ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 02:06
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ปลดปล่อยเสรีภาพให้หนังสือต้องห้าม : เพื่อเติมเต็มความรู้ที่หายไปในประวัติศาสตร์ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ปลดปล่อยเสรีภาพให้หนังสือต้องห้าม : เพื่อเติมเต็มความรู้ที่หายไปในประวัติศาสตร์  (อ่าน 3759 ครั้ง)
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« เมื่อ: 03-10-2007, 14:58 »

โดย : สิริวรรณ ศรีเพ็ญจันทร์
เมื่อ : 1/10/2007 01:03 AM
หลายคนคงจำกันได้ว่าหลังเหตุการณ์การทำลายชีวิตนักศึกษาอย่าง***มโหดในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 รัฐบาลเผด็จการในสมัยนั้น ยังได้มีการติดตามทำลายหนังสืออีกมากมาย ซึ่งจะเห็นได้จากประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2520 ได้กำหนดชื่อเอกสารและสิ่งพิมพ์ที่ห้ามผู้ใดมีไว้ครอบครอง ด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเอกสารสิ่งพิมพ์ต่อไปนี้ เป็นเอกสารสิ่งพิมพ์ซึ่งเสนอข่าวสาร บทความ และข้อเขียนแสดงความคิดเห็นอันส่อไปในทางก่อให้เกิดความแตกแยกความสามัคคีในชาติ หรือชี้นำผู้อ่านให้เกิดความนิยมเลื่อมใสในลัทธิคอมมิวนิสต์ หรือให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้าง จึงมีการประกาศรายชื่อหนังสือต้องห้าม 204 รายชื่อ และปัจจุบันก็ยังไม่มีการยกเลิก หากว่าผู้ใดที่มีหนังสือเหล่านี้ไว้ในครอบครอง จำเป็นต้องเผาและทำลายหนังสือทิ้งทุกเล่ม เพื่อความปลอดภัยของชีวิตตนเองและครอบครัว จึงมีผลให้หนังสือนับล้านเล่มถูกเผา เล่มแล้วเล่มเล่า ถูกฝัง ถูกทำลาย และปัจจุบันได้กลายเป็นหนังสือหายากในที่สุด

ในโอกาสนี้ ป๋วยเสวนาคาร จึงได้จัดพื้นที่ทางเลือกทางปัญญาสำหรับคนรุ่นใหม่ ให้มีการร่วมแลกเปลี่ยนความคิด เพื่อค้นหาคำตอบจากความรู้ที่ขาดหายไปในประวัติศาสตร์ ในประเด็น "หนังสือต้องห้าม : สังคมไทยควรรู้หรือลืม?" ขึ้นในวันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม 2550 เวลา 14.00-17.00 น. ณ ป๋วยเสวนาคาร วัดปทุมคงคา (เยาวราช) ถนนทรงวาด เขตสัมพันธวงศ์ กทม. สอบถามรายละเอียด โทร.02-639-1311-2 / 086-608-1018/ 084-163-6833 www.puey.org

ซึ่งมี ปริญญาพร สุทธานนท์ ผู้จัดการกิจกรรม ป๋วยเสวนาคาร ได้บอกถึงรายละเอียดของกิจกรรมในครั้งนี้ว่า "การเสวนาในครั้งนี้จะมีบุคคลที่เคยเป็นบุคคลต้องห้ามของสังคมไทยในสมัยนั้นและเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์การถูกห้าม ทั้งในส่วนงานหนังสือและองค์กรที่ก่อตั้ง ได้แก่ อ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยามของไทย ผู้มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งวารสาร สังคมศาสตร์ปริทัศน์ ที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่ขบวนนักศึกษาให้การยอมรับ และยังเป็นส่วนหนึ่งของพลังขับเคลื่อนวิถีทางประชาธิปไตย ที่นำไปสู่เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ในที่สุด และ สุชาติ สวัสดิ์ศรี อดีตบรรณาธิการสังคมศาสตร์ปริทัศน์ ยุคก่อนเหตุการณ์เดือนตุลา หนังสือหลายเล่มที่เขาเขียนถูกประกาศให้เป็นหนังสือต้องห้าม เช่น ขบวนการคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย, ใครละเมิดอำนาจอธิปไตย และคำประกาศของความรู้สึกใหม่ รวมถึง ธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการนิตยสาร "ฟ้าเดียวกัน" ผู้เขียนบทความ "หนังสือต้องห้าม : ความรู้ที่ถูกจองจำ" นอกจากนี้ ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา จากสำนักพิมพ์โอเพ่น จะเป็นผู้ดำเนินรายการ ร่วมเชื่อมโยงบุคคลและความรู้ที่ถูกจองจำในประวัติศาสตร์ให้ถูกปลดปล่อยเสรีภาพได้อย่างแท้จริง"

หากเราจะมองย้อนประวัติศาสตร์ของการห้ามหนังสือ จะเห็นได้ว่ามีความเป็นมาพร้อมๆ กับการกำเนิดขึ้นของหนังสือ ดังภาพบันทึกเหตุการณ์เมื่อ 2,200 ปีที่แล้ว ที่จักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้บัญชาให้เผาหนังสือทุกเล่มในราชอาณาจักรของพระองค์ ถือเป็นปฏิบัติการเผาหนังสือที่เก่าแก่ที่สุด จนถึงปัจจุบันการห้ามหนังสือยังมีอยู่ โดยข้ออ้างสำคัญ คือ เรื่องความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีงามของประชาชน แม้กระทั่งหนังสือที่ขายดีที่สุดในโลกเรื่องหนึ่งอย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็ถูกห้ามจากโบสถ์คริตสต์บางแห่ง เนื่องจากขัดกับหลักศาสนานั่นเอง

ความเป็นจริงในปัจจุบันยังมีคนหนุ่มสาวที่แสวงหาความรู้ ความจริง ในสังคมอีกหลายคนที่ใฝ่ฝันอยากอ่านหนังสือที่ถูกห้ามอ่านเหล่านี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่ามีหนังสือเหล่านี้อยู่ และถึงแม้ว่าจะรู้จักก็คงไม่ต้องการอ่านอะไรมากนัก ถ้าหากรัฐไม่ออกคำสั่งให้เป็นหนังสือที่ห้ามอ่านและห้ามแตะต้อง ครอบครอง จึงทำให้ต้องอยากลองอ่านกันสักครั้งว่าเป็นอย่างไร เป็นเพราะเหตุใด ทำไมถึงต้องห้ามอ่าน ถ้าอ่านแล้วจะส่งผลต่อสังคมอย่างไร แม้ว่าเวลาต่อมาหลายเล่มในหนังสือต้องห้าม ก็ได้ถูกแนะนำให้เป็นหนังสือดีที่คนไทยควรอ่าน โดยหลักเกณฑ์หนึ่งในการคัดเลือก คือ จะต้องเป็นหนังสือที่โดดเด่น มีอิทธิพลต่อความคิด อารมณ์ความรู้สึก ของผู้อ่านจำนวนมากในยุคหนึ่ง ๆ และมีผลสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในจำนวน 100 เล่มหนังสือดีที่คนไทยควรอ่าน ที่เลือกมานี้ มีถึง 7 เล่มที่เคยเป็นหนังสือต้องห้ามในวาระต่าง ๆ กัน อาทิ

นิราศหนองคาย โดย นายทิม สุขยางค์ ที่นอกจากถูกห้ามโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี 2412 แล้ว เมื่อ จิตร ภูมิศักดิ์ ในนามปากกา สิทธิ ศรีสยาม นำมาเขียนเป็น นิราศหนองคาย วรรณคดีที่ถูกสั่งเผา ก็ถูกห้ามอีกครั้งในปี 2523

ทรัพย์ศาสตร์ โดย พระยาสุริยานุวัตร ถูกห้ามโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี 2454

แลไปข้างหน้า โดย กุหลาบ สายประดิษฐ์ ถูกห้ามในปี 2501 และ ในปี 2523

กบฏ ร.ศ. 130 โดย เหรียญ ศรีจันทร์ และ เนตร พูนวิวัฒน์ ถูกห้ามในปี 2520

โฉมหน้าศักดินาไทย และ กวีการเมือง ของ จิตร ภูมิศักดิ์ ถูกห้ามในปี 2520

พิราบแดง ของ สุวัฒน์ วรดิลก ถูกห้ามในปี 2523 

บทเรียนทางประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาได้ชี้ให้เห็นว่า หนังสือที่ "ถูกห้าม" ของผู้มีอำนาจในยุคสมัยหนึ่ง อาจจะเป็นหนังสือ "ดีที่ควรอ่าน" ในอีกยุคหนึ่งก็ได้ จึงเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้ไม่เคยมีใครเผาหนังสือต้องห้ามได้หมดสักที

แม้ว่าปรากฏการณ์ทางประวัติศาสตร์ จะเป็นตัวบ่งชี้ว่า สังคมใดที่ขาดความหลากหลาย สังคมนั้นก็จะขาดโอกาสและภูมิคุ้มกันเมื่อประสบกับภัยที่คาดไม่ถึง เฉกเช่นเดียวกับการ "ห้ามหนังสือ" จำนวนมากมิให้ออกมาเป็นทางเลือกของสังคม และถ้าปรากฏการณ์ดังกล่าวยังเป็นไปในทิศทางนี้ ก็น่าเป็นห่วงว่า หนังสือจะเป็นเพียงสถาบันที่ผลิตซ้ำความคิด ความเชื่อเดิมของสังคม และเมื่อนั้น ....สังคมก็พร้อมจะอ่าน "หนังสือต้องห้าม" มากขึ้นเช่นกัน

ซึ่งท้ายสุด ปริญญาพร สุทธานนท์ ได้พูดถึงเป้าหมายหลักของการจัดงานว่า "เราคาดหวังและต้องการให้คนหนุ่มสาวที่มีเสรีภาพในความคิด มาร่วมเดินบนเส้นทางที่จะช่วยกันดูแลสังคมให้เท่าเทียมและเป็นธรรม ช่วยกันเปิดหู เปิดปาก เปิดตา ให้ผู้คนในสังคมตาสว่าง พร้อมจะเปิดสมองและใช้หัวใจอ่านเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ผ่านหนังสือต้องห้าม เพื่อเติมเต็มความรู้ที่ขาดหายไปในประวัติศาสตร์ได้มากขึ้น"

การรำลึกถึงเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 ในปีนี้ แม้ว่าสิ่งที่จะทำให้คนหนุ่มสาวรุ่นปัจจุบัน สามารถเรียนรู้ความจริงของช่วงเวลาประวัติศาสตร์ ผ่านการบอกเล่า หรือการจัดงานรำลึกถึงบุคคล และเหตุการณ์ในอดีตของผู้ที่เกี่ยวข้องและอยู่ในเหตุการณ์แล้ว หนังสือ เอกสาร หรือบทความต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะทำให้คนรุ่นใหม่ในปัจจุบันได้เข้าใจ และเห็นคุณค่าของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยได้อย่างถูกต้องและเป็นจริงมากขึ้น ....ถ้าหากว่าสังคมไทยพร้อมจะให้อ่านหนังสือต้องห้าม เพื่อช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในประวัติศาสตร์ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
 
http://www.thaingo.org/writer/view.php?id=520
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #1 เมื่อ: 03-10-2007, 15:00 »

ที่จริงหนังสือต้องห้าม ในลิสของสมัคร ผมมีตั้งเกินกว่าครึ่ง หรืออาจจะมีเกือบทั้งหมดด้วย

บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #2 เมื่อ: 03-10-2007, 15:03 »

 อ้างก.ม.โบราณ ‘พรบ.การพิมพ์ 2484’ ยึดหนังสือ ‘ส.ศิวรักษ์’   
 


จากที่หนังสือ “ค่อนศตวรรษ ประชาธิปไตยไทย ที่เต็มไปด้วยขวากหนาม” สำนักพิมพ์ศึกษิตสยาม เขียนโดย สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ซึ่งวางจำหน่ายบนแผงหนังสือตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้ถูกตำรวจสันติบาลเก็บยึดออกจากแผงหนังสือด้วยข้อกล่าวหาว่า ลงข้อความอันอาจขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน อ้างตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 โดยคำสั่งลงวันที่ 28 ก.ย. 2550

 

นายสุลักษณ์กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ได้รับหนังสือคำสั่งจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาลเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ (2 ต.ค.) ให้ยึดสื่อสิ่งพิมพ์ และห้ามจำหน่าย หรือแจกจ่าย โดยอ้างกฎหมายที่ใช้มาตั้งแต่สมัยเผด็จการจอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งให้มีการยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 7 วัน แต่การอุทธรณ์ไม่เป็นการทุเลา การกระทำนี้ ถือเป็นการใช้อำนาจเผด็จการอย่างเต็มที่ในสังคม

 

“วันนี้มันยังไม่จับผม แต่จับหนังสือของผม” สุลักษณ์กล่าว

 

สำหรับข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาที่ว่า อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงและศีลธรรมอันดี ของหนังสือประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยไทยเล่มดังกล่าวนั้น นายสุลักษณ์กล่าวว่า ไม่คิดว่ามีเนื้อหาส่วนไหนขัดต่อข้อกฎหมาย โดยรับรองในฐานะผู้จบเนติบัณฑิตยสภาจากประเทศอังกฤษ และมีความรู้ในด้านกฎหมาย

 

นอกจากนี้ นายสุลักษณ์ยังกล่าวถึงสังคมไทยในปัจจุบันว่า ทำให้คนสยบยอมต่ออำนาจทุนนิยม ศักดินาทั้งที่ตายไปแล้วและยังมีชีวิตอยู่ รวมทั้งอำนาจอำมาตยาธิปไตย ซึ่งเป็นความเลวร้ายยิ่งกว่าในสังคมพม่าที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ การกระทำทุกอย่างต้องเหมือนผ้าพับไว้ ไม่สนใจต่อการนำเสนอความคิด ความเห็น และไม่ต้องการให้คนพูดความจริง

 

เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวต่อไป นายสุลักษณ์กล่าวว่า นอกจากการยื่นอุทธรณ์ภายใน 7 วัน ตามที่กฎหมายได้เปิดช่องไว้ จะทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อีกทั้งจะทำเรื่องยื่นฟ้องตำรวจสันติบาลต่อศาลปกครองในฐานดำเนินการโดยมิชอบและละเมิดต่อสิทธิส่วนบุคคล โดยจะทำการต่อสู้จนถึงที่สุด ในส่วนการเผยแพร่หนังสือต่อไปหรือไม่นั้นจะต้องปรึกษาทนายต่อไป

 

 
http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=9779&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai

ไม่น่าเชื่อว่ายุคนี้ยังมีการแบนหนังสือกันอีก และทำในยุค คมช ที่อยู่ตรงข้ามกับสมัคร!!!!
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #3 เมื่อ: 03-10-2007, 15:03 »

.............
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #4 เมื่อ: 03-10-2007, 16:22 »

รายชื่อหนังสือต้องห้าม

ประกาศกระทรวงมหาดไทย

เรื่อง กำหนดชื่อเอกสารและสิ่งพิมพ์ที่ห้ามผู้ใดมีไว้ครอบครอง

 

      ด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเอกสารสิ่งพิมพ์ต่อไปนี้ เป็นเอกสารสิ่งพิมพ์ซึ่งเสนอข่าวสาร บทความ และข้อเขียนแสดงความคิดเห็นอันส่อไปในทางก่อให้เกิดความแตกแยกความสามัคคีในชาติ หรือชี้นำผู้อ่านให้เกิดความนิยมเลื่อมใสในลัทธิคอมมิวนิสต์ หรือให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน หรือให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน คือ

1. การเมืองเรื่องของประชาชน เขียนโดย แนวร่วมประชาชาติกันทรารมย์
2. เก้าอี้ป่า เขียนโดย เก้าอี้ป่า
3. การ์ตูนปฏิวัติจากจีนใหม่ หญิงแดง จดหมาย ขนไก่ กองทหาร เขียนโดย หวาซาน หลิวจี้อิ่ว
4. การปฏิวัติของจีน เขียนโดย กองบรรณาธิการ สังคมศาสตร์ปริทัศน์
5. การศึกษาปฏิวัติประชาชนลาว เขียนโดย ไกรสร พรหมวิหาร
6. ก่อนไปสู่ภูเขา แปลโดย สถาพร ศรีสัจจัง
7. กาพย์กลอนเหมาเจ๋อตุง แปลโดย ประไพ วิเศษธานี
8. เข้าโรงเรียน เขียนโดย กวั่นหวา
9. ข้อขัดแย้งระหว่างสหภาพโซเวียต กับ จีน เขียนโดย กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เหยินหมิน ยึเป้า และกองบรรณาธิการนิตยสารหงฉี
10. คติพจน์ประธานเหมาเจ๋อตุง ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียน แต่พิมพ์ที่สำนักพิมพ์ต่างประเทศ ปักกิ่ง และสุนทรการพิมพ์ หจก.จรัลสนิทวงศ์ บางพลัด กรุงเทพมหานคร
11. คัมภีร์นักปฏิวัติ เขียนโดย กลุ่มอิสานปฏิวัติ
12. คาร์ลมาร์กซ์ ผู้สร้างทฤษฎีนิรันดร เขียนโดย วิตาลี ไวกอดสกี
13. ความชัดเจนทางประวัติศาสตร์ของเผด็จการ ชนชั้นกรรมาชีพ ไม่ปรากฏผู้เขียน แต่พิมพ์ที่สุวิทย์การพิมพ์ ซอยอรรถสิทธ์ สาธรใต้ กรุงเทพฯ
14. เคียงข้างกันสร้างสรรค์โลก เขียนโดย แสงเสรี
15. ความคิดของเหมาเจ๋อตุง เขียนโดย สุรัฐ โรจนวรรณ
16. โจวเอินไหล ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียน แต่พิมพ์ที่วัชรินทร์การพิมพ์ 364 ถนนพระสุเมรุ กรุงเทพฯ
17. จะวิเคราะห์ชนชั้นในชนบทอย่างไร เขียนโดย กลุ่มเยาวชนรับใช้ชาติ
18. จากโฮจิมินห์ ถึง เปลื้อง วรรณศรี เขียนโดย สุชาติ สวัสดิ์ศรี
19. จรยุทธ-ใต้ดิน เขียนโดย ตะวันฉาย
20. จีนคอมมิวนิสต์ เขียนโดย สนอง วิริยะผล
21. จิตใจปฏิวัติ ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียน แต่พิมพ์ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน
22. จีนแผ่นดินแห่งการปฏิวัติตลอดกาล เขียนโดย Jan Myrdal & Gun Kessle
23. ลัทธิสังคมนิยมแบบเพ้อฝันและแบบวิทยาศาสตร์ แปลโดย อุทิศและโยธิน
24. ลัทธิวัตถุนิยมทางประวัติศาสตร์ เขียนโดย ตะวันฉาย
25. ลัทธิเลนิน กับลัทธิแก้สมัยใหม่ เขียนโดย ชมรม 13
26. ลัทธิเลนินจงเจริญ เขียนโดย กองบรรณาธิการนิตยสารหงฉี
27. ลัทธิมาร์กซ์-เลนิน ว่าด้วยทฤษฎีสังคมนิยมที่เป็นวิทยาศาสตร์ แปลโดย ศูทร ศรีประชา
28. ว่าด้วยรากฐานทางสังคมกลุ่มหลินเปียวที่ค้านพรรค เขียนโดย เหยาเหวินหยวน
29. วิจารณ์คำแถลงของพรรคคอมมิวนิสต์อเมริกา กระจกส่องพวกลัทธิแก้ ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียน แต่พิมพ์ที่ธเนศ วรการพิมพ์ 489 ถนนบำรุงเมือง กรุงเทพฯ
30. วิพากษ์ลัทธิแก้ ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียน แต่พิมพ์ที่ สมชายการพิมพ์ 270/77 ซอยวิมลสรกิจ บางยี่ขัน กรุงเทพมหานคร
31. วิวัฒนาการความคิดสังคมนิยม เขียนโดย ชาญ กรัสนัยปุระ
32. ว่าด้วยรัฐบาลรวม เขียนโดย เหมาเจ๋อตุง
33. วิเคราะห์การต่อสู้ของพรรคลาวด๋อง เขียนโดย ธีรยุทธ บุญมี
34. วิวัฒนาการของมาร์กซิสม์ เขียนโดย น.ชญานุตม์
35. วัฒนธรรมจีนใหม่ เขียนโดย ไจ๋เปียน
36. วี.ไอ.เลนิน-รัฐ เขียนโดย ชมรมหนังสือแสงดาว
37. วีรบุรุษสู้รบ เขียนโดย สหพันธ์นิสิตนักศึกษาอีสานแห่งประเทศไทย
38. ว่าด้วยประชาธิปไตยรวมศูนย์ แปลโดย เศรษฐวัฒน์ ผดุงรัฐ
39. ลัทธิวัตถุนิยมวิภาษ และวัตถุนิยมประวัติศาสตร์ เขียนโดย โจเซพ สตาลิน ประกาย สุชีวิน แปล
40. ภาวะของศิลปะใต้ระบอบเผด็จการฟาสซีสม์ เขียนโดย จิตติน ธรรมชาติ
41. หลักลัทธิเลนิน เขียนโดย บำรุง ไพรัชวาที
42. หนทางการปฏิวัติไทย ไม่ปรากฏผู้แต่ง และไม่ปรากฏสถานที่พิมพ์
43. 50 ปี พรรคคอมมิวนิสต์คิวบา 50 ปี สหพันธ์สตรีคิวบา ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง แต่พิมพ์ที่ ประจักษ์การพิมพ์ กรุงเทพฯ
44. เดินทางทัพทางไกลไปกับประธานเหมา เขียนโดย เฉินชางเฟิ่ง
45. เดินทางไกลครั้งที่ 2 เขียนโดย เหยิน จางหลิน
46. หยางกึนซือวีรชนอมตะ เขียนโดย ว่างเฮา
47. เหมาเจ๋อตุง ผู้นำจีนใหม่ เขียนโดย เทิด ประชาธรรม
48. นอร์แมน เบทูน แปลโดย ศรีนรา
49. บนเส้นทางไปสู่สังคมนิยมจีน เขียนโดย ธีรยุทธ บุญมี
50. บทกวีเพื่อผู้ถูกกดขี่ เขียนโดย วิทยากร เชียงกูล
51. คาร์ลมาร์กซ์ ค่าจ้าง ราคา และกำไร แปลโดย ประสาท ลีลาเธียร
52. บันทึกของไพ่ฉวิน ม่านเทียนเสื่อ แปลโดย แจ่ม จรัสแสง
53. ประวัติศาสตร์ 30 ปี ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เขียนโดย หูเฉียวมุ เจอดจำรัสแปล
54. ถังเหล่ยเวียดนาม เขียนโดย อุดร ทองน้อย
55. ทหารน้อยจางก่า เขียนโดย สีกวงเย่า
56. แถลงการณ์พรรคคอมมิวนิสต์ เขียนโดย คาร์ล มาร์กซ์ เฟรเดอริค เองเกลส์
57. บทวิเคราะห์วรรณกรรมยุคศักดินา เขียนโดย จิตร ภูมิศักดิ์
58. ปัญหาลัทธิเลนินในยุคของเรา เขียนโดย ชมรม ดาวรุ่ง
59. แนวร่วมปลดแอกของโฮจิมินห์ เขียนโดย บัณฑูร เวชสาร
60. นิพนธ์ปรัชญา 4 เรื่องของประธานเหมาเจ๋อตุง แปลโดย ชมรมหนังสือรวงข้าว
61. แนวทางแห่งการต่อสู้ แนวทางแห่งชัยชนะ เขียนโดย กลุ่มพลังชน
62. นักศึกษาจีนแนวหน้าของขบวนการปฏิวัติสังคม แปลโดย เทิด ธงธรรม วรรณา พรประเสริฐ
63. ด้วยเลือดและชีวิต เขียนโดย จิตร ภูมิศักดิ์
64. แนวร่วมเอกภาพเพื่อการปลดแอกแห่งชาติ เขียนโดย ชมรมหนังสืออิสรภาพ
65. ทฤษฎีการเมืองว่าด้วยเศรษฐศาสตร์การเมือง สำหรับชนชั้นกรรมาชีพ แปลโดย เมธี เอี่ยมเจริญ
66. ชีวทัศน์หนุ่มสาว ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียน แต่พิมพ์ที่บริษัทบพิธการพิมพ์ 70 ถนนราชบพิธ กรุงเทพมหานคร
67. ชีวทัศน์เยาวชน ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียน และไม่ปรากฏที่พิมพ์
68. ชาวนาไทยกับการเปลี่ยนแปลง แปลโดย สุเทพ สุนทรเภสัช
69. เช กูวารา นายแพทย์นักปฏิวัติผู้ยิ่งใหญ่ เขียนโดย ศรีอุบล
70. ชีวิตในคอมมูน เขียนโดย สันติสุข
71. ชนกรรมาชีพทั่วโลก จงสามัคคีกันคัดค้านศัตรูร่วมกับเรา เขียนโดย สำนักพิมพ์เข็มทิศ
72. ซ้ายทารก เขียนโดย วี.ไอ.เลนิน
73. สืบทอดภารกิจปฏิวัติ เขียนโดย ชมรมดาวรุ่ง
74. สุนทรพจน์ของประธานเหมาเจ๋อตุง ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง แต่พิมพ์ที่ศรีเพ็ชรการพิมพ์ 169/120 ตรอกวัดดีดวด บางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
75. สงครามปฏิวัติ เขียนโดย ชมรมดาวรุ่ง
76. สงครามกองโจรของ เช กูวารา แปลโดย ฤตินันทน์
77. สรรนิพนธ์ โฮจิมินห์ แปลโดย วารินทร์ สินสูงสุด ปารวดี วรุณจิต
78. เสียงร้องของประชาชน แปลโดย จิรนันท์ พิตรปรีชา
79. สงครามยืดเยื้อ เขียนโดย เหมาเจ๋อตุง
80. สรรนิพนธ์เลนิน คอมมิวนิสต์ปีกซ้าย โรคไร้เดียงสา แปลโดย นพคุณ ศิริประเสริฐ
81. สรรนิพนธ์เลนิน เพื่อคนจนในชนบท แปลโดย พัลลภา ปั้นงาม
82. สงครามอุโมงค์ เขียนโดย เจ๋อเหมย ปี้เหลย
83. สตรีกับภารกิจแห่งการปฏิวัติ เขียนโดย จินดา ไชยโยทยาน
84. ยืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่ ต่อสู้กับคลื่นลม ไม่ปรากฏผู้เขียน และไม่ปรากฏที่พิมพ์
85. ระลึกคอมมูนปารีสครบร้อยปี เขียนโดย ชมรมหนังสือตะวันแดง
86. ศัพทานุกรมปรัชญา เขียนโดย เมธี เอี่ยมเจริญ
87. สาธารณรัฐประชาชนจีน แปลโดย ถ่องแท้ รจนาสัณห์
88. เมาเซตุง เขียนโดย ศิรวิทย์
89. ยูโกสลาเวีย เป็นสังคมนิยมจริงหรือ ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียน แต่พิมพ์ในสาธารณรัฐประชาชนจีน
90. ปัญหาปฏิวัติประเทศไทย เขียนโดย กลุ่มชนภูเขา
91. เอกสารสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศครั้งที่ 10 ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน เขียนโดย กลุ่มเยาวชนรักชาติ
92. โฉมหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ไทย เขียนโดย สายใย เทอดชูธรรม
93. พระเจ้าอยู่ที่ไหน เขียนโดย นายผี
94. พระสงฆ์ลาวกับการปฏิวัติ เขียนโดย คำตัน
95. แล้วเราก็ปฏิวัติ ไม่ปรากฏผู้เขียน แต่พิมพ์ที่ เจริญวิทย์การพิมพ์ บ้านพานถม กรุงเทพมหานคร
96. รัฐกับการปฏิวัติ เขียนโดย วี.ไอ.เลนิน
97. เลนินจักรวรรดินิยมชั้นสูงสุดของทุนนิยม แปลโดย ประสาท ลีลาเธียร
98. ว่าด้วยปัญหาที่ดินและชาวนาของประธานเหมาเจ๋อตุง ไม่ปรากฏผู้เขียน และไม่ปรากฏที่พิมพ์
99. วีรสตรีจีนปฏิวัติหลิวหูหลาน แปลโดย วีรจิตร
100. อัลเยนเด้วีรปฏิวัติ เขียนโดย สูรย์ พลังไทย

      อาศัยอำนาจตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 43 ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2519 ข้อ 2 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่าเอกสารสิ่งพิมพ์ รวม 100 ฉบับ ตามรายชื่อข้างต้นซึ่งต้องห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ครอบครอง

ประกาศ ณ วันที่ 3 มีนาคม 2520

สมัคร สุนทรเวช

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

 

ประกาศกระทรวงมหาดไทย

เรื่อง กำหนดชื่อเอกสารและสิ่งพิมพ์ที่ห้ามผู้ใดมีไว้ครอบครอง

 

      ด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเอกสารและสิ่งพิมพ์ต่อไปนี้ เป็นเอกสารและสิ่งพิมพ์ซึ่งเสนอข่าวสาร บทความ และข้อเขียน แสดงความคิดเห็นอันส่อไปในทางก่อให้เกิดความแตกแยกความสามัคคีในชาติ หรือชี้นำให้ผู้อ่านเกิดความนิยมเลื่อมใสในลัทธิคอมมิวนิสต์ หรือให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน หรือให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินไม่ว่าวิถีทางใด อันเป็นการทำลายความมั่นคงของชาติ ตามบัญชีรายชื่อต่อไปนี้

1. กบฏ-วรรณกรรมซาดิสม์ เขียนโดย โกสุม พิสัย
2. กบฏปากกา จัดพิมพ์โดย ชมรมสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
3. กวีการเมือง เขียนโดย โยธิน มหายุทธนา
4. การต่อสู้ทางชนชั้นและการปฏิวัติสังคม ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียน
5. การต่อสู้ของกรรมกรไทย ไม่ปรากฏผู้เขียน
6. การศึกษาเพื่อมวลชน เขียนโดย จักรกฤษณ์ นาคะรัต เสกสรรค์ ประเสริฐกุล นิโคลัส เบนเนสท์ จูเลียส ไนเยียเร รวบรวมโดย สมาน เลือดวงหัด เริงชัย พุทธาโร
7. การศึกษาสำหรับผู้กดขี่ เขียนโดย เปาโลว์ แฟร์ แปลโดย ช. เขียวพุ่มแสง
8. การปฏิวัติชนชั้นกรรมาชีพกับลัทธิแก้ ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียน
9. กอ.รมน. องค์การสัตว์นรกของอเมริกันในประเทศไทย เขียนโดย ยอดธง ทับทิวไม้
10. กลุ่มทุนนิยมผูกขาดในประเทศไทย เขียนโดย ณรงค์ เพชรประเสริฐ
11. กลั่นมาจากสายเลือด เขียนโดย วัฒน์ วรรลยางกูร
12. กรรมกรในระบบนายทุน เขียนโดย สุภชัย มนัสไพบูลย์
13. กลยุทธ์ในการแก้ปัญหาความยากจนในประเทศไทย เขียนโดย รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์
14. กงล้อประวัติศาสตร์จีน เขียนโดย สุวรรณ วิริยะผล
15. การวิจัยเพื่อขายชาติ เขียนโดย รัก เอกราชไม้กล้า
16. ก่อนสู่เส้นทาง จัดพิมพ์โดย องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒบางแสน
17. ก่อนกลับบ้านเกิด จัดพิมพ์โดย ชมรมนักแปลนิรนาม
18. กฎหมายสหภาพแรงงานประชาชนจีน ธรรมนูญสหภาพแรงงานประชาชนจีน การประทับแรงงาน เขียนโดย แก้ว กรรมาชน
19. กรณีพิพาทไทย-ลาว จัดพิมพ์โดย กลุ่มนักศึกษา ปัญหาไทย-ลาว
20. ขบวนการกรรมกรในประเทศไทย เขียนโดย พิชิต จงสถิตย์วัฒนา
21. ขบวนการเรดการ์ด เขียนโดย จำลอง พิศนาคะ
22. ขบวนการคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย เขียนโดย สุชาติ สวัสดิ์ศรี
23. ความเรียงว่าด้วยศาสนา เขียนโดย ยอร์จ ทอมสัน แปลโดย จิตร ภูมิศักดิ์
24. ความเป็นเอกภาพของชาติกับปัญหาสามจังหวัดภาคใต้ เขียนโดย ปรีดี พนมยงค์ แช่ม พนมยงค์ อำนาจ ยุทธวิวัฒน์ ภูเขาไฟ สุพจน์ ด่านตระกูล สุภัทร์ สุคนธาภิรมย์
25. คาร์ลมาร์กซ์ แปลโดย จิตร ภูมิศักดิ์
26. โครงสร้างสถานการณ์ จัดพิมพ์โดยกลุ่มนักศึกษาประชาชนเพื่อต่อต้านสงครามจิตวิทยา
27. คู่มือรัฐประหาร เขียนโดย พันศักดิ์ วิญญรัตน์
28. ใครละเมิดอำนาจอธิปไตย เขียนโดย เขียน ธีระวิทย์ พันศักดิ์ วิญญรัตน์ สุชาติ สวัสดิ์ศรี
29. คัมภีร์ของผู้ถูกกดขี่ เขียนโดย เปาโลว์แฟร์ แปลโดย จิราภรณ์ ศิริสุพรรณ
30. คำประกาศของความรู้สึกใหม่ เขียนโดย สุชาติ สวัสดิ์ศรี
31. คำประกาศเพื่อสังคมใหม่ เขียนโดย จูเลียส ไนยาเร แปลโดย สันติสุข โสภณศิริ
32. ครอง จันดาวงศ์ และชีวิตบนเทือกเขาภูพานของ จิตร ภูมิศักดิ์ ไม่ปรากฏผู้เขียน
33. คาร์ลมาร์กซ์ แรงงานรับจ้างและทุน เขียนโดย คาร์ลมาร์กซ์ แปลโดย รจเรข ปัญญาประสานชัย
34. คิดอย่างเยาวชนใหม่ จัดพิมพ์โดย กลุ่มหนังสือตะวันแดง
35. จงพิทักษ์เจตนารมย์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน 14 ตุลาคม เขียนโดย ปรีดี พนมยงค์
36. จงร่วมกันสร้างสรรค์สังคมนิยม เขียนโดย กิม อิล ซอง แปลโดย กิตติกุล
37. จากเล็กซิงตันถึง…สิบสี่ตุลา จัดพิมพ์โดย ชมรมรัฐศึกษา สจม.พรรคจุฬาประชาชน
38. จีน…หลังการปฏิวัติ เขียนโดย สิทธิสถิตย์
39. โฉมหน้าจีนใหม่ จัดพิมพ์โดย องค์การบริหาร องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
40. โฉมหน้าศักดินาไทย เขียนโดย สมสมัย ศรีศูทรพรรณ
41. มนุษยธรรมกับการต่อสู้ทางชนชั้น เขียนโดย เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
42. มาร์กซ์ จงใจจะพิสูจน์อะไร อย่างไร? เขียนโดย สุภา ศิริมานนท์
43. ศัตรูประชาชน แปลโดย กวี ศรีประชา
44. เศรษฐกิจในระบอบประชาธิปไตยแผนใหม่ เขียนโดย เสิ่นจื้อหย่วน แปลโดย ส.ว.พ.
45. เศรษฐกิจของจีน (โดยสังเขป) เขียนโดย เจิ้งสือ
46. เศรษฐศาสตร์เพื่อมวลชน เขียนโดย วิภาษ รักษาวาที
47. ศัพทานุกรมปรัชญาว่าด้วยจิตนิยมวัตถุนิยม เขียนโดย เมธี เอี่ยมเจริญ
48. แนวทางการต่อสู้ของ นักเรียน นิสิต นักศึกษา จัดพิมพ์โดย กลุ่มนักศึกษาประชาชนเพื่อพัฒนาชนบท
49. แนวร่วมปลดแอกประชาชนชาวไทย เขียนโดย โดนัลด์ อี วีเทอร์บี แปลโดย แสงเพลิง
50. แนวทางการศึกษาประวัติศาสตร์โลก เขียนโดย ฌี่ชุน แปลโดย ศรีอุบล
51. นิพนธ์ 5 บท ประธานเหมาเจ๋อตุง จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ปฏิวัติ
52. ร้อยกรองจากซับแดง เขียนโดย ประเสริฐ จันดำ
53. รุ่งอรุณ ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียน
54. แด่เยาวชน ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียน
55. เบทูนนายแพทย์นักปฏิวัติ ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียน
56. ปลุกผีคอมมิวนิสต์ เขียนโดย ธนาลัย
57. ปัญหาและแนวทางการต่อสู้ของผู้หญิง เขียนโดย ฤดี เริงชัย
58. หลักเศรษฐศาสตร์มาร์กซิสต์เบื้องต้น เขียนโดย เอิร์นเนสท์ แมนเดล แปลโดย ทวี หมื่นนิกร
59. หลักลัทธิเลนินกับการต่อสู้ด้วยอาวุธ เขียนโดย เอ.นูเบอร์ก แปลโดย รุ่งอรุณ ณ บูรพา
60. หลักลัทธิมาร์กซ์เลนิน เล่ม 1-3 แปลโดย ทวี หมื่นนิกร
61. โต้ลัทธิแก้ไทยวิจารณ์แห่งวิจารณ์ เขียนโดย อุทิศ ประสานสภา
62. ตะวันสีแดงส่องทาง เขียนโดย อุดร ทองน้อย
63. ตะวันสีแดง เขียนโดย สุทัศน์ เอกา
64. ตะวันดวงใหม่แห่งบูรพา เล่ม 1-2 เขียนโดย ทวี เกตะวันดี
65. ตื่นเถิดชาวเอเชีย เขียนโดย วี.ไอ.เลนิน
66. ไทย-ไท จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ ไทย-ไท
67. วิญญาณปฏิวัติ เขียนโดย สีหนาท
68. ทนายแก้ต่างของลัทธิล่าเมืองขึ้นใหม่ จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ภาษาต่างประเทศปักกิ่ง
69. ด้วยมือที่หยาบกร้าน เขียนโดย นายผี รมย์ รติวัน ช.เพ็ญแข คุณาวุฒิ ไพฑูรย์สุนทร ศิริรัตน์ สถาปนวัฒน์
70. เดินทางซ้าย เขียนโดย ณรงค์ วิทยไพศาล
71. พิทักษ์เจตนารมณ์วีรชน จัดพิมพ์โดย ฝ่ายเอกสารและสิ่งพิมพ์ งานรำลึกวีรชน 14 ตุลา ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย
72. วิพากษ์ นายผีโต้ลัทธิแก้ไทยวิจารณ์แห่งการวิจารณ์ อุทิศ ประสานสภา เขียนโดย อำนาจ ยุทธวิวัฒน์
73. วิพากษ์ ทฤษฎีจอมปลอม เขียนโดย กระแสทาน พรสุวรรณ
74. พลิกฟ้า คว่ำแผ่นดิน เขียนโดย รวี โดมพระจันทร์
75. วีรชนอาเซีย จัดพิมพ์โดย กองบรรณาธิการ สังคมศาสตร์ปริทัศน์
76. ทัศนคติ ชีวิตที่ก้าวหน้า จัดพิมพ์โดย กลุ่มพัฒนา วัฒนธรรม
77. โลกทัศน์เยาวชน เขียนโดย อนุช อาภาภิรม
78. ไทยกึ่งเมืองขึ้น เขียนโดย อรัญ พรหมชมภู
79. วิเคราะห์วรรณกรรมแนวประชาชน เขียนโดย นศินี วิทูธีรศานต์
80. ที่เขาเรียกกันว่าลัทธิแก้นั้นหมายความว่ากระไร และความเป็นมาแห่งลัทธิรีวิสชั่นนิสม์ เขียนโดย ปรีดี พนมยงค์
81. ฟ้าทอง เขียนโดย อนุช อาภาภิรม
82. ยุทธวิธีของชาวบอลเชวิค เขียนโดย เจ.วี สตาลิน แปลโดย นพพร สุวรรณพาณิช
83. ผู้หญิง (1) เขียนโดย ปนัดดา เลิศล้ำอำไพ จีรนันท์ พิตรปรีชา ศรีศักดิ์ นพรัตน์ สุขสันต์ เหมือนนิรุทธ์
84. เยาวชนผู้บุกเบิก แปลโดย ศรีสารคาม
85. สรรนิพนธ์เหมาเจ๋อตุง (ทุกภาค ทุกตอน) เขียนโดย เหมาเจ๋อตุง
86. สรรนิพนธ์การทหารเหมาเจ๋อตุง เขียนโดย เหมาเจ๋อตุง
87. ผ่าตัดพุทธศาสนา จัดพิมพ์โดย ฝ่ายวิชาการองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
88. วันกรรมกร นครราชสีมา ไม่ปรากฏผู้เขียน
89. ซ้องกั๋ง แบบอย่างลัทธิยอมจำนน เขียนโดย ศิวะ รณชิต
90. ศาส์นศยาม ไม่ปรากฏผู้เขียน
91. โลกทัศน์เยาวชน ฉบับเสียงเยาวชน เขียนโดย อนุช อาภาภิรม
92. สภาพการกดขี่ขูดรีด ชาวนา ชาวไร่ไทย เขียนโดย จรัส จัณฑาลักษณ์
93. เยาวชนแดง “นิทานพื้นเมืองยุคปฏิวัติ” ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียน
94. ระบบทุนนิยมในสังคมไทย เขียนโดย จันดา สระแก้ว
95. กบฏ ร.ศ.130 เขียนโดย ร้อยตรี เหรียญ ศรีจันทร์ ร้อยตรี เนตร พูนวิวัฒน์
96. ไทย-ไดเจสท์ ฉบับที่ 4 ปีที่ 1 พฤษภาคม 2518 บรรณาธิการบริหาร มนตรี จึงสิริอารักษ์
97. LENIN SELECTED WORKES
98. LENIN ON WORKERS CONTROL AND THE NATIONNALISATION OF INDUSTRY
99. LENIN ON THE UNITY OF THE INTERNATIONAL : COMMUNIST MOVEMENT
100. MARX ENGELS LENIN
101. MAN AND THE SCIENTIFIC AND TECHNOLOGICAL REVOLUTION
102. SOCIALISM TODAY
103. TERIA Y CRITICA PROGRESO
104. YOUTH AND THE PARTY

      อาศัยอำนาจตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 43 ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2519 ข้อ 2, ข้อ 4 และข้อ 5 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่าเอกสารและสิ่งพิมพ์ รวม 104 ฉบับ ตามบัญชีรายชื่อข้างต้นนี้ เป็นเอกสารและสิ่งพิมพ์ซึ่งต้องห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ครอบครอง

      อนึ่ง ให้เจ้าของผู้ครอบครองเอกสารและสิ่งพิมพ์ ตามบัญชีรายชื่อข้างต้นนี้ และเจ้าของผู้ครอบครองเอกสารและสิ่งพิมพ์ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ในราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ เล่ม 94 ตอนที่ 18 วันที่ 11 มีนาคม พุทธศักราช 2520 นำส่งมอบแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ณ ท้องที่ที่ตนอาศัยอยู่ ภายในกำหนด 30 วัน นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2520

สมัคร สุนทรเวช

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

ผลงานของตัว HERE ที่ปิดกั้นเสรีภาพทางปัญญา
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #5 เมื่อ: 03-10-2007, 17:29 »



    โห!!!นี่ไงเผด็จการทางรัฐสภา บิดเบือนเสแสร้ง มันเก่งจริงๆๆ



                   
บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #6 เมื่อ: 03-10-2007, 19:22 »

อ้างก.ม.โบราณ ‘พรบ.การพิมพ์ 2484’ ยึดหนังสือ ‘ส.ศิวรักษ์’   
 


จากที่หนังสือ “ค่อนศตวรรษ ประชาธิปไตยไทย ที่เต็มไปด้วยขวากหนาม” สำนักพิมพ์ศึกษิตสยาม เขียนโดย สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ซึ่งวางจำหน่ายบนแผงหนังสือตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้ถูกตำรวจสันติบาลเก็บยึดออกจากแผงหนังสือด้วยข้อกล่าวหาว่า ลงข้อความอันอาจขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน อ้างตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 โดยคำสั่งลงวันที่ 28 ก.ย. 2550

 

นายสุลักษณ์กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ได้รับหนังสือคำสั่งจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาลเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ (2 ต.ค.) ให้ยึดสื่อสิ่งพิมพ์ และห้ามจำหน่าย หรือแจกจ่าย โดยอ้างกฎหมายที่ใช้มาตั้งแต่สมัยเผด็จการจอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งให้มีการยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 7 วัน แต่การอุทธรณ์ไม่เป็นการทุเลา การกระทำนี้ ถือเป็นการใช้อำนาจเผด็จการอย่างเต็มที่ในสังคม

 

“วันนี้มันยังไม่จับผม แต่จับหนังสือของผม” สุลักษณ์กล่าว

 

สำหรับข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาที่ว่า อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงและศีลธรรมอันดี ของหนังสือประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยไทยเล่มดังกล่าวนั้น นายสุลักษณ์กล่าวว่า ไม่คิดว่ามีเนื้อหาส่วนไหนขัดต่อข้อกฎหมาย โดยรับรองในฐานะผู้จบเนติบัณฑิตยสภาจากประเทศอังกฤษ และมีความรู้ในด้านกฎหมาย

 

นอกจากนี้ นายสุลักษณ์ยังกล่าวถึงสังคมไทยในปัจจุบันว่า ทำให้คนสยบยอมต่ออำนาจทุนนิยม ศักดินาทั้งที่ตายไปแล้วและยังมีชีวิตอยู่ รวมทั้งอำนาจอำมาตยาธิปไตย ซึ่งเป็นความเลวร้ายยิ่งกว่าในสังคมพม่าที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ การกระทำทุกอย่างต้องเหมือนผ้าพับไว้ ไม่สนใจต่อการนำเสนอความคิด ความเห็น และไม่ต้องการให้คนพูดความจริง

 

เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวต่อไป นายสุลักษณ์กล่าวว่า นอกจากการยื่นอุทธรณ์ภายใน 7 วัน ตามที่กฎหมายได้เปิดช่องไว้ จะทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อีกทั้งจะทำเรื่องยื่นฟ้องตำรวจสันติบาลต่อศาลปกครองในฐานดำเนินการโดยมิชอบและละเมิดต่อสิทธิส่วนบุคคล โดยจะทำการต่อสู้จนถึงที่สุด ในส่วนการเผยแพร่หนังสือต่อไปหรือไม่นั้นจะต้องปรึกษาทนายต่อไป

 

 
http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=9779&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai

ไม่น่าเชื่อว่ายุคนี้ยังมีการแบนหนังสือกันอีก และทำในยุค คมช ที่อยู่ตรงข้ามกับสมัคร!!!!

เอ่อ  อาจารย์คะ หนูจำได้ว่า อาจารย์เคยวิ่งไปซบทักษิณนะคะ หรือหนูจะจำผิด 
บันทึกการเข้า
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #7 เมื่อ: 03-10-2007, 20:10 »

เอ่อ  อาจารย์คะ หนูจำได้ว่า อาจารย์เคยวิ่งไปซบทักษิณนะคะ หรือหนูจะจำผิด
น่าจะจำผิดเสียแล้วละครับคุณพรรณชมพู
 อ.สุลักษณ์ ท่านขึ้นเวทีอ่านแถลงการณ์สับแม้วที่สนามหลวงยาวเหนียด วันเดียวกับสุชาติ สวัสดิ์ศรี
และน้องวิสาขา กัลยาณพงศ์ ที่เป็นตัวแทนอ่านบทกวี แทนท่านอังคาร
    ทั้งอ.สุลักษณ์ สุชาติ สวัสดิ์ศรี และท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ ไม่เคยก้มหัวให้กับเผด็จการและทรราชย์
มาทุกยุคทุกสมัย
    มีอยู่ครั้งเดียวที่ อ.สุลักษณ์เขียนบทความจาบจ้วง อ.ปรีดี พนมยงค์แต่ในที่สุดท่านก็เดินทาง
ไปขอขมาอาจารย์ปรีดี ที่ฝรั่งเศส จนมีคนยกย่องท่านว่าเป็น
                               "สุภาพบุรุษ"ตัวจริง
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #8 เมื่อ: 03-10-2007, 20:31 »

เอ่อ  อาจารย์คะ หนูจำได้ว่า อาจารย์เคยวิ่งไปซบทักษิณนะคะ หรือหนูจะจำผิด
น่าจะจำผิดเสียแล้วละครับคุณพรรณชมพู
 อ.สุลักษณ์ ท่านขึ้นเวทีอ่านแถลงการณ์สับแม้วที่สนามหลวงยาวเหนียด วันเดียวกับสุชาติ สวัสดิ์ศรี
และน้องวิสาขา กัลยาณพงศ์ ที่เป็นตัวแทนอ่านบทกวี แทนท่านอังคาร
    ทั้งอ.สุลักษณ์ สุชาติ สวัสดิ์ศรี และท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ ไม่เคยก้มหัวให้กับเผด็จการและทรราชย์
มาทุกยุคทุกสมัย
    มีอยู่ครั้งเดียวที่ อ.สุลักษณ์เขียนบทความจาบจ้วง อ.ปรีดี พนมยงค์แต่ในที่สุดท่านก็เดินทาง
ไปขอขมาอาจารย์ปรีดี ที่ฝรั่งเศส จนมีคนยกย่องท่านว่าเป็น
                               "สุภาพบุรุษ"ตัวจริง


ก่อนหน้านั้นหน่อยค่ะลุงถึก  ตอนแกโกรธนายชวนน่ะค่ะ  ตอนที่แกไปอ่านอะไรเย้วๆตามกระแสเขานั้น แกก็ลืมขอโทษที่เคยเชียร์ทักษิณนะคะ 
บันทึกการเข้า
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #9 เมื่อ: 03-10-2007, 20:34 »

ไว้มีโอกาสเจอตัว จะถามให้นะครับ
รู้แต่เรื่องที่ไม่พอใจนายชวน เรื่องที่โดนสุจินดาฟ้องข้อหาหมิ่นฯ
ที่นายชวนเงียบเฉยเป็นสากกระเบือนั่นแหละครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2007, 20:39 โดย (ลุง)ถึก สไลเดอร์ » บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #10 เมื่อ: 03-10-2007, 21:28 »

อาจารย์ แกเคยซบทักษิณเหรอ ??
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
cameronDZ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,827


my memory


« ตอบ #11 เมื่อ: 03-10-2007, 21:28 »

เรื่อง 'จารย์ ส. โกรธ ปี้ชวน จนพาลโกรธเกลียด พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งยวงไปด้วย
ก็เป็นบุคลิก "เจ้าคิดเจ้าแค้น" ประจำตัว ของ 'จารย์ ส. ที่คนส่วนใหญ่ ก็รู้กันดีอยู่แล้วครับ

เรื่อง ปี้ชวนเนี่ย ผมเคยสะเหร่อไปเงี่ยหูฟัง 'จารย์ ส. เปิดอกพูด กับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ด่าปี้ชวนเละ
(จะหาว่าผมเป็นพวก 'เกรียน' ชอบอ้างว่ารู้จักคนดังคนนั้นคนนี้ก็ตามแต่)
ว่า ไอ้ชวน มัน น.ต.ม. (หาคำเต็มมาใส่เอาเองแล้วกัน) เอาเรื่องในที่ลับ มาไขในที่แจ้ง
คือ 'จารย์ ส. แกก็ยอมรับ ว่าไปขอ "ใช้เส้น" กับนายหัวชวนจริง ในฐานะที่เป็นน้องนุ่งรักใคร่กันดี
('จารย์ ส. แกเป็นคน ศักดินา ชอบใช้เส้นสาย ทางลัด เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ใคร ๆ ก็รู้)
แต่ นายหัวชวน นอกจากไม่ยอมทำ แล้วเจือกเอาเรื่องมาปูดในที่สาธารณะ ประมาณพูดเอาดีเข้าตัว
ยัดความชั่วให้พี่เชื้อ
'จารย์ ส. แกเลยโกรธจัด ไปเข้าฝ่ายกับพ่อใหญ่จิ๋ว อริทางการเมืองของประชาธิปัตย์
ขึ้นเวที ด่านายชวน ด่าประชาธิปัตย์ แหลกทุกงาน

แต่จะว่าไป กรณีแม้ว 'จารย์ ส. แกก็ค่อนไปทาง "เฉยๆ" นะครับ
ไม่ได้ "ชูจักแร้เชียร์" อย่างหมอประเวศ หรือ หมอเสม
เพียงแต่ แกไม่อยาก พูดอะไร ที่มันจะเข้าทาง-เป็นประโยชน์แก่พรรคประชาธิปัตย์ ที่แกเกลียดยิ่งกว่าขี้ เสียมากกว่า
(ผมว่า ผมไม่เคยได้ยิน 'จารย์ ส. สรรเสริญ/เลีย ทักสิน ในแง่ตัวบุคคล สักทีนะ เพราะส่วนตัวแกกับทักสิน ก็ไม่เคยญาติดีกันอยู่แล้ว นอกจากพูดถึงนโยบายบางอย่างของไทยรักไทย ว่า ดีใช้ได้ คนส่วนใหญ่ของประเทศได้ประโยชน์ อันนี้มี-จะบอกว่า พูดเพื่อเบลมนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ หรือเปล่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน)

อย่างที่ลุงถึก ได้ว่าไปแล้วนะแหละ
ถึง 'จารย์ ส. แกจะเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ขี้ใจน้อย เอาแต่ใจตัวเอง อยู่บ้าง
แต่แกก็เป็นคนที่มีความเป็น "สุภาพบุรุษ" แยกแยะผิดถูก ยอมงอ ยอมเสียหน้า อยู่ก็หลายครั้ง

อย่างเมื่อตอน แกคิดจะจัดงาน รำลึกวาระ 200 ปี กรุงศรีอยุธยาล่ม
แกก็ยังละทิฐิ เข้าไปขอพบ/ขอปรึกษา อาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ ซึ่งถือว่าเป็นศัตรูทางความคิดตัวฉกาจ ที่ประกาศว่าชาตินี้จะไม่เผาผีกัน
แล้วแกก็มาบ่นว่า (ไอ้)จานหม่อมเนี่ย มันไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลย (555)
อั๊วอุตส่าห์ ยอมอ่อน เข้าไปหา แต่มันวางท่า ชิบหาย พูดคำแขวะคำ จนอั๊วเกือบตบะแตก

หรืออย่างตอนฉลองแซยิด
แกก็ เปิดโอกาส "ปล่อยฟรี" ให้เพื่อนพ้อง ลูกศิษย์ลูกหา เขียนความในใจ ถึงแกได้เต็มที่ ลงในหนังสือ "ลอดลายผ้าม่วง"
ปรากฏว่า ทุกคน ได้โอกาส ระบายความในใจ ด่า/แฉแกซะเละ (เรื่องจุดบอดของแก ที่ได้กล่าวไปนะแหละ)
แต่แกก็ไม่เห็นจะถือโกรธ เก็บมาเป็นอารมณ์ อาฆาต แต่อย่างใด

เขียนยาวเหมือนกันนะเนี่ย
อิ อิ ต่อมความจำทำงาน
บันทึกการเข้า

ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา
จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย
...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ...
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก
...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 03-10-2007, 21:44 »

นินทาคนแก่

ว่าง ๆ ใครช่วยหาตอนที่จาน ส. แกด่าหมักมาดูกันบ้างสิ

จะได้รวมกลุ่มตื้บหมักให้กระอัก อิ อิ

เอาแบบเป็นข่าวหรือบทความที่อ้างอิงได้นะครับ
บันทึกการเข้า

ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #13 เมื่อ: 03-10-2007, 21:52 »

“ส.ศิวรักษ์” ถล่ม “แม้ว” อุ้ม รมต.โกงกินเอื้อลูกชายโดยตรง

     
       วันนี้ (10 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป มูลนิธิสุขภาพไทย มูลนิธิเด็ก และคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ได้มีการจัดงานเสวนาประสากัลยาณมิตร : คันส่อง พิภพ ธงไชย เนื่องในวันครบรอบ 60 ปี นายพิภพ ธงไชย ประธานที่ปรึกษา ครป.โดย ศ.นพ.เสม พริ้มพวงแก้ว นักวิชาการอาวุโส กล่าวตอนหนึ่งถึงการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ของรัฐบาลว่า รัฐบาลจะต้องใช้หลักอโหสิกรรม ซึ่งการให้อภัยทุกฝ่ายถือเป็นหลักสำคัญ โดยรัฐบาลจะต้องเสริมสร้างความสามัคคีของกลุ่มประชาชนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และก่อให้เกิดความร่วมมือของประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งประชาชนภาคใต้ถือเป็นคนไทย 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าหากการแก้ปัญหาหากรัฐบาลไม่อ่อนโยน และอดทน ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ
       
       “สำหรับการแก้ปัญหาคอร์รัปชันรัฐจะต้องยึดหลักทศพิศราชธรรม คือ 1.การให้อภัย 2.การถือปฏิบัติศีล 5 ประการ ซึ่งปัญหาทุกวันนี้เกิดจากการละเมิดศีล 5 ข้อ 3.การรู้จักเสียสละ 4.ต้องมีความซื่อสัตย์ 5.มีความสุภาพอ่อนโยน มีการสนับสนุนทุกฝ่ายโดยไม่ปิดกั้น 6.ไม่โกรธแค้น 7.ไม่ใช้ความรุนแรง 8.รู้จักอดกลั้น และอดทน 9.ไม่หน่ายหนี หรือหลีกเลี่ยงสิ่งที่ควรจะต้องกระทำ และ 10.เป็นผู้กระทำด้วยความยุติธรรม” ศ.นพ.เสม กล่าว
       
       ด้าน นายสุลักษณ์ ศิวลักษณ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ กล่าวถึงการปาฐกถาเรื่องการบริหารบ้านเมืองของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีและรัฐบุรุษว่า พื้นฐานในการปกครองของรัฐบาล จะต้องมีจริยธรรมเป็นอันดับแรก ส่วนคุณสมบัติอื่นเป็นเรื่องรอง ซึ่งหัวหน้ารัฐบาลต้องไม่หน้าไว้หลังหลอก ไม่ใช่พูดโกหกคนทุกวันเสาร์ ไม่ใช่อุ้มรัฐมนตรีที่ทั่วประเทศรู้กันว่าสกปรกโสโครก โกงกิน ซึ่งรัฐมนตรีคนที่โกงกินก็เป็นที่รู้กัน แต่ไม่มีใครพูดว่าโกงกิน แต่เกี่ยวข้องโดยตรงกับลูกชายนายกรัฐมนตรีเอง
       
       ขณะที่ นายสุลักษณ์ กล่าวว่า ตอนที่รัฐบาลเอาเสียงส่วนใหญ่ในสภาไปข่มขู่ไม่ให้มีการลงเสียงเพื่อคัดค้านความชั่วร้ายของรัฐมนตรีที่โกงกิน เป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานการปกครอง เพราะเป็นการนำเอาวิธีการทางรัฐสภามาเอาชนะกันเพียงอย่างเดียว ซึ่งจริงๆ แล้วพื้นฐานการปกครองมีหลักสำคัญอยู่ที่จริยธรรม เรื่องนี้นายเสนาะ เทียนทอง อดีตที่ปรึกษาพรรคไทยรักไทย ได้พูดไว้ชัดเจนว่า เราชนะในสภา แต่ก็แพ้นอกสภา
       
       “ตามที่องคมนตรีออกมาเตือนเช่นนี้ถือว่าเป็นคำแรง เพราะคุณเปรมเป็นคนพูดเบาๆ เรียบร้อย เป็นผู้ใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยก่อนหน้านี้ก็เคยมีผู้ใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์คือ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิไทยพัฒนา เคยออกมาพูดว่าไม่มีรัฐบาลไหนโกงกินเท่ารัฐบาลนี้ ดังนั้น ถ้ารัฐไม่เอาคำชี้แนะเรื่องคุณธรรม และจริยธรรมที่พระมหากษัตริย์ทรงชี้แนะผ่านองคมนตรี ผมบอกได้เลยว่ารัฐบาลต้องไปไม่รอดแน่” นายสุลักษณ์ กล่าว
       
       นายสุลักษณ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ชัดเจนว่า นายอานันท์ ปันยารุชน ประธาน กอส.เคยเป็นนักการทูต มีประสบการณ์ที่อยู่ในกระทรวงการต่างประเทศมานาน ได้ใช้วิธีแบบการทูตพูดกับนายกรัฐมนตรีทั้งโดยส่วนตัว และผ่านนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการคณรัฐมนตรี ที่เป็นเลขาธิการ กอส. ให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึก และให้มีมติถอนฟ้องคดีทั้งหมด รวมทั้งการเปิดเผยข้อมูลของผู้ที่ถูกฆ่าใน จ.นราธิวาส ซึ่งรัฐจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบที่จะเปิดเผยข้อมูล รวมทั้งข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเคยรับปากนายอานันท์ไว้ แต่ที่ผ่านมารัฐกลับไม่ทำอะไรเลย ขณะนี้นายอานันท์ก็พยายามออกมาให้ข้อมูลกับสื่อมากขึ้น ถ้ารัฐไม่ยอมทำตามคำแนะนำของ กอส.ที่ประชาชนยอมรับในความซื่อสัตย์ สุจริต ของนายอานันท์ ซึ่งเคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่ยอมออกมารับใช้บ้านเมือง ก็คงจะเกิดความเสียหาย และไปไม่รอดอย่างแน่นอน
       
       นายสุลักษณ์ ยังได้กล่าวถึงการปรับ ครม.กรณีการทุจริตซีทีเอ็กซ์ 9000 ว่า แม้ว่าจะมีการปรับ ครม. แต่ภาพลักษณ์ใหม่ของรัฐบาลก็จะยังเหมือนเดิม และการโยกย้ายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ออกไป ก็คงจะเหมือนการโยกคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ไปลงกระทรวงต่างๆ ทั้งนี้ การปรับ ครม.แต่ละครั้งเหมือนการหลอกตัวเอง โดยที่ผ่านมานายกฯ เคยย้ายคุณหญิงสุดารัตน์ไปกระทรวงสาธารณสุข จนมาถึงกระทรวงเกษตร เพราะนายกฯ คิดว่าในสายตาของตัวเองแล้ว ประชาชนให้ความเคารพนับถือคุณหญิงสุดารัตน์ แต่ในความเห็นของราษฎรไม่มีใครให้ความเคารพ และการยอมปรับคุณหญิงสุดารัตน์ เพราะเป็นคนสนิทของนายกฯ ที่เชื่อฟังนายกฯ เท่านั้น
       
       “ตอนที่นายกฯ จะปรับ ครม.ด้วยการหาคนที่เชี่ยวชาญ โดยไม่มองว่าราษฎรจะคิดอย่างไร น่าจะไม่ถูกต้องเหมาะสม เพราะจะทำให้การปรับ ครม.ไปไม่รอด คนที่ถูกปรับมาใหม่ทำอะไรไม่เป็น สิ่งที่รัฐควรจะทำคือการลาออก โดยการลาออกเป็นพื้นฐานของความรับผิดชอบทางจริยธรรม แต่การปรับ ครม.เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งอดีตเคยมีกรณีที่อดีตผู้ว่า ธปท.ยอมลาออก เพราะเจ้าหน้าที่ ธปท.ปลอมธนบัตร ดังนั้นรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด เพราะไม่คำนึงก็จะกลายเป็นการบริหารบ้านเมือง เพื่อจะกอบโกยให้กับพวกพ้อง และตัวเอง” นายสุลักษณ์ กล่าว
       
       นายสุลักษณ์ ยังกล่าวอีกว่า ถ้าหากรัฐเอาจริงเอาจังในการแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งการทุจริตคอร์รัปชัน และปัญหาภาคใต้ ควรจะต้องมีนโยบายตามมติของ กอส. ซึ่งจะทำให้บรรยากาศต่างๆ ดีขึ้น เพราะทุกวันนี้คนภาคใต้มีความกลัวมาก ซึ่งเกิดจากคนของรัฐ สิ่งเหล่านี้สามารถสอบถามข้อมูลข้อเท็จจริงได้จาก กอส. โดยคนที่ถูกฆ่าตายส่วนใหญ่เป็นคนนับถืออิสลามมากกว่านับถือพุทธ แต่ที่ผ่านมารัฐหลอกหลวงโดยไม่ให้ข้อมูลที่เป็นจริงออกสู่ประชาชน ซึ่งถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างมาก หรือเรื่องการตรวจคลังระเบิด รัฐก็ควรทำตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ โดยให้ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ไปเสนอที่จะให้กระทรวงยุติธรรมเข้าไปดำเนินการจัดการ มากกว่าที่จะให้ตำรวจทำ เพราะอาจจะมีการทำลายหลักฐานเพราะตำรวจเป็นมาเฟียที่ร้ายแรงที่สุด และขณะนี้หัวหน้าตำรวจก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และมี พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ผู้ใกล้ชิดเป็น รมว.มหาดไทยเท่านั้น
 

********************* ตามลุงแคนครับ แต่ขอเป็นด่าแม้วละกัน อิอิ
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #14 เมื่อ: 03-10-2007, 21:55 »

ขออนุญาตถามเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์ "เดลิมิเรอร์" ของทั่นหมักด้วยค่ะ มีรุ่นพี่บอกว่า แกออกหนังสือพิมพ์ฉบับนี้มาด่าฝ่ายตรงข้ามกับแกหมด ไม่ทราบว่าหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ปิดตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่คะ  Lips are sealed

คนกรุงเทพฯ นี่ก็แปลก เพราะผลงานสมัยทั่นหมักเป็นผู้ว่าฯ กทม. ห่วยสุดห่วยขนาดนั้น คนเค้าอุตส่าห์นึกว่าทั่นจะสำนึกตัวทำความดีลบล้าง ย้างไปเทคะแนนให้แกเป็นสว. จนได้คะแนนเป็นอันดับสองอีก ดีที่สอวอชุดนี้แท้งไปซะก่อน สะจายเจง ๆ  Yell
บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 03-10-2007, 22:29 »

จำได้ว่ามีหนังสืออยู่เล่มนึงครับ จะสอนวิธีฆ่าตัวตายสารพัดรูปแบบ ตีพิมพ์ออกมาก็ขายดีมาก ไม่นานก็ถูกสั่งห้ามตีพิมพ์ จำไม่ได้จริงๆครับว่าชื่อหนังสืออะไร.....
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #16 เมื่อ: 03-10-2007, 23:06 »

เดลิเมเร่อร์ ของหมัก หมูกบาน มีเอาไว้ด่าคนและสื่ออื่นๆ
โดนฟ้องหมิ่นประมาทจนต้องลงขอขมากันเป็นประจำ แมร่งลงตัวจิ๋วจนแทบต้องเอาแว่นขยายส่อง
ถึงจะเห็น
  ผลสุดท้ายก็เจ๊งไปตามระเบียบเพราะไม่มีคนอ่าน เจ๊งไปนานแล้ว จำไม่ได้เหมือนกันว่าปีไหน
แมร่งมีลูกเล่นเยอะนะว่ามันจนๆต้องขอเมียกิน
  สมัยที่มันเป็นผู้ว่ากทมฯก็งาบไปเยอะ
  ไอ้หมักนี่มันเหลือร้ายจริงๆ ดูดทรัพย์จากนายห้างทองไม่รู้เท่าไหร่ๆ
พอมาถึงวันนี้ก็ทำมาหาแดร๊กด้วยการเป็นนอมินีให้แม้วอีกแล้ว
  เวรกรรมที่มันทำเอาไว้ต้องชดใช้กันในชาตินี้แหละ โปรดติดตามชมกันต่อไป.....เอิ้กกกก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2007, 23:07 โดย (ลุง)ถึก สไลเดอร์ » บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 04-10-2007, 03:27 »

วันพฤหัสบดี ที่ 4 ตุลาคม 2550
ย้อยรอยเดือนตุลา..คนปาก***(น) ปิดปากคน

http://www.oknation.net/blog/canthai/2007/10/04/entry-1/comment
บันทึกการเข้า

aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #18 เมื่อ: 04-10-2007, 06:49 »

เดลิเมเร่อร์ ของหมัก หมูกบาน มีเอาไว้ด่าคนและสื่ออื่นๆ
โดนฟ้องหมิ่นประมาทจนต้องลงขอขมากันเป็นประจำ แมร่งลงตัวจิ๋วจนแทบต้องเอาแว่นขยายส่อง
ถึงจะเห็น
  ผลสุดท้ายก็เจ๊งไปตามระเบียบเพราะไม่มีคนอ่าน เจ๊งไปนานแล้ว จำไม่ได้เหมือนกันว่าปีไหน
แมร่งมีลูกเล่นเยอะนะว่ามันจนๆต้องขอเมียกิน
  สมัยที่มันเป็นผู้ว่ากทมฯก็งาบไปเยอะ
  ไอ้หมักนี่มันเหลือร้ายจริงๆ ดูดทรัพย์จากนายห้างทองไม่รู้เท่าไหร่ๆ
พอมาถึงวันนี้ก็ทำมาหาแดร๊กด้วยการเป็นนอมินีให้แม้วอีกแล้ว
  เวรกรรมที่มันทำเอาไว้ต้องชดใช้กันในชาตินี้แหละ โปรดติดตามชมกันต่อไป.....เอิ้กกกก


ขอบคุณคุณลุงถึกมากค่ะ

แต่ข้อดีของทั่นหมัก (เค้าว่านะคะ) เคลียร์ คัต ชัดเจน คิดอย่างไร ก็พูดอย่างนั้น ไม่สร้างภาพด้วยล่ะค่ะ ไม่ใช่ต่อหน้าสาธารณชนก็เหมือนจะดี แต่เบื้องหลังโชว์ด้านมืดจนคนใกล้ตัวรับไม่ได้ 


วันพฤหัสบดี ที่ 4 ตุลาคม 2550
ย้อยรอยเดือนตุลา..คนปาก***(น) ปิดปากคน

http://www.oknation.net/blog/canthai/2007/10/04/entry-1/comment

ขอบคุณท่านลุงแคนมากเด้อค่ะ

และจะรีบตามไปอ่านค่ะ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-10-2007, 06:51 โดย aiwen^mei » บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #19 เมื่อ: 04-10-2007, 10:05 »

http://www.sapa100koh.com/index.php?file=article&obj=forum(129)

อ้างถึง
จากคนที่เคยชื่นชมและสนับสนุนนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรเมื่อแรกรับตำแหน่ง สุลักษณ์กลายมาเป็นคนที่วิพากษ์ทักษิณ ชินวัตรอย่างรุนแรงที่สุด และก็ไม่ได้เพิ่งตื่นขึ้นมาวิจารณ์ทักษิณในวันนี้ แต่สุลักษณ์ได้ทำหน้าที่ในการตักเตือน ตำหนิ ติเตียนทักษิณมาเป็นเวลานานแล้ว หลังจากทักษิณมีท่าทีเปลี่ยนไปจากเมื่อครั้งที่ประกาศลงเล่นการเมืองใหม่ๆ
บันทึกการเข้า
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 04-10-2007, 11:34 »



คงตั้งแต่ตอนเป็นนายกฯ ใหม่ๆ มังคะ ตอนนั้นภาพดูเหมือนจะดี แต่ที่แน่ๆ แอนได้ยินกะหูเลยคือ รายการวิทยุที่จานเจิมกะคุณเถกิงจัดตอนสมัยแรกๆ หน่ะ (ก่อนโดนเด้งหายไปเฉยๆ) จาน สอ แกด่าพี่แม้วกระจุยกระจาย หลายครั้ง
ยังจำได้ว่าตอนนั้นพระอาจารย์บ้านป่าแบบเป๋ๆ ที่คุณพี่แม้วไปนอนค้างก็เคยเข้าสาย ไปๆมาๆ ลายออกมั่วสีกาจนโดนจับสึกนั่นก็ด้วยค่ะ (แบบว่าจานเจิมแกไปขอสัมภาษณ์เรื่องไรจำไม่ได้ เกี่ยวกับคุณธรรมไรซักอย่าง จานแบบนี้ถึงได้ลูกศิษย์แบบนี้ไง)

ลืมบอกไป ตอนนั้น เถรคนนั้นพูดว่า "เป็นยังไงหล่ะลูกศิษย์ของอาตมา" ตอนนั้นได้ยิน แทบจะแหวะโยเกิร์ตที่กินตอนเช้า (ในรถ) เพราะมันเชลียร์จนออกนอกหน้า พระบ้าบอ ตอนหลังพอมีเรื่อง เถรๆ แบบนั้นก็ไม่ค่อยแปลกใจหรอก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-10-2007, 11:50 โดย แอ่นแอ๊น » บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #21 เมื่อ: 04-10-2007, 11:41 »

จากคนที่เคยชื่นชมและสนับสนุนนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรเมื่อแรกรับตำแหน่ง
สุลักษณ์กลายมาเป็นคนที่วิพากษ์ทักษิณ ชินวัตรอย่างรุนแรงที่สุด และก็ไม่ได้เพิ่งตื่นขึ้นมาวิจารณ์ทักษิณในวันนี้
แต่สุลักษณ์ได้ทำหน้าที่ในการตักเตือน ตำหนิ ติเตียนทักษิณมาเป็นเวลานานแล้ว หลังจากทักษิณมีท่าทีเปลี่ยนไปจากเมื่อครั้งที่ประกาศลงเล่นการเมืองใหม่ๆ

ผมก็เหมือนกัน ในช่วงที่ทักษิณขึ้นเป็นนายกใหม่ๆ ผมก็ยังคิดว่าไอ้หมอนี่มันเก่ง แต่เป็นเพราะ
ผมไม่ได้เป็นคนที่มีชื่อเสียง ถึงไม่ตกเป็นข่าว.......เอิ้กกกกกกก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-10-2007, 11:43 โดย (ลุง)ถึก สไลเดอร์ » บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #22 เมื่อ: 04-10-2007, 13:28 »

รายชื่อหนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5_100_%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99

เคยโพสท์ไว้ที่ราชดำเนิน คงหายไปนานแล้ว
บันทึกการเข้า

aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #23 เมื่อ: 04-10-2007, 20:56 »


ขอบคุณค่ะ อีกเพียบบบบที่ยังไม่ได้อ่านค่ะ ดูเหมือนว่า อ.วิทยากร เชียงกูล เป็นตัวตั้งตัวตีเมื่อหลายปีก่อนสำหรับโครงการนี้ เพราะหลังจากนั้นก็ตกข่าวตลอด

เม่ยไปอ่านบล็อกของลุงแคนมาแล้วค่ะ ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่า ตอนที่ทั่นหมักได้รับตำแหน่งเป็น รมช.มหาดไทย ใช่รัฐบาลหอยหรือป่าวคะ น่าจะยังสังกัดปชป. คนทั่วไปเข้าใจว่า เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงเสียอีก ที่ไหนได้ ที่แท้ตะแกน่ะขี้โม้ ขี้คุย พูดตัวเลขน้ำไหลไฟดับ เป็นจอมโปรเจ็กต์ฝันเฟื่อง ถูกล้อเลียนในงานบอลประเพณีจุฬาฯ - ธรรมศาสตร์ ด้วย

แล้วตอนหลังไม่ทราบมีเรื่องอะไร แกก็เลยออกมาตั้งพรรคประชากรไทย ต่อด้วยหนังสือพิมพ์เดลิมิเรอร์  แต่ทำมั้ย ทำไม คนกรุงเทพฯ จึงแบกรับแฟลตตำรวจเป็นบุญคุณท่วมหัวซะขนาดนั้น เพราะทั่นหมักลงเขตดุสิตทีไร มาวินทุกที  Yell

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-10-2007, 20:58 โดย aiwen^mei » บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: 04-10-2007, 21:10 »

ตอนที่มีเรื่องก่อน 6 ตุลา 19 หมักแกได้เป็นรมต.ช่วย แต่ไม่พใจ

ตะแกอยากเป็น รมต.มหาดไทย แต่พรรคไม่ให้ ( หลังจากรัฐบาลเสนีย์ลาออกแล้ว กำลังจะตั้งเสนีย์สอง )

หมักแกรู้ว่าไม่ได้ เลยออกมาถล่มกับพวก ยานเกราะ ซี้เก่าแกไง

จะว่าไป ตอนที่เค้าปฏิรูปวันที่ 6 ตุลานั่น หมักก็ยังสังกัด ปชป. ครับ

แต่รัฐบาลเสนีย์หลุดไป หมักแกได้เป็นใหญ่ ในรัฐบาลหอยเน่าครับ
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #25 เมื่อ: 04-10-2007, 21:25 »

เคยได้ยินเรื่องแฟลตตำรวจมานานแล้ว จำได้ว่าโครงการมันมีมานานแล้ว
แต่บังเอิญดันมาเสร็จในช่วงที่หมักเป็นใหญอยู่พอดี ก็เลยฉวยโอกาสเอาความดีใส่ตัวซะเลย
  ใครมีข้อมูลเก็บเอาไว้ ช่วยเอามาเผยแพร่กันหน่อย จะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

 
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
see - u
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,370


.......... I'm not Supergirl


« ตอบ #26 เมื่อ: 04-10-2007, 21:53 »

*  อยากอ่าน ............ 

    กบฏ ร.ศ. 130   กับ   โฉมหน้าศักดินาไทย   มากที่ซู๊ดดดด

    เคยได้ยินชื่อหนังสือ   2   เล่มนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ  แต่ไร้วาสนาที่จะได้สัมผัส  5555

    ว่าแต่ ... อยากรู้ว่าหนังสือต้องห้าม  เนี่ยยย  ....  มันมีวันหมดอายุของการห้าม ป่าวค่ะ

    (  สงสัยจริง ๆ นะ ... คือ  ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วคำสั่งห้ามนี่เป็น ... อมตะนิรันดร์กาล  ด้วยหรือเปล่า )

    อย่างหนังสือเก่าเก็บบางเล่มอาจถูกเผาไปแล้ว .... แต่บางเล่มก็น่าจะหลุด  หรือ  หลงเหลือ  อยุ่มั่งแหละ

    ถ้ายังมีโอกาส  .... ที่จะทำให้หนังสือดี ๆ กลับมาหายใจได้อีกครั้ง  ก็เป้นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง

    บอกตรง ๆ  ว่าเบื่อโคตรๆ เลยอ่ะ ....  ที่ทุกวันนี้ในร้านหนังสือจะมีแต่หนังสือจำพวก  แฉ  ( ของดารา )

    มันจะ  แฉ  กันไปอีกกี่ชาติ  .........  ก็ไม่รู้


   
บันทึกการเข้า

    " I  will  unforgive  you  to  do  the  bad  thing  like  this. "   

                           

                        The  fox  changes  his  skin  but  not  his  habits.   *

                 Superman ( It's Not Easy )   >>  http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD
    
    
   "  กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี  ........  ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย  "

                                     
                                          
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #27 เมื่อ: 04-10-2007, 22:02 »

*  อยากอ่าน ............ 

    กบฏ ร.ศ. 130   กับ   โฉมหน้าศักดินาไทย   มากที่ซู๊ดดดด

    เคยได้ยินชื่อหนังสือ   2   เล่มนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ  แต่ไร้วาสนาที่จะได้สัมผัส  5555

    ว่าแต่ ... อยากรู้ว่าหนังสือต้องห้าม  เนี่ยยย  ....  มันมีวันหมดอายุของการห้าม ป่าวค่ะ

    (  สงสัยจริง ๆ นะ ... คือ  ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วคำสั่งห้ามนี่เป็น ... อมตะนิรันดร์กาล  ด้วยหรือเปล่า )

    อย่างหนังสือเก่าเก็บบางเล่มอาจถูกเผาไปแล้ว .... แต่บางเล่มก็น่าจะหลุด  หรือ  หลงเหลือ  อยุ่มั่งแหละ

    ถ้ายังมีโอกาส  .... ที่จะทำให้หนังสือดี ๆ กลับมาหายใจได้อีกครั้ง  ก็เป้นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง

    บอกตรง ๆ  ว่าเบื่อโคตรๆ เลยอ่ะ ....  ที่ทุกวันนี้ในร้านหนังสือจะมีแต่หนังสือจำพวก  แฉ  ( ของดารา )

    มันจะ  แฉ  กันไปอีกกี่ชาติ  .........  ก็ไม่รู้


   
ในลิศ ผมมีเกินครึ่งเลยนะ

เรื่องแบนอาจจะยังอยู่ แต่ผมว่าบางเล่มก็เอามาพิมพ์ใหม่นะแหละ
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #28 เมื่อ: 04-10-2007, 23:32 »

ตอนที่มีเรื่องก่อน 6 ตุลา 19 หมักแกได้เป็นรมต.ช่วย แต่ไม่พใจ

ตะแกอยากเป็น รมต.มหาดไทย แต่พรรคไม่ให้ ( หลังจากรัฐบาลเสนีย์ลาออกแล้ว กำลังจะตั้งเสนีย์สอง )

หมักแกรู้ว่าไม่ได้ เลยออกมาถล่มกับพวก ยานเกราะ ซี้เก่าแกไง

จะว่าไป ตอนที่เค้าปฏิรูปวันที่ 6 ตุลานั่น หมักก็ยังสังกัด ปชป. ครับ

แต่รัฐบาลเสนีย์หลุดไป หมักแกได้เป็นใหญ่ ในรัฐบาลหอยเน่าครับ


ขอบคุณสำหรับรายละเอียดค่ะ

แหม่...อยากเป็นรอมอตอนี่เอง  Mr. Green

เคยได้ยินเรื่องแฟลตตำรวจมานานแล้ว จำได้ว่าโครงการมันมีมานานแล้ว
แต่บังเอิญดันมาเสร็จในช่วงที่หมักเป็นใหญอยู่พอดี ก็เลยฉวยโอกาสเอาความดีใส่ตัวซะเลย
  ใครมีข้อมูลเก็บเอาไว้ ช่วยเอามาเผยแพร่กันหน่อย จะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

 

อยากทราบเรื่อง "แฟลตตำรวจ" เหมือนกันค่ะ ได้ยินแต่คนเขาบอก  Mr. Green

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-10-2007, 23:34 โดย aiwen^mei » บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #29 เมื่อ: 05-10-2007, 09:44 »

จากคนที่เคยชื่นชมและสนับสนุนนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรเมื่อแรกรับตำแหน่ง
สุลักษณ์กลายมาเป็นคนที่วิพากษ์ทักษิณ ชินวัตรอย่างรุนแรงที่สุด และก็ไม่ได้เพิ่งตื่นขึ้นมาวิจารณ์ทักษิณในวันนี้
แต่สุลักษณ์ได้ทำหน้าที่ในการตักเตือน ตำหนิ ติเตียนทักษิณมาเป็นเวลานานแล้ว หลังจากทักษิณมีท่าทีเปลี่ยนไปจากเมื่อครั้งที่ประกาศลงเล่นการเมืองใหม่ๆ

ผมก็เหมือนกัน ในช่วงที่ทักษิณขึ้นเป็นนายกใหม่ๆ ผมก็ยังคิดว่าไอ้หมอนี่มันเก่ง แต่เป็นเพราะ
ผมไม่ได้เป็นคนที่มีชื่อเสียง ถึงไม่ตกเป็นข่าว.......เอิ้กกกกกกก


กรณี อาจารย์ ส. กล่าวชื่นชมนายกทักษิณเมื่อแรกรับตำแหน่งนั้น หาก อาจารย์ ส. เป็นอย่างลุงแคนหรือหนู คือเป็นคนธรรมดา ก็ไม่ตกเป็นข่าวอย่างลุงแคนว่ามาค่ะ แต่นี่ท่านไม่ใช่คนธรรมดา    ดังนั้นท่านจึงควรจะตอบคำถามนี้ต่อสังคม ว่าในวันที่ท่านกล่าวชื่นชมนั้น ท่านทำไปเพราะอะไร

คำตอบนั้น อาจจะดูไม่สลักสำคัญ แต่ถ้าไตร่ตรองแล้ว จะพบว่าน่าตกใจมาก ลองมาหาคำตอบที่จะตอบได้ในกรณีนี้ดูไหมคะ แล้วจะพบว่ามันน่าตกใจอย่างไร

หากจะตอบว่า เมื่อแรกเริ่มยุคทักษิณนั้น อาจารย์ ส. ก็เช่นเดียวกับคนไทยจำนวนหนึ่ง ที่ชื่นชมในนโยบายสวยหรู สนธิลิ้ม หมอประเวศ จำลองศรีเมือง และอีกหลายคนสำคัญในบ้านเมือง ต่างก็ยกย่องเชิดชูอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณในยุคเริ่มแรกกันทั้งนั้น ไม่น่าแปลกประหลาดใจอะไร ที่ อาจารย์ ส. จะชื่นชมยินดีไปกับเขาด้วย

แต่สมาชิกหลายคนในบอร์ดเสรีไทย ไม่ได้ชื่นชมอดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้เลย ไม่ใช่เฉพาะในช่วงปลายสมัย แต่ไม่ชื่นชมมาตั้งแต่เขาเข้าสู่วงการเมือง นานตั้งแต่เริ่มเล่นการเมือง  ผู้คนที่ไม่ชื่นชมอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ มีเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้ไม่ชื่นชมเพราะรักพรรคการเมืองอื่น แต่ไม่ชื่นชมเพราะรู้ทัน รู้ใส้รู้พุง บุคคลเหล่านี้ไม่ได้เป็นนักวิชาการ ไม่ได้มีผลงานวิพากษ์วิจารณ์สังคม ไม่ได้มีเครื่องแบบประจำตัวเพื่อสร้างความขลัง แบบว่าเอาผ้าขาวม้าพาดไหล่เอาผ้าไหมคาดพุง บุคคลเหล่านี้ทั้งที่เป็นสมาชิกในบอร์ดของเสรีไทยในปัจจุบัญ หรือคนแบบหนู เราเป็นเพียงคนธรรมดา ธรรมดาเสียยิ่งกว่าธรรมดา แต่เรารู้ทันคนอย่างอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ในขณะที่ ปราชญ์แห่งสยาม ไม่รู้

จะแปลว่า อาจารย์ ส. ก็เป็นคนธรรมดา มีวันจะหลงผิด เข้าใจผิดได้  แล้วตำรามากมายที่ท่านผลิตออกมา มีตรงไหนบ้าง ที่ท่านเข้าใจผิด เขียนผิด สอนคนอื่นผิด ???? ความเห็นของท่านนั้น ทั้งในอดีตและปัจจุบัญต่อไปถึงอนาคต มีตรงไหนที่ผิดอีกบ้าง ??????

เอาใหม่ๆ เราอย่าไปตำหนิท่าน ท่านอาจจะรู้ทันทักษิณมาก่อนเราอีก อย่างนั้นเรามาหาคำตอบกันว่า ทำไมท่านถึงได้ชื่นชมทักษิณในยุคเริ่มต้นทางการเมือง

คำตอบที่สองก็ดูจะธรรมดา  มิตรคือผู้ที่มีศัตรูร่วมกัน

ก็มีผู้เฉลยมาแล้วว่า อาจจะเป็นไปได้ที่ อาจารย์ ส. เชียร์อดีตนายกทักษิณเพราะโกรธเคืองกับนายชวน และในช่วงนั้นเป็นการพันตูกันระหว่างพรรคของอดีตนายกทักษิณและพรรคของนายชวน เรียกว่าชิงกันเป็นนายก เมื่อไม่ชอบฝ่ายหนึ่ง ก็เลยเชียร์อีกฝ่ายหนึ่ง เป็นธรรมดาใครๆเขาก็ทำกัน

แต่ถ้าตอบคำถามด้วยคำตอบนี้ มันก็น่าตกใจแทบสิ้นสติ นังพรรณชมพู หรือนายนางคนไหนในแผ่นดินที่เป็นคนธรรมดา โง่ บ้า เซ่อ เซอะ ก็ย่อมประพฤติตนโฉดเขลา ขาดความรับผิดชอบ ขาดสติ ขาดธรรมที่จะไตร่ตรอง เกลียดขี้หน้าใคร หากผู้นั้นเข้าแข่งขันก็สาปแช่งมัน เชียร์อีกฝ่ายหนึ่ง เหตุผลไม่ต้องพูดถึงกัน ถึงแม้การเชียร์นั้นจะทำให้ประเทศชาติพินาศฉิบหาย ถึงรู้อยู๋แก่ใจก็จะกระทำ เพราะเราเป้นคนธรรมดา หรือเลวกว่าธรรมดา ขาดการศึกษา ห่างการอบรม

แต่ถ้าปราชญ์แห่งแผ่นดิน จะเป็นปราชญ์ด้วยใครยกย่องหรือยกย่องตนเองก็ตามแต่ กระทำเช่นนั้นบ้าง เชียร์ผู้ใดผู้หนึ่งเพราะเกลียดคู่แข่งของคนนั้น ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าคนที่ตนเชียร์นั้นชั่ว คงไม่มีอะไรจะวิจารณ์ปราชญ์ผู้นั้นได้อีกแล้ว นอกจากจะขอเปลี่ยนฐานะให้เป็น ปาด

คำตอบของคำถามนี้ ไม่ใช่เพียง เพราะในสมัยนั้นใครๆก็เชียร์ หรือเพราะ ในสมัยนั้นเชียร์เพราะเกลียดคู่แข่ง

คำตอบของ อาจารย์ ส. จะสะท้อนความเป็นตัวตนของ อาจารย์ ส.

ระยะทางพิสูจน์ม้า  กาลเวลาพิสูจน์คน 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2007, 09:50 โดย พรรณชมพู » บันทึกการเข้า
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #30 เมื่อ: 05-10-2007, 11:12 »

ผมว่า ส.ศิวรักษ์ นอกจากจะได้รับการยกย่องจากบางกลุ่มว่าเป็นปราชญ์ แต่ก็มีบางกลุ่มอีกเหมือนกันที่ยกย่องให้ จอมเสียคน ระดับ contempolary เลยนะ
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #31 เมื่อ: 05-10-2007, 13:09 »

มาโปรโมทบทความในบล็อกลุงแคนที่ oknation สักหน่อย เพราะเพิ่งมีเขียนถึงเรื่องหนังสือในยุคสมัคร

เฉพาะหนังสือ "สันดานรัฐมนตรี ป.ม." นี้มีคนเขียนให้กับสมัครโดยตรง  ผมเคยอ่านเมื่อนานมาแล้วครับ
คุณพ่อผมเคยทำงานหนังสือพิมพ์ก็เลยมีหนังสือพวกนี้เต็มบ้าน สำหรับเล่มนี้สมัครคงอยากประกาศเป็น
"หนังสือต้องห้าม" เหมือนกัน ถ้าใครหาได้ก็แนะนำให้ลองอ่านดูครับ

สำหรับบทความของลุงแคนบทนี้ เขียนไว้อย่างยืดยาวพิศดารมากเลยครับ ตัดมาให้อ่านแค่เพียงบางส่วน
และขอแนะนำท่านที่ยังไม่ได้อ่านฉบับเต็ม ให้ตามลิงค์ไปอ่านกันครับ 

http://www.oknation.net/blog/canthai/2007/07/31/entry-2/comment
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


"สันดานรัฐมนตรี ป.ม." งานเขียนของ "ทหารเก่า" จากชายคา "สยามรัฐ" คนเดียวกับคนเขียน "พณฯหอย"

งานเขียนชิ้นนี้ถือได้ว่าเป็นงานเขียนขายดี ขนาดที่ว่าพิมพ์จำหน่ายซ้ำถึง 6 ครั้ง โดยสำนักพิมพ์ พีจี ราคาหน้าปกมาตรฐาน ( 15 บาท ) ลองเสิร์ชดูในตลาดหนังสือเก่าคงพอจะหาได้

ในการพิมพ์ครั้งที่ 2 และครั้งหลัง ๆ มีการนำเอาคำวิจารณ์หนังสือจากผู้ที่มีชื่อเสียงมากมายเป็นประวัติการณ์ อาทิเช่น
มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ( พิมพ์เป็นลายมือแท้ ๆ ) เกษม ศิริสัมพันธ์, กระแช่, เพชร บ้านแหลม, นพพร บุณยฤทธิ์,ถาวร สุวรรณ,
ชอบ มณีน้อย( นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ ) ปรีชา สามัคคีธรรม นายกสมาคมนักข่าว, ชัยยะ ปั้นสุวรรณ ( ดาวสยาม ) ม้าป่า,
พญาไม้, ฉัตร เชิงดอย (สุภาพ คลี่ขจาย ) ชูพงษ์ มณีน้อย ( แม่ลูกจันทร์ไทยรัฐในปัจจุบัน ) ฯลฯ

กองทัพปากกาของผู้อาวุโสเหล่านี้ ล้วนเป็น "ประสพการณ์ตรง" และร่วมกันบันทึกเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ "ทหารเก่า" นำมาเขียนนั้น
ตรงใจนักหนังสือพิมพ์ "แท้ ๆ " ขนาดใหน

และเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ทุกเรื่องที่ปรากฎจึงเป็น "เรื่องจริง" ที่มีตัวบุคคลยืนยันอย่างไม่ต้องสงสัยกันอีกต่อไป

ที่เป็นเช่นนั้น เพราะไม่เคยมีครั้งใดที่อาชีพหนังสือพิมพ์จะถูกดูหมิ่นดูแคลนหยามเหยียดจาก "นักการเมือง"
ที่มีชื่อเสียงมาจากอาชีพเขียนหนังสือขายมาก่อน

และไม่แต่เท่านั้น เมื่อรัฐบาลเผด็จการที่มีอายุเพียง 9 เดือนเศษ ๆ หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 แต่สั่งปิดหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ
ต่างกรรม ต่างวาระตลอดเวลาที่ รัฐบาลหอยปกครองบ้านเมือง มากมายเป็นประวัติการณ์

เฉพาะ "สยามรัฐ" ของ อดีตนายกรัฐมนตรี มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช โดนปิดถึง 2 ครั้ง ในเวลาห่างกันไม่กี่เดือน
คือ ช่วงตรุษจีน และช่วงวันเกิดสยามรัฐ

การสั่งปิดหนังสือพิมพ์นั้น จะว่าไปในแง่เศรษฐกิจมันไม่เท่าไหร่ แต่ที่ประชาชนเจ็บใจคือการใช้อำนาจเผด็จการมาปิดปากประชาชน

นี่สิมันถึงเป็นเรื่องที่ "ยอมกันไม่ได้"

แม้ในห้วงเวลาเผด็จการปิดปากกว่า 9 เดือนนั้น...การตอบโต้จากฝ่ายหนังสือพิมพ์ ก็มิได้ห่างหาย
แต่พยายามทำอยู่ในกรอบแห่งความสุภาพ

แม้จะถูกกล่าวหา ใส่ร้ายอย่างต่ำช้าจากผู้ปกครองปากเสียเท่าใดก็ตาม ชาวหนังสือพิมพ์ก็มีเพียงปากกา ที่จะสามารถถ่ายทอดความจริงออกมาได้อย่างจำกัด

เพราะฝ่ายรัฐถืออำนาจในมือ ย่อมสามารถสั่งการได้ทุกอย่าง ถูกต้องตามกฎหมาย
แต่ไม่ใช่การใช้อำนาจที่ "ชอบธรรม" ที่กระทำต่อประชาชน

หากหนังสือพิมพ์เขียนเกินเลยไป ก็จะโดนเล่นงานด้วยคำสั่ง ห้ามเขียนบ้าง เตือนบ้าง สั่งปิดหนังสือพิมพ์บ้าง

หนังสือตำราบางเล่ม ( กว่า 200 เล่ม ) ก็โดนคำสั่งเป็นหนังสือต้องห้ามไม่ยอมให้ครอบครอง
...นับว่าเป็นยุคเผด็จการ พอ ๆ กับสมัย "จิ๋นซี ฮ่องเต้" ประมาณนั้น ( ลองสืบค้นในเว็บ 6 ตุลา 19 พอมีบันทึกครับ )

ด้วยเหตุนี้ "รมต. ป.ม. ไอ้ซ่าส์จอมเนรคุณ" จึงเป็นที่รังเกียจชนิดที่ไม่มีนักหนังสือพิมพ์คนใหนอยากเอาไม้สั้นไปรันขี้
ไม่อยากแม้แต่เขียนถึงหรือตอบโต้แม้จะโดนเป็นฝ่าย "ถูกกระทำ"
เพราะหากใครบังอาจไปแตะต้อง "รัฐบาลหอย" เข้า
ไม่ว่าเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นต้องมีอันถูกเตือนด้วยหนังสือจาก "เจ้าพนักงานการพิมพ์" เป็นอย่างน้อย

หากหนักหนาสาหัสก็โดนคำสั่งปิด ชนิดมีกำหนดบ้าง ไม่มีกำหนดบ้าง

ถือได้ว่าเป็น "ยุคมืด" ของวงการสื่อสารมวลชนก็ว่าได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2007, 13:17 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #32 เมื่อ: 05-10-2007, 13:30 »

พรรณชมพู

ผมก็เหมือนผู้คนทั้งหลายที่สนใจการเมือง อยากได้การเมืองใหม่จึงได้สนับสนุนทักษิณ
และลงไปทำงานในหมู่บ้านเรื่อง "กองทุนหมู่บ้าน" นับเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ

ตอนหลังเห็นว่ารัฐบาลทักษิณเดินทางผิด ไม่คิดต่อยอดโครงการประชาสังคมอย่างแท้จริง
และมีการโกงกิน มีเรื่องทุจริตเชิงนโยบาย ผมจึงเริ่มตีตัวออกห่างตั้งแต่ครั้งเขื่อนปากมูล ไอทีวี

ก่อนนั้นผมก็เชียร์ทักษิณให้มีอำนาจ เลยต้องเดินออกจากป่ามาเมืองกรุง มาร่วมต่อต้านคอรัปชั่น
ถือซะว่าเป็นการทำความดีลบล้างความผิดพลาด เหมือนเช่นผู้อาวุโสทั้งหลายนั่นแหละครับ
ช่วงนั้นพอเห็นความเลวแล้ว เรารู้สึกผิดที่หลงไปสนับสนุนคนเลว เลยต้องพยายามทำทุกวิธี เท่าที่เรามีโอกาส
เผยแพร่ความเลวของทักษิณ ในโลกอินเตอร์เน็ตบ้าง ในโลกจริงบ้างเท่าที่โอกาสและเงินในกระเป๋าจะอำนวย

คุณ jerasak

ผมกำลังนั่งทำสมาธิเรียบเรียง เรื่องราวจากหนังสือ รัฐบาลหอย สันดานรัฐมนตรี ( สำนวนวีระ ) สันดานรัฐมนตรี ปม. ( สำนวนทหารเก่า )
ให้เรียงร้อยเป็นเรื่องเดียวกัน

ไม่ทราบจะทำได้มากน้อยแค่ใหน แต่พยายามอัพเดทในบล็อค โอเคเนชั่นนั่นแหละครับ
ทุกเรื่องเป็นเรื่องจริงมีคนยืนยัน รวมทั้งใน คำให้การของ อาจารย์ป๋วย กรณีเหตุการณ 6 ตค. 19
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #33 เมื่อ: 05-10-2007, 13:43 »

ใครจะเป็นปราชญ์ หรือ ปาด
ใครจะยกย่องนับถือใคร ก็เป็นสิทธิของแต่ละคน
  "ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน"
ผมก็ใช้วิธีนี้ในการดูว่าใครจะเป็นของแท้หรือของเทียมเหมือนกัน....เอิ้กกกก

 
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
eAT
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,066



« ตอบ #34 เมื่อ: 05-10-2007, 17:42 »

อ่านของคุณพรรณชมพู เลยต้องขอเขียนมั่ง
เรื่องอย่างนี้ ถือว่าเป็นบทเรียนล่ะกัน ผมน่ะโดนมาหลายครั้งแล้ว หลังๆ เลยระมัดระวังตัว ประเภทว่า เอาชื่อเสียงมาเป็นประกัน ไม่สนใจแล้ว เพราะมันมั่วสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นพระที่เขาอ้างกันว่า เป็นผู้มีคุณธรรมสูง หรือผุ้อาวุโสมีความรู้สูง ก็ไม่สน ดูแต่เหตุผลว่าเข้าท่าหรือไม่ ก็เลยไม่ได้กลุ่มเชียร์ อัศวินควายดำ มันหลอกลวงเอา เพราะคำที่พี่เขาพูดมาว่า "ทักษิณเก่งตรงไหน บริษัทเจ๊งทุกบริษัท ถ้าไม่ใช่พวกผูกขาด" ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้ว ก็เห็นตั้งแต่แรกแล้วว่า พวกนี้มันไม่มีกึ๋น แถมยังขี้โกง และมารยาททราม (ยังไม่ได้เป็นนายกเลย ดันวางอำนาจ เรียกข้าราชการมาเข้าพบ)

เรื่อง ศัตรูของศัตรู คือ มิตร ทำฟังกันไม่รู้เท่าไหร่แล้ว แต่ก็ไม่เข็ดกัน ยิ่งพวกใหญ่ๆ โตๆ ล่ะชอบแบบนี้นัก

โชดีที่มีหนังสือของ ศ. เพียงแค่หนังสือวิชาการ (เกี่ยวกับมหายาน) จึงไม่จำเป็นต้องเผาหนังสือไป ไม่อย่างนั้นกลุ้มใจว่า อ้ายที่เขียน มันเขียนด้วยอคติ หรือโง่ หรือว่ารู้จริงกันแน่
บันทึกการเข้า
see - u
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,370


.......... I'm not Supergirl


« ตอบ #35 เมื่อ: 05-10-2007, 18:00 »

*  ม่ายรู้เหมียลกัน .... 

    รู้แต่ว่า ....  มีเพื่อนทำงาน  กะ   ส. ศิวรักษ์ 

    เห็นมันก็ชื่นชมให้ฟังว่า ....  แก  ก็เป็นคนดีคนหนึ่ง  แต่   อีโก้แรงเหมียลกัน

    สรุป ... ข๊าพเจ้า  ได้หนังสือหลาย ๆ เล่มมาอ่านโดยไม่เสียกะตังส์

    บางเล่มก็พิมพ์ออกมา .... เฉพาะ  แวดวง  เท่านั้น  ......... !!!

    แฮปปี้ .....  ฮับ  !!!!


บันทึกการเข้า

    " I  will  unforgive  you  to  do  the  bad  thing  like  this. "   

                           

                        The  fox  changes  his  skin  but  not  his  habits.   *

                 Superman ( It's Not Easy )   >>  http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD
    
    
   "  กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี  ........  ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย  "

                                     
                                          
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #36 เมื่อ: 05-10-2007, 18:03 »

*  ม่ายรู้เหมียลกัน .... 

    รู้แต่ว่า ....  มีเพื่อนทำงาน  กะ   ส. ศิวรักษ์ 

    เห็นมันก็ชื่นชมให้ฟังว่า ....  แก  ก็เป็นคนดีคนหนึ่ง  แต่   อีโก้แรงเหมียลกัน

    สรุป ... ข๊าพเจ้า  ได้หนังสือหลาย ๆ เล่มมาอ่านโดยไม่เสียกะตังส์

    บางเล่มก็พิมพ์ออกมา .... เฉพาะ  แวดวง  เท่านั้น  ......... !!!

    แฮปปี้ .....  ฮับ  !!!!



อิจฉา  ผมว่าพวกระดับเนี่ย อีโก้ แรงทุกคนอะ 
ดูอย่างอาจารย์ โต สมศักดิ์ เจียม  อีโก้สุดยอดดดดด
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #37 เมื่อ: 08-10-2007, 15:15 »

*  อยากอ่าน ............ 

    กบฏ ร.ศ. 130   กับ   โฉมหน้าศักดินาไทย   มากที่ซู๊ดดดด

    เคยได้ยินชื่อหนังสือ   2   เล่มนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ  แต่ไร้วาสนาที่จะได้สัมผัส  5555

    ว่าแต่ ... อยากรู้ว่าหนังสือต้องห้าม  เนี่ยยย  ....  มันมีวันหมดอายุของการห้าม ป่าวค่ะ

    (  สงสัยจริง ๆ นะ ... คือ  ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วคำสั่งห้ามนี่เป็น ... อมตะนิรันดร์กาล  ด้วยหรือเปล่า )

    อย่างหนังสือเก่าเก็บบางเล่มอาจถูกเผาไปแล้ว .... แต่บางเล่มก็น่าจะหลุด  หรือ  หลงเหลือ  อยุ่มั่งแหละ

    ถ้ายังมีโอกาส  .... ที่จะทำให้หนังสือดี ๆ กลับมาหายใจได้อีกครั้ง  ก็เป้นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง

    บอกตรง ๆ  ว่าเบื่อโคตรๆ เลยอ่ะ ....  ที่ทุกวันนี้ในร้านหนังสือจะมีแต่หนังสือจำพวก  แฉ  ( ของดารา )

    มันจะ  แฉ  กันไปอีกกี่ชาติ  .........  ก็ไม่รู้


   

กำลังจะมีงานหนังสืออ่ะเอ้ ลองไปเดินดู พี่เคยเห็นซุ้มหนังสือต้องห้ามนะ แต่ไม่แน่ใจว่า หลังๆ ยังอยู่หรือเปล่า เพราะที่เคยเห็นหลายปีแล้ว แถมจำไม่ได้อีกว่างานต้นปี หรืองานปลายปี แต่ที่แน่ๆ ตอนนั้น หนังสือต้องห้ามเป็นร้อยๆ เล่มออกมาวางขาย จำได้ว่า ตอนนั้นรณรงค์เรื่อง ปร 42  (หรือ ปว หว่า) ไม่รู้ว่ามันล้มไปหรือยัง (ตอนนั้นอ่ะนะ) แต่พี่แกวางขายเฉยเลย ไม่มีใครจับ (ซึ่งเป็นเรื่องดีนะคะ) พี่เห็นหนังสือของจิตรตั้งหลายเล่มอ่ะ
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
หน้า: [1]
    กระโดดไป: