ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
13-03-2025, 20:04
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส== 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] 2 3 4
==ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF เป็นผลงานคุณทักษิณ: จริงแท้แน่นอน OKติดแก๊ส==  (อ่าน 26827 ครั้ง)
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« เมื่อ: 15-09-2007, 21:34 »

ทักษิณ ชินวัตร ผู้มีผลงานชำระหนี้คืนไอเอ็มเอฟก่อนกำหนด

1. สาเหตุของวิกฤตการณ์จนต้องขอความช่วยเหลือจาก IMF
1.1 การเปิดเสรีภาคการเงินโดยขาดมาตรการรองรับและขาดการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ
1.2 การดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนที่ผิดพลาด
1.3 การแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินที่ไม่เด็ดขาด
1.4 การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับที่สูงมาก
1.5 การขาดเสถียรภาพและความเชื่อมั่นในรัฐบาลและการเมืองไทย
http://www.mof.go.th/fpobul/FFU001.htm


ตารางการเบิกจ่ายเงินกู้จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศจะต้องเบิกจ่ายเป็นงวด รวม 12 งวด โดยประมาณ ดังนี้
งวดที่ วันที่ จำนวนล้าน SDR เงื่อนไข
1 สิงหาคม 2540 1,200 วันที่คณะกรรมการบริหารกองทุนอนุมัติคำขอกู้
2 30 พ.ย. 2540 600 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2540 การประเมินครั้งที่ 1
3 28 ก.พ. 2541 200 ปฏิบัติการเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2540 การประเมินครั้งที่ 2
4 31 พ.ค. 2541 100 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2541 การประเมินครั้งที่ 3
5 31 ส.ค. 2541 100 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2541 การประเมินครั้งที่ 4
6 30 พ.ย. 2541 100 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ประจำเดือนกันยายน 2541 การประเมินครั้งที่ 5
7 28 ก.พ. 2542 100 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ประจำเดือนธันวาคม 2541 การประเมินครั้งที่ 6
8 31 พ.ค. 2542 100 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ประจำเดือนมีนาคม 2542
9 31 ส.ค. 2542 100 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ประจำเดือนมิถุนายน 2542 การประเมินครั้งที่ 7
10 30 พ.ย. 2542 100 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ประจำเดือนกันยายน 2542 
11 28 ก.พ. 2543 100 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ประจำเดือนธันวาคม 2542 การประเมินครั้งที่ 8
12 31 พ.ค. 2543 100 ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดทางการเงินการคลัง ประจำเดือนมีนาคม 2543
รวม 2,900

ทำไมรัฐบาลชวนถึงไม่สามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้
- เพราะเงินไม่พอและหมดวาระการบริหารเสียก่อน ประชาชนส่วนมากไม่เชื่อถือความสามารถว่าบริหารต่อไป
  จะทำอะไรดีๆ ได้ เลยเลือกพรรคไทยรักไทยซะถล่มทลาย ประชาธิปัตย์แพ้ราบคาบ และพรรคไทยรักไทย
  โดยการนำของ พตท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด
- สมัยชวนทำได้ดีที่สุดแค่ไม่เพิ่มหนี้ แต่ก็ไม่สามารถชำระหนี้ได้หมด

ถึงแม้ว่าภาระหนี้ภายใต้โครงการของ IMF จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2540-2542 แต่ภาระหนี้ดังกล่าวเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นนับตั้งแต่ปี 2543 สืบเนื่องจากการที่ประเทศไทยมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่องกันหลายปี ขณะที่การไหลออกสุทธิของเงินทุนต่างประเทศเริ่มชะลอตัวลง ส่งผลให้รายรับเข้าประเทศในรูปของเงินตราต่างประเทศสุทธิปรับตัวดีขึ้น ทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยจึงเพิ่มขึ้น ทำให้ภาระหนี้ภายใต้โครงการของ IMF ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบัน (สิ้นเดือนมิถุนายน 2545) หนี้ดังกล่าวคงเหลืออยู่ในระดับ 6.789 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแบ่งตามแหล่งที่มาของเงินกู้ได้ดังนี้ (1) ยอดหนี้คงค้างที่ต้องชำระคืน IMF จำนวน 1.014 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2) ยอดหนี้คงค้างที่ต้องชำระคืนธนาคารกลางประเทศต่างๆ จำนวน 2.316 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3) ยอดคงค้างหนี้ที่ต้องชำระคืน J-EXIM มีจำนวน 3.459 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ทำไมรัฐบาลทักษิณจึงสามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนดได้
- แม้ว่าทุนสำรองระหว่างประเทศจะมีมากในสมัยชวน แต่ก็ไม่ได้แสดงว่า มีความสามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟคืนได้

สำหรับการวิเคราะห์แผนการชำระคืนหนี้ในอนาคตว่าจะมีจำนวนมากน้อยเท่าใด หรือสามารถชำระคืนได้ก่อนกำหนดหรือไม่ ประการแรกคงต้องมองย้อนไปถึงความจำเป็นในการกู้เงินภายใต้โครงการ IMF ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักคือเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของทุนสำรองระหว่างประเทศ โดยหากพิจารณาถึงขนาดของทุนสำรองระหว่างประเทศ พบว่า ในช่วงปี 2543-2545 ซึ่งแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่มีการทยอยชำระคืนหนี้เงินกู้ตามโครงการของ IMF แต่ทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยกลับมีจำนวนเพิ่มขึ้น จาก 32.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2543 เป็น 38.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2545 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในปี 2540 เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศในปัจจุบันมีความมั่นคงมากขึ้น จึงทำให้มีความจำเป็นลดลงในการกู้ยืมภายใต้โครงการของ IMF

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทุนสำรองระหว่างประเทศจะแข็งแกร่งมากขึ้น แต่ทั้งดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลบัญชีทุนและการเงินยังมิได้มีแนวโน้มที่สดใสเท่าใดนัก เนื่องจากการชะลอตัวของความต้องการสินค้าจากทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯและญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อดุลการค้าของไทย ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับการเกิดสงครามก็อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ด้านการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งจะทำให้ดุลบริการเกินดุลน้อยลง ในส่วนของดุลบัญชีทุนและการเงิน แม้ว่าปริมาณการไหลออกสุทธิของเงินทุนต่างประเทศได้ชะลอตัวลง แต่ยังมีฐานะของเงินทุนไหลออกสุทธิติดต่อกันมาตั้งแต่ปี 2540 ซึ่งส่งผลในทางลบต่อทุนสำรองระหว่างประเทศ นอกจากนี้ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองทั้งในประเทศและต่างประเทศก็ยังมีความไม่แน่นอนค่อนข้างมาก การเร่งชำระคืนหนี้ต่างประเทศจึงเป็นประเด็นที่จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันผลกระทบทางลบที่มีต่อการเจริญเติบโตและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของไทยในอนาคต
http://www.kasikornbank.com/Publication/DeTail/1,1053,f~145-TH-1,00.html


- เพราะการวางแผนการบริหารจัดการที่ดี

เพราะหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระเบิดแนวคิดดังกล่าวออกมาเมื่อประมาณกลางปี 2545 เพื่อต้องการจุดพลุความเป็นไท โดยหวังจะเป็นไฮไลต์ที่จะมาประกาศก้องหลังเที่ยงคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2545 เสมือนหนึ่งจะให้เป็นของขวัญรับวันปีใหม่แก่คนไทย

แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย กลับต้องทำงานอย่างหนักเพื่อจะชี้แจงให้ซีกทำเนียบรัฐบาลเข้าใจว่า แม้การชำระหนี้ก่อนกำหนดจะมีผลดี แต่ก็ต้องมีจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพราะสถานการณ์สงครามระหว่างสหรัฐกับอิรัก ที่ยังอึมครึม ไม่รู้จะออกหัวออกก้อยอย่างไรนั้น ไทยยังจำเป็นต้องเตรียมทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศไว้รับมือในกรณีที่เงินตราต่างประเทศไหลออกด้วย

เพราะแม้ว่าจนถึงสิ้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ไทยจะมีทุนสำรองทางการอยู่ถึง 3.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับ 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐที่จะชำระคืนแล้ว ถือว่าเล็กน้อยมาก เพราะเรายังมีทุนสำรองเหลือประมาณ 3.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วทุนสำรองที่มีอยู่นั้น กลับมีภาระผูกพันอยู่เกือบทั้งหมด โดยทุนสำรองหน้าตักที่มีอยู่ 3.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐนั้น เป็นทุนสำรองในฝ่ายออกบัตรธนาคารที่มีไว้เพื่อหนุนหลังการพิมพ์ธนบัตรออกใช้ 2.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีกฎหมายดูแลเป็นการเฉพาะอยู่ จะนำออกมาใช้ได้ก็ต่อเมื่อขออนุมัติจากสภาแล้วเท่านั้น

เมื่อหักทุนสำรองในส่วนของฝ่ายออกบัตรไป ก็จะเหลือ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่เนื่องจาก ธปท. ยังมีภาระที่หนี้เงินตราต่างประเทศล่วงหน้าหรือที่เรียกว่าภาระสว็อปอยู่ประมาณ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และหากชำระหนี้ไอเอ็มเอฟงวดเดียว 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ไทยก็จะมีทุนสำรองทางการจริงๆ เหลืออยู่เพียง 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น

ในภาวการณ์ปกติ ทุนสำรอง 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐนั้นก็น่าจะเพียงพอ เพราะในแต่ละเดือนเราจะมีเงินดอลลาร์จากการเกินดุลชำระเงินไหลเข้ามาเป็นทุนสำรองทางการอยู่ ซึ่งปี 2546 นี้ ธปท. คาดการณ์ว่าเราจะเกินดุลชำระเงินประมาณ 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งก็จะทำให้ทุนสำรองทางการรวมในช่วงปลายปี 2546 ขยับมาอยู่ 3.5-3.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

แต่ปัญหาคือ ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ปีนี้ มีแนวโน้มว่าสงครามอิรัก-สหรัฐที่ระอุมานานจะปะทุขึ้น และจากบทเรียนเมื่อครั้งสงครามอ่าวเปอร์เชีย ประเทศไทยมีเงินไหลออกประมาณ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหากมองในแง่อนุรักษนิยมว่า สงครามอิรัก-สหรัฐงวดนี้ จะทำให้เงินไหลออกใกล้เคียงกับสงครามอ่าวเปอร์เชีย ไทยก็ควรจะมีทุนสำรองไว้รองรังไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐเช่นเดียวกัน

ซึ่งหากชำระหนี้ไอเอ็มเอฟรวดเดียวจบอย่างที่ท่านผู้นำคิดใหม่ทำใหม่ต้องการ ทุนสำรองฯ ที่เหลืออยู่ 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐจะไม่พอรับมืออย่างแน่นอน

รายการเจรจาต่อรองจึงเกิดขึ้น และผลก็ออกมาอย่างที่เห็นคือ มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2546 ออกมาว่าจะให้มีการชำระหนี้ก่อนกำหนด โดยการให้ ธปท. ทยอยชำระเป็นงวด อาจจะเป็น 3 งวดหรือ 6 งวดแล้วแต่สถานการณ์ และให้เสร็จสิ้นภายในกลางปี 2546 ซึ่งถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด

เพราะการทยอยชำระเป็นงวดนั้น จะทำให้ ธปท. มีเวลาสะสมทุนสำรองจากการเกินดุลชำระเงิน ซึ่งประเมินว่าไตรมาสแรกปีนี้จะเกินดุลชำระเงินประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ไตรมาส 2 อีก 600 ล้านเหรียญสหรัฐ และเมื่อถึงสิ้นปีแล้ว ไทยจะมีทุนสำรองทางการรวมแล้วอย่างต่ำประมาณ 3.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่ ธปท. เห็นว่าเหมาะสมกับการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน

การชำระหนี้คืนไอเอ็มเอฟก่อนกำหนดจึงจบลงด้วยดี
เศรษฐกิจ มติชนรายสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ 10 มกราคม พ.ศ.2546 ปีที่ 23 ฉบับที่ 1169 หน้า22


สรุป แม้จะมีคนขี้อิจฉาพยายามบอกว่าการชำระหนี้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนดไม่ใช่ผลงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ถ้ามองด้วยมุกหากินซ้ำซากก็ต้องบอกว่า เป็นเพราะทุกภาคส่วนช่วยกัน แต่อย่างไรก็เหอะทุกอย่างมันต้อง
ขึ้นกับความเป็นผู้นำที่มีความสามารถเท่านั้น ถึงจะดึงทุกภาคส่วนให้ทำงานสอดคล้องกันจนสามารถ สร้าง
รายได้เข้าประเทศในภาวะที่มีสงครามจากการก่อการร้ายระดับสากลในหลายประเทศ นโยบายหลักและการ
แก้ปัญหาที่รู้จริงและทันท่วงทีจึงสามารถทำให้ตัวเลขทุนสำรองฯ เพิ่มจนอยู่ในระดับที่ชำระคืนไอเอ็มเอฟ
แล้วประเทศยังอยู่ได้อย่างสบาย ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม และปลดภาระสัญญาต่างๆ ที่ต้องทำไว้ด้วย

การอ้างตัวเลขไร้สาระที่เป็นแค่ส่วนประกอบปลีกย่อยเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละจุด มันไม่ได้เกี่ยวกับความจริงที่
ว่า สมัยชวนมีเงินไม่พอที่จะชำระหนี้ไอเอ็มเอฟ แม้จะบริหารต่อก็ไม่แน่ว่าจะพอ เพราะปัจจัยภายนอกประเทศ
และภายในประเทศที่คาดไม่ถึงอีกตั้งเยอะ เช่น โรคซาร์ สงครามอัฟกานิสถาน การก่อการร้าย เนื่องด้วยเป็น
อดีตที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง ก็จะมีคนจินตนาการไปเรื่อยเหมือนต่อยอดกราฟว่าต่อไปก็ชำระได้ แต่ชีวิตจริงมันดัน
ไม่เหมือนกับเส้นกราฟ ประชาชนส่วนมากเห็นแววอดอยากไม่จบไม่สิ้น ความสามารถก็แค่ไม่มีหนี้เพิ่มคงไม่
พอ เลยไม่ยอมเลือกอีก เหลือไว้เป็นแค่ฝ่ายค้านเล็กๆ ประดับสภา ปล่อยให้ทักษิณแสดงความสามารถเต็มที่
และก็ทำได้ไม่เป็นที่ผิดหวังของคนที่เลือก ด้วยผลงานดังที่กล่าวมา สำหรับ ชวน เหรอ ไม่มีปัญญาก็เรียกว่า
อิจฉาอะดิ จริงมั้ยคร้าบ พี่น้อง

http://www.bot.or.th/BOTHomepage/BankAtWork/AboutBOT/InternationalAffairs/InterCentralBank/IMF/8-11-2000-Th-i/imf.htm
บันทึกการเข้า
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #1 เมื่อ: 15-09-2007, 22:16 »

 
บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
northstar
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 635


« ตอบ #2 เมื่อ: 16-09-2007, 02:11 »

 
บันทึกการเข้า
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #3 เมื่อ: 16-09-2007, 02:19 »

ทั้งหมดนี้มีอะไรมั้ยนอกจาก คำแถลงของพรรคไทยรักไทย

และการโฆษณาที่เราเคยได้ยินมา มีอะไรใหม่มั้ย
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
Sweet Chin Music
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,613



« ตอบ #4 เมื่อ: 16-09-2007, 02:47 »

 
บันทึกการเข้า


You'll Never Walk Alone
เข้าไปกันได้ค๊าป- - - >http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sweetchinmusic&group=1
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #5 เมื่อ: 16-09-2007, 08:35 »

ทั้งหมดนี้มีอะไรมั้ยนอกจาก คำแถลงของพรรคไทยรักไทย
และการโฆษณาที่เราเคยได้ยินมา มีอะไรใหม่มั้ย

ปัจจัยที่ทำให้ไทยฟื้นตัวจากเศรษฐกิจปี 2540 ได้ ตามที่มีคนจินตนาการไว้มีดังนี้
1. ค่าเงินบาทหลังปี 40
2. อัตราดอกเบี้ยต่ำ
3. ภาระหนี้ต่างประเทศ
4. หนี้ NPL
5. การหยุดกู้ IMF ก่อนกำหนดถึง 1 ปี

ในความเป็นจริงแล้ว 5 ข้อแค่นี้ ในสมัยนายกชวนมันไม่ได้ทำให้สามารถจ่ายหนี้คืน
ได้ เต็มที่ก็คือไม่ต้องกู้หนี้เพิ่ม ถ้าสังเกตให้ดีการที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างมากหลัง
จากปี 2544 แต่มาพบปัญหาระดับโลกในช่วงสงครามอัฟกานิสถาน จนถึงปัญหาหนัก
ในประเทศเช่นโรคไข้หวัดนกจนถึงสึนามิ แม้แต่ปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งคน
จินตนาการปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นไม่ค่อยอยากจะพูดถึง ปัญหาหลายอย่างเกิด
หลังจากจ่ายหนี้คืนไปแล้ว ต้องไม่ลืมว่าเราจ่ายหนี้คืนไอเอ็มเอฟ ทำให้เงินทุนสำรองฯ
ของเราลดลง ซึ่งอาจเป็นการเสี่ยงทำให้ต้องกู้อีกรอบถ้าเจอปัญหาหนักๆ ดังกล่าว แต่
ด้วยความเข้มแข็งเพราะการบริหารจัดการให้เศรษฐกิจกระจายไปยังรากหญ้าไม่กระจุก
ตัวอยู่กับกลุ่มนักธุรกิจโบราณศักดินาตกยุค ทำให้สามารถผ่านวิกฤตการณ์ไปได้นิ่มๆ
ถ้าดำเนินนโยบายแบบรัฐบาลชวน คงได้ล้มบนฟูกสนุกสนานกันอีกรอบ โดยเฉพาะ
ไอ้แป๊ะลิ้ม

สำหรับช่วงที่นายกชวนบริหารนั่นโอกาสการแก้ปัญหามันมีมากเหลือเกิน เนื่องจากโลก
ยังไม่เจอปัญหาก่อการร้ายหรือสงครามหนักๆ ที่ต้องมาพะวงกับเรื่องความปลอดภัยจน
กระบวนการต่างๆ อืดไปหมด ความเป็นจริงอีกอย่างที่คนไม่พูดถึง คือ เงินที่กู้ต่างประเทศ
มามากมายมหาศาลจากช่วงก่อนฟองสบู่เน่าและไม่ได้จ่ายคืน มันหายไปไหน ถ้าไม่ได้
ออกไปนอกประเทศก็ต้องอยู่ในประเทศ ซุกอยู่กับพวกที่ล้มบนฟูกเนี่ยแหละ ถ้าโอกาส
กลับมาพวกนี้ก็เอาเงินมาลงในธุรกิจอีก แต่ระบบเศรษฐกิจคงไม่แข็งแรง ตราบใดที่ไม่ได้
กระจายโอกาสทางธุรกิจลงไปยัง เอสเอ็มอี ที่ไม่มีนิสัยล้มบนฟูก

ส่วนเงินที่กู้มาส่วนหนึ่งก็แปลงสภาพเป็นสินทรัพย์และหนี้เน่า เช่น ตึก รวมถึงที่ดิน การที่
จะเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ในประเทศขึ้นมาได้ มันมาจากความเชื่อมั่นระหว่างประเทศ ซึ่งตรงนี้
นายกชวน คิดไม่ถึงและไม่มีวันคิดถึง เมื่อเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ได้เท่ากับมีทุนเพิ่มขึ้นมา
สำหรับธุรกิจหรือบุคคลมหาศาล และความเชื่อมั่นระหว่างประเทศนั้นต้องมาจากการจัด
อันดับต่างๆ ของสถาบันระดับอินเตอร์ที่น่าเชื่อถือ ซึ่งเค้ายึดเรื่องอัตราการเจริญเติบโต
ของจีดีพีและตัวเลขทางเศรษฐกิจอีกหลายๆ อย่างร่วมกัน ซึ่งเราก็ต้องทำตรงนั้นไม่ใช่
ดัชนีแฮปปี้มีความสุขบ้าบออะไรนั่น สุดท้ายก็เน่าเห็นๆ อีกอย่างที่ต้องทำคู่ควบ คือ การ
ส่งผู้แทนการค้าซึ่งต้องใช้คนที่มีความสามารถระดับรัฐมนตรีมาปิดทองหลังพระ สร้างเครดิต
ประเทศเราให้คู่ค้าต่างประเทศ งานนี้เห็นผลชัดเจนมาก เพราะหลังจากยกเลิกผู้แทนการค้า
ไปแล้วในรัฐบาลนี้ ต่างชาติระแวงคลางแคลงสงสัยประเทศไทยไปหมด การติดต่อก็ขาด
ความจริงใจ ตัวอย่างคือ การกู้เจบิค ความเป็นจริงญี่ปุ่นก็ให้กู้แต่ต้นแต่ว่าขึ้นดอกเบี้ย เรา
เลยไม่กล้าตกลง 

กลายเป็นว่า ห้าข้อที่มีคนจินตนาการว่าใครทำก็ได้ไม่จำเป็นต้องทักษิณ เป็นแค่เรื่องที่
จินตนาการเล่นๆ และไม่เคยเกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นจริงๆ คือ ทักษิณ ทำได้และทำมาแล้ว สิ่งที่
แตกต่างเพิ่มเติมที่ห้าข้อนั้นจินตนาการไม่ถึงคือ
1. การเพิ่มทุนจากมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นมหาศาลเพื่อใช้ในธุรกิจ นั่นมาจากความเชื่อมั่น
   ที่ต่างประเทศมีต่อเรา ยกตัวอย่างเช่น ที่ดินรัชดาที่ทุกวันนี้มองว่ามันราคาถูกเกินไป แต่
   ถ้าย้อนเวลากลับไปสมัยชวนได้ จะรู้ว่าที่ผืนนั้น มันราคาแพงเกินไป ที่ว่ามันถูกเกินไป
   เพราะดันเอามาเปรียบเทียบกับราคาทุกวันนี้
2. การกระจายโอกาสไปสู่รากหญ้า การทำเอสเอ็มอี เป็นความเข้มแข้ง ภูมิคุ้มกัน หรือจะ
   บอกว่ามาจากเศรษฐกิจพอเพียงก็ไม่ผิด พิสูจน์จากการที่จ่ายหนี้แล้วเจอหลายปัญหา
   ระดับโลกที่หนักมากๆ แต่ประเทศก็ไม่เน่า ต้องล้มบนฟูกอีก เพราะกระจายกลุ่มทำธุรกิจ
   ให้กว้างมากนั่นเอง
3. การใช้จ่ายลงทุนของภาครัฐเป็นส่วนหนึ่งที่เพิ่มความเชื่อถือ เชื่อมั่นระหว่างประเทศใน
   หลายๆ มิติ ไม่แค่เพียงเรื่องตัวเลขจีดีพี มันรวมถึง ความเป็นเสถียรภาพของรัฐบาล และ
   การกล้าตัดสินใจ การสร้างมูลค่าให้ชื่อเสียงประเทศที่แปลว่าเครดิตประเทศ สิ่งนี้ที่เห็น
   ชัดมากทำให้มีคนอิจฉาเต็มไปหมดก็คือ การสร้างสนามบินขนาดยักษ์เสร็จในสมัยทักษิณ
   นั่นเอง ถ้าไม่โดนยึดอำนาจไปเสียก่อนป่านนี้คงได้เป็นศูนย์กลางระดับทวีปไปแล้ว

อย่ามากำหนดกรอบง่ายๆ ไม่กี่อย่าง แล้วบอกว่า นั่นไม่ใช่ฝีมือทักษิณเลย มันไม่ใช่ของจริง
กรอบนั่นก็แคบจนตัดปัจจัยหลักๆ ที่มีผลต่อการฟื้นของเศรษฐกิจประเทศ การเอาตัวเลขบาง
อย่างมาวิเคราะห์ โดยไม่ได้ดูว่านโยบายอะไรทำให้เกิดตัวเลขแบบนั้น สภาพแวดล้อมในขณะ
นั้นเป็นยังไง และนโยบายนั่นสามารถทำตัวเลขให้ดีกว่านั้นได้หรือเปล่า การสรุปเอาดื้อๆ โดย
จินตนาการว่าไม่ใช่ทักษิณแล้วใครๆ ก็ทำได้ ดูเหมือนจะเป็นแค่การแก้ตัวของมนุษย์ขี้อิจฉา
เท่านั้นเอง จริงมั้ยคับ พี่น้อง
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #6 เมื่อ: 16-09-2007, 08:48 »

ไม่รู้จะขี้คุยกันไปถึงไหน......ไหน คุณแก๊ส ลองเล่าให้ฟังหน่อยซิ ว่า ยอดสุดท้าย ที่บอกว่า ปลดหนี้ มั้นเป็นเงินเท่าไหร่

 
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #7 เมื่อ: 16-09-2007, 09:10 »

ไม่รู้จะขี้คุยกันไปถึงไหน......ไหน คุณแก๊ส ลองเล่าให้ฟังหน่อยซิ ว่า ยอดสุดท้าย ที่บอกว่า ปลดหนี้ มั้นเป็นเงินเท่าไหร่

 

(สิ้นเดือนมิถุนายน 2545) หนี้ดังกล่าวคงเหลืออยู่ในระดับ 6.789 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแบ่งตามแหล่งที่มาของเงินกู้ได้ดังนี้ (1) ยอดหนี้คงค้างที่ต้องชำระคืน IMF จำนวน 1.014 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2) ยอดหนี้คงค้างที่ต้องชำระคืนธนาคารกลางประเทศต่างๆ จำนวน 2.316 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3) ยอดคงค้างหนี้ที่ต้องชำระคืน J-EXIM มีจำนวน 3.459 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: กระทู้นี้ อันบนสุด
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #8 เมื่อ: 16-09-2007, 09:13 »

(สิ้นเดือนมิถุนายน 2545) หนี้ดังกล่าวคงเหลืออยู่ในระดับ 6.789 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแบ่งตามแหล่งที่มาของเงินกู้ได้ดังนี้ (1) ยอดหนี้คงค้างที่ต้องชำระคืน IMF จำนวน 1.014 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2) ยอดหนี้คงค้างที่ต้องชำระคืนธนาคารกลางประเทศต่างๆ จำนวน 2.316 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3) ยอดคงค้างหนี้ที่ต้องชำระคืน J-EXIM มีจำนวน 3.459 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: กระทู้นี้ อันบนสุด


แล้วทักษิณ จ่ายทั้งหมดหกพันล้านเลย ใช่มั๊ยครับ
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #9 เมื่อ: 16-09-2007, 09:22 »

แล้วทักษิณ จ่ายทั้งหมดหกพันล้านเลย ใช่มั๊ยครับ

3 มกราคม 2546 กองบรรณาธิการ

มีเงินเหลือเฟือกลัวปลวกแทะ คณะรัฐมนตรีลงมติใช้หนี้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนด 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐให้หมดภายใน 6 เดือน เริ่มจ่ายงวดแรก 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐใน ม.ค.นี้
...
สำหรับวงเงินกู้ในโครงการไอเอ็มเอฟมีทั้งหมด  1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มีการชำระคืนหนี้ไปแล้ว 7.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ คงเหลือ 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นหนี้ที่ต้องชำระไอเอ็มเอฟจำนวน  400  ล้านเหรียญสหรัฐ  ธนาคารเจเอ็กซิมของญี่ปุ่น  3.4  พันล้านเหรียญสหรัฐ  และธนาคารกลางชาติต่างๆ 7 แห่ง  1.0  พันล้านเหรียญสหรัฐ  ทั้งนี้ตามกำหนดเดิมจะมีการชำระงวดสุดท้ายในเดือนมิถุนายนย  2547, กรกฎาคม 2547 และพฤษภาคม 2548 ตามลำดับ

พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาวิพากษ์วิจารณ์แนวความคิดของรัฐบาลที่จะใช้หนี้ไอเอ็มเอฟก่อนครบกำหนดอาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อเงินทุนสำรองประเทศว่า  ไม่ใช่ คนละเรื่องกัน  เขาไม่เข้าใจ อยากถามกลับไปว่า แล้วเงิน 3.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหายไปไหน

เมื่อผู้สื่อข่าวตอบนายกฯ ว่า  เงิน  3.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐกันไว้ออกพันธบัตร 2.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ   นายกฯ โต้กลับว่า  พันธบัตรใช้เพียงนิดเดียว แค่ 5 แสนกว่าล้านบาทเท่านั้น ซึ่งครึ่งหนึ่งแค่  2 แสนกว่าล้านบาท หรือ 4 พันล้านเหรียญฯ เหลือเฟือ และจะมีการพิจารณาเรื่องนี้เป็นวาระจร โดยไม่ต้องรอการตัดสินใจจาก ธปท.  เพราะคุยกันเรียบร้อยแล้ว   โดย ธปท.ได้หารือกับคณะกรรมการนโยบายการเงินเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเชื่อว่าไม่มีใครคัดค้าน เพราะตัวเลขชัดเจน

"เมื่อไปยืมเขามาแล้ว  คุณมีเงินชำระแล้วไม่ชำระ แล้วต้องมานั่งจ่ายดอกเบี้ย  อย่างนี้เรียกว่าฉลาดน้อยหรือฉลาดมาก   ไปยืมเงินเขามา พอถึงเวลาเจ้าหนี้บอกว่าคุณจะทำอะไรต้องมานั่งรายงานตัวด้วย  เสร็จแล้วเสียดอกเบี้ยด้วย แล้วคุณก็เก็บเงินตัวเองเอาไว้  มีเหลือไม่ใช้เพื่ออะไร   เอาเงินชาวบ้านมาโก้ทำไม โก้ด้วยเงินตัวเองดีกว่า" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า    หากใช้เงินไอเอ็มเอฟแล้วเกิดภาวะสงครามขึ้นจะเกิดปัญหาหรือไม่  นายกฯ ตอบว่า  เหลือเฟือ วันนี้เงินมีเยอะ  หลังชำระหนี้ในเดือนกรกฎาคมแล้ว  เงินยังเหลือ  3.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ  ในกรณีที่ไม่มีเงินไหลเข้าไหลออก  แต่วันนี้เราค้าขาย  เรามีเหลือทุกเดือน เราส่งออกมากกว่านำเข้า  เรามีคนมาเที่ยวเมืองไทยมากกว่าคนไทยไปเที่ยวเมืองนอก  เรามีดุลบริการดุลชำระเงินเป็นบวกอยู่  เป็นบวกอยู่ทุกอย่าง เพราะฉะนั้นวันนี้มีแต่จะเพิ่ม ไม่มีลด เรามองหมดแล้วว่า จากวันนี้ไปเงินเราจะเพิ่มเดือนละเท่าไร  เมื่อเราใช้หนี้ไปแล้วหากไม่เพิ่มไม่ลดเงินจะเหลือเท่าไร  และหากเพิ่มอีกจะเพิ่มอีกเท่าไร เอาน่ารับรอง มั่นใจ

เมื่อถามต่อว่า   สุดท้ายแล้วเรามีทุนสำรองเหลืออยู่เท่าไรในเดือนกรกฎาคม 46 นายกฯ ตอบว่า ตนบอกได้ว่าจ่ายวันนี้เรายังเหลือ  3.33 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่มีหนี้ทั้งประเทศหลังการชำระครั้งนี้อยู่   5.4  หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ  ถือว่าน้อยมาก สมัยที่เราบอกว่าเรารวย เรามีเงินอยู่ 3.99 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ  แต่เป็นหนี้  1.09 แสนล้านเหรียญสหรัฐ มันคนละเรื่องเลย เพราะฉะนั้นวันนี้เราฟันธงได้เลยว่าต้องจ่าย  บางที่อย่างธนาคารเพื่อการส่งออกนำเข้าแห่งประเทศญี่ปุ่นบอกว่า  ถ้าเกิดจ่ายเงินคืน  บอกล่วงหน้าหน่อย เพราะไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร วันนี้เงินมันเหลือ

ต่อข้อถามที่ว่า   หากชำระคืน 3 งวด จะจ่ายงวดละเท่าไร พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า คงไม่ถึงกับใช้  3  หารแล้วพอดี เพราะเจ้าหนี้มีหลายราย ต้องทยอยจ่ายเป็นสัดส่วน และต้องบอกเขาล่วงหน้า  30  วัน  ซึ่งจะลดดอกเบี้ยแน่นอนปีละ 120 กว่าล้านเหรียญสหรัฐหรือ 5 พันกว่าล้านบาท เอามาทำอะไรได้ตั้งเยอะ
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=3/Jan/2546&news_id=64553&cat_id=501


ไม่ต้องมาถามว่าทำไมยอดเงินไม่เท่ากัน เพราะมันคนละเวลากัน

บันทึกการเข้า
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #10 เมื่อ: 16-09-2007, 09:26 »

คนอะไรน๊า โง่ฉิบหายเลย
ทยอยชำระหนี้ ดอกเบี้ยก็ถูก ประหยัดส่วนต่างจากค่าเงินบาทตั้งหลายพันล้าน
และยิ่งมาชำระเอาตอนนี้ หักดอกเบี้ยไปแล้ว ประหยัดได้เป็นหมื่นล้าน
ไม่รู้ใครมันโคตรโง่ อยากได้หน้า ทำประเทศชาติเสียหายเป็นหมื่นล้าน
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #11 เมื่อ: 16-09-2007, 09:36 »

คนอะไรน๊า โง่ฉิบหายเลย
ทยอยชำระหนี้ ดอกเบี้ยก็ถูก ประหยัดส่วนต่างจากค่าเงินบาทตั้งหลายพันล้าน
และยิ่งมาชำระเอาตอนนี้ หักดอกเบี้ยไปแล้ว ประหยัดได้เป็นหมื่นล้าน
ไม่รู้ใครมันโคตรโง่ อยากได้หน้า ทำประเทศชาติเสียหายเป็นหมื่นล้าน

งวดสุดท้ายตามกำหนดเดิมคือ พฤษภาคม 2548 ทักษิณจ่ายคืน 31 กรกฎาคม 2546
ดันบอกว่า มาชำระเอาตอนนี้ ประหยัดได้เป็นหมืนล้าน เอาอะไรคิดนะ คนเรา โง่ชี้หายเยย
นี่มันปี 50 แล้วนะจ๊ะ ตื่น ตื่น ตื่น ไอ้โง่
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #12 เมื่อ: 16-09-2007, 09:41 »

ที่บอก เนี่ย จะบอกว่า ช่วงทักษิณเรื่องอำนาจ มีเงินทุนไหลเข้าเยอะ กว่ารัฐบาลชวนใช่มั๊ยครับ...ใช่มั๊ยครับ........ผมว่าไม่ใช่นา...ลองค้น ๆ ดู

ถ้ามีเวลา ก็รบกวน เอาข้อมูลที่เชื่อถือได้หน่อย ว่าจ่ายจริงไปเท่าไหร่....ทักษิณ สัมภาษณ์ ไม่เอา มันขี้โม้



 
บันทึกการเข้า
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #13 เมื่อ: 16-09-2007, 09:59 »

งวดสุดท้ายตามกำหนดเดิมคือ พฤษภาคม 2548 ทักษิณจ่ายคืน 31 กรกฎาคม 2546
ดันบอกว่า มาชำระเอาตอนนี้ ประหยัดได้เป็นหมืนล้าน เอาอะไรคิดนะ คนเรา โง่ชี้หายเยย
นี่มันปี 50 แล้วนะจ๊ะ ตื่น ตื่น ตื่น ไอ้โง่

แถไปดูนะว่าตอนชำระเงิน ค่าเงินบาทอยู่ที่เท่าไหร่
แล้วตอนปี 48 ค่าเงินบาทอยู๋ที่เท่าไหร่
เสียเงินฟรีไปตั้งหลายพันล้านยังไม่รู้ตัวอีก โคตรโง่จริงๆ
โง่ทั้งคนเชียร์ทั้งคนหน้าด้านชำระก่อนกำหนดจริงๆ
ข้อตกลงพวกนั้นมันยืดหยุ่นได้อยู่แล้ว ถ้าเห็นกับประเทศชาติจริงๆ
แค่เจรจาเตะถ่วงไปอีกแค่ปีนึงก็ประหยัดเพิ่มได้อีกหลายพันล้าน
(คิดแต่ดอกเบี้ยที่ถูกกว่าแหล่งอื่นก็ยังคุ้ม)
ไอ้โง่อยากได้หน้ามันไม่คิดถึงประเทศ อยากได้หน้ามาก
ถึงกับเอาเงินหลายพันล้านไปซื้อหน้ามาอ้างเป็นผลงานตัวเอง
ทั้งโง่ทั้งเลว
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #14 เมื่อ: 16-09-2007, 10:51 »

แถไปดูนะว่าตอนชำระเงิน ค่าเงินบาทอยู่ที่เท่าไหร่
แล้วตอนปี 48 ค่าเงินบาทอยู๋ที่เท่าไหร่
เสียเงินฟรีไปตั้งหลายพันล้านยังไม่รู้ตัวอีก โคตรโง่จริงๆ
โง่ทั้งคนเชียร์ทั้งคนหน้าด้านชำระก่อนกำหนดจริงๆ
ข้อตกลงพวกนั้นมันยืดหยุ่นได้อยู่แล้ว ถ้าเห็นกับประเทศชาติจริงๆ
แค่เจรจาเตะถ่วงไปอีกแค่ปีนึงก็ประหยัดเพิ่มได้อีกหลายพันล้าน
(คิดแต่ดอกเบี้ยที่ถูกกว่าแหล่งอื่นก็ยังคุ้ม)
ไอ้โง่อยากได้หน้ามันไม่คิดถึงประเทศ อยากได้หน้ามาก
ถึงกับเอาเงินหลายพันล้านไปซื้อหน้ามาอ้างเป็นผลงานตัวเอง
ทั้งโง่ทั้งเลว

ปี 2546 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 41.3375 บาทต่อดอลลาร์
ปี 2548 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 40.0761 บาทต่อดอลลาร์
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย

ผิดกันอย่างมากก็เท่ากับดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย เสียเงินฟรีซะที่ไหน ทีดอกเบี้ยที่ลด
ดันไม่พูด ใครเค้าจะถือหนี้ไว้นานๆ บ้าแล้ว รู้จักเศรษฐกิจพอเพียงหรือเปล่า อยู่ได้
ด้วยตัวเองไม่ใช่เงินคนอื่น คิดว่าจะดึงหนี้มาจ่ายตอนนี้เหรอ ไม่รู้หรือว่าหนี้มันมี
กำหนดชำระอยู่ไม่ใช่จะจ่ายช้าขนาดไหนก็ได้ ชำระหนี้คืนนะคร้าบไม่ใช่เก็งกำไร
ค่าเงินบาท เข้าใจอะไรให้มันถูกหน่อย กู้ไอเอ็มเอฟ มันมีเงื่อนไขที่ผูกมัดประเทศ
ตั้งเยอะ กะอีแค่เซ็นต์เอ็มโอยูกะอียูนิดหน่อยมันยังไม่ยอมกันเลย ดันทะลึ่งอยาก
ผูกกับไอเอ็มเอฟยาวๆ ใช้มั่งสิ สมองหนะ
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #15 เมื่อ: 16-09-2007, 12:34 »

ที่บอก เนี่ย จะบอกว่า ช่วงทักษิณเรื่องอำนาจ มีเงินทุนไหลเข้าเยอะ กว่ารัฐบาลชวนใช่มั๊ยครับ...ใช่มั๊ยครับ........ผมว่าไม่ใช่นา...ลองค้น ๆ ดู

ถ้ามีเวลา ก็รบกวน เอาข้อมูลที่เชื่อถือได้หน่อย ว่าจ่ายจริงไปเท่าไหร่....ทักษิณ สัมภาษณ์ ไม่เอา มันขี้โม้



 


แล้วตกลง...ทักษิณ จ่ายรวดเดียว หกพันกว่าล้าน หรือ จ่าย แค่ 1.014 พันล้าน แล้วมาคุยว่า จ่ายทั้งโครงการ...ไหนลองเอาข้อมูลมาอวดหน่อยดิ.....สงสัยหาไม่ได้แหง๋ ๆ

ไอ้กระทู้ข้างบน ไม่เห็นบอกเลย ว่า สาเหตุใหญ่ ที่เข้า IMF ทนง พิทยะ กับ บิ๋กจิ๋ว มันดันสั่งให้เริงชัย สู้ตาย ถวายหัว จน เงินทุนสำรองติดลบ....อยากรู้ป่าว ว่าติดลบไปเท่าไหร่ แล้ว ชวน ไปตามจ่ายเท่าไหร่......

อ้อ ต่ออีกนิด ...หลังจาก รัฐบาลชวน หยุดกู้เงินโครงการ IMF  เค้า ก็เลิกเดินตามตูด IMF แล้วจ้า.....ตอนนั้นเราไม่ได้มีความจำเป็นต้องจ่ายหนี้ก่อนกำหนดแล้ว.เพราะมีทุนสำรองเพียงพอ ไม่ต้องไปกราบเท้า เหมือนตอนทนง คลาน เข้ามาหา IMF แล้ว......ไม่รู้ทักษิณ มันโง่ หรือ ฉลาด ที่ดัน ออกพันธบัตรจ่ายดอกเบี้ย ร้อยละ 5 ร้อยละ 7 ไปใช้ในโครงการประชานิยม แทนที่จะเอาเงินที่จ่าย IMF ก่อนเวลาไปใช้ ขณะที่ดอกเบี้ยจากโครงการ IMF ร้อยละ 2 หรือ ต่ำกว่า ...จำไม่ได้แล้ว..แต่ต่ำกว่าเยอะ....บวกกับค่าเงินบาท ที่แข็งขึ้น ไม่รู้เสียหายไปเท่าไหร่แล้วจ้า.....มีแต่พวกมีความรู้ แต่ แกล้งโง่ เท่านั้นแหละที่ไม่เข้าจาย..........................เอ้ย..ไม่ใช่ ไม่เข้าใจ แต่ ทักษิณ อยากเป็นฮีโร่ ...ข้านี่แหละกู้ชาติ.....555   แต่ข้าไม่บอกใคร ข้าขายเอาเงินเข้าเป๋าก่อน แล้ว เอาเงินหลวง มากู้ชาติ..เอาหน้า.....โห ฉลาดว่ะ


ลืมไป....ทนง พิทยะ เป็น รัฐมนตรีคลัง ที่ทักษิณ ส่งเข้าประกวด ตอนรัฐบาลจิ๋วจ๊ะ

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2007, 13:05 โดย 55555 » บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #16 เมื่อ: 16-09-2007, 13:00 »


??????
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2007, 13:05 โดย 55555 » บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #17 เมื่อ: 16-09-2007, 15:27 »

- ทนง พิทยะ สมัยทักษิณ อยู่ธนาคารทหารไทย และไม่เคยไปอยู่ เครือ ชินคอร์ป เลย จะเป็นทักษิณส่งเข้าประกวดได้อย่างไร มั่วแล้ว

สอดมาเองแท้ๆ มั่วนิ่ม ไม่รู้ว่า ชินคอร์ป เค้าปรับโครงสร้างแล้วจึงเปลี่ยนชื่อเมื่อปี 2542 แม้จะเป็นกลุ่มเจ้าของเดียวกัน
แล้วยังไงเหรอ ทั่วประเทศบริษัทเจ้าของกลุ่มเดียวกันตั้งเยอะตั้งแยะ ก็บอกแล้วว่าเป็น กลุ่ม ชินคอร์ป ยังจะแถไปไหน
อีกล่ะ ตอนที่เค้าจะเอา ชินวัตรคอมพิวเตอร์เข้าไปตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวอะไรด้วย ตอนนั้นบุญคลียังอยู่การสื่อสารอยู่เล้ย
วันก่อนยังบอก ป่าไม้ ไม่ใช่ forest อยู่เลย วันนี้ดันบอกว่า ชินวัตรคอมพิวเตอร์ฯ คือ ชินคอร์ป 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2007, 08:37 โดย อยากประหยัดให้ติดแก๊ส » บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #18 เมื่อ: 16-09-2007, 15:52 »

- ทนง พิทยะ สมัยทักษิณ อยู่ธนาคารทหารไทย และไม่เคยไปอยู่ เครือ ชินคอร์ป เลย จะเป็นทักษิณส่งเข้าประกวดได้อย่างไร มั่วแล้ว

เวรกรรมจริงๆ .. รักจะเป็นกองเชียร์เหลี่ยม แต่ไม่รู้ข้อมูลถึงขนาดนี้เลยหรือนี่ 

ก่อนจะมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทย คุณทนงแกทำงานอยู่ีที่ไหนครับ
ทำอยู่กับใคร หน้าตากลมๆ หรือเหลี่ยมๆ ไปเช็คข้อมูลมาก่อนจะว่าคนอื่นมั่วนะครับ 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #19 เมื่อ: 16-09-2007, 15:59 »

- โครงการประชานิยมนั่นเองที่ทำให้เศรษฐกิจรากหญ้าแข็งแกร่ง ไม่เจ๊งอีกรอบตอนที่มีวิกฤตการณ์ ซาร์ ไข้หวัดนก น้ำท่วมใหญ่ สึนามิ อื่นๆ อีกมาก

โครงการโคตรโกง ไข้หวัดนกที่ปิดข่าวจนลุกลามปิดไม่มิดเลยต้องฆ่าไก่นับล้านเอื้อประโยชน์ให้ซีพี
น้ำท่วมใหญ่ท่วมจนเขาด่าเช็ดยังไม่ไปดู พอน้ำเริ่มลดถึงทำท่าเข้าไปแก้ปัญหา
สึนามิที่ไม่เคยเหยียบเท้าเข้าไปในพื้นที่ เงินบริจาคไม่ถึงมือชาวบ้าน อมอยู่ในปากใครก็ไม่รู้

นอกจากโง่ ยังเลวด้วย
แม้วของแถช่างเป็นคนที่น่าภูมิใจจริงๆเลยครับ
บันทึกการเข้า
สมปอง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,128



« ตอบ #20 เมื่อ: 16-09-2007, 16:16 »

ผมเข้ามาดูคุณ jerasak สั่งสอนน้องหนูครับ
บันทึกการเข้า



ไม่มีดินผืนใดให้ไออุ่น เท่ากับดินที่คุณถือกำเนิด
ไม่มีดินผืนใดดูมั่นคง เท่ากับดินที่ลงสำมะโนครัว
ไม่มีดินผืนใดให้คุณเดิน เท่ากับดินที่คุณเดินตอนตั้งไข่
ไม่มีดินผืนใดมีความหมาย เท่าแผ่นดินสุดท้ายของเผ่าพันธุ์

ไม่มีเงินไม่มีทองยังไม่หมองเศร้า
มีแผ่นดินปลูกข้าวเราอยู่ได้
ไม่มีเงินไม่มีทองค่อยหาใหม่ บนแผ่นดินสุดท้ายของไทยทุกคน
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #21 เมื่อ: 16-09-2007, 18:18 »

เวรกรรมจริงๆ .. รักจะเป็นกองเชียร์เหลี่ยม แต่ไม่รู้ข้อมูลถึงขนาดนี้เลยหรือนี่ 

ก่อนจะมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทย คุณทนงแกทำงานอยู่ีที่ไหนครับ
ทำอยู่กับใคร หน้าตากลมๆ หรือเหลี่ยมๆ ไปเช็คข้อมูลมาก่อนจะว่าคนอื่นมั่วนะครับ 
Name : ทนง พิทยะ (เปลี่ยนนามสกุลจาก “ลำใย”)
Born : 28 กรกฎาคม 2490 ที่จังหวัดสุพรรณบุรี
Education :
2513 ปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโยโกฮามา ญี่ปุ่น (หลายคนจึงเรียกเขาว่า ”ทนง ซัง” หมายถึง ”คุณทนง”)
2514 ปริญญาโท เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา
2521 ปริญญาเอก บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา
Career Highlights :
ภาคเอกชน
-รับราชการเป็นอาจารย์ คณะบริหารธุรกิจ
-ดูแลงานด้านวางแผน และการค้าต่างประเทศ กลุ่มน้ำตาลมิตรผล
-ทำงานกับสำนักงานธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์
-ธนาคารทหารไทย (ช่วงที่ 1 ปี 2528) มีโอกาสได้ประสานงาน ติดต่อพ่อค้านักธุรกิจรุ่นใหม่
-เป็นที่ปรึกษาและวางแผนทางการเงินให้แก่กลุ่มชินวัตร คอมพิวเตอร์แอนด์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
-ธนาคารทหารไทย ในตำแหน่งสูงสุด “กรรมการผู้จัดการใหญ่”
-ผู้แทนการค้าไทย
ภาคการเมือง
2540 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
2545-2548 ประธานคณะกรรมการบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)
2544-2548 รองประธานกรรมการ คณะกรรมการที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ
2544-2548 ประธานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
Status : สมรส –ภรรยา นางมธุรส พิทยะ บุตร นางสาววิชชุญา ,นายธราธร และเด็กหญิง ศรัญญา


ไม่รู้จริงอย่ามามั่วแถวนี้ดีกว่าหนูเอ๋ย ทนง เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สมัยแรกปี 2540
คือ สมัยที่ตอบความเห็นคุณ 55555 อย่าจำมั่วว่าเป็นสมัยหลัง เพราะสมัยหลังไม่ได้เกี่ยว
อะไรกับ ไอเอ็มเอฟ ตามประวัติแล้ว นายทนง พิทยะ ไม่เคยอยู่กับ ชิน คอร์ป ก่อนปี 2540
อย่างแน่นอน เพราะ ชิน คอร์ป ถูกเปลี่ยนชื่อมาเมื่อปี 2542 ช่วงที่ นายทนง ว่างๆ จึงมาเป็น
กรรมการ ให้กลุ่มนี้ ถ้าไม่รู้จริงอย่ามามั่วโชว์ลิ่วล้อชั้นกระจอกดีกว่านะ อายแทนจ้า
บันทึกการเข้า
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #22 เมื่อ: 16-09-2007, 18:31 »

สุดท้ายก็แถ....

 
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #23 เมื่อ: 16-09-2007, 18:34 »

Name : ทนง พิทยะ (เปลี่ยนนามสกุลจาก “ลำใย”)
Born : 28 กรกฎาคม 2490 ที่จังหวัดสุพรรณบุรี
Education :
2513 ปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโยโกฮามา ญี่ปุ่น (หลายคนจึงเรียกเขาว่า ”ทนง ซัง” หมายถึง ”คุณทนง”)
2514 ปริญญาโท เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา
2521 ปริญญาเอก บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา
Career Highlights :
ภาคเอกชน
-รับราชการเป็นอาจารย์ คณะบริหารธุรกิจ
-ดูแลงานด้านวางแผน และการค้าต่างประเทศ กลุ่มน้ำตาลมิตรผล
-ทำงานกับสำนักงานธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์
-ธนาคารทหารไทย (ช่วงที่ 1 ปี 2528) มีโอกาสได้ประสานงาน ติดต่อพ่อค้านักธุรกิจรุ่นใหม่
-เป็นที่ปรึกษาและวางแผนทางการเงินให้แก่กลุ่มชินวัตร คอมพิวเตอร์แอนด์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
-ธนาคารทหารไทย ในตำแหน่งสูงสุด “กรรมการผู้จัดการใหญ่”
-ผู้แทนการค้าไทย
ภาคการเมือง
2540 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
2545-2548 ประธานคณะกรรมการบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)
2544-2548 รองประธานกรรมการ คณะกรรมการที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ
2544-2548 ประธานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
Status : สมรส –ภรรยา นางมธุรส พิทยะ บุตร นางสาววิชชุญา ,นายธราธร และเด็กหญิง ศรัญญา


ไม่รู้จริงอย่ามามั่วแถวนี้ดีกว่าหนูเอ๋ย ทนง เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สมัยแรกปี 2540
คือ สมัยที่ตอบความเห็นคุณ 55555 อย่าจำมั่วว่าเป็นสมัยหลัง เพราะสมัยหลังไม่ได้เกี่ยว
อะไรกับ ไอเอ็มเอฟ ตามประวัติแล้ว นายทนง พิทยะ ไม่เคยอยู่กับ ชิน คอร์ป ก่อนปี 2540
อย่างแน่นอน เพราะ ชิน คอร์ป ถูกเปลี่ยนชื่อมาเมื่อปี 2542 ช่วงที่ นายทนง ว่างๆ จึงมาเป็น
กรรมการ ให้กลุ่มนี้ ถ้าไม่รู้จริงอย่ามามั่วโชว์ลิ่วล้อชั้นกระจอกดีกว่านะ อายแทนจ้า

ชอบแถเอามาจากที่นี่ครับ โปรดตามเข้าไปอ่าน 5555
http://www.positioningmag.com/Magazine/Details.aspx?id=50172

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%87_%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B0

ทนง พิทยะ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา

นายทนง พิทยะ (ชื่อเดิม ทนง ลำใย) (เกิด 28 กรกฎาคม พ.ศ.2490) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในสมัยรัฐบาลพล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ และ รัฐบาลพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร

[แก้] การศึกษา

    * ปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโยโกฮาม่า ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น
    * ปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น
    * ปริญญาเอกสาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น

[แก้] เคยดำรงตำแหน่ง

    * รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
    * รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
    * ผู้แทนทางการค้าของไทย
    * กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทย จํากัด (มหาชน)
    * กรรมการ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน)
    * กรรมการ บริษัท ไทยเอเซีย แปซิฟก บริวเวอรี่ จำกัด
    * ประธานกรรมการ บริษัท อวีว่า ประกันภัย (ไทย) จํากัด
    * ประธานกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
    * รองประธานกรรมการที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจสํานักนายกรัฐมนตรี
    * คณบดี คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

กร๊ากกกกก วิกิเชื่อไม่ได้ 5555


ปล.แก้ไขที่มาและเน้นตัวอักษร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2007, 18:52 โดย login not found » บันทึกการเข้า
หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,131


กูรู้มึงต้องอ่าน ฮ่าๆ ขำขำนะจ๊ะ


เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: 16-09-2007, 18:39 »

สุดท้ายก็แถ....

 

พลังหมัดสีข้างงงงงง  ก๊ากกกกก
บันทึกการเข้า

ขอมอบ เพลงนี้ให้กับพี่น้อง พันธมิตรทุกคนฮะ


http://www.imeem.com/sakujo/music/04_GaHIQ/09_avenged_sevenfold_strength_of_the_worldmp3/

strength of the world
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #25 เมื่อ: 16-09-2007, 18:42 »

ดูๆ ไอ้แถ มันรีทัช ข้อมูล

ทำท่าเอาข้อมูลมาไม่หมด
ทนงไปอยู่ ธนาคารทหารไทย ไปเอื้อธุรกิจไอ้โอ๊ค ซะเต็มรัก
ทีงี้ไอ้แถ ไม่เคยเอามาพูดเลย  :slime_smile2
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,131


กูรู้มึงต้องอ่าน ฮ่าๆ ขำขำนะจ๊ะ


เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: 16-09-2007, 18:58 »

อืม.....เรื่องรีทัชข้อมูลตาแถกับเท่าจ๊ะมันถนัดอยู่แล้วนิเราก็เอาเรื่องจริงมาพูดก็พอเท่าจ๊ะเค้าเคยบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ของเค้าที่ต้องเอาข้อมูลมาลงให้ครบว่าแต่เท่าจ๊ะหายไปไหนเอ่ย

อืม....อันนั้นคงไม่ได้เรียกว่าข้อมูลหรอก  เค้าเรียกว่าใบบอกหนะคูณ
บันทึกการเข้า

ขอมอบ เพลงนี้ให้กับพี่น้อง พันธมิตรทุกคนฮะ


http://www.imeem.com/sakujo/music/04_GaHIQ/09_avenged_sevenfold_strength_of_the_worldmp3/

strength of the world
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #27 เมื่อ: 16-09-2007, 19:02 »

ดูๆ ไอ้แถ มันรีทัช ข้อมูล

ทำท่าเอาข้อมูลมาไม่หมด
ทนงไปอยู่ ธนาคารทหารไทย ไปเอื้อธุรกิจไอ้โอ๊ค ซะเต็มรัก
ทีงี้ไอ้แถ ไม่เคยเอามาพูดเลย  :slime_smile2

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=22/Jan/2547&news_id=82543&cat_id=500
http://www.thaitelecom.com/pub2004/news.php?ID=00000588&Keyword=
http://www.pantown.com/board.php?id=14337&name=board3&topic=108&action=view
http://www.seree.net/index.php?option=com_content&task=view&id=673&Itemid=34

เขาฮั้วกันมานาน มีแผลอยู่เต็มหลัง แต่แถไม่รู้เลยครับ
 
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: 16-09-2007, 19:24 »

แถหายไปเลยอ่ะ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #29 เมื่อ: 16-09-2007, 19:31 »


บอกแล้วว่า ทนง ไม่เคยไปอยู่ ชิน คอร์ป ก่อนที่จะรับตำแหน่ง รัฐมนตรีคลัง สมัยชวลิต
แล้วมันผิดตรงไหน เถียงข้างๆ คูๆ อยู่ได้ ทักษิณ สมัยนั้นก็ไม่ได้อยู่พรรคความหวังใหม่
แล้วจะส่งเข้าประกวดในฐานะอะไรไม่ทราบ อย่ามั่วมากนักเลยน่า

ส่วนเรื่องที่ว่า กรรมการ หรือ ผู้บริหารธนาคารนี้ จะปล่อยกู้ให้กับธุรกิจที่มีอนาคต แม้ว่า
โดยส่วนตัวจะมีความสนิทสนมกับผู้ที่มีส่วนได้เสียกับธุรกิจนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าทำ
แล้วธนาคารก้าวหน้า ตัวอย่างที่ชัดเจนกว่ากรณี ดร.ทนง คือ นายไกรทิพย์ ไกรฤกษ์
บุตร นายพูนเพิ่ม ไกรฤกษ์ อนุมัติสินเชื่อให้แก่ คิงเพาเวอร์ เพื่อจะทำคอมเพล็กซ์ ใน
ซอยรางน้ำซึ่งเป็นที่เช่าขนาดใหญ่ โดย คิงเพาเวอร์ ไปเช่ากับหน่วยงานที่พ่อของนาย
ไกรทิพย์ ไกรฤกษ์ เคยทำงานอยู่ วงเงินไม่รู้กี่พันล้าน มากมายกว่า พานทองแท้ เยอะ
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #30 เมื่อ: 16-09-2007, 19:38 »

- จ่ายงวดเดียวหรือสามงวดสุดท้ายก็จบที่ กรกฎาคม 2546 เร็วกว่ากำหนดเดิมสองปี
ก็อยากรู้เฉย ๆ ว่า ที่ ทักษิณ โม้ ว่า จ่ายเงิน IMF จ่ายหมด ที่เดียว หกพันกว่าล้านหรือ ปล่าว.....หรือ จ่ายเฉพาะส่วนที่เป็นหนี้ IMF แค่พันกว่าล้าน.....แล้วมาประกาศว่าปลดนี้
- ตราบใดที่ยังไม่ได้ใช้เงินคือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ก็ต้องทำตามเงื่อนไขเค้า เพราะเราเป็นสมาชิก
การที่เราไม่กู้ต่อ ทำให้เรา ไม่ต้องถูกกดดัน ให้ ใช้นโยบายดอกเบี้ยสูง ๆ นโยบายเข้มงวดทางการคลัง ไม่ต้องเดินหน้าแปรรูป รัฐวิสาหกิจ ....จะเห็นว่าในช่วงจากนี่ นายชวน ประกาศหยุดรับความช่วยเหลือ ...ดอกเบี้ย ก็ค่อย ๆ ลดลง จนต่ำเป็นประวัติการณ์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ...นโยบายการเงินการคลังก็เริ่มผ่อนคลาย...รัฐบาล ก็เริ่มไม่พูดเรื่องแปรรูปการไฟฟ้าอีก...
- เปรียบเทียบดอกเบี้ยเงินกู้ ในประเทศ กับ ต่างประเทศ มันเทียบกันตรงๆ ไม่ได้ เพราะมีความต่างของอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละเวลาด้วย
ถูกแล้วครับ...แต่ ดอกเบี้ยที่กู้ในโครงการ IMF มันถูกว่า พันธบัตรที่ออกไปขาย ให้พวกทักษิณเอง....แหะ ๆ เพราะผมไม่ซื้อไม่ได้ เลยโมโห

- ทนง พิทยะ สมัยทักษิณ อยู่ธนาคารทหารไทย และไม่เคยไปอยู่ เครือ ชินคอร์ป เลย จะเป็นทักษิณส่งเข้าประกวดได้อย่างไร มั่วแล้ว
ทนง พิทยะ เป็นเพื่อนแป๊ะ ลิ้มฯ จ๊ะ ไม่ได้มั่ว..แป๊ะลิ้มซี้ปึ๊กทักษิณ มานานแล้วคร๊าบบ  ฟ้ามีตา ไปรับปากเค้าไว้ แล้วไม่ให้....แป๊ะ ลิ้มแว้งกัด ถึงตายเลยเชียว.....โทษครับ ลืมไป แป๊ะ ลิ้มฯ ฝากทักษิณ เข้าประกวด

- โครงการประชานิยมนั่นเองที่ทำให้เศรษฐกิจรากหญ้าแข็งแกร่ง ไม่เจ๊งอีกรอบตอนที่มีวิกฤตการณ์ ซาร์ ไข้หวัดนก น้ำท่วมใหญ่ สึนามิ อื่นๆ อีกมาก
อันนี้ไม่เถียงแล้ว....


 



บันทึกการเข้า
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #31 เมื่อ: 16-09-2007, 19:45 »

- โครงการประชานิยมนั่นเองที่ทำให้เศรษฐกิจรากหญ้าแข็งแกร่ง ไม่เจ๊งอีกรอบตอนที่มีวิกฤตการณ์ ซาร์ ไข้หวัดนก น้ำท่วมใหญ่ สึนามิ อื่นๆ อีกมาก
มั่วจริงๆๆๆๆ สึนามิ นะ ทักษิณกินไปเท่าไหร่ เงินบริจาคนะ  ที่ผ่านมาได้เพราะความสามัคคี ของคนในชาติ ไม่เกี่ยวกับประชานิยมหลอกเด็ก
 ตอนสึนามิ ผมลงไปผมรู้ดี

อีกอย่างตอนหลังมันบอกจะให้เรือเท่าที่เสียหาย สุดท้ายได้หมู่บ้านละลำ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2007, 20:00 โดย amalit1990 » บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #32 เมื่อ: 16-09-2007, 19:48 »

มั่งจริงๆๆๆๆ สึนามิ นะ ทักษิณกินไปเท่าไหร่ เงินบริจาคนะ  ที่ผ่านมาได้เพราะความสามัคคี ของคนในชาติ ไม่เกี่ยวกับประชานิยมหรอกเด็ก
 ตอนสึนามิ ผมลงไปผมรู้ดี

อีกอย่างตอนหลังมันบอกจะให้เรือเท่าที่เสียหาย สุดท้ายได้หมู่บ้านละลำ

เหอ เหอ ผมลงไปอยู่ในรู...ของทักษิณเหรอ ถึงรู้ดีว่าทักษิณกิน ไม่เอาน่ามุกโม้ๆ แบบนี้เค้าเลิกใช้กันแล้ว
อะไรจริงไม่จริงก็หา link มาประกอบ โม้ส่งเดชแบบนี้ใครก็โม้ได้ คนลงไปเป็นพันเป็นหมื่น ไม่เห็นแปลก
บันทึกการเข้า
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #33 เมื่อ: 16-09-2007, 19:53 »

เหอ เหอ ผมลงไปอยู่ในรู...ของทักษิณเหรอ ถึงรู้ดีว่าทักษิณกิน ไม่เอาน่ามุกโม้ๆ แบบนี้เค้าเลิกใช้กันแล้ว
อะไรจริงไม่จริงก็หา link มาประกอบ โม้ส่งเดชแบบนี้ใครก็โม้ได้ คนลงไปเป็นพันเป็นหมื่น ไม่เห็นแปลก

http://www.missingperson.go.th/injuryDetailTh.php?id=200501020077

หลานสาวผม ผมลงไปตามครอบครัวเขา

และลงไปอีกครั้งพร้อมหลวงปู่พุทธอิสระ เพื่อไปสร้างเรือให้ชาวมอร์แกน
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #34 เมื่อ: 16-09-2007, 19:56 »

รูปศพ พ่อแม่เขา ผมไม่ได้เอาลงไว้ เพราะมันน่ากลัวเกินไป

แต่ช่วงนั้นผมก็เลิกกลัวศพไปแล้วละ
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #35 เมื่อ: 16-09-2007, 20:09 »

ทำไมรัฐบาลชวนถึงไม่สามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้
- เพราะเงินไม่พอและหมดวาระการบริหารเสียก่อน ประชาชนส่วนมากไม่เชื่อถือความสามารถว่าบริหารต่อไป
  จะทำอะไรดีๆ ได้ เลยเลือกพรรคไทยรักไทยซะถล่มทลาย ประชาธิปัตย์แพ้ราบคาบ และพรรคไทยรักไทย
  โดยการนำของ พตท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด
- สมัยชวนทำได้ดีที่สุดแค่ไม่เพิ่มหนี้ แต่ก็ไม่สามารถชำระหนี้ได้หมด



อันนี้ ยิ่งงงใหญ่ ทำไมชวนถึงไม่สามารถชำระหนี้ได้......ถามจริง ๆ  ไม่ได้รู้เรื่องเลยจริง ๆ เหรอ....หรือเขียนมั่ว จั่วหัวอย่างแล้วยัดไส้อีกอย่าง

 
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #36 เมื่อ: 16-09-2007, 20:19 »

http://www.missingperson.go.th/injuryDetailTh.php?id=200501020077

หลานสาวผม ผมลงไปตามครอบครัวเขา

และลงไปอีกครั้งพร้อมหลวงปู่พุทธอิสระ เพื่อไปสร้างเรือให้ชาวมอร์แกน

แล้วเห็นทักษิณกินเงินบริจาคกับตาเลยเหรอ ตื่นเต้นแท้ ท่าจะฝืดคอน่าดู 

ทำไมรัฐบาลชวนถึงไม่สามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้
- เพราะเงินไม่พอและหมดวาระการบริหารเสียก่อน ประชาชนส่วนมากไม่เชื่อถือความสามารถว่าบริหารต่อไป
  จะทำอะไรดีๆ ได้ เลยเลือกพรรคไทยรักไทยซะถล่มทลาย ประชาธิปัตย์แพ้ราบคาบ และพรรคไทยรักไทย
  โดยการนำของ พตท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด
- สมัยชวนทำได้ดีที่สุดแค่ไม่เพิ่มหนี้ แต่ก็ไม่สามารถชำระหนี้ได้หมด


อันนี้ ยิ่งงงใหญ่ ทำไมชวนถึงไม่สามารถชำระหนี้ได้......ถามจริง ๆ  ไม่ได้รู้เรื่องเลยจริง ๆ เหรอ....หรือเขียนมั่ว จั่วหัวอย่างแล้วยัดไส้อีกอย่าง

มันน่างงตรงไหน เพิ่งกู้เงินมายังไม่ไปถึงไหน จะบอกว่าสามารถชำระหนี้ได้
สมัยต่อมามันสมัยทักษิณ สมัยที่ชำระคืนมันสมัยทักษิณ ชวนทำได้ซะที่ไหน
บันทึกการเข้า
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #37 เมื่อ: 16-09-2007, 20:25 »

กลับไปอ่านของผมใหม่นะ เรื่องเรือ ที่เสียหายนะ

บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
sensei
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 721



« ตอบ #38 เมื่อ: 16-09-2007, 20:27 »

เอาดีใส่ทักษิณ เอาขี้ไปเขวี้ยงใส่คนอื่น - ไม่เบื่อพฤติกรรมตัวเองบ้างเหรอครับ
บันทึกการเข้า

ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #39 เมื่อ: 16-09-2007, 20:31 »

อมเงินบริจาคไม่พอ

เงินบริจาคที่เหลือไปสร้างหอเตือนภัย ยังหน้าด้านใส่ตรา ทุยรักทุย เข้าไปอีก
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #40 เมื่อ: 16-09-2007, 20:32 »

 

มันน่างงตรงไหน เพิ่งกู้เงินมายังไม่ไปถึงไหน จะบอกว่าสามารถชำระหนี้ได้
สมัยต่อมามันสมัยทักษิณ สมัยที่ชำระคืนมันสมัยทักษิณ ชวนทำได้ซะที่ไหน

สงสัยไม่รู้เรื่องจริง ๆ......เค้ากู้มาทั้งหมด 11,200 ล้าน ตอนทักษิณ มามีหนี้อยู่เท่าไหร่......จะบอกให้ เป็นความรู้  ทักษิณ ไม่ได้มีปัญญา หาเงินตราต่างประเทศ เท่ากับ รัฐบาลชวนน๊ะ ซิบอกให่เด้อ....

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2007, 21:08 โดย 55555 » บันทึกการเข้า
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #41 เมื่อ: 16-09-2007, 20:39 »

ถ้ามาบอกว่า วิกฤติ ตอนสึนามิ เรารอดเพราะทักษิณ

กรุณาเอา ตรีนยัดปากตัวเองครับ
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #42 เมื่อ: 16-09-2007, 20:47 »

เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคมปีนี้ ผมคอยฟังสุนทรพจน์ของท่านนายกรัฐมนตรีที่กล่าวกับประชาชน เนื่องจากเป็นวันที่เราชำระหนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ 2 งวดหมดก่อนกำหนดถึง 2 ปี ที่จริงจะใช้ให้หมดเสียแต่ต้นปีก็ได้ แต่บังเอิญขณะนั้นกำลังจะมีสงครามในตะวันออกกลาง น้ำมันกำลังขึ้นราคา แล้วต่อมาก็ตามมาด้วยโรคทางเดินหายใจอักเสบอย่างเฉียบพลัน ก็เลยชะลอไว้ก่อนจ่ายเป็นงวดๆ

ขณะที่ฟังสุนทรพจน์ของท่านออกทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ผมรู้สึกว่ามีอารมณ์ร่วมกับท่านนายกฯเป็นอย่างมาก ฟังจบแล้วก็รู้สึกโล่งใจ ยินดีปรีดาไปกับรัฐบาลและประชาชนคนไทยด้วย ยินดีว่าเราจะสามารถดำเนินนโยบายการเงินการคลังของเราเองได้

ดีใจที่เราชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้หมด แล้วก็ก่อนเวลาด้วย โดยไม่ต้องรวมบัญชี "ทุนสำรองเงินตรา" กับทุน "สำรองทั่วไป" อย่างที่เคยคิดจะทำกัน โดยจะเอามรดกเก่ามาใช้เขา เราใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้หมดโดยไม่ต้องขายรัฐ วิสาหกิจเอามาใช้หนี้ ซึ่งทั้งสองรายการนี้เราเคยคิดจะทำกันอยู่เมื่อ 4-5 ปีก่อน

แต่เราใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้โดยการทำมาหาเงินตราต่างประเทศได้เองจากนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน และนโยบายดอกเบี้ยที่ถูกต้อง ใช้ระยะสองปีครึ่งที่ผ่านมา

ดีใจที่ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมดแล้วและทุนสำรองของเราไม่ได้ลดลงเลย แต่ตรงกันข้ามทุนสำรองของเรากลับมีมากขึ้น เพียงพอที่จะใช้รักษาเสถียรภาพของเงินบาทของเราได้หากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น

ตื่นเช้าวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันเกิดครบ 5 รอบของผม จึงรู้สึกเบิกบานใจเหมือนกับได้ของขวัญวันเกิดที่วิเศษสุดในชีวิต เพราะผมเองรู้สึกขมขื่นกับไอเอ็มเอฟมานานถึง 5-6 ปี แล้วก็นำธงชาติขึ้นปักที่ประตูหน้าบ้าน ตามคำชักชวนของท่านนายกรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงได้ออกจากบ้านไปทำงาน

ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสกับไอเอ็มเอฟ ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับไอเอ็มเอฟในปี 2524 ปี 2525 และปี 2528 ในสมัยรัฐบาลป๋า ซึ่งขณะนั้นประเทศไทยของเราก็ประสบกับวิกฤตการณ์เศรษฐกิจการเงินเหมือนกัน แต่สืบเนื่องมาจากวิกฤตการณ์น้ำมันครั้งที่ 2

สมัยนั้นผมได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะจะต้องเป็นคนไปอธิบายชี้แจงป๋าเพื่อจะต้องลงนามใน "จดหมายแสดงเจตนา" หรือ "Letter of Intent" ครั้งนั้น เราต้องเบิกเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศถึง 5 งวด

แต่ความรู้สึกของผมกับไอเอ็มเอฟยุคนั้นกับไอเอ็มเอฟยุคนี้ต่างกันเหมือนฟ้ากับดิน

หัวหน้าคณะของไอเอ็มเอฟยุคนั้นชื่อสก็อตต์ ชื่อต้นว่ายังไงก็ลืมเสียแล้ว เป็นชาวอังกฤษ การทำงานเป็นการทำร่วมกัน ระหว่างทีมไอเอ็มเอฟกับทีมคนไทย ส่วนใหญ่จะเป็นความเห็นของคนไทยเสียเป็นส่วนใหญ่ คุณสก็อตต์จะเป็นผู้ไปเสนอ กรรมการบริหารไอเอฟเอฟ ส่วนผมจะแอบไปชี้แจงป๋ากับท่าน รมต.ศุรี มหาสันทนะ

อาการของโรคในยุคนั้นกับยุคนี้นั้นไม่เหมือนกัน กล่าวคือในยุคนั้นวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจของเรา เกิดจากน้ำมันขึ้นราคา อย่างรวดเร็ว และอย่างมาก ทำให้เราต้องจ่ายเงินตราต่างประเทศซื้อน้ำมันเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงประมาณหนึ่งในสาม ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด เป็นการนำเข้าน้ำมันและพลังงานอื่นๆ ขณะเดียวกันการส่งออกซบเซา เพราะทั้งภูมิภาคเอเชียยกเว้นญี่ปุ่น รวมทั้งอเมริกาและยุโรปพากันแย่ตามกันไปหมด ราคาสินค้าเกษตรซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของเราก็แย่ไปด้วย การท่องเที่ยวก็ซบเซาไปพร้อมกัน ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดของเราจึงขาดดุลเป็นจำนวนมากและยืดเยื้อติดต่อกันเป็นเวลานาน

น้ำมันแพงทำให้เกิดเงินเฟ้อในอัตรา 19-20% ต่อปี เงินเฟ้อในอัตราที่สูงทำให้อัตราดอกเบี้ยถีบตัวสูงขึ้นไปด้วย จำได้ว่าป๋าต้องแก้กฎหมายยอมให้อัตราดอกเบี้ยกู้ยืม จากสถาบันการเงินสูงกว่า 15% ได้ เกิดภาวะเงินตึงตัวเป็นระยะๆ อยู่เสมอ

พวกเราคนไทยต้องอธิบายให้คุณสก็อตต์เสมอว่า ระบบเศรษฐกิจของเราเป็นอย่างไร มาตรการมีจากเบาไปทางหนัก ถ้าอันไหนทำแล้วเสียหายก็ถอย

ขณะนั้นมีบริษัทเงินทุนกว่า 30 แห่งธนาคาร 5 แห่งมีปัญหา ตามธรรมเนียมไอเอ็มเอฟก็จะให้ปิดท่าเดียว แล้วก็ไม่ให้ประกันเงินฝาก จะให้ตั้งสถาบันประกันเงินฝากแทน ท่านรัฐมนตรีสมหมายลองปิดไป 8 แห่งเกิดเรื่องใหญ่ ทำท่าจะลุกลามล้มหมดทั้งระบบ ท่านจึงเลิกแล้วทำโครงการ 4 เมษา หรือเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า "Life Boat Program" มาใช้แทนการปิด แล้วประมูลขายสินทรัพย์แบบที่ไอเอ็มเอฟบังคับให้ทำในยุคนี้ จึงไม่ทำให้การเงินถูกตัดขาดตอนแบบที่เราทำในคราวหลังนี้ ทำให้บริษัทดีๆ ก็เลยย่ำแย่ไปด้วย

เมื่อเรานำมาหารือกันแล้วไอเอ็มเอฟก็ยอม เมื่อคราวขึ้นราคารถเมล์เกิดเรื่องใหญ่ มีการประท้วงใหญ่โต ผู้นำกองทัพไม่เห็นด้วย การเมืองจะไปไม่รอด เมื่อปรึกษากันแล้วไอเอ็มเอฟก็ยอมให้ถอย

การทำงานกับไอเอ็มเอฟยุคป๋าจึงไม่ค่อยผิดพลาด เพราะความเห็นมาจากทีมคนไทยเสียเป็นส่วนใหญ่

หนังสือแสดงเจตนาแต่ละฉบับป๋าไม่ได้อนุมัติง่ายๆ ไม่ได้ปล่อยให้รัฐมนตรีกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยว่ากันไปง่ายๆ เพราะท่านต้องรับผิดชอบทุกเรื่อง

มีอยู่หลายครั้งป๋าไม่ยอมอนุมัติหนังสือแสดงเจตนารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉบับที่ 5 ท่านรัฐมนตรีสมหมายกับท่านผู้ว่าการกำจร จึงขอให้ผมไปชี้แจงป๋าที่บ้านสี่เสา เพราะพวกเขาได้เห็นกันมาก่อนแล้ว

ป๋าซักรายละเอียดอยู่นานตั้งแต่ 6 โมงเย็น ไปจนถึง 4 ทุ่มครึ่งไม่ได้ทานข้าวเย็นทั้งคู่

มาคราวนี้ในการเจรจากับไอเอ็มเอฟ เมื่อผมเข้าไปเป็นรองนายกรัฐมนตรี บรรยากาศเป็นคนละเรื่องกับคราวก่อน ดร.สแตนลี ฟิชเชอร์ รองผู้อำนวยการใหญ่คนที่หนึ่งของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ขอนัดพบรองนายกฯ โดยให้มารับประทานข้าวเช้าด้วย ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล ไม่ได้ขอมาพบที่ทำงาน โดยอ้างว่าไม่มีเวลา ผมต้องยอมลดเกียรติของตำแหน่งไปพบ เพราะคิดว่าต้องพึ่งเงินกู้จากเขา ผมนึกในใจว่า ดร.ฟิชเชอร์ลงทุนบินมาเมืองไทยทั้งที ไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะพบกับรองนายกฯ แล้วมาทำไมก็ไม่รู้ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา แค่มากินข้าวเช้าด้วยกันมื้อเดียว จะได้เรื่องอะไร

ผมบอกเขาว่าเราควรจะปรึกษาหารือกันว่าที่เจ้าหน้าที่ทำข้อเสนอเรื่องนโยบายมานั้นถูกต้องหรือไม่ เขาบอกว่าทางไอเอ็มเอฟมีผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายฮูแบรต ไนส์ กับทีมงานของเขา ผมไม่ต้องทำอะไรหรอก เขาจะเตรียมหนังสือแสดงเจตนามาให้เอง เพราะมีแบบมาตรฐานอยู่แล้ว

ตัวเขาเองต้องดูแลประเทศต่างๆ ที่มีปัญหาทางการเงินอยู่ทั่วโลก ไม่มีเวลาจะมาดูแลประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ ผมนึกในใจว่าถ้านายคนนี้มีความคิดแบบนี้ บ้านเราคงแย่แน่

แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ไอเอ็มเอฟเที่ยวนี้มองประเทศไทยเหมือนกับประเทศ เอนพีแอล จุดมุ่งหมายมีอย่างเดียวทำอย่างไรปล่อยเงินกู้ไปแล้วเขาจะได้เงินคืน

นโยบายที่ไอเอ็มเอฟบังคับให้เราทำในเวลาต่อมาจึงไม่ใช่มุ่งประเด็นประคับประคองสถานการณ์ซึ่งอย่างไรก็ต้องแย่อยู่แล้ว ไม่ได้มุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่บีบให้ทุกอย่างหดตัวลงทุกทาง ทั้งในด้านการเงินการคลัง ทั้งสถาบันการเงินให้ปิดสถาบันการเงิน ประฌามประเทศไทยว่ามีแต่ผู้บริหารที่คดโกงทั้งในภาครัฐบาลและภาคเอกชน ไม่โปร่งใส ไม่มีธรรมาภิบาลในบริษัท (bad governance) ทั้งๆ ที่เจ้าหนี้ฝรั่งทั้งหลายเวลาปล่อยเงินกู้ก็ปล่อย เพราะผู้บริหารที่เขาประฌามนั่นเอง

การที่ผู้บริหารบริษัทไทย สถาบันการเงินของไทยไปออกพันธบัตรหุ้นกู้ และกู้ยืมก็เพราะการแนะนำ ของบริษัทวาณิชธนกิจทั้งหลายเหล่านั้น และยิ่งกว่าการแนะนำ ยังเป็นผู้ค้ำประกันการขายพันธบัตรหุ้นกู้เหล่านั้นด้วย

แต่พอเกิดเรื่องผู้บริหารทั้งในภาคเอกชน และภาครัฐบาลทั้งหลายที่นายธนาคารสถาบันการเงินฝรั่งยกย่องให้เป็นผู้กู้เงิน ประกันการขายตราสารหนี้ทั้งหลายให้ก็เลยเป็นผู้ร้ายไปหมด ไม่โปร่งใสไปหมด ไม่มีธรรมาภิบาลไปหมด ต้องออกกฎหมายใหม่มาแก้กฎหมายเล่นงานให้ได้

ตอนที่จะแห่กันมาหาธุรกิจ มาหากำไรในเมืองไทยก็บอกว่าเราเป็นพระเอก เป็นเสือตัวที่ห้า

ปกติหน้าที่ของรัฐบาลก็คือเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ดูแลเศรษฐกิจและพ่อค้าประชาชนมากขึ้นในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ แล้วปล่อยให้เป็นเรื่องของเอกชนในยามเศรษฐกิจรุ่งเรือง และคอยดูอย่าให้ร้อนแรงเกินไป

ไอเอ็มเอฟมาใหม่บอกว่า ไม่ได้ต้องเป็นไปตาม "กลไกตลาด" รัฐบาลห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยว ใครจะล้มจะมีผลกระทบอย่างไร อย่าเข้าไปยุ่ง รัฐบาลมีหน้าที่ปัดกวาดสถาบันการเงินให้สะอาด มีหน้าที่บีบบังคับให้สถาบันการเงินมีการสำรองให้พอกับหนี้เสีย ซึ่งได้เปลี่ยนคำจำกัดความให้เข้มงวดยิ่งขึ้น แล้วต้องเพิ่มทุนให้พอ ถ้าเพิ่มทุนไม่ได้ก็ให้ขายออกไปให้ต่างชาติเสีย

ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ก็ต้องลดขนาดของตนลง (down sizing) โดยการเรียกหนี้คืน ตัดสินเชื่อ ฯลฯ อย่างที่เราเห็นกัน

คำจำกัดความของหนี้เสียแทนที่จะเข้มงวดตอนเศรษฐกิจร้อนแรงแล้วก็ผ่อนคลายตอนเศรษฐกิจมีวิกฤต แต่ให้ทำกลับกัน

ทุกอย่างถ้ารัฐบาลเข้าไปช่วยหรือผ่อนคลาย หรือให้ลูกหนี้เข้ามาซื้อหนี้เสียของตนคืนหรือเจรจาประนอมหนี้ไม่ได้เพราะจะเป็น "อันตรายต่อศีลธรรม" หรือ "เสียวัฒนธรรมของการเป็นลูกหนี้" แต่ถ้าฝรั่งประมูลถูกๆ แล้วไปเจรจาประนอมหนี้กับลูกหนี้ได้ไม่เป็น "อันตรายต่อศีลธรรม" หรือไม่ "เสียวัฒนธรรมของการเป็นลูกหนี้"

ที่น่าช้ำใจที่สุดก็คือ รัฐบาลในยุคนั้นกลับไปเห็นดีเห็นงามกับเขาไปเสียหมด สุนทรพจน์ของผู้นำไทย ในการประชุมระหว่างประเทศฟังแล้วเหมือนสุนทรพจน์ของไอเอ็มเอฟ มากกว่าเป็นสุนทรพจน์ของผู้นำของเรา

เมื่อมาเลเซียประกาศนโยบายที่เขาคิดว่าเหมาะสมกับมาเลเซีย ไม่เป็นไปตามสูตรสำเร็จของไอเอ็มเอฟ กองทุนการเงินระหว่างประเทศรวมทั้งพวกเราในยุคนั้นด้วยก็รุมประฌามมาเลเซียกันใหญ่ และทำนายว่ามาเลเซียจะต้องแย่จะต้องล้มละลาย ภายหลังจึงยอมรับว่ามาเลเซียทำถูก

ในที่สุดไอเอ็มเอฟเองก็ต้องยอมรับว่า ยาที่ตัวปรุงให้ประเทศไทยนั้นผิด นายกองเดส์ซูส์ นายสแตนลี ฟิชเชอร์ นายฮูแบรต ไนส์ ก่อนครบวาระต้องลาออกกันหมด แต่ผู้ที่ต้องรับกรรมเพราะความผิดพลาดของไอเอ็มเอฟคือประชาชนคนไทย เกียรติภูมิของไอเอ็มเอฟตั้งแต่นั้นมาก็ตกต่ำลงเป็นอันมาก

บทเรียนที่เจ็บปวดครั้งนี้ควรจะต้องเขียนบันทึกเอาไว้อย่างละเอียด เพื่อเป็นประโยชน์แก่ประเทศอื่นๆ ที่ต้องพึ่งไอเอ็มเอฟในยามมีวิกฤตและเป็นบทเรียนกับเจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟชุดใหม่ด้วย

สำหรับบ้านเราหวังว่าจะไม่ต้องไปยุ่งกับไอเอ็มเอฟอีก

คอลัมน์ คนเดินตรอก  โดย วีรพงษ์ รามางกูร  ประชาชาติธุรกิจ หน้า 2  วันที่ 11 สิงหาคม 2546  ปีที่ 27 ฉบับที่ 3504 (2704)
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #43 เมื่อ: 16-09-2007, 20:49 »

ถ้ามาบอกว่า วิกฤติ ตอนสึนามิ เรารอดเพราะทักษิณ

กรุณาเอา ตรีนยัดปากตัวเองครับ

บ่นอะไรลอยไปลอยมาอยู่ได้ ข้อมูลก็ไม่มี นั่งเอาตรีนตัวเองยัดปากอยู่เหรอ
บันทึกการเข้า
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #44 เมื่อ: 16-09-2007, 20:51 »

บ่นอะไรลอยไปลอยมาอยู่ได้ ข้อมูลก็ไม่มี นั่งเอาตรีนตัวเองยัดปากอยู่เหรอ
บ่นมรึงไง ที่มรึงบอกประชานิยมหลอกเด็ก พาแก้วิกฤตินะ ถุย!!

เอาข้อมูลประชานิยมแก้วิกฤติมามั่งดิ
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #45 เมื่อ: 16-09-2007, 20:58 »

บ่นมรึงไง ที่มรึงบอกประชานิยมหลอกเด็ก พาแก้วิกฤตินะ ถุย!!

เอาข้อมูลประชานิยมแก้วิกฤติมามั่งดิ
วันที่ 17 กันยายน 2547
รมช.คลังยืนยันนโยบายรัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาความยากจน

            นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เรื่องการปรับปรุงการคำนวณเส้นความยากจน จากเดิมที่ระดับ 922 บาท/คน/เดือน เป็น 1,163 บาท/คน/เดือน ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่ามีจำนวนคนจนที่มีระดับรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนมากขึ้นว่า หลักการของเส้นความยากจนก็คือการดูว่าประชากรที่มีรายได้ต่ำกว่าระดับรายได้ขั้นต่ำที่จำเป็นต่อการดำรงชีพมีจำนวนเท่าไร การปรับวิธีคิดเส้นความยากจนทำให้ระดับรายได้ขั้นต่ำดังกล่าวสูงขึ้นย่อมทำให้มีประชากรที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนสูงขึ้น
            อย่างไรก็ดี  เมื่อพิจารณาข้อมูลความยากจนโดยใช้เส้นความยากจนแบบวิธีเดิมพบว่า จำนวนคนจน และสัดส่วนของคนยากจนต่อประชากร ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2543-2545 (จำนวนคนจนปี 2543 = 9.9 ล้านคน  ปี 44 =  8.2 ล้านคน  ปี 45 = 6.2 ล้านคน สัดส่วนคนจนปี 43 = 14.2%   ปี 44 = 13.1%  ปี 45 = 9.8%)
            ดังนั้นหากนำวิธีคิดเส้นความยากจนตามวิธีใหม่มาใช้ย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2543 เชื่อว่าจำนวนคนจน และสัดส่วนคนจนคงไม่สูงอย่างที่เป็นข่าว นอกจากนี้ ควรมีการวิเคราะห์เครื่องชี้วัดอื่นๆ  ด้วย เช่นการกระจายรายได้ โดยดูที่ดัชนี Gini (เครื่องชี้วัดการกระจายรายได้)  ซึ่งเท่าที่ดูผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติตั้งแต่หลังวิกฤตเศรษฐกิจแล้ว  ดัชนี Gini มีแน้วโน้มดีขึ้น 
            นายวราเทพยังกล่าวอีกว่านโยบายรัฐบาลที่ ดร. อัมมาร สยามวาลากล่าวถึงนั้น ได้สร้างประโยชน์และเป็นผลดีต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็น กองทุนหมู่บ้าน หรือการพักนี้เกษตรกร ที่ว่าการพักหนี้เป็นการช่วยเหลือคนมีรายได้สูง เป็นการมองเพียงบางราย  แต่ผู้ได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่ยังคงเป็นเกษตรกรยากจน
           “โดยสรุปแล้วยังยืนยันว่านโยบายต่างๆ ของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความยากจน รัฐบาลจะทำให้เป็นจริงอย่างแน่นอนในอนาคต” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวในท้ายที่สุด


ต้องไปดูที่ ดัชนี GINI ประกอบกับ ค่า GDP per Capita ถึงจะรู้ว่ามันดีขึ้น เยอะ
บันทึกการเข้า
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #46 เมื่อ: 16-09-2007, 21:03 »

แล้วมันจะแก้วิกฤติที่เกิดขึ้นแล้วอย่างไร?

วิกฤติที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง บางคนที่ได้รับประชานิยมไม่รับรู้ด้วยซ้ำ

แต่ที่แน่ๆคือ วิกฤติสึนามิ ประชานิยม งี่เง่าหลอกเด็กมิได้เป็นการช่วยเลือกอะไรทั้งสิ้น

เพราะเรื่องนี้เกิดที่ภาคใต้!!
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #47 เมื่อ: 16-09-2007, 21:48 »

วันที่ 17 กันยายน 2547
รมช.คลังยืนยันนโยบายรัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาความยากจน

            นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เรื่องการปรับปรุงการคำนวณเส้นความยากจน จากเดิมที่ระดับ 922 บาท/คน/เดือน เป็น 1,163 บาท/คน/เดือน ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่ามีจำนวนคนจนที่มีระดับรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนมากขึ้นว่า หลักการของเส้นความยากจนก็คือการดูว่าประชากรที่มีรายได้ต่ำกว่าระดับรายได้ขั้นต่ำที่จำเป็นต่อการดำรงชีพมีจำนวนเท่าไร การปรับวิธีคิดเส้นความยากจนทำให้ระดับรายได้ขั้นต่ำดังกล่าวสูงขึ้นย่อมทำให้มีประชากรที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนสูงขึ้น
            อย่างไรก็ดี  เมื่อพิจารณาข้อมูลความยากจนโดยใช้เส้นความยากจนแบบวิธีเดิมพบว่า จำนวนคนจน และสัดส่วนของคนยากจนต่อประชากร ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2543-2545 (จำนวนคนจนปี 2543 = 9.9 ล้านคน  ปี 44 =  8.2 ล้านคน  ปี 45 = 6.2 ล้านคน สัดส่วนคนจนปี 43 = 14.2%   ปี 44 = 13.1%  ปี 45 = 9.8%)
            ดังนั้นหากนำวิธีคิดเส้นความยากจนตามวิธีใหม่มาใช้ย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2543 เชื่อว่าจำนวนคนจน และสัดส่วนคนจนคงไม่สูงอย่างที่เป็นข่าว นอกจากนี้ ควรมีการวิเคราะห์เครื่องชี้วัดอื่นๆ  ด้วย เช่นการกระจายรายได้ โดยดูที่ดัชนี Gini (เครื่องชี้วัดการกระจายรายได้)  ซึ่งเท่าที่ดูผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติตั้งแต่หลังวิกฤตเศรษฐกิจแล้ว  ดัชนี Gini มีแน้วโน้มดีขึ้น 
            นายวราเทพยังกล่าวอีกว่านโยบายรัฐบาลที่ ดร. อัมมาร สยามวาลากล่าวถึงนั้น ได้สร้างประโยชน์และเป็นผลดีต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็น กองทุนหมู่บ้าน หรือการพักนี้เกษตรกร ที่ว่าการพักหนี้เป็นการช่วยเหลือคนมีรายได้สูง เป็นการมองเพียงบางราย  แต่ผู้ได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่ยังคงเป็นเกษตรกรยากจน
           “โดยสรุปแล้วยังยืนยันว่านโยบายต่างๆ ของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความยากจน รัฐบาลจะทำให้เป็นจริงอย่างแน่นอนในอนาคต” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวในท้ายที่สุด


ต้องไปดูที่ ดัชนี GINI ประกอบกับ ค่า GDP per Capita ถึงจะรู้ว่ามันดีขึ้น เยอะ

เอ็งคงเชื่อ รมต สินะ

เอาข้อมูลปัจจุบันที่เขาวิเคราะห์เรื่องนี้มาให้ดูทีสิแถ
ปี 47 มันเก่าไป

พิษประชานิยมยังไม่ลามมาก
ปี 49 นี่ลามสุดๆ
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #48 เมื่อ: 16-09-2007, 22:07 »



ใช้เส้นความยากจนที่มีการปรับแก้ด้วย ดูข้อมูลที่สภาพัฒน์ฯ

นอกนั้นสถิติเปรียบเทียบระหว่างก่อนหน้าทักษิณ

จนมาถึงหลังทักษิณ รายได้ต่อครัวเรือนเพิ่มไม่ต่างกันมากนัก เทียบกับค่าเงินเฟ้อเฉลี่ย

ทีมีปัญหาคือหนี้สินภาคครัวเรือน

และการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าครัวเรือนโดยตรง
บันทึกการเข้า

หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,131


กูรู้มึงต้องอ่าน ฮ่าๆ ขำขำนะจ๊ะ


เว็บไซต์
« ตอบ #49 เมื่อ: 17-09-2007, 00:13 »

ซึนามิเหลี่มบริจาก10ล้านถ้าเทียบกับเงินที่มีเท่ากับบริจากแค่ไม่กี่เปอร์เซ็น

แต่ปู่เย็นมีเงินอยู่800บาทแถมยังโดนโจรขโมยเงินไปอีกแต่ปู่เย็นก็บริจากเงินให้กับเด็ก100บาทถ้าเทียบกันแล้วปู่เย็นทำบุญมากกว่าเลี่ยมตั้งเยอะ
บันทึกการเข้า

ขอมอบ เพลงนี้ให้กับพี่น้อง พันธมิตรทุกคนฮะ


http://www.imeem.com/sakujo/music/04_GaHIQ/09_avenged_sevenfold_strength_of_the_worldmp3/

strength of the world
หน้า: [1] 2 3 4
    กระโดดไป: