กระแสการเมืองที่ดูแปลกประหลาด เมื่อบุคคลที่แต่งตั้งโดย คมช.ด้วยกัน หันหอกเข้าทิ่มแทงกันเอง อีกทั้งขบวนการไม่เอาเหลี่ยม ที่เคยร่วมสามัคคีอัดเหลี่ยมมาด้วยกัน กลับหันมาอัดกัน ไม่เว้นแม้แต่คนในผ้าเหลือง ทำให้เกิดคำถามว่า กำลังเกิดอะไรขึ้น
เซียนการเมือง นักวิชาการ ต่างก็วิเคราะห์กันไปต่างๆนาๆ บ้างก็ว่าคนคาบไปท์อยากเป็นนายก บ้างก็ว่าเพื่อเรียกร้องคุณธรรมจริยธรรม หากแต่เมื่อมองหัวหอกของการถล่มนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลปัจจุบัญ จะเห็นความเหมือนกันอยู่ประการหนึ่ง
บุคคลที่เป็นต้นเหตุของความวุ่นวายทางการเมืองในคราวนี้ ทุกคนนอกจากจะไม่เอาเหลี่ยมแล้ว ยังไม่เอาพระแม่ธรณีอีกด้วย
กรณีเงินคลังหลวงนั้น หากใครยังจำได้ดีจะทราบว่า มีกลุ่มบุคคลได้หาเงินส่งเข้าคลังหลวง (ชื่อตามที่เขาเรียกกัน) เมื่อครั้งเงินคงคลังของประเทศร่อยหรอ เงินที่ช่วยกันหาช่วยกันนำส่งคลังหลวงนั้น เป็นเศษเงินเมื่อเทียบกับเงินคงคลังในระบบ แต่กลุ่มบุคคลนั้นก็กลับอ้างสิทธิ์ในการพิทักษ์เงินคงคลังทั้งหมดอย่างหน้าตาเฉย โดยอ้างว่าพวกตนหามา และครั้งที่รุนแรงที่สุดก็เมื่อครั้งรอยต่อระหว่างรัฐบาลชวนและรัฐบาลทักษิณ สาเหตุสำคัญก็คือคนในขบวนการอ้าวสิทธิ์พิทักษ์เงินคงคลังนั้น ไม่เอาพระแม่ธรณี
ส่วนคนคาบไปท์นั้น ไม่ต้องอธิบายอะไรมากความ เป็นฝ่ายไม่เอาพระแม่ธรณีอยู่นานแล้ว คนละพวกกันเลยทีเดียว
แป๊ะลิ้มนั้นเล่า ครั้งหนึ่งเคยเลียเหลี่ยมจนสุดฤทธิ์ วันหนึ่งขัดใจกันก็กลับมาเป็นศัตรู เข้าข่ายโจรกลับใจด้วยเหมือนกัน และแป๊ะลิ้มนั้น ให้ตายเสียดีกว่าจะยอมรับพระแม่ธรณี
แต่ในเมื่อเหตุการณ์ทางการเมือง มันบ่งชี้ว่า หากรัฐบาลในปัจจุบัญ สามารถควบคุมสถานการณ์การเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมได้ และปราศจากการซื้อเสียง การใช้อำนาจรัฐ แนวโน้มที่พรรคพระแม่ธรณีจะได้บริหารประเทศนั้น มีมาก
จึงมีกระแสเล่าลือมาพักหนึ่งแล้วว่า นายกคนปัจจุบัญถอดใจจะลาออก และมีการโจมตีให้ย่อยยับ มีข่าวลือว่าคนคาบไปท์จะมาเป็นนายกแทน ลือกันว่าหากมาร์คได้เป็นนายก ก็จะเป็นได้ไม่นาน ต้องมีการปฎิวัติซ้อน ลือกันไปต่างๆนาๆ
แต่เท่าที่มองเห็นนั้น คนเกลียดแม้วส่วนหนึ่ง กำลังพัฒนากลายไปเป็นคนกลัวมาร์ค เพราะหากมาร์คและพรรคขึ้นมาเป็นผู้บริหารประเทศ คนเหล่านี้จะหมดสิทธิ์ในการเรียกร้องเอาโน่นเอานี่ เหมือนที่เคยหมดสิทธิ์ในยุคนายชวน จนทำให้หลายคนวิ่งไปซบเหลี่ยม และโดนเหลี่ยมสอยจนร่วงเจ็บปวดมาจนทุกวันนี้