แกะรอย คดีนำเข้าบุหรี่นอก เลี่ยงภาษีหมื่นล้าน ชนวนศึกดีเอสไอความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในช่วงที่ผ่านมา อาจมี
หลายสาเหตุ แต่ที่ทำให้เกิดการปะทะกันอย่างดุเดือดต่อสาธารณชนคือ กรณีเปลี่ยน
ตัวพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในคดีสำแดงภาษีนำเข้าบุหรี่ต่างประเทศอันเป็นเท็จ
ที่ว่ากันว่ามีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท
จนกระทั่ง พ.ต.อ.อโณทัย บำรุงพงษ์ หัวหน้ากลุ่มงานที่ปรึกษากฎหมายกรมสอบสวน
คดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยื่นหนังสือร้องเรียนกลางวงประชุมเชิงปฏิบัติการ "ถ่ายทอด
นโยบายและแนวทางปฏิบัติราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ" ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยระบุอย่างตรงไปตรงมาว่า
นายสุนัย มโนมัยอุดม
อธิบดีดีเอสไอมีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติกับนายไชยวัฒน์ บุนนาค ประธาน บริษัท
ฟิลลิป มอร์ริส (ประเทศไทย) จำกัด เนื่องจากนายไชยวัฒน์ เป็นสามี นางนงลักษณ์
บุนนาค (นามสกุลเดิมมโนมัยอุดม) พี่สาวนายสุนัย ขณะที่ดีเอสไอกำลังสอบสวนบริษัทฟิลลิป มอร์ริส ในคดีสำแดงภาษีนำเข้าบุหรี่ต่าง
ประเทศอันเป็นเท็จ
พ.ต.อ.อโณทัยระบุว่า ความสัมพันธ์ดังกล่าวระหว่างนายสุนัยกับนายไชยวัฒน์อาจทำ
ให้เสียความเป็นกลางในการสอบสวนคดีดังกล่าวและอาจเป็นสาเหตุที่มีการเปลี่ยน
พนักงานสอบสวนคดีพิเศษในคดีนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม นายสุนัยได้ออกมาตอบโต้เรื่องนี้ว่า ไม่เคยแทรกแซงการทำคดีดังกล่าว
แต่ยอมรับในข้อเท็จจริงเรื่องความสัมพันธ์ฉันเครือญาติกับนายไชยวัฒน์
...
สำหรับความเป็นมาของคดีดังกล่าว เริ่มจากคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษมีมติ
อนุมัติให้มีการสืบสวนเกี่ยวกับข้อมูลการนำเข้าบุหรี่จากต่างประเทศเป็นคดีพิเศษ
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2549 ซึ่งหลังจากตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว พ.ต.อ.ทวี
สอดส่อง รองอธิบดีดีเอสไอในขณะนั้น (ปัจจุบันเป็นรองเลขาธิการสำนักงานคณะ
กรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด-ป.ป.ส.)เสนอให้ พล.ต.อ.สมบัติ อมร-
วิวัฒน์ อธิบดีดีเอสไอในขณะนั้น แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษรวม
222 คน ขึ้นมาดำเนินการ 2 ครั้งด้วยเมื่อวันที่ 7 และ 15 สิงหาคม 2549
รายละเอียดในคำสั่งแต่งตั้งพนักงานสืบสวนครั้งที่สองนั้นระบุว่า กรณีที่กรมสอบสวน
คดีพิเศษได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการนำเข้าบุหรี่จากต่างประเทศ ซึ่งจากการตรวจสอบ
ข้อมูลเบื้องต้นพบพฤติการณ์น่าเชื่อว่า มีการสำแดงเอกสารการนำเข้าอันเป็นเท็จ
โดยแจ้งราคานำเข้า (C.I.F.) กับผู้นำเข้าอิสระเห็นว่า มีราคาต่างกัน
การกระทำดังกล่าวเป็นคดีความผิดอาญาแห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547
ซึ่งเป็นคดีความผิดทางอาญาที่มีหรืออาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อย
และศีลธรรมอันดีของประชาชน ความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
หรือระบบเศรษฐกิจการคลังของประเทศ รวมทั้งเป็นคดีความผิดทางอาญาที่มีลักษณะ
เป็นการกระทำความผิดข้ามชาติที่สำคัญ หรือเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม
ต่อมานายกรัฐมนตรีมีคำสั่งลงวันที่ 10 สิงหาคม 2549 ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีความรู้
ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเป็นพิเศษจากหน่วยงานกรมศุลกากร กรมสรรพสามิต กรม
สรรพากร มาปฏิบัติหน้าที่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อช่วยเหลือในการสืบสวนและสอบ-
สวนคดีพิเศษดังกล่าว
จากการตรวจสอบข้อมูลการนำเข้าบุหรี่ของคณะพนักงานสืบสวน พบว่า บริษัทฟิลลิป
มอร์ริสนำเข้าบุหรี่ 2 ยี่ห้อคือ Marlboro และ L&M จากโรงงานของฟิลลิป มอร์ริสเอง
ในประเทศฟิลิปปินส์สำแดงราคานำเข้า (C.I.F.) เพียงราคาซองละ 7.76 บาท และ
5.88 บาทตามลำดับ
ขณะที่บริษัทคิงเพาเวอร์นำเข้าบุหรี่ 2 ยี่ห้อดังกล่าวจากฮ่องกง สำแดงราคานำเข้าสูง
ถึง 27.46 บาท และ 16.81 บาท
การที่บริษัทฟิลลิป มอร์ริสสำแดงราคานำเข้าต่ำทำให้เสียภาษีสรรพสามิตเพียงซองละ
30.65 บาทและ 23.23 บาทตามลำดับ
ส่วนบริษัทคิงเพาเวอร์ต้องเสียภาษีสรรพสามิตซองละ 108.47 บาท และ 66.40
บาท มีส่วนต่างภาษีสูงถึงซองละ 77.82 บาทและ 43.17 บาท
ในปี 2548 บริษัทฟิลลิป มอร์ริสนำเข้าบุหรี่มีการนำเข้า Marlboro ประมาณ 72 ล้าน
ซอง และ L&M ประมาณ 368 ล้านซอง เมื่อนำส่วนต่างภาษีสรรพสามิตที่บริษัทคิง
เพาเวอร์ต้องเสียภาษี กับบริษัทฟิลลิป มอร์ริสต้องเสียภาษี จะเป็นเงินถึง 21,368
ล้านบาท หรือเท่ากับรัฐอาจสูญเสียรายได้จากภาษีถึง 21,368 ล้านบาท (ดูตาราง 1)
บริษัทฟิลลิป มอร์ริสเองก็ยอมรับว่า ถ้าใช้ฐานราคานำเข้าของคิงเพาเวอร์มาเป็นฐาน
ในการคำนวณภาษีศุลกากรและสรรพสามิต
จะมีผลเป็นการเพิ่มภาษีของบริษัทในปี
2548 จาก 11,078 ล้านบาท เป็น 29,636 ล้านบาทภายในปีเดียวซึ่งบริษัทไม่
สามารถหาหนังสือมาค้ำประกันได้และมีผลให้ต้องหยุดกิจการในทันที (คำสั่งศาล
ปกครองสูงสุดที่ 417/2550)
อย่างไรก็ตาม บริษัทฟิลลิป มอร์ริสอ้างว่า เหตุที่บุหรี่นำเข้าสำแดงราคาแตกต่างกัน
เพราะแหล่งที่นำเข้าบุหรี่ต่างกันคือ บริษัทฟิลลิป มอร์ริสนำเข้าจากฟิลิปปินส์ ขณะที่
บริษัทคิงเพาเวอร์นำเข้าจากสิงคโปร์ ทำให้มีต้นทุนต่างกัน ขณะเดียวกันบริษัทฟิลลิป
มอร์ริสห้ามบริษัทคิงเพาเวอร์นำเข้าบุหรี่จากฟิลิปปินส์
แต่ประเด็นที่พนักงานสืบสวนสงสัยคือ
เมื่อโรงงานในฟิลิปปินส์เป็นของบริษัทฟิลลิป
มอร์ริสเองการกำหนดต้นทุนจากโรงงานสามารถกำหนดอย่างไรก็ได้ ยากที่จะตรวจ-
สอบได้ ขณะที่โรงงานของฟิลลิป มอร์ริสในอินโดนีเซียก็มีต้นทุนถึงซองละ 16 บาท
สูงกว่าในฟิลิปปินส์ถึง 2 เท่า
นอกจากรัฐอาจต้องสูญเสียภาษีจำนวนมหาศาลแล้ว การสำแดงราคานำเข้าต่ำทำให้
ราคาขาย Marlboro และ L&M ใกล้เคียงกับบุหรี่ที่ผลิตโดยโรงงานยาสูบ กล่าวคือ
Marlboro จำหน่ายเพียงซองละ 65 บาท L&M จำหน่ายซองละ 46 บาท
ขณะที่กรองทิพย์ ซองละ 42 บาท รอยัลสแตนดาร์ด ซองละ 53 บาท (ดูตาราง 2)
ทำบุหรี่นำเข้าเหล่านี้ให้สามารถช่วงชิงตลาดจากโรงงานยาสูบได้อย่างง่ายดาย ยอด
ขายบุหรี่ของโรงงานยาสูบจึงลดลงอย่างรวดเร็ว
ต้องยอมรับว่า บริษัทบุหรี่ข้ามชาตินั้นมีอิทธิพลอย่างมาก รวมถึงมีอิทธิพลต่อนโยบาย
ของรัฐบาลของสหรัฐอเมริกาด้วยเพราะมีเม็ดเงินจำนวนมหาศาล
ดังนั้นการสอบสวนคดีการเลี่ยงภาษีบุหรี่นำเข้าจากต่างประเทศ รัฐบาลไทยต้องมี
นโยบายที่ชัดเจนในสนับสนุนการทำงานของพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษเพื่อ
ป้องกันการแทรกแซงจากอิทธิพลครอบโลกดังกล่าว
มติชน วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10808http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0107131050&day=2007-10-13§ionid=0101ที่อธิบดี ดีเอสไอ คนเก่า ต้องเปลี่ยนใหม่ เป็น น้องเขย ที่ปรึกษาฯ บริษัทที่ว่านี้
เกี่ยวกันยังไงหรือเปล่า?
แล้วจะเกี่ยวอะไรไหมกับการที่นายกรัฐมนตรีที่ไปสั่งสอบสวนเรื่องนี้ ต้องมาโดน
น้องเขยที่ปรึกษาฯ บริษัทนั้น ตามล้างอยู่นี่
ผลประโยชน์ขัดกันก็บรรลัย ....
Conspiracy theory?