ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 18:33
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สโมสรริมน้ำ  |  เรื่องเล่าจากคลองบางหลวง * ดับเบิ้ลสแตนดาร์ดจักรพรรดิกับบุเรนองกะยอดินนรธา* 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เรื่องเล่าจากคลองบางหลวง * ดับเบิ้ลสแตนดาร์ดจักรพรรดิกับบุเรนองกะยอดินนรธา*  (อ่าน 2084 ครั้ง)
ปฐม
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 398



« เมื่อ: 10-05-2006, 06:47 »

คติความเชื่อเรื่อง  พระเจ้าจักรพรรดิ  นั้น  มีในทั้งคติพุทธและพราหมณ์  คติทางโลกและทางธรรม  นัยว่า  คนที่จะมาเป็นพระจักรพรรดิได้ต้องสะสมบารมีมาอย่างหนักจนปรากฏว่า  มีลักษณะ 32 ประการ (อาจจะขาดบางอย่าง  แตกต่างกับพระพุทธเจ้าซึ่งต้องครบ)  และยังมีข้อปลีกย่อยไปอีกเช่น  มี  นางแก้ว  ขุนคลังแก้ว  ช้างแก้ว  ม้าแก้ว  (แต่แก้วเหล้า...ไม่เกี่ยว)
          และยังมีข้อย่อยแบ่งไปอีก  เช่น  มีอานุภาพแผ่ไพศาลไปจนชนมหาสมุทรทั้ง 4 (กินหมดโลกว่ากันง่าย ๆ )  แต่ในคติทางโลกก็แบ่งเป็นอีกในแต่ละประเภทของ  พระเจ้าจักรพรรดิ  มีสี่อย่างเป็นสำคัญ  ซึ่งผมจำได้อย่างเดียวคือ  "พลจักรวาทิน"  จักรพรรดิที่ชนะได้ในการรบ

          จักรพรรดิในยุคแรก ๆ ของโลกเรานั้น  มีสองพระองค์คือ  จิ๋นซีฮ่องเต้และก็พระเจ้าอเล็กซานเดอร์  (แต่ดูจากประวัติแล้วผมเห็นว่าไม่น่าเติมคำว่ามหาราชต่อท้าย)  ในความเชื่อทางพุทธกับสิ่งที่เห็นมันค้านกับสิ่งที่เห็น
          พระเจ้าจักรพรรดิ  สามารถยึดครองโดยไม่ต้องรบและเมื่อเวลาต้องการดินแดนใดเพียงแต่ผินหน้าไปแล้วล้อธรรมจักรจะหมุนนำหน้าเมื่อไปถึงดินแดนนั้น ๆ พระเจ้าแผ่นดินนั้น ๆ จะยกดินแดนให้โดยดุษฏี  ดังนั้น 2 องค์ดังกล่าวจึงไม่ใช่  พระเจ้าจักรพรรดิ  อย่างแท้จริง  เป็นเพียง  พลจักรวาทิน  หรือราชาธิราช  เท่านั้น

          ผมจะชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่ต้องควรรู้ของพระเจ้าจักรพรรดิเป็นพอสังเขป  เพื่อจะง่ายต่อการเล่าเรื่องต่อไป
          ช่วงนี้ผมต้องศึกษาประวัติศาสตร์ของพม่าเป็นอย่างหนักเนื่องจากมีความจำเป็นบางอย่างทางการงาน  (ห้ามเข้าใจว่าผมจะไปแก้แค้นแทนชาวบ้านบางระจันเป็นอันขาด)  ผมถูกบังคับให้อ่านประวัติศาสตร์พม่า  ในรูปแบบวิทยานิพนธ์  บทวิจารณ์  และ  พงศาวดารนานาฉบับ  และบางครั้งก็ต้องค้นจากข้อมูลของคนไทย  ในกรณีที่มีการพาดพิงถึงกัน  (โดยจำเป็น)

          ในหลายฉบับ ๆ ผมพบว่า  ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้นั้นมีความเชื่อในเรื่อง  พระเจ้าจักรพรรดิ  เป็นอย่างยิ่งแต่ประเทศที่จะมีอำนาจทำให้เป็นไปได้นั้นปรากฏว่ามีเพียง  2  ประเทศคือ  พม่าและไทย  ซึ่งจะมาในรูปแบบของคำว่า  "ผู้ชนะสิบทิศ"  หรือถ้าเป็นคำพูดก็จะมาในเชิง  "ขอให้พระราชอำนาจของพระองค์แผ่ไปในทิศทั้งสิบ"  หรือ  "ให้อำนาจของพระองค์ทรงแผ่ไปในทศทิศ"

          ดังนั้น  คำว่า  ทั้งสิบทิศ  หรือ  ชนะสิบทิศ  นั้น  จึงเป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งของการก้าวไปเป็นพระเจ้าจักรพรรดิอย่างปฏิเสธไม่ได้  แต่ในคตินี้ก็มีข้อแม้ว่า  พระจักรพรรดิ  นั้นต้องเป็น  พุทธราชา  ควบคู่ไปด้วย  (ยุ่งนะครับ  อยากจะเป็นอะไรทั้งทีทำไมต้องวุ่นวายขนาดนี้)  พุทธราชา  คือ  ราชาที่นับถือศาสนาพุทธและพุทธมามกะ
          ในพม่านั้น  ยกย่องออกนอกหน้าสององค์คือ  พระเจ้าอโนรธา  และ  พระเจ้าบุเรงนอง  พ่อปลวกน้อยกลอยใจ  (จะเด็จ  แปลว่า  ปลวก)  องค์แรกนั้นประวัติไม่แน่ชัดแต่ทางพม่านั้นก็ได้ให้การยกย่องเป็นอย่างมาก  แต่องค์หลังนั้นความนิยมทะลุปรอทแตก 
          ประวัติศาสตร์ของชาติพม่านั้นแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ  ต่อว่าได้แม้พวกเดียวกัน  ดังนั้นจะไม่แปลกใจอะไรเลยถ้าอ่านเล่มนึงชมคนนี้แต่อีกเล่มหนึ่งด่าเสีย ๆ หาย ๆ อาจเป็นเพราะประเทศพม่า  มาจากคนหลายกลุ่มหลายเผ่าไม่ยอมรับกันเอง  แต่ทุกฉบับจะพูดถึง  บาเยงนอง  ผู้นี้ไปในทางเดียวกันหมดคือเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ใด ๆ ที่พม่าเคยมี...  นับว่าไม่ธรรมดา

          ในประวัติศาสตร์ต่าง ๆ นั้นต่างยกย่องพระเจ้าบุเรงนองด้วยสมัญญานามต่าง ๆ   ไม่ว่าจะเป็น  ตะละพะเนียเธอเจาะ  .  เชงดอโย  หรืออะไรก็แล้วแต่  (จริง ๆ ฉายาเหล่านี้มีต่าง ๆ กันไป  แต่บังเอิญว่า  ผมเกิดมาเป็นคนไทยและมีใบหน้าหล่อเหลาเลยขออนุญาติที่จะแปลความหมายเล่านั้นมาให้ท่านอ่านโดยขอข้าม  สมัญญานามภาษาพม่า)  ซึ่งมี  พระเจ้าช้างเผือก  ,  ผู้ชนะสิบทิศ  ,  บรมไตรจักร  และที่ขาดไม่ได้คือ  พระเจ้าจักรพรรดิแห่งตองอู

          อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่า  พระเจ้าจักรพรรดิ  นั้นเป็นอะไรที่ยุ่งอย่างมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ต้องผนวกเข้าด้วยกัน  ซึ่งพระองค์เองก็คงจะทราบดีในจุดนี้จึงพยายามขับภาพ  พุทธราชา  ออกมาให้โดดเด่น  ด้วยการทำนุบำรุงพระศาสนาอย่างหนักหน่วง  พระองค์ได้บูรณะวัดวาอารามต่าง ๆ โดยไม่จำกัดว่าวัดเหล่านั้นจะอยู่ในเขตของชนชาติใดซึ่งผิดแผกจากกษัตริย์พม่าในยุคก่อนและหลัง  ซึ่งกษัตริย์เหล่านั้นส่วนใหญ่ถ้าเข้าเมืองไหนได้จะเผายกเมือง
          ในประวัติศาสตร์ไทยเองก็กล่าวชม  บุเรงนองกะยอดินนรธา  มิใช่น้อย  แม้ตอนรบกับไทย  บุเรงนอง  ก็โชว์ความเป็น  พุทธราชา  ของตัวเองออกมาด้วยการสร้าง  เจดีย์ที่ทุ่งมะขามย่อง (หรือ ลุมพลี หว่า)  ซึ่งปรากฏเป็น  เจดีย์ภูเขาทองตราบจนบัดนี้  ไม่เพียงแต่เท่านี้พระองค์ทรงยังมีศรัทธาต่อ  พระมหามุนี  ที่เมืองยะไข่เป็นอย่างมาก  ด้วยการถวายจีวรทองและเครื่องไทยธรรมนานาชนิดแต่ละชนิดล้วนแต่มีค่า

          และที่สำคัญที่สุดคือ  พระองค์ได้ถวายเทวรูปสัมฤทธิ์  12  องค์  หรือที่เรียกกันในภายหลังว่า  เทวรูป 12 นักษัตรเอาไว้ด้วยซึ่งเทวรูปนี้ในปัจจุบันก็เป็นที่นับถือมาก ๆ เขาเชื่อกันว่าเป็นเทวรูปที่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยได้เพียงแต่ลูบไปที่ส่วนต่าง ๆ ของ เทวรูปแต่ละองค์
          นับว่าเป็นเรื่องที่ดี  แต่ตรงนี้ครับคือ  ดับเบิ้ลสแตนดาร์ดของ  พุทธราชา  เพราะเทวรูปทั้ง  12  องค์นั้น  บุเรงนองเอามาจากเมืองไทยในคราวยกทัพมาตี  ท่านเอาเทวรูปเหล่านั้นกลับไปดื้อ ๆ โดยมิได้ขออนุญาติใคร
          ควรเรียกว่าเป็น  การปล้น  ดีหรือไม่ครับพ่อแม่พี่น้อง  ผมเคยได้ยินว่า  การถือเอาสมบัติของผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาตินั้นแม้เพียงมาสกเดียวนับว่าผิดศีล  แต่ถ้าเป็นพระก็เอา  ปาราชิก  ไปเบาะ ๆ
          นี่ยังไม่นับ  ข้อหา  ปาณาติบาต  ที่ต้องไปรับในชาติหน้าอีก  ที่ผมยัดเยียดข้อหาให้องค์บุเรงนองอย่างนี้เพราะเชื่อว่า  ท่านคงไม่ได้พกนุ่นมาทำศึกในการทำสงครามและเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเวลาที่ท่านโรมรันท่านคงไม่ได้เอานุ่นตีอริราชของท่านเป็นแน่แท้

          สงครามต้องมีคนตาย...  ดังนี้แล้วยังจะสรรหาข้อแก้ตัวอันใด

          เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว  จักรพรรดิ  ในความหมายที่มีคงเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันเพราะตั้งแต่ศึกษาและอ่านมายังไม่พบอย่างแท้จริง  (ผมตัดข้อจำกัดต่าง ๆ ออก  ตรงนี้พูดเรื่องคติพุทธล้วน ๆ )  แม้แต่  พุทธราชา  ก็หายากถึงไม่มีเลย

          มันเป็นความดับเบิ้ลสแตนดาร์ดของคนสมัยโบราณ  ซึ่งไม่ต่างจากนักการเมืองสมัยนี้ที่หาข้ออ้างที่ดีให้กับตน  การอ้างว่าฆ่าคนเพื่อแผ่อำนาจของความเป็นกษัตริย์ออกไปนั้นถูกต้องในโบราณสมัย  แต่ยังไม่เห็นว่า....  ชอบอย่างไรที่จะยกย่องผู้ฆ่า  ว่า  เป็น  พุทธราชา  หรือ  พระเจ้าจักรพรรดิ
         
          ใครมีข้อมูลช่วยผมคิดทีครับ  คิดมาเกือบเดือนแล้วยังคิดไม่ตกเลย  ให้ตายสิ
บันทึกการเข้า

ถ้าจะอยู่  ก็ขออยู่อย่าง  เย้ยฟ้าท้าดิน
istyle
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 853



« ตอบ #1 เมื่อ: 10-05-2006, 06:57 »

32ประการที่ว่านี่ เค้าเรียกของมหาบุรุษรึเปล่าครับ

หึหึหึ คนชนะย่อมไม่ผิด จะให้เขียนประวัติศาสตร์ยังไงก็ได้ เอ็งมาเขียนด่าข้า เดี๋ยวเจอดีหรอก

เอ ว่าแต่ว่า มีการยกย่องให้เป็นพุทธราชาด้วยเหรอครับ ไม่ค่อยได้ยินเลยเนาะ ได้ยินแต่จักรพรรดิ
บันทึกการเข้า
ปฐม
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 398



« ตอบ #2 เมื่อ: 10-05-2006, 07:06 »

มีครับ....  เช่นในสมัยนี้เขาจะใช้เป็นว่า  "ทรงประกาศองค์เป็น พุทธมามกะ  และ  ศาสนูปถัมภก"  เป็นในเชิงนี้ครับ  คำนี้จะเด่นชัดในพม่า  และ  ลักษณะ 32 ประการนั้น  เรียกให้ตรงตามศัพท์คือ  มหาปุริศลักษณะ  32  (เขียนผิด...ขออภัย  บังเอิญที่บ้านใช้แต่ภาษาฝรั่งเศส  สเปน  อังกฤษ  อิตาลี  ส่วนภาษาไทยนั้นไม่ค่อยแตกฉาน)
         
          มีลักษณะอันหนึ่งผมชอบมาก  คือ  ต้องมีองคชาตเร้นอยู่ในฝักเหมือนของช้างและมีสีเหมือนทองคำหรือเม็ดในปทุม 
         
          ถ้าผู้หญิงเข้ามาอ่านโปรดจินตนาการภาพตามใจนึก  แต่ถ้าเป็นเด็กโปรดใช้วิจารญาณและควรมีผู้ปกครองอยู่ข้าง ๆ
บันทึกการเข้า

ถ้าจะอยู่  ก็ขออยู่อย่าง  เย้ยฟ้าท้าดิน
เสลา
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 514



« ตอบ #3 เมื่อ: 12-05-2006, 14:14 »

คุณปฐม ว่างๆเอาเรื่องผู้ชนะสิบทิศมาคุยบ้างสิ
จับเอาเรื่องรักของจะเด็ดมาพูดก็สนุกดีนะ
ป้าเสลาจะรออ่าน  Very Happy
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2006, 15:52 โดย เสลา » บันทึกการเข้า

เชือกว่าว
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 171



« ตอบ #4 เมื่อ: 12-05-2006, 15:11 »

สวัสดีครับพี่ปฐม ไม่ได้พบกันนาน

 ผมไม่ค่อยมีข้อมูลเลยครับ เห็นด้วยกับพี่ ฆ่าคนเป็นเบือ
 แต่ได้เป็นจักรพรรดิ ผมคิดว่าที่ได้นามนี้ คนเชลียร์ที่ใกล้
 ชิดคงเอ่ยขึ้นมาและมีลูกคู่ช่วยเสริมก็เลยได้มา
    ส่วนเรื่องผิดศีลห้าเรื่อง ฆ่าคน ก็คงทำเป็นลืมๆกันไป
    เพราะบ้านเมืองสงบสุข ไม่มีใครตอแยมาก
    เพราะถ้าคิดมากกันขึ้นมา อาจต้องมีสมัญญานามใหม่
    เป็น "องคุลีมารุ บุเรงนอง มหาจักรพรรดิ์"

  เป็นความเห็นของผมนะครับ.....
บันทึกการเข้า

เชือกว่าว
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 13-05-2006, 19:08 »

แล้ว นโปเลียน ถือว่าเป็นจักรพรรดิด้วยหรือเปล่าครับ!
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 13-05-2006, 21:09 »

คนเรามักไม่สนใจคุณธรรมหรือศีลธรรมสำหรับการกระทำที่ทำให้ตนเองได้ประโยชน์
ยิ่งได้ประโยชน์มากเท่าไหร่ คุณธรรมศีลธรรมยิ่งถูกคำนึงถึงน้อยเท่านั้น
สัจธรรมนี้ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  Cool
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #7 เมื่อ: 14-05-2006, 03:52 »

อยากเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เป็นคนเหนือคน บ้าอำนาจจาการยุยงส่งเสริมของพวกขันที
และพวกลิ่วล้อ มีให้เห็นอยู่ทุกยุคทุกสมัย
มนุษย์บางจำพวก ยังมีความต้องการที่จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ยอมฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
ไม่ต้องไปมองคนอื่นไกล ดูหน้าเหลี่ยมเป็นตัวอย่างก็แล้วกัน
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
หน้า: [1]
    กระโดดไป: