ถือหุ้นเกิน 5% พ่นพิษ รมต.ไอซีที-พาณิชย์ ลาออก! -
นายกฯ ขอ 7 วันเคลียร์ปัญหา รมว.ไอซีที - รมช.พาณิชย์ ประกาศลาออก หลัง ป.ป.ช. 'มีมติ' อารีย์-
สิทธิชัย-อรนุช' ถือหุ้นบริษัทเกิน 5% ขัดกฎหมาย-มีผลประโยชน์ทับซ้อน
แต่เอาผิดไม่ได้เพราะรัฐธรรมนูญปี 50 มีบทเฉพาะกาลคุ้มครอง นายกฯ
ขอเวลา 7 วันกลับจากต่างประเทศ เคลียร์ปัญหาตามที่ 'มติชนออนไลน์' รายงานว่า มีรัฐมนตรีรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ อย่างน้อย 2 คน
ถือหุ้นในบริษัทเกินกว่า 5% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.การจัดการ
หุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 แต่รัฐธรรมนูญ 2550 มีบทเฉพาะกาลมิให้
นำบทบัญญัติในเรื่องห้ามการถือหุ้นของรัฐมนตรีเกินที่กฎหมายกำหนดมาใช้บังคับ
กับรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จึงทำให้รัฐมนตรีดังกล่าวพ้นผิด และความเป็น
รัฐมนตรีไม่สิ้นสุดลงนั้น
ในที่สุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้หยิบ
ยกกรณีดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2550 และเห็นว่า ไม่สามารถ
เอาผิดทางกฎหมายกับรัฐมนตรีกลุ่มดังกล่าวได้ แต่การถือหุ้นเกินที่กฎหมายกำหนด
เป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลหรือผลประโยชน์ส่วนรวมซึ่งไม่เหมาะสม
และมีมติให้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการ
นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช. แถลงภายหลังการประชุม ป.ป.ช.ว่า ตามที่
คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดปัจจุบัน ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ซึ่ง
จากการตรวจสอบพบว่า มีรัฐมนตรี 3 คน ถือครองหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทเกินกว่า
ร้อยละ 5 ของทุนจดทะเบียน ซึ่งไม่ได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจัดการ
หุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี ได้แก่
1. นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สื่อสาร (ไอซีที) ถือหุ้นอยู่ใน
1. บริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนานาชาติจำนวนร้อยละ 16.17
2. บริษัทอุตสาหกรรมอวกาศไทยจำกัด จำนวนร้อยละ 31.33 และ
3. บริษัทวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี จำกัด จำนวนร้อยละ 31.36
2. นางอรนุช โอสถานนท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพานิชย์ ถือหุ้นอยู่ใน
1. ห้างหุ้นส่วนจำกัดบ้านดอกพุด ร้อยละ 66.67
2. บริษัทบุณยพรหม 2548 จำกัด จำนวนร้อยละ 50 และ
3. บริษัทอุดมแร่มรวย จำนวนร้อยละ 50
3. นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถือครองหุ้นในบริษัท
ตรังชัวร์ จำกัด คิดเป็นร้อยละ 20
นายกล้านรงค์กล่าวว่า คณะกรรมการป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า รัฐมนตรีทั้ง 3
ไม่ได้แจ้งต่อประธานป.ป.ช.ว่า ประสงค์จะรับประโยชน์จากการเป็นหุ้นส่วน เกินกว่า
กฎหมายกำหนด และไม่ได้โอนหุ้นดังกล่าวให้แก่นิติบุคคลที่มีอำนาจจัดการกองทุน
ส่วนบุคคล หรือนิติบุคคลซึ่งจัดการทรัพย์สิน ตามที่กฎหมายกำหนด ตามรัฐธรรมมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ที่มีการกำหนดโทษในการกระทำดังกล่าว โดย
ให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ่นสุดลงตามมาตรา 209 ประกอบมาตรา 216(6)
แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 ถูกประกาศให้สิ้นสุดลง ตามประกาศคณะปฏิรูป
การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่
3 วันที่ 19 กันยายน 2549 จึงไม่สามารถนำกฎหมายดังกล่าวมาบังคับใช้ได้ อีกทั้ง
รัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ได้บัญญัติบทเฉพาะกาล มาตรา 298 วรรค 3 มิให้นำบท
บัญญัติเรื่องให้การเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ในกรณีที่รัฐมนตรีถือหุ้นเกินกว่าที่
กฎหมายกำหนด ดังนั้นความเป็นรัฐมนตรีของบุคคลทั้ง 3 จึงไม่สิ้นสุดลง
นายกล้านรงค์กล่าวว่า สำหรับความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของ
รัฐมนตรีนั้น คณะกรรมการป.ป.ช. เห็นว่า ตามมาตรา 11 แห่งพ.ร.บ. ดังกล่าวที่ว่า
การเข้าไปบริหารครอบงำหรือออกคำสั่งเกี่ยวกับการจัดการหุ้นส่วนหรือหุ้น หรือจัด
หาผลประโยชน์ในหุ้นส่วนหรือหุ้น ต้องเป็นกรณีที่มีการโอนหุ้นให้กับนิติบุคคลตาม
กฎหมายแล้ว รัฐมนตรีเข้าไปบริหารครอบงำหรือออกคำสั่งเกี่ยวกับการจัดการหรือ
หาผลประโยชน์หุ้นส่วนหรือหุ้น ดังนั้นเมื่อบุคคลทั้ง 3 ยังไม่ได้โอนหุ้นให้นิติบุคคล
จัดการแทน จึงไม่อาจกระทำการใดๆ ที่เป็นการครอบงำหรือออกคำสั่ง การกระทำ
ของบุคคลทั้ง 3 จึงไม่ครบองค์ประกอบตามความผิด
อย่างไรก็ตามนายกล้านรงค์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีรัฐมนตรีบางคน (ม.ร.ว.ปรีดิยาธร
เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง) ในรัฐบาลชุดนี้
ถือครองหุ้นเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และได้โอนหุ้นไปให้นิติบุคคลจัดการแทน อีก
ทั้งยังได้รายงานให้ประธานป.ป.ช. ได้รับทราบถึงการถือหุ้นดังกล่าว
ดังนั้นป.ป.ช. จึงถือว่า การที่รัฐมนตรีทั้ง 3 คนดังกล่าวถือหุ้นเกินเป็นการกระทำที่
ไม่เหมาะสม และขัดต่อหลักการในเรื่องของการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคล
หรือผลประโยชน์ส่วนรวม ป.ป.ช. จึงมีมติจะรายงานเรื่องดังกล่าวให้รัฐมนตรีได้รับ
ทราบเพื่อพิจารณาและดำเนินการต่อไป
ด้านนายสิทธิชัย โภไคยอุดมกล่าวว่า ธุรกิจที่ถือหุ้นอยู่ไม่เกี่ยวข้องกับที่กระทรวงไอซีที
รับผิดชอบอยู่ จึงไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน และไม่น่าเกี่ยวข้องกัน อย่างไรก็ตาม หาก
ประเด็นนี้ทำให้คณะรัฐมนตรีนี้ต้องมัวหมอง ก็ยินดีที่จะลาออกจากรัฐบาล ซึ่งต้องรอให้
พล.อ.สุรยุทธ์เป็นผู้ตัดสินในวันที่ 29 กันยายนนี้ หลังจากเดินทางกลับจากต่างประเทศ
นายสิทธิชัยกล่าวว่า ในวันที่ 21 กันยายน เวลา 15.00 น.จะแถลงข่าวลาออกเพื่อรับ
ผิดชอบกรณีที่ถือหุ้นเกิน 5% โดยจะยื่นใบลาออกทันทีที่นายกฯกลับจากต่างประเทศ
ในวันที่ 29 กันยายน
ขณะที่นางอรนุช โอสถานนท์ กล่าวว่า ยอมรับว่ามีหุ้นจริง เป็นธุรกิจของครอบครัว คือ
โรงแรมเวียงใต้ (บริเวณบางลำภู) ซึ่งเป็นของคุณแม่ และไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์
เมื่อตนเป็นลูกคนเดียว ก็ต้องรับโอนธุรกิจจากคุณแม่ ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะต้องโอนให้ใคร
แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นผู้บริหาร มอบให้ลูกหลานบริหารแล้ว
'ถ้ามีปัญหา ดิฉันก็พร้อมจะรับผิดชอบและพร้อมลาออกหากทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
รัฐบาล โดยก่อนหน้านี้ ดิฉันไม่ได้เตรียมตัวที่จะเข้ามาเล่นการเมือง จึงไม่รู้ว่าจะทำ
อย่างไร ที่มีหุ้นเกิน อาจจะเป็นเรื่องที่ดินที่ตั้งโรงแรม อาจเป็นชื่อดิฉัน' นางอรนุช
กล่าว
ขณะที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่จะต้องตรวจสอบ
ในแง่กฎหมาย ถ้าเผื่อแต่ละคนมีความรู้สึกที่ไม่สบายใจ ก็ขอให้แจ้งให้ตนทราบหลัง
จากที่กลับจากต่างประเทศแล้ว
เมื่อถามว่า ป.ป.ช. ระบุแล้วว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่ไม่เหมาะสม นายกฯ กล่าวว่า ก็
อย่างที่ว่าเปิดให้รัฐมนตรี 3 คน ได้ปรึกษากันแล้วค่อยแจ้งให้ตนทราบเมื่อกลับจาก
ต่างประเทศแล้ว เพราะถ้าทำอะไรในช่วงนี้จะมีช่องว่างในด้านการบริหาร ขอเวลา 1
สัปดาห์ จากนั้นจะได้มาพูดคุยกัน
เมื่อถามว่า จะถึงกับต้องมีการปรับ ครม.หรือไม่
'ผมขอฟังการตัดสินใจของทั้ง 3 ท่านก่อน'
เมื่อถามอีกว่า หากทั้ง 3 คนไม่สบายใจแสดงว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงใช่หรือไม่
นายกฯ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องสิทธิให้ตัดสินใจกันแต่ละคนก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ได้บอก
นายสิทธิชัยไปว่า ขอให้หารือกันทั้ง 3 คนก่อน ได้ข้อยุติอย่างไร รอให้ตนกลับมา
แล้วค่อยบอกให้ทราบอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโอนหุ้นบริษัท
ชินคอปอรฺเรชั่น จำกัดและหุ้นบริษัทอื่นๆ ที่ถืออยู่ทั้งหมดให้แก่บุตรและเครือญาติ
เมื่อปลายปี 2543 ก่อนขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในต้นปี 2544 นั้น ทำให้เกิด
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 209 ซึ่ง
จำกัดการถือครองหุ้นและ พ.ร.บ. การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี ที่จะต้อง
โอนหุ้นให้แก่กองทุนส่วนบุคคล หรือนิติบุคคลซึ่งจัดการทรัพย์สิน
มติชน วันที่ 20 กันยายน 2550 - เวลา 21:14:15 น.http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=5101&catid=1ขอบคุณมติชน ที่ทำให้ชาวบ้านได้เห็นจริยธรรมมากมาย
เอ ปู่อารีย์ ยัง no comment อยู่อีกหรือนี่
เดี๋ยวตกขบวนคนดีมีจริยธรรมเมื่อจำเป็นนา