ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
26-04-2024, 20:57
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  "ซุก" โดยสุจริต อีกแล้วครับทั่น 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: 1 [2]
"ซุก" โดยสุจริต อีกแล้วครับทั่น  (อ่าน 4987 ครั้ง)
sensei
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 721



« ตอบ #50 เมื่อ: 12-09-2007, 12:13 »

จะเข้ามาอ่านหาข้อมูลสักหน่อย  เห็น บรรทัดแรก มีคำว่า  คตส.
ผมก็เลิกอ่านระ  ไม่ไหว  ไร้ความเป็นกลาง  หาเรื่องใส่ร้ายเกินไป
 

เจ็บสีข้างไหมครับ ?   
บันทึกการเข้า

soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« ตอบ #51 เมื่อ: 12-09-2007, 12:18 »

วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10777

เส้นทางเงินปันผล ชินวัตร โยงใยนัวเนีย...สุดท้ายเข้าบัญชี พจมาน









 
จากรายงานผลการตรวจสอบผู้ถือหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชินคอร์ป ของครอบครัวชินวัตร โดยคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งมีหลักฐานเพียงพอที่จะน่าเชื่อได้ว่า ระหว่างปี 2543-2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และภริยา ได้ร่วมกันใช้ชื่อบุตรและพี่น้องถือหุ้นชินคอร์ป 49.6% แทนตนเพื่อหลีกเลี่ยงข้อกำหนดของกฎหมายโดยมิชอบ

แม้ธุรกรรมซื้อขายที่เกิดขึ้นจะมีความไม่น่าเชื่อถือหลายประการก็ตาม แต่ปรากฏพฤติการณ์ภายหลังว่าผู้มีชื่อถือหุ้นได้แสดงอำนาจกรรมสิทธิ์ให้เห็นได้ชัดเจน เช่น แบ่งหุ้นไปขายในตลาด (150 บาท) แล้วนำเงินมาชำระหนี้ค่าหุ้นที่ได้มาในราคาถูก (10 บาท) เพื่อเป็นเจ้าของโดยสิทธิขาดก็ดี หรือมีการนำเงินปันผลไปใช้สอยส่วนตัว หรือรวมเก็บปะปนไปกับบัญชีเงินส่วนตัวบ้าง ฯลฯ ดังนี้ อาจทำให้เชื่อได้ว่าเป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริงได้

แต่ผลจากการตรวจสอบกลับปรากฏในทางตรงข้ามว่า ผู้มีชื่อทั้งหมดมิได้มีพฤติการณ์ที่แสดงออกซึ่งอำนาจกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงเลย กล่าวคือ

1.การรับเงินปันผล จากการตรวจสอบบัญชีธนาคารของผู้มีชื่อซื้อหุ้นทั้ง 4 คน ที่ใช้รับเงินปันผลจากบริษัทชินคอร์ป 6 งวด ก่อนการขายหุ้น ได้แก่งวด 1/46, 2/46, 1/47, 2/47, 1/48 และ 2/48 นั้นได้พบว่า ผู้มีชื่อถือหุ้นทั้งหมดต้องมอบให้ผู้ดูแลการเงินของคุณหญิง เป็นผู้มีสิทธิรับเช็คแต่ผู้เดียว และเมื่อเช็คเหล่านี้เข้าบัญชีธนาคารของแต่ละคนแล้ว ก็จะมีการส่งเงินปันผลคืนคุณหญิงเสมอ ในช่องทางต่างกันดังนี้

-นายพานทองแท้ ชินวัตร ได้ชำระเงินปันผลทุกงวด ยกเว้นงวดที่ 2/46 คืนให้แก่ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ดังตารางซึ่งสรุปจากบัญชีเงินฝากของผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
 


(ตาราง)

จากรายการบัญชีเงินฝากของนายพานทองแท้ข้างต้น จะพบการรับเงินปันผล 6 งวด แล้วเร่งจ่ายเป็นเช็คส่งให้คุณหญิงภายใน 1 เดือนทุกครั้งไป ยกเว้น งวดที่ 2/46 นั้น ได้นำไปจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) แต่หลังจากนั้น เมื่อ ได้ขายหุ้นธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) เหล่านี้ออกไปแล้วเงินเล่นหุ้นก้อนนี้ก็ถูกนำมาจ่ายคืนคุณหญิงพจมาน ชินวัตร อยู่ดี เงินปันผลทั้งหมดที่ส่งคืนคุณหญิงผู้อ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ค่าขายหุ้นนี้ ได้รวมจำนวนแล้วพบว่าท่วมราคาที่อ้างว่าหนี้ค่าซื้อหุ้นตามราคาพาร์ ไปเป็นอันมากทีเดียว

ชื่อนายพานทองแท้จึงน่าจะถูกนำไปใช้เพื่อถือหุ้นชิน, เพื่อพักเงินปันผล หรือนำเงินปันผลไปเล่นหุ้นแทนเจ้าของที่แท้จริงมาตลอดเท่านั้น

ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ได้เตรียมการรองรับเงินปันผลเหล่านี้ไว้แล้วในบัญชีทรัพย์สินที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. โดยระบุทรัพย์สินก้อนที่เป็นสิทธิตามตั๋วสัญญาใช้เงินไว้ เพิ่มเติมจำนวน 4,500 ล้านบาท ซึ่งจนบัดนี้ คุณหญิงและเลขาฯก็ไม่สามารถระบุที่มาของหนี้ตามตั๋วนี้ต่อ คตส.ได้เลย กรณีจึงทำให้เชื่อได้ว่า หนี้ก้อนนี้เป็นหนี้เทียม ที่สร้างไว้เพื่อให้คุณหญิงใช้รอรับเงินปันผลจากนายพานทองแท้เท่านั้นเอง

-น.ส.พินทองทา ชินวัตร ใช้เงินปันผลงวดแรกซื้อหุ้นเพิ่มเติมจากนายพานทองแท้ ชินวัตร ส่วนปันผลที่เหลือ ไม่ได้ใช้ โดยได้ให้การว่าตนมีบัญชีสำหรับใช้เงินได้ต่างหากเพียงบัญชีเดียวซึ่งไม่ใช่บัญชีที่รับเงินปันผลนี้
 


จากหลักฐานในบัญชีที่รับและสะสมปันผลนี้ นอกจากรายการใช้จ่ายเพื่อรับโอนหุ้นเพิ่มเติมจากนายพานทองแท้ ชินวัตร ทั้ง SHIN, SATTEL และ TMB แล้ว มีการใช้รายการใหญ่ๆ เพียงครั้งเดียว คือการซื้อหุ้น 5 บริษัท ได้แก่ (1) พีที คอร์ปอเรชั่น (2) เอสซี ออฟฟิซปาร์ค (3) เวิร์ธ ซัพพลาย (4) บีพี พร็อพเพอร์ตี้ และ (5) เอส ซี เค เอสเตท คืนจากวินมาร์คเป็นเงิน 485,829,800 บาท

โดยคำให้การของ น.ส.พินทองทา ว่า "ข้าพเจ้ามีอยู่สามบัญชี ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารเอเชีย และธนาคารกรุงเทพ และมีบัญชีต่างฝากต่างประเทศ สองบัญชี คือ บัญชีที่ธนาคารยูบีเอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และธนาคารบาร์เคลย์ ประเทศอังกฤษ… ในการเบิกจ่ายจากบัญชีนี้ ข้าพเจ้าจะลงชื่อในเอกสารทิ้งไว้ให้แก่นางกาญจนาภา..." และ "บ้านที่พักอาศัยที่กรุงลอนดอน เป็นบ้านซึ่งเป็นชื่อข้าพเจ้า เงินที่ซื้อบ้านเป็นเงินของข้าพเจ้า แต่จ่ายจากบัญชีใดข้าพเจ้าไม่ทราบ ข้าพเจ้าไม่มีรายได้ แต่ถ้าเงินนั้นมาจากบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ก็เป็นเงินที่ได้จากการขายหุ้น บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด ให้แก่กลุ่มเทมาเส็ก เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549"

แต่ในความเป็นจริงนั้น ได้มีการโอนเงินออกไปต่างประเทศกว่า 10 รายการ เรื่องบ้านและรถยนต์ที่ลอนดอน ตั้งแต่ช่วงพฤษภาคม-กันยายน 2548 ก่อนการขายหุ้นมูลค่านับหมื่นๆ ล้านบาท ในเดือนมกราคม 2549 โดยมีรายการดังต่อไปนี้

การลงนามเอกสารถอนเงินทิ้งไว้ให้เลขาฯคุณหญิงพจมาน และการไม่รับรู้ใดๆ ถึงเงินเข้าออกในบัญชี ทั้งที่เป็นรายการใหญ่นับร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่า น.ส.พินทองทา ชินวัตร เป็นเพียงผู้ถือหุ้นหุ่นเชิดเท่านั้น

(ตาราง)

-น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ทำตั๋วสัญญาใช้เงินค้างค่าหุ้นจำนวน 20,000,000 บาท ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2543 โดยไม่ได้ชำระเงินคืนเลย แม้ตนเองจะมีฐานะมั่นคงมากก็ตาม

ภาพนี้แสดงการรับเงินปันผลงวดที่ 1/46 จำนวน 9,000,000 บาท แล้วชำระคืนทั้งจำนวน ต่อมาเป็นงวดที่ 2/46 รับมาจำนวน 13,500,000 บาท ต้องชำระหนี้คงค้างให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เพียง 11,000,000 บาท เท่านั้น แต่ในชั้นแรกกลับจะชำระคืนให้ทั้งจำนวนด้วยความเคยชิน จึงกรอกสั่งจ่ายในเช็คเต็มจำนวน ครั้นได้คิดจึงขีดฆ่าออก เป็น 11 ล้านบาทในที่สุด หลังจากนั้นเมื่อออกเช็คชำระเต็มจำนวนที่อ้างว่าเป็นหนี้ 20 ล้านบาทแล้ว เมื่อต้องรับเงินปันผลครั้งใดอีก ก็จะใช้วิธีถอนเงินสด โดยบางครั้งก็ถึงกับต้องใช้เช็ค 9-10 ใบ สั่งจ่ายด้วยเลขที่เช็คที่ติดต่อกัน และถอนครั้งละ 1-2 ล้านบาท (บางครั้งก็เกิน 2 ล้านบาท) ด้วยเจ้าหน้าที่ของคุณหญิง ในที่สุด

พฤติการณ์ทั้งปวงนี้ทำให้เชื่อได้เช่นกันว่าถูกยืมชื่อถือหุ้น และยืมบัญชีรับเงินปันผลเท่านั้นเอง

(ตาราง)

-นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ชำระคืนเงินปันผลเต็มจำนวนบ้าง บางส่วนบ้างให้แก่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร เพื่อชำระเงินกู้ค่าหุ้นตามที่กล่าวอ้างไว้ ส่วนเงินปันผลคงเหลือที่ยังไม่ได้ชำระคืน จะสะสมรวมกับปันผลงวดต่อมาอีก 2 งวด แล้วแยกไปเปิดบัญชีใหม่ แยกต่างหากจากบัญชีสำหรับใช้ส่วนตัว และบัญชีใหม่ที่แยกต่างหากนี้ใช้รับเงินปันผลงวดสุดท้าย และค่าขายหุ้นในเวลาต่อมา

หน้า 20
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01eci01120950&day=2007-09-12&sectionid=0142
****************************
บันทึกการเข้า
soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« ตอบ #52 เมื่อ: 12-09-2007, 12:27 »

พบเงินปริศนา4พันล.ชินคอร์ปจ่าย'อ้อ' คตส.จี้ก.ล.ต.สอบ! 'วินมาร์ค' อินไซเดอร์


อนุกรรมการ คตส.ตรวจสอบพบเงินปริศนา ชินคอร์ปจ่ายให้'พจมาน' 4,000 ล้าน เอาไปซื้อหุ้นเพิ่มทุน อ้างเป็นการคืนหุ้นกู้ที่กู้จาก'อ้อ'เมื่อปี 2541 เผย'แก้วสรร'นายกรัฐมนตรีให้ช่วยสั่งการ ก.ล.ต.-เร่งสอบอินไซเดอร์ ขอความร่วมมืออัยการสูงสุดติดตามทรัพย์สินเมืองนอก '


กรณีคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีมติเมื่อวันที่ 10 กันยายน ให้ตั้งข้อกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100(3)กรณีเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียในการถือครองหุ้นบริษัทที่ได้รับสัมปทานกับรัฐหรือที่เรียกว่า ซุกหุ้นภาค 2 โดยใช้ชื่อบุตรและพี่น้อง รวมถึงบริษัท แอมเพิลริช อินเวสต์เมนท์ จำกัด ถือหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชินคอร์ป ช่วงปี 2542-2549 โดยมิใช่การขายหุ้นที่แท้จริง แต่น่าจะเป็นตัวแทนเชิด โดยมีหลักฐานจากธนาคารยูบีเอส เอจี สิงคโปร์ ที่ระบุว่าผู้มีอำนาจในการถอนหุ้นชินคอร์ปของบริษัทแอมเพิลริชฯ คือ 'Dr.T.Shinawatra'หรือ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ขณะที่ยังดำรงตำแหน่งนายกฯอยู่ และมีหลักฐานเงินปันผลจากหุ้นชินคอร์ปของบุตรและพี่น้อง ที่ไหลไปเข้าบัญชีของคุณหญิงพจมานนั้น

(อ่านรายงานเปิดหลักฐานมัด'วินมาร์ค'..ประกอบคลิกที่นี่)

(อ่านรายงานเส้นทางเงินปันผล'ชินวัตร'โยงใยนัวเนีย...ประกอบคลิกที่นี่)

ชินคอร์ปจ่ายเงิน'พจนมาน'4พันล้าน

ผู้สื่อข่าว'มติชนออนไลน์'รายงานเมื่อวันที่ 11 กันยายนว่า จากรายงานการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในการเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจตนเองและพวกพ้องยังพบว่า ในปี 2542 ชินคอร์ปได้จ่ายเงินกว่า 4,000 ล้านบาทให้แก่คุณหญิงพจมาน ในวันที่ 19 และ 22 กุมภาพันธ์ 2542 ซึ่งมีข้อน่าสงสัยอย่างมาก เพราะรายการดังกล่าวมิได้มีการเปิดเผยเป็นรายการระหว่างกันอย่างชัดเจนในหมายเหตุประกอบงบการเงิน หรือแบบรายงาน 56-1 ซึ่งใช้เปิดเผยต่อนักลงทุนตามกฎหมายบริษัทมหาชนแต่อย่างใด

อ้างคืนเงินกู้-เอาไปซื้อหุ้นเพิ่มทุน

'หลังจากนั้นคุณหญิงพจมานได้ใช้เงินส่วนหนึ่งประมาณ 1,115 ล้านบาท เพื่อจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตรา 1:1 ในราคาหุ้นละ 15 บาท สำหรับทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ คุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรมของคุณหญิงพจมานทั้งจำนวนด้วย' รายงานระบุ

รายงานดังกล่าวยังตั้งข้อสังเกตว่า เงินที่จ่ายออกจากชินคอร์ปกว่า4,000  ล้านบาทนี้มาจากไหน ซึ่งจากการตรวจสอบทางบริษัทชินคอร์ปอ้างว่า เป็นการจ่ายเงินคืนเงินกู้ที่บริษัทกุ้เงินจากคุณหญิงในรูปการออกหุ้นกู้เมื่อปี 2541 อย่างไรก็ตาม คตส.ยังต้องตรวจสอบต่อไปว่า เพรายังมีข้อน่าสงสัยและต้องดูว่า เงินกู้ดังกล่าวมีการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ในช่วงปลายปี 2541 ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณได้ยื่นไว้ในช่วงที่พ้นตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีสมัยพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ครบ 1 ปีหรือไม่

ให้นายกฯบี้ก.ล.ต.สอบอินไซเดอร์

แหล่งข่าวจาก คตส.กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายแก้วสรรอติโพธิ กรรมการและเลขานุการ คตส.ได้หารือกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลนานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความร่วมมือให้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมถึงขอความร่วมมือกับสำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบทรัพย์สินในต่างประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ

'โดยขอให้สำนักงานอัยการสูงสุดนำ พ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ.2535 มาใช้เพื่อขอความร่วมมือกับต่างประเทศในการติดตามตรวจสอบและอายัดเงิน เช่นเดียวกับ ปปง.ที่ขอให้นำข้อตกลงความร่วมมือป้องปรามการฟอกเงินข้ามชาติมาใช้ในการตรวจสอบติดตามŽ แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า  ส่วน ก.ล.ต.ขอให้ตรวจสอบกรณีบริษัทวินมาร์ค ว่ามีการใช้ข้อมูลภายใน (อินไซเดอร์) หรือไม่ ที่กว้านซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อยหุ้นละ 39 บาท จนจำนวนหุ้นที่ถือเพิ่มขึ้นจาก 55 ล้านหุ้น เป็น 133 ล้านหุ้น ก่อนนำหุ้นไปขายให้กับกลุ่มเทมาเส็ก ราคาหุ้นละ 49.25 บาท ทำให้ได้กำไรกว่า 500 ล้านบาทรวมถึงการกระทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535กรณีอื่นๆด้วยหรือไม่ โดยในวันที่ 17 กันยายน จะเสนอที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่เห็นชอบที่จะทำหนังสือแจ้งไปยัง ก.ล.ต.

'นอกจากนี้ จะทำหนังสืออีก 1 ฉบับ แจ้งไปยัง พล.อ.สุรยุทธ์ เพื่อขอให้สั่งการไปยัง ก.ล.ต.ให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากที่ผ่านมา ก.ล.ต.ไม่มีการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว และการตรวจสอบข้อมูลที่ผ่านมาก็ดำเนินการอย่างไม่ค่อยจริงจังเท่าที่ควร อีกทั้งยังไม่ให้ความร่วมมือในการเข้าให้ข้อมูลกับ คตส.เท่าที่ควรด้วย' แหล่งข่าวกล่าว

ก.ล.ต.รับลูก ขอข้อมูล คตส.ซุกหุ้น

ด้านนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวถึงกรณีที่ คตส.ตั้งข้อกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานว่าไม่ได้ขายหุ้นที่แท้จริง รวมทั้งบริษัทวินมาร์คน่าจะเป็นเจ้าของเดียวกับบริษัทแอมเพิลริช ซึ่งอาจจะเข้าข่ายเป็นการใช้ข้อมูลภายในนั้น นายธีระชัยกล่าวว่า ข้อมูลที่ คตส.ได้รับอาจเป็นข้อมูลใหม่ที่ ก.ล.ต. ไม่เคยรับรู้มาก่อน ดังนั้น ก.ล.ต.จะประสานข้อมูลกับ คตส. เพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลนั้นนำไปสู่การกระทำผิดใดตามกฎหมายหลักทรัพย์ฯต่อไป

'หลายเรื่องที่ ก.ล.ต.ทำ บุคคลภายนอกไม่รู้ และ ก.ล.ต.ก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะจะขัดกับข้อตกลงที่ได้รับความร่วมมือจากต่างประเทศ แต่ยืนยันว่า ก.ล.ต.ทำเต็มที่แล้ว ส่วนข้อกล่าวหาว่า ก.ล.ต.เลือกที่จะตรวจบางเรื่องและปล่อยให้บางเรื่องหลุดนั้น ขอยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก.ล.ต.ไม่เคยเลือกปฏิบัติ รวมทั้งยินดีที่จะให้ความร่วมมือที่ตรวจสอบเพิ่มเติมในทันทีหากมีข้อมูลใหม่'นายธีระชัยกล่าว


 อ้างขายหุ้นให้ โอ๊ก-เอม ก่อนเป็นนายกฯ

ด้านนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของ พ.ต. ทักษิณ ชินวัตร แถลงว่า ความจริงหลักฐานดังกล่าวไม่ใช่ข้อมูลใหม่แต่อย่างใด เพราะ พ.ต.ท. ทักษิณ ได้เคยชี้แจงเรื่องนี้ต่อ คตส. แล้ว แต่ คตส. เลือกที่จะดึงข้อมูลบางส่วนมาพยายามสร้างเรื่อง 'ซุกหุ้นรอบ 2' ขึ้นมาใหม่  หลักฐานที่นำมากล่าวอ้างจึงเป็นเท็จ

นายนพดลลกล่าวว่า พ.ต.ท. ทักษิณได้ขายหุ้นให้แก่บุตรชายและบุตรสาว (นายพานทองแท้ - นางสาวพิณทองทา ชินวัตร) ตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเรื่องนี้ พ.ต.ท. ทักษิณได้รายงานต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) แล้วและได้มีการชี้แจงต่อสาธารณชนแล้วด้วย ส่วนเอกสารที่ คตส. กล่าวอ้างว่า พ.ต.ท. ทักษิณมีอำนาจลงนามสั่งการในบัญชีหุ้นของแอมเปิ้ลริชตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะตั้งแต่ พ.ต.ท. ทักษิณขายหุ้นให้ลูกก้ไม่ได้ไปข้องเกี่ยวใดๆ กับแอมเปิ้ลริชอีก ถ้า คตส. มีใจเป็นธรรมก็จะทราบว่า พ.ต.ท. ทักษิณได้ขายหุ้นให้แก่ลูกหมดแล้วก่อนเป็นนายกฯ ดังนั้นหลักฐานที่นำมากล่าวอ้างจึงถือเป็นเท็จ


ชี้ 'คตส.' โมเมกล่าวหา 'แม้ว' ใช้วินมาร์คซุกหุ้น

นายนพดลกล่าวว่า ข้อกล่าวหาของ คตส. ที่ว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ใช้กองทุนวินมาร์คเป็นตัวช่วยซุกหุ้น โดยได้ทำการกว้านซื้อหุ้นชินคอร์ปก่อนขายให้เทมาเส็ก เพื่อใช้นโยบายในช่วงที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเครื่องมือเก็งกำไรนั้น เรื่องนี้ทางดีเอสไอเองก็กำลังสอบสวนเรื่องนี้อยู่และยังหาข้อสรุปไม่ได้ คตส. กลับสรุปประเด็นนี้ได้เองเหมือนกรณีแอมเปิ้ลริช ถือได้ว่า คตส. โมเมไปเอง ยืนยันได้ว่า พ.ต.ท. ทักษิณไม่ได้เป็นเจ้าของกองทุนวินมาร์ค

'ขอยืนยันว่า พ.ต.ท. ทักษิณได้ดำเนินการชี้แจงทรัพย์สินอย่างถูกต้องมาโดยตลอด การโอนหุ้นผ่านธนาคารก็เป็นธุรกรรมการลงทุนโดยทั่วไปของนักลงทุน ซึ่งไม่ได้มีอะไรชอบมาพากลหรือไม่ถูกต้องตามกฎหมายแต่อย่างใด'


บัญชี 'หญิงอ้อ' เป็นค่าซื้อหุ้นไม่เกี่ยวปันผล

กรณีที่ คตส. อ้างถึงการโอนเงินปันผลของบริษัทชินคอร์ปเข้าบัญชีของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา ว่าเป็นสาเหตุที่กล่าวได้ว่าหุ้นทั้งหมดของชินคอร์ปยังเป็นของ พ.ต.ท. ทักษิณ นั้น และว่าใช้อำนาจการเป็นนายกฯ หาประโยชน์ให้กลุ่มของตัวเองนั้น นายนพดลโต้แย้งว่า เงินทั้งหลายที่โอนเข้าบัญชีคุณหญิงพจมาน ไม่ใช่เงินปันผล แต่เป็นเงินค่าหุ้นที่ลูกทั้งสองได้รับหุ้นจากการซื้อต่อบิดา ต้องมีการจ่ายค่าหุ้น เช็คที่ส่งเข้าบัญชีจึงเป็นเชคค่าหุ้นไม่ใช่เช็คเงินปันผล อย่างที่ว่าก่อน พ.ต.ท. ทักษิณจะมาเป็นนายกฯ ได้โอนหุ้นหมดเรียบร้อยเสร็จเด็ดขาด  ทั้งหมดไม่ใช่นิติกรรมอำพราง แต่เป็นนิติกรรมที่แท้จริง เมื่อบุตร-ธิดาได้รับเงินมาก็ไปชำระค่าหุ้นให้กับ พ.ต.ท. ทักษิณ


ตอก 'คตส.' ไร้มาตรฐาน ดีแต่จ้องโจมตีการเมือง

นายนพดล โต้แย้งถึงกรณีที่ คตส. อ้างว่าแอมเปิ้ลริช กองทุนวินมาร์ค หรือบุคคลอื่นๆ เป็น นอมินีของ พ.ต.ท. ทักษิณ ว่า ถ้าย้อนกลับไปถึงเรื่องการประเมินภาษี คตส. บอกว่านายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทาได้ไปซื้อหุ้นในแอมเปิ้ลริช มาขายให้เทมาเส็ก ก็มาอ้างว่าทั้ง 2 คนเป็นเจ้าของหุ้น แต่มาเมื่อวานนี้ คตส. กลับบอกว่าที่ประเมินภาษีไปเป็นหุ้นของ พ.ต.ท. ทักษิณ


'พอจะประเมินของโอ๊ก-เอมก็มาบอกว่า โอ๊ก-เอมเป็นเจ้าของหุ้น  แต่พอจะมาเอาผิดเรื่องซุกหุ้นกลับมาว่า หุ้นที่ประเมินภาษีไปนั้นไม่ใช่หุ้นโอ๊ก-เอมนะ เป็นหุ้นของพ.ต.ท. ทักษิณ โดยหลักการมันเป็นไปไม่ได้ อยากถามว่า คตส. มีกี่มาตรฐาน  พอท่านจะเอาผิดกระทงหนึ่งก็ว่าเป็นหุ้นโอ๊ก-เอม พอจะเอาผิดกับอีกคนหนึ่งก็ปัดว่านี่ไม่ใช่หุ้นโอ๊ก-เอมแล้ว โอ๊ก-เอมเป็นเพียงนอมินี หลักการของกฎหมายมันไปด้วยกันไม่ได้ แม้จะเป็นการทำงานของอนุกรรมการ  คตส. ก็ตาม ก็รู้สึกว่า คตส. มุ่งจะใช้ข้อมูลที่เรายื่นให้อย่างบริสุทธิ์ใจมาโจมตีทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงมาตรฐานทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง' นายนพดลกล่าว


 ลุยชี้แจงความจริงใน 7 วัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทีมทนายของพ.ต.ท. ทักษิณจะสามารถชี้แจงต่ออนุกรรมการ คตส. ได้ภายใน 7 วันหรือไม่ นายนพดลตอบว่าไม่มีปัญหาแน่นอน โดยหลักการที่จะชี้แจงเป็นเรื่องการขายหุ้นแอมเปิ้ลริชไปแล้ว เรื่องการโอนเงินที่ไม่ใช่เงินปันผลแต่เป็นเงินค่าซื้อขายหุ้น กองทุนวินมาร์คไม่ใช่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเรื่องการเป็นนอมินีของโอ๊ก-เอม การกระทำแบบนี้เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงและเป็นการให้ร้าย พ.ต.ท. ทักษิณ โดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริง การซื้อขายหุ้นทั้งหมดก็กระทำการผ่าน กลต. ไม่มีการอำพราง โดยจะนำหลักฐานที่เคยยื่นไว้กับ กลต. มาแสดงต่ออนุกรรมการ คตส. ด้วย สรุปได้ว่าไม่มีการซุกหุ้นภาค 2 แน่นอน

ทีมทนายมาแปลก! คราวนี้ยังไม่ฟ้องกลับ

นายนพดลกล่าวย้ำว่า 'การขายหุ้นให้เทมาเส็กก็เป็นการกระทำโดยชอบ ไม่ใช่การร่ำรวยผิดปกติ เป็นการขายผ่าน ตลท. ก่อนเข้าสู่การเมือง พ.ต.ท. ทักษิณก็รวยอยู่ 4-5 หมื่นล้านอยู่แล้ว  ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่จากการทำนโยบายใดๆ ที่ทำให้รวยขึ้นกว่าปกติ เช่น กรณีแปลงสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต ก็มีการพิสูจน์ในศาลรัฐธรรมนูญแล้วว่าถูกต้อง เรื่องนี้น่าจะจบไปแล้ว แต่ก็มาอ้างเป็นเหตุว่าการโอนหุ้นให้ลูกนั้นเป็นเพียงนอมินี ขอย้ำว่าไม่ใช่นอมินี มีการซื้อขาย ชำระค่าหุ้นกันจริงๆ เงินที่คุณหญิงพจมานให้นั้นก็เป็นค่าหุ้นไม่ใช่เงินปันผล  ที่ผ่านมาเราได้ฟ้อง คตส. เกี่ยวกับการประพฤติมิชอบไปแล้ว และศาลก็รับฟ้องแล้ว ตอนนี้จึงยังไม่มีการพิจารณาที่จะฟ้องซ้ำในส่วนเมื่อวานนี้' 

ยันซุกหุ้น2ไม่กระทบคดีภาษีโอนหุ้น

อย่างไรก็ตามนายสัก กอแสงเรือง กรรมการและโฆษก คตส. กล่าวถึงกรณีที่นายนพดลระบุว่า การตรวจสอบของ คตส.เป็น 2 มาตรฐาน เพราะที่ผ่านมาคตส. ระบุว่านายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา เป็นเจ้าของบริษัทแอมเพิลริชฯ และประเมินภาษีไปแล้ว แต่ตอนนี้มาบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริง นายสักกล่าวว่า เรื่องการเก็บภาษีจะเก็บจากคนที่มีชื่อ มีรายได้พึ่งประเมิน แต่ถ้าผู้ที่ถูกประเมินมีข้อชี้แจงหรือข้อกล่าวหาว่าไม่ได้มีเงินได้พึ่งประเมิน แต่เงินได้เป็นของคนอื่น ก็อาจจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ได้ แต่ถ้าเขายอมรับว่า เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมิน ก็คงเป็นไปตามประมวลรัษฎากร

ผู้สื่อข่าวถามว่า การตรวจคดีซุกหุ้นจะมีผลต่อคดีภาษีหรือไม่ นายสักกล่าวว่า คงไม่มีผลกระทบ เพราะโดยหลักการประเมินภาษี จะประเมินจากหลักฐานของผู้มีเงินได้ ดังนั้นเมื่อปรากฏหลักฐานว่า นายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา เป็นผู้มีเงินได้พึ่งประเมิน ก็จะเรียกเก็บภาษีจากบุคคลทั้งสอง ซึ่งหากอุทธรณ์ว่าตนเองไม่ได้เป็นเจ้าของที่แท้จริง ก็ต้องมีการแสดงเอกสาร แต่ถ้ายืนยันว่าเป็นเจ้าของที่แท้จริง ก็ต้องเรียกเก็บภาษี แต่เรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณซุกหุ้น เป็นความผิดทางอาญา ไม่เกี่ยวกัน

นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการและเลขานุการ คตส. กล่าวว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบนฯ จะสรุปสำนวนข้อกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ในข้อหาซุกหุ้นภาค 2 เพื่อเสนอที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่ ภายใน 1 สัปดาห์ หากที่ประชุมมีมติเห็นด้วย ก็จะสามารถส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาให้ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานตามที่อยู่ที่ระบุในภูมิลำเนาได้ทันที เพื่อให้บุคคลทั้งสองชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ภายใน 15 วัน

'หากผู้ถูกกล่าวหาคิดว่าบุคคลที่มอบอำนาจให้มาแก้ข้อกล่าวหาแทนได้ เช่น นางกาญจนาภา หงษ์เหิน ซึ่งเป็นบุคคลที่นำเอกสารยูบีเอสมามอบให้ คตส. ก็สามารถส่งมาชี้แจงได้ และผู้ถูกกล่าวสามารถขอเลื่อนการเข้าชี้แจงได้หากมีเหตุผลเพียงพอ แต่ขออย่างเดียวว่า อย่าซื้อเวลาเพื่อดึงเกม' นายแก้วสรรกล่าว


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=4207&catid=8
*********************
บันทึกการเข้า
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #53 เมื่อ: 12-09-2007, 16:06 »



โอ๊ยย.. ข้อมูล พี่SOCO อ่านแล้ว..ปวดใจม๊ากๆ


อ่านแล้ว..บางคนทำใจ..ม่ายด๊ายแน่...
 














  (ขออีก แยะ..แยะ..ฮะ)





บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
Kittinunn
Aloha007
Global Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,127


ไปได้สวย...ด้วยเกียร์ต่ำ!!!


เว็บไซต์
« ตอบ #54 เมื่อ: 12-09-2007, 16:32 »

นึกถึงโฆษณา "ประทับใจ...ไทยพาณิชย์"

พจมาน ชินวัตร / ภริยาอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ

อุ๊ย... ถูกใจมาก สีม่วงสะดุดตา อดีตลูกพรรคหลายคนก็สีม่วงฮ้า
ดิชั้นใช้สำนักรัชโยธิน ซ่อน ซุก มุดเงินจากสิงคโปร์ ได้ผลจริงๆ
โชคดีที่คุณพงส์ สารสิน ช่วยดิชั้นไว้ได้ แต่ไม่รอด ฮือ ฮือ ฮือ
คตส.มันอายัดเงินเดี๊ยน... เดี๊ยนไม่ยอม... ผัวหนูไม่เหลือแล้วววว...

ลูกค้าเท่านั้น... ที่รู้

 
บันทึกการเข้า

“ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย” (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)

ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #55 เมื่อ: 12-09-2007, 17:25 »

สันดา-นโจร สันดา-นคนโกง ที่อ้างว่าผมรวยแล้วไม่โกง

สัจจะไม่มีในหมู่โจร คำนี้มันใช้ได้เสมอไม่จำกัดกาล
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #56 เมื่อ: 12-09-2007, 23:10 »

ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2543 ...

พานทองแท้ รับโอนหุ้น SHIN (ซื้อหุ้น) จากทักษิณ 30.92 ล้านหุ้น ในราคาพาร์หุ้นละ 10 บาท
เป็นเงิน 309.2 ล้านบาท โดยออกเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินให้กับทักษิณ 309.2 ล้านบาท

วันเดียวกัน พานทองแท้ รับโอนหุ้น SHIN (ซื้อหุ้น) จาก คญ.พจมาน 42.475 ล้านหุ้นราคาเดียวกัน
เป็นเงิน 424.75 ล้านบาท โดยออกเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินให้กับ คญ.พจมาน 424.75 ล้านบาท

สรุปง่ายๆ ว่าติดค่าหุ้น คญ.พจมาน อยู่ 424.75 ล้านบาท
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
คราวนี้ดูว่าพานทองแท้โอนเงินปันผลให้คุณหญิงพจมาน (ที่ นพดล บอกว่าจ่ายค่าหุ้น) รวมเป็นเงินเท่าไหร่

- 27พค46  พานทองแท้ โอนเงินจากบัญชีที่ได้รับปันผลหุ้น SHIN ให้คุณหญิงพจมาน 210 ล้านบาท
-   3มิย47  พานทองแท้ โอนเงินจากบัญชีที่ได้รับปันผลหุ้น SHIN ให้คุณหญิงพจมาน 230 ล้านบาท
- 20กย47  พานทองแท้ โอนเงินจากบัญชีที่ได้รับปันผลหุ้น SHIN ให้คุณหญิงพจมาน 245 ล้านบาท
-21เมย48  พานทองแท้ โอนเงินจากบัญชีที่ได้รับปันผลหุ้น SHIN ให้คุณหญิงพจมาน 275 ล้านบาท
-   9กย48  พานทองแท้ โอนเงินจากบัญชีที่ได้รับปันผลหุ้น SHIN ให้คุณหญิงพจมาน 320 ล้านบาท

สรุปว่าโอนเงินปันผลให้คญ.พจมาน 210+230+245+275+320 = 1,280 ล้านบาท
พานทองแท้โอนเงินให้ คญ.พจมาน เกินค่าหุ้นไปกว่า 850 ล้านบาท นพดลจะบอกว่าเป็นค่าหุ้นได้ยังไง 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2007, 23:13 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
soco
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,842



« ตอบ #57 เมื่อ: 12-09-2007, 23:38 »

สกู๊ป-บทบาทซ่อนเร้นของธนาคารสวิส'ยูบีเอส'ในคดี'ซุกหุ้นภาค2'
   


รายงานพิเศษ

(อ่านข่าว'นพดล'ยัน'วินมาร์ค'ไม่ใช่ของทักษิณ คลิกที่นี่)

ธนาคาร'ยูบีเอส' ได้ชื่อว่าเป็นธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ มีรากเหง้ามาจากต้นกำเนิดเมื่อปี ค.ศ. 1747 รากฐานของธนาคารแห่งนี้ในปัจจุบันเกิดจากการรวมกิจการระหว่าง'ยูเนียน แบงก์ ออฟ สวิตเซอร์แลนด์' กับ'สวิส แบงก์ คอร์ป.' ในปี 1998 มีชื่อเต็มๆว่า'ยูไนเต็ด แบงก์ ออฟ สวิตเซอร์แลนด์' แต่นิยมใช้ชื่อสั้นๆว่า'ยูบีเอส' มากกว่า

'ยูบีเอส' เข้ามาเกี่ยวข้องกับกรณี 'ดีล ชิน' เนื่องเพราะ ปรากฎบัญชีถือครองหุ้นของบริษัทดังกล่าวอยู่หลายครั้ง ทั้งที่เป็นการฝากในชื่อบัญชีของบริษัท แอมเพิล ริช อินเวสต์เมนท์(เออาร์ไอ), วิคเกอร์ บัลลาส, ชื่อบัญชีเป็นตัวเลข, และการถือครองในชื่อบัญชีของยูบีเอสเอง ระหว่าง 10 เมษายน 2543 จนกระทั่งถึง เดือนมีนาคม 2549 เมื่อมีการซื้อขายหุ้นดังกล่าวเกิดขึ้น

ข้อมูลต่อไปนี้เป็นหนังสือที่นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่เกิดผลเสียหายแก่รัฐ (คตส.)ทำถึงธนาคารยูบีเอส เอจีสิงคโปร์เมื่อเดือนมิถุนายน 2550เพื่อสอบถามถึงความลึกลับในการทำธุรกรรมที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนของบริษัท แอมเพิล ริช อินเวสต์เมนท์(เออาร์ไอ)และบริษัทวินมาร์ค ลิมิเต็ดหรือในคดีที่ คตส.เรียกว่า'ซุกหุ้นภาค 2'

ธนาคาร'ยูบีเอส' ที่เกี่ยวข้องดังกล่าวนี้ เป็นธนาคารยูบีเอส สาขา สิงคโปร์ ที่บัญชีที่ถือครองหุ้น'ชิน' อยู่รวมทั้งสิ้น 6 บัญชี เป็นของธนาคารยูบีเอส สาขา ลอนดอน อีก 1 บัญชี

'6บัญชี' เจ้าของเดียวกัน?

 6 บัญชีในยูบีเอส สิงคโปร์ นั้น ประกอบด้วย บัญชีของ บริษัท แอมเพิล ริช อินเวสต์เมนต์ (เออาร์ไอ) 2 บัญชี

เออาร์ไอนั้น คตส. ได้หลักฐานยืนยันว่า เป็นบริษัทที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ก่อตั้งในปี 2542และมีหลักฐานที่ทำให้เชื่อว่า เป็นผู้มีอำนาจลงนามจนเดือนกรกฎาคม 2548 ถึงก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นลูกชายและลูกสาว และขายหุ้นชินคอร์ปเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549 ให้แก่บริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้ง

อีก 1 บัญชี เป็นของวิคเกอร์ บัลลาส ถือครองหุ้นชินคอร์ป อยู่ชั่วคราว จำนวน 11,516,000 หุ้น

อีก 1 บัญชี ใช้ชื่อบัญชีเป็นตัวเลขคือบัญชีชื่อ'12751' ซึ่ง คตส. สงสัยว่าเป็นบัญชีของบริษัท วินมาร์คฯ ที่คตส.เชื่อด้วยว่าเป็น บริษัทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เช่นเดียวกัน

อีก 2 บัญชี ใช้ชื่อ'ฟิกซ์ อินคัม เอสเอเอฟ' กับ'พีบี ซีเคียริตี้ส์ ซีแอล'

ทั้งหมดนี้ คตส. เข้าใจเอาว่า เป็นการเปิดบัญชีเพื่อใช้บริการ'ไพรเวต แบงกิ้ง' โดยวิธีการ'คัสโตเดียน' กล่าวคือให้ ธนาคารยูบีเอส เป็นผู้ดูแลหุ้นในบัญชีให้ตามความต้องการของผู้เป็นเจ้าของ

หุ้น'ชิน' ที่อยู่ในบัญชีต่างๆเหล่านี้ มีการโอนย้ายกลับไปกลับมาหลายครั้งด้วยกัน ด้วยเจตนาซ่อนเร้น ก่อนที่จะมารวมกันขายให้แก่ เทมาเส็ก โฮลดิ้ง ในเวลาต่อ คตส. เชื่อว่า เป็นการโอนย้ายตามคำสั่งของ 'เจ้าของ' หรือ 'ผู้ทรงอำนาจ' เดียวกัน เพราะทุกครั้งเป็นการโอนย้ายแบบ' ฟรี-เพย์เมนต์-ทรานสเฟอร์' คือ ไม่มีการชำระค่าโอนย้าย

สำหรับลำดับการถ่ายโอนเหล่านี้มีดังต่อไปนี้

-แบบฟอร์ม 246-2

แบบฟอร์ม 246-2 เป็นแบบฟอร์มของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ไทย สำหรับใช้ในการแจ้งการได้มาและหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ ซึ่งกิจการนั้นๆจำเป็นต้องแจ้งให้ตลาดรับทราบเมื่อเกิดขึ้น

ยูบีเอส เคยแจ้งไว้เมื่อ 24 สิงหาคม 2001(พ.ศ.2544) ว่า ได้ถือครองหุ้นชินจำนวน 10 ล้านหุ้น อยู่ในบัญชี เลขที่ 8002480002 ทั้งนี้เป็นการรับโอนมาจาก วิคเกอร์ บัลลาส โดยบอกด้วยว่า ในบัญชีดังกล่าว มีหุ้นชิน อยู่แล้วแต่เดิม 5,405,913 หุ้น การถือครองดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 21 สิงหาคม 2001

ทำให้ ณ เวลานั้น บัญชีดังกล่าว ซึ่งเป็นบัญชีของ แอมเพิล ริช มีหุ้นชินอยู่ทั้งสิ้น 15,405,913 หุ้น

คำถามก็คือ ที่มีอยู่เดิม 5,405,913 หุ้นนั้นเป็นหุ้นของใคร ใช่ของ แอมเพิล ริช หรือ ของครอบครัวชินวัตร หรือของครอบครัวดามาพงศ์ หรือ ของผู้อื่น?

ในการกรอกแบบฟอร์ม 246-2 เดียวกันนี้ ยูบีเอส บอกไว้ด้วย การโอนย้ายดังกล่าวไม่มีค่าโอนย้ายเพราะ'เป็นการโอนจากคัสโตเดียนไปยังคัสโตเดียน' นั่นหมายความว่า หุ้นทั้ง 2 ก้อน มีเจ้าของเดียวกัน ใช่หรือไม่? ดังนั้นจึงต้องแจ้งตลาดตามแบบฟอร์ม 246-2

โอนจากแอมเพิล ริชสู่วิน มาร์ค

วันที่ 10 ตุลาคม 2001 มีการโอนหุ้นจำนวน 53,642,130 หุ้น เข้าไปที่บัญชีที่ใช้ชื่อบัญชีเป็นตัวเลข'121751' จำนวน 53,642,130 หุ้น ก็เกิดคำถามขึ้นอีกว่า หุ้นจำนวนนี้ ใครคือเจ้าของที่แท้จริง

เพราะหากเจ้าของที่แท้จริงเกี่ยวข้องกับ เออาร์ไอ แล้ว ทำไม ยูบีเอส ไม่กรอกแบบฟอร์ม 246-2 เพื่อแจ้งต่อตลาดอีกครั้งหนึ่งว่า เออาร์ไอ ถือครองหุ้นอยู่ไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์แล้วในเวลานั้น หรือไม่ก็ขอแก้ไขแบบฟอร์มที่ยื่นไปเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ให้ถูกต้อง

ใช่หรือไม่ว่า หุ้นจำนวนนี้คือหุ้นจำนวนเดียวกับ  5,405,913 หุ้นที่มีอยู่เดิมในบัญชีดังกล่าว เพียงแต่มีการแตกพาร์ขยายจำนวนหุ้นขึ้นเท่านั้น

บัญชี'121751' ที่ว่านี้ เชื่อกันว่าเป็นของ วิน มาร์ค ที่สงสัยกันว่าจะเป็นของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเช่นกัน

โยกหุ้นกันอุตลุต

เดือนกันยายน 2002 (พ.ศ.2545)บัญชีถือครองหุ้นชินของ แอมเพิลริช ในธนาคาร ยูบีเอส สาขาสิงคโปร์ เลขที่บัญชี 8002480002 ถือครองหุ้นชินอยู่ 101,433,870 หุ้น ณ วันที่ 1 กันยายน 2002

วันที่ 19 กันยายน ปีเดียวกัน หุ้นจำนวนนี้ถูกโยกเข้าไปใส่ไว้ในบัญชีของธนาคาร สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ แบงก์ ชื่อบัญชี'ยูโอบี นอมินี ไพรเวต ลิมิเต็ด'  จำนวน 18,048,870 หุ้น

บัญชีเลขที่ เลขที่ 8002480002 เหลือหุ้นอยู่ 83,385,870 หุ้น

ต่อมาวันที่ 4 ตุลาคม 2004(พ.ศ.2547) มีการโอนหุ้นจากบัญชีเลขที่ 8002480006 ชื่อบัญชี'121751'(วิน มาร์ค) มายังบัญชีเลขที่ เลขที่ 8002480002 (แอมเพิล ริช) จำนวน 17,000,000 หุ้น

บัญชีเลขที่ เลขที่ 8002480002 มีจำนวนหุ้นกลับมาเกิน 100 ล้านหุ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาต้องแสดงตัวเลข ณ สิ้นเดือนนั้น คือมีหุ้นอยู่ 100,385,000 หุ้น

ต่อมาในวันที่ 13 กรกฎาคม 2004 ยูบีเอส ได้รับหุ้นจำนวน 18,048,870 ที่ถูกโยกออกไปเมื่อวันที่ 19 กันยายนคืน แต่ไม่มีใครรู้ว่าหุ้นจำนวนนี้ถูกโยกกลับเข้ามาในบัญชีไหน บัญชีเลขที่ 8002480002 เดิมหรือว่าบัญชีอื่น?

ตรงจุดนี้ มีคำถามง่ายๆว่า เจ้าของที่แท้จริงของหุ้นทั้งหมดนี้ใช่เจ้าของเดียวกันหรือไม่? ถ้าใช่ หากไม่มีวัตถุประสงค์เพื่ปิดบังซ่อนเร้นอะไร ทำไมถึงต้องโยกหุ้นกลับไปกลับมาอุตลุดกันถึงขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ ทำไมต้องมีการโอนย้ายจากบัญชีของ แอมเพิล ริช และใครคือผู้ออกคำสั่งโอนย้ายดังกล่าวนั้น

เปลี่ยนชื่อบัญชี

วันที่ 20 พฤษภาคม 2003 (พ.ศ.2546)ยูบีเอส มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อดำเนินการดังนี้

1 เปลี่ยนชื่อบัญชี ชื่อ'121751' เป็น'A'

2 เปิดบัญชีใหม่ เลขที่บัญชี 80002480007 และ

3 ให้โอนหุ้นชินทั้งหมดจำนวน 100,394,000 เข้ามาอยู่ในบัญชีเลขที่80002480007 ที่เปิดขึ้นใหม่นี้

อย่างไรก็ตาม บัญชีใหม่นี้ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวมากมายนัก ต่อมามีการเปลี่ยนชื่อใหม่อีกครั้งเป็น บัญชีธนาคารยูบีเอส เพื่อ'แอมเพิล ริช อินเวสต์เมนต์ จำกัด'

เป็นที่น่าสังเกตุว่า ความเคลื่อนไหวต่างๆเหล่านี้นั้นเริ่มมีมากขึ้นและพิสดารขึ้นในราวปี 2002(พ.ศ.2544 ช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว) เมื่อเกิดคดีซุกหุ้นภาคแรก ที่ทำให้บัญชีของบริษัท แอมเพิล ริช ถูกติดตามตรวจสอบ ก่อนที่จะนำมารวมกันเพื่อขายให้กับเทมาเส็ก โฮลดิ้ง ในเวลาต่อมา

เป็นไปได้หรือไม่ว่า เป็นเพราะเจ้าของหุ้นตัวจริงที่ถูกโยกไปโยกมา และต้องหาทางแก้ หาทางโปะกันอุตลุตนั้น คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ณ เวลานั้นยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ จึงจำเป็นต้องดำเนินการเหล่านี้เพื่อเลี่ยงกฎหมาย

คำถามเหล่านี้ เคยถูกถามไปที่ ยูบีเอส สาขาสิงคโปร์มาแล้ว เมื่อวันที่7 มิถุนายน จนป่านนี้ยังไม่มีคำตอบ

ยูบีเอส ยังเลือกที่จะปกปิดบทบาทของตัวเองในเรื่องนี้ไว้อยู่ต่อไป

http://www.matichon.co.th/news_title.php?id=243#
บันทึกการเข้า
สมชายสายชม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,048


« ตอบ #58 เมื่อ: 12-09-2007, 23:44 »


สรุปว่าโอนเงินปันผลให้คญ.พจมาน 210+230+245+275+320 = 1,280 ล้านบาท
พานทองแท้โอนเงินให้ คญ.พจมาน เกินค่าหุ้นไปกว่า 850 ล้านบาท นพดลจะบอกว่าเป็นค่าหุ้นได้ยังไง 

อันนี้ อธิบายได้ครับ เช่น .. "พานทองแท้เป็นลูกกตัญญู ย่อมจะต้องอุปการะบุพการี

ดังนั้น เงินทุกบาททุกสตางค์ จึงโอนกลับไปให้แม่
"   

...
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #59 เมื่อ: 13-09-2007, 06:47 »

รู้สึกว่าผู้พันจะตั้งใจปั้นกระทู้นี้เป็นพิเศษ แต่ไม่ว่าข้อมูลที่ได้จะไม่ครบที่จะบ่งชี้ฟันธงว่า
วินมาร์คเป็นของทักษิณ ทั้งหลายทั้งปวงก็ใช้จินตนาการเสริมว่า วินมาร์คและอีกหลาย
กองทุนไม่เน้นการทำกำไร มีธุรกรรมที่ส่อการไหลลื่นในการโอนหุ้นจากลูกทักษิณไป
ขายให้เทมาเส็ก ถ้าความชัดเจนที่คาดจากหลักฐานมีแค่ประมาณ 50% ที่เหลืออีกครึ่ง
ใช้การจินตนาการเอาด้วยเหตุผลที่เอียงๆ คิดว่าเรื่องถึงศาล ศาลจะกล้าตัดสินว่าวินมาร์ค
เป็นนอมินี่หรือไม่ ถ้าตัดสินไปแบบนั้นเพื่อเอาผิดกับทักษิณแล้วเจ้าของตัวจริง(ถ้าเป็น
บุคคลอื่น) เกิดแสดงตัวขึ้นมา นี่คือเสียหายทั้งระบบเลยนะ ไม่คิดว่าศาลจะใช้จินตนาการ
เท่า คตส. หรือสื่อเลียเผด็จการเหล่านี้หรอก อย่าหวังอะไรให้มากนักเลย

สำหรับการเป็นบริษัททุนขนาดใหญ่หรือกองทุนที่บริหารโดยไม่คิดจะเอากำไรก็ไม่ใช่
เรื่องผิดปกติที่จะมาบอกกันว่าผิดวิสัยกองทุนหรือบริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำกำไร เมือง
ไทยก็มีบริษัทที่ทุนจดทะเบียนระดับหมื่นล้านมากกว่าชินคอร์ปถึงเท่ากว่าๆ แต่ก็ไม่ทำ
กำไรและไม่เสียภาษีเหมือนกัน ดูงบที่เอามาแปะประกอบด้วยก็ได้ มีหลายอย่างที่คิด
ไม่ถึง เหตุผลไม่พอ ก็ไม่ควรเอาส่วนนั้นมาร่วมด้วยช่วยกันจินตนาการนะ บอกให้
บันทึกการเข้า
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #60 เมื่อ: 13-09-2007, 06:56 »

รู้สึกว่าผู้พันจะตั้งใจปั้นกระทู้นี้เป็นพิเศษ แต่ไม่ว่าข้อมูลที่ได้จะไม่ครบที่จะบ่งชี้ฟันธงว่า
วินมาร์คเป็นของทักษิณ ทั้งหลายทั้งปวงก็ใช้จินตนาการเสริมว่า วินมาร์คและอีกหลาย
กองทุนไม่เน้นการทำกำไร มีธุรกรรมที่ส่อการไหลลื่นในการโอนหุ้นจากลูกทักษิณไป
ขายให้เทมาเส็ก ถ้าความชัดเจนที่คาดจากหลักฐานมีแค่ประมาณ 50% ที่เหลืออีกครึ่ง
ใช้การจินตนาการเอาด้วยเหตุผลที่เอียงๆ คิดว่าเรื่องถึงศาล ศาลจะกล้าตัดสินว่าวินมาร์ค
เป็นนอมินี่หรือไม่ ถ้าตัดสินไปแบบนั้นเพื่อเอาผิดกับทักษิณแล้วเจ้าของตัวจริง(ถ้าเป็น
บุคคลอื่น) เกิดแสดงตัวขึ้นมา นี่คือเสียหายทั้งระบบเลยนะ ไม่คิดว่าศาลจะใช้จินตนาการ
เท่า คตส. หรือสื่อเลียเผด็จการเหล่านี้หรอก อย่าหวังอะไรให้มากนักเลย

สำหรับการเป็นบริษัททุนขนาดใหญ่หรือกองทุนที่บริหารโดยไม่คิดจะเอากำไรก็ไม่ใช่
เรื่องผิดปกติที่จะมาบอกกันว่าผิดวิสัยกองทุนหรือบริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำกำไร เมือง
ไทยก็มีบริษัทที่ทุนจดทะเบียนระดับหมื่นล้านมากกว่าชินคอร์ปถึงเท่ากว่าๆ แต่ก็ไม่ทำ
กำไรและไม่เสียภาษีเหมือนกัน ดูงบที่เอามาแปะประกอบด้วยก็ได้ มีหลายอย่างที่คิด
ไม่ถึง เหตุผลไม่พอ ก็ไม่ควรเอาส่วนนั้นมาร่วมด้วยช่วยกันจินตนาการนะ บอกให้


เอาข้อมูล fake อะไรมาแถ อีกเหรอครับ 
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
หน้า: 1 [2]
    กระโดดไป: