พูดถึงเรื่อง กศน. แล้วผมอยากพูดถึงเรื่องการศึกษาทางเลือกอื่นๆ ของเราด้วยครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง
"วิทยาลัยชุมชน"โครงการวิทยาลัยชุมชนนั้น รัฐบาลทักษิณ1 เคยแถลงเป็นนโยบายไว้ตั้งแต่ต้น
เมื่อประมาณต้นปี 2544 ทำให้เกิดการจัดตั้งขึ้นระหว่างนั้นรวมทั้งสิ้น 10 แห่ง
โดยมีการออกเป็นกฎหมาย ในระดับ กฎกระทรวง
คาดว่า ศจ.นพ.เกษม วัฒนชัย รตม.ศึกษาฯ ในขณะนั้นน่าจะมีส่วนสำคัญในการเสนอ-
แนวคิดเกี่ยวกับวิทยาลัยชุมชน แต่ได้ดำรงตำแหน่ง รมต.ศึกษาฯ เพียงช่วงเวลาสั้นๆ
ก่อนที่จะลาออกจากตำแหน่ง และได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นองคมนตรี อย่างที่ทราบกันวิทยาลัยชุมชน ดำเนินการเรียนการสอนในระดับอนุปริญญา และหลักสูตรระยะสั้น
ที่มุ่งตอบสนองสิ่งที่เป็นประโยชน์กับจังหวัดนั้นๆ เป็นสำคัญ เช่น อยู่ที่จังหวัดตาก
ก็เปิดหลักสูตรภาษาพม่า โดยมุ่งเน้นให้ตัวแทนของชุมชมมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน
และมุ่งตอบสนองผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษาในระบบเป็นสำคัญ
วิทยาลัยชุมชนมุ่งเปิดสอนในพื้นที่ขาดแคลนสถานศึกษา เช่น จ.แม่ฮ่องสอน โดยอาศัย
สถานที่ราชการที่มีอยู่แล้วเป็นที่ทำการ ปัจจุบันมีผู้สำเร็จการศึกษาแล้วกว่า 6 พันคน
สำหรับหลักสูตรระยะสั้นมีผู้สำเร็จการศึกษากว่า 9 หมื่นคน บางคนมีอายุถึงกว่า 70 ปี...
เนื่องจากหลักการเบื้องต้นของวิทยาลัยชุมชมควรต้อง
"ปลอดการเมืองแทรกแซง" ซึ่งอาจขัดกับนโยบายประชานิยมของพรรค ทรท. ทำให้ในที่สุดแล้วการดำเนินการ
ของวิทยาลัยชุมชนไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจากรัฐบาลในเวลาต่อมา
ต่อมาในรัฐบาลทักษิณ2 ไม่มีการบรรจุวิทยาลัยชุมชนไว้ในนโยบายอีก ต่อมาได้มี
การติดต่อกับ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมต.ศึกษาฯ รัฐบาลทักษิณ 2 เพื่อดำเนินการ
ผลักดันให้มี พรบ.วิทยาลัยชุมชน แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มี พรบ. นี้ออกมา
แม้ไม่ได้รับการสนับสนุนมากนัก แต่ปัจจุบันวิทยาลัยชุมชนก็สามารถตั้งกันขึ้นได้ถึง
18 แห่ง และในปี 50 นี้กำลังจะเปิดแห่งที่ 19 ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา
ที่น่าสนใจคือ สหรัฐอเมริกามีวิทยาลัยชุมชนมากว่า 100 ปี และปัจจุบันมีอยู่ในทุกพื้นที่
สำหรับในอาเซียน .. น่าภาคภูมิใจ (อีกแล้ว) ว่ามีประเทศไทยเราทำเป็นแห่งแรก
และปัจจุบันเวียดนามที่ทำตามมา กลับมีจำนวนวิทยาลัยชุมชนมากกว่าเราแล้วครับ