ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 13:09
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ท่านเชื่อหรือไม่ นักการเมืองรู้ดีว่า"สังคมยุคใหม่ ไม่ต้องการนักการเมืองรุ่นเก่า" 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ท่านเชื่อหรือไม่ นักการเมืองรู้ดีว่า"สังคมยุคใหม่ ไม่ต้องการนักการเมืองรุ่นเก่า"  (อ่าน 2123 ครั้ง)
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« เมื่อ: 03-10-2007, 00:36 »



พรรคการเมืองที่บรรจุไปด้วยนักการเมืองรุ่นเก่าพึงสังวรณ์?


แล้วพวกพยายามถ่ายเลือดให้ทายาททางการเมืองที่เป็นเครือญาติใกล้ชิด เช่นลูกเมีย มันจะต่างอะไรกันในแนวคิดเดิม.. 


การเมืองผูกขาด เป็นสิ่งที่พึงรังเกียจครับ ตรงนี้ต้องขอแรงเสี่ยว ช่วยกันแจ้งให้ชาวบ้านทราบว่าพวกนี้คงทำงานไม่ได้

และอาจจะถูกขับไล่ถ้าไม่ใช่คนที่ดีและมีอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างแท้จริง เพื่อคนทั้งประเทศ เพราะหน้าที่ของสส.ไม่ใช่การเมืองท้องถิ่น

                                                                                                                                                                                         
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 03-10-2007, 00:52 »


ตามมารยาทสากลแล้ว เครือญาติเขาไม่เอามาลงการเมือง เมื่อคนเก่าต้องโทษทางการเมืองอยู่

เมื่อไหร่นักการเมืองไทยรุ่นใหม่จะรู้จักอายเลิกหน้าด้านหน้าทนข้างๆคูๆ และเลิกศรีธนญชัยกันได้

หากชาวบ้านยอมรับ คงต้องตรากฎหมายมาใช้กับผู้ที่เกี่ยวข้องและชาวบ้านพวกนี้โดยเฉพาะ


ระวังเรื่องขายเสียง คงต้องมีการเชือดไก่ กันเป็นเล้าๆอีกเป็นแน่แท้ หากยังหน้าด้านฝากฝังลูกเมียกันโจ๋งครึ่ม ใช้เงินเกินกำหนดในการหาเสียงทั้งพรรคทั้งคน


หากจะมีพรรคการเมืองขนาดใหญ่ถูกยุบอีกในเร็ววัน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ส่วนพรรคเก่าแก่ถ้าไม่มีนักการเมืองหน้าใหม่ มาอยู่ในครม. ก็เตรียมสูญพันธุ์ครับ กระแสสังคมกำลังเรียกร้องและตามล่า...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2007, 00:57 โดย ********Q******** » บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 03-10-2007, 01:14 »

ค่อนข้างจะสิ้นหวังกับการเลือกตั้ง

เสียวๆ ว่า คนจะเบื่อเอานะสิครับ

เกิดคนดีไม่ไปเลือกตั้งมาก ๆ ก็ยิ่งจะเข้าทางพวก "นักการเมืองนอมินี"


ทีนี้ก็เหนื่อยกันอีกยาวนาน
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 03-10-2007, 01:25 »

ค่อนข้างจะสิ้นหวังกับการเลือกตั้ง

เสียวๆ ว่า คนจะเบื่อเอานะสิครับ

เกิดคนดีไม่ไปเลือกตั้งมาก ๆ ก็ยิ่งจะเข้าทางพวก "นักการเมืองนอมินี"


ทีนี้ก็เหนื่อยกันอีกยาวนาน

ไม่แน่ครับ ครั้งต่อๆไป คงมีชาวบ้านตามอำเภอเมืองของจังหวัดต่างๆ ออกมาช่วยกันไล่

ที่นี้ หากมีการใช้กำลังหรือไข้โป้ง ข้าราชการที่เดือดร้อนคงเป็น ตำรวจและกำนันผู้ใหญ่บ้านที่อยู่เบื้องหลัง
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 03-10-2007, 01:32 »

เมื่อตอนใกล้ ๆ เที่ยงคืน ฟังคุณวิกรม ออกรายการตาสว่าง ค่อนข้างเห็นด้วย

คือ คนไทยมีนิสัยเป็นสีเทา ไม่แยกแยะ สีดำ สีขาว ให้ชัดเจน

แต่กลับไปตัดสินใจในเรื่องผลประโยชน์ที่จะเข้ามาหาตนเอง

สามารถมองสีดำให้เป็นสีเทาได้ เช่น...โกงไม่ว่าขอให้ทำงาน

โกงไม่ว่า ขอให้เศรษฐกิจโดยรวมดี

หรือ เป็นเจ้าพ่อ เชื้อสายเจ้าพ่อ ก็ไม่ว่า ขอให้ช่วยเหลือประชาชน

ถ้าไม่แก้ไข เรื่อง ความเชื่อพวกนี้ คงสิ้นหวังครับ
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 03-10-2007, 01:44 »

เมื่อตอนใกล้ ๆ เที่ยงคืน ฟังคุณวิกรม ออกรายการตาสว่าง ค่อนข้างเห็นด้วย

คือ คนไทยมีนิสัยเป็นสีเทา ไม่แยกแยะ สีดำ สีขาว ให้ชัดเจน

แต่กลับไปตัดสินใจในเรื่องผลประโยชน์ที่จะเข้ามาหาตนเอง

สามารถมองสีดำให้เป็นสีเทาได้ เช่น...โกงไม่ว่าขอให้ทำงาน

โกงไม่ว่า ขอให้เศรษฐกิจโดยรวมดี

หรือ เป็นเจ้าพ่อ เชื้อสายเจ้าพ่อ ก็ไม่ว่า ขอให้ช่วยเหลือประชาชน

ถ้าไม่แก้ไข เรื่อง ความเชื่อพวกนี้ คงสิ้นหวังครับ


หากสื่อส่งเสริม ศีลธรรม แก้ไขความเชื่อของสังคม ผมไม่เห็นว่าจะสูญเสียความเป็นกลางตรงไหน?

มีแต่คนจะยกย่องสรรเสริญ ว่ารู้จักโจมตี ความเชื่อที่ไม่ดีในสังคมไทย ยอดขาย ยอดโฆษณาก็ไม่ตกเพราะมีลูกค้าใหม่มาชดเชยส่วนที่เสียไปบ้าง ธุรกิจต่างๆก็เกรงใจด้วย รวมทั้งพวกงบโฆษณา
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 03-10-2007, 01:55 »



ที่สำคัญมากคือสื่อทีวี และโฆษกวิทยุท้องถิ่นครับ..

อย่าฝักใฝ่การเมืองผลประโยชน์โจ่งแจ้ง จนลืมศีลธรรม

ไม่กล้าตรวจสอบนักการเมือง..ควรให้มีสัดส่วนรายการที่ไม่เอียงข้างนักการเมือง แต่ให้เอียงข้าง..

คุณธรรม จริยธรรมของสังคม ให้สนุกสนานและมีความหวังแก่ชาวบ้าน

                                                                                                   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2007, 02:06 โดย ********Q******** » บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 03-10-2007, 02:02 »

สินค้าที่สนับสนุนความดี คือ "สินค้าผิดศีล" เป็นส่วนใหญ่ เช่น เหล้า เบียร์ เป็นต้น

สินค้าพวกนี้ก็ไปขึ้นกับนักการเมือง ด้วยอำนาจบารมีของนักการเมือง

พวกปากว่า ตาขยิบมันเยอะ

ถ้าใช้งบประมาณรัฐบาล ก็ไม่ค่อยจะได้รับการสนับสนุน

เพราะพวกนักการเมืองไม่อยากให้ประชาชนฉลาดเพราะหลอกยาก

1 ปี ที่ผ่านมา สื่อไทยก็ได้ใช้ศักยภาพในการเรียกร้องศีลธรรมมากพอสมควร

แต่มันยังไม่พอครับ เพราะระบบการตรวจสอบเป็นไปอย่างเชื่องช้า

ความเสียหายทางด้านสังคม มันเป็นแผลบาดลึกถึงขนาดที่ว่า

คนส่วนใหญ่มุ่งแสวงหาเงินทองเป็นเรื่องใหญ่ หากไม่เอาก็จะมีคนอื่นเอาไปก่อน

ความเห็นแก่ตัว ความไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม มันบดบังความดี ความงามและศีลธรรมไปหมด

สมัยหนึ่ง มหาจำลองมาได้ เพราะคนส่วนใหญ่ยังรักความดี ความสมถะ

แต่คนไทยส่วนใหญ่ยุคนี้ ติดกับความสะดวกสบายกันหมดแล้ว

20 ปีที่ผ่านมา เมืองไทยเสียหายด้านวัฒนธรรม ด้านศีลธรรมไปเยอะมากครับ
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 03-10-2007, 02:12 »

สินค้าที่สนับสนุนความดี คือ "สินค้าผิดศีล" เป็นส่วนใหญ่ เช่น เหล้า เบียร์ เป็นต้น

สินค้าพวกนี้ก็ไปขึ้นกับนักการเมือง ด้วยอำนาจบารมีของนักการเมือง

พวกปากว่า ตาขยิบมันเยอะ

ถ้าใช้งบประมาณรัฐบาล ก็ไม่ค่อยจะได้รับการสนับสนุน

เพราะพวกนักการเมืองไม่อยากให้ประชาชนฉลาดเพราะหลอกยาก

1 ปี ที่ผ่านมา สื่อไทยก็ได้ใช้ศักยภาพในการเรียกร้องศีลธรรมมากพอสมควร

แต่มันยังไม่พอครับ เพราะระบบการตรวจสอบเป็นไปอย่างเชื่องช้า

ความเสียหายทางด้านสังคม มันเป็นแผลบาดลึกถึงขนาดที่ว่า

คนส่วนใหญ่มุ่งแสวงหาเงินทองเป็นเรื่องใหญ่ หากไม่เอาก็จะมีคนอื่นเอาไปก่อน

ความเห็นแก่ตัว ความไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม มันบดบังความดี ความงามและศีลธรรมไปหมด

สมัยหนึ่ง มหาจำลองมาได้ เพราะคนส่วนใหญ่ยังรักความดี ความสมถะ

แต่คนไทยส่วนใหญ่ยุคนี้ ติดกับความสะดวกสบายกันหมดแล้ว

20 ปีที่ผ่านมา เมืองไทยเสียหายด้านวัฒนธรรม ด้านศีลธรรมไปเยอะมากครับ


เห็นด้วยครับ นักการเมืองและธุรกิจมอมเมาต่อสู้กันจน ชาวบ้านเดือดร้อน โดยมีข้าราชการตามน้ำ

หากยังกระตุ้นให้ชาวบ้านเชื่อถือโชคลาง เล่นการพนัน มอมเมาสังคมด้วยาเสพติด

เห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน คงไม่มีใครฟังใครเชื่อใคร แล้วก็คงเปลี่ยนทัศนคติของสังคมที่ผิดเพี้ยนจากหลักธรรม ในส่วนที่หลงไปแล้วไม่ได้..
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 03-10-2007, 02:22 »



ผมว่า สังคมและราชการ ควรใช้กฏหมาย ยื่นมือเข้าไปตรวจสอบการเมืองและธุรกิจขนาดใหญ่

ในการใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ ให้เข้มข้นเป็นรูปธรรมและเป็นระบบ..

ไม่ให้มีการอ้างเสรีภาพ หรือใช้งบโดยหมิ่นเหม่ต่อธรรมาภิบาล และบรรทัดฐานของสังคมไทยในเชิงคุณธรรมจริยธรรมต่างๆ

บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 03-10-2007, 02:40 »

จะว่าไปเรื่องแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10

ทำไว้สวยงามมาก ทั้งแผน 9 แผน 10 แต่ยังไม่มีพลังในทางปฏิบัติเช่น

เรื่องแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง และการดำเนินงานตามรอยพระราชดำริ

เรื่องชุมชนเข้มแข็ง สังคมอยู่เย็นเป็นสุข การรู้รักสามัคคี การเมืองภาคพลเมือง

ผมกำลังรวบรวมเรียงร้อยเรื่องพวกนี้อยู่กระทู้หนึ่งงครับ...ยังไม่ไปถึงใหน

http://www.weopenmind.com/board/index.php?topic=5380.0

เพราะมีหน่วยงานที่ทำเรื่องพวกนี้อยู่มาก ฐานประชาชนในกลุ่มนี้ก็ยังไม่มีพลังมากพอที่จะดึงดูดคนภายนอกเข้ามาร่วมได้มากนัก

เช่น สสส. สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ฯลฯ

ถ้าหมดรัฐบาลนี้ไป ก็ไม่ทราบว่า "งานชุมชนเข้มแข็ง" จะมีงบประมาณสนับสนุนมากน้อยแค่ใหน

จะว่าไป ต้องสร้างสื่อพอเพียงขึ้นมาตรง ๆ ซักช่องหนึ่งไปเลย น่าจะได้ผลดีกว่า

คนทำสื่อพวกนี้ ยังขาดแคลนอีกมา รออาจารย์ยักษ์อบรมสื่อพอเพียงก็ยังต้องรออีกระยะหนึ่ง

แค่รายการ "ยุทธการพอเพียง" ในวันเสาร์ช่อง 9 ตอนบ่าย ๆ ยังไม่พอครับ

แค่สื่ออย่างเดียวก็ยังไม่พอ รัฐบาล นักวิชาการ สื่อ เอ็นจีโอ และภาคประชาชนต้องร่วมกันขับเคลื่อนให้เป็นจังหวะไปพร้อม ๆ กัน

**********************************************

ผมทราบว่ามีรัฐวิสาหกิจใหญ่แห่งหนึ่ง กำลังจะทำเรื่อง "ตำบลพอเพียง"

คือจะสนับสนุนให้ประชาชนทั้งตำบลจะต้องปวารณาตนเอง

ที่จะข้าร่วมโครงการดำเนินวิถีชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงให้ได้ 80 ตำบลภายใน 3-5 ปี

ปีหน้านี้จะพยายามทำให้ได้ 9 ตำบล ผมกำลังรอลุ้นให้พวกเค้าทำสำเร็จครับ

( เพิ่งไปคุยกับเพื่อนที่ทำเรื่องนี้ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ช่วงนี้กำลังอบรมวิทยากร

และผู้ประสานงานกันอย่างเข้มข้น และจะต้องลงเก็บข้อมูลในพื้นที่อีกระยะหนึ่ง )

อยากให้พรรคการเมือง ทำโมเดลแบบนี้นำเสนอครับ แต่ไม่ทราบว่ามีพรรคการเมืองใหน นำไปใช้หรือยัง

******************

อ่านบทความของคุณ จีฯ ในหนังสือยังไงก็ไม่ชิน ขอบอกว่า..อย่า...อย่า..

อย่าหยุดยั้งครับ...อิ อิ...ขอชื่นชมที่มองปัญหาคล้าย ๆ กัน

ถ้าจะแก้ปัญหาจริง ๆ ต้องลงไปแก้ที่ฐานราก...คำตอบอยู่ที่หมู่บ้านครับ
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 03-10-2007, 02:42 »


ก่อนนอน ขอฝากประเด็น การใช้งบประชาสัมพันธ์และโฆษณาให้มิตรสหาย คมช.และฝ่ายความมั่นคงพิจารณาครับ..

ว่าไปกระทบเนื้อหาสาระของสังคมและสืออย่างไรบ้าง.. ทุกปัญหาย่อมมีทางออกครับ..

ชนชาติที่เจริญ ประชาชนต้องไม่งมงายในเรื่องใดๆ
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 03-10-2007, 02:55 »

ประชาสัมพันธุ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องใชกึ๋นอย่างมาก ต้องได้คนที่ "รู้จริง" ลงไปทำ

บางเรื่องเค้าด่า ๆ กันอยู่ทุกวันนี้ ก็มาจากงบโฆษณาประชาสัมพันธ์นั่นแหละครับ

บางเรื่อง มือไม่ถึงแต่ดันอยากได้ พอไม่ได้ก็ฟาดงวงฟาดงา...ตูละเบื่อ...
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #13 เมื่อ: 03-10-2007, 11:45 »

สงสารคนรุ่นใหม่ นักการเมืองรุ่นเก่า มันผูกขาดพรรคการเมือง
ใหญ่ๆไว้เรียบร้อยแล้ว
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
Tuba ✿゚✎..✿.。.:。ღ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 660


ทักษิณที่ดี คือทักษิณที่.......ตายแล้ว


« ตอบ #14 เมื่อ: 03-10-2007, 15:12 »

สงสารคนรุ่นใหม่ นักการเมืองรุ่นเก่า มันผูกขาดพรรคการเมือง
ใหญ่ๆไว้เรียบร้อยแล้ว


ลุงถึก ไม่ต้องสงสารมัน ในสายตาผม ตัวมันเองน่ะแหละ ทำตัวเป็นนักการเมืองรุ่นเก่า

ผมทำงานอยู่หน่วยงานหนึ่งที่ได้ชื่อว่าทุจริตกันวายป่วง

ขนะที่พวกรุ่นเดียวกับผมพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะล้างภาพทุจริต

ไอ้เด็กที่รับเข้าไปใหม่ กลับทำตัวเหมือนพวกยี่สิบ สามสิบปีก่อน โดยการไปเรียก ไปรับ เงินใต้โต๊ะ

ถ้าจะเปลี่ยนความคิดไอ้พวกนี้ ต้องเปลี่ยนจากการที่คิดว่ามันเป็นผู้ปกครองเรา มาเป็น มันเป็นคนรับใช้เรา

ไม่ใช่ไปงานไหน เห็นหน้ามันต้องรีบเข้าไปไหว้ พวกมันน่ะแหละ ต้องมายกมือไหว้เรา เพราะเราจ่ายเงินเดือนมัน
บันทึกการเข้า

ทหาร เป็นอะไรก็ไม่ได้ดี นอกจากเป็นทหาร

ตำรวจ เป็นอะไรก็ดีไม่ได้ แม้กระทั่งเป็นตำรวจ
ล้างโคตรทักษิณ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 903



« ตอบ #15 เมื่อ: 03-10-2007, 15:46 »

ถ้าพวกขี้ข้าเหลี่ยมมันยินดีเลือกเปรตใส่สูท-เสาไฟฟ้าตัวไหนก็ได้เพื่อมาทวงเก้าอี้ให้โคตรพ่อ ๐[ -_- ]๐

ผมก็เต็มใจเลือกไดโนเสาร์-เสือสิงห์พันธุ๋ไหนก็ได้ มาบี้โคตรพ่อมันให้สูญพันธุ์


บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 03-10-2007, 21:17 »

ถือเป็นความล้มเหลวของระบบการศึกษา ที่ผ่านมาในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา

รวมไปถึงนโยบายใช้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นตัวชี้วัดการพัฒนาแต่เพียงอย่างเดียว

ทำให้สังคมไทยหันไปนิยมคนหาเงินเก่ง โดยลืมคิดถึง "ที่มา" ของเงินทองนั้น

รัฐบาลขิงแก่ พยายามวางพื้นฐานด้านสังคม ด้านประชาสังคมลงไปแล้ว

แต่หากรัฐบาลต่อ ๆ ไป ไม่สานต่อ ผมก็ยังมองหาอนาคตของประเทศชาติไม่เจอ

สุดท้ายมันจะกลายเป็นประเทศขยะ ที่หารากเหง้าของตัวเองไม่เจอ


พูดแล้วก็อยากให้ลองหาพระราชดำรัส เรื่องความเจริญของไทยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ออกอากาศสด ๆ ให้ฟังกัน

ช่วงที่อียู กำลังจะเข้ามาขอสังเกตการณ์เลือกตั้งนั่นแหละครับ

จะว่าไป ถ้าศีลธรรมไม่กลับมา ประเทศชาติไม่รอดแน่

เวลาเราพูดว่า นักการเมืองขาดจริยธรรม ก็มักมีฝ่ายตรงข้ามมาถามว่า จริยธรรมคืออะไร

จริยธรรมไม่ใช่กฎหมาย...แถกันไปแบบนี้ อนาคตมืดมนชาติอับจนบรรลัยแน่


ก็คงต้องรออีกละครับว่า กรอบจริยธรรมนักการเมืองจะออกมาเป็นกฎหมายตามรัฐธรรมนูญใหม่อย่างไร

ในเมื่อรอให้สภาของนักการเมืองไปจัดทำ....สิ้นหวังครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2007, 21:24 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 03-10-2007, 22:33 »

การเมืองไทย มันก็ผิดตั้งแต่ใช้เงินซื้อเสียงหาเสียงแล้ว เดี๋ยวมันก็ต้องไปถอนทุนคืนทีหลัง การเมืองก็ไม่พ้นวงจรอุบาทว์

ข้าราชการไทย มันก็ผิดตั้งแต่ใช้เงินใช้เส้นสายแล้ว แทนที่จะได้คนดีมีความสามารถ ก็ได้คนที่ทำงานไม่เป็น เด็กเส้นเข้ามาโกง

เมืองไทยมันถึงได้ถอยหลังลงคลอง ไม่ไปไหนอยู่แบบนี้ อนิจจาสงสารประเทศไทยจริงๆ.....
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 04-10-2007, 03:48 »




น่าสงสารพวก นามสกุลเดียวกับนักการเมืองหน้าเก่า

คงจะไปไม่รอดเป็นส่วนใหญ่ครับ.. ถึงแม้เข้าสภาได้ก็สร้างสรรค์งานการเมืองไม่ได้ เพราะต้องถูกต่อต้านอย่างหนัก และข้อครหาที่ว่าหน้าเก่าชักใยอยู่เบื้องหลัง

ที่น่าจับตามองคือนักการเมืองหน้าใหม่ นามสกุลใหม่ ไม่ผูกขาดผูกปีเป็นสส.เป็นรัฐบาลทั้งที่มีแผลเก่าที่ยังไม่ได้ชดใช้คืนแก่สังคม..
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 04-10-2007, 12:44 »



กกต.เตรียมชงรัฐบาลประกาศการซื้อเสียงเป็นวาระแห่งชาติ
 http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000117336
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 4 ตุลาคม 2550 10:20 น.
 
 
       นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ทาง กกต.จะขอการสนับสนุนในเรื่องของการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. โดยเฉพาะในเรื่องของงบประมาณที่อาจจะขอเพิ่มเติมอีก 600 - 700 ล้านบาท หลังจากที่ กกต.ได้รับอนุมัติมาแล้ว 1,900 ล้านบาท ซึ่งส่วนที่ขอเพิ่มเติมนั้นจะเป็นงบกลางในส่วนที่ กกต.มีอยู่แล้ว เพียงแต่ขอให้รัฐบาลเห็นชอบเท่านั้น
        นอกจากนี้ ยังจะขอให้รัฐบาลประกาศเรื่องการซื้อเสียงเป็นวาระแห่งชาติ โดยออกมติคณะรัฐมนตรีให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลางในการเลือกตั้ง พร้อมกับกล่าวด้วยว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ควบคู่กับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะจะทำให้ภาพของ กกต.มีความเที่ยงธรรม ปราศจากการแทรกแซงจากหน่วยต่างๆ
 
 
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 04-10-2007, 13:10 »

น่าเสียดาย วาระแห่งชาติที่จะประกาศต่อต้านการซื้อเสียง จะเดี้ยงเอาง่าย ๆ

เมื่อ พีเน็ต ประกาศไม่ร่วมมือ กกต.

ดู ๆ ไปก็ยิ่งว้าเหว่...คนเราไม่มีบารมีพอ...ย่อมทำอะไรผิดพลาดได้ง่าย

กกต. ก็จะตายน้ำตื้นด้วยการต่อปากต่อคำแบบผู้หญิง...

ถึงจะเป็นอดีตตุลาการทั้งหมด ผมก็ยังไม่วางใจซักเท่าไหร่

หากนายกจะริเริ่มให้มีการทำความเข้าใจกันได้ จะเป็นการดีมากที่สุดสำหรับการเลือกตั้งครั้งสำคัญนี้


ถ้าหากยังดันทุรัง ทำงานกันในหมู่คน 5 คน กับเจ้าหน้าที่อีก ไม่กี่ร้อยคน

คงไม่มีวันทำงานได้สำเร็จ....หากภาคประชาชนไม่ร่วมมือ
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 04-10-2007, 13:20 »

น่าเสียดาย วาระแห่งชาติที่จะประกาศต่อต้านการซื้อเสียง จะเดี้ยงเอาง่าย ๆ

เมื่อ พีเน็ต ประกาศไม่ร่วมมือ กกต.

ดู ๆ ไปก็ยิ่งว้าเหว่...คนเราไม่มีบารมีพอ...ย่อมทำอะไรผิดพลาดได้ง่าย

กกต. ก็จะตายน้ำตื้นด้วยการต่อปากต่อคำแบบผู้หญิง...

ถึงจะเป็นอดีตตุลาการทั้งหมด ผมก็ยังไม่วางใจซักเท่าไหร่

หากนายกจะริเริ่มให้มีการทำความเข้าใจกันได้ จะเป็นการดีมากที่สุดสำหรับการเลือกตั้งครั้งสำคัญนี้


ถ้าหากยังดันทุรัง ทำงานกันในหมู่คน 5 คน กับเจ้าหน้าที่อีก ไม่กี่ร้อยคน

คงไม่มีวันทำงานได้สำเร็จ....หากภาคประชาชนไม่ร่วมมือ


วาระแห่งชาติ ต้องตามรอยพระราชดำรัส "เข้าถึง เข้าใจ พัฒนา"

กกต.และหน่วยราชการ ต้องเคลื่อนตัวเข้าหาชาวบ้าน ผ่านเครือข่ายชุมชนทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นหน่วยราชการ

กกต.และพีเน็ต ต้องลดทิฐิ หันมาแสวงจุดร่วมมือกัน
บันทึกการเข้า

Nharahs
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 33


« ตอบ #22 เมื่อ: 04-10-2007, 13:37 »

มีทางรอดทางเดียวครับ "ปฏิวัติโดยประชาชน" สู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็น
"ประมุขแห่งรัฐ" เอาอำนาจอธิปไตยของปวงชนคืนมาจากพวกนักเลือกตั้งที่หวังเป็นแค่ สส. แต่ไม่เคย
ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของปวงชน
        ในสภาผู้แทนเท่าที่ผ่านมา ไม่เคยมีผู้แทนการใช้อำนาจของปวงชน ชัดที่สุดคือ คนส่วนใหญ่ของชาติ
เป็นชาวไร่ชาวนา แต่ต้องการเรียกร้องสิทธิ์การมีชีวิตที่ดีอย่างคนอื่นๆ เขา ไม่สามารถใช้ตัวแทนที่นั่งใส่สูท
ในสภาได้ กลับต้องมานั่งข้างถนน นอนบนฟุตบาทหน้าทำเนียบ หน้ากระทรวงเกษตรแทน สุดอนาถหนอ
ประชาชนคนไทย!  Lips are sealed Lips are sealed Lips are sealed
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #23 เมื่อ: 04-10-2007, 13:51 »

ทางรอดอย่างสันติ ก็ต้องทำตามแนวพระราชดำริ

ทำสังคมเข้มแข็งตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10

ซึ่งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมาแล้ว

ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจัง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ภาคประชาชน

ข้อมูลจากกระทู้นี้พอจะมีที่มาที่ไป

***************************
ความสุขของชาวอีสานจะถูกยกย่อง อีก 3 เดือนเลือกตั้งแล้วก็กลับไปฝันค้างตามเคย


http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5882113/P5882113.html


*  (28.7 KB, 434x221 - ดู 179 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: 04-10-2007, 16:39 »


รูปธรรมในเชิงต่อต้านอำนาจไม่เป็นธรรม การผูกขาดอำนาจของสส. นายทุน และข้าราชการ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนมาเฟียท้องถิ่น

เราจะได้เห็นการชุมนุมทั้งเรียกร้องและขับไล่สส. ในตัวจังหวัดของเขาเอง แทนที่จะเป็นในเมืองกรุงอย่างที่ผ่านมา..


ระดับจังหวัดควรจัดระเบียบและสถานที่เพื่อความสะดวกของชาวบ้าน ไม่ต้องเกณฑ์ม็อบอีแต๋นเข้ามาตามถึงเมืองกรุง

เพราะว่าให้ผลเท่าเทียมกัน คือรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต้องตอบชาวบ้านและให้ความมั่นใจกับชาวบ้านให้ได้..

สส.ก็จะหนักไปทางรวบรวมข้อมูลจากชาวบ้านเสนอกฎหมายต่างๆ หรือเสนอโครงการที่เป็นประโยชน์ในวงกว้าง..


สิ่งที่ราชการต้องทำคือ ปรับระบบข่าวสารของท้องถิ่นให้รวดเร็ว ครบถ้วน ทันเหตุการณ์ทั่วประเทศ ปรับระบบราชการให้มีประสิทธิภาพรวดเร็วและประหยัดเวลา เงินทองของชาวบ้าน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-10-2007, 17:04 โดย ********Q******** » บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #25 เมื่อ: 05-10-2007, 14:32 »



ชี้เงินนอกระบบทะลักสู้เลือกตั้ง หวั่น "พลังประชาชน"กวาด 250 ที่นั่ง  http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9500000117291
 
โดย ผู้จัดการรายสัปดาห์ 4 ตุลาคม 2550 07:55 น.
 
 
        "ยุวรัตน์ กมลเวชช"เผยเงินนอกระบบ "หวย-บ่อน"กำลังไหลเข้าสู่พรรคการเมืองเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง ขณะที่คู่แข่งขันยอมรับขยาด"พลังประชาชน"เงินหนามากที่สุด มีโอกาสกวาด 250ที่นั่ง ส่วนประชาราช-ชาติไทย-ประชาธิปัตย์ รวยลดหลั่นตามลำดับ ลูกพรรคปลาไหลชี้ "บิ๊กเติ้ง"ยังสงวนท่าทีไม่จ่ายหมดหน้าตัก ส่วนรวมใจไทยฯคุยมีเงิน แต่จะใช้เท่าที่จำเป็น เตือนพรรคใหญ่จะกลายเป็นเป้าให้กกต.จับตา
       
       ดัชนีชี้วัดผลแพ้-ชนะการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างพรรคการเมืองในสนามเลือกตั้งแต่ละครั้งนั้น นอกเหนือไปจาก "กลยุทธ์" ที่ชาญฉลาด การใช้กลไกเครือข่ายอำนาจทั้งใต้ดินและบนดินอย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพแล้ว ต้องไม่ลืมว่า "เงินทุน" ที่จะนำมาใช้ในกิจกรรมต่างๆทางการเมืองนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ว่ากันว่ายิ่งพรรคการเมืองใดมีเงินทุนหนา มากเท่าใด ก็จะส่งผลกับการดึงลูกทีมเข้าสู่สภาหินอ่อน ได้มากเท่านั้น...
       
        ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 ธ.ค.นี้หากไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองใดๆขึ้นเสียก่อน ได้ถูกคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ทางการเมือง ตลอดจนตัวนักการเมืองเองว่าจะเต็มไปด้วยการแข่งขันต่อสู้กันอย่างหนัก ระหว่างขั้วอำนาจเก่าของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร โดยผ่านพรรคนอมินี "พลังประชาชน" กับพรรคขั้วตรงข้ามอย่าง "ประชาธิปัตย์-ชาติไทย-มหาชน" ขณะที่พรรคการเมืองขั้วที่ 3 ทั้งพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน และพรรคประชาราช เองก็ยังหวังดึงอดีตส.ส.เก่าเจ้าของพื้นที่ในกลุ่มตัวเองกลับมาให้มากที่สุดเพื่อหวังต่อรองเข้าร่วมรัฐบาลผสมหลังเลือกตั้ง
       
       คู่แข่งผวา "พปร."ทุ่มไม่อั้นกวาด 250 ส.ส.
       
        เกมการช่วงชิงพื้นที่เลือกตั้งทั้ง 480 ที่นั่งในครั้งนี้ย่อมแตกต่างไปจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ถึงแม้หลังการเลือกตั้งหลายคนจะรู้ดีว่าไม่มีใครสามารถได้รับเสียงข้างมากจนเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวเหมือนกับที่พรรคไทยรักไทยเคยทำสำเร็จมาแล้วก็ตาม ดังนั้นเมื่อคู่แข่งทุกคนเข้าใจถึงเงื่อนไขในข้อนี้เป็นอย่างดีก็ตาม แต่ความจำเป็นในการที่จะต้องมีส.ส.ในมือให้มากที่สุดเพื่อประโยชน์ในการต่อรอง เพราะจนถึงนาทีนี้ไม่มีใครสามารถวางใจได้ว่า "พันธมิตรทางการเมือง"ที่พวกเขาแตะมือกันเอาไว้นั้น ท้ายที่สุดแล้วจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง หักหลังกันในวันหน้า
       
        "การเลือกตั้งรอบนี้ หลายคนเชื่อว่าถ้ารัฐบาล หรือพรรคการเมืองอื่นๆที่เป็นคู่แข่งของพลังประชาชน ไม่เข้มแข็งมากพอจริงๆ ในที่สุดแล้วอำนาจเก่าก็จะกลับเข้ามาได้อีกแน่นอน เพราะเมื่อประเมินจากผลโหวตรับร่างฯที่ผ่านมาจะเห็นว่า นี่เป็นการแสดงพลังแค่ส่วนหนึ่งของคุณทักษิณ เท่านั้น" แกนนำเกษตรกรภาคอีสานกลุ่มพันธมิตรระบุ
       
        เขาย้ำว่า พลังจากอำนาจเก่าของอดีตนายกฯทักษิณ ที่สามารถสร้างความหวาดวิตกให้กับคู่แข่งมากที่สุดคือเรื่องของ "อำนาจเงินทุน" ที่หลายคนเชื่อว่ามีมากมายมหาศาลและพร้อมที่จะทุ่มทุนในการเลือกตั้งครั้งนี้ให้พรรคพลังประชาชนได้มีที่ยืนในสภาผู้แทนฯให้ได้มากที่สุด ซึ่งประเด็นเรื่องเงินทุนของพรรคพลังประชาชนนั้นได้ถูกจับตาจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะเจ้าของอำนาจใหม่ รวมทั้งพรรคคู่แข่ง จนในที่สุดได้มีการเปิดเผยจาก สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ว่ามีเงินมากมายเป็นหมื่นล้านบาทที่เตรียมจะขนเข้าประเทศผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ
       
        " เวลานี้พรรคการเมืองที่มีเงินมากที่สุดคือพลังประชาชน ซึ่งคาดว่าอย่างต่ำน่าจะมีเงินมากถึง 7,000-8,000 ล้านบาท รองลงมาคือประชาราช ซึ่งจะมีเงินประมาณ 2 ,000 ล้านบาท พรรคชาติไทย น่าจะอยู่ที่ 1,000-2,000 ล้านบาท ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ จะมีอยู่แค่ 400-500 ล้านบาท" แกนนำจากประชาธิปัตย์ เปิดเผยตัวเลขเงินทุนที่แต่ละพรรคการเมืองมีอยู่ในมือและเตรียมที่จะนำมาใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้
       
       พร้อมทั้งระบุว่าก่อนหน้านี้พรรคพลังประชาชนได้จ่ายเงินเพื่อเช็คกระแสของไทยรักไทยมาแล้วจากการโหวตลงประชามติ จนทำให้เกิดพื้นที่สีแดงขึ้นในหลายพื้นที่ในจังหวัดฐานเสียงเดิมของไทยรักไทย เมื่อการหว่านเงินลงไปยังหัวคะแนน โดยผ่านส.ส.ของพรรคเพื่อให้โหวตไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2550 และได้ผลเป็นที่น่าพอใจไปแล้ว
       ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ที่มีการแข่งขันกันรุนแรง คาดว่าอดีตนายกฯทักษิณ พร้อมที่จะทุ่มเงินเพื่อให้ได้ส.ส.เข้าสภาจำนวน 200-250 คนขึ้นไปจะอยู่ที่ราว 5,000 ล้านบาทอย่างต่ำ ซึ่งส.ส.แต่ละคนจะต้องใช้เงินในการทำกิจกรรมและซื้อเสียงคนละ20 ล้านบาท
       
       ในการใช้เงินทุนเพื่อดำเนินการทางการเมืองด้านต่างๆสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้นั้น จะถูกกระจายออกไปในเรื่องของค่าใช้จ่ายส่วนตัวของส.ส.แต่ละคนในพื้นที่ ขณะที่ส่วนกลางของพรรคจะเป็นผู้รับผิดชอบการทำโพลของพรรคเพื่อสำรวจคะแนนเสียงในแต่ละเขตเลือกตั้ง โดยในส่วนนี้ค่าใช้จ่ายในการทำโพลแต่ละครั้งจะอยู่ที่ 30-40 ล้านบาท นอกจากนี้พรรคยังจะช่วยดูแลเรื่องออกแคมเปญหาเสียง ซึ่งจะต้องอาศัยการทำงานของมืออาชีพจากบริษัทโฆษณา
       
      "พรรคพลังประชาชน จะใช้บริษัทเดิมคือบริษัทเอสซี แมชบ็อกส์ ซึ่งอยู่ในเครือชินคอร์ป และบริษัทประชาสัมพันธ์ยักษ์ใหญ่ คือ 124 คอมมูเคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยมีพันธุ์ศักดิ์ วิญญรัตน์ ที่ปรึกษาคุณทักษิณ เป็นกุนซือการออกแคมเปญหาเสียงของพรรค" แหล่งข่าวระบุ       
       "บิ๊กเติ้ง"ไม่เทหมดหน้าตัก-รอร่วมรบ.
       
       สำหรับพรรคพลังประชาชน ที่ถูกมองว่าไม่มีปัญหาทางด้านการเงิน เนื่องจากอดีตนายกฯทักษิณ ยังมีเงินที่รอดพ้นจากการถูกสั่งอายัดทรัพย์อีกจำนวนมหาศาล โดยประมาณการจากเงินที่นำไปซื้อกิจการสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของอังกฤษ เป็นเงินถึง 5,300ล้านบาท แต่ล่าสุด สมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคคนใหม่ ได้นำทีมแกนนำพรรคจัดงานระดมทุนหาเงินเข้าพรรค เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมาได้เงินถึง 150 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ ได้เคยจัดงานระดมทุนครั้งใหญ่มาแล้วเช่นกันเมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา และได้เงินเข้าพรรคจำนวน 427 ล้านบาท ทางด้านงานพรรคชาติไทยเองได้ตั้งเป้าระดมทุนไว้ที่ 80 ล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขตัวเลขส.ส.เข้าสภาประมาณ 30-40 ที่นั่ง
       
        " ดูจากสถานการณ์แล้ว เชื่อว่าหัวหน้า (บรรหาร ศิลปะอาชา ) ไม่น่าที่จะทุ่มไปกับการเลือกตั้งครั้งนี้มากนัก เพราะทุกคนรู้ดีว่าเมื่อตั้งรัฐบาลแล้วก็คงอยู่ไปได้ไม่เกินปีครึ่ง จากนั้นก็ต้องเลือกตั้งกันใหม่อีก ดังนั้นน่าจะเก็บทุนเอาไว้ใช้สำหรับของจริงมากกว่า" แกนนำพรรคชาติไทย กล่าวและบอกอีกว่า เป้าหมายของพรรคชาติไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะทำเพื่อให้ได้ส.ส.ประมาณ 30-40 ที่นั่ง โดยจะเน้นสนับสนุนผู้สมัครที่มีฐานเสียงเข้มแข็งเป็นอันดับแรก ดังนั้นพรรคชาติไทยจึงไม่เน้นในการรณรงค์นโยบายหาเสียงมากเมื่อเทียบกับ 2 พรรคใหญ่ ทั้งนี้พรรคชาติไทยมีฐานเสียงที่หนาแน่นอยู่แล้วในภาคกลาง ซึ่งมีการต่อสู้รุนแรงน้อยกว่าในภาคอีสานและภาคเหนือ เนื่องจากจะเป็นพื้นที่แข่งขันระหว่างพรรคไทยรักไทยเก่ากับพรรคขั้วที่สาม
       
        การใช้เงินในการหาเสียงนั้น ทุกพรรคปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความจำเป็น เพียงแต่จะมีความเข้มข้นแตกต่างกันไปตามสภาพพื้นที่แต่ละส่วน โดยในภาคเหนือและอีสาน ซึ่งมีเขตเลือกตั้งมากถึง136 เขต การต่อสู้ระหว่างขั้วอำนาจเก่า ใหม่และขั้วที่สามจึงมีความรุนแรง ซึ่งการนำเสนอเพียงนโยบายหาเสียงย่อมไม่พอต่อการเอาชนะอย่างแน่นอน
       
        " ในภาคอีสานและภาคเหนือ การใช้เงินยังมีความจำเป็นอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมาพรรคใหญ่ได้ทำให้กลายเป็นธรรมเนียมไปแล้ว"
       
       เตือนพรรคใหญ่เงินหนา
       กลายเป็นเป้ากกต.
       
        ทางด้านอีกหนึ่งพรรคที่อยู่ในความสนใจของคู่แข่งไม่แพ้พรรคอื่น ถึงแม้จะเป็นพรรคหน้าใหม่ก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า "รวมใจไทยชาติพัฒนา" ไร้ซึ่งทุนรอนในการเลือกตั้ง แต่ตรงกันข้ามพรรคนี้มีอดีตแม่บ้านจาก 2 พรรคการเมืองใหญ่นั่งเป็นหัวเรือใหญ่ ทั้ง "ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์" อดีตเลขาธิการพรรค กับ "สุวัจน์ ลิปตพพัลภ"หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา
       
        สุรพร ดนัยตั้งตระกูล แกนนำพรรครวมใจไทยฯ ยอมรับว่าพรรคมีเงินมากพอที่จะนำมาใช้ในการจัดการ และบริหารแผนในการเลือกตั้ง แต่คงไม่มากพอที่จะให้ผู้สมัครของพรรคนำไปกระทำผิดทางกฎหมายอย่างแน่นอน การต่อสู้ในสนามเลือกตั้งครั้งนี้เขาไม่เชื่อว่าการที่พรรคใดก็ตามมีเงินมากพอแล้วจะสามารถเอาชนะคู่แข่งได้
       
        "ต้องไม่ลืมว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สังคมไทยมีการแตกแยก ดังนั้นเชื่อว่าหากพรรคใดสามารถนำเสนอแนวทางยุติความรุนแรงลงได้ พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจด้านเศรษฐกิจให้กับประชาชนได้ น่าจะเป็นทางออกที่ดีมากกว่า"
       
        แกนนำพรรครวมใจไทยฯ ยังชี้ว่าการจัดงานระดมทุนของพรรคพลังประชาชนล่าสุดนั้น เพื่อต้องการสื่อนัยยะว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับการต่อท่อน้ำเลี้ยงมาจากอดีตนายกฯทักษิณ และไม่ใช่พรรคที่มีเงินมากมายตามที่ถูกกล่าวหา อย่างไรก็ตามในข้อเท็จจริงแล้วแต่ละพรรคจะมีแนวคิดและจุดยืนในการทำงานที่ต่างกันไป หากพรรคใดเชื่อว่าสามารถใช้เงินเพื่อเอาชนะคู่แข่งได้ ก็จะบริหารจัดการแผนการเลือกตั้งของตนเองออกมาในแนวทางดังกล่าว
       
        "การเลือกตั้งรอบนี้มั่นใจว่าใครก็ตามที่ละเมิดกฎหมายควบคุมการเลือกตั้ง จะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน อีกทั้งกกต.ชุดใหม่ต้องพิสูจน์ฝีมือก่อนที่จะไปเจองานใหญ่การเลือกตั้งระดับต่างๆที่จะมีขึ้นในปี 2551 อีก เพราะฉะนั้นพรรคใหญ่ มีเงินมากอาจกลายเป็นจุดอ่อน ดึงดูดให้สังคมและกกต.ต้องจับตามากกว่าคนอื่นแทน"
       
       จับตาทุน "ธุรกิจมืด"
       แห่หนุนพรรคการเมือง
       
        ขณะที่อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ยุวรัตน์ กมลเวชช ระบุอย่างชัดเจนว่า "ไม่มีเงิน เล่นการเมืองไม่ได้ เพราะการเลือกตั้งใช้เงินเป็นปัจจัยชี้ขาด" โดยเฉพาะในการเลือกตั้งครั้งนี้มีเก้าอี้ส.ส.ทั้งสิ้น 480 ที่นั่ง โดยแบ่งเป็นส.ส.เขต400 และส.ส.ระบบสัดส่วน 80 ที่นั่ง ใช้ระบบแบ่งเขต เรียงเบอร์ จะส่งผลให้เขตเลือกตั้งใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม ส.ส. ผู้สมัครต้องใช้เงินซื้อเสียงมากกว่าเขตเล็ก
       
        ดังนั้นการใช้เงินเพื่อนำมาซื้อเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีความจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพรรคใดต้องการได้ส.ส.ไว้ในมือให้มากที่สุด ซึ่งการจัดหาเงินของพรรคต่างๆนั้นจะเกิดขึ้นหลายทางด้วยกัน โดยมาจาก 4 ส่วนใหญ่คือ1. การระดมทุนของพรรคการเมือง 2.จากการบริจาคจากบุคคลที่ให้การสนับสนุน ตามที่กฎหมายกำหนดให้รายละไม่เกิน 10 ล้านบาท 3. ค่าบำรุงสมาชิก และ4. เงินบริจาคจากบริษัท ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้ไม่เกินรายละ100 ล้านบาท
     
        โดยทุนที่ได้มาจากเงินบริจาคจะเป็นเงินก้อนใหญ่ที่สุด ซึ่งขณะนี้ได้แบ่งที่มาออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือทุนที่ 1 ได้มาจากกลุ่มคนที่ประกอบกิจการนอกกฎหมาย อาทิ หวยใต้ดิน การพนันบอล เงินกู้นอกระบบ และยาบ้า
       
        "ต้องยอมรับว่าเงินนอกระบบเหล่านี้จะมาจากผู้มีอิทธิพล มาเฟีย ที่ต้องการสร้างเกาะป้องกันตัวเอง ด้วยการหาทางพึ่งการเมือง คนกลุ่มนี้ก็มีหลายระดับตั้งแต่ข้าราชการระดับสูงๆ ไปจนถึงนักเลงข้างถนน ที่มีหัวเรือใหญ่เป็นนักการเมืองระดับชาติ"
       
        ขณะที่ทุนอีกส่วนหนึ่งจะมาจากเงินในระบบ ที่แม้จะได้มาถูกต้องตามกฎหมาย แต่พบว่าเงินดังกล่าวมักมาจากกลุ่มธุรกิจที่มีปัญหาและหวังอาศัยภาคการเมืองช่วยฟื้นฟูกิจการ ผ่านการได้โควตาตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลนั้นๆ คนที่น่าจับตาที่สุดก็แน่นอนว่ายังเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเจ้าของธุรกิจเครือชินวัตร
       
       กกต.โคราช-ขู่กม.ใหม่โทษหนัก
       
        อย่างไรก็ดี เชื่อว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นวันที่ 23 ธ.ค.นี้จะเป็นศึกเลือกตั้งที่ใช้เงินมากที่สุดและมีการต่อสู้ดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่งในระบอบการเมืองไทย เนื่องจากเป็นการต่อสู้ระหว่าง 3 ขั้วอำนาจการเมือง
       
        "ต้องดูว่ากลุ่มไหนจะไปเอาเงินนอกระบบมาใช้เพื่อใช้ต่อสู้กับกลุ่มอำนาจเก่า และเมื่อเลือกตั้งเกิดการทุจริต คอยดูทั้ง 3 กลุ่มก็จะเกิดการซัดกันนัวเป็นมวยหมู่ อาจรุนแรงถึงขั้นซุ่มยิงกัน ตรงนี้จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่เพราะต่างชาติจะไม่เชื่อมั่น"
       
        อย่างไรก็ดี คนที่มีอำนาจตรวจสอบอย่าง กกต. ก็จะต้องเป็นฝ่ายที่ทำงานหนัก และต้องตามกระบวนการทุจริตให้ทัน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ากกต.ถูกซื้อยกจังหวัด ก็เป็นหน้าที่ของกกต.กลางที่มีอำนาจเต็มที่ในการให้กกต.ชุดนั้นๆ หรือคนนั้นๆ ออกจากการปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยไม่ต้องมีของกลาง แค่เชื่อว่ามีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตก็สามารถทำได้แล้ว
       
        พล.อ.วีรวุธ ส่งสาย ประธานกกต.จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า เวลานี้ยังไม่เห็นความผิดปกติจากการเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองเกิดขึ้น และเชื่อว่าพรรคการเมืองทุกพรรคจะยังไม่มีการซื้อเสียง เนื่องจากต้องรอความชัดเจนการประกาศเขตเลือกตั้งจากกกต.และการประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งออกมาให้เรียบร้อยก่อน
       
        สำหรับการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่ผ่านมาล่าสุดกกต.จังหวัด ยังไม่พบว่ามีการกระทำการทุจริตแต่อย่างใด เพียงแต่มีร้องเรียน และอยู่ในระหว่างการสอบสวน อย่างไรก็ตามอยากเตือนผู้สมัครทุกพรรคว่ามาตรการการลงโทษ ผู้กระทำทุจริตการเลือกตั้ง ตามกฎหมายลูก จะมีความรุนแรง โดยผู้ร้องเท็จจะถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่ง ซึ่งในอดีตยังไม่เคยมีมาก่อน

 
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: 05-10-2007, 17:31 »

การเมืองที่ใช้เงินเป็นใหญ่ ย่อมมิไช่ทางออกของการแก้ปัญหาประเทศชาติ

จะว่าไปแล้ว ฝ่ายที่รักประเทศชาติอย่างแท้จริง ได้เสียสละชีวิตเลือดเนื้อ

เพื่อหวังจะให้ประชาธิปไตยไทยก้าวไปใกลมากว่า 30 ปีแล้ว

แต่การเมืองไทย ยังคงติดหล่ม การเมืองที่ใช้เงินเป็นใหญ่ไม่สิ้นสุด

น่าเหนื่อยใจแทน แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ยังไงก็ขอนำเสนอแนวทาง

การเมืองที่ไม่ใช้เงินเป็นใหญ่ ฝากเอาไว้เผื่อใครจะสานต่อ...ท้อได้...แต่ต้องไม่ถอย...


ฝากไว้ในราชดำเนินก่อนเลือกตั้งใหญ่ปี 2548

http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/P3210882/P3210882.html

ถ้าไม่เจอ มีเก็บไว้ที่ "กระท่อมน้อยของลุงแคน"


บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #27 เมื่อ: 05-10-2007, 19:56 »



การเปิดพื้นที่การเมืองภาคประชาชน

ฝ่ายความมั่นคง คมช. ผู้ว่า ตำรวจ และกกต. กำนันผู้ใหญ่บ้าน ต้องหันมา คุมพื้นที่ระดับจังหวัดต่อตะเข็บจังหวัด

ให้โอกาสชาวบ้านแสดงออกเรียกร้องได้ในพื้นที่จังหวัดของตนโดยตรง โดยไม่ทำผิดกฏหมาย

และตรวจสอบเนื้อหา ที่มาของเงินทุนกิจกรรมทางการเมืองต่างๆในพื้นที่ การเมืองทางตรงระดับจังหวัดทางเว็บไซท์ของกกต.จังหวัด อำนวยความสะดวกให้เต็มที่ให้ดำเนินกิจกรรมโดยไม่ทำผิดกฎหมาย

และไม่ยั่วยุกดดันผู้เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าทีและสังคมโดยไม่จำเป็น

ก็ควรปรับปรุ่งให้เป็นที่นิยมและสะดวกใช้งานครับ ปลอดอิทธิพลนอกกติกา หรือมีการลำเอียงเลือกปฏิบัติ ไม่มีความปลอดภัยในฐานะพลเมือง เพราะการข่มขู่คุกคามจากอำนาจมืดที่เสียผลประโยชน์

หรือเลือกปฏิบัติจากอำนาจเงินที่หว่านตามสายสัมพันธ์ของนักการเมืองต่อทอดถึงหัวคะแนน ด้วยการตรวจสอบกระแสเงินสด เฉพาะหัวคะแนนในพื้นที่ด้วยอีกทางหนึ่ง

กฎหมายต้องเปิดโอกาสให้มีสินบนนำจับและการล่อซื้อ เช่นเดียวกับการควบคุมอาวุธและยาเสพติด การดื่มสุรา การซื้อบริการทางเพส การเล่นการพนัน การนำจับอาชญากรของท้องถิ่น ฯลฯ
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: 25-10-2007, 23:20 »


 

ขอขุดกระทู้ ไว้เตือนใจนักการเมืองกันหน่อย...

เพราะไม่มีใครคิดปล่อยเสือเข้าป่าอีกแล้ว

มันเหนือยตามจับครับ..

บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
    กระโดดไป: