ปกิณกะ หลังพวงมาลัย

[นายชด(หนุ่ม)]

เมื่อคืนประมาณ สามทุ่ม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น 

เป็นโทรศัพท์ทีเพื่อนรุ่นน้องโทรมาหาและตามตัวออกไปที่ถนนใหญ่

เขาบอกผมว่าให้ออกไปช่วยกันหน่อย เอาไฟฉาย กับไฟสัญญาณ ฉุกเฉินมาด้วยนะพี่  เขาบอกอย่างนั้น

ผมรีบออกไปจากบ้านเพื่อนไปตามที่เขาบอก

เมื่อไปถึงถนนใหญ่ สิ่งที่ผมเห็นคือ ถนนเกือบตลอดทางก่อนถึงแถวบ้านผมและเลยไปจนถึงคอสะพาน  มีแต่ดินตกเต็มไปหมด  ก้อนไม่เล็กเลย  ก้อนขนาดถุงปุ๋ยครับ  เต็มไปหมดตามพื้นถนน  และหลายๆส่วนมันก็เละ เลอะติดพื้นถนนไปหมด

เราไม่ทราบกันเลยว่า รถคันใดเป็นผู้ทำดินตกมากเท่านี้ แต่เราทราบว่า มันอันตรายมากๆ 

พวกเราช่วยกันออกไปเอาไฟฉายฉายเป็นสัญญาณให้รถที่วิ่งมานั้น ทราบเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ  ส่วนเพื่อนอีกคนก็โทรไปแจ้งตำรวจและ ศูนย์กู้ภัยของมูลนิธิ  เพื่อให้เขามาช่วย  ก่อนที่จะมีเหตุไม่คาดหมายบนท้องถนน

มอเตอร์ไซค์หลายคัน ที่ขับขี่มาบนท้องถนน แม้จะขับมาอย่างช้าๆ และรับรู้สัญญาณไฟจากไฟฉายของพวกเรา  ไม่วายที่จะล้มคว่ำและรับบาดเจ็บ 

รถกะบะโฟร์วีลแลล ออฟโรดคันหนึ่ง วิ่งมา แม้จะมองเห็นสัญญาณและชะลอแล้วก็ตาม ก็หมุนคว้างอยู่บนถนน ดีที่ไม่มีอะไรมากนัก   ชายหนุ่มที่ขับมา จึงจอดเข้าไปในซอยข้างทาง และออกมาช่วยเราอีกแรงเพื่อเตือนภัย

สักพัก รถของพวกกู้ภัยก็มา  ถามพวกเราว่าไหนคนเจ็บ  เราบอกว่าคนเจ็บที่มีเขากลับไปบ้านแล้ว  แต่เราอยากให้ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุหรือคนเจ็บเพิ่มอีกตะหาก   

เราขอร้องให้ช่วยเอารถขวางถนนเละเปิดไฟสัญญาณไว้เป็นระยะ  ก่อนที่จะมีใครเจออุบัติเหตุ ในระหว่างที่รอหน่วยงานราชการที่รับผืดชอบมาดำเนินการเอาไอ้ดินอันตรายพวกนี้ออกไป 

เขาไม่ทำตามนั้นครับ เพียงแต่จอดรถไว้ข้างทาง แล้วก็เหมือนกับว่าเราได้แต่เพียงคนออกมาช่วยถือไฟฉายโบกให้คนที่ขับรถมาทราบ เพิ่มอีก สองคนเท่านั้น

ไม่ถึง สิบนาที มีรถวิ่งด้วยความเร็วมาสองคัน เมื่อเขาเห็นไปที่เราโบก แทนที่จะชะลอ ไม่มีการชะลอเลย กลับฉีกออกหลบไปทั้งสองคัน  ทำเหมือนแข่งกันมา

เสียงดังสนั่นไปหมด  รถเก๋งที่วิ่งมาคันหนึ่งที่ฉีกแยกออกไปทางขวาสุด เมื่อเจอดินพวกนั้น กลิ้งไปไม่ทราบว่ากี่ตลบ  ส่วนอีกคัน พุ่งลอยไปออกพงหญ้าตีนสะพาน

เมื่อรถที่กลิ้ง สงบนิ่ง ฝั่งที่นั่งข้างคนขับของเก๋งคันนั้น ที่คว่ำหงายท้องชี้ฟ้า ประตูเก๋ง เปิดออกมาเอง  ชายที่นั่งข้างคนขับกระเด็นออกมากองกะพื้น เลือดไหลนองไปหมดต่อหน้าต่อตาของพวกเรา  ส่วนคนขับดันออกมาปลอดภัย เหมือนไม่บาดเจ็บอะไร

ตำรวจเริ่มมา รถกู้ภัยมาเพิ่มอีกมากมาย   ไร้ประโยชน์ไปแล้วครับ มันเป็นอุบัติเหตุที่เราควรป้องกันได้แต่เนิ่นๆ  แต่ไม่ยักมีใครทำ  ปล่อยให้มันเกิดคนตายต่อหน้าต่อตาแบบนี้  .....ผมและเพื่อนๆละแวกบ้านเสียความรู้สึกเอามากๆ

//////////////////////////////////////////////////////////////


หลังพวงมาลัยรถยนต์  อะไรก็เกิดได้ ทั้งดี และร้าย  ตาย และสุข  ขึ้นอยู่กับ ผู้ควบคุมและขับขี่จริงๆ

เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น ที่คุณต้องตัดสินใจ และการตัดสินใจนั้น มันก็สามารถชี้ชะตาของชีวิตของคุณได้เลยครับ

ผมเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ให้เพื่อนๆทราบ เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนสติกัน  ว่า อย่าประมาทเมื่อท่านอยู่หลังพวงมาลัยรถยนต์ อย่าได้ประมาทเมื่อท่านอยู่ในฐานะผู้ควบคุมและขับขี่ยานพาหนะครับ




เสี้ยววินาทีจริงๆ  ระหว่าง เป็น หรือ ตาย..............มันอยู่ที่คุณเอง

[ประกายดาว]

ขอบพระคูณค่ะ ...สำหรับ คำเตือนและเรื่องราว

สำหรับ เจ้าของกระทู้ คุณพี่เชน แอนด์ แอสโซซิเอท น่ารักมาก
สมควร ที่แฟ้มบุคคลจะ ปรบมือให้ จริงๆ

หลายๆครั้ง ดาวขับรถ แล้วเจอแบบนี้ ฝนตกอีก เซ็งเลย
เคยเห็นที่มอเตอร์เวย์หนึ่งครั้ง น่ากลัวมาก สภาพถนน ที่ลื่นเละ
เพราะโคลนดิน จนรถเสียการทรงตัวนี่...

รถบรรทุก หินเล็กๆ ที่บรรทุกมากเกินไป จนกระเด็นตกมา ทำให้
หน้ากระจกเรา อาจเป็น รอยได้นี่ก็แย่มากๆ...

[นายชด(หนุ่ม)]

อุบัติเหตุ ชื่อมันก็บอกอยู่โทนโท่ว่า เหตุที่มันเกิดขึ้นอย่างไม่มีใครรู้ตัว

ดังนั้น เมื่อมันเป็นแบบนั้น  การที่เราจะป้องกันเหตุที่มันอุบัติขึ้น ก็คงต้องอยู่ที่ ตัวเราเองต้องมีสติและความพร้อมตลอดเวลา

ที่ว่ามีสติ ตลอดเวลาก็คือ จะต้องรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ขณะนั้น ต้องรู้ว่า อะไรที่จะเป็นสาเหตุให้ "อาจ" เกิดเห๖ร้ายๆได้  ก็ต้องเลี่ยงมัน

ความพร้อมในที่นี้ หมายถึงความพร้อมที่จะรับมือกับ เหตุที่เราไม่คาดคิด

นั่นย่อมกินความรวมไปถึงเรื่องอื่นๆที่ไม่ดีด้วย


การปรับเปลี่ยน วิทยุ หรือเครื่องเล่นเสียง หรือ ทีวีในรถยนต์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้  

หลายคนที่ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดจากการที่ผู้ขับขี่ เผลอไปสนใจที่จะปรับแต่งสิ่งที่ว่านั้น โดยขาดสติและความระวังอันควรในการควบคุมยานพาหนะไป  แม้เพียงช่วงเวลาสั้นๆเพียงหนึ่งวินาที ก็อาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันได้เช่นกัน

ผมได้รวบรวมข้อปฏิบัติจากท่านผู้รู้ที่เคยไปพูดคุยด้วย และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีประสบการณ์บางท่าน  เอาไว้  และขอนำมาถ่ายทอดเท่าที่จำได้แก่เพื่อนๆดังนี้

1. เมื่อท่านอยู่หลังพวงมาลัย หรือเป็นผู้ควบคุมยานยนต์  ต้องมีสติและระลึกเสมอว่า อุบัติเหตุที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่กายและทรัพย์สิน ของเราเอง และผู้อื่น  จะเกิดขึ้นได้เสมอ    ดังนั้นต้องมีสติ รอบคอบ และตื่นตัวให้ตลอด

2.จำไว้ว่า  นอกจากตัวท่านเองจะเป็นผู้ควบคุมสติและยานยนต์  ปัจจัยที่ท่านควบคุมไม่ได้ก็คือ ผู้ควบคุมยานยนต์อื่นๆที่สัญญจรในเส้นทางเดียวกับท่าน  ท่านอาจไม่ประมาทและระวัง แต่ผู้อื่นอาจไม่เป็นเช่นนั้น

ดังนั้น นอกจากมีสติแล้ว จะต้องมีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันมาก่อนว่าจะเกิด เช่นลองคิดว่า หากขับรถอยู่แล้วมีรถที่วิ่งสวนทางมาในเส้นทางที่ไม่มีเกาะกลาง แต่เป็นทางร่วม สวนกัน

เกิดรถคันที่วิ่งสวนจู่ๆก็เสียหลัก และเบนมาทางคุณ วินาทีนั้น คุณควรทำอย่างไร ที่จะลดความเสียหายและทำให้สถานการณ์แย่น้อยที่สุด.......การคิดแบบนี้ไว้ก่อนว่าเราควรจะทำอะไรหากมีเรื่องแบบนั้น  จะเสมือนการเตรียมพร้อมในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่หากเกิดขึ้นจริง เราก็สามารถบรรเทาให้มันน้อยลงได้

3.หมั่นตรวจตราเครื่องยนต์  ระบบห้ามล้อ และระบบการทำงานของยานยนต์ของท่านให้อยู่ในสภาพมั่นใจต่อการใช้งานอยู่เสมออุปกรณ์ เครื่องใช้จำเป็นที่ใช้กับยานยนต์ของท่าน

สิ่งที่ผมอยากจะให้คำแนะนำก็คือ อุปกรณ์กู้ชีพ หรือ ชุดอุปกรณ์กู้ชีพและ ชุดอุปกรณ์เครื่องมือสำหรับเหตุฉุกเฉิน  อย่างน้อยควรมีติดยานยนต์ของท่านไว้

จะเป็นการเตรียมการที่ดีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ  แก่ตัวคุณเอง และการช่วยเหลือผู้อื่น



4. ประสาทสัมผัสของท่าน ต้องอยู่ในสภาพที่เหมาะสมและ ควรมีสิ่งรบกวนหรือกีดขวางให้น้อยที่สุด

คนเรา มี  ตา ไว้มอง หูไว้ฟัง จมูก หายใจ ดมกลิ่น  และประสาทสัมผัสอื่นๆตามธรรมชาตินั้น มันเป็นตัวเซ็นเซ่อร์ให้แก่มนุษย์ตามธรรมชาติอยู่แล้ว  เซ็นเซ่อร์จะทำงานได้ดี ก็ต่อเมื่อเราดูแลมันและป้องกันการรบกวนจากภายนอก ไม่ให้มันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพที่น้อยลง
เช่น  

ตา  หากคุณมีปัญหาทางสายตา  ไม่ว่าจะสั้นหรือยาว หรือแพ้แสง ก็ควรหาแว่นมาใส่เสีย  
กระจกมองหน้า มองท้าย  มองข้าง ควรจะต้องมองเห็นภาพสะท้อนที่ชัดเจน  

และอย่าลืมว่า ภาพสะท้อนที่มาจากกระจกนั้น  บางอย่างมาจากกระจกที่เป็นเลนส์นูน  การกำหนดระยะ หรือกะระยะต่างๆ  อาจเกิดความผิดพลาดได้  
หากบางท่านไปเปลี่ยนกระจกมองแบบนี้มา  ขอให้ทำความเคยชินเพื่อกะระยะให้ถูก ให้คุ้นเอาไว้

บางท่านไปเปลี่ยนมาใหม่ๆ พอออกจากร้าน  กะระยะผิดก็ไปเฉี่ยวชนกับผู้อื่น ก็มีมาแล้ว

หู  ไม่ควรอย่างยิ่งที่เปิดเครื่องเสียงในรถดังเกินไป  เพราะมันจะทำให้ความสามารถในการได้ยินเสียงต่างๆรอบตัวเราในเส้นทางสัญจร ด้อยไปด้วย  

เราจะทราบได้อย่างไร หากมีเสียงอีกทึก  อยู่เบื้องหน้า  ซึ่งอาจเป็นอุบัติเหตุก่อนหน้าเราไปถึง   ซึ่งหากได้ยิน เราก็จะระวัง  แต่หากไม่ได้ยิน  บางท่านกว่าจะรู้ ด้วยสายตา  ก็อาจหยุดหรือชะลอไม่ทัน  เกิดอุบัติเหตุซ้ำไปอีกก็ได้


จมูก ครับ สำคัญมาก  กลื่นต่างๆในรถที่ผิดปกติ  รวมทั้งนอกรถ   มันบอกให้เราทราบและเตรียมการรับมือกับเหตุต่างๆได้

ผมเคยขับรถผ่านไปในเส้นทางที่เขาเผาหญ้ากันข้างทาง  ซึ่งมองไม่เห็นว่าจะมีควันไฟอะไรเลยในขณะที่ไปยังไม่ถึง  แต่กลิ่นมันลอยมาตามลมครับ  กลิ่นเหม็นของฟางที่ไหม้ ทำให้ผมชะลอและตื่นตัว  เมื่อมาถึงบริเวณณนั้น  ผมจึงสามารถผ่านไปได้อย่างไร้อุบัติเหตุใดๆ




(ยังมีต่อ)

[นายชด(หนุ่ม)]

5. หากจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ในขณะขับขี่ ขอให้ท่านใช้เครื่องช่วยในการวื่อสาร ประเภท แฮนด์ฟรี ก็จะเป็นการลดความเสี่ยงลงไปต่อการเกิดอุบัติเหตุ   

แต่ผมใคร่แนะนำว่า หากท่านสามารถหาสถานที่จอดรถ
เพื่อทำการสื่อสารให้จบ 
จะเป็นการดีกว่า ขับขี่ไป สื่อสารไป  เพราะ สมาธิในการบังคับควบคุมรถของท่านจะด้อยลงไปมากขณะทำการสื่อสาร

6.พยายามลดการทำกิจกรรมอื่นๆในขณะควบคุมยานยนต์  ไม่ว่าจะกินอาหาร ดื่มน้ำ หรืออะไรก็ตามแต่  เพราะมันบั่นทอนความสามารถในการขับขี่ตามปกติลงไป  และก่อให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่ออุบัติเหตุขึ้นมาแทน


7. หากท่านอารมณ์เสีย มาจากเรื่องใดๆก็ตาม ไม่ว่าจะโกรธ หรือเสียใจ หรืออารมณ์ที่มันไม่ดีเอามากๆ  ขอแนะนำให้ท่านอย่าขับรถเลย เพราะท่านจะไร้สติในการควบคุมยานพาหนะนั้นๆ ในช่วงเวลาดังกล่าวจริงๆ

ผมเคยโดนชนท้ายรถเข้าอย่างจัง ทั่งที่จอดรถติดไฟแดง 
คนที่ชนผม เขาลงมาจากรถมา ดู ความเสียหาย พร้อมๆผมและคนขับรถของผมที่บริษัท

ปรากฏว่า เขายังโทรศัพท์โงเฉงอยู่เลยครับ  แม้จะใช้แฮนด์ฟรี ประเภท ไวร์เลส   ตอนแรกๆนึกว่าเขาลงมาด่าผมเสียอีก  แต่ปรากฏว่า เขาใช้ไวร์เลสแฮนด์ฟรี ด่ากับแฟนเขาอยู่

มาทราบภายหลังจากที่เขาขอโทษผมแล้ว ว่า เขาโมโหแฟนของเขา  (ทะเลาะกัน) ขับรถด้วยความโมโห ขาดสมรรถนะที่ดีในการบังคับรถให้หยุดจริงๆ  ขอโทษครับพี่


8. จำไว้เสมอสำหรับมือใหม่หัดขับว่า  การกระทืบเบรกรถ  แรงกระทืบเท้าของท่านไม่ได้ช่วยในการหยุดรถ  แต่มันมีโอกาสช่วยในการหยุดชีวิตบนโลกนี้ของท่านไว้เท่านั้นต่างหาก

ไม่มีเบรกรถในโลกคันใดที่กระทืบปั่ก  แล้วมันหยุดดั่งใจ มีแต่จะทำให้เกิดการเสียหลัก และกระชากตัวอย่างไร้ทิศของรถท่าน

ท่านจะต้องฝึกการใช้เบรกรถอย่างค่อยๆย้ำปล่อยๆ  ไม่ว่าเบรกรถของคุณจะเป็นแบบ abs  หรือแบบใดๆที่โฆษณาสรรพคุณเสียเกินจริงเมื่อมีเหตุการณ์ร้ายๆจริงๆขึ้น

"อย่าเบรก พร้อมกระชากหักพวงมาลัยรถโดยเด็ดขาด  เพราะรถจะเสียหลักกะทันหัน"


การเบรก โดยใช้ การลดต่ำของเกียร์ความเร็ว ก็เป็นตัวช่วยในการห้ามล้อได้เช่นกัน  ไม่ว่าจะเป็นเกียร์ประเภทใด.........สติ๊กชิฟท์ หรือ ออโต้เกียร์   ก็ตาม  สามารถทำได้ครับ

[นายชด(หนุ่ม)]

9. มีน้ำใจแก่ผู้ร่วมสัญจรและใช้เส้นทาง

อันนี้ผมขอรวมถึง คนที่เขาเดินไปเดินมาหรือสัญจร ทุกคนที่ไม่ได้ขับขี่ด้วยนะครับ  เพราะคนข้ามถนน เดินข้างๆถนนนั้น เป็นเหยื่อของอุบัติเหตุจากการขับขี่มากกว่าผู้ขับขี่เองเสียอีก

การรู้จักมีน้ำใจให้แก่กันในการสัญจร จะช่วยลดอุบัติเหตุและหลีกเลี่ยงได้ครับ
เพราะหากคุณรู้จักชะลอให้ผู้อื่นไปก่อน ในทางร่วม ทางแยก  ที่เป็นจุดแห่งความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ  ก็เท่ากับเราลดทอนความเสี่ยงลงไปที่จะเกิดการเฉี่ยวชน

การเข้าช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยหรือรับความเดือดร้อน จากอุบัติเหตุนั้น ก็เป็นสิ่งหนึ่งของความหมายในข้อนี้

ผมเคยเข้าช่วยเหลือ ผู้รับบาดเจ็บจากการโดนเฉี่ยวชนของรถ   เป็นเด็กวัยรุ่นที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาตามทาง
เด็กหนุ่มคนนี้ ขาหัก เพราะถูกรถตนเองควำกระแทกใส่ จากการเฉี่ยวชนของรถเก๋งที่ชนแล้วหนีไปคันนึง

เขานอมแหม๊บ อยู่แบบนั้นพิงรถตนเองอยู่ เพราะขาหักทั้งสองข้าง  รถที่ผ่านไปมาไม่มีใครจอดช่วยเลยสักคน  แม้เขาจะยกมือเรียก

ผ่านไปสิบห้านาทีครับ กว่าผมจะผ่านไปและจอดรถลงไปช่วยเหลือ  พร้อมโทรแจ้งตำรวจและศูนย์พยาบาลกู้ชีพ

ลองคิดดูว่าหากเด็กหนุ่มคนนี้ เป็นญาติพี่น้องของคุณๆ  คุณจะรู้สึกอย่างไร กับน้ำใจของผู้ใช้ถนนที่ไม่ช่วยเหลือ หรือไม่แม้แต่จะแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ


"คำว่า ธุระไม่ใช่  "นั้น  โยนทิ้งไปเสียเถอะครับ สำหรับกรณีเช่นนี้   เราช่วยเพื่อนมนุษย์ในยามยากกัน น่าจะดีกว่า


10.ข้อนี้เป็นคำแนะนำส่วนบุคคลของผมเองครับ  คือ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร  หรือผู้สัญจรไม่ว่าจะอย่างไร?

ผมใคร่แนะนำว่า คุณควรมีการ์ด หรือจัดทำการ์ด เกี่ยวกับตัวคุณย่อๆเก็บไว้ในกระเป๋าเงินของคุณและพกติดตัวตลอดครับ  ขอให้ในนั้นระบุสิ่งจำเป็นตามนี้ครับ

10.1 ชื่อ สกุลของคุณ พร้อมที่อยู่ปัจจุบัน เบอร์โทรศัพท์ด้วยก็ได้   และ สถานที่ทำงาน ของคุณ รวมทั้งผู้ที่ติดต่อได้ยามฉุกเฉินของทั้งสองสถานที่และเบอร์ของเขาเหล่านั้น

10.2  กร๊ปเลือดของคุณ โรงพยาบาลที่ใช้อยู่หรือคลีนิคประจำ  ให้มีชื่อนายแพทย์ที่คุณใช้อยู่ประจำได้ก็ยิ่งดี   หากคุณมีโรคประจำตัว ขอให้ระบุไว้ด้วย

สองข้อนี้ จะมีประโยชน์มากๆ  หากคุณเองได้รับอุบัติเหตุและไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ หรือหมดสติไป

หากผู้ประสบพบเห็น หรือผู้ที่ช่วยเหลือคุณ  เขามีข้อมูลดังกล่าว จะเกิดผลดีต่อการรักษาและติดต่อครอบครัวหรือคนรู้จักคุณอย่างมากทีเดียวครับ



10 ข้อนี้ เป็นหลักใหญ่ๆ  ส่วนรายละเอียดปลีกย่อย ไม่ได้กล่าวถึง

ที่ผมจะกล่าวถึงต่อไปคือ  การป้องกันและ การเอาตัวรอด  เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินบนท้องถนน โดยเฉพาะ เมื่อท่านต้องตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายจากอุบัติเหตุ

[เก็ดถวา]

ขอบพระคุณมากๆ เลยค่ะ พี่เชน

ขอบพระคุณทั้งเรื่องราวอันเป็นประโยชน์ที่นำมาเล่าให้ฟัง

และขอบพระคุณสำหรับการเป็นพลเมืองดีในเหตุการณ์นั้นนะคะ

เก็ดถวามองว่า ประเทศไทย มีจุดอ่อนอย่างแรงเลยในเรื่องความประมาท

แม้แต่หลุมเพียงหลุมเดียว บนถนน จริงๆ เราก็ควรจะได้รับการคุ้มครองสิทธิแล้ว

เพราะมันเกิดอันตรายได้อย่างแน่นอน

คนไทยมักทำเหมือนกับเป็นเรื่องธรรมดาซะอย่างนั้นล่ะค่ะ

..

ฟังพี่เชนเล่า แล้วมันน่าเสียใจนะคะ ที่เราอุตส่าห์ทำสัญญาณเตือนแล้ว

แต่กลับไม่ค่อยมีคนเชื่อ แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นต่อหน้าต่อตา...

...

แต่เก็ดถวามานึกๆ ดู หรือเขาจะคิดว่าสัญญาณที่เราทำ เป็นด่านของตำรวจที่เรียกตรวจ

หรือ.. คิดว่าจอดรถแล้วเราจะปล้น หรือ ฯลฯ..

เก็ดถวาเป็นห่วงเรื่องนี้ เกิดคนที่เขาบาดเจ็บ เขาอ้างขึ้นมาว่าตกใจสัญญาณที่เราทำ

แบบนี้เราจะมีความผิดหรือเปล่าอ่ะคะ..

ซึ่งนี่อาจเป็นอีกเรื่องที่ทำให้คนที่อยากเป็นพลเมืองดี กลัวที่จะทำดี แหะๆๆ