ด้าน นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ประชาธิปไตยไทยที่ผ่านมา อิงกับระบบทุน และหลังจากนี้ประชาธิปไตย จะไม่ได้อยู่กับระบบทุน หรือปลายกระบอกปืนอีกต่อไปแล้ว ประชาธิปไตยจะอยู่ในมือของประชาชน เพราะการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง ทำให้ประชาชนตื่นตัว และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมืองและการปกครอง ซึ่งการเมืองการปกครองของประเทศใดต่อไปนี้ ไม่สามารถอยู่โดดเดี่ยวในโลกได้ เพราะจะต้องเข้าสู่บทบาทของประชาธิปไตยโลก ซึ่งเห็นได้ชัดจากเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ซึ่งเกิดผลกระทบต่อด้านเศรษฐกิจและสังเป็นอย่างมาก
นายกฯ ของไทย ที่มาจากการรัฐประหารไม่สามารถเดินทางไปเยือนสหภาพยุโรป หรือตะวันตกได้เยือนได้เฉพาะประเทศในเอเชียเท่านั้น ซึ่งหากใครยังอยู่ในอำนาจเผด็จการ โอกาสที่จะยืนได้อย่างสง่างาม ในสังคมโลก คงเป็นไปได้ยาก ประชาธิปไตยนับจากนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่การมีส่วนร่วมของประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมแบบทางตรงซึ่งเห็นได้ชัดในวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ในการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ประชาชนให้ความสนใจเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในทางตรง ซึ่งต่อไปนี้ ประธิปไตยแบบตัวแทนจะเกิดขึ้นได้ยาก เพราะประชาชนยากมีส่วนร่วมทางการเมืองในทางตรงมากขึ้น
ที่สำคัญประชาธิปไตยจะก้าวหน้าต้องมีการยึดมั่นในเรื่องผลประโยชน์ส่วนรวม มากกว่า ธุรกิจส่วนตัว จะหวังให้องค์กรอิสระเข้ามาตรวจสอบนักการเมืองคงเป็นเรื่องยาก ซึ่งเห็นได้ชัดจาก คตส. ที่เข้ามาตรวจสอบในเรื่อง รถและเรือดับเพลิง ซึ่งขณะนี้ยังค้างคาอยู่ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นองค์กรอิสระจะทำงานได้อย่างอิสระแท้จริงหรือไม่นั้น ยังไม่มีใครรู้ ในอดีตก็เคยเห็นตัวอย่าง เช่นป.ป.ช.ได้มีการตัดสินให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในคดีซุกหุ้น 1 ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเพียง 2 อาทิตย์เท่านั้น
นพ.สุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ผู้บริหารของประเทศนับจากนี้ จะต้องมีการจัดการเรื่องผลประโยชน์ของชาติ และของสังคมให้ลงตัว ถ้านายอภิสิทธิ์โชคร้ายได้เป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งหน้า
เพราะมีคนบอกว่า ใครได้เป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็นบุคคลที่โชคร้าย ก็จะได้มีโอกาสรับรู้ถึงปัญหาที่เคยเกิดขึ้น กับอดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้นคนที่จะมาบริหารประเทศต่อไปนี้ จะมีผลสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การปกครอง ประวัติศาสตร์ และการพัฒนาประเทศ ดังนั้น คนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี คือคนที่โชคร้ายคนต่อไป
"ผมขอฝากว่า 1 วันในทำเนียบฯ คือสิ่งสำคัญของคนทั้งประเทศ ดังนั้น หากนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องประคับประคองวิกฤติตลอด 1 ปี ให้กลับคืนมาให้ได้"นพ.สุรพงษ์ กล่าว
http://www.bangkokbiznews.com/2007/09/15/WW10_WW10_news.php?newsid=101163 'หมอเลี๊ยบ' ยังมีความคิดเหมือน 5-6 ปีที่ผ่านมา ไม่เปลี่ยนแปลง
ยังคิดว่า"นายผู้ชาย" เป็นนักประชาธิปไตย ศรัทธาระบบรัฐสภา ผลประโยชน์ส่วนรวม
บริหารประเทศไทยตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ไม่ได้บิดเบือน............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า