บทความเมื่อเดือนกันยายน 2550 ครับ ตอนนั้นคุณสมัครยังเป็นแค่ "ว่าที่" หัวหน้าพรรคพลังประชาชน
แต่ตอนนี้คุณสมัครเป็นถึงนายกรัฐมนตรีเต็มตัวแล้ว
ถ้าเกิดเหตุการณ์หมิ่นเหม่ขึ้นในอินเตอร์เน็ตอีก ควรดูว่าคุณสมัครจะทำอย่างไร -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อุปโลกน์ตัวเองเป็น พระยาพิชัย ทหารคู่ใจพระเจ้าตาก...เหิมพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินhttp://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000107872โดย "เซี่ยงเส้าหลง" และทีมข่าวการเมือง 12 กันยายน 2550 18:57 น.
ก่อนจะเข้าสู่เรื่องใหญ่ หากไม่แตะข่าวใหญ่ว่าด้วยโผทหารเลยก็กลัวไม่ทันสมัย ..ถึงนาทีนี้แม้จะมี “ข่าวหลุดแบบจงใจ” บังเอิญทำปืนลั่น-ส่งข้ามมาจากเวียดนามเมื่อค่ำของวันที่ 11 กันยายน ยืนยันตำแหน่ง ผบ.ทบ.คนใหม่ แบบให้รายละเอียดครบทุกเม็ด
แถมพกด้วย โผโยกย้ายตำแหน่งสำคัญอื่น ๆ ของ กองทัพภาค 1-4 ซึ่งจะมีผล กดดันพอสมควรต่อกระบวนการพิจารณา ในชั้นสูงขึ้น
แต่ที่สุดแล้วขอให้รอ พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารรับราชการ เป็นสำคัญ – หากยังไม่ทรงโปรดฯลงมา ก็ไม่ควรเชื่อ
ใครทั้งสิ้น เพราะนี่เป็นแค่ขั้นตอนหนึ่งของกระบวนการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารรับราชการสนองเบื้องพระยุคลบาท ที่ยังต้องผ่านชั้น
พิจารณาของ รมว.กลาโหม-นายกรัฐมนตรี ผ่านต่อไปยัง สำนักราชเลขาธิการ และ ชั้นกลั่นกรอง ก่อนจะทูลเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธย....
อันเป็นแบบแผนที่สืบปฏิบัติมา
และต้องย้ำให้เข้าใจกันอีกรอบว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยไม่ว่าฉบับใดหรือฉบับที่ใช้อยู่ปัจจุบัน กำหนดว่า
พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย (มาตรา10) ที่นายทหารทุกหมู่เหล่าทราบทั่วกันว่า กองทัพ-ตำแหน่ง
ผู้บัญชาการเหล่าทัพ นั้น เป็นส่วนหนึ่งของ ความมั่นคงแห่ง ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ ที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้
....................................
ไม่ว่าจะเป็น พลเอกท่านใด ที่ขึ้นมากุมบังเหียนกองทัพ นับจาก 1 ตุลาคม 2550 เป็นต้นไป ย่อมจะต้องเผชิญปัญหากดดันที่รุมล้อม
อยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แนวโน้มการเมืองหลังเลือกตั้ง ซึ่งตั้งอยู่บน วัฒนธรรมการเมืองใหม่ และ บรรยากาศต่อสู้ทางอุดมการณ์ 2 ขั้ว
แนวโน้มการเมืองไม่มั่นคง แถมด้วย ปัญหาเศรษฐกิจ และสังคมไทยภายใต้กระแสโลก..ฯลฯ.. ที่หนักหนาพอสมควร ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็น
ส่วนหนึ่งของ ปัญหาความมั่นคง ทั้งสิ้น
ที่ร้ายกว่านั้น การเมืองไทยนับจากปี 2544 เป็นต้นมา ได้เริ่มมีการก่อรูปของ แนวร่วมอุดมการณ์ใหม่ – ยึดถือ ประชาธิปไตยเฉย ๆ
ปฏิเสธระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ที่ระยะ 1 ปีมานี้ เหิมเกริม เคลื่อนไหว แสดงออกต่อสาธารณะอย่างเปิดเผย
ระดับที่มีการเผยแพร่ เอกสาร-ใบปลิว ที่บิดเบือน จ้องทำลายสถาบันฯ ไปทั่วพื้นที่อีสาน-เหนือ ก่อนการลงประชามติ
การเปิดโปงขบวนการนี้ของ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ผ่านรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึง เครือข่ายโจมตี-
จาบจ้วง-ให้ร้าย ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ปรากฏผ่านสื่ออินเตอร์เน็ต และส่วนใหญ่ปรากฏอยู่ในเครือสื่อคนรักแม้ว อย่างโจ่งครึ่ม
และล่าสุดก่อนปิดต้นฉบับเที่ยงพุธ 12 ก.ย. ก็ยังไม่เห็นมีใครใส่ใจเข้าไปจัดการ เว็บไซต์ เหล่านี้
..............................
ขอเท้าความกลับไปช่วงกลางปี หากยังจำได้ มีกลุ่มคนคณะหนึ่งเรียกตนว่า พิราบขาว 2006 ที่มักจะสวมเสื้อแดง สกรีนข้อความด้านหลัง
อ้างตนเป็นลูกหลานพระเจ้าตาก ... จะกู้ชาติ ทวงคืนอะไรต่อมิอะไรปรากฏกายประท้วง คมช. ทั้งในกรุงฯและต่างจังหวัด และหากย้อนความ
ทรงจำลงไปอีกครั้งที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ยังมีอำนาจอยู่ ได้มีนักสอพลอมืออาชีพ พยายามยกยอปอปั้นผู้เป็นนาย-เปรียบเทียบคำ Thaksin
ให้มีความหมายเป็นคำเดียวกับคำว่า ตากสิน อย่างจงใจ ... จึงไม่แปลกใดเลยที่ต่อมาได้มีกลุ่มคนรักทักษิณบางจำพวก ถือดี อวดอ้าง
อุปโลกน์ตนเองเป็นลูกหลานพระเจ้าตาก สกรีนเสื้อทวงแผ่นดินให้กับ Thaksin อย่างเปิดเผย ไม่เพียงเท่านั้น ใบปลิวบางชุดช่วงประชามติ
ยังจงใจจาบจ้วงให้ร้าย ราชวงศ์ โดยตรง หากแต่การตรวจยึดบางครั้งหลีกเลี่ยงจะนำมารวมกับสำนวนสอบสวน เป็นหลักฐานภายในของ
ฝ่ายความมั่นคงเท่านั้น
...................................
เว็บบล็อกหนึ่ง ที่ตั้งชื่อแสดงอุดมการณ์ว่า กิโยติน ... (ขอปกปิดชื่อเต็ม) เผยแพร่ เอกสารให้ร้ายราชวงศ์นับแต่ครั้งก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์
ด้วยการนำเสนอ พงศาวดารกระซิบ ฉบับที่สวมแว่นดำมองด้านเดียว.....ข้อมูลประวัติศาสตร์เหล่านี้ นักประวัติศาสตร์รู้กันมาก่อนนานแล้ว
หรือแม้แต่นักประวัติศาสตร์สมัครเล่นที่สนใจอ่านหนังสือในกลุ่ม ศิลปวัฒนธรรม..ต่างก็รับรู้ผ่านตามาบ้าง..ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่อันใดเลย...
หากแต่เวอร์ชั่นพิสดารของขบวนการนี้ ใช้กลวิธีเทคนิคทางวิชาการ ตัดแปะ-อ้างอิง เอามุมเดียวเข้าว่า เอาสีข้างเข้าถู
แต่ดูแล้วน่าเชื่อ...ซึ่งกลวิธีแบบนี้แหละเป็นสิ่งอันตรายที่สุด ในแนวรบโฆษณาชวนเชื่อ
นอกจากนั้นยังมีการ ให้ดาวน์โหลด หนังสือต้องห้าม The King never smile พากษ์ไทย ที่แสดงให้เห็นภูมิปัญญาบ้องตื้นของคนแปล..
ที่แม้จะดีหน่อยที่มีความสามารถอ่านภาษาอังกฤษออกบ้าง แต่สำนวนที่แปลออกมาบ่งบอกว่า เป็นผู้ขาดความรู้ความเข้าใจในสังคม
และประวัติศาสตร์ไทยอย่างสิ้นเชิง (น่าจะสอบผ่านวิชาภาษาอังกฤษวิชาเดียว)
จึงไม่น่าแปลกที่คนที่ผ่านการศึกษาระดับนี้จะ ไหลไปตามการชี้นำของฝรั่งต่างชาติ ตามลัทธิบูชาฝรั่ง... ซึ่งที่แท้แล้วก่อนฝรั่งคนดังกล่าว
จะลงมือเขียน -ก็ต้องมาค้นเอกสารไทย และฟังขี้ปากของคนไทยมาชั้นหนึ่งก่อน
ยกตัวอย่างทุเรศ ๆ ของ เอกสารพวกหัวก้าวหน้า ที่นึกทึกทักเอาเองว่าตนรู้ซึ้งสังคมไทยประจักษ์แจ้ง... ปรีดี (พนมยงค์) ..เขียนเป็น
ปรีดีย์ ..... ที่หนักกว่านั้น พระยาศรีวิศาลวาจา ก็ทะลึ่งเขียนอวดภูมิเป็น ศรีวิสาสน์ เวชา... สักแค่แปลให้อ่านออกจริง ๆ
หากเป็นเช่นนี้ ความน่ากลัวของพวกอุดมการณ์ใหม่สายหนึ่ง จึงอยู่ที่ “ความไม่รู้” ขาดพื้นฐานความเข้าใจในประวัติศาสตร์-สังคม-
วัฒนธรรมพื้นฐานของไทย แต่บังเอิญที่ไปพบ “ชุดข้อมูล” ที่ดูแล้วน่าเชื่อ ตามลัทธิบูชาฝรั่ง แล้วก็หลงใหลไป .. ไม่นับรวมอีกส่วนที่เติบโต
มาจากลัทธิอุดมการณ์สังคมนิยม ผู้เคยเข้าป่าและออกมาร่วมอุดมการณ์ ธนาธิปไตย ซึ่งเคยอรรถาธิบายไปหลายรอบแล้วในคอลัมน์นี้
..............................
การเผยแพร่เอกสารเหล่านี้ ดำเนินการโดยกลุ่มผู้ที่ทึกทักตัวว่า เป็นลูกหลาน-ไพร่พล พระเจ้าตาก ..เช่น มีผู้ตั้งชื่อตนเองว่า พระยาพิชัย
โลดแล่นในเว็บไซต์คนรักแม้วหลายแห่งโดยเฉพาะในเว็บบอร์ดของ สำนักข่าวนอกกระแส แห่งหนึ่ง โดยมีพลพรรคร่วมอุดมการณ์ คอยรับ-ส่งลูก
เขียนข้อความฉวัดเฉวียน เฉี่ยวไปมาแสดงตนท้าทายเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันที่ควรเคารพฯ
อันนาม พระยาพิชัย ที่มีผู้อุปโลกน์ตนนั้น ตรงกับ พระยาพิชัยดาบหัก นายทหารคู่ใจพระเจ้าตากสิน ที่ มีการรังสรรค์เรื่องราว
ให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางเพื่อปลุกใจประชาชนในช่วง ลัทธิชาตินิยม ยุค หลวงวิจิตรวาทการ-จอมพล ป.พิบูลสงคราม ... แต่สำหรับ
พระยาพิชัย เวอร์ชั่นอินเตอร์เน็ต กลับมีพฤติกรรมเป็นไพร่รบของ Thaksin แสดงตนเป็นปฏิปักษ์กับราชวงศ์ปัจจุบัน .. และเป็น Thaksin
ที่ลิ่วล้อบางจำพวกกำลังแต่งเรื่องสร้างนิยายเผยแพร่ในสังคมไทย ให้เป็นผู้กลับชาติ-กู้เมือง ดูลึกลับย้อนยุคไม่แพ้ นวนิยาย ทวิภพของ
ทมยันตี เลยทีเดียว
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเวลานี้ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น มีผู้หลักผู้ใหญ่จำนวนมาก รวมทั้งยามใหญ่ - สนธิ ลิ้มทองกุล
ที่ออกมาเตือนก่อนหน้านี้หลายรอบว่า สังคมไทยกำลังเผชิญกับ กลุ่มอุดมการณ์ที่คิดล้มล้าง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์
เป็นประมุข – ก่อนหน้านี้หลายคนไม่เชื่อ มองด้วยสายตาระแวงว่า เป็นเกมโยนบาปให้ฝ่ายตรงกันข้าม ก็ขอให้พินิจพิเคราะห์ดู
หลักฐาน-การก่อเกิดขึ้นจริง-สามารถจับต้องได้ทั่วไปในเวลานี้เถิด
.............................
ยังไงก็ต้องยอมรับว่า สมัคร สุนทรเวช นั้นเป็น Royalist เต็มตัว ไม่มีใครสงสัยเรื่องความจงรักภักดีเลย หากแต่ สมัคร สุนทรเวช
ในฐานะว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชาชน คนใหม่ ไม่ควรนอนใจ วางเฉย ควรจะให้ทีมงานลงรายละเอียด ตรวจสอบ กลุ่มผู้สนับสนุน
กลุ่มมวลชน และการดำเนินการเกี่ยวข้องให้ใกล้ชิดขึ้น จะได้รู้ว่า ใครเป็นใคร และ อะไรเป็นอะไร – นี่เป็นข้อความที่ส่งไป
ด้วยความหวังดี..อย่าได้คิดทางอื่นเลย.