:37 »

ถ้ามีแฟนคลับมาปกป้อง   อาจได้ไปนอนคุกสมใจ
บันทึกการเข้า

.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMddMMMs..
.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMssMMMMs..
.:Mddddddddddddddddddddddddddo+ddddNs..
.:M................................................hs..
.:M.............//:................//:.............hs..
.:M...........:MMs.............NMd............hs..
.:M................................................hs..
.:M................................................hs..
.:M.............yNNNNNNNNNN................hs..
.:M.................................................hs..
.:dyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyho..

....W..W::W:...AAA...NN...N...TTTTT..EEEEE...DDD..........
.....Ww.wW...AAAA..N..N..N......T.....EEE......D....D.......
.....-W...W...A......A N....NN......T.....EEEEE...DDD..........
. . . . . . . . . . . . thaksin shinawatra
Kittinunn
Aloha007
Global Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,127


ไปได้สวย...ด้วยเกียร์ต่ำ!!!


เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 17-10-2007, 17:46 »

แก่จนจะลงโลง ดีกว่าหาเมียไม่ได้ ต้องมาแทะโลมยามราตรี 
บันทึกการเข้า

“ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย” (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)

snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #13 เมื่อ: 17-10-2007, 18:38 »

เรื่องเล็กๆ ในดีเอสไอ

คอลัมน์ เดินหน้าชน
โดย เจตนา จนิษฐ jetana@matichon.co.th

 
... เรื่องราวเล็กๆ ใน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มีผู้บางคนในดีเอสไอบอกว่า
ไม่น่าสนใจเท่าเรื่องรัฐธรรมนูญ!

จะเป็นเรื่องเล็กๆ จริงหรือไม่ คงต้องถามท่านจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวง
ยุติธรรม ครับ

ผมพอทราบมาว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ที่ตั้งขึ้นมาหลังการปรับปรุง
ระบบราชการไทย เมื่อเดือนตุลาคม 2546 นั้น แบ่งข้าราชการที่เข้ามาทำงานออก
เป็น 2 กลุ่ม

กลุ่มแรก เป็นข้าราชการเดิมที่โอนย้ายมาจากส่วนราชการต่างๆ

กลุ่มสอง เป็นข้าราชการใหม่ที่สอบคัดเลือกบรรจุเข้ามา

เมื่อเข้ามาอยู่รวมกันร้อยพ่อพันแม่ วิธีที่จะทำให้ทุกคนมีความรู้พื้นฐานกฎหมายที่ดี
นำไปปฏิบัติบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงจัด
อบรมหลักสูตร การสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ ขึ้น

เป็นการปรับพื้นฐานความรู้และพัฒนาความรู้ด้านกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมาย
ให้กับข้าราชการทุกคน การจัดอบรมดังกล่าวผ่านมาแล้ว 5 รุ่น รุ่นละ 1 เดือนครับ

มีการอบรมตั้งแต่พื้นฐานกฎหมาย กฎหมายคดีพิเศษทุกมาตรา การบังคับใช้กฎหมาย
และวิธีปฏิบัติต่างๆ ที่สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา เป็นเวลาไม่
น้อยกว่ารุ่นละ 160 ชั่วโมง และทุกคนต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่า 80% จึงจะมีสิทธิ
สอบประมวลความรู้ ก่อนจบหลักสูตร


เมื่อผ่านหลักสูตรจะมีการมอบประกาศนียบัตรโดยรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน
คณะกรรมการคดีพิเศษ

หลักสูตรนี้สอดคล้องกับกฎหมายของกรมสอบสวนคดีพิเศษ มาตรา 19 ที่วางหลัก
ไว้ว่า เจ้าหน้าที่คดีพิเศษ ที่ได้รับการแต่งตั้งตามวรรคหนึ่ง ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ใน
ตำแหน่งดังกล่าว ต้องเข้ารับการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจัด
ให้มีขึ้นด้วยเช่นกัน

พอจำได้ว่า ขณะนั้น ท่านปลัดจรัญ เป็นผู้จัดการหลักสูตรนี้ครับ ในฐานะเลขาธิการ
เนติบัณฑิตยสภา


แล้วไงหรือครับ? ก็อย่างที่ผมบอก คงต้องถามท่านปลัดจรัญ และ พ.ต.อ.สุเทพ
สัตถาผล ผู้บัญชาการสำนักพัฒนาและสนับสนุนคดีพิเศษ

ว่า... เรื่องเล็กๆ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษใช้อำนาจในภายหลังอนุโลมให้การสัมมนา
แค่ 3 วัน ที่ปากช่องเมื่อปลายปีที่แล้ว
ในหัวข้อการใช้จ่ายตามมาตรา 31 แห่ง
พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 มาเทียบเท่ากับการฝึกอบรมหลักสูตรที่
เนติบัณฑิตยสภาที่ท่านปลัดจรัญเคยจัดให้
นั้น เหมาะสมหรือไม่?

เพราะส่งผลให้เจ้าหน้าที่คดีพิเศษที่ใกล้หูใกล้ตาผู้ใหญ่ ได้อานิสงส์ นับเป็นการผ่าน
หลักสูตรอบรม ได้เงินเพิ่มตำแหน่ง!


ขณะที่เจ้าหน้าที่คดีพิเศษที่ไกลปืนเที่ยง ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ ถามหามาตรฐาน
ของกรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ตรงไหน?


เรื่องเล็กๆ แบบนี้ล่ะครับ ที่องค์กรหลายแห่งมองข้าม ทำให้เกิดปัญหาเกียร์ว่าง
งานไม่เดิน แถมยังถอยหลังอีกครับ!?!

มติชน วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2550 02:02 น.

สัมมนา 3 วัน เที่ยบเท่ากับหลักสูตรอบรม 1 เดือน + สอบ ได้
คุณ สงวน ในข่าว ตาม คคห. ที่ 3 ที่ไปฟ้องนั่น สงสัยไม่รู้เรื่องนี้
เลยไปว่าทั่นเหล่านั้นขาดคุณสมบัติ


 
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 18-10-2007, 11:34 »


 

จะขยายประเด็น

เรื่องภาษีบาป หรือประเด็นเรื่องวิธีแก้พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพในการบริโภคของคนเมืองดี
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
    กระโดดไป: