ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
27-11-2024, 13:12
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  ชายคาพักใจ  |  ร้อนอีกแค่ "6 องศา" โลกาก็จะวินาศ (เราตระหนักเรื่องภาวะโลกร้อนกันมากแค่ไหน?) 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ร้อนอีกแค่ "6 องศา" โลกาก็จะวินาศ (เราตระหนักเรื่องภาวะโลกร้อนกันมากแค่ไหน?)  (อ่าน 8405 ครั้ง)
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« เมื่อ: 29-08-2007, 16:51 »

พอดีช่วงนี้ขออินเทรนด์นิดนึงนะครับ
เพราะว่ารู้สึกว่าบรรยากาศ และ ธรรมชาติบ้านเรามันแปลกๆไป

เริ่มด้วย ธารน้ำแข็ง Boulder ละลายภายในช่วง 50 ปี


นี่่คือ ธารน้ำแข็ง Boulder ครับ (Boulder Glacier) เป็นธารน้ำแข็งเก่าแก่ในอเมริกา ภาพนี้ถ่ายเมื่อปี 1932 จะเห็นว่าเต็มไปด้วยน้ำแข็ง


ภาพนี้คือ 56 ปีต่อมา เป็นธารน้ำแข็งเดิม ถ่ายจากมุมเดิม (ลองสังเกตฉากหลัง) ในปี 1988 น้ำแข็งหนาๆ ในภาพแรก หายไปหมดแล้วครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2008, 10:34 โดย Şiłąncē Mőbiuş » บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 29-08-2007, 16:55 »

การเปลี่ยนแปลงของภูเขา Kilimanjaro


นี่คือ ภาพสถานที่ต่างๆ จาก An Inconvenient Truth ครับ เปรียบเทียบกับสมัยอดีต ดูกันให้เห็น ภูเขา Kilimanjaro เป็นภูเขาที่สูงที่สุดใน Africa ภาพเมื่อปี 1970 ยังเห็นหิมะบนยอดเขาเยอะอยู่


ปี 2000 หิมะละลายไปมาก


ปี 2006 แทบไม่เหลือหิมะปกคลุมบนยอดเขา
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 29-08-2007, 16:58 »

ธารน้ำแข็ง AX010 ในเนปาล


ธารน้ำแข็งแห่งหนึ่งในเนปาล เปรียบเทียบในช่วงเวลาไม่ถึง 30 ปีเท่านั้น ถ่ายเมื่อ 1978


ถ่ายเมื่อ 2004 มุมเดิม ตำแหน่งเดิม
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #3 เมื่อ: 29-08-2007, 16:58 »

ตระหนักมานานแล้วครับ แต่สมัยก่อนคนน้อยเหลือเกิน

บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 29-08-2007, 17:01 »

ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ในอาร์เจนตินาละลายเหลือแต่น้ำ


ภาพธารน้ำแข็งใน Argentina ครับ ละลายหมดในเวลา 70 กว่าปี ภาพนี้ถ่ายเมื่อปี 1928


ภาพปัจจุบัน ถ่ายปี 2004 น้ำแข็งทั้งหมดละลายเหลือแต่น้ำ
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 29-08-2007, 17:06 »

ธารน้ำแข็ง Adamello-Mandron ในอิตาลี


ภาพการละลายของธารน้ำแข็ง Adamello-Mandron ในอิตาลีครับ ภาพนี้ไม่ทราบว่าถ่ายตอนไหน


เปรียบเทียบกับปัจจุบัน (ถ่ายจากมุมเดิม ลองสังเกตภูเขาทางด้านซ้ายครับ) ไม่เหลือน้ำแข็งอีกต่อไป
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #6 เมื่อ: 29-08-2007, 17:08 »

http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=1777.0
รวบรวมไว้ที่นี่ครับ
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 29-08-2007, 17:09 »

ธารน้ำแข็งในเปรู ละลายภายใน 15 ปี


ภาพนี้เป็นธารน้ำแข็งในเปรูนะครับ ถ่ายเมื่อ 15 ปีที่แล้ว


ภาพปัจจุบัน ถ่ายจากมุมเดียวกัน (สังเกตภูเขาทางซ้ายและขวา)
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 29-08-2007, 17:17 »

ธารน้ำแข็งในอาร์เจนตินา 20 ปีที่แล้ว


ภาพธารน้ำแข็งใน Argentina เมื่อ 20 ปีที่แล้วกับปัจจุบัน

ธารน้ำแข็ง Rhone Glacier ใน Switzerland


ธารน้ำแข็ง Rhone Glacier ภาพในอดีตจาก postcard ครับ เปรียบเทียบกับภาพที่ถ่ายในปัจจุบันครับ

การละลายของธารน้ำแข็ง Columbia ใน Alaska

ภาพนี้แสดงการละลายของธารน้ำแข็ง Columbia ใน Alaska ครับ บอกเป็นปีๆเลยว่า ปีนี้เหลือน้ำแข็งอยู่ถึงตรงนี้

ธารน้ำแข็ง Tschierva ที่ Switzerland

เป็นอีกภาพหนึ่ง ที่เปรียบเทียบภาพปัจจุบัน กับภาพใน Postcard เก่าๆ
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 29-08-2007, 17:25 »

Larsen Ice Shelf ละลาย


Larsen Ice Shelf เป็นแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่อยู่ที่ Antarctica หนา 700 ฟุต และยาวประมาณ 25 ไมล


สิ่งที่เกิดขึ้นคือ จากภาพนี้


กลายเป็น


มาดูตั้งแต่เริ่มกันครับ


ผ่านมา 17 วัน


ผ่านมา 23 วัน


ผ่านมา 33 วัน
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 29-08-2007, 17:32 »

ตัวการหลักๆที่ทำให้โลกร้อน


ขอบคุณ ข้อมูลจาก http://www.whyworldhot.com

http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=1777.0
รวบรวมไว้ที่นี่ครับ

ขอบคุณครับลุง ว่าแต่ว่า ลุงมีภาพแผนที่โลกหลังจากน้ำแข็งขั้วโลกละลายไม๊ครับ ผมจำได้ว่าเคยเห็นแว๊บๆ ถ้าลุงมี รบกวนลุงช่วย Post ให้ผมด้วยนะครับ 

ขอบคุณครับ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 30-08-2007, 13:00 »

 

ติดตามอ่านครับ

อย่าลืมมาอัพเดทข้อมูลถ้ามีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจนะครับ...
บันทึกการเข้า

Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 28-11-2007, 00:22 »

เมื่อตะกี๊ดูรายการตาสว่างจบ

วันนี้พูดเรื่องของโลกร้อน และ กรุงเทพจะจมน้ำในอีก 10 ปีข้างหน้า (ดินทรุดปีละ 5Cm.+ น้ำทะเลสูงขึ้นอีก  1.5M) ทำให้น้ำทะเลสูงกว่าพื้นดินในกรุงเทพฯอยู่ 2 เมตร

ดร สมิทธ ท่านได้กล่าวในรายการว่า ตอนนี้ไทยต้องสร้างเขื่อนกั้นกรุงเทพ ปากแม่น้ำทั้งหลาย กับทะเล ความยาวประมาณ 100 กิโลเมตรและสมควรจะสร้างได้แล้ว เพราะการก่อสร้างน่าจะใช้เวลา 5 ปี จึงน่าจะเสร็จสมบูรณ์ หากยังมัวทะเลาะกันเรื่องการเมืออยู่แล้วล่ะก็ อนาคต กทม จมน้ำแน่ๆ และ เป็นการจมแบบถาวรด้วย

ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลชุดที่จะถึงนี้สมควรที่จะกระทำโดยเร่งด่วน

และ ท่านดร สมิทธยังได้กล่าวอีกว่า ตอนนี้ที่สิงคโปร์ เอาข้อมูลเรื่องนี้จากประเทศไทยไปศึกษา และ ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาหาทางรับมือเรียบร้อยแล้ว

แต่เมืองไทยยังวิ่งวุ่นผสมพันธุ์กันอยู่เลย

ผมล่ะเศร้าจริงจริ๊ง
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 28-11-2007, 00:32 »

ตระหนักมานานแล้ว แล้วก็กังวลมาตลอดครับ ยิ่งมาเห็นรูปของจขกท.ก็ยิ่งชัดเจน

เรื่องอากาศร้อนนี่ชัดเจน แสงแดดเดี๋ยวนี้ร้อนแรงและอันตรายอย่างรู้สึกได้ชัดเจน ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ชั้นโอโซนโดนทำลายไปมาก อาจต้องใช้เวลาเป็นศตวรรษถึงจะกลับมาดีได้เหมือนเดิม

ส่วนเรื่องระดับน้ำทะเล ได้ยินมาว่าบางเกาะก็จมหายไปกับคลื่นเรียบร้อยแล้ว บางประเทศกำลังประสบปัญหานี้อย่างมัลดีฟ และประเทศแถวๆออสเตรเลีย

ก็หวังว่าทุกประเทศจะร่วมกันแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจังครับ โลกจะได้กลับมาน่าอยู่เหมือนเดิม...

ถ้าโลกกลับเข้าสู่ยุคน้ำแข็งอีกครั้งเหมือนในหนังก็คงดีสิครับ (ผมล้อเล่นนะ) 
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 28-11-2007, 00:38 »




ต้องทำทันที  ดร สมิทธ  ต้องกัดติด ครับ
 
บันทึกการเข้า

นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 14-12-2007, 23:48 »

โลกร้อนจะทำให้น้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลายหมดภายใน 6 ปี
 20:56 น.

นักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐ กล่าวถึงเรื่องนี้ระหว่างการประชุมประจำปีของ สหภาพธรณีฟิสิกส์อเมริกัน ที่จัดขึ้นในนครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียในสัปดาห์นี้ ระบุว่าในช่วงฤดูร้อนของปีนี้น้ำแข็งในบริเวณขั้วโลกเหนือได้เกิดการละลายมากอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ทำให้มีพื้นที่หายไปขนาดเท่ากับ รัฐอลาสก้าแล้ว ซึ่งเป็นสัญญานล่าสุดของการเปลี่ยนแปลงของ สภาพอากาศที่รวดเร็วยิ่งขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

โดยจากเดิมเคยมีพื้นที่หายไปโดยเฉลี่ยในช่วงฤดูร้อนของทุกปี จนถึงปี 2549 ขนาดเท่ากับรัฐเวสต์ เวอร์จิเนีย หรือประมาณ 62,800 ตารางกิโลเมตร แต่ในช่วงระหว่างปีที่แล้วกับปีนี้ มีพื้นที่หายไปแล้วถึง 1 ล้าน 7 แสนตารางกิโลเมตร ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่อุณหภูมิของน้ำทะเลในมหาสมุทรอาร์กติก สูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน โดยสูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยถึง 5 องศาเซลเซียส
 
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=T&newsid=295570

Update
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 24-02-2008, 21:38 »

ช่วงนี้อากาศวันนึงแทบจะมี 3 ฤดู ผมก็เลยคิดว่าขอขุดกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อเตือนเพื่อนๆ กันอีกสักครั้ง

หวังว่าเพื่อนๆ ยังไม่ลืมกันนะครับ
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 13-03-2008, 10:40 »

ร้อนอีกแค่ "6 องศา" โลกาก็จะวินาศ

ให้จินตนาการเอาเอง ก็คงคิดไม่ออกว่าอุณหภูมิแต่ละองศาที่เพิ่มขึ้นจากภาวะอากาศผันผวนจะเปลี่ยน โฉมหน้าโลกเราไปอย่างไร? และเมื่อนั้นเราจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง? สารคดีความยาว 2 ชั่วโมง เรื่อง "6 องศาเปลี่ยนแปลงโลกได้" จากเนชันแนลจีโอกราฟิก อาจช่วยให้เห็นภาพชัดขึ้น

       
       "อุณหภูมิ 6 องศาเซลเซียสเปลี่ยนแปลงโลกได้" หรือ "Six Degrees Could Change the World" เป็นภาพยนตร์สารคดีที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก “มาร์ค ไลนัส” (Mark Lynas) ผู้สื่อข่าวและนักอนุรักษ์นิยมชาวอังกฤษ เจ้าของหนังสือ “ซิกซ์ ดีกรี” (Six Degrees) ซึ่งอ้างว่าได้ค้นคว้าบทความวิทยาศาสตร์หลายหมื่นชิ้นเพื่อเผยให้โลกเห็น ความน่ากลัวของมหันตภัยที่คืบคลานมากับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในอีก 100 ปีข้างหน้า
       
      “สภาวะโลกร้อนนั้นไม่ได้หมาย ถึงแค่การเพิ่มขึ้นช้าๆ ของอุณหภูมิโลก แต่จริงๆ แล้วมันคือการเปลี่ยนแปลงของระบบต่างๆ ในโลก นั่นเป็นเหตุผลที่เราได้เห็นทั้งความแห้งแล้งและน้ำท่วมในสถานที่ต่างๆ หรือแม้แต่การเกิดน้ำท่วมและสภาวะแห้งแล้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่เดียวกัน อย่างต่อเนื่อง” ไลนัสกล่าวในตอนหนึ่งของสารคดี ซึ่งเปิดตัวรอบสื่อมวลชนไปเมื่อวันที่ 28 ก.พ.51 ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน
       
       ภาพที่ปรากฏออกมาตลอด 2 ชั่วโมงของ "6 องศาเปลี่ยนแปลงโลกได้" จึงเริ่มตั้งแต่การกล่าวถึงสัญญาณเตือนภัยเบื้องต้นที่โลกประสบแล้ว เช่น ในทวีปออสเตรเลียที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น 1 องศาเซลเซียสในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดภัยแล้งที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
       
       หรือแม้แต่ภัยพิบัติจากเฮอริเคน “แคทรินา” เมื่อปี 2548 ที่ทำลายบ้านเมืองในมลรัฐนิวออร์ลีน ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งแม้จะดูร้ายแรงมาก ทว่าแคทรินาก็ยังเป็นแค่พายุที่มีความรุนแรงระดับ 3 เท่านั้น ขณะเดียวกันในฟากเมืองผู้ดี “อังกฤษ” ก็กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางการเกษตรครั้งใหญ่เนื่องจากสภาพอากาศที่ ร้อนขึ้น พืชที่ไม่เคยปลูกได้ในอังกฤษอย่างองุ่นและมะกอกกลับชูช่องดงาม
       
       สารคดีดังกล่าวบอกเราด้วยว่า ในช่วง 200 ปีที่ผ่านมาหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม อุณหภูมิโลกได้เพิ่มขึ้นแล้ว 0.6-0.8 องศาเซลเซียส

ขณะที่ความเปลี่ยนแปลงอันน่าสะพรึงกลัวกำลังคืบคลานติดตามมา "6 องศาเซลเซียสเปลี่ยนแปลงโลกได้" จำลองภาพให้เห็นว่า เมื่ออุณหภูมิยังเพิ่มขึ้นอีก 1 องศาเซลเซียสเมื่อใด บ้านเรือนผู้คนในเขตอ่าวเบงกอลอาจต้องจมอยู่ใต้น้ำ มหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้จะถูกพายุเฮอริเคนโจมตีอย่างหนัก หรือแม้แต่พื้นที่ฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ที่อาจต้องแปรเปลี่ยนไปเป็นทะเลทราย
       
       ส่วนอุณหภูมิที่เขยิบขึ้นเพียง 2 องศาเซลเซียสก็ เลวร้ายเพียงพอทำให้มหานครหลายแห่งทั่วโลกจมอยู่ใต้น้ำ หนึ่งในนั้นคือ “กรุงเทพมหานคร” รวมทั้งหมีที่อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือจะตกอยู่ในภาวะคับขันเพราะธารน้ำแข็ง หดหายไป
       
       นอกจากนั้น เมื่ออุณหภูมิเพิ่มถึงจุดนี้ แนวปะการังใหญ่ "เกรต แบริเออร์ รีฟ" ของออสเตรเลียอาจเหลือเพียงความทรงจำ และธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดของกรีนแลนด์ที่ชื่อ “จาคอบชวาน” (Jacobshavn) ก็จะละลายเร็วขึ้นกว่าปัจจุบันที่มีอัตราการละลายตัวของน้ำแข็งอย่างน่าตกใจ เพราะเพียง 2 วันก็มีปริมาณน้ำที่เกิดขึ้นเพียงพอให้ชาวนิวยอร์กดื่มกินและใช้ในชีวิต ประจำวันได้มากถึง 1 ปีทีเดียว
       
       “ธารา บัวคำศรี” ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงความคิดเห็นหลังชมตัวอย่างสารคดีอย่างปลงๆ ว่า หลังจากดูสารคดีเรื่องนี้แล้วก็ทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจไม่น้อย โดยเฉพาะการได้เห็นภาพผลกระทบที่เกิดขึ้นตามที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์อย่าง รวดเร็วผ่านเทคนิคการถ่ายทำแบบ “ฮอลลีวูด” ที่เร่งให้เห็นผลกระทบรวดเร็วขึ้น
       
       อย่างไรก็ดี เขาบอกว่า เมื่อถึงเวลานั้น ตัวเขาเองคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ทว่าคงเป็นลูกหลานของเราที่จะรับผลกระทบจากมหันตภัยธรรมชาตินานัปการที่เกิดขึ้นแทน
       
       ส่วนความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น 3 องศาเซลเซียส ตามที่สารคดีดังกล่าวระบุไว้คือ เมื่อนั้นน้ำแข็งบนภูเขาแอลป์จะสูญหายไปทั้งหมด โลกจะเผชิญหน้ากับพายุเฮอริเคนความแรงระดับ 6 ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และการใช้ชีวิตของผู้คนบนโลกจะต้องพลิกโฉมหน้าไปสิ้นเชิง
       
       เมื่อโลกร้อนขึ้น 4 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำในมหาสมุทรต่างๆ จะมีระดับเพิ่มสูงขึ้นจนระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นกว่า 1 เมตร ทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่มีประชากรหนาแน่น เมืองแห่งแม่น้ำลำคลองอย่าง “เวนิส” รวมไปถึงมหานครสัญลักษณ์ของ “อำนาจทุนนิยม” อย่าง “นิวยอร์ก” จะจมอยู่ใต้บาดาล
       
       ไม่เพียงเท่านี้ แม่น้ำคงคาที่เป็นแหล่งน้ำแห่งชีวิตของคนกว่าพันล้านคนในจีน อินเดีย และเนปาลจะเกิดน้ำท่วมอย่างหนักเนื่องจากธารน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัยละลาย ลงมาจนหมดอย่างถาวร กระทบถึงแหล่งน้ำสะอาดและแหล่งผลิตอาหารอย่างฉกาจฉกรรจ์
       
       จากนั้นเมื่อโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น 5 องศาเซลเซียส มหานครของโลกอย่างลอสแองเจลลิส กรุงไคโร ลิมา และบอมเบย์ที่เคยปกคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็งในบางช่วงเวลาอาจจะกลายเป็นเมือง ที่ไม่มีหิมะอีกเลย อีกทั้งจะมีผู้ลี้ภัยเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงหลายสิบล้านคนและยัง มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดความขัดแย้งในการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติที่ขาด แคลนเพิ่มสูงขึ้นด้วย
       
       และในท้ายที่สุด หากอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นถึง 6 องศาเซลเซียส โลกของเราจะมีสภาพคล้ายคลึงกับยุคครีเตเซียสเมื่อประมาณ 65-144 ล้านปีก่อนซึ่งโลกมีอุณหภูมิสูงกว่าปัจจุบันมาก น้ำทะเลจะมีสีใสเพราะไม่มีสารอาหารในทะเลหลงเหลืออยู่เลย ทะเลทรายจะครอบครองพื้นโลกมากขึ้นตามทวีปต่างๆ และการเกิดภัยพิบัติจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน

......................
อ่านต่อที่ http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9510000030074
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #18 เมื่อ: 13-03-2008, 19:08 »



ขอขอบคุณ จขกท.และทุกๆท่าน ที่นำข้อมูลเรื่องนี้มาให้ทราบครับ..
บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 13-03-2008, 20:05 »


มันอยู่ที่ว่า โลกจะเจอกับอะไรมากกว่า?

อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่เพิ่มขึ้น สักสามองศา ให้ผลมากกว่าที่คาดกัน


ระบบนิเวศน์จะถูกเปลี่ยนแปลงหมด


อุบัติภัยที่สำคัญคือมลพิษ ที่คืบคลานมาอย่างเงียบๆ ทุกนาที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2008, 20:07 โดย ********Q******** » บันทึกการเข้า

Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 13-03-2008, 20:10 »



ต้องทำทันที  ดร สมิทธ  ต้องกัดติด ครับ
 


ได้ข่าวว่า ดร.สมิทธ ถอดใจแล้วนี่ครับ (ดูข่าวเมื่อคืนน่ะ)
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #21 เมื่อ: 13-03-2008, 21:04 »



 อิอิ...แบบนี้คิดว่า"อยากให้น้ำท่วมฟ้า จะดูน้ำหน้านกกาจะไปอยู่ที่ไหน"
บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
so what?
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,729


« ตอบ #22 เมื่อ: 13-03-2008, 22:30 »

เล่นเน็ทมากๆก็ทำให้โลกร้อนขึ้นเหมือนกันนะครับ   
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #23 เมื่อ: 14-03-2008, 14:52 »

เล่นเน็ทมากๆก็ทำให้โลกร้อนขึ้นเหมือนกันนะครับ   

??? เกี่ยวกันไม๊เนี่ย? 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #24 เมื่อ: 14-03-2008, 18:39 »

เล่นเน็ทมากๆก็ทำให้โลกร้อนขึ้นเหมือนกันนะครับ   
??? เกี่ยวกันไม๊เนี่ย? 



   
บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #25 เมื่อ: 14-03-2008, 20:03 »

เมื่อตะกี๊ดูรายการตาสว่างจบ

วันนี้พูดเรื่องของโลกร้อน และ กรุงเทพจะจมน้ำในอีก 10 ปีข้างหน้า (ดินทรุดปีละ 5Cm.+ น้ำทะเลสูงขึ้นอีก  1.5M) ทำให้น้ำทะเลสูงกว่าพื้นดินในกรุงเทพฯอยู่ 2 เมตร

...


กรุงเทพฯ โตเร็วเกิน ไม่ทนุถนอมกันเลย ถนนถูกขุดถูกเจาะ ถูกใช้งานหนัก ยิ่งกว่านางทาสเสียอีก 

เตรียมอพยพไปอยู่อีสานดีกว่า 



บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
see - u
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,370


.......... I'm not Supergirl


« ตอบ #26 เมื่อ: 23-03-2008, 13:40 »

*   นึกไรไม่ออก ...............  !!!

     รู้แต่  ....  ทำไมช่วงนี้  อากาศ  ถึง  ร้อน  แบบนี้เนี่ยยยยยยยยยย

     ยังไม่   เมษา  ยังร้อนขนาดนี้เลย.....  บ่น ๆๆๆๆๆๆๆ  เกลียดอากาศร้อน ๆ ที่สุด ...  เซ็ง !!


บันทึกการเข้า

    " I  will  unforgive  you  to  do  the  bad  thing  like  this. "   

                           

                        The  fox  changes  his  skin  but  not  his  habits.   *

                 Superman ( It's Not Easy )   >>  http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD
    
    
   "  กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี  ........  ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย  "

                                     
                                          
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #27 เมื่อ: 23-03-2008, 19:20 »

วันที่ 29 ปิดไฟ 1ชั่วโมงครับ
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
อธิฏฐาน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,912


รักษาประเทศชาติ เป็นหน้าที่ของชาวไทยทุกคน


« ตอบ #28 เมื่อ: 23-03-2008, 21:31 »


ตั้งแต่มีรัฐบาลใหม่ ขาวบ้านพร้อมใจกันปิดทีวีช่วงข่าวค่ะ ที่สำนักงานช่วงเที่ยงวันทุกห้องไม่มีใครเปิดทีวี ปิดห้อง ปิดเครื่องปรับอากาศ ไปทานข้าวข้างนอก
บันทึกการเข้า

หยุด...สัมปทานอุทยานแห่งชาติ
http://www.oknation.net/blog/sandstone
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #29 เมื่อ: 27-03-2008, 09:46 »

ผลสำรวจแผ่นน้ำแข็งขั้วโลกใต้ใหม่ ละลายเร็ว-วูบแล้ว1.9แสนล้านตัน
   
โดย มติชน วัน จันทร์ ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2551 09:49 น.
   เมื่อ วันที่ 13 มกราคม ทีมนักวิทยาศาสตร์ 5 ทวีป นำโดยนายอีริค ริกน็อต นักวิทยาศาสตร์จากห้องปฏิบัติการเจตโพรพัลชั่น (เจพีแอล) ขององค์การบริหารการบินอวกาศแห่งชาติ (นาซา) สหรัฐอเมริกา เปิดเผยผลสำรวจแผ่นน้ำแข็งบริเวณทวีปแอนตาร์กติก หรือขั้วโลกใต้ครั้งล่าสุด พบว่า ภาวะโลกร้อนทำให้น้ำแข็งในบริเวณดังกล่าวละลายเร็วขึ้นประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงระยะเวลา 10 ปี

การสำรวจดังกล่าวซึ่งถือเป็นการสำรวจที่มีรายละเอียดมากที่สุดเท่าที่เคยมี การดำเนินการกันมาบนพื้นที่ทวีปแอนตาร์กติกา พบว่าในช่วง ปี 2549 ที่ผ่านมา แผ่นน้ำแข็งด้านตะวันตกของทวีป ที่เรียกว่าเวสต์ แอนตาร์กติกา ชีต ได้สูญเสียมวลน้ำแข็งไปประมาณ 132,000 ล้านตัน ในขณะที่ พื้นที่ส่วนที่เป็นแหลมยื่นยาวออกไปในทิศทางของทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งเรียกว่าแอนตาร์กติกา เพนนินซูลา สูญเสียมวลน้ำแข็งไปราว 60 ล้านตัน ในขณะที่กลาเซียร์ หรือธารน้ำแข็ง ที่ประกอบด้วยน้ำแข็งที่กำลังละลายไหลเลื่อนลงสู่ทะเลในพื้นที่บริเวณแอ นตาร์กติกาทั้งหมด นำน้ำแข็งละลายสู่ทะเลแล้วมากถึง 192,000 ล้านตัน ผลสำรวจครั้งนี้ยังพบด้วยว่าน้ำแข็งบริเวณอีสต์ แอนตาร์กติกา สูญเสียมวลไปน้อยมาก หรือเกือบเป็นศูนย์ แต่แผ่นน้ำแข็งในพื้นที่ดังกล่าวมีโอกาสที่จะกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งที่ไม่มี เสถียรภาพเพราะบางมากจนอาจต้องเตือนให้ระมัดระวังในการเดินเรือผ่านพื้นที่ บริเวณดังกล่าว

การสูญเสียมวลน้ำแข็ง 192,000 ล้านตันนั้นเทียบเท่ากับปริมาณน้ำที่แม่น้ำไนล์ส่งออกสู่ทะเลในเวลา 1 ปี และเป็นปริมาณที่อาจทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 0.5 มม. ทั้งนี้ จากการศึกษาของคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภาวะอากาศโลก (ไอพีซีซี) พบว่าในระหว่างปี ค.ศ.1900-2006 ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นราว 10-20 เซนติเมตรเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นายริกน็อตยอมรับว่าจำเป็นต้องมีการสำรวจในรายละเอียดทั้งปริมาณและสภาพของ แผ่นน้ำแข็งขั้วโลกในทำนองเดียวกันนี้ต่อไปในอนาคตเพื่อดูว่าอะไรกันแน่เป็น สาเหตุที่แน่ชัดของการละลาย เพื่อที่จะได้ทำนายได้แม่นยำมากขึ้นกว่าจะมีการละลายเพิ่มขึ้นในอนาคตหรือ ไม่ (เอเอฟพี)

(กรอบบ่าย)



ที่มา http://forum.serithai.net/index.php?action=post;topic=16550.0;num_replies=28

------------------------------------

จากการที่เมื่อก่อนเราเชื่อว่า ต่อให้น้ำแข็งขั้วโลกเหนือ ละลายหมด น้ำแข็งขั้วโลกใต้ ก็ยังอยู่ได้อีกนาน

ผมว่า อ่านข่าวนี้แล้ว เราคงต้องตระหนักเรื่องนี้ให้มากขึ้นกว่านี้แล้วล่ะครับ  Sad
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #30 เมื่อ: 27-03-2008, 13:50 »

จะบอกว่า ผมเอาเรื่องนี้ยัดเข้าไปใน Blog ของตัวเองแล้วครับ ที่http://silance-mobius.blogspot.com/2008/03/blog-post_3196.html
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #31 เมื่อ: 28-03-2008, 17:15 »

 การเมือง ‘ดัดจริต,’ สิ่งแวดล้อมก็เป็นพิษ
Posted by สุทธิชัย หยุ่น , ผู้อ่าน : 661 , 08:20:30 น. 
พิมพ์หน้านี้


นายก รัฐมนตรีของไทยประกาศต่อต้านการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA (Environmental Impact Assessment) ผ่านรายการ “พูดจาประสาสมัคร” วันอาทิตย์ที่ผ่านมา...ต้องถือว่าเป็นการประกาศจุดยืนในเรื่องสำคัญมาก เรื่องหนึ่งทั้งสำหรับในประเทศและต่างประเทศ

“ไอ้ความยุ่งยากทั้งหลาย ทั้งปวงในบ้านเมือง ผมพูดตรง ๆ ด้วยว่าสิ่งแวดล้อมมันเข้าไปแวดล้อมทุกสิ่ง, แวดล้อมจนทำอะไรไม่ได้, กระดิกกระเดี้ยไม่ได้...” นายกฯบอกพร้อมกับยกตัวอย่าง

กรณีรถขนส่งมวล ชนข้ามฟากที่สร้างในสมัยเป็นผู้ว่าฯ กทม. ทำที่สถานีตากสิน, ระยะทาง ๔.๓ กิโลเมตร, กำลังจะของบประมาณทำสถานีและราง แต่สุดท้ายผ่านอีไอเอได้แค่ ๒.๒ กิโลเมตร จึงสร้างได้แค่วงเวียนใหญ่ ...แต่ปัจจุบันต่อจากที่ได้ทำเป็น ๖.๘ กิโลเมตรแล้ว

“แปลว่ายังไง? แปลว่าคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมเห็นว่าทุกอย่างปลอดภัยให้แค่ ๒.๒ แล้วไอ้ ๖.๘ สร้างไว้เสร็จเรียบร้อย ทำไมไม่ห้ามสร้างเสียแต่แรกละ แล้วสุดท้าย, ยังไงก็ต้องให้ แล้วถ่วงไว้ทำไม ต้องพูดตรง ๆ อย่างนี้แหละ, คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม, แวดล้อมทุกสิ่ง, เดือนร้อนกันหมด...”

คุณสมัครบอกด้วยว่าการตั้งโรงงานจะต้องนับปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ว่ามีปริมาณเท่าไหร่ด้วย

“นี่แหละคือปัญหาของบ้านเมือง” คือข้อสรุปของนายกรัฐมนตรี

นายกฯ ยังกล่าวหาด้วยว่าที่ผ่านมา, การจะผ่านหรือไม่ผ่านอีไอเอของบริษัทจะต้องมีการบีบว่าหากบริษัทนี้ทำ, จะผ่าน, หากไม่ใช่บริษัทนี้, ไม่ผ่าน...และยังมีการเรียกเงิน ๑๐ ล้าน, ๒๐ ล้าน, ๓๐ ล้าน...เข้าผิดบริษัทไม่ผ่าน, ถูกต้องบริษัทปั๊บผ่านพั้วเลย...

คุณ สมัครเอาเรื่องการทำ EIA กับเรื่องข้อสงสัยการ “ทำมาหากิน” ของคนบางคนในแวดวงนี้ (ที่นายกฯจะต้องพิสูจน์ว่าไม่ได้กล่าวหาลอย ๆ) มาปนเป็นเรื่องเดียวกัน, จึงเกิดความสับสน

แนวโน้มของโลกในเรื่องการ ทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการต่าง ๆ นั้นกำลังมาแรง และประเทศไทยก็ไม่อาจจะ “ฝืนโลก” ด้วยการอ้างว่าเป็นเรื่อง “ดัดจริต” ที่เราไม่ต้องใส่ใจและจะไม่ทำ

จะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม, การติดต่อกับต่างชาติและการค้าการขายของเรากำลังไปพัวพันกับเงื่อนไขเรื่อง มาตรฐานสิ่งแวดล้อม, แรงงานและสิทธิมนุษยชนมากขึ้นทุกวัน

อีกทั้งหาก เราต้องการจะยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย, ไทยก็ต้องเอาจริงเอาจังกับการประเมินผลกระทบของสิ่งแวดล้อมก่อนที่จะอนุญาต ให้ทำโครงการที่มีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่มีข้างเคียงต่อทั้ง สังคมในระยะยาว

คุณสมัครจะชอบหรือไม่ชอบคนที่อยู่คณะกรรมการสิ่งแวด ล้อมแห่งชาติก็ตาม, แต่นี่คือกติกาที่รัฐบาลไทยได้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับการเคารพในการ รักษาสิ่งแวดล้อมที่กำลังย่ำแย่ลงทุกวัน

แน่นอนว่า, มาตรฐานการทำ EIA ของเราเคร่งครัดเกินไปหรือไม่, ควรจะมีการปรับปรุงแก้ไขอย่างไรหรือไม่, ย่อมเป็นเรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์และทบทวนกันได้

แต่การประกาศว่า “ไอ้ความยุ่งยากทั้งหลายทั้งปวงในบ้านเมืองมาจาก EIA” นั้นเห็นจะเป็นการ “ด่ากราด” ด้วยความรู้สึกส่วนตัวมากกว่าจะเป็นการพูดของผู้นำประเทศที่ต้องรับผิดชอบ มาตรฐานของสิ่งแวดล้อมของประเทศอย่างสูงด้วย

ยิ่งนายกรัฐมนตรีบอกว่า มีคนในวงการนี้ใช้ EIA “ทำมาหากิน” ด้วยการเก็บเงินเป็นสิบ ๆ ล้านเพื่อให้ผ่าน และมีการเล่นเส้นเล่นสายกับบางบริษัทเพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม, ก็ยิ่งจะต้องลงไปสืบเสาะ, หาหลักฐานและจับคนกระทำผิดให้ได้, มิใช่เพียงแค่พูดผ่านรายการทีวี, ด่า ๆๆๆ, ชี้นิ้วกล่าวหา ๆๆๆ, แล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิมอีก

การที่ผู้นำออกมาประกาศไม่ยอมรับความสำคัญของการทำการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือ EIA นั้นเป็นอันตรายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

และ มีผลทางลบต่อความเชื่อมั่นของแวดวงที่รณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมผู้ที่คาดหวัง ว่าประเทศไทยจะเห็นปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญยิ่งนัก

เราจะปก ป้องธรรมชาติได้อย่างไร, จะรักษาอากาศให้ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้อย่างไร, จะรักษาป่าไม้ให้ลูกหลานต่อไปอย่างไร...ถ้าผู้นำรัฐบาลบอกว่าการทำเรื่องผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็น “เรื่องดัดจริต”?

เฮ้อ, สงสารประเทศไทยจริง ๆ

ที่มา http://www.oknation.net/blog/black/2008/03/28/entry-1

---------------------------------
 

สุดยอดวิสัยทัศน์ ทั่นผู้นำจริงๆ
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #32 เมื่อ: 30-03-2008, 12:30 »

รถยนต์ไฮโดรเจน+ลิเธียม [29 มี.ค. 51 - 16:20]
 
วันเสาร์สบายๆวันนี้คุยกันเรื่อง “รถยนต์ที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน” กันดีกว่านะครับ ผมเคยสัญญากับท่านผู้อ่านไว้ว่า จะเล่าเรื่องรถยนต์ที่ไม่ต้องใช้น้ำมันให้ฟัง และยังบอกว่า อีกไม่เกิน 10 ปี แขกอาหรับจะต้องร้องไห้ เมื่อประเทศที่เจริญแล้วใช้น้ำมันลดลงไปเรื่อยๆจนในที่สุด อาจจะไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันดิบอีกเลย ก็ได้

ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นไปสูงสุดกว่า 111 เหรียญต่อบาร์เรลเมื่อไม่กี่วันก่อน อาจจะหล่นตุ๊บลงไปเหลือแค่บาร์เรลละ 18-20 เหรียญ ก็ยังขายไม่ออกก็ได้

ช่วงนี้ใครที่ไปชมงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ 2008 ของ คุณปราจิน เอี่ยมลำเนา ที่ ไบเทค บางนา คงจะได้เห็นรถต้นแบบบางรุ่นที่นำมาแสดงอย่างเช่น วอลโว่ C30 รีชาร์จ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฮบริดแบบปลั๊กอิน คือ เสียบปลั๊กในรถเข้ากับไฟบ้านเพื่อชาร์จไฟในแบตเตอรี่ ก็วิ่งได้แล้ว

ในงาน นิวยอร์ก อินเตอร์เนชั่นแนล ออโต้ โชว์ ก็มีการนำรถไฟฟ้าต้นแบบของ มิตซูบิชิ รุ่น iMiEV 4 ประตู ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าประเภทปลั๊กอินสมบูรณ์แบบ ใช้พลังงานจาก แบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออน อย่างเดียวไปโชว์เหมือนกัน

แค่เสียบปลั๊กเข้ากับไฟบ้าน ถ้าเป็นไฟ 110 โวลต์ ก็ใช้เวลาชาร์จ 14 ชั่วโมง ถ้าเป็นไฟ 220 โวลต์ ก็ใช้เวลาชาร์จ 7 ชั่วโมง ถ้าไปชาร์จตามสถานีชาร์จไฟเฉพาะ ก็ใช้เวลาชาร์จแค่ 30 นาที ก็วิ่งได้ไกลถึง 80 ไมล์ หรือ 130 กิโลเมตรสบายๆ

มิตซูบิชิ เริ่มพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้มาตั้งแต่ปี 2005 และจะนำออกจำหน่ายในปีหน้า 2,000 คัน และปี 2010 อีก 5,000 คัน โดยตั้งราคาขายที่ญี่ปุ่นคันละ 25,000-30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ประมาณ 800,000- 960,000 บาท หลังจากนั้นก็จะส่งออกไปขายที่สหรัฐฯและยุโรป

ในสหรัฐฯเองค่าย จีเอ็ม ยักษ์ใหญ่ก็ประกาศจะนำรถ เชฟโรเลต โวลต์ วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออน ออกจำหน่ายในปี 2010 เหมือนกัน

ผมเชื่อว่า อีกไม่เกิน 10 ปี เมื่อรถยนต์ไฟฟ้าผลิตกันแพร่หลายทั่วโลก เป็นที่นิยมใช้กันแล้ว รถยนต์ที่ใช้น้ำมันก็จะผลิตลดลง คนใช้ ลดลง เพราะราคาพลังงานไฟฟ้าถูกกว่าราคาน้ำมันหลายเท่าตัว

นอกจากรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว รถยนต์ประเภทไฮบริด ก็น่าสนใจไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นไฮบริดประเภท น้ำมันกับก๊าซ หรือ น้ำมันกับแบตเตอรี่ไฟฟ้า ซึ่งมีการพิสูจน์แล้วว่า ถูกกว่าการใช้น้ำมันอย่างเดียวครึ่งต่อครึ่ง เพราะพลังงานจากแบตเตอรี่สามารถวิ่งได้ระยะทางครึ่งหนึ่งของน้ำมัน

ต่อให้ราคาน้ำมันขายปลีกขึ้นไปถึงลิตรละ 60 บาท ค่าใช้จ่ายสำหรับเชื้อเพลิงในรถยนต์ไฮบริดก็ยังเท่ากับลิตรละ 30 บาทเท่านั้น

เมื่อเห็นความประหยัดพลังงานของรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด แล้ว ผมคิดว่า กระทรวงพลังงาน และ กระทรวงอุตสาหกรรม น่าจะ เร่งนำเข้ารถไฟฟ้าและรถไฮบริดเพื่อทดแทนรถน้ำมันเป็นการด่วน และ เร่งส่งเสริมการผลิตรถไฟฟ้าและรถไฮบริดในเมืองไทย ควบคู่กันไปด้วย เพราะเมืองไทยมีศักยภาพการประกอบรถยนต์มากกว่าประเทศอื่นอยู่แล้ว

รถยนต์ไฮบริด ที่น่าสนใจที่สุด ผมคิดว่าน่าจะเป็น รถยนต์ไฮบริดที่ใช้เชื้อเพลิง “ไฮโดรเจน” ร่วมกับ “แบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออน” แต่ไม่รู้ว่ามีค่ายไหนทดลองหรือยัง เพราะเชื้อเพลิงไฮโดรเจนมีอยู่ในน้ำทั่วโลก แค่แยกไฮโดรเจนออกจากน้ำแล้วทำให้เหลวเท่านั้น ใช้เท่าไรไม่มีวันหมดไปจากโลก เมื่อเครื่องยนต์เผาไหม้ไฮโดรเจนออกมาทางท่อไอเสีย ก็จะเปลี่ยนเป็นน้ำลอยขึ้นไปในอากาศ แล้วเปลี่ยนเป็นฝนตกลงมาอีก ที่สำคัญคือไม่มีมลพิษ

ตอนนี้รถยนต์ที่วิ่งด้วยเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ค่ายรถต่างๆก็ผลิตได้แล้ว และทดลองวิ่งกันแล้ว เพียงแต่ค่าแยกไฮโดรเจนจากน้ำยังแพงอยู่เท่านั้น

ถ้าผลิตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง ไฮโดรเจน ร่วมกับ แบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออน ได้สำเร็จเมื่อไร รถยนต์ในอนาคต ก็จะเป็นรถยนต์ที่ประหยัดพลังงานที่สุด สะอาดที่สุดในโลก และไม่ต้องพึ่งน้ำมันดิบอีกต่อไป ผมเชื่อว่าคงได้เห็นในอีกไม่นานเกินรอแน่นอน.

"ลม เปลี่ยนทิศ"


http://thairath.co.th/news.php?section=society03&content=84089


หวังว่าจะผลิตออกมาในเชิงพาณิชย์ได้เร็วขึ้น ภายใน 3-5 ปีนี้ ยิ่งเร็วยิ่งดี   

บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
หน้า: [1]
    กระโดดไป: