aiwen^mei
|
|
« ตอบ #100 เมื่อ: 08-11-2007, 18:11 » |
|
เอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่ง (1983) เฉินอวี้เหลียน 陈玉莲 กับบท "เซียวเหล่งนึ่ง" ในดวงใจของใครหลายคน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #101 เมื่อ: 08-11-2007, 18:33 » |
|
เอี้ยก้วย & เซียวเหล่งนึ่ง (1995) หลี่ยั่วถง 李若彤 กับบท "เซียวเหล่งนึ่ง" ที่น่าประทับใจของใครหลายคน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #103 เมื่อ: 08-11-2007, 20:58 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #105 เมื่อ: 10-11-2007, 22:10 » |
|
ขอคุณคุณ aiwen^mei 路遥知马力,日久见人心 ผมว่าน่าจะแปลให้ได้สำนวนเดิมก็ต้อง "หนทางพิสูจน์กำลังของม้า กาลเวลาพิสูจน์ใจของคน" ในไตเติ้ลที่คุณ aiwen^mei นำมาหลังเพลงจบ สำเนียงจีนกลาง มันมี เซี่ยวหลี่เฟยเตา มีดบินลี้น้อย กับ เซี่ยวหลีฉังเตา ซ่อนดาบในรอยยิ้ม อิอิ ผมสมัยเมื่อเด็กก็คง เป็นช่วงเดียวกับคุณ เว่ย แหละครับ รัฐบาลสมัยนั้น มีกฏหมายคอมมูนิตย์ ต้องเรียนๆหลบๆอ่ะ ที่ผมเรียนๆทั้ง แต้จิ๋ว และจีนกลาง แต่อยู่บ้านนอก รู้สึกจะไม่เข้มงวดนักครับ เข้า กทม.มาที น้าชายชอบพาไปดูหนังที่ กรุงเกษมประจำเลย กับเฉลิมบุรี ถ้าจำไม่ผิดอยู่ทางเจริญกรุง ทุกครั้งที่เข้า กทม. ท่านบอกว่าจะได้ฝึกภาษา เพราะในโรงหนัง ไม่มีพากย์ไทยครับ น้าชายคนเล็กผม ก็เป็นครูสอนหนังสือจีนนะครับ อยู่แถวดาวคนอง ก็สอนเป็นชุดๆละ5-8คน เริ่มสอนเป็นรุ่นๆ จากเด็กเล็ก ถึงเด็กโต สอนจากราวๆ 5 โมงเย็นถึง 4-5ทุ่ม ถึงหมดคนเรียนครับ สมัยผมเรียนกลางวันเรียนไทย กลางคืนและวันหยุด ถึงได้เรียนกลางวันกัน อยากขอรบกวนคุณเม่ยนิด เรื่องการเปลี่ยนภาษาไทยเป็นจีน ต้องซื้ออะไรใส่เพิ่มเติมไหมครับ และวิธีพิมพ์ด้วย ช่วยชี้แนะทีครับ เผื่อนึกสนุกจะกลับไปหัดเรียนใหม่ หยี่เตี้ยง ผม 40กว่าปียังดีอยู่นะครับ นานๆคิดไม่ออกก็เปิดมาดูครับ ขอขอบคุณครับ ตอๆเสี่ยหนิง ขออนุญาตถามคุณขวานผ่าซากหน่อยค่ะว่า ชอบดู "เอ็งกอ" ป่าวคะ ตอนนี้เม่ยแวะมาเที่ยว "งานงิ้วขอนแก่น" น่ะค่ะ เพิ่งทราบเหมือนกันค่ะว่า หลายอำเภอของจังหวัดทางภาคอีสาน จัด "งานงิ้ว" ทุกปี คิดว่ามีแต่บางอำเภอที่มีชุมชนชาวจีนอยู่มากแถบจังหวัดภาคกลางตอนบนกับจังหวัดภาคเหนือตอนล่างเสียอีกค่ะ ------------------------------------------------------------------------------------- ขบวนแห่ ( กลางคืน )
คืนวันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน 50 (เริ่มเวลา 18.00 น. ตั้งขบวนหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ) ขบวนแห่จัดอย่างยิ่งใหญ่และประดับประดาไฟ แสงสีสวยงาม ตระการตา ในเวลา 19.00 น. ชมการแสดงโชว์บนเวทีหน้า ร.ร.กัลยาณวัตร และในเวลา 20.30 น. ชมการแสดงสิงโตมังกรจาก ชมรมลูกเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่น จากหลายจังหวัดร่วมโชว์บนเวที 200 ปี ริมบึงแก่นนคร (ตลอดจนชมพิธีป่วงเซียง ณ.ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า เวลา 19.30)
รูปแบบขบวน มูลนิธิขอนแก่นสามัคคีอุทิศ รถโฆษณา, ประชาสัมพันธ์ ขบวนป้ายผู้ร่วมในขบวน ขบวนสิงโตจากขอนแก่น และทั่วประเทศ (สิงโต , ฮกลกซิ่ว , สิงโตปักกิ่ง , มังกรทอง , เอ็งกอ ) ขบวนวงดุริยางค์ ( ยิ่งใหญ่และงดงามที่สุด ) ขบวนเทิดพระเกียรติ และ ชมคณะดนตรีจีน เล่น , ร้อง สดๆ ( สวยงามและยาวที่สุด )คณะกรรมการปี 50 และ ปี 51 ขบวนเจ้าแม่กวนอิม ขบวนชมรมไทเก๊ก ขบวนแสดงสดจากโรงเรียนฮั่วเคี้ยววิทยาลัย
ขบวนแห่ ( กลางวัน )
ขบวนแห่เช้าวันที่ 11 พฤศจิกายน 2550 เริ่มเวลา 07.00 น. ตั้งขบวน ณ ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า พิธีเปิดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น โดยมีหน่วยงานภาคส่วนต่างๆ และสื่อมวลชนร่วมพิธีอย่างคับคั่ง (หยุดพักเวลา 12.00 ณ โรงเรียนเอี้ยวฮั่วเคียววิยาลัย)
ขบวนประกอบด้วย มูลนิธิขอนแก่นสามัคคีอุทิศ รถโฆษณา, ประชาสัมพันธ์ ขบวนป้ายผู้ร่วมในขบวน ขบวนไฉ่ฮงกี้ สาวงามถือธง คณะดนตรีจีน ขบวนสิงโตจากขอนแก่น และทั่วประเทศ (สิงโต,ฮกลกซิ่ว, สิงโตปักกิ่ง, มังกรทอง,เอ็งกอ ) ขบวนวงดุริยางค์ (ยิ่งใหญ่และงดงามที่สุด) ขบวนเทิดพระเกียรติ และชมคณะดนตรีจีน เล่น, ร้องสดๆ (สวยงามและยาวที่สุด) คณะกรรมการปี 50 และ ปี 51 ขบวนชมรมไทเก๊ก ขบวนแสดงสดจากโรงเรียนฮั่วเคี้ยววิทยาลัย ขบวนเจ้าแม่กวนอิม เอ็งกอ
ขบวนรถเจ้า ประกอบด้วย รถกระถางธูป เจ้าพ่อหลักเมือง เจ้าปึงเถ่ากงม่า เจ้าปู่ครูเย็น ขบวนรถเหล่าตั่ว
การแสดง ตลอด 10 วัน 10 คืน
คืนวันที่ 10-11 พฤศจิกายน 2550 เวลา 19.00 - 21.00 น. การแสดงคณะสิงโตมังกร จาก ชมรมลูกเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่น และทั่วประเทศ ณ อาคาร 200 ปี ริมบึงแก่นนคร
คืนวันที่ 12 - 19 พฤศจิกายน 2550 การแสดงมหรสพ ที่ตื่นตาตื่นใจ ด้วยพลุเฉลิมพระเกียรติ80 พรรษา ที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุด สนุกสนานกับกิจกรรมการร่วมสนุกมากมาย
อย่าพลาด! ชมความตื่นเต้น ความสนุกสนาน และความสุขภายในงาน การประมูลของมงคล ประจำปี ทุกค่ำคืนบนเวที ภายในศาลเจ้าปงเถ่ากง-ม่า เริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 22.00 น.แล้วท่านจะพบคำตอบ ทำไม ? เพราะอะไรผู้คนมากมายจึงให้ความสำคัญ ด้วยศรัทธาอันแรงกล้า และรอพบคำตอบ ใครคือผู้จะพิชิตไต่กิกถาดแรก (ส้มมงคล) และทีกงเต็ง (ตะเกียงฟ้าดิน) ประจำปี 2550 http://www.khonkaenlink.com/board/forum_posts.asp?TID=31366&PN=1
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-11-2007, 22:12 โดย aiwen^mei »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #106 เมื่อ: 11-11-2007, 09:03 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2007, 09:22 โดย aiwen^mei »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
(ก้อนหิน) ละเมอ
|
|
« ตอบ #107 เมื่อ: 11-11-2007, 09:07 » |
|
ชอบเวอร์ชั่น 1995 มากที่สุดครับ เพราะว่าเลือกนางเอกได้เหมาะสมที่สุด คือ หน้าตาต้องดูมีอายุมากกว่าพระเอกนิดหน่อย ส่วนเวอร์ชั่นล่าสุดเนี่ย นางเอกหน้าตาแบ๊วไปหน่อย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #108 เมื่อ: 11-11-2007, 09:26 » |
|
ชอบเวอร์ชั่น 1995 มากที่สุดครับ เพราะว่าเลือกนางเอกได้เหมาะสมที่สุด คือ หน้าตาต้องดูมีอายุมากกว่าพระเอกนิดหน่อย ส่วนเวอร์ชั่นล่าสุดเนี่ย นางเอกหน้าตาแบ๊วไปหน่อย
ปล. ได้อ่านบทส่งท้ายของ "กิมย้ง" ท้ายเล่ม (เอ..หรืออยู่ในบทนำของ "ดาบมังกรหยก" ) ที่บรรยายการสะท้อนบุคลิกและความเป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวละคร ยิ่งทำให้ประทับใจกับความรักมั่นของเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งค่ะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2007, 09:47 โดย aiwen^mei »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เล่าปี๋
|
|
« ตอบ #109 เมื่อ: 11-11-2007, 14:36 » |
|
คุณ aiwen^mei ถามว่าผมเคยดูหรือปล่าวเอ็งกอ ที่ขอนแก่นไม่เคยไปครับ
ผมเคยดูแต่ที่นครสวรรค์ ในวันตรุษจีน และก็ที่สุพรรณบุรี หลังวันสารทจีน
ดูเหมือนจะมีหลังวันไหว้ไปแล้ว 3วัน ครับ มีสาวๆมาเดินมาก ที่สำคัญมีสิงโต มังกรมาเชิดให้ดูด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว ไม่พราวไสว หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น พลันมืดมัว....
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #110 เมื่อ: 14-11-2007, 05:46 » |
|
นักร้องนักแสดงสาวสวย โจวฮุ่ยหมิ่น (周慧敏)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #111 เมื่อ: 16-11-2007, 17:46 » |
|
ดาบมังกรหยก (1986) หลีเหม่ยเสียน เหลียงเฉาเหว่ย เติ้งชุ่ยเหวิน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #112 เมื่อ: 16-11-2007, 17:48 » |
|
ดาบมังกรหยก (2003) ~ เตียบ่อกี้ (ซูโหย่วเผิง) เตี๋ยเมี่ยง (เจี่ยจิ้งเหวิน) จิวจี้เยียก (เกาหยวนหยวน)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #114 เมื่อ: 17-11-2007, 13:45 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2007, 13:59 โดย aiwen^mei »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เล่าปี๋
|
|
« ตอบ #115 เมื่อ: 17-11-2007, 14:23 » |
|
ผมขออนุญาตนำมาแจมของคุณเม่ย เห็นเป็นของกิมย้ง ประชันโฉม 7 ฮูหยินของอุ้ยเสี่ยวป้อ 5 เวอร์ชั่น หวงเสี่ยวหมิง อุ้ยเสี่ยวป้อคนล่าสุด ท่ามกลางวงล้อมของเหล่าสาวงามทั้ง 7 อาเคอ (阿珂) ได้ชื่อว่างามที่สุดในบรรดาเมียทั้ง 7 เป็นลูกสาวที่เกิดจากหลี่จื้อเฉิงและเฉินหยวนหยวน ฟางอี๋ (方怡) เป็นจอมยุทธหญิงแห่งจวนอ๋องมู่
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2007, 14:25 โดย ขวานผ่าซาก »
|
บันทึกการเข้า
|
ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว ไม่พราวไสว หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น พลันมืดมัว....
|
|
|
เล่าปี๋
|
|
« ตอบ #116 เมื่อ: 17-11-2007, 14:33 » |
|
ต่อฮูหยินทั้งเจ็ดของ ขุนนางอุ้ยเซี่ยวป้อ มู่เจี้ยนผิง (沐剑屏) ท่านหญิงน้อยจวนอ๋องมู่ อายุน้อยที่สุด ซวงเอ๋อ (双儿) เป็นสาวใช้ในบ้านขุนนาง อุ้ยเสี่ยวป้ออยู่กับสาวคนนี้แล้วรู้สึกสบายใจเป็นที่สุด เพราะเธอทั้งช่างเอาอกเอาใจ และแสนดี องค์หญิง เจี้ยนหนิง (建宁) เป็นพระขนิษฐาฮ่องเต้คังซี สุดแสนจะเอาแต่ใจ แต่เวอร์ชั่นของจางเหว่ยเจี้ยน ที่หลินซินหยูแสดง เรียกน้ำตาได้โข
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว ไม่พราวไสว หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น พลันมืดมัว....
|
|
|
เล่าปี๋
|
|
« ตอบ #117 เมื่อ: 17-11-2007, 14:38 » |
|
ต่อเรื่องฮูหยินทั้งเจ็ดของอุ้ยเสี่ยวป้อ ซูเฉวียน (苏荃) เป็นฮูหยินเจ้าลัทธิมังกรเทพ อายุมากที่สุดในบรรดาเมียอุ้ยเสี่ยวป้อ เจิงโหยว (曾柔) เป็นลูกสาวโจรภูเขา ฉบับปี 1984 ไม่มีตัวละครตัวนี้ และในปี 2000 อุ้ยเสี่ยวป้อเวอร์ชั่นจางเหว่ยเจี้ยน ได้สร้างตัวละครชื่อว่า เสี่ยวจิงอี๋ว์ รับบทโดยซูฉี ขึ้นมาแทน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว ไม่พราวไสว หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น พลันมืดมัว....
|
|
|
เล่าปี๋
|
|
« ตอบ #118 เมื่อ: 17-11-2007, 20:37 » |
|
请问,喜欢吗? น่าอิจฉาจังค่ะ ที่นครสวรรค์ - ปากน้ำโพ ถือว่าเป็นเต้ยแล้วนะคะ เข้าใจว่าอย่างนั้น ขบวนแห่ของขอนแก่นปีนี้ ที่ชอบที่สุด คือ "การเชิดมังกร" ล่ะค่ะ เพราะสมัยเด็กที่เคยดู ยังไม่มี ส่วนการแสดงอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การเชิดสิงโต เอ็งกอ หล่อโก้ว เด็ก ๆ หาบกระเช้า สาวงามถือเปีย การบรรเลงดนตรีจีนโบราณ มีเหมือนกัน และตามไปดูจนได้เห็นว่า ที่ขอนแก่นมี "ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า" ที่สวยงาม ถาวรด้วย สำหรับการเชิดมังกรนั้น จะรับสมัครเด็กนักเรียนมัธยมปลายที่กำลังเรียนรด. อยู่เท่านั้น ปีนี้เป็นเด็กนักเรียนจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยทั้งหมด (ได้ยินคนเม้าท์) มังกรที่เชิดมีสองตัว หนึ่งตัวต้องมีกงจื้อรวมพลังกันประมาณ 20 คน ซึ่งจะมีสองชุด สลับสับเปลี่ยนกัน คุณชายน้อยต้องสวมเอียร์ปลั๊กด้วยค่ะ เพราะต้องทำการเชิดระหว่างที่จุดประทัดสนั่นหวั่นไหว ไว้จะโพสต์รูปค่ะ กำลังรอญาติส่งมาให้ งานงิ้วที่ทางคณะกรรมการฯ จัดได้เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ เข้าร่วมกิจกรรมด้วย อย่างอำเภอที่เม่ยอยู่สมัยเด็ก ใกล้ ๆ นครสวรรค์นั้น จะมีการแสดงต่าง ๆ ที่หลากหลายจากแต่ละโรงเรียนเข้าร่วม ตกกลางคืนก็จะมีการแสดงของคณะงิ้วแต้จิ๋ว งิ้วไหหลำ ชิงช้าสวรรค์ รถไต่ถัง ลำตัด ลิเก รำวง หนังกลางแปลง ปาเป้า และของกินสารพัดประดามี อ้อ...มีเมียงูด้วย แต่เม่ยชอบดูงิ้วแต้จิ๋วค่ะ ขนาดดูไม่รู้เรื่องนะนั่น อิอิ ค่ะ หนุ่ม ๆ สมัยนี้ก็ไม่แพ้สาว ๆ นะคะ 你怎么那样问呢? 那时人人有机会都是很喜欢的
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว ไม่พราวไสว หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น พลันมืดมัว....
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #119 เมื่อ: 18-11-2007, 11:53 » |
|
ดาราสาวสวยมากฝีมือจากจีนแผ่นดินใหญ่ ก่งลี่ 巩俐
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #120 เมื่อ: 18-11-2007, 12:42 » |
|
ผมขออนุญาตนำมาแจมของคุณเม่ย เห็นเป็นของกิมย้ง ประชันโฉม 7 ฮูหยินของอุ้ยเสี่ยวป้อ 5 เวอร์ชั่น หวงเสี่ยวหมิง อุ้ยเสี่ยวป้อคนล่าสุด ท่ามกลางวงล้อมของเหล่าสาวงามทั้ง 7 อาเคอ (阿珂) ได้ชื่อว่างามที่สุดในบรรดาเมียทั้ง 7 เป็นลูกสาวที่เกิดจากหลี่จื้อเฉิงและเฉินหยวนหยวน ฟางอี๋ (方怡) เป็นจอมยุทธหญิงแห่งจวนอ๋องมู่ 欢迎 ! 欢迎 ! 非常感谢。我很高兴你门来这里谈一谈。 "อุ้ยเสี่ยวป้อ" มีหลายเวอร์ชันเสียด้วย เม่ยเคยได้ดูแต่ฉบับทีวีบีที่ "เหลียงเฉาเหว่ย" กับ "หลิวเต๋อหัว" แสดงนิดหน่อยค่ะ จำได้ว่า คุณรอง เค้ามูลคดีที่พากย์เป็น "อุ้ยเสี่ยวป้อ" โดยเหลียงเฉาเหว่ย ฉายที่ช่องเจ็ด บอกไว้ว่า พากย์บทอุ้ยเสี่ยวป้อนี้ เหนื่อยมาก เพราะพูดตามบทแทบไม่ทัน ชมว่าผู้แสดงคือเหลียงเฉาเหว่ยแสดงเก่งมาก เคยได้อ่านนิยายแปลเรื่องนี้ใน "ไทยรัฐ" โดย น.นพรัตน์ ด้วยค่ะ แต่อ่านแล้วรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้บ้าง แต่รู้จักคำด่า "มารดามันเถอะ" ที่อุ้ยเสี่ยวป้อ (น่าจะ) พูดติดปากประจำค่ะ ต่อมาได้อ่านฉบับพิมพ์เป็นเล่ม ประมาณ 8 เล่มจบ ก็สนุกดีเพราะความกะล่อนลื่นเป็นปลาไหลจับไม่ติดของอุ้ยเสี่ยวป้อเป็นเหตุ 你怎么那样问呢? 那时人人有机会都是很喜欢的 开玩笑, 开玩笑
是啊! 香港電視台做得很好看。
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
THE THIRD WAY
|
|
« ตอบ #121 เมื่อ: 18-11-2007, 13:38 » |
|
เซ๊ยวเหล่งนึ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความรักนั้นหวาน ไม่ว่าจะรับหรือให้ ************************ การขับไล่ทรราช เป็นภารกิจของเจ้าของประเทศ
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #122 เมื่อ: 20-11-2007, 22:12 » |
|
เซ๊ยวเหล่งนึ่ง ท่าน THE THIRD WAY ชื่นชอบเซียวเหล่งนึ่งที่รับบทโดย "หลิวอวี้เฟย" นี้แน่เชียว เดี๋ยวเม่ยหาภาพมาเพิ่มให้ค่ะ เวอร์ชันจากประเทศจีนนี้มีดีตรงอลังการงานสร้าง พาให้นึกถึงภาพยนต์จอเงินเรื่องดัง "HERO" ของจางอี้โหมวค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #123 เมื่อ: 21-11-2007, 07:08 » |
|
เอี้ยก้วย & เซียวเหล่งนึ่ง (2003) หวงเสี่ยวหมิง หลิวอี้เฟย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #124 เมื่อ: 21-11-2007, 07:14 » |
|
หลิวอี้เฟย 刘亦菲 "เซียวเหล่งนึ่ง" ที่น่ารักอ่อนช้อยของใครหลายคน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
THE THIRD WAY
|
|
« ตอบ #125 เมื่อ: 21-11-2007, 08:28 » |
|
ดูภาพแม่นางหลิวแล้ว หายใจหมดเลยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความรักนั้นหวาน ไม่ว่าจะรับหรือให้ ************************ การขับไล่ทรราช เป็นภารกิจของเจ้าของประเทศ
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #126 เมื่อ: 23-11-2007, 01:38 » |
|
นักแสดงสาวสวยจากจีน จางจื่ออวี้ 章子怡
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สมชายสายชม
|
|
« ตอบ #127 เมื่อ: 23-11-2007, 02:07 » |
|
ผมชอบเซียวเหล่งนึ่ง ภาคนี้ (เมื่อก่อน การเลือกประมุขเจ้ายุทธจักรคงจะไม่มีการซื้อเสียง เพราะใช้วิธีการประลองยุทธ์)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #128 เมื่อ: 23-11-2007, 07:50 » |
|
ดูภาพแม่นางหลิวแล้ว หายใจหมดเลยครับ ปานนั้นเชียวนะคะ ไว้จะมาโพสต์เพิ่มให้อีกค่ะ ผมชอบเซียวเหล่งนึ่ง ภาคนี้ (เมื่อก่อน การเลือกประมุขเจ้ายุทธจักรคงจะไม่มีการซื้อเสียง เพราะใช้วิธีการประลองยุทธ์) น่าจะเป็นอย่างนั้นนะคะ ปลอดการซื้อเสียง แต่ประมุขจะดำรงตำแหน่งได้นานหรือไม่ อันนี้น่าเป็นห่วงค่ะ อย่างในเลือก "8 เทพอสูรมังกรฟ้า" นั้น ประมุขพรรคกระยาจกที่มีนามว่า "เคียวฮง" เจอมรสุมลูกใหญ่จากผู้ประสงค์ร้าย จนต้องประกาศลาออกเพื่อพิสูจน์ตัวเองค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เล่าปี๋
|
|
« ตอบ #129 เมื่อ: 23-11-2007, 09:25 » |
|
คุณสมชายสายชมครับ การที่ใครฝีมือเข้มแข็งกว่าเขา
ก็คือจ้าวยุทธภพ อิอิ มันก็คล้ายสมัยนี้เหมือนกัน นะครับผมว่า
ใครเงินดีทุนหนาก็ได้เป็นไป หรืออีกพวกมีวิทยายุทธเหนือกว่าก็เป็นไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว ไม่พราวไสว หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น พลันมืดมัว....
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #130 เมื่อ: 27-11-2007, 08:49 » |
|
ฝากสภาษิตอีกคำครับ 入 港随湾 入乡随俗 คล้ายสำนวน"เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม" กับอยากฟังเพลงชุด "จอมใจจักรพรรค์"สักสองเพลงรบกวนคุณเม่ยหาให้ด้วย ชุด " 江山美人" อยากฟังอยู่คือ "扮皇帝" " 戏风" สองเพลงครับ ผมมีแต่แผ่นเสียง-เทป เดี๋ยวนี้มันฟังไม่ได้แล้วครับ วานกรุณาคุณเม่ย หาให้ด้วยจักขอบพระคุณยิ่งครับ ตามไปเจอเพลง "ป้านหวงตี้" ที่กระทู้ของท่านคิวไต้เฮียบนะคะ http://forum.serithai.net/index.php?topic=18426.0http://www.mediafire.com/?dnrd4jlk0jiและเพิ่งจะนึกออกค่ะว่า เพลงที่หนูน้อยจั๋วอีถิงนำมาร้องใหม่นั้น ไม่มีเพลง "ซี่ฟ่ง" เสียหน่อย ขออภัยค่ะที่ความจำเลอะเลือน อ้อ ไม่ทราบท่านขวานผ่าซากเคยดูเวอร์ชั่นเรื่องนี้จากการแสดงของ "เจิ้งเส้าชิว" กับ "หลี่หลินหลิน" (ศรีภรรยาของเดวิดเจียง) หรือป่าวคะ ร้องเป็นภาษากวางตุ้ง เม่ยเคยดูตอนเด็ก ดูเหมือนจะฉายทางช่อง 5 --- เศร้ารันทดในฉบับเพลงกวางตุ้งค่ะ เพิ่งได้จังหวะตอบค่ะ แกไปแล้วไปลับไม่กลับจริง ๆ นะคะ หลาน Gone เนี่ยะ จะมีใครตั้งฉายาใหม่ให้ป๋าหมักเจ็บ ๆ แสบ ๆ กว่าเดิมสักสิบเท่ามั่งน้อ ----------------------------------------------------------------------------------------- หลังจากชมภาพสาวงามจนทั้งละลานตา และใจคอหวิว ๆ ไปแล้ว คงต้องหวนกลับคืนสู่สำนวนการแปลที่โดนใจอีกครั้ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #131 เมื่อ: 27-11-2007, 10:02 » |
|
การพบพานในคราเคราะห์ มักเพาะเป็นความสัมพันธ์ลึกล้ำเป็นพิเศษ ....มีแต่ตอนประสบเคราะห์ จึงเห็นซึ้งถึงโฉมหน้าแท้จริงของผู้คน สามารถจำแนกความดีงามและความชั่วร้าย การเห็นอกเห็นใจและการเหยียบย่ำซ้ำเติม ....รักในคราเคราห์ก็เป็นรักอันแน่นแฟ้น รักอันจีรังยั่งยืน ผลของการอยู่ร่วมกันระหว่างกอเทียนเซ้งและโง้วเล้งจู เพาะเป็นความรักอันลึกล้ำขึ้น กอเทียนเซ้งพบรักในหอน้อย ขณะที่ฟังเสียงฝนตกกระหน่ำ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก กอเทียนเซ้งจึงจารึกคำ "ฟังเสียงฝนในหอน้อยเพียงเดียวดาย" ลงบนตัวดาบโค้ง ทั้งหมดนี้เป็นที่มาของโคลง "ฟังเสียงฝนในหอน้อยเพียงเดียวดาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #132 เมื่อ: 29-11-2007, 16:49 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2007, 18:52 โดย aiwen^mei »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #133 เมื่อ: 01-12-2007, 09:07 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เล่าปี๋
|
|
« ตอบ #134 เมื่อ: 01-12-2007, 09:32 » |
|
ตามไปเจอเพลง "ป้านหวงตี้" ที่กระทู้ของท่านคิวไต้เฮียบนะคะ http://forum.serithai.net/index.php?topic=18426.0http://www.mediafire.com/?dnrd4jlk0jiและเพิ่งจะนึกออกค่ะว่า เพลงที่หนูน้อยจั๋วอีถิงนำมาร้องใหม่นั้น ไม่มีเพลง "ซี่ฟ่ง" เสียหน่อย ขออภัยค่ะที่ความจำเลอะเลือน อ้อ ไม่ทราบท่านขวานผ่าซากเคยดูเวอร์ชั่นเรื่องนี้จากการแสดงของ "เจิ้งเส้าชิว" กับ "หลี่หลินหลิน" (ศรีภรรยาของเดวิดเจียง) หรือป่าวคะ ร้องเป็นภาษากวางตุ้ง เม่ยเคยดูตอนเด็ก ดูเหมือนจะฉายทางช่อง 5 --- เศร้ารันทดในฉบับเพลงกวางตุ้งค่ะ เพิ่งได้จังหวะตอบค่ะ แกไปแล้วไปลับไม่กลับจริง ๆ นะคะ หลาน Gone เนี่ยะ จะมีใครตั้งฉายาใหม่ให้ป๋าหมักเจ็บ ๆ แสบ ๆ กว่าเดิมสักสิบเท่ามั่งน้อ ----------------------------------------------------------------------------------------- หลังจากชมภาพสาวงามจนทั้งละลานตา และใจคอหวิว ๆ ไปแล้ว คงต้องหวนกลับคืนสู่สำนวนการแปลที่โดนใจอีกครั้ง ผมเคยชมเรื่องจอมใจจักพรรค์ รุ่นนั้นน่าจะเป็น หลินไต้ แสดงนะครับ
มันนาน ซะจนลืมไปแล้ว อีกเรื่องดูระยะไม่ช้ากว่ากัน ก็คือ "เพลงรักชาวเรือ"
ขอขอบคุณคุณเม่ย ที่บอกให้ลิงค์ให้ไปโหลด"ป้านหวงตี้"ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว ไม่พราวไสว หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น พลันมืดมัว....
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #135 เมื่อ: 02-12-2007, 08:54 » |
|
ผมเคยชมเรื่องจอมใจจักพรรค์ รุ่นนั้นน่าจะเป็น หลินไต้ แสดงนะครับ
มันนาน ซะจนลืมไปแล้ว อีกเรื่องดูระยะไม่ช้ากว่ากัน ก็คือ "เพลงรักชาวเรือ"
ขอขอบคุณคุณเม่ย ที่บอกให้ลิงค์ให้ไปโหลด"ป้านหวงตี้"ครับ ยินดีค่ะ สำหรับเรื่อง "จอมใจจักรพรรดิ" นั้น ฟังท่านแม่เล่าบอกว่า ตอนฉายในกรุงเทพฯ โด่งดังมาก คนที่อยู่ต่างจังหวัดไกลจากกรุงเทพฯ อย่างเชียงใหม่ ยังต้องมาดูเลย ตอนเม่ยเรียนปอสี เหล่าซือเขียนเนื้อร้องพร้อมคำอ่านกั๋วอินให้ ตอนแรกนึกว่าหายไปแล้ว แต่ปรากฏว่า ยังอยู่ กระดาษเหลืองกรอบไปตามกาลเวลา เห็นแล้วก็คิดถึงเหล่าซือที่แสนใจดี ขอแปะรูปซักหน่อย ขออนุญาตแฮปมาจากกระทู้ของท่านคิวที่ลิงก์มาจากพันทิปอีกต่อ ส่วนเรื่อง "เพลงรักชาวเรือ" ยังไม่เคยดูค่ะ ไว้จะต้องลองหามาดูเสียหน่อย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #136 เมื่อ: 02-12-2007, 08:56 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #137 เมื่อ: 04-12-2007, 21:24 » |
|
น.นพรัตน์ ท่องยุทธจักรด้วยปากกาในนิยายจีนกำลังภายใน จอมยุทธ์ท่องไปในยุทธจักรพร้อมกระบี่คู่กาย ต่อสู้ฟาดฟันกับศัตรูตลอดรายทางจนประสบชัยชนะในบั้นปลาย
หากเปรียบวงการวรรณกรรมเป็นยุทธภพ น.นพรัตน์ นักแปลนวนิยายจีนกำลังภายในชื่อดังก็พกพาเอาปากกาเป็นอาวุธคู่กาย ท่องไปในยุทธจักรวรรณกรรมเพื่อถ่ายทอดสาระและความบันเทิงให้กับนักอ่านชาวไทยมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานถึง ๓๙ ปี
น.นพรัตน์เป็นนามปากการ่วมของสองพี่น้อง อานนท์ และอำนวย ภิรมย์อนุกูล ที่ร่วมกันแปลนิยายจียนกำลังภายในมาตั้งแต่ทั้งคู่อายุได้เพียง ๑๘ และ ๑๖ ปีตามลำดับ และทำงานแปลร่วมกันเรื่อยมาจนกระทั่งคุณอานนท์จากไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๓ คุณอำนวยจึงต้องทำงานแปลคนเดียวมานับแต่นั้น
การขาดพี่ชายไปทำให้คุณอำนวยได้ฉายาว่ามังกรเดี่ยวไม่เดียวดาย แต่เขาเรียกตัวเองว่าเป็นจอมยุทธ์คนสุดท้ายเพราะเขาเป็นนักแปลนิยายจีนกำลังภายในคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในขณะนี้ก็ว่าได้
เกือบ ๔๐ ปีที่ผ่านมา นักอ่านนิยายกำลังภายในแทบไม่ทราบเลยว่า น.นพรัตน์ เป็นใคร เพราะทั้งคู่เก็บตัว ไม่ชอบเปิดเผยตัวเอง ตามสุภาษิตจีนบทหนึ่งที่เขาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตคือ
"โอ่โอ้อวดเกิดความเสียหาย ถ่อมตัวไว้ได้รับประโยชน์"
อ้างอิง : คอลัมน์ "เปิดอก" โดย รณา นิตยสาร "ดิฉัน" ฉบับที่ 675 ( 15 เมษายน 2548)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #138 เมื่อ: 04-12-2007, 21:38 » |
|
คุณอำนวยแปลนิยายจีนกำลังภายในมาแล้ว ๒๘๕ เรื่อง ในเวลา ๓๙ ปี และเมื่อขอให้เลือกเรื่องโปรด คุณอำนวยชอบอยู่ ๕ เรื่อง ซึ่งเขาบอกว่าเป็นเรื่องที่คอนิยายกำลังภายในต้องอ่าน
"เรื่องแรกคือ ๘ เทพอสูรมังกรฟ้า ผมคิดว่าเป็นหนังสือที่ดีที่สุดเท่าที่กิมย้งเคยเขียนมา
...แล้วเมื่อปี ค.ศ.๑๙๙๗ ฮ่องกงกลับคืนไปสู่การปกครองของจีนแผ่นดินใหญ่ ตอนนั้นสมเด็จพระเทพฯ ได้เสด็จฯ ไปร่วมงานด้วย และมีพระประสงค์จะพบกิมย้งเป็นการส่วนพระองค์ กิมย้งได้เดินทางมาเข้าเฝ้าฯ และได้ถวายเรื่อง ๘ เทพอสูรมังกรฟ้าฉบับภาษาจีนแก่สมเด็จพระเทพฯ ถ้าเรามองจากมุมมองนี้ก็เข้าใจว่ากิมย้งเองก็ชอบเรื่องนี้ที่สุด
...๒. กระบี่เย้ยยุทธจักร พระเอกชื่อเหล็งฮู้ชง ซึ่งเป็นคนไม่ยึดติดกับชื่อเสียงลาภยศ แต่หลังจากชิงอำนาจมาจากตันปุกป้ายได้ก็ต้องการให้เขาเป็นประมุขพรรค แต่เหล็งฮู้ชงไม่รับตำแหน่งนี้เพราะรู้ตัวว่าเป็นหัวหน้าพรรคไม่ได้ เลยพาแฟนไปอยู่ป่าเขาด้วยกัน
...ผมแปลเรื่องนี้ในปี ๒๕๑๑ หลังจากทำงานแปลได้ ๓ ปี ความไม่ยึดติดกับชื่อเสียงของเหล็งฮู้ชงมีผลต่อการดำเนินชีวิตของตัวผมเองในภายหลังอย่างมาก คือเป็นคนสมถะ ไม่ไขว่คว้าหาลาภยศสรรเสริญ
...๓. ดาวตกผีเสื้อกระบี่ จำได้ว่าผมอ่านตอนที่เขาลงในนิตยสารรายสัปดาห์ ก่อนหน้านี้ผมเคยอ่านหนังสือเรื่องก๊อดฟาเธอร์ของพี่ธนิต ธรรมสุคติ ก็เกิดความแปลกใจว่าเขาแปลงมาอย่างไรได้แนบเนียนขนาดนี้ เป็นความประทับใจ
...๔. เซี้ยวลี้ปวยตอ มีดบินไม่พลาดเป้า พี่ว. แปลในชื่อเรื่องฤทธิ์มีดสั้น ก็คือตำนานอีกบทหนึ่งของนิยายกำลังภายในซึ่งคนที่คิดจะอ่านนิยายกำลังภายในทุกคนควรจะต้องอ่านเรื่องนี้ เพราะว่ามันมีครบทุกอย่างเลย คุณธรรมน้ำมิตร บุคลิกตัวละครที่ต่างกันทั้งคู่ระหว่างลี้คิมฮวงกับอาฮุย เป็นต้น
...๕. มังกรคู่สู้สิบทิศ คือหนังสือกำลังภายในที่ดีที่สุดในรอบ ๑๐ ปีที่ผ่านมา ผมกล้าพูดอย่างนี้เลย"
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2007, 16:58 โดย aiwen^mei »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #139 เมื่อ: 05-12-2007, 08:31 » |
|
นักเขียนนิยายกำลังภายในมีจุดกำเนิดมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ แล้วไปเบ่งบานที่ไต้หวันหลังจากเหมาเจ๋อตุงปฏิวัติได้สำเร็จ
นักเขียนนิยายกำลังภายในยุคแรก ๆ เกิดจากจีนแผ่นดินใหญ่ เช่นหวังปู้ลู่ ผู้แต่ง Crouching Tiger Hidden Dragon อีกคนชื่อไป๋อู่ คนแต่งเรื่องศึกเทพยุทธ์เขาสูซาน ซึ่งเป็นเรื่องอภินิหาร
...สมัยนั้นจะมี ๕ ท่านที่มีชื่อเสียงที่สุด เป็นรุ่นบุกเบิกแล้วค่อยถึงยุคของกิมย้ง ซึ่งเป็นรุ่นสานต่อ แล้วมาเป็นยุคโก้วเล้งที่ช่วยให้กำลังภายในเบ่งบานออกมา
...กิมย้งเป็นคนปักกิ่ง หลังจากนั้นได้ย้ายมาอยู่ที่ฮ่องกง มาเป็นผู้สื่อข่าว ส่วนอีกคนชื่อเนี่ยอู้เซ็ง สองคนนี้เป็นผู้ริเริ่มแนวทางการเขียนหนังสือกำลังภายในใหม่ของจีนโดยเริ่มจากที่ฮ่องกง
...หลังจากนั้นไต้หวันจำกัดไม่ให้หนังสือกิมย้งเข้า ช่วงนั้นไต้หวันเพิ่งสร้างชาติอยู่ มีคนบอกว่าหางานทำไม่ได้ก็เขียนหนังสือกำลังภายในซะ ในยุคนั้นก็เลยเรียกว่าร้อยบุปผาหรือถ้าจะพูดกันจริง ๆ ก็คือ ๓๐๐ บุปผาเบ่งบานที่ไต้หวัน มีนักเขียนเรื่องจีนกำลังภายในที่ไต้หวันประมาณ ๓๐๐ คน
...ที่เด่น ๆ เช่น โก้วเล้ง อ้อเล้งเซ็ง ซีแบ๊เล้ง ซึ่งน่าจะเป็นต้นแบบให้กับหวงอี้ หวงอี้ไปก๊อปปี้วิธีการเขียนมาจากซีแบ๊เล้ง
...นอกจากนี้ก็มีลิ้วชั้งเอี้ยง ซึ่งเปรียบเสมือนแรมโบ้ของฝรั่ง อีกคนชื่อเซียวอิด ซึ่งคุณก่อศักดิ์จะชอบเป็นพิเศษ สำนวนเขาจะดี
...ปัจจุบันผมว่าน่าจะเป็นยุคของหวงอี้ เพราะเขาเป็นนักเขียนที่ยังเขียนอยู่คนเดียวตอนนี้และได้รับความนิยมสูงสุด เขาเป็นคนฮ่องกง ความรู้สูง
...หวงอี้เขียนหนังสือ ๒ แนวด้วยกันคือ แนววิทยาศาสตร์ซึ่งลอกมาจากฝรั่งเลย กับแนวกำลังภายใน พอกำลังภายในเขาติดตลาด เขาก็เขียนแต่กำลังภายในล้วน ๆ เช่น เจาะเวลาหาจิ๋นซี มังกรคู่สู้สิบทิศ
...ส่วนแผ่นดินใหญ่ หลังจากเปลี่ยนเป็นคอมมิวนิสต์ก็ถือว่านิยายพวกนี้เป็นเรื่องไร้สาระ เลยขาดช่วงไปเลย ระยะหลังก็มีคนจีนแผ่นดินใหญ่เริ่มเขียนเหมือนกัน แต่ผมรู้สึกว่าวิธีการเขียนและแนวคิดสู้นักเขียนไต้หวันไม่ได้ เพราะคนไต้หวันมีโอกาสไปศึกษาต่ออเมริกา เพราะฉะนั้นโลกทัศน์เขาจะกว้างกว่า
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2007, 21:49 โดย aiwen^mei »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #140 เมื่อ: 05-12-2007, 16:53 » |
|
...คุณพ่อ ความที่รักลูกก็บอกว่าให้โตพร้อมกัน แล้วส่งเข้าโรงเรียนพร้อม ๆ กัน ก็ไปเรียนที่โรงเรียนจีนที่ ถ.มหาชัยเดิม ชื่อโรงเรียนประสาทปัญญา ตอนนี้ก็เลิกไปแล้ว แต่ผมมาทราบด้วยความภูมิใจในภายหลังว่า ผมมีศิษย์รุ่นน้องที่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันคือ คุณก่อศักดิ์ ชัยรัศมีศักดิ์ ประธานบริหาร ซี.พี. เซเว่น อีเลฟเว่น ตอนนี้
...หลังจบประถม ๔ เราพอมีความรู้ภาษาจีนนิดหน่อย ภาษาไทยก็รู้เพียงเล็กน้อย คุณแม่เห็นว่าภาษาจีนที่เราได้ยังไม่เพียงพอ เลยให้ครูสอนภาษาจีนมาสอนเพิ่มเติมให้เราตอนกลางคืน
...กลางวันก็ไปเรียนภาษาไทยต่อที่โรงเรียนวุฒิศึกษาที่วงเวียนใหญ่ จนจบชั้น ม.ศ.๓ เราจะได้ความรู้ทั้งภาษาไทยและจีนพอประมาณ แต่ผมคิดว่ายังไม่กล้าแข็งอะไรนัก
...แต่เราได้ครูสอนภาษาจีนที่ดี ชื่อคุณครูจาง เป็นคนที่เคี่ยวเข็ญผมกับพี่ชายเรื่องภาษาจีนมาก ให้สอบทุกวัน เพราะต้องการให้ศิษย์รับความรู้จากแกมากที่สุด
จบม.ศ.๓ แล้ว สองพี่น้องไม่ได้เรียนต่อ ต้องออกจากโรงเรียนมาช่วยธุรกิจที่บ้าน
พอดีคุณพ่อเป็นเบาหวาน คุณแม่เลยบอกให้ออกมาช่วยทางบ้านดีกว่า เพราะพี่ชายกับผมเป็นลูกคนโตกับลูกคนรอง ซึ่งตามธรรมเนียนปฏิบัติของคนจีน ลูกคนโตจะต้องมาช่วยงานคุณพ่อ เลยหยุดการเรียนไปอย่างน่าเสียดาย แต่ด้วยความรักการอ่าน แต่ไม่ใช่อ่านอย่างจริงจังนะครับ เราอ่าน ป.อินทรปาลิต เศก ดุสิต เป็นต้น
...ความที่เราไม่มีเงิน ก็ลงทุนพับถุงกระดาษ ตอนนั้นร้อยใบบาทนึง พับได้สัก ๒๐ กว่าบาทเราก็ไปที่สนามหลวงเพื่อซื้อหนังสือ ผมจำได้แม่นว่าไปซื้อเรื่องอินทรีแดงของเศก ดุสิต เป็นเงิน ๒๕ บาท
...ตอนนั้นจะมีรถราง ความจริงจากบ้านผมไปสนามหลวงก็สลึงเดียว ก็เดินจากบ้านไปที่สนามหลวงกัน มันเป็นความสุขและความภูมิใจว่าเออ เรานี่ก็บ้าจริง ๆ นะ (หัวเราะ) ความที่ชอบอ่านหนังสือ
...ตอนนั้นผมชอบอ่านนิยายไทย แต่หนังสือพิมพ์จีนสมัยนั้นจะลงนิยายจีนหน้านึง เช่นมังกรหยก และนิยายของนักเขียนอื่นจากไต้หวันก็จะมีลงเป็นประจำ
...จนบัดนี้ก็ลงนะฮะ แต่เขาเอาเรื่องเก่ามาลงใหม่เพราะไม่มีนักเขียนใหม่ แต่สมัยโน้นลงของกิมย้ง เป็นต้น เขาจะส่งมาทุกวัน ๆ แล้วหนังสือพิมพ์จีนในเมืองไทยก็จะเอามาลงต่อกันโดยไม่ได้เสียลิขสิทธิ์ ผมก็ตามอ่าน
...ทีนี้ข้างบ้านผมเป็นบ้านซ่อมจักรยานยนต์ เจ้าของร้านมีหลานจากลำปางมาพักอยู่ด้วย ซึ่งก็คือคุณแสงเพชร เสนีย์บดินทร์ ซึ่งต่อมาเป็นนักเขียนที่บันลือสาส์น เขียนเรื่อง ๗ พระกาฬ
...คุณแสงเพชรเห็นผมนั่งอ่านแต่นิยายจีน เลยถามผมว่าสนใจจะแปลหนังสือไหม แกบอกให้เราแปลสิ เราเลยไปเช่าหนังสือมาแปล
...สมัยนั้นที่เยาวราชจะมีร้านเช่าหนังสือ เป็นหนังสือที่ส่งมาจากฮ่องกง จะมีร้านนึงเป็นตัวแทน พอส่งมาถึงก็จะกระจายไปตามร้านเช่าต่าง ๆ ทั้งที่ราชวงศ์ หัวลำโพง บางรัก ฯลฯ
...ก็เริ่มแปลกันตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ตอนนั้นพี่ชายอายุ ๑๘ ผมอายุ ๑๖
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอบอ่าน ซุ่มเงียบ
|
|
« ตอบ #141 เมื่อ: 05-12-2007, 17:42 » |
|
อา....... (อุทานเเบบคนในยุทธจักรซักหน่อย)...รู้สึก กระทู้นี้กลายเป็นสารคดีเรื่องโปรดของผมไปแล้วล่ะครับ คุณเม่ย อ่านสำนวน น.นพรัตน์มาตั้งนาน เพิ่งจะได้เห็นหน้าค่าตากันวันนี้เอง นี่เขาเริ่มแปลนิยายจีนกันตั้งแต่ผมยังไม่เกิดเลยหรือเนี่ย ไม่น่าเชื่อ ผมว่าเพิ่งเห็นชื่อพวกเขาครั้งแรกในไทยรัฐ หลังจากที่ผมรู้จักแต่ จำลอง พิศนาคะ กับ ว.ณเมืองลุง อยู่หลายปีเลย แล้วรูปชายตาตี่ๆ ที่แคปมาจากหนังสือนั่น ใช่ โกวเล้ง หรือเปล่าครับ โอย ตื่นเต้นๆๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
IF YOU DON'T STAND FOR SOMETHING, YOU MIGHT FALL FOR ANYTHING.
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #142 เมื่อ: 05-12-2007, 17:58 » |
|
อา....... (อุทานเเบบคนในยุทธจักรซักหน่อย)...รู้สึก กระทู้นี้กลายเป็นสารคดีเรื่องโปรดของผมไปแล้วล่ะครับ คุณเม่ย อ่านสำนวน น.นพรัตน์มาตั้งนาน เพิ่งจะได้เห็นหน้าค่าตากันวันนี้เอง นี่เขาเริ่มแปลนิยายจีนกันตั้งแต่ผมยังไม่เกิดเลยหรือเนี่ย ไม่น่าเชื่อ ผมว่าเพิ่งเห็นชื่อพวกเขาครั้งแรกในไทยรัฐ หลังจากที่ผมรู้จักแต่ จำลอง พิศนาคะ กับ ว.ณเมืองลุง อยู่หลายปีเลย แล้วรูปชายตาตี่ๆ ที่แคปมาจากหนังสือนั่น ใช่ โกวเล้ง หรือเปล่าครับ โอย ตื่นเต้นๆๆ ขอบคุณคุณแอบอ่าน ซุ่มเงียบมากหลายค่ะที่กรุณาติดตาม เหมือนสวรรค์เมตตาค่ะ จู่ ๆ ก็มีพี่ที่ทำงานไปได้นิตยสาร "ดิฉัน" เล่มนี้จากไหนไม่ทราบเอามาให้อ่านกัน ทั้งที่เป็นฉบับสองปีกว่ามาแล้ว เมื่อวานเม่ยเพิ่งพลิกอ่าน ๆ ดู ก็รู้สึกประหลาดใจมากเลยค่ะที่มีบทสัมภาษณ์ น.นพรัตน์อย่างละเอียด 14 หน้าด้วย ก็เลยอ่านจนจบ จบแล้วขอเอามาโพสต์ต่อดีกว่า ใช่ค่ะ ข้างบนนั้นเป็นรูปของโกวเล้งค่ะ เดี๋ยวจะทยอยสแกนภาพอื่น ๆ มาโพสต์ด้วยค่ะ มีภาพของกิมย้ง และหวงอี้ด้วยนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอบอ่าน ซุ่มเงียบ
|
|
« ตอบ #143 เมื่อ: 05-12-2007, 18:27 » |
|
แหะ แหะ ผมแอบติดตามแบบเงียบๆอยู่เสมอนะครับ ไม่ค่อยจะเสนอหน้า แบบว่า จะรักษาบุคคลิกตามชื่อน่ะ ท่าทางคุณเม่ยจะชอบ อินทรีผงาดฟ้า มากนะครับ ผมอ่านแบบผ่านๆ จนลืมเนื้อเรื่องไปหมดแล้ว ครั้งแรกที่รู้จักเรื่องนี้ เพราะเคยซื้อนิตยสารรายสัปดาห์เกี่ยวกับดารา ทีวีจีน แล้ว มีการนำเรื่องนี้มาเขียนเป็นการ์ตูนลงเป็นตอนๆ นวนิยายของโกวเล้ง ที่ผมชอบมากที่สุด ก็คือ วีรบุรุษสำราญ เพราะออกจะเฮฮามากกว่าเรื่องอื่นๆ ผมเคยอ่านหนังสือของ อ้อเล้งเซ็ง แล้วแต่ไม่ชอบ ผมว่า ฝีมือห่างไกล โกวเล้งมากโขอยู่
แต่ถ้าเทียบกันระหว่าง โกวเล้ง กับ กิมย้ง แล้ว ผมชอบกิมย้ง มากกว่านะ โดยเฉพาะเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร ผมยกให้เป็นหนังสือกำลังภายในที่ดีที่สุดในใจผมเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
IF YOU DON'T STAND FOR SOMETHING, YOU MIGHT FALL FOR ANYTHING.
|
|
|
จูล่ง_j
|
|
« ตอบ #144 เมื่อ: 05-12-2007, 19:20 » |
|
พูดถึง อินทรีผงาดฟ้า แล้วทำให้ผมนึกถึงเรื่อง ซาเสี่ยวเอี้ย ด้วย
เนื่องจากมีตัวละครต่อเนื่องกัน
และผมเสียดายที่ โกวเล้ง แต่งเรื่อง อินทรีผงาดฟ้า แบบทำลายความอลังการของ ซาเสี่ยวเอี้ย ไปพอสมควร
เนื่องจากในเรื่อง ซาเสี่ยวเอี้ย นั้น ตัวละคร อี่จับซา ถือเป็นสุดยอดแล้ว ในท้ายเรื่อง
แต่เรื่อง อินทรีผงาดฟ้า แค่ เต็งพ้ง ไปอยู่กับแชแช ไม่กี่ปี กลางเรื่องก็เหนือกว่า อี่จับซา แล้ว
แต่งแบบนี้ มันทำลายตัวละครเก่าของตัวเอง
ดูอย่างกิมย้ง เขาไม่สร้างตัวละครใหม่ มาเหนือกว่า ตัวละครเก่าง่ายๆเลย
เช่น เอี้ยก้วย สูสี กับ ก้วยเจ๋ง หรือ เตียบ่อกี้ แค่เจอทายาท เอี้ยก้วย ก็ตะลึงแล้ว
ส่วนเรื่อง วีรบุรุษสำราญ ผมก็ชอบเหมือนคุณ แอบอ่าน ซุ่มเงียบ ครับ
น่าจะนำเรื่องนี้มาสร้างเป็นหนังใหญ่สวยๆ แบบ Crouching Tiger Hidden Dragon
เนื้อเรื่องก็ไม่ยาวเท่าไหร่ มุข และความเท่ห์ของตัวครก็เยอะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #145 เมื่อ: 05-12-2007, 22:13 » |
|
แหะ แหะ ผมแอบติดตามแบบเงียบๆอยู่เสมอนะครับ ไม่ค่อยจะเสนอหน้า แบบว่า จะรักษาบุคคลิกตามชื่อน่ะ ท่าทางคุณเม่ยจะชอบ อินทรีผงาดฟ้า มากนะครับ ผมอ่านแบบผ่านๆ จนลืมเนื้อเรื่องไปหมดแล้ว ครั้งแรกที่รู้จักเรื่องนี้ เพราะเคยซื้อนิตยสารรายสัปดาห์เกี่ยวกับดารา ทีวีจีน แล้ว มีการนำเรื่องนี้มาเขียนเป็นการ์ตูนลงเป็นตอนๆ นวนิยายของโกวเล้ง ที่ผมชอบมากที่สุด ก็คือ วีรบุรุษสำราญ เพราะออกจะเฮฮามากกว่าเรื่องอื่นๆ ผมเคยอ่านหนังสือของ อ้อเล้งเซ็ง แล้วแต่ไม่ชอบ ผมว่า ฝีมือห่างไกล โกวเล้งมากโขอยู่
แต่ถ้าเทียบกันระหว่าง โกวเล้ง กับ กิมย้ง แล้ว ผมชอบกิมย้ง มากกว่านะ โดยเฉพาะเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร ผมยกให้เป็นหนังสือกำลังภายในที่ดีที่สุดในใจผมเลย
มิเป็นไร หามิได้ค่ะ คุณแอบอ่าน ซุ่มเงียบ เป็นมังกรซ่อนกายย่อมเป็นสุขและปลอดภัยไร้เรื่องราว จริง ๆ แล้วสาเหตุหลักที่เม่ยชอบอ่านนิยายแนวนี้ คือสำนวนการแปลน่ะค่ะ ชอบมากค่ะ เวลาอ่านก็จะค่อย ๆ ละเลียดอ่าน แต่สำหรับเค้าโครงเรื่องแล้ว ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะมาในทำนองเดียวกัน ไม่หนีกันเท่าไหร่ถ้าพูดโดยภาพรวมมั้งคะ ถ้าให้เปรียบเทียบระหว่างกิมย้งกับโก้วเล้ง ส่วนตัวเม่ยเห็นว่า นิยายของกิมย้งเหมือนดนตรีคลาสสิก มีชั้นเชิงสูงน่ะค่ะ และยังผูกเรื่องกับประวัติศาสตร์ได้อย่างกลมกลืน อ่านแล้วได้ความรู้ดี บุคลิกตัวละครก็มีหลากหลาย ส่วนโก้วเล้งถ้าเป็นดนตรีก็ออกแนวลูกทุ่ง แต่ก็เป็นลูกทุ่งชั้นดี บางทีโครงเรื่องก็มีหลุด ๆ แต่ไม่ซับซ้อน มีจุดเด่นตรงพูดถึงเรื่องน้ำมิตร ความสัมพันธ์ระหว่างสหายชาวยุทธ และบุรุษสตรี ได้ลึกซึ้งกินใจดี ดังกับฟังเพลง "ร้องไห้กับเดือน" ของคัมภีร์ แสงทองก็ไม่ปาน ตอนนี้ กำลังต้วมเตี้ยมอ่าน " ๘ เทพอสูรมังกรฟ้า" อยู่ค่ะ ถ้ายังเด็ก คงอ่านจบไปนานแล้ว จบแล้วจะต่อด้วย "กระบี่เย้ยยุทธจักร" ตามที่แฟน ๆ กำลังภายในแนะนำไว้ แต่ได้คุยกับอาเจ็กเจ้าของร้านเช่า แกว่า ต้องอ่าน "ผู้กล้าหาญคะนอง" นะ เห็นแกตั้งข้อสังเกตไว้ว่ากระบี่เย้ยยุทธจักรถูกดัดแปลงมาจากผู้กล้าหาญคะนอง ไม่แน่ใจว่าอย่างไรเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าพูดถึงหนังที่ดัดแปลงจากเรื่อง "กระบี่เย้ยยุทธจักร" แล้ว นับว่า ฉีเคอะ ประสบความสำเร็จสุด ๆ โดยเฉพาะ "เดชคัมภีร์เทวดา ภาค ๒" ที่ดูแล้ว ตื่นตะลึง สนุกกับฉากบู๊มาก โดยเฉพาะ "หลินชิงเสีย" ในบท "ตงฟางปุ๊กป้าย " นั้น จำได้มิรู้ลืมจริง ๆ ค่ะ แถมเพลงประกอบของภาคแรกก็เป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ อีกต่างหาก พูดถึง อินทรีผงาดฟ้า แล้วทำให้ผมนึกถึงเรื่อง ซาเสี่ยวเอี้ย ด้วย
เนื่องจากมีตัวละครต่อเนื่องกัน
และผมเสียดายที่ โกวเล้ง แต่งเรื่อง อินทรีผงาดฟ้า แบบทำลายความอลังการของ ซาเสี่ยวเอี้ย ไปพอสมควร
เนื่องจากในเรื่อง ซาเสี่ยวเอี้ย นั้น ตัวละคร อี่จับซา ถือเป็นสุดยอดแล้ว ในท้ายเรื่อง
แต่เรื่อง อินทรีผงาดฟ้า แค่ เต็งพ้ง ไปอยู่กับแชแช ไม่กี่ปี กลางเรื่องก็เหนือกว่า อี่จับซา แล้ว
แต่งแบบนี้ มันทำลายตัวละครเก่าของตัวเอง
ดูอย่างกิมย้ง เขาไม่สร้างตัวละครใหม่ มาเหนือกว่า ตัวละครเก่าง่ายๆเลย
เช่น เอี้ยก้วย สูสี กับ ก้วยเจ๋ง หรือ เตียบ่อกี้ แค่เจอทายาท เอี้ยก้วย ก็ตะลึงแล้ว
ส่วนเรื่อง วีรบุรุษสำราญ ผมก็ชอบเหมือนคุณ แอบอ่าน ซุ่มเงียบ ครับ
น่าจะนำเรื่องนี้มาสร้างเป็นหนังใหญ่สวยๆ แบบ Crouching Tiger Hidden Dragon
เนื้อเรื่องก็ไม่ยาวเท่าไหร่ มุข และความเท่ห์ของตัวครก็เยอะ
คุณจูล่ง_j ช่างสังเกตมากค่ะ มาอ่านบทสัมภาษณ์ของน.นพรัตน์ แล้วก็เลยเก็ตที่คุณจูล่ง_J วิจารณ์เกี่ยวกับโก้วเล้งทันที รอนิดนะคะ อาจจะรู้สึกเซอร์ไพรส์แบบน่าผิดหวังค่ะ พูดถึงหนังเรื่อง Crouching Tiger Hidden Dragon แล้ว -- สองสามอาทิตย์ก่อนได้อ่านบทความของเจ้าพ่ออมตะนครเขียนถึงผู้กำกับชื่อดัง อั้งลี่ ไว้ในนิตยสารฉบับหนึ่ง น่าสนใจดีเหมือนกัน ถ้ามีจังหวะจะนำมาโพสต์ค่ะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2007, 06:35 โดย aiwen^mei »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #146 เมื่อ: 06-12-2007, 06:09 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #147 เมื่อ: 06-12-2007, 06:16 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2007, 06:19 โดย aiwen^mei »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #148 เมื่อ: 06-12-2007, 06:23 » |
|
นิยายกำลังภายในเรื่องแรกที่แปลคือเทพบุตรเพชฌฆาตของเล้าสี่ม้อ โดยใช้นามปากกว่า อ.ภิรมย์
ตอนแรกที่เราแปลเรายังใช้นามปากกา อ.ภิรมย์ อ.คืออานนท์กับอำนวย เพราะช่วยกันแปล ๒ คน ส่วนภิรมย์ก็มาจากนามสกุล
...วิธีทำงานของพวกผมตั้งแต่แรกจนกระทั่งถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ก็คือ ผมจะเป็นคนดูภาษาจีน ผมจะพูดด้วยปากเปล่าจากภาษาจีนเป็นภาษาไทย แล้วพี่ชายจะเป็นคนเขียนลงในกระดาษฟูลสแก๊ป
...เวลาเขียน ถ้าพี่ชายเห็นว่าสำนวนที่ผมพูดออกไปไม่ไพเราะเท่าที่ควรก็จะแก้ไขปรับปรุงในตอนนั้น ตกกลางคืนก็จะมาตรวจทานกันอีกทีแล้วนำส่งโรงพิมพ์ ก็ทำกันอย่างนี้เรื่อยมา
...เทพบุตรเพชฌฆาตเป็นหนังสือ ๑๘ เล่มจบ ขายเล่มละ ๓ บาท เราได้ค่าแปลตอนละ ๑๕๐ บาท ๑๘ ตอนก็ ๒,๗๐๐ บาท คุณแม่เลยบอกว่าเพื่อเป็นการรำลึกถึงผลงานครั้งแรกของเรา ควรจะไปซื้อทองคนละเส้น
...สมัยนั้นทองบาทละ ๔๐๐ บาท พวกผมสองคนก็ไปซื้อทองมาคนละเส้น จำไม่ได้ว่าหนักเท่าไหร่ แต่ของผมตอนหลังโดนโจรขโมยไป ของพี่ชายยังอยู่จนบัดนี้ หลังจากพี่ชายเสียชีวิต พี่สะใภ้บอกว่าสร้อยเส้นนี้จะเก็บไว้ให้ลูกชายตอนแต่งงาน แปลให้กับบันลือสาส์นได้เพียงเรื่องเดียว ทั้งคู่ก็ต้องย้ายสำนักพิมพ์ใหม่
ในปลายปี ๒๕๐๘ สำนักพิมพ์บันลือสาส์นมีโครงการจะเริ่มทำนิตยสารใหม่คือศรีสยามรายสัปดาห์ ซึ่งจะออกในปี ๒๕๐๙ เขาเลยหยุดพ็อกเก๊ตบุ๊กไว้ก่อน ผมเลยหยุดไปสักสองสามเดือน
...จำได้แม่นว่าตรุษจีนปี ๒๕๐๙ ก็มีเพื่อนนักแปลคนนึงมาบอกว่าสำนักพิมพ์เพลินจิตจะออกหนังสือกำลังภายใน ให้ลองไปพบเขาด้วยกัน
...สำนักพิมพ์เพลินจิตตอนนั้นมีพี่ว.ณ เมืองลุงทำอยู่ก่อน แต่ทางนายห้างเวช เจ้าของสำนักพิมพ์ มีความคิดจะออกเรื่องจีนในรูปเล่มหนังสือพิมพ์รายวัน เพราะแกมีแท่นพิมพ์อยู่ว่าง ๆ เลยต้องการระดมนักแปลเท่าที่มีอยู่ในยุคนั้นเข้าไปทำงาน โดยแปลคนละเรื่องสองเรื่อง
...สมัยนั้นนักแปลจะมีอยู่สี่ห้าท่าน มีพี่จำลอง พิศนาคะ พี่ว.ณ เมืองลุง คุณส.ฤกษ์สุนทร คุณเทียน จันทะรา และผมกับพี่อานนท์ ก็จะระดมทั้ง ๕ คนนี้มาทำที่ส.น.พ.เพลินจิต ออกเป็นน.ส.พ.ออกมา ฉบับแรกรู้สึกจะขาย ๕๐ สตางค์ ตามสไตล์ของนายห้างเวชที่ฉบับแรกต้องแจกแถมให้อ่านกันฟรี แต่คุณว. ตอนท้ายขอถอนตัว น.ส.พ.ฉบับนั้นก็เลยไม่มีคุณว.
...หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ไม่ประสบความสำเร็จ คนไทยไม่นิยมอ่านเรื่องแบบสี่ห้าตอนในเล่มเดียว เขาไม่ชอบ เขาต้องการอ่านเรื่องเดียว แล้วออกทุกวันเพื่อความต่อเนื่อง
...หลังจากที่น.ส.พ.เพลินจิตฉบับเรื่องจีนไม่ประสบความสำเร็จ นายห้างเลยบอกว่าจะพิมพ์เรื่องจีนของผม แต่ให้เราคิดนามปากกาใหม่อีกนามปากกาเพื่อทำพ็อกเก๊ตบุ๊กออกมา เลยเป็นที่มาของน.นพรัตน์
...ตอนนั้นมีความคิดว่า อ.ภิรมย์ก็ใช้กันไปแล้ว ก็เหลือแต่น.หนู อานนท์ อำนวย เลยเอามาใช้กัน ทีนี้ต้องมีคำต่อท้ายก็ไม่รู้จะทำยังไง
...เวลาเราไปส่งต้นฉบับจะนั่งรถเมล์สาย ๕ จักรวรรดิ บางซื่อ ไปส่งต้นฉบับที่ผ่านฟ้า ระหว่างทางต้องผ่านร้านเพชรแถวพาหุรัด มีร้านเพชรร้านนึงชื่อนพรัตน์ พอผ่านเราก็ปิ๊งขึ้นมาว่าเมื่อมีน.หนูแล้วก็เอานพรัตน์ใส่เข้าไปเลย ซึ่งทุกวันนี้ร้านเพชรนพรัตน์ก็ยังอยู่ นามปากกาน.นพรัตน์ก็ยังอยู่ ก็เป็นกุศลด้วยกันทั้งสองฝ่าย (หัวเราะ)
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-12-2007, 00:20 โดย aiwen^mei »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #149 เมื่อ: 07-12-2007, 00:19 » |
|
นามปากกา น.นพรัตน์ เริ่มเป็นที่รู้จักจากนิยายกำลังภายในเรื่องกระบี่อำมหิตเป็นเรื่องแรก
ความจริง น.นพรัตน์แปลนิยายจีนเรื่องแรกคือกระบี่อำมหิต แต่ตอนที่ลงที่เพลินจิตรายวันใช้กับเรื่องป๊ออ้วงตอก่อน คือเราแปลในตอนหลังแต่ได้นำลงก่อน พอหนังสือพิมพ์ไม่ประสบความสำเร็จ ทางนายห้างก็หันมาพิมพ์เรื่องกระบี่อำมหิตแทน ฉะนั้นนามปากกาน.นพรัตน์เป็นที่รุ้จักจากเรื่องกระบี่อำมหิตมากกว่า
...กระบี่อำมหิตเป็นเรื่องของนักเขียนชาวไต้หวัน ซึ่งภายหลังเราค่อยทราบว่าเรื่องนี้ไปก๊อปปี้มาจากเรื่องมังกรหยกของกิมย้ง แต่มาตัดต่อให้มันเดินเรื่องรวดเร็วฉับไว ฉะนั้นอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งให้ประสบความสำเร็จ คือคนอ่านแล้วชอบที่เดินเรื่องทันอกทันใจ
...มีเรื่องเล่าว่ากิมย้งก่อนหน้าที่จะมาเป็นนักเขียนแกเป็นนักหนังสือพิมพ์ฉบับนึงชื่อต้าฮงเป้า ซึ่งเป็นของจีนคอมมิวนิสต์ หลังจากิมย้งมาแต่งนิยายขาย ทางไต้หวันก็แอนตี้หาว่ากิมย้งเป็นคอมมิวนิสต์
...หนังสือของกิมย้งยุคนั้นจะเข้าประเทศไต้หวันไม่ได้ ใครเผยแพร่ก็จะมีความผิดฐานกระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์ นักเขียนเลยก๊อปปี้เรื่องของเขาแทน เปลี่ยนเนื้อเรื่อง เปลี่ยนอะไรนิดหน่อย
...ความที่พี่จำลอง พิศนาคะ เคยแปลมังกรหยกแล้วตั้งแต่ปี ๒๕๐๑ ตอนกระบี่อำมหิตออกเมื่อปี ๒๕๐๙ มีบางท่านไปบอกกับนายห้างว่าเอ๊ เรื่องนี้มันมังกรหยกนะ นายห้างเลยไปเขียนว่าเป็นเรื่องที่สนุกสนานไม่แพ้มังกรหยก ซึ่งแปลแรก ๆ เราไม่ทราบ แต่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนกัน ต้องยอมรับว่านักเขียนไต้หวันก๊อปปี้เก่ง
แม้จะเริ่มมีชื่อเสียงจากการเป็นนักแปลแล้ว แต่สองหนุ่มก็ยังทำกรอบกระจกเป็นงานอาชีพ
ตอนเช้าเรายังทำงานให้คุณพ่ออยู่ กลางวันพอเสร็จงานก็มาจับปากกาเขียนกัน ข้าง ๆ โต๊ะทำงานคุณพ่อจะเป็นโต๊ะหินอ่อนที่ใช้ตั้งกับข้าวกินกันตรงนั้น กินเสร็จก็ยกกับข้าวเก็บแล้วมานั่งแปลกันตรงนั้นเลย
...ตอนนั้นนายห้างเวชมีนโยบายว่าให้ออกหนังสือวันละ ๑ เล่มพ็อกเก็ตบุ๊ก ก็ประมาณกระดาษฟุลสแก๊ป ๓๕ หน้า เราก็ไม่ทราบว่าเขียนกันได้ยังไง
...หลัง ๆ ถ้าเร่งก็ไปขอพ่อว่าทำงานถึง ๑๐ โมงเช้าแล้วเลิกแล้วนะ แล้วก็นั่งปั่นต้นฉบับกัน ช่วงเช้าก็จะได้นัก ๑๐ หน้า ตอนบ่ายสัก ๑๕ หน้า กลางคืนอีก ๑๐ หน้า ก็ได้ ๓๕ หน้าแล้ว ตอนเช้าเราก็เอาไปส่ง หลัง ๆ นายห้างเห็นว่าเราส่งไม่ทัน เลยให้เด็กมารับที่บ้านเลย
...สำหรับค่าแปล แรก ๆ เราได้หน้าละ ๑๐ บาท ๓๕ หน้าก็ได้ ๓๕๐ บาท แต่ทุกอย่างต้องหารสอง เพราะเราทำกันสองคน
...เราทำงานอยู่กับนายห้างจนกระทั่งปลายปี ๒๕๑๑ นายห้างก็มีปัญหาการเงิน ต้องขายโรงพิมพ์ที่สี่แยกหลานหลวง แล้วไปอยู่ซอยสุขุมวิท ๖๔
...ตอนนั้นนายห้างเก็บเงินจากต่างจังหวัดไม่ค่อยได้ ค่าต้นฉบับเราเลยได้ไม่ค่อยเต็มที่แล้ว เราเลยย้ายสำนักพิมพ์มาอยู่ที่บันดาลสาส์นในปี พ.ศ.๒๕๑๒ จนปี พ.ศ.๒๕๑๙ ก็ย้ายมาอยู่ที่สำนักพิมพ์บรรณกิจ
ในปีพ.ศ.๒๕๑๙ ชีวิตของทั้งคู่เดินทางมาถึงจุดรุ่งโรจน์ เมื่อนามปากกาน.นพรัตน์โด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั้งประเทศ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-12-2007, 00:24 โดย aiwen^mei »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|