การเมือง ‘ดัดจริต,’ สิ่งแวดล้อมก็เป็นพิษ
Posted by สุทธิชัย หยุ่น , ผู้อ่าน : 661 , 08:20:30 น.
พิมพ์หน้านี้
นายก รัฐมนตรีของไทยประกาศต่อต้านการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA (Environmental Impact Assessment) ผ่านรายการ “พูดจาประสาสมัคร” วันอาทิตย์ที่ผ่านมา...ต้องถือว่าเป็นการประกาศจุดยืนในเรื่องสำคัญมาก เรื่องหนึ่งทั้งสำหรับในประเทศและต่างประเทศ
“ไอ้ความยุ่งยากทั้งหลาย ทั้งปวงในบ้านเมือง ผมพูดตรง ๆ ด้วยว่าสิ่งแวดล้อมมันเข้าไปแวดล้อมทุกสิ่ง, แวดล้อมจนทำอะไรไม่ได้, กระดิกกระเดี้ยไม่ได้...” นายกฯบอกพร้อมกับยกตัวอย่าง
กรณีรถขนส่งมวล ชนข้ามฟากที่สร้างในสมัยเป็นผู้ว่าฯ กทม. ทำที่สถานีตากสิน, ระยะทาง ๔.๓ กิโลเมตร, กำลังจะของบประมาณทำสถานีและราง แต่สุดท้ายผ่านอีไอเอได้แค่ ๒.๒ กิโลเมตร จึงสร้างได้แค่วงเวียนใหญ่ ...แต่ปัจจุบันต่อจากที่ได้ทำเป็น ๖.๘ กิโลเมตรแล้ว
“แปลว่ายังไง? แปลว่าคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมเห็นว่าทุกอย่างปลอดภัยให้แค่ ๒.๒ แล้วไอ้ ๖.๘ สร้างไว้เสร็จเรียบร้อย ทำไมไม่ห้ามสร้างเสียแต่แรกละ แล้วสุดท้าย, ยังไงก็ต้องให้ แล้วถ่วงไว้ทำไม ต้องพูดตรง ๆ อย่างนี้แหละ, คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม, แวดล้อมทุกสิ่ง, เดือนร้อนกันหมด...”
คุณสมัครบอกด้วยว่าการตั้งโรงงานจะต้องนับปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ว่ามีปริมาณเท่าไหร่ด้วย
“นี่แหละคือปัญหาของบ้านเมือง” คือข้อสรุปของนายกรัฐมนตรี
นายกฯ ยังกล่าวหาด้วยว่าที่ผ่านมา, การจะผ่านหรือไม่ผ่านอีไอเอของบริษัทจะต้องมีการบีบว่าหากบริษัทนี้ทำ, จะผ่าน, หากไม่ใช่บริษัทนี้, ไม่ผ่าน...และยังมีการเรียกเงิน ๑๐ ล้าน, ๒๐ ล้าน, ๓๐ ล้าน...เข้าผิดบริษัทไม่ผ่าน, ถูกต้องบริษัทปั๊บผ่านพั้วเลย...
คุณ สมัครเอาเรื่องการทำ EIA กับเรื่องข้อสงสัยการ “ทำมาหากิน” ของคนบางคนในแวดวงนี้ (ที่นายกฯจะต้องพิสูจน์ว่าไม่ได้กล่าวหาลอย ๆ) มาปนเป็นเรื่องเดียวกัน, จึงเกิดความสับสน
แนวโน้มของโลกในเรื่องการ ทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการต่าง ๆ นั้นกำลังมาแรง และประเทศไทยก็ไม่อาจจะ “ฝืนโลก” ด้วยการอ้างว่าเป็นเรื่อง “ดัดจริต” ที่เราไม่ต้องใส่ใจและจะไม่ทำ
จะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม, การติดต่อกับต่างชาติและการค้าการขายของเรากำลังไปพัวพันกับเงื่อนไขเรื่อง มาตรฐานสิ่งแวดล้อม, แรงงานและสิทธิมนุษยชนมากขึ้นทุกวัน
อีกทั้งหาก เราต้องการจะยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย, ไทยก็ต้องเอาจริงเอาจังกับการประเมินผลกระทบของสิ่งแวดล้อมก่อนที่จะอนุญาต ให้ทำโครงการที่มีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่มีข้างเคียงต่อทั้ง สังคมในระยะยาว
คุณสมัครจะชอบหรือไม่ชอบคนที่อยู่คณะกรรมการสิ่งแวด ล้อมแห่งชาติก็ตาม, แต่นี่คือกติกาที่รัฐบาลไทยได้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับการเคารพในการ รักษาสิ่งแวดล้อมที่กำลังย่ำแย่ลงทุกวัน
แน่นอนว่า, มาตรฐานการทำ EIA ของเราเคร่งครัดเกินไปหรือไม่, ควรจะมีการปรับปรุงแก้ไขอย่างไรหรือไม่, ย่อมเป็นเรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์และทบทวนกันได้
แต่การประกาศว่า “ไอ้ความยุ่งยากทั้งหลายทั้งปวงในบ้านเมืองมาจาก EIA” นั้นเห็นจะเป็นการ “ด่ากราด” ด้วยความรู้สึกส่วนตัวมากกว่าจะเป็นการพูดของผู้นำประเทศที่ต้องรับผิดชอบ มาตรฐานของสิ่งแวดล้อมของประเทศอย่างสูงด้วย
ยิ่งนายกรัฐมนตรีบอกว่า มีคนในวงการนี้ใช้ EIA “ทำมาหากิน” ด้วยการเก็บเงินเป็นสิบ ๆ ล้านเพื่อให้ผ่าน และมีการเล่นเส้นเล่นสายกับบางบริษัทเพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม, ก็ยิ่งจะต้องลงไปสืบเสาะ, หาหลักฐานและจับคนกระทำผิดให้ได้, มิใช่เพียงแค่พูดผ่านรายการทีวี, ด่า ๆๆๆ, ชี้นิ้วกล่าวหา ๆๆๆ, แล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิมอีก
การที่ผู้นำออกมาประกาศไม่ยอมรับความสำคัญของการทำการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือ EIA นั้นเป็นอันตรายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
และ มีผลทางลบต่อความเชื่อมั่นของแวดวงที่รณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมผู้ที่คาดหวัง ว่าประเทศไทยจะเห็นปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญยิ่งนัก
เราจะปก ป้องธรรมชาติได้อย่างไร, จะรักษาอากาศให้ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้อย่างไร, จะรักษาป่าไม้ให้ลูกหลานต่อไปอย่างไร...ถ้าผู้นำรัฐบาลบอกว่าการทำเรื่องผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็น “เรื่องดัดจริต”?
เฮ้อ, สงสารประเทศไทยจริง ๆ
ที่มา
http://www.oknation.net/blog/black/2008/03/28/entry-1---------------------------------
สุดยอดวิสัยทัศน์ ทั่นผู้นำจริงๆ