ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
28-04-2024, 18:18
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ไม่มีประโยชน์ที่จะสู้เพื่อทักษิณ เพราะฝ่ายคมช. ได้เปรียบคุมกำลังเอาไว้หมดแล้ว... 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ไม่มีประโยชน์ที่จะสู้เพื่อทักษิณ เพราะฝ่ายคมช. ได้เปรียบคุมกำลังเอาไว้หมดแล้ว...  (อ่าน 1458 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 01-09-2007, 15:51 »

"เรืองโรจน์"รับบำนาญข้าราชการ-รอบำเน็จการเมือง
 
1 กันยายน พ.ศ. 2550 07:30:00
 

 
ชีวิตเบื้องหลัง "บิ๊กต๋อย" พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และประธานที่ปรึกษาคปค.น่าสนใจและติดตามจริงๆเมื่อเปรียบเทียบกับนายพลคนอื่นๆ

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : หลังจากตัวเขาสมัครเข้าเป็นสมาชิก"พรรคพลังประชาชน" และดำรงตำแหน่งถึงรองหัวหน้า ที่มี"สมัคร สุนทรเวช" ได้รับการลงมติเอกฉันท์ เมื่อ 24 สิงหาคม 2550

ความคิดและส่วนตัว"พล.อ.เรืองโรจน์ "น่าสนใจที่ว่า ตัวเขาเป็นคนหนึ่งที่สวามิภักษ์ พ.ต.ท.ทักษิณ และยังเป็นผู้ร่วมก่อการรัฐประหารทักษิณ เมื่อ 19 กันยายน 2549

แต่หลังจากนั้น ประมาณ 1 ปีเต็ม เขาก็เข้าร่วมพรรคพลังประชาชน ตัวเขาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่าการเข้าร่วมพรรคพลังประชาชน เพราะมีอุดมการณ์และความคิดที่ตรงกัน

ส่วนข้อสงสัยที่มีคนตั้งข้อสังเกตเป็น"นอมินี"ทักษิณ เขาให้เหตุผลว่า" อย่าไปสนใจการเข้ามาทำงานจะเป็นการทำเพื่อคนๆเดียว อย่าแบ่งฝ่าย และก็ไม่เคยตั้งตัวเป็นศัตรูกับใคร "

การเข้ามา... ควรจะปรองดองกันงานจึงประสบความสำเร็จ โดยจะเข้ามาดำเนินงานด้านความมั่นคง เพราะมีคนในกองทัพอยู่เป็นจำนวนมาก ที่สามารถหารือกันได้....


ก่อนหน้า เขาเคยปฏิเสธจะเล่นการเมือง โดยให้เหตุผลว่างานด้านการเมืองเป็นงานที่ไม่ถนัด แต่ถูกหลายฝ่ายต้องการเชิญมาร่วมด้านการเมือง

แต่สุดท้าย พล.อ.เรืองโรจน์ มุ่งเข้าสู่งานการเมืองเต็มตัว และยืนอยู่กับพรรคพลังประชาชนชัดเจน ตามที่หัวหน้าพรรค"สมัคร" ประกาศว่าเป็นนอมินี "ทักษิณ"

ย้อนชีวิตเบื้องหลังค่ำคืนรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 กองบัญชาการต่อต้านการรัฐประหาร ก่อนที่ทักษิณ จะหมดอำนาจลง เมื่อพล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย "หมอมิ้ง" น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี วิ่งพล่านหาทางสู้การทำรัฐประหาร

พล.ต.อ.ชิดชัย และ น.พ.พรหมินทร์ ก็ประสานพล.อ.เรืองโรจน์ เชื่อกันว่าเป็นพวกเดียวกัน ตามคำสั่งของพ.ต.ท.ทักษิณ ในการต้านรัฐประหาร

เมื่อ"หมอมิ้ง"จัดการต่อสายโทรศัพท์ถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่อยู่สหรัฐอเมริกา ได้ให้ พล.อ.เรืองโรจน์คุย นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ มีคำสั่งให้สู้ หากกำลังไม่พอให้เอากำลังของตำรวจออกมาด้วย 

"ผมจะประกาศภาวะฉุกเฉิน ปลดผบ.ทบ. (พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน)แล้วให้พี่เป็นผู้ดูแล พี่จัดการเต็มที่เลย พวกมันคิดทำอย่างนี้ได้ยังไง" น้ำเสียงยัวะสุดขีดจากแดนไกล

จากนั้นน.พ.พรหมินทร์ ก็ทำหน้าที่ประสานเรื่องการออกแถลงประกาศภาวะฉุกเฉินของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยให้สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 เป็นแม่ข่ายรับสัญญาณดาวเทียมโดยตรง

เมื่อช่อง 9 ถ่ายทอดเสียงพ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศภาวะฉุกเฉิน สั่งปลด พล.อ.สนธิ จาก ผบ.ทบ. พร้อมตั้ง พล.ต.อ.ชิดชัย และ พล.อ.เรืองโรจน์ ให้ดูแลสถานการณ์ โดยให้ข้าราชการทุกส่วนเชื่อฟังคำสั่งของทั้งคู่เท่านั้น

พล.อ.เรืองโรจน์ ให้ต่อสายโทรศัพท์ถึง พล.อ.สนธิ ที่ บก.ทบ. แต่ไม่สามารถติดต่อได้ แต่ไม่นานนัก พล.อ.สนธิ ก็โทร.สวนกลับเข้ามาพอดี

"เฮ้ยนายกฯ ประกาศภาวะฉุกเฉินแล้ว ขอให้ถอนกำลังทหารกลับ จะได้ไม่ต้องมาสู้กันเอง" พล.อ.เรืองโรจน์ กรอกใส่โทรศัพท์

ช่วงครู่เดียว พล.อ.เรืองโรจน์ต้องวางสายโทรศัพท์ลง "เขาบอกว่า เขาไม่ยอม เขาจะสู้"

เมื่อประเมินสถานการณ์ ทุกคนถอดใจไม่มีประโยชน์ที่จะสู้เพื่อทักษิณ เพราะฝ่ายคมช. ได้เปรียบคุมกำลังเอาไว้หมดแล้ว

พร้อมๆกันนั้น พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ รอง ผบ.สส.ก็ทำหน้าที่ประสานกับ พล.อ.สนธิ ในฐานะเพื่อนร่วมรุ่น ตท.6 โดยมีนัยยะที่จะเข้าร่วมคณะปฏิรูปฯ ด้วย เพราะไม่อยากให้เกิดการนองเลือด

ทันใดนั้นไม่นาน พล.อ.เรืองโรจน์ ตัดสินใจไปร่วมกับฝ่าย"พล.อ.สนธิ " จนการรัฐประหารในคืน 19 กันยาฯ สำเร็จลงโดยไม่มีการนองเลือด


"พล.อ.เรืองโรจน์" เกิดเมื่อ 28 มีนาคม 2489 สำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ,เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 5 เมื่อปี 2505 ,โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และจบออกมารับราชการเป็นร้อยตรี เมื่อปี 2511

เคยเป็นฝ่ายเสนาธิการประจำตัว "พล.อ. สุนทร คงสมพงษ์" อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และประธานคณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ

ปี 2534 ได้รับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำเสนาธิการทหาร"พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ "

ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 เขาได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งปลัดบัญชีทหาร และมีส่วนสำคัญในการบริหารจัดการด้านงบประมาณ จนกองทัพไทยผ่านอุปสรรคมาได้

ปี 2543 ได้รับยศเป็นพลเอกในตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา

1 ตุลาคม 2548 ได้รับแต่งตั้งดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ1ตุลาคม 2549 เกษียณอายุราชการ

วันนี้ ตัวเขาเข้าสู่ชีวิตทางการเมืองเต็มตัวในนามพรรคพลังประชาชน ที่รู้กันว่าเป็น"พรรคนอมินี"ทักษิณ

"พล.อ.เรืองโรจน์" รับทั้งบำเน็จทางการเมืองและบำนาญชีวิตข้าราชการ
 

http://www.bangkokbiznews.com/2007/09/01/WW65_WW65_news.php?newsid=91949


ส่วนหนึ่งการเมืองไทยระหว่าง 18-19 กันยายน 2519 ที่มีการเล่าแตกหน่อต่อยอดไปบ้าง
แต่ก็มีสาระสำคัญดังนี้.........

ปล. "หมอมิ้งค์" และ "รักษานายกฯชิดชัย" ถูกคณะ คมช. คุมตัวไว้นานกว่าบริวารทักษิณคนอื่น ๆ
เพราะสาเหตุนี้......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2007, 15:54 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
หน้า: [1]
    กระโดดไป: