สมชายสายชม
|
 |
« ตอบ #50 เมื่อ: 24-05-2006, 02:15 » |
|
ถ้าจำไม่ผิด ช่วงปี ๒๕๔๐ ที่โดนพิษต้มยำกุ้ง
ประเทศอยู่ในภาวะถังแตก .. ช่วงนั้น โรงไฟฟ้าราชบุรีกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง
นายทนง พิทยะ ต้องวิ่งหาเงินกู้ จนต้องออกจดหมาย ๑๔ สิงหา ให้ไอเอ็มเอฟ
ยอมรับสภาพการแปรรูปขายสมบัติของชาติ
ด้วยสภาวะถังแตก .. รัฐบาลชวน๒ จึงต้องขายโรงไฟฟ้าราชบุรี
...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อะไรว้า
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #51 เมื่อ: 24-05-2006, 08:25 » |
|
โรงกลั่นน้ำมันระยองกำลังจะเข้าตลาด คุณว้าข้องใจอะไรกับหุ้นตัวนี้อีกไหม ผมจะได้ไปถามโบรเกอร์มาให้
โรงกลั่นระยองมีที่มายังไง ผมอ่านจากเอกสารที่ธนาคารได้ครับ ก่อนจองหุ้น รับทราบแล้ว เดี่ยวผมจะลองยุให้ยายเพิ้ง (ศัพท์ของ killer) เอา ratch ออกจากตลาดบ้าง เพราะเริ่มต้นมาจาก กฟผ. ไม่ใช่การลงทุนสร้างใหม่ ย้ำ Ratch ไม่ใช่การลงทุนใหม่ เกิดจาก กฟผ. แล้วขายไปทำไม เงินกู้ได้อยู่แล้ว กฟผ. เก่งจะตายไปเรื่องใช้หนี้ดูซิว่ายายเพิ้งจะกล้าทุบหม้อข้าวพวกแมงสาปไหม หรือก็แค่พวกเสียผลประโยชน์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อะไรว้า
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #52 เมื่อ: 24-05-2006, 08:29 » |
|
:D1.ติดเพดาลหนี้สาธารณะของประเทศครับ
2.การระดมทุนจ่ายผลตอบแทนเป็นเงินปันผล ซึ่งต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ครับ
3.การเจริญเติบโตขององค์กรจะสูงกว่ากู้มาก
4.ทุน10 +กู้10=20 ถ้าสัดส่วนทุน/หนี้=1:1 กว่าจะขยายกิจการเป็น30ได้ หลายปี และยังมีภาระต้องจ่ายดอกอีก
5.ถ้าระดมทุน กิจการขยายเป็น 30 หรือ40 หรือ 50 ได้ในเวลาไม่นาน
อยากให้พวกที่บอกว่า การแปรรูป กฟผ. แค่ 25% เป็นการขายสมบัติชาติมาอ่านคำตอบคุณจัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
samepong(ยุ่งแฮะ)
|
 |
« ตอบ #53 เมื่อ: 28-05-2006, 09:57 » |
|
:D1.ติดเพดาลหนี้สาธารณะของประเทศครับ
2.การระดมทุนจ่ายผลตอบแทนเป็นเงินปันผล ซึ่งต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ครับ
3.การเจริญเติบโตขององค์กรจะสูงกว่ากู้มาก
4.ทุน10 +กู้10=20 ถ้าสัดส่วนทุน/หนี้=1:1 กว่าจะขยายกิจการเป็น30ได้ หลายปี และยังมีภาระต้องจ่ายดอกอีก
5.ถ้าระดมทุน กิจการขยายเป็น 30 หรือ40 หรือ 50 ได้ในเวลาไม่นาน
อยากให้พวกที่บอกว่า การแปรรูป กฟผ. แค่ 25% เป็นการขายสมบัติชาติมาอ่านคำตอบคุณจัง ผมเข้าใจคุณนะ คุณว้า ว่ากำลังสื่อถึงอะไร แต่ กฟผ. ไม่จำเป็นต้องแปรรูปในตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้คนหรือนายทุนใหญ่ๆเข้ามาถือครอง กฟผ.แปรรูปเฉพาะรูปแบบองค์กรก็พอแล้วครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
|
|
|
อะไรว้า
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #54 เมื่อ: 29-05-2006, 07:57 » |
|
:D1.ติดเพดาลหนี้สาธารณะของประเทศครับ
2.การระดมทุนจ่ายผลตอบแทนเป็นเงินปันผล ซึ่งต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ครับ
3.การเจริญเติบโตขององค์กรจะสูงกว่ากู้มาก
4.ทุน10 +กู้10=20 ถ้าสัดส่วนทุน/หนี้=1:1 กว่าจะขยายกิจการเป็น30ได้ หลายปี และยังมีภาระต้องจ่ายดอกอีก
5.ถ้าระดมทุน กิจการขยายเป็น 30 หรือ40 หรือ 50 ได้ในเวลาไม่นาน
อยากให้พวกที่บอกว่า การแปรรูป กฟผ. แค่ 25% เป็นการขายสมบัติชาติมาอ่านคำตอบคุณจัง ผมเข้าใจคุณนะ คุณว้า ว่ากำลังสื่อถึงอะไร แต่ กฟผ. ไม่จำเป็นต้องแปรรูปในตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้คนหรือนายทุนใหญ่ๆเข้ามาถือครอง กฟผ.แปรรูปเฉพาะรูปแบบองค์กรก็พอแล้วครับ เรื่องนี้คงเป็นความเห็นของคุณ แต่การระดมทุนเพียง 25% แล้วให้ต่างชาติถือแค่ 30% ของ 25% อีกที มองกี่มุมก็ไม่เห็นทางที่นายทุนใหญ่จะมายึดกฟผ. ได้ ถ้าจะย้อนถามว่า แล้วทำไมไม่กู้ละ ก็ต้องถามกลับแล้วทำไมที โรงไฟฟ้าราชบุรี ไม่กู้ละ เอาไปขายทำไม แล้วตอนนี้ กฟผ. เหลือหุ้นแค่ 45% ด้วย และชัดเจนอยู่แล้วว่า โรงไฟฟ้าราชบุรี คือ สินทรัพย์ของกฟผ. มาก่อน ไม่ใช่การสร้างโรงงานใหม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
samepong(ยุ่งแฮะ)
|
 |
« ตอบ #55 เมื่อ: 29-05-2006, 22:35 » |
|
คุณได้อ่านที่ผมตอบไป7-8กระทู้ด่านบนหรือยังเนี่ย
อ้างจาก: อะไรว้า ที่ 15-05-2006, 17:30 สรุปแล้วก็ตอบไม่ได้ ทำไมต้องขาย ราชบุรี ทั้งๆ ที่เริ่มต้นมาจาก กฟผ. ไม่ใช่การสร้างใหม่
ใบ้แดก ไปตามๆ กัน
ก่อนตอบคำถามที่คุณว้าถามต่อเนื่องจากกระทู้ด้านบน ผมต้องบอกออกตัวนิดนึง ตอนแรกกะว่าจะไม่ตอบเพราะตอบไปเยอะแล้ว เรื่องผู้ถือหุ้น ผมอธิบายคร่าวๆแล้วจากกระทู้ด้านบน ส่วนคุณว้าถามว่าทำไมต้องขายในเมื่อเป้นของ กฝผ.อยู่แล้ว ขอให้คุณว้าเข้าใจว่ามันไม่ขายชาติเพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวกับทรัพยากรบางอย่างที่ถูกประท้วงเช่น เขื่อนหรือป่าไม่ต่างๆนะครับ ส่วนที่ถามว่าขาย ratch ไปทำไม? คำตอบก็คือ เป็นเรื่องของการกระจายความเสี่ยง โดยการให้ratch ช่วยผลืตไฟฟ้าส่งขายแก่ กฟผ.และกฟภ. โดยที่ กฟผ.ไม่ต้องลงทุนในเรื่องน้ำมัและก๊าซต่างๆเพี่ยงผู้เดียว ต้องเข้าใจก่อนว่าการผลิตไฟฟ้าจำเป้นต้องใช้น้ำมันในการผลิตใช่ไหมครับ แล้วน้ำมันบางส่วนก็ต้องซื้อใช่ไหมครับ ถ้าใช่ ก็มาถึงคำว่า ราคาผันผวน คุณ ว้ารู้ล่วงหน้าไหมครับว่าราคาน้ำมันจะขึ้นพรวดๆแบบนี้ การสต๊อกน้ำมันในการผลิตไฟฟ้าก็ต้องมี ถ้าสต๊อกแล้วราคาตกก็กลายเป้นต้นทุนสูงถ้าสต๊อกแล้วน้ำมันแพงก้กลายเป้นต้นทุนต่ำ เราจะบอกว่า กฟผ.กำไรดี ratch ที่เป้นลูกถ้าไม่แปรรูปก็จะดีกำไรเยอะขึ้นถูกไหม? คำตอบคือถูก แต่ถูกครึ่งเดียว เพราะเรามองว่าราคาน้ำมันที่แพงไปแล้ว เลยทำกำไรให้ กฟผ.มากขึ้น เพราะกฟผ.สต๊อกน้ำมันไว้แล้ว และราคาน้ำมันสูงขึ้นจึงเข้าหลักต้ำทุนต่ำลง แต่ถ้าราคาน้ำมันมันลดลงละ ผลจะต่างกัน แล้วratch ที่มีผู้ถือหุ้นหลายรายก็จะช่วยแบ่งเบาผลต่างของต้นทุนที่สูงขึ้น ก็จะทำให้ กฝผ.ไม่ต้องสูญเสียผลประโยชน์บางอย่าง
ผมอธิบายแบบชาวบ้านๆให้คนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องได้เข้าใจแถ้จะเอาแบบเน้นๆใช้คำวิชาการผมคงต้องตามนักลงทุนมาตอบแทน แต่ที่ตอบไปหวังว่าคุณว้าคงมองเห้นภาพชัดเจนมากขึ้นนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
|
|
|
อะไรว้า
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #56 เมื่อ: 30-05-2006, 08:35 » |
|
คุณได้อ่านที่ผมตอบไป7-8กระทู้ด่านบนหรือยังเนี่ย
อ้างจาก: อะไรว้า ที่ 15-05-2006, 17:30 สรุปแล้วก็ตอบไม่ได้ ทำไมต้องขาย ราชบุรี ทั้งๆ ที่เริ่มต้นมาจาก กฟผ. ไม่ใช่การสร้างใหม่
ใบ้แดก ไปตามๆ กัน
ก่อนตอบคำถามที่คุณว้าถามต่อเนื่องจากกระทู้ด้านบน ผมต้องบอกออกตัวนิดนึง ตอนแรกกะว่าจะไม่ตอบเพราะตอบไปเยอะแล้ว เรื่องผู้ถือหุ้น ผมอธิบายคร่าวๆแล้วจากกระทู้ด้านบน ส่วนคุณว้าถามว่าทำไมต้องขายในเมื่อเป้นของ กฝผ.อยู่แล้ว ขอให้คุณว้าเข้าใจว่ามันไม่ขายชาติเพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวกับทรัพยากรบางอย่างที่ถูกประท้วงเช่น เขื่อนหรือป่าไม่ต่างๆนะครับ ส่วนที่ถามว่าขาย ratch ไปทำไม? คำตอบก็คือ เป็นเรื่องของการกระจายความเสี่ยง โดยการให้ratch ช่วยผลืตไฟฟ้าส่งขายแก่ กฟผ.และกฟภ. โดยที่ กฟผ.ไม่ต้องลงทุนในเรื่องน้ำมัและก๊าซต่างๆเพี่ยงผู้เดียว ต้องเข้าใจก่อนว่าการผลิตไฟฟ้าจำเป้นต้องใช้น้ำมันในการผลิตใช่ไหมครับ แล้วน้ำมันบางส่วนก็ต้องซื้อใช่ไหมครับ ถ้าใช่ ก็มาถึงคำว่า ราคาผันผวน คุณ ว้ารู้ล่วงหน้าไหมครับว่าราคาน้ำมันจะขึ้นพรวดๆแบบนี้ การสต๊อกน้ำมันในการผลิตไฟฟ้าก็ต้องมี ถ้าสต๊อกแล้วราคาตกก็กลายเป้นต้นทุนสูงถ้าสต๊อกแล้วน้ำมันแพงก้กลายเป้นต้นทุนต่ำ เราจะบอกว่า กฟผ.กำไรดี ratch ที่เป้นลูกถ้าไม่แปรรูปก็จะดีกำไรเยอะขึ้นถูกไหม? คำตอบคือถูก แต่ถูกครึ่งเดียว เพราะเรามองว่าราคาน้ำมันที่แพงไปแล้ว เลยทำกำไรให้ กฟผ.มากขึ้น เพราะกฟผ.สต๊อกน้ำมันไว้แล้ว และราคาน้ำมันสูงขึ้นจึงเข้าหลักต้ำทุนต่ำลง แต่ถ้าราคาน้ำมันมันลดลงละ ผลจะต่างกัน แล้วratch ที่มีผู้ถือหุ้นหลายรายก็จะช่วยแบ่งเบาผลต่างของต้นทุนที่สูงขึ้น ก็จะทำให้ กฝผ.ไม่ต้องสูญเสียผลประโยชน์บางอย่าง
ผมอธิบายแบบชาวบ้านๆให้คนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องได้เข้าใจแถ้จะเอาแบบเน้นๆใช้คำวิชาการผมคงต้องตามนักลงทุนมาตอบแทน แต่ที่ตอบไปหวังว่าคุณว้าคงมองเห้นภาพชัดเจนมากขึ้นนะครับ
คุณตอบมาก็ดีอะนะ แต่ลองเอาตรรกะของคุณไปอธิบายให้พวกทำลายชาติโดยไม่ยอมให้มีการขายหุ้นแค่ 25% ของกฟผ. เพื่อกระจายความเสี่ยงเหมือนกับที่คุณอ้างกับ ratch ลองเอาไปอธิบายดูดิ ไม่ถูกด่าด้วยคำว่า "ขายชาติ" "ขายสมบัติชาติ" หรือ "ขายหุ้นให้นายทุนมายึดไฟฟ้า" แสดงว่าพระดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สมชายสายชม
|
 |
« ตอบ #57 เมื่อ: 30-05-2006, 09:28 » |
|
ปชป. แบ่งขายโรงไฟฟ้าราชบุรี 1 โรง ส่วน ทรท. ขาย กฟผ. แบบเหมาเข่ง .. ขายโรงไฟฟ้าทุกโรง ขายรวมที่ดินเวรคืน และขายรวมระบบสายส่งทั่วประเทศ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
อะไรว้า
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #59 เมื่อ: 30-05-2006, 14:18 » |
|
การกระจายหุ้นเพียง 25% อำนาจส่วนใหญ่ยังอยู่ที่รัฐ
ประโยชน์ที่เกิดขึ้นทำให้มีช่องทางเพิ่มอีกทางหนึ่งในการระดมทุนลดความเสี่ยง เช่นเดียวกับกรณีกระจายหุ้นของ ratch
ซึ่ง ratch ไม่ควรปล่อยให้ กฟผ. ถือหุ้นแค่ 45% คงต้องไปดูว่าใครทำให้เหลือแค่ 45%
แต่ก็น่าจะรู้ว่าเป็นใครที่เรียน ม.7
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #60 เมื่อ: 01-06-2006, 00:52 » |
|
เรื่องขายหุ้น กฟผ. ประเด็นที่คัดค้านกันไม่ใช่เรื่องรัฐยังถือหุ้นใหญ่หรือเปล่า แต่อยู่ที่ "จำเป็น" ต้องเข้าตลาดหุ้นหรือเปล่า และควรแล้วหรือที่เอาผลประโยชน์จากเขื่อนของรัฐ และสายส่งไฟฟ้าที่เวนคืนที่ดินประชาชนนับหมื่นกิโลเมตรไปขายรวมด้วย ส่วนเรื่อง กฟผ. ถือหุ้น ratch 45% ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอำนาจบริหารเด็ดขาด --------------------------------------------------------------------------------- ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรก บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2548
1. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 652,500,000 หุ้น (45.00%) 2. กลุ่มบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) 217,400,000 หุ้น (14.99%) 3. สำนักงานประกันสังคม 42,025,600 หุ้น ( 2.90%) 4. ธนาคารออมสิน 38,000,000 หุ้น ( 2.62%) 5. อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวร์รันส์ 20,798,600 หุ้น ( 1.43%) 6. เชส นอมินีส์ ลิมิเต็ด 19,299,690 หุ้น ( 1.33%) 7. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงาน กฟผ. 18,286,800 หุ้น ( 1.26%) 8. Investor Bank and Trust Company 15,051,799 หุ้น ( 1.04%) 9. เอชเอสบีซี กรุ๊ป 13,189,200 หุ้น ( 0.91%) 10. สเตท สตรีท แบงก์ แอนด์ ทรัสต์ คัมปานี 11,258,000 หุ้น ( 0.78%)
รวมจำนวนหุ้นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรก 1,047,809,689 หุ้น (72.26%)ข้อมูลจาก : เว็บไซด์ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) http://www.ratch.co.th/th/main_prf.htm?mnl=th/menu_th_pf_frame.htm&ctl=th/prf_shrehdr_th_content.htm--------------------------------------------------------------------------------- จะเห็นว่าด้วยโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ ratch แม้ กฟผ. ถือหุ้น 45% แต่ถือว่ามีอำนาจบริหารจัดการเด็ดขาด สังเกตว่าต่อให้รวมหุ้นจากผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ถึง 10 เข้าด้วยกันก็จะมีหุ้นเพียง 27.46% หรือหากผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 คือ บ้านปู ต้องการลงทุนครอบงำกิจการ ratch โดยสามารถซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่น นอกจากรายใหญ่ 10 ราย ก็ยังมีหุ้นรวมเพียง 14.99+27.74 = 42.73% และต่อให้รวมหุ้น AIA เข้ามาอีกก็ยังเป็น 44.16% ซึ่งน้อยกว่า กฟผ. จึงอาจกล่าวได้ว่า กฟผ. ยังมีอำนาจบริหารแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด.. การนำโรงไฟฟ้าราชบุรีเข้าตลาดหุ้นครั้งนั้น เกิดขึ้นเนื่องจาก กฟผ. ต้องการนำเงินที่ได้ไปขยายระบบสายส่งไฟฟ้า ในระหว่างเกิดวิกฤตเศรษฐกิจซึ่งอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยขณะนั้นไม่สะดวกอย่างยิ่งในการค้ำประกันเงินกู้ โดยที่ระบบสายส่งไฟฟ้าเป็นภาระหน้าที่ของ กฟผ. ต้องลงทุนเอง 100% โดยตรง ในขณะที่ระบบผลิตไฟฟ้าเป็นกิจการ ที่สามารถให้เอกชนลงทุนได้ 100% อยู่แล้ว กฟผ. จึงไม่จำเป็นต้องรักษาสัดส่วนการถือหุ้นทั้งหมด เพียงรักษาอำนาจ การบริหารกิจการไว้ก็พอและท้ายที่สุดแล้วเงินที่ กฟผ. ได้รับจาก ratch ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มาจากการขายหุ้นเพิ่มทุน จขกท. บอกแต่เพียงว่า กฟผ. ได้รับเงินจากการเพิ่มทุน 16,000 ล้านบาท แต่ไม่ได้บอก ว่าในนั้นรวมเงินเพิ่มทุนจาก กฟผ. เองไว้ด้วยกว่า 7,000 ล้านบาท เงินส่วนใหญ่มาจาก บมจ. ราชบุรีโฮลดิ้ง กู้เงินธนาคารไทย 8 แห่งรวม 44,000 ล้าน และได้จากหุ้นเพิ่มทุนให้เอกชน จริงๆ เพียงไม่ถึง 1 หมื่นล้านบาท การแปรรูป ratch จึงทำให้ กฟผ. ได้รับเงินไปขยายระบบสายส่งไฟฟ้าที่ต้องลงทุน 100% เป็นเงินมากกว่า 50,000 ล้านบาท และยังคงรักษาอำนาจการบริหารใน ratch ได้ด้วย..
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2006, 14:32 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
อะไรว้า
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #61 เมื่อ: 01-06-2006, 08:09 » |
|
"จะเห็นว่าด้วยโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ ratch แม้ กฟผ. ถือหุ้น 45% แต่ถือว่ามีอำนาจบริหารจัดการเด็ดขาด "
อ่านแล้วอยากหัวเราะเป็นภาษากานา
จะแถก็ให้มันเนียนหน่อย พวก ม.7 and แก็งค์กู้ซาก ก็งี้ อะไรที่เป็นของพวกตัวเองทำ บอกดีหมด
มันต้อง 50 เปอร์เซนต์ขึ้นไปเฟ้ย เช่น 50.01% ถึงจะเรียกว่า "มีอำนาจบริหารจัดการเด็ดขาด"
แถไหม เอาให้เนียนกว่านี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #62 เมื่อ: 01-06-2006, 08:45 » |
|
"จะเห็นว่าด้วยโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ ratch แม้ กฟผ. ถือหุ้น 45% แต่ถือว่ามีอำนาจบริหารจัดการเด็ดขาด "
อ่านแล้วอยากหัวเราะเป็นภาษากานา
จะแถก็ให้มันเนียนหน่อย พวก ม.7 and แก็งค์กู้ซาก ก็งี้ อะไรที่เป็นของพวกตัวเองทำ บอกดีหมด
มันต้อง 50 เปอร์เซนต์ขึ้นไปเฟ้ย เช่น 50.01% ถึงจะเรียกว่า "มีอำนาจบริหารจัดการเด็ดขาด"
แถไหม เอาให้เนียนกว่านี้
บรรยายตั้งยาวยังอ่านไม่เข้าใจ ที่แท้ก็เผยตัวแล้วว่าเป็นพวกฝักใฝ่ภาษาต่างชาติ เอาเข้าไป.. ดูซิจะไปได้อีกกี่น้ำ.. มาสังเกตเพิ่มเติมอีกหน่อยว่า หุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 2 ถึง 10 รวมกันมีเพียง 27.46% ต่อให้เอามารวมกันหมดก็ยังน้อยกว่าหุ้น กฟผ. แบบสุดกู่ ต้องหาหุ้นจากรายย่อยอีกกว่า 20% ถึงจะมากกว่า กฟผ. ซึ่งคิดว่าเป็นไปได้ง่ายๆ หรือ.. และต้องไม่ลืมว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 3 และ 4 คือ สำนักงานประกันสังคม และธนาคารออมสิน ถือเป็นหน่วยงานภาครัฐ เมื่อรวมหุ้น กฟผ. กับ สำนักงานประกันสังคม และธนาคารออมสินจะได้ 45+2.90+2.62 = 50.52% มากกว่า 50.01% อีก พอใจหรือยัง? หมายความว่าหุ้นภาครัฐทั้งหมด ซึ่งเป็นฐานอำนาจบริหาร ratch ของ กฟผ. มีสัดส่วนเกินครึ่งอยู่แล้ว เป็นการแสดงว่า กฟผ. สามารถรักษาอำนาจบริหารจัดการใน ratch ไว้ได้อย่างมั่นคง แม้จะถือหุ้น 45% และในการแปรรูปยังได้เงินอีก 5 หมื่นกว่าล้านไปขยายระบบสายส่งที่ กฟผ. เป็นเจ้าของ 100% อีกด้วย
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2006, 11:10 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
พังเภา
|
 |
« ตอบ #63 เมื่อ: 01-06-2006, 11:42 » |
|
คุณอะไรว้า ตอบไ ด้อะไรว้า อย่างคุณ นี้ ไม่เรียกว่าแถ แล้ว แต่ปลาหมอเรียก พี่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อะไรว้า
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #64 เมื่อ: 02-06-2006, 13:10 » |
|
โถ ยังอุตสาห์แถไปได้ เอาหน่วยงานรัฐมารวมกันได้เกิน 50%
แล้วตอนแรกไหงบอกละว่า 45% มีอำนาจบริหารจัดการเด็ดขาด
ลื่นไหลไปได้เรื่อยๆ นะ
ที่การไฟฟ้ารัฐถืออยู่ตั้ง 75% ทำท่าจะเป็นจะตาย
พวกค้านกฟผ. เข้าตลาดหุ้น ตอบได้ไหมละ โรงไฟฟ้าราชบุรีนะ "จำเป็น" แค่ไหนต้องเข้าตลาดหุ้น
กู้ก็ได้นี่ เพราะ กฟผ. แจ๋วอยู่แล้ว
ทำไมต้องเข้าตลาดหุ้น
โรงไฟฟ้าราชบุรี กฟผ. ถือ 45% ไม่เป็นไร กฟผ. จะเข้าตลาด ถือ 75% จะเป็นจะตาย
รักชาติ 2 มาตรฐานหรือ
หรือว่า ถ้าตรงข้ามพวกตัวเอง ทำอะไร ผิดหมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #65 เมื่อ: 02-06-2006, 18:26 » |
|
โถ ยังอุตสาห์แถไปได้ เอาหน่วยงานรัฐมารวมกันได้เกิน 50%
แล้วตอนแรกไหงบอกละว่า 45% มีอำนาจบริหารจัดการเด็ดขาด
ก็ไม่ได้บอกเลยว่า 45% ไม่มีอำนาจบริหารจัดการเด็ดขาด อะไรว้า ลองคิดซิว่าทำยังไงผู้ถือหุ้นอื่นๆ จะมีหุ้นมากกว่า กฟผ. และ อะไรว้า ลองคิดซิว่าถ้าหน่วยงานรัฐถือหุ้นรวมกันเกิน 50% แล้วจะมีใครที่ไหนมีสิทธิมีเสียงใน ratch มากกว่า กฟผ. ได้อีก? ฉะนั้นออกเสียงอะไรก็ชนะหมด ไม่เรียกว่ามีอำนาจเด็ดขาดหรือ ทำไมเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ถ้ายังไม่เข้าใจอีกก็อย่าถามต่อเลยนะ อายคนอื่นเขาบ้าง อะไรว้า ..
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2006, 18:29 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #66 เมื่อ: 02-06-2006, 18:40 » |
|
โรงไฟฟ้าราชบุรีนะ "จำเป็น" แค่ไหนต้องเข้าตลาดหุ้น
ความจริงตอนนั้นก็ต้องถือว่าจำเป็นเพราะ กฟผ. ต้องการเงินไปขยายสายส่งไฟฟ้า ซึ่ง กฟผ. ต้องลงทุนเอง 100% และอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในขณะนั้น ซึ่งอยู่ในช่วงใกล้ล้มละลายก็ไม่สะดวกจะมาค้ำประกันเงินกู้จริงๆ และประเด็นไม่ใช่แค่พิจารณาว่า ratch จำเป็น ต้องเข้าตลาดหุ้นหรือเปล่า เพราะความจริง กฟผ. "ไม่จำเป็น" ต้องถือหุ้นในโรงไฟฟ้าเต็ม 100% อยู่แล้ว เอกชนอื่นๆ สามารถลงทุนตั้งโรงไฟฟ้าได้เองถึงไม่มาซื้อหุ้น ratch แต่ปัญหาจะเกิดถ้า กฟผ. ไม่สามารถขยายระบบสายส่งไฟฟ้าให้ทันเวลาต่างหาก เป็นคนละเรื่องกับการขาย กฟผ. ที่ไม่มีเหตุผลความจำเป็นรองรับในปัจจุบัน
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2006, 18:43 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
อะไรว้า
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #67 เมื่อ: 05-06-2006, 07:54 » |
|
สากเอ๋ย หายาแดงทาสีข้างด้วยนะ ยิ่งตอบยิ่งแถไปเรื่อยๆ
อ้างอิง ที่ตอบคร้งก่อนนะ
ตำราไหนสอนละว่า
ถือหุ้น 45% แต่ถือว่ามีอำนาจบริหารจัดการเด็ดขาด
อายเขานะ อย่าเอาไปบรรยายให้ใครฟัง เขาจะงงกันทั้งโลก
ตอบมาคราวนี้ ได้หัวเราะแต่เช้าอีกแล้ว
ความจริงตอนนั้นก็ต้องถือว่าจำเป็นเพราะ กฟผ. ต้องการเงินไปขยายสายส่งไฟฟ้า ซึ่ง กฟผ. ต้องลงทุนเอง 100% และอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในขณะนั้น ซึ่งอยู่ในช่วงใกล้ล้มละลายก็ไม่สะดวกจะมาค้ำประกันเงินกู้จริงๆ
ก๊ากๆ บอกมาได้ กฟผ. นะเครดิตดีแค่ไหน ใครๆ ก็รู้ ไปกู้ใครๆ ก็ให้กู้เฟ้ย นี่เป็นข้ออ้างหนึ่งของการที่ไม่อยากให้กระจายหุ้นแค่ 25% อย่า "มั่ว" ซิ
ความจริง กฟผ. "ไม่จำเป็น" ต้องถือหุ้นในโรงไฟฟ้าเต็ม 100% อยู่แล้ว
อ้าว ตกลงไม่ห่วงแล้วหรือ ราชบุรีนะ ตั้งบนแผ่นดินไทย เวรคืนโดยกฏหมายไทย ต้องเป็นของคนไทย 100% ดิ
จะไม่ว่าอะไรเลย ถ้า ราชบุรี ตั้งโดยเอกชน 100% ซื้อที่ดินโดยเอกชน 100%
ทำไมทีการไฟฟ้าละ แค่ 25% จะเป็นจะตาย
แต่ปัญหาจะเกิดถ้า กฟผ. ไม่สามารถขยายระบบสายส่งไฟฟ้าให้ทันเวลาต่างหาก
คน กฟผ. ว่าไง โดนดูถูกซะแล้วว่า ไม่สามารถขยายระบบสายส่งไฟฟ้าให้ทันเวลา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #68 เมื่อ: 05-06-2006, 13:47 » |
|
ทำไม อะไรว้า ช่างเข้าใจอะไรยากอย่างนี้..?
ตามที่เคยพบเจอมา อะไรว้า กำลังพยายามป่วนด้วยวิธี "แกล้งโง่" ไม่ว่าครูบาอาจารย์จะสั่งสอนอธิบายขนาดไหน ก็แกล้งเป็นไม่เข้าใจ ถามคำถามเดิมตลอด ทั้งที่เพื่อนที่เรียนด้วยกันต่างก็เข้าใจหมดแล้ว ถ้าอาจารย์ผู้สอนพาซื่อเชื่อว่า อะไรว้า โง่จริงก็จะพยายามอธิบายซ้ำ ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ทั้งยังสิ้นเปลืองเวลาของเพื่อนคนอื่นๆ ที่จะได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่องอื่นต่อไป..
เนื้อความเท่าที่อธิบายมาก็พอสมควรที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ถ้า อะไรว้า ยังไม่รู้เรื่องจริงๆ ก็จงศึกษาพิจารณาเพิ่มเติมเอาเอง หรือทำใจปล่อยวางเสียก็ได้ คนเราไม่ต้องเข้าใจอะไรทุกเรื่องหรอก
---------------------------------------------------------------------
ปล. กระทู้นี้ไม่มีใครเขาข้องใจแล้ว ควรหาประเด็นอื่นตั้งกระทู้ใหม่ ดีกว่าวนเวียนแกล้งไม่รู้เรื่องอยู่กระทู้เดิมนะ อะไรว้า
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-06-2006, 13:49 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
samepong(ยุ่งแฮะ)
|
 |
« ตอบ #69 เมื่อ: 06-06-2006, 00:23 » |
|
คุณ จิรศักดิพึ่งจะเข้าใจเหรอครับ ผมไม่ตอบเค้าไปนานแล้ว พุดอะไรไปเหมือนเอาหินโยนลงบ่อไม่เห้นก้นบ่อและไม่รูว่าได้ประโยชน์อะไรด้วย คุณ ไรว้าต้องกลับไปทบทวนว่าคำตอบของคนอื่นพอจะทำให้คุณรู้เรื่องอะไรมากขึ้นแล้วละ ถามย้ำแต่25% มันไม่เกิดกระบวนความคิดอื่นๆเพราะใครมาอธิบายอะไรคถณก้25%สวนมาอย่างเดียว เป็นคนสวนหรือเปล่าเนี่ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #70 เมื่อ: 06-06-2006, 08:32 » |
|
คุณ จิรศักดิพึ่งจะเข้าใจเหรอครับ ผมไม่ตอบเค้าไปนานแล้ว พุดอะไรไปเหมือนเอาหินโยนลงบ่อไม่เห้นก้นบ่อและไม่รูว่าได้ประโยชน์อะไรด้วย คุณ ไรว้าต้องกลับไปทบทวนว่าคำตอบของคนอื่นพอจะทำให้คุณรู้เรื่องอะไรมากขึ้นแล้วละ ถามย้ำแต่25% มันไม่เกิดกระบวนความคิดอื่นๆเพราะใครมาอธิบายอะไรคถณก้25%สวนมาอย่างเดียว เป็นคนสวนหรือเปล่าเนี่ย
ก็พอรู้อยู่ล่ะครับ เห็นที่คุณ samepong พยายามอธิบายกับเขาแล้วเป็นอย่างไร แต่จุดประสงค์จริงๆ ที่ผมมาตอบเพิ่มเติมก็เพื่อให้คนอื่นๆ ได้มาอ่าน เผื่อว่าคนที่ยังไม่ทราบข้อมูลจะเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น แต่เมื่อเกิดกรณี แกล้งโง่ ถามซ้ำซากก็ต้องอธิบายเพิ่มเติมให้อีกพอสมควร ด้านหนึ่งเผื่อว่าเดิมอธิบายไว้ไม่ชัดเจน อีกด้านหนึ่งเพื่อเน้นให้เห็นว่าเมื่ออธิบายเพิ่มแล้ว ยังมีการแกล้งโง่อยู่ทั้งที่น่าจะเข้าใจ พวกเราก็จะได้จบกระทู้นี้กันเสียทีไงครับ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
อะไรว้า
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #71 เมื่อ: 06-06-2006, 11:51 » |
|
แหม พอมีเพื่อนมาถือหาง กะดิกดิกๆ เลยนะ
เอ้า สรุปไปเลยก็ได้ จะได้รู้ว่า คนที่เข้าใจแบบนี้ "แกล้งโง่" หรือ "โง่จริง"
กรณีโรงไฟฟ้าราชบุรี ที่ "นาย" ตัวเองเป็นคนเอาไปขาย
1. กฟผ. "ไม่จำเป็น" ต้องถือหุ้นในโรงไฟฟ้าเต็ม 100% อยู่แล้ว (เอาสมองส่วนไหนคิด) 2. ถือหุ้น 45% แต่ถือว่ามีอำนาจบริหารจัดการเด็ดขาด (เอาสมองส่วนไหนคิด) 3. กฟผ. "จำเป็น" ต้องขายเพราะ กฟผ. ต้องการเงินไปขยายสายส่งไฟฟ้า (เอาสมองส่วนไหนคิด)
กรณี กระจายหุ้น กฟผ. 25% โดยที่เหลือ 75% รัฐยังถือหุ้น
1. ทำไม่ได้ ห้ามขาย เป็นการขายสมบัติชาติ เดี่ยวนายทุนมายึด (ราชบุรีไม่กลัวโดนยึด) 2. ถือหุ้น 75% ไม่ได้ เดี่ยวต่างชาติมาฮุป ต้องถือ 100% (ราชบุรีไม่เป็นไรเหลือ 45% ได้) 3. ไม่ต้องขายหุ้น กู้เงินได้ เพราะเก่ง เครดิตดี (ราชบุรีไม่ได้ ต้องขายหุ้น)
สรุปแบบนี้ ถูกใจไหม หนูๆๆ
ปล. อยากตอบก็ตอบ ไม่อยากตอบก็ "ใบ้แดก" ไป ยกเว้นแต่รับจ้างมา ก็ต้องทำหน้าที่ใช่ไหมล่ะ 55555
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Bozo
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #72 เมื่อ: 06-06-2006, 21:03 » |
|
แหม พอมีเพื่อนมาถือหาง กะดิกดิกๆ เลยนะ
เอ้า สรุปไปเลยก็ได้ จะได้รู้ว่า คนที่เข้าใจแบบนี้ "แกล้งโง่" หรือ "โง่จริง"
กรณีโรงไฟฟ้าราชบุรี ที่ "นาย" ตัวเองเป็นคนเอาไปขาย
1. กฟผ. "ไม่จำเป็น" ต้องถือหุ้นในโรงไฟฟ้าเต็ม 100% อยู่แล้ว (เอาสมองส่วนไหนคิด) 2. ถือหุ้น 45% แต่ถือว่ามีอำนาจบริหารจัดการเด็ดขาด (เอาสมองส่วนไหนคิด) 3. กฟผ. "จำเป็น" ต้องขายเพราะ กฟผ. ต้องการเงินไปขยายสายส่งไฟฟ้า (เอาสมองส่วนไหนคิด)
กรณี กระจายหุ้น กฟผ. 25% โดยที่เหลือ 75% รัฐยังถือหุ้น
1. ทำไม่ได้ ห้ามขาย เป็นการขายสมบัติชาติ เดี่ยวนายทุนมายึด (ราชบุรีไม่กลัวโดนยึด) 2. ถือหุ้น 75% ไม่ได้ เดี่ยวต่างชาติมาฮุป ต้องถือ 100% (ราชบุรีไม่เป็นไรเหลือ 45% ได้) 3. ไม่ต้องขายหุ้น กู้เงินได้ เพราะเก่ง เครดิตดี (ราชบุรีไม่ได้ ต้องขายหุ้น)
สรุปแบบนี้ ถูกใจไหม หนูๆๆ
ปล. อยากตอบก็ตอบ ไม่อยากตอบก็ "ใบ้แดก" ไป ยกเว้นแต่รับจ้างมา ก็ต้องทำหน้าที่ใช่ไหมล่ะ 55555
Something's rotten in your brain.. heyyyyy... fucking smell!!!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อะไรว้า
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #73 เมื่อ: 07-06-2006, 08:42 » |
|
แหม พอมีเพื่อนมาถือหาง กะดิกดิกๆ เลยนะ
เอ้า สรุปไปเลยก็ได้ จะได้รู้ว่า คนที่เข้าใจแบบนี้ "แกล้งโง่" หรือ "โง่จริง"
กรณีโรงไฟฟ้าราชบุรี ที่ "นาย" ตัวเองเป็นคนเอาไปขาย
1. กฟผ. "ไม่จำเป็น" ต้องถือหุ้นในโรงไฟฟ้าเต็ม 100% อยู่แล้ว (เอาสมองส่วนไหนคิด) 2. ถือหุ้น 45% แต่ถือว่ามีอำนาจบริหารจัดการเด็ดขาด (เอาสมองส่วนไหนคิด) 3. กฟผ. "จำเป็น" ต้องขายเพราะ กฟผ. ต้องการเงินไปขยายสายส่งไฟฟ้า (เอาสมองส่วนไหนคิด)
กรณี กระจายหุ้น กฟผ. 25% โดยที่เหลือ 75% รัฐยังถือหุ้น
1. ทำไม่ได้ ห้ามขาย เป็นการขายสมบัติชาติ เดี่ยวนายทุนมายึด (ราชบุรีไม่กลัวโดนยึด) 2. ถือหุ้น 75% ไม่ได้ เดี่ยวต่างชาติมาฮุป ต้องถือ 100% (ราชบุรีไม่เป็นไรเหลือ 45% ได้) 3. ไม่ต้องขายหุ้น กู้เงินได้ เพราะเก่ง เครดิตดี (ราชบุรีไม่ได้ ต้องขายหุ้น)
สรุปแบบนี้ ถูกใจไหม หนูๆๆ
ปล. อยากตอบก็ตอบ ไม่อยากตอบก็ "ใบ้แดก" ไป ยกเว้นแต่รับจ้างมา ก็ต้องทำหน้าที่ใช่ไหมล่ะ 55555
Something's rotten in your brain.. heyyyyy... fucking smell!!!! Really ????? you too. 555555
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
BoZo
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #74 เมื่อ: 07-06-2006, 08:53 » |
|
Are you a dog?? dont' bite into the good boy (like me)...  Go to the hole with your whippersnapper, okay??? Jerk.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อะไรว้า
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #75 เมื่อ: 08-06-2006, 08:02 » |
|
เหตุผลสู้ไม่ได้ ส่งหมาฝรั่งมาป่วนหรือไงว้า หน้าไม่อายวะ สมองคิดได้แค่นี้ 55555
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
BoZo
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #76 เมื่อ: 08-06-2006, 08:16 » |
|
I'm not mha farang... thanks for snub me. thanks for snub foreigner...yes, I'm foreigner but I'm not Farang.  And i'm not A DOG. I've worked at embassy of japan. If you have a problem about tribe, call to me now 0-2259-0444, 0-2259-0725 or 0-2258-9915 Called Mister BOB. I'm waiting you.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตลก
|
 |
« ตอบ #77 เมื่อ: 09-06-2006, 16:56 » |
|
เหตุผลสู้ไม่ได้ ส่งหมาฝรั่งมาป่วนหรือไงว้า หน้าไม่อายวะ สมองคิดได้แค่นี้ 55555
พูดจาอย่างนี้ถือว่าก้าวก่ายเชื้อชาตินะครับ เล่นอะไรอย่าลามปามให้มากนัก จะเป็นฝรั่งหรือญี่ปุ่น แล้วไม่มีสิทธิแสดงความคิดเห็นหรือไง ต้องโดนจ้างมาหรือไง ต้องเป็นหมาหรือไง -*- โทดว่ะ ซีเรียส คุยกันเรื่องประเทศตัวเอง ก็คุยไป อย่าเอาเชื้อชาติมายุ่ง ไม่งั้นก็ดรอปแป้นคีย์บอร์ดภาษาอังกฤษไปเลยไป คนก็ไม่ต้องไปเรียนมันหรอก ภาษาอังกฤษน่ะ แล้วก็เลิกติดต่อกับหมาฝรั่งทุกตัวในประเทศไทยไปเลย ปิดประเทศไปเลยไอ้ทุเรศ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ผ่านฟ้าแล้วเลยไปนรกเลยรึเปล่าครับ......... กิ๊กบนเรือ บนเครื่องบิน กิ๊กบนรถ ทุกอาชีพกิ๊กกันหมดอนาคตจะเป็นไง?
|
|
|
samepong(ยุ่งแฮะ)
|
 |
« ตอบ #78 เมื่อ: 09-06-2006, 18:19 » |
|
แหม พอมีเพื่อนมาถือหาง กะดิกดิกๆ เลยนะ
เอ้า สรุปไปเลยก็ได้ จะได้รู้ว่า คนที่เข้าใจแบบนี้ "แกล้งโง่" หรือ "โง่จริง"
กรณีโรงไฟฟ้าราชบุรี ที่ "นาย" ตัวเองเป็นคนเอาไปขาย
1. กฟผ. "ไม่จำเป็น" ต้องถือหุ้นในโรงไฟฟ้าเต็ม 100% อยู่แล้ว (เอาสมองส่วนไหนคิด) 2. ถือหุ้น 45% แต่ถือว่ามีอำนาจบริหารจัดการเด็ดขาด (เอาสมองส่วนไหนคิด) 3. กฟผ. "จำเป็น" ต้องขายเพราะ กฟผ. ต้องการเงินไปขยายสายส่งไฟฟ้า (เอาสมองส่วนไหนคิด) ตอบเป็นข้อ 1.ที่คนประท้วงเรื่อง100%หรือ25%ที่คุณว้าถามเนี่ย ผมก็บอกไปแล้วว่า ratchมีแค่โรงไฟฟ้าไม่ได้มีป่าไม้เขื่อนและสายไฟรวมถึงทรัพยากรของชาติ 2.ถือหุ้น45%+กองทุนประกันสังคม2.90%+ธนาคารออมสิน2.62%+กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ1.26ได้เป้น51.78% ถ้า51.78%ไม่มีอำนาจเด็ดขาด คุณว้าเอาสมองส่วนที่ดีที่สุดช่วยคิดด้วยนะ 3.ถ้าคุณคิดว่าไม่สมเหตุสมผลแล้วมันควรทำอย่างไร อย่างที่ผมเคยบอกเป็นเรื่องของการกระจายความเสี่ยงอีกทาง ถ้าคุณไม่รับเหตุผลคนอื่นก็อย่ามาถามให้เสียเวลา กรณี กระจายหุ้น กฟผ. 25% โดยที่เหลือ 75% รัฐยังถือหุ้น 1. ทำไม่ได้ ห้ามขาย เป็นการขายสมบัติชาติ เดี่ยวนายทุนมายึด (ราชบุรีไม่กลัวโดนยึด) 2. ถือหุ้น 75% ไม่ได้ เดี่ยวต่างชาติมาฮุป ต้องถือ 100% (ราชบุรีไม่เป็นไรเหลือ 45% ได้) 3. ไม่ต้องขายหุ้น กู้เงินได้ เพราะเก่ง เครดิตดี (ราชบุรีไม่ได้ ต้องขายหุ้น)
ตอบ 1.เหตุผลเดียวกับด้านบน 2.ถ้าไม่แบ่งเลยจะดีกว่าไหม ทุกวันนี้กฟผ.ก็เป้นของคนไทยทุกคนอยู่แล้วแล้วจะกระจายให้คนอื่นมาเอาไปทำไม 3.ก้เข้าเรื่องที่เคยบอกไป ตอบไปแล้วไม่รับฟังก้แสดงว่าเป้นบัวใต้น้ำแต่อาจจะจมอยุ่ในโคลนเลยนะเนี่ย สรุปแบบนี้ ถูกใจไหม หนูๆๆ
ปล. อยากตอบก็ตอบ ไม่อยากตอบก็ "ใบ้แดก" ไป ยกเว้นแต่รับจ้างมา ก็ต้องทำหน้าที่ใช่ไหมล่ะ 55555
ปล.ไม่ได้ใบ้แดกแต่คุยกันไม่รู้เรื่องคุณว้าพูดภาษาที่ไม่ใช่คนธรรมดาจะเข้าใจได้ผมขอยอมแพ้ ตอบครั้งสุดท้ายจะไม่มาคลิกอีกแล้ว คุณชนะนะผมยอมแพ้คุณ บายๆๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
|
|
|
|