ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
28-03-2024, 16:09
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เมื่อสยามประเทศต้องถึงคราวแตกสลาย! 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เมื่อสยามประเทศต้องถึงคราวแตกสลาย!  (อ่าน 1104 ครั้ง)
Nharahs
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 33


« เมื่อ: 16-09-2007, 22:03 »


     ความผิดพลาดของการเมือง เพียงชั่วอายุคน ก็สามารถทำลายความเข้มแข็งความเจริญรุ่งเรืองให้
ตกตํ่าลงถึงขีดสุด สะท้อนจากปัญหาในทุกๆ มิิติของสังคมไทย คนไทยไม่ีมีสิทธิในที่ทำกิน ไม่ได้เป็น
เจ้าของทรัพยากรของชาติ (การปิโตรเลียม บ่อก๊าซในอ่าวไทย 5 หลุมเป็นสัมปทานของยูโนแคลผูกขาด
ชั่วโครต) สถาบันการศึกษากำลังนำออกนอกระบบ รวมถึงโรงพยาบาลจุฬา ร.พ.รามา ร.พ.ศิิริราช สังคม
และวัฒนธรรมเสื่อมลงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมี ดร.เต็มบ้านเต็มเมือง คนจบ
ปริญญาโทเดินชนกันหางาน มันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศเราที่ครั้งหนึ่งในภูมิภาคนี้เราเป็นชาติที่เจริญกว่า
ประเทศอื่นเขา มาเลเซียเพิ่งได้รับเอกราชมาเพียง 50ปี กลับรุดหน้ากว่า เวียดนามเพิ่งฟื้นตัวจากสงคราม
ไม่ถึง 40ปี กลับกลายเป็นคู่แข่งกับเรา เราเป็นชาติเอกราชมาโดยตลอด ภูมิใจกันนักหนาว่าเป็นชาติ
ประชาธิปไตย เชิดชูคณะราษฎร์ว่าเป็นผู้สถาปนาระบอบ ละทิ้งพระบรมราโชบายการสร้างประเทศแล้วเอา
กฎหมายที่พวกตนไปเรียนมากดหัวคนไทยให้อยู่ในรั้วที่พวกเขาตีกรอบกันขึ้นมา ภายใต้ความ
เชื่อที่ว่า รัฐธรรมนูญคือประชาธิปไตย หลอกแม้กระทั่งว่า อนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญเป็นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
การเลือกตั้งคือประชาธิปไตย แล้วบ้านเมืองก็เดินถอยหลังมาตลอดเวลา 75 ปีของการปกครองที่เป็น
"ประชาธิปไตยแต่ในรัฐธรรมนูญ"

        รัฐธรรมนูญคือกฎหมายที่มีหน้าที่รักษาระบอบประชาธิปไตย ไม่ให้ใครมาทำลายหรือละเมิดต่อ
อำนาจอธิปไตยของคนในชาติ แต่ทว่าประเทศเรานั้นการปกครองยังไม่เป็นประชาธิปไตย แล้วตัว
รัฐธรรมนูญจะมารักษาอะไรล่ะครับ ตัวมันเองยังเอาตัวไม่รอด ถูกฉีกเป็นว่าเล่น เพราะรัฐธรรมูญเขียนใน
สิ่งที่มันยังไม่เกิดขึ้นจริง คนไทยยังไม่มีสิทธิ ยังไม่มีความเสมอภาคในสังคม ไม่มีเสรีภาพในการทำมาหากิน
คิดค้าขายหรือครับ โน่น ไปแข่งกับห้างใหญ่ แค่คิดก็หมดสิทธิ์แล้วครับ กลายเป็นว่ากฎหมายแม่บทย้อน
กลับมาทำลายระบอบประชาธิปไตยเสียเอง พรบ.ทุนวิสาหกิจนั่นแหละครับตัวดี ที่ทำลายสิทธิเสรีภาพใน
การประกอบ อาชีพของคนที่เป็นเจ้าของประเทศ

         ระบอบคือบ้านครับ รัฐธรรมนูญคือรั้วที่คอยรักษาบ้าน แต่นี่เล่นคิดกันแต่จะสร้างรั้วกันลูกเดียว ไม่
เคยคิดจะสร้างบ้าน ก็ไปรํ่าเรียนเมืองนอกกันมา เห็นบ้านเมืองเขาเจริญ บ้านเขาน่าอยู่ รั้วเขาสวย (คงเป็น
รั้วที่พระราชวังแวซายร์) พี่แกก็เล่นก๊อปปี้รั้วเขามาทั้งแผง เอามาล้อมบ้านที่ยังไม่ได้สร้าง มีแค่เสาโด่เด่
ขณะที่บ้านกำลังจะพัง คนเดือดร้อนทุกข์กันทั่ว พีแกก็ยังสร้างรั้วกันอีก นี่แหละครับ สาเหตุที่ประเทศ
สยามถึงคราวล่มจม
บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #1 เมื่อ: 17-09-2007, 10:04 »

ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยในแนวทางของตะวันตก และระบบทุนนิยมสามานย์แบบตะวันตก เข้ามามีอิทธิพลในการกำหนดแนวทางของประเทศไทย ทั้งสองนี้กำลังจะล่มสลายทั้งคู่ เพราะมันขัดกับธรรมชาติความเป็นจริง

ครั้งหนึ่งประเทศไทยของเราเคยเจริญกว่าอีกหลายประเทศในภูมิภาคนี้ เป็นเพราะเรามีดอกเตอร์และคนจบปริญญาโทน้อย การมีผู้เรียนจบการศึกษาในแนวทางของตะวันตกมาก เป็นอัตราส่วนโดยตรงกับความพินาศของสังคมและเศรษฐกิจ ประเทศที่มีผู้จบการศึกษาในแนวทางของตะวันตกมาก จะเสื่อมลงมากในอัตราเดียวกัน เพราะแนวทางการศึกษาของตะวันตก ตั้งอยู่บนรากฐานของการหลอกลวงตนเอง ตั้งอยู่บนสมมุติฐานของผู้ที่ไม่รู้จริงแต่มีปริญญาหรือดีกรีสูงๆน้ำหน้าและต่อท้ายชื่อ

การย้อนกลับเข้าสู่ธรรมชาติ การย้อนกลับเข้าสู่เศรษฐกิจแบบพอเพียง เป็นหนทางรอดเดียวของมนุษย์ในอนาคต สุดท้ายแล้ว ระบบการศึกษาของโลกจะต้องเปลี่ยนไป การดำรงชีวิตจะต้องเปลี่ยนไป ทัศนคติจะต้องเปลี่ยนไป มนุษย์จะต้องศึกษาการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ไม่เอาชนะธรรมชาติ เมื่ออยู่ร่วมกับธรรมชาติได้ การอยู่ร่วมกับมนุษย์ด้วยกันก็ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบประชาธิปไตยแบบตะวันตก ไม่ต้องมาวุ่นวายกับเรื่องรัฐธรรมนูญ ไม่ต้องไปกังวลว่าใครเขาจะแซงหน้า

เชื่อพ่อ แล้วสยามประเทศจะอยู่รอด 
บันทึกการเข้า
meriwa
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,100



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 17-09-2007, 10:32 »

ผมว่าพวกจบ ดร. จากเมืองนอกเมืองนา นี่รู้ดีไปหมดทุกอย่างละครับ

ยกเว้นเรื่องเดียว คือเรื่องของตัวเอง  พวกนี้เวลาจะพูดจะทำอะไร มักอ้างแต่ต่างประเทศ

แต่ไม่เคยมองดูภายในประเทศว่ามันเป็นอย่างไร  พวกที่พยายามจะแสดงว่าเข้าใจ แต่พอได้ยินได้ฟังแล้ว ข้อมูลส่วนใหญ่ก็มักอ้างอิงจากตำรา จากวิจัย ไม่เคยมีใครได้สัมผัสอย่างจริงจังสักคน
บันทึกการเข้า

ผู้ปกครองระดับธรรมดา   ใช้ความสามารถของตน    อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับกลาง       ใช้กำลังของคนอื่น             อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับสูง           ใช้ปัญญาของคนอื่น           อย่างเต็มที่

                                                                  ...คำคมขงเบ้ง
sensei
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 721



« ตอบ #3 เมื่อ: 17-09-2007, 12:06 »

เบื่อนักวิชาการจัง...

บ้านนี้เมืองนี้ต้องการนักปฏิบัติมากกว่านะครับตอนนี้ เอาแต่เห่าไม่ได้ประโยชน์กับประเทศ   
บันทึกการเข้า

Nharahs
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 33


« ตอบ #4 เมื่อ: 17-09-2007, 12:31 »

อยากจะบอกเพื่อนสามชิกที่อ่านข้อความของผมให้เข้าใจครับว่า
ผมไม่ใช่นักวิชาการ เรียนไม่จบปริญญา แต่ความเข้าใจในความเป็นคนไทย
สังคมวัฒนธรรมของไทย ผมเชื่อว่าไม่น้อยกว่าคนอื่นๆ ครับ
บันทึกการเข้า
มารุจัง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,761


@^____^@


« ตอบ #5 เมื่อ: 17-09-2007, 12:58 »

เพราะผู้ที่จบนอกทั้งหลาย
มักจะไปดูความเจริญของชาติอื่น แล้วก็ดูถูกชาติของตัวเอง
ไม่เคยที่จะนำมาปรับปรุง ประยุกต์ ให้เข้ากับเมืองไทย

คิดแต่ว่าของเค้าดี แล้วก็ทำตามอย่างเค้าเลย
เช่นกรณีเศรษฐกิจทุนนิยมเป็นต้น

โดยไม่คิดว่าบางสิ่งบางอย่างมันไม่เหมาะกับเมืองไทย
จนส่งผลมาถึงทุกวันนี้

ทำไมไม่ลองคิดทำตามผู้ที่ประเสริฐที่สุดในแผ่นดินนี้
รับรองเืมืองไทย ต้องไม่ด้อยไปกว่าใครเป็นแน่ 
บันทึกการเข้า


ประชาธิปไตย มิได้จบอยู่แค่การเลือกตั้ง
ปล.รูปจากเวบ ผจก.
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #6 เมื่อ: 17-09-2007, 14:08 »

ที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะทหารแหละครับ

ทำตัวลูกน้องมะกันสมัย สฤษฐิ์ ถนอม ประพาส

แล้วก็แย่สุดๆสมัยจอมพลป.

แล้วยิ่งสมัยขวาพิฆาตซ้ายของไอ้หมักยิ่งแย่ๆๆๆๆๆ
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
หน้า: [1]
    กระโดดไป: