โดย Post Digital 11 ตุลาคม 2550 18:00 น.
บก.อาชญกรรม หลายสำนัก ชี้ มาตรา 9 พ.ร.บ.คุ้มครองความรุนแรงในครอบครัว ลิดรอนสิทธิสื่อมวลชน
นายอลงกฎ จิตต์ชื่นโชติ บรรณาธิการข่าวอาชญากรรม หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ระบุ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 มาตรา 9 ที่ระบุโทษจำคุกและปรับการเผยแพร่ภาพเรื่องราว หรือ ข้อมูลใดๆอันน่าจะทำให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัว หรือ ผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัวนั้น ถือว่าเป็นการจำกัดสิทธิขั้นพื้นฐานและดูถูกสื่อมวลชนอย่างรุนแรง อีกทั้ง ยังถูกมองว่า การนำเสนอของข่าวของสื่อมวลชนไม่มีการกลั่นกรองและตรวจสอบก่อนเผยแพร่สู่สาธารณชน
ขณะที่ นายปรีชา สอาดสอน บรรณาธิการข่าวอาชญากรรมสำนักงานข่าวเนชั่น มองว่า มาตรา 9 ของพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว ลิดรอนสถานภาพของสื่อมวลชน ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ให้มีความกระตือรือร้นในการแก้ไขปัญหาและเหยื่อความรุนแรง ก็อาจจะถูกเพิกเฉยไป หากไม่มีการนำเสนอข่าวทั้งยังจะทำให้สถิติของคดีที่เกิดจากความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีกด้วย
นายสฤษดิ์เดช มฤคทัต บรรณาธิการข่าวอาชญากรรม หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ กล่าวว่า หากหน่วยงานภาครัฐให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจังแล้ว ก็คงยังไม่มีผู้ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงเข้ามาร้องขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชนให้นำเสนอข่าว เพื่อสะท้อนปัญหาของสังคมที่เกิดขึ้น
ด้านพล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร ผบช.สำนักงานกฎหมายและสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน เกี่ยวกับ ความรุนแรงในครอบครัวว่า สื่อมวลชน ควรจะต้องคำนึงถึงผลกระทบและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นทั้งผู้ถูกกระทำและผู้กระทำ รวมถึง ครอบครัวและคนใกล้ชิดของทั้ง 2 ฝ่าย เพราะสื่อมวลชนถือว่า มีอิทธิพลต่อสังคมเป็นอย่างมากบางครั้งการนำเสนอข่าวเพียงด้านเดียว เพื่อต้องการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ก็จะเป็นการตัดสินอีกฝ่ายให้กลายเป็นจำเลยของสังคมไปโดยปริยาย พร้อมนำเสนอให้มีวิธีการนำเสนอต่อสาธารณในเชิงสกู้ป หรือ บทความสมมุติแทนการนำเสนอเรื่องจริงและถ่ายทอดสด เพื่อลดผลกระทบ และความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากการนำเสนอของสื่อมวลชนในเรื่องของความรุนแรงได้รับการยอมรับจากทั้งสองฝ่าย ก็สามารถนำเสนอได้
http://www.posttoday.com/breakingnews.php?sec=breaking&id=196877**********************************************************
เล่ม ๑๒๔ ตอนที่ ๔๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๐พระราชบัญญัติ
คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๐
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๕ ผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว หรือผู้ที่พบเห็นหรือทราบการกระทำ
ด้วยความรุนแรงในครอบครัว มีหน้าที่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้
การแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง เมื่อได้กระทำโดยสุจริต ย่อมได้รับความคุ้มครอง
และไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา และทางปกครอง
มาตรา ๖ การแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๕ อาจกระทำโดยวาจา เป็นหนังสือ
ทางโทรศัพท์ วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีการอื่นใด
เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้พบเห็นการกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวหรือได้รับแจ้ง
ตามมาตรา ๕ แล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปในเคหสถานหรือสถานที่ที่เกิดเหตุเพื่อสอบถาม
ผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัว ผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวหรือบุคคลอื่นที่อยู่ใน
สถานที่นั้นเกี่ยวกับการกระทำที่ได้รับแจ้ง รวมทั้งให้มีอำนาจจัดให้ผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรง
ในครอบครัวเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์ และขอรับคำปรึกษาแนะนำจากจิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือ
นักสังคมสงเคราะห์ ในกรณีที่ผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวประสงค์จะดำเนินคดี ให้จัดให้ผู้นั้น
ร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่ถ้าผู้นั้นไม่อยู่ในวิสัยหรือมีโอกาสที่จะร้องทุกข์
ได้ด้วยตนเองให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้ร้องทุกข์แทนได้
หลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
มาตรา ๙ เมื่อมีการแจ้งตามมาตรา ๕ หรือมีการร้องทุกข์ตามมาตรา ๖ แล้ว ห้ามมิให้
ผู้ใดลงพิมพ์โฆษณา หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนด้วยวิธีใด ๆ ซึ่งภาพ เรื่องราว หรือข้อมูลใด ๆ
อันน่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวหรือผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรง
ในครอบครัวในคดีตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกิน
หกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับhttp://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2550/A/041/1.PDF***********************
มาคุยกันเรื่องความรุนแรงในครอบครัว และสื่อบ้างน่ะครับ
ไม่ได้เว้นบรรทัดวรรคตอนให้อ่านง่าย แนะนำว่าคลิ๊กลิ้งค์ต้นฉบับ จะอ่านชัดกว่าครับ