|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 24-08-2007, 09:34 » |
|
ถ้ามีคนมาปรึกษาท่านตอบว่าอย่างไร?
หรือแม้แต่เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นกับตัวท่านเองในชีวิตจริง?
หรือมีกระแสเรียกร้องให้แก้กฎหมาย?
หรือมีการพยายามแก้กฎหมายก็ตาม ? ต้องลงประชามติหรือไม่??
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 24-08-2007, 09:52 » |
|
เหอ เหอ โปรทักกี้ หายหัวหมดเลย
ไปตามพวกไฮทักษิณ มาช่วยก็ได้..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 24-08-2007, 09:57 » |
|
ผมเห็นด้วยกับการรณรงค์ให้วางแผนครอบครัวครับ..
น่าจะเป็นนโยบายที่ดีในระยะยาว..และดีกว่า30บาทด้วย เพราะเป็นสาธารณสุขและการสังคมเชิงก้าวหน้าหรือเชิงรุก..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พรรณชมพู
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 24-08-2007, 09:58 » |
|
ปัญหาเรื่องการทำแท้ง เป็นปัญหาที่ไม่สามารถอภิปรายได้ในวงการสาธารณะ เพราะจะมีฝ่ายพุทธจัด ออกมาประนามความเห็นที่สนับสนุนให้ทำแท้งได้ ทั้งๆที่การอภิปรายปัญหา เป็นการหาเหตุผลมาวิเคราะห์กัน สังคมไทยต่อต้านการทำแท้ง ไม่ว่าจะกรณีใดๆ แต่ก็ไม่มีทางออกสำหรับปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม หรือปัญหาเด็กถูกทอดทิ้ง อีกทั้งสังคมยังรุมประนามผู้ที่ตั้งครรภ์และไม่ปราถนาครรภ์นั้น จึงก่อให้เกิดเหตุการฆ่าเด็กทารกแล้วนำไปโยนทิ้งหรือทำลายทิ้งอยู่เสมอๆ ปัญหานี้เป็นปัญหาที่มีรากเง่าเดียวกับปัญหาสุนัขจรจัด นั่นคือกำจัดไม่ได้ พุทธจัดต่อต้าน แต่เมื่อถามหาคนร่วมรับผิดชอบในสุนัขจรจัดเหล่านี้ ก็เอะอะโวยวายไปคนละทิศละทาง สรุปได้ว่า ทั้งสองปัญหานี้ มีผู้ต่อต้านไม่ให้มีการกระทำผิดศิลธรรม แต่ไม่มีผู้รับผิดชอบหรืออยากช่วยเหลือผลที่เกิดจากการต่อต้านของตนเอง รัฐมีสิทธิ์บังคับเรื่องคุมกำเนิดไหม รัฐมีสิทธิ์บังคับไม่ให้มีการทำแท้งไหม ปัญหานี้มาคู่กัน รัฐบังคับอย่างหนึ่งได้ แต่ไม่บังคับอีกอย่างหนึ่ง รัฐสนับสนุนอย่างหนึ่ง แต่ไม่สนับสนุนอีกอย่างหนึ่ง การตั้งครรภ์ เป็นปัญหาของสตรีโดยเฉพาะ หากจะแก้ปัญหานี้ให้ได้ผล ควรจะให้สตรีเป็นผู้แก้ไขเอง มาตรการใดๆที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ สตรีควรมีสิทธิ์ในการกำหนดกันเองโดยลำพัง การคุมกำเนิดของสตรี การทำแท้งของสตรี ไม่ควรให้บุรุษเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทาง และการยอมรับหรือไม่ยอมรับ เป็นการแสดงความเห็น ซึ่งต้องมาควบคู่กับความรับผิดชอบด้วย ความเห็นในกรณีนี้ที่สักแต่ว่าออกความเห็น ไม่ยอมออกความรับผิดชอบ ไม่ควรนำมาพิจารณา เช่นปัญหาสุนัขจรจัด มีผู้เห็นด้วยกับการสังหารทิ้ง และผู้ต่อต้านการสังหาร ผู้เห็นด้วยกับการสังหาร หากชนะ จะต้องรับผิดชอบต่อการสังหารนั้น เข้าร่วมขบวนการสังหารนั้น รับค่าใช้จ่ายในการสังหารนั้น ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วย หากชนะ จะต้องรับผิดชอบต่อการเลี้ยงดูสุนัขนั้น เข้าร่วมขบวนการเลี้ยงดู รับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูนั้น อย่างนี้จึงจะยุติธรรมดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 24-08-2007, 10:05 » |
|
ไม่เห็นด้วยตรงนี้ครับ..เป็นเรื่องของครอบครัว ซึ่งอย่างน้อยต้องมีหญิงและชายการตั้งครรภ์ เป็นปัญหาของสตรีโดยเฉพาะ หากจะแก้ปัญหานี้ให้ได้ผล ควรจะให้สตรีเป็นผู้แก้ไขเอง มาตรการใดๆที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ สตรีควรมีสิทธิ์ในการกำหนดกันเองโดยลำพัง การคุมกำเนิดของสตรี การทำแท้งของสตรี ไม่ควรให้บุรุษเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทาง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 24-08-2007, 10:09 » |
|
การมีเพศสัมพันธ์ ก่อนวัยและสถานภาพอันควรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องพิจารณา
ซึ่งการตัดสินใจควรอยู่ในความรับผิดชอบของครอบครัวเช่นเดียวกัน.
ควรต้องรณรงค์ให้สถาบันครอบครัวมีความเข้มแข็งกว่าที่เป็นอยู่.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 24-08-2007, 10:15 » |
|
บางสังคม มีปัญหา เรื่องอัตราการขยายตัวของประชากรต่ำไป..
นั่นก็เป็นปัญหาละเอียดอ่อนที่เกิดขึ้นกับสังคมไทยได้..ในบางส่วน
บางส่วนประชากรก็ขยายตัวรวดเร็วเกินไป แม้ไม่รวดเร็วเกินไปก็มีเด็กที่เกิดมาไม่สมบูรณ์หรือถูกทอดทิ้งมากมาย
การเลี้ยงดูเด็กที่เกิดมาก็มีมาตรฐานต่ำทางด้านโภชนาการและการศึกษา..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอบอ่าน ซุ่มเงียบ
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 24-08-2007, 10:16 » |
|
ขออนุญาต ถามความหมายของ คำว่า "พุทธจัด" หน่อยเถอะครับ ไม่เข้าใจจริงๆ
คนเคร่งศาสนา กับ คนไม่มีศาสนา คุณว่า คนแบบไหนควรเป็นที่ต้องการของสังคม
ผมไม่เห็นด้วยกับการทำแท้ง ไม่มีใครจะมีสิทธิ์ไปตัดสินว่า ใครควรจะเกิด หรือ ใครไม่ควรจะเกิด
เช่นเดียวกับ หมาจรจัด ใช้อำนาจอะไรมาตัดสินว่า พวกมันไม่ควรจะมีชีวิตอยู่บนโลก
การแก้ปัญหาประเภทนี้ ควรจะคำนึงถีงหลักมนุษยธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
การรณรงค์เรื่องคุมกำเนิด และการบังคับใช้กฎหมายกับพวกผู้ใหญ่ที่สร้างฐานะมาจากการมอมเมาเด็กในรูปแบบต่างๆ
น่าจะช่วยแก้ปัญหาได้บ้าง อาจจะไม่หมด แต่คงไม่มากเสียจนต้องมาเปิดทำแท้งเสรีกันหรอก
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2007, 10:36 โดย แอบอ่าน ซุ่มเงียบ »
|
บันทึกการเข้า
|
IF YOU DON'T STAND FOR SOMETHING, YOU MIGHT FALL FOR ANYTHING.
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 24-08-2007, 10:24 » |
|
เช่นเดียวกับ หมาจรจัด ใช้อำนาจอะไรมาตัดสินว่า พวกมันไม่ควรจะมีชีวิตอยู่บนโลก
ผมเห็นต่างในประเด็นของสุนัขครับ คิดว่าเอาคนไว้ก่อน คือ สุนัขจำเป็นต้องมีผู้เลี้ยงดู ไม่เพียงแต่คัดค้านการจัดการกับสุนัขดังกล่าวครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 24-08-2007, 10:30 » |
|
ขอบคุณและอยากรับฟังความคิดท่านเพิ่มเติมครับ.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอบอ่าน ซุ่มเงียบ
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 24-08-2007, 10:44 » |
|
ส่วนเรื่องการออกกฎหามายบังคับใช้เรื่องคุมกำเนิด
ผมว่า เราต้องมองปัญหาให้ถูกจุด ไม่อย่างนั้นเราก็หาคำตอบไม่ได้ ว่าควรจะทำอย่างไร
ปัญหาที่เราจะแก้ คือ ปัญหาสังคม หรือ ปัญหาประชากรล้นโลก ครับ
ถ้าคิดว่าประชากรจะล้นโลกและจะเกิดปัญหา รัฐก็ควรจะมีสิทธิ์ออกกฎหมายบังคับเรื่องการคุมกำเนิด
แต่ในความคิดของผม ประชากรของโลก ต่อให้มีมากกว่านี้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา หากมีการจัดสรรทรัพยากรกันอย่างสมดุลย์
ไม่ปล่อยให้ใครมีอำนาจรวบเอาไปไว้เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับเฉพาะกลุ่มของตน
โลกเรายังมีทรัพยากรเพียงพอกับทุกคนครับ สิ่งที่ขาดไปคือ การรู้จักแบ่งปันซึ่งกันและกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
IF YOU DON'T STAND FOR SOMETHING, YOU MIGHT FALL FOR ANYTHING.
|
|
|
irq5
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 24-08-2007, 10:50 » |
|
เรื่อง sex ก่อนเวลาอันควรสมัยนี้มันไม่ไหวครับ เด็กมี sex กันก่อนเวลาอันควรมากต่างจากสมัยเมื่อก่อน เดี๋ยวนี้เที่ยงๆ บ่ายๆ ก็เริ่มมีกันแล้ว สมัยเรายังต้องรอค่ำอยู่เลย ------------------------- ส่วนตัวผมคิดว่ามันละเอียดอ่อนมาก ระหว่าง บังคับให้คนเกิดมา แต่ชีวิตเค้า ค่อนข้างแน่นอนว่าลำบาก พ่อกับแม่ ส่วนใหญ่วัยรุ่น และ ไร้วุฒิภาวะ ขนาดที่ว่าคุมกำเนิดไม่เป็น และ ยังมีอะไรกันก่อนจะถึงเวลาด้วย เทียบกับ ลบเค้าหายไปโลกก่อนที่เค้าจะเริ่มรับรู้ว่าโลกนอกท้องแม่ และ ได้สิทธิความเป็นมนุษย์ คิดว่าต้องมีความผิดที่ ตัวคนเ็ป็นพ่อแม่ครับ ไม่ใช่ทำกันเฉยๆ ลองคิดดูว่าหากการแพทย์เจริญขนาดทำได้ดี 100% จะเป็นเช่นไร จะเหมือนศัลยกรรมครับ เมื่อก่อน จะทำทีเริ่องใหญ่ กลัวติดเชื้อ กลัวเน่า กลัวหมอทำไม่สวย กลัวไม่มาตรฐาน เดี๋ยวนี้ เข้าออกง่ายกว่าไปรักษาหวัดอีก ถ้าให้เป็นอุดมคติแบบผม คงต้องจินตนาการเป็นเกมส์แหละครับ ใครทำแท้งลูก พลังควรลดซัก 40% ตายเร็วขึ้นหนะครับ เวลาทำจะได้คิดกันก่อน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMddMMMs.. .:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMssMMMMs.. .:Mddddddddddddddddddddddddddo+ddddNs.. .:M................................................hs.. .:M.............//:................//:.............hs.. .:M...........:MMs.............NMd............hs.. .:M................................................hs.. .:M................................................hs.. .:M.............yNNNNNNNNNN................hs.. .:M.................................................hs.. .:dyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyho..
....W..W::W:...AAA...NN...N...TTTTT..EEEEE...DDD.......... .....Ww.wW...AAAA..N..N..N......T.....EEE......D....D....... .....-W...W...A......A N....NN......T.....EEEEE...DDD.......... . . . . . . . . . . . . thaksin shinawatra
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 24-08-2007, 16:31 » |
|
ยังรอความเห็นอยู่นะครับ
น่าจะช่วยกันทำให้ชัดเจนเพื่อสังคมที่น่าอยู่ครับ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พรรณชมพู
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 24-08-2007, 16:56 » |
|
ขออนุญาต ถามความหมายของ คำว่า "พุทธจัด" หน่อยเถอะครับ ไม่เข้าใจจริงๆ
คนเคร่งศาสนา กับ คนไม่มีศาสนา คุณว่า คนแบบไหนควรเป็นที่ต้องการของสังคม
ผมไม่เห็นด้วยกับการทำแท้ง ไม่มีใครจะมีสิทธิ์ไปตัดสินว่า ใครควรจะเกิด หรือ ใครไม่ควรจะเกิด
เช่นเดียวกับ หมาจรจัด ใช้อำนาจอะไรมาตัดสินว่า พวกมันไม่ควรจะมีชีวิตอยู่บนโลก
การแก้ปัญหาประเภทนี้ ควรจะคำนึงถีงหลักมนุษยธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
การรณรงค์เรื่องคุมกำเนิด และการบังคับใช้กฎหมายกับพวกผู้ใหญ่ที่สร้างฐานะมาจากการมอมเมาเด็กในรูปแบบต่างๆ
น่าจะช่วยแก้ปัญหาได้บ้าง อาจจะไม่หมด แต่คงไม่มากเสียจนต้องมาเปิดทำแท้งเสรีกันหรอก
พุทธจัด พึ่งเลิกชุมนุมไปเมื่อไม่นานมานี้ คือกลุ่มหนึ่งที่ยกให้เป็นตัวอย่างค่ะ ตนเป็นพุทธ คนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นพุทธ ก็ต้องประกาศไว้ในกฎหมายสูงสุของประเทศว่าพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ เสียงส่วนน้อย หรือชนส่วนน้อยที่นับถือศาสนาอื่น ช่างหัวมัน " ผมไม่เห็นด้วยกับการทำแท้ง ไม่มีใครจะมีสิทธิ์ไปตัดสินว่า ใครควรจะเกิด หรือ ใครไม่ควรจะเกิด" แต่มีสิทธิ์ตัดสินว่า เด็กในท้องของคนอื่นนั้นควรจะต้องได้เกิด ถึงได้ให้ความเห็นไว้วว่า จะตัดสินกันอย่างไรก็ตาม ต้องกล่าวถึงความรับผิดชอบด้วย ไม่เห็นด้วยกับการกำจัดสุนัขจรจัดด้วยการฆ่า แต่ไม่ขอยุ่งเกี่ยวอะไรกับการดูแลพวกมัน ธุระไม่ใช่ ไม่เห็นด้วยกับการทำแท้ง แต่มารดาที่ไม่พร้อม และทารกทีเกิดมา จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร ช่างหัวมัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
login not found
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 24-08-2007, 17:08 » |
|
พุทธจัด พึ่งเลิกชุมนุมไปเมื่อไม่นานมานี้ คือกลุ่มหนึ่งที่ยกให้เป็นตัวอย่างค่ะ ตนเป็นพุทธ คนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นพุทธ ก็ต้องประกาศไว้ในกฎหมายสูงสุของประเทศว่าพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ เสียงส่วนน้อย หรือชนส่วนน้อยที่นับถือศาสนาอื่น ช่างหัวมัน " ผมไม่เห็นด้วยกับการทำแท้ง ไม่มีใครจะมีสิทธิ์ไปตัดสินว่า ใครควรจะเกิด หรือ ใครไม่ควรจะเกิด" แต่มีสิทธิ์ตัดสินว่า เด็กในท้องของคนอื่นนั้นควรจะต้องได้เกิด ถึงได้ให้ความเห็นไว้วว่า จะตัดสินกันอย่างไรก็ตาม ต้องกล่าวถึงความรับผิดชอบด้วย ไม่เห็นด้วยกับการกำจัดสุนัขจรจัดด้วยการฆ่า แต่ไม่ขอยุ่งเกี่ยวอะไรกับการดูแลพวกมัน ธุระไม่ใช่
ไม่เห็นด้วยกับการทำแท้ง แต่มารดาที่ไม่พร้อม และทารกทีเกิดมา จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร ช่างหัวมัน เห็นด้วยครับ คนเรามักอ้างคุณธรรมแค่ตรงหน้า แต่ไม่เป็นปัญหาของคุณธรรมครึ่งๆกลางๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
cameronDZ
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 24-08-2007, 17:31 » |
|
การวิเคราะห์ วิจารณ์ "เรื่องของคนอื่น" ในกรณีที่ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้เสีย ทำได้ง่ายมากเลยครับ แค่ขยับปาก ขยับนิ้ว (พิมพ์) ผมเลย ไม่อยาก "ฟันธง" เรื่องนี้เท่าไหร่ กลัวจะเป็นการสนุกปาก สนุกนิ้ว เล่นเฉย ๆ โดยที่ตัวเองก็ไม่ได้เข้าใจ-รู้สึก ถ่องแท้ กับปัญหานั้น สักกี่มากน้อย (ถ้าผม "ไปทำใครท้อง" ขึ้นมา อาจเข้าใจ-รู้สึก และตัดสินใจกับปัญหานี้ได้จริง ๆ แต่คิดว่า เรื่องมันคงเกิดยาก เพราะแค่โอกาสจะ "ไปทำใคร" เฉย ๆ ยังไม่มีเลย) พูดแบบกลาง ๆ ก็อยากให้มีกฎหมายเกี่ยวกับการทำแท้งออกมาครับ (ไม่ใช่กฎหมายอนุญาตให้ทำแท้งนะ หมายถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้ง ว่าทำได้-ไม่ได้ อย่างไร)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย ...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ... แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก ...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
|
|
|
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 24-08-2007, 17:34 » |
|
ผมอยู่ในประเทศที่มีการทำแท้งเสรี ขอเล่าให้ฟังว่า ที่สวีเดน ก็มีปัญหาเรื่องวัยรุ่นที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันสมควรอยู่จำนวนมาก ทั้งๆที่มีการรณรงค์ให้มีการคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ถุงยาง ยาคุม และการใส่ห่วง ถึงกระนั้นก็ยังมีเด็กวัยรุ่นอีกเป็นจำนวนมาก เกิดท้องขึ้นมา ในกรณีที่ต้องทำแท้ง 1.ในกรณีของเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ครู พ่อแม่ผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะมีการปรึกษาร่วมกันเรื่องการทำแท้ง 2.ในกรณีที่ผู้หญิงถูกข่มขืน แพทย์และพยาบาลจะช่วยไม่ให้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น 3.ในกรณีที่มีการมีเพศสัมพันธ์ของคนในครอบครัวเดียวกัน เช่นพ่อมีเพศสัมพันธ์กับลูก หรือพี่น้องหญิงชายมีเพศสัมพันธ์กันจนผู้หญิงตั้งครรภ ก็ต้องทำแท้ง 4.ในกรณีที่ตรวจพบว่า เด็กในครรภ์พิการ 5.ในกรณีที่คนท้องมีโรคภัยไข้เจ็ย ที่มีผลกระทบไปถึงเด็กในครรภ์อย่างร้ายแรง เห็นว่าเหตุผลที่สำคัญๆในการที่ต้องทำแท้ง มีอยู่เพียงแค่นี้ แต่ที่สวีเดน การทำแท้งที่ นอกเหนือไปจากที่กล่าวมาข้างต้น คือความสมัครใจของผู้ที่ตั้งครรภ์ ในแต่ละปี จะมีผู้หญิงจากต่างประเทศไปทำแท้งที่สวีเดนเป็นจำนวนไม่น้อย เมื่อมีกฎหมายว่าด้วยการทำแท้งเสรี ใครๆก็สามารถเดินทางไปทำแท้งที่สวีเดนได้ี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
|
|
|
แอบอ่าน ซุ่มเงียบ
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 24-08-2007, 17:44 » |
|
คุณพรรณชมพู พูดคุยกันแบบคนทั่วๆไปเขาคุยกันเป็นไหมครับ
ถ้าจะมาเอาชนะกันที่ถ้อยคำ ผมไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร แล้วผมก็ไม่ใช่คนเจ้าคารมเสียด้วย รู้สึกอย่างไรก็พูดอย่างนั้น
ผมไม่ได้ไปตัดสินว่าใครควรจะเกิดหรือไม่ ผมกำลังบอกว่า เขาเกิดมาแล้ว คุณไม่มีสิทธิ์จะไปทำลายชีวิตเขาไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ
(คงต้องถกกันอีกประเด็นละสิเนี่ย ว่า ทารกที่อยู่ในครรภ์ ถือว่าเกิดแล้วหรือยัง มีชีวิตหรือไม่) อาการศรีธนญชัยนี่คงไม่ใช่เฉพาะพวกทรทแล้วล่ะ
เรื่องหมาจรจัด อย่าเอาตัวเองเป็นตัวตั้งแล้วไปเที่ยวตัดสินคนอื่น ลองเข้าไปในห้องจตุจักรที่พันทิปดูก็แล้วกัน
ส่วนเรื่องการเรียกร้องให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ นี่ ผมบอกตรงๆว่า
ประเด็นนี้ทำให้ผมเห็นตัวตนของคนปากรักประชาธิปไตยแบบพวกคุณชัดเจนทีเดียว
ในเมื่อรัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมายสูงสุดที่จะต้องเกี่ยวข้องกับทุกฝ่าย แล้วทำไม ฝ่ายศาสนาจะออกมาบอกความต้องการของกลุ่มตนไม่ได้
การออกความเห็นและเรียกร้องประเด็นที่ต้องการในรัฐธรรมนูญ กลายเป็นความผิดร้ายแรง ที่พวกคุณยอมรับฟังกันไม่ได้เลยหรือ
ผมเองก็ไม่เห็นด้วย แต่ไม่เคยไปเที่ยวพูดจาดูถูกตั้งฉายาผู้อื่นเพียงเพราะคิดไม่ตรงกัน
รัฐธรรมนูญนี้ มีให้ใช้เฉพาะพวกคุณหรือ จึงมีแต่พวกคุณที่จะมีสิทธิ์เรียกร้องออกความเห็น
ประเทศนี้ มีแต่คนที่คิดเหมือนคุณเท่านั้นหรือ จึงจะเรียกว่า รักชาติ รักประชาธิปไตย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
IF YOU DON'T STAND FOR SOMETHING, YOU MIGHT FALL FOR ANYTHING.
|
|
|
พรรณชมพู
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 24-08-2007, 18:15 » |
|
การเรียกร้องเพื่อให้สิ่งที่ตนประสงค์ มีปรากฎอยู่ในรัฐธรรมนูญ เป็นสิทธิ์ของประชาชนทุกคนอยู่แล้ว แต่การข่มขู่คุกคามนั้นไม่ใช่วิธีการทางประชาธิปไตย เมื่อเรียกร้องยื่นข้อเสนอไปแล้ว ก็อยู่ที่คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ว่าจะมีความเห็นเป็นอย่างไร เสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไร และเสียงส่วนน้อยว่าอย่างไร การออกความเห็นว่าต้องการสิ่งไดในรัฐธรรมนูญนั้น ไม่มีผู้ใดต่อต้าน แต่วิธีการที่ไม่เหมาะสมกับสถานะของผู้เรียกร้องนั่นต่างหาก ที่ได้รับการต่อต้าน ผู้คนเขาไม่ได้ต่อต้านหลักการ แต่เขาต่อต้านวิธีการ ปัญหาสุนัขจรจัดนั้น เกิดจากคนรักสุนัขทั้งสิ้น คนไม่รักสุนัขเขาไม่เอาสุนัขมาเลี้ยง พอมันสร้างปัญหาให้ ก็นำไปปล่อยทิ้งๆขว้างๆ นี่หมายถึงคนรักสุนัขจริงๆ ส่วนคนรักแต่ปาก ส่วนหนึ่งนอกจากจะนำมันมาเลี้ยงแล้วอาไปทิ้งขว้างแล้ว อีกส่วนหนึ่งยังต่อต้านการหาแนวทางในการจัดการปัญหาเรื่องนี้ โดยประสงค์จะออกความเห็น แต่ไม่ประสงค์จะออกเงิน แต่ความเห็นในทัศนะส่วนตัวที่ได้แสดงออกไป ไม่ขอตอบ เพราะคำถามน้น คล้ายกับคุณถามตัวเองค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
login not found
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 24-08-2007, 18:24 » |
|
คุณพรรณชมพู พูดคุยกันแบบคนทั่วๆไปเขาคุยกันเป็นไหมครับ
ถ้าจะมาเอาชนะกันที่ถ้อยคำ ผมไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร แล้วผมก็ไม่ใช่คนเจ้าคารมเสียด้วย รู้สึกอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ไม่ได้อยากจะให้เรื่องนี้เป็นประเด็นเอามาทะเลาะกันหรอกครับ ลองคุยกันดูถึงที่มาที่ไป ปัญหาและทางแก้ดีกว่าไหมครับ
ผมไม่ได้ไปตัดสินว่าใครควรจะเกิดหรือไม่ ผมกำลังบอกว่า เขาเกิดมาแล้ว คุณไม่มีสิทธิ์จะไปทำลายชีวิตเขาไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ
(คงต้องถกกันอีกประเด็นละสิเนี่ย ว่า ทารกที่อยู่ในครรภ์ ถือว่าเกิดแล้วหรือยัง มีชีวิตหรือไม่) อาการศรีธนญชัยนี่คงไม่ใช่เฉพาะพวกทรทแล้วล่ะ ในต่างประเทศก็มีระบุอยู่ว่าอายุกี่วันถึงจะถือว่ามีชีวิต แต่ผมว่ามันไม่ใช่ทางแก้ที่แท้จริง เพราะยังไงมันก็เกิดมาจากการมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ป้องกันทั้งสิ้น(ไม่ว่าจะสมยอมหรือไม่) ถ้าจะแก้อยากให้แก้ทั้งสองส่วน คือการให้ความรู้การป้องกันการตั้งครรภ์ และการทำแท้งอย่างรอบคอบมีเหตุผลรองรับ อย่างในกรณีของสวีเวนที่คุณลุงถึกฯยกมาก็มีเหตุผลดี คุณอาจจะยังไม่ทราบว่าแม้ในสถานพยาบาลของรัฐ หากต้องการทำแท้งก็สามารถใช้เหตุผลทั่วๆไป เพื่อขอทำแท้งได้ หากทำอะไรให้มันชัดเจนและถูกต้องไปเลยน่าจะดีกว่า(ไม่ว่าจะอนุญาติให้ทำแท้งหรือไม่)
เรื่องหมาจรจัด อย่าเอาตัวเองเป็นตัวตั้งแล้วไปเที่ยวตัดสินคนอื่น ลองเข้าไปในห้องจตุจักรที่พันทิปดูก็แล้วกัน ในห้องจตุจักรก็เป็นจุดเริ่มต้นแบบหนึ่งของการแก้ปัญหานี้เช่นกัน แต่ก็เพราะเป็นการรวมตัวกันแบบหลวมๆ ช่วยได้เท่าที่ทำได้ จึงไม่สามารถทำอะไรได้มาก(บางครั้งกลายเป็นการรบกวนคนที่ไม่เห็นด้วย แต่ก็ต้องยอมช่วยเพราะ"เขาขอมา") และปัญหานี้ก็ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังอยู๋ดี ที่จริงแนวคิดแบบนี้ก็ทางกทม.ก็ทำบ้างแล้ว โดยการนำสุนัขจรจัดที่จับมาได้ ไปเลี้ยงและทำหมัน แต่ก็ไม่สามารถรองรับได้หมด จึงเปลี่ยนนโยบายเป็นทำหมันแล้วปล่อยคืน แม้อย่างนั้นสุนัขจรจัดก็ไม่ได้ลดลง เพราะสุนัขมีอายุยาวนาน แม้จะไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ แต่ก็มีคนนำสุนัขมาปล่อยทุกวัน ปัญหาสุนัขจรจัดนี้จึงเกิดจาก"คนปล่อย" ไม่ใช่คนที่เข้ามาแก้ปัญหา
ส่วนเรื่องการเรียกร้องให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ นี่ ผมบอกตรงๆว่า
ประเด็นนี้ทำให้ผมเห็นตัวตนของคนปากรักประชาธิปไตยแบบพวกคุณชัดเจนทีเดียว
ในเมื่อรัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมายสูงสุดที่จะต้องเกี่ยวข้องกับทุกฝ่าย แล้วทำไม ฝ่ายศาสนาจะออกมาบอกความต้องการของกลุ่มตนไม่ได้
การออกความเห็นและเรียกร้องประเด็นที่ต้องการในรัฐธรรมนูญ กลายเป็นความผิดร้ายแรง ที่พวกคุณยอมรับฟังกันไม่ได้เลยหรือ
ผมเองก็ไม่เห็นด้วย แต่ไม่เคยไปเที่ยวพูดจาดูถูกตั้งฉายาผู้อื่นเพียงเพราะคิดไม่ตรงกัน
รัฐธรรมนูญนี้ มีให้ใช้เฉพาะพวกคุณหรือ จึงมีแต่พวกคุณที่จะมีสิทธิ์เรียกร้องออกความเห็น
ประเทศนี้ มีแต่คนที่คิดเหมือนคุณเท่านั้นหรือ จึงจะเรียกว่า รักชาติ รักประชาธิปไตย ประเด็นนี้ผมว่าเคยคุยกันมาเยอะแล้ว ผมคงไม่สามารถอธิบายอะไรเพิ่มเติมได้อีก หากคุณไม่เห็นด้วย ก็เป็นสิทธิของคุณครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2007, 18:28 โดย login not found »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อธิฏฐาน
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 24-08-2007, 19:34 » |
|
การจะมีบุตรสักคนน่าจะเป็นผลพวงจากความรัก มากกว่าผลพวงของการถูกทารุณกรรมค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอบอ่าน ซุ่มเงียบ
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 24-08-2007, 20:14 » |
|
กลับเข้ามาอีกครั้ง ก่อนอื่นต้องขอโทษคุณ Q เจ้าของกระทู้นะครับ ที่คุยๆแล้วเพลินออกนอกประเด็นไปหน่อย
ตามเหตุผลการอนุญาตให้ทำแท้งของสวีเดน ที่ลุงถึก ยกมา ผมเห็นด้วยเพียง 2 ข้อ
คือการที่ถูกข่มขืนแล้วมีการป้องกันไม่ให้เกิดตั้งครรภ์ และ กรณีที่เกี่ยวพันถึงชีวิตแม่ของเด็ก
คราวนี้ผมอยากจะลองถามสักประเด็นหนึ่ง คือ การยินยอมให้มีการทำแท้งโดยเสรี มันมีประโยชน์อย่างไร มันจะช่วยแก้ปัญหาของสังคมได้หรือไม่
ส่วนตัวผมแล้วเห็นว่า จะยิ่งเพิ่มปัญหาให้กับสังคมเพราะ ยิ่งเสรีก็ยิ่งเพลิดเพลินขาดสติยั้งคิด
ธรรมชาติของมนุษย์นั้น จะใช้ชีวิตด้วยความประมาทเหมือนกันหมดทั้งโลก ไม่ว่าที่ไหน
การออกกฎหมายควบคุมให้อยู่ในศีลธรรมจึงเป็นเรื่องจำเป็น
ส่วนเรื่องหมาจรจัด ปัญหานี้เป็นปัญหาที่คน กทม ทุกคนทั้งที่รักหมาและไม่รักหมา ควรจะรับผิดชอบร่วมกันเพราะเราอยู่ร่วมสังคมเดียวกัน
ผมเห็นด้วยกับนโยบายของ กทม ที่มีการทำหมัน เท่าที่จะทำได้ ปัญหามันไม่สามารถจะแก้ให้เสร็จภายในระยะเวลาอันสั้น ต้องรอให้สุนัขสิ้นอายุขัยไปเอง
ผมยกย่องสมาชิ้กทุกท่านในห้องพันทิป จตุจักร ทำในสิ่งที่ทำได้ เท่าที่กำลังของตัวเองจะมี แม้จะไม่มากนักแต่ก็มีความหมาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
IF YOU DON'T STAND FOR SOMETHING, YOU MIGHT FALL FOR ANYTHING.
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 24-08-2007, 21:01 » |
|
ทั้งสองกรณี ไม่ว่าจะเป็น "การทำแท้ง" หรือ "การคุมกำเนิด" ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ฝ่ายหญิงที่เป็นผู้ถูกกระทำ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ตามหลักการแพทย์ ผู้หญิงที่ต้องทำแท้งไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด ๆ ก็ตามจะส่งผลทำให้สภาพร่างกายทรุดโทรมลง รวมทั้งสภาพจิตใจที่ตกอยู่ในสภาวะเศร้าซึม ท้อแท้ เศร้าเสียใจ สูญเสีย ยิ่งถ้าทำแท้งเนื่องจากเป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์แล้ว ยังต้องฝืนทนกล้ำกลืนกับการถูกประณามหยามเหยียด ถูกดูถูกดูแคลน ถูกด่าว่าให้เสียหาย ในขณะที่ฝ่ายชายที่ก่อเหตุร่วมกัน ไม่เห็นว่าจะถูกสังคมประณามเหมือนที่ฝ่ายหญิงโดนบ้างเลย ส่วนเรื่อง การคุมกำเนิด ก็เช่นเดียวกัน เท่าที่ทราบ ผู้หญิงก็มักจะเป็นฝ่ายต้องรับผิดชอบไม่ว่าจะด้วยการฉีดยา กินยา ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่ส่งผลข้างเคียงต่อสภาพร่างกายทั้งสิ้น ถ้ายึดตามหลักศาสนาแล้ว ทั้งพุทธและคริสต์ คงไม่เห็นด้วยกับทั้งสองกรณี แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ทั้งฝ่ายคัดค้านและฝ่ายเห็นด้วย ก็ล้วนแต่ต้องการให้เกิดผลดี เพียงแต่มองคนละมุม ต่างก็มีเหตุผลรองรับ ยากที่จะระบุว่า เหตุผลใครดีกว่ากัน ในกรณีทำแท้ง ควรจะให้ผู้ที่เป็นแม่ ไม่ว่าจะตกอยู่ในภาวะจำยอมหรือไม่ เป็นฝ่ายตัดสินใจ เพราะเธอเองเท่านั้นที่รู้ดีว่าเธอจะแบกรับปัญหาที่จะตามมาได้หรือไม่ สำหรับหน่วยงานของภาครัฐหรือเอกชน รวมทั้งญาติใกล้ชิด คนรู้จักก็ควรให้ความช่วยเหลือและ สงเคราะห์ เท่าที่จะทำได้ เพื่อเกื้อกูลกัน เพราะจากตัวอย่างในหลาย ๆ กรณีเท่าที่ทราบ บางที่ผลที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นอย่างที่ผู้หวังดีรอบข้างคาดหวัง ส่วนเรื่องการคุมกำเนิดนั้น ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายหญิงที่ยินยอมอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็นค่ะ เพราะในสภาพสังคมปัจจุบัน ผู้ที่เป็นพ่อและแม่ จะต้องรับภาระหนักเกินไปถ้ามีลูกมากกว่าหนึ่ง หรือสองคนขึ้นไป เพียงแต่ควรจะปรึกษาแพทย์เพื่อให้ส่งผลกระทบต่อร่างกายน้อยที่สุดในกรณีที่ฝ่ายหญิงต้องเจ็บตัวหรือต้องลำบากกลำบนในการทานยา และอื่น ๆ ปล. เมื่อหลายปีก่อน มีข่าวที่สร้างความสะเทือนใจไปทั่วโลก เมื่อซิสเตอร์คนหนึ่งถูกข่มขืนในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในบอสเนียหรือไงเนี่ยะค่ะ แล้วต่อมาพบว่าเธอตั้งครรภ์จากเหตุข่มขืนนั้น แต่เธอยอมรักษาลูกในท้องไว้ สุดท้ายไม่ทราบเป็นอย่างไร หวังว่าพระเป็นเจ้าจะทรงเมตตาเธอตามที่เธอทูลวิงวอนด้วยน้ำตา
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2007, 21:12 โดย aiwen^mei »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 24-08-2007, 22:58 » |
|
อ่านและรับฟังปัญหา ในส่วนบุคคล และปัญหาสังคม บรรทัดฐานทางสังคม
ก็เห็นใจครับ ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้อยุ่ในปัญหา..อย่างไรก็ตามสังคมไทย
ปากว่าตาขยิบ ไม่เคารพกฎเกณฑ์ อย่างกรณีอนุญาตกันเอง ทำแท้งทั้งที่ผิดกฎหมาย
ความเด็ดขาดชัดเจนไม่มี เหยื่อก็คือผู้อ่อนด้อย หรือด้อยโอกาสทางสังคมในด้านต่างๆ
สุดท้ายกระทู้คงต้องหาความเข้าใจว่าแต่ละท่านจะตัดสินใจโดยมีข้อจำกัดอะไรที่ยอมรับไม่ได้ เป็นจุดต่างครับ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 24-08-2007, 23:09 » |
|
ใช่ครับ เรื่องการทำแท้ง กรรมมันตกอยู่ที่ผู้หญิงสถานเดียว แม้กระทั่งการคุมกำเนิด ผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายเสียสละตลอดมา ผู้ชายอย่างผมยังไม่กล้าทำหมันเลยครับ กลัวพลาด...เอิ้กกกก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 25-08-2007, 09:25 » |
|
ลองมาดูว่ามีความเห็นว่าเมื่อไรถือว่ามีสิ่งมีชีวิตในท้องหญิง
ผมเริ่มนับตั้งแต่เซลล์แรก คือตั้งแต่เป็นไซโกต
ตามกฎหมายไทยเมื่ออายุครรภ์มีสักหลายสัปดาห์ ประมาณว่าเริ่มเป็นตัว..
อย่างไรก็ตามผมมีแนวความคิดไม่เชื่อเรื่องการทำแท้งจะเป็นวิธีแก้ปัญหาสังคมที่ดี..เพราะเป็นปลายเหตุ
ยอมรับกรณีเดียวครับ กรณีที่เด็กเป็นอันตรายต่อชีวิตแม่ ครับ
สำหรับแม่ชีที่ถูกข่มขืนจนตั้งครรภ์ เชื่อว่าเธอตัดสินใจถูกต้องแล้ว
ผู้ให้กำเนิดคือคนแรกที่ต้องรับผิดชอบในการดูแลเด็กที่จะเกิดมาด้วยความเต็มใจ
ขอยกย่องความคิดของเธอครับ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Tuba ✿゚✎..✿.。.:。ღ
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 25-08-2007, 19:22 » |
|
ผมเห็นด้วยครับ ทุกกรณี รวมถึงกรณีเด็กสำส่อนด้วย
ทำไมเราจะต้องเซ่นความถูกต้องทางศีลธรรม ด้วยชีวิตที่เกิดมาแบบไร้หางเสือ ถ้าเด็กที่เกิดมาไม่เป็นที่ต้องการของใครเลย สุดท้าย แม่มันก็เอาไปทิ้งขยะอยู่ดี
ถ้ามันรอดจากกองขยะมาได้ ก็ต้องไปกองอยู่บ้านเด็กกำพร้า แล้วชีวิตมันจะเป็นยังไงต่อไปหละครับ?
ผมเชื่อว่าต่อให้เปิดเสรีทำแท้ง ก็ไม่ได้ทำให้ใครสำส่อนมากขึ้น ใครบ้างล่ะครับ อยากไปนอนอ้าขาให้หมอขูดมดลูก ไม่ใช่นวดแผนโบราณนะครับ จะได้สบาย
ที่สำคัญ ไม่มีวิธีคุมกำเนิดแบบไหน ที่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้กระทั่งข้างกล่องถุงยาง มันยังเขียนไว้เลยครับ บางยี่ห้อ 97% ที่เหลือก็ Hand of god หละครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ทหาร เป็นอะไรก็ไม่ได้ดี นอกจากเป็นทหาร
ตำรวจ เป็นอะไรก็ดีไม่ได้ แม้กระทั่งเป็นตำรวจ
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #30 เมื่อ: 25-08-2007, 19:35 » |
|
ผมเห็นด้วยครับ ทุกกรณี รวมถึงกรณีเด็กสำส่อนด้วย
ทำไมเราจะต้องเซ่นความถูกต้องทางศีลธรรม ด้วยชีวิตที่เกิดมาแบบไร้หางเสือ ถ้าเด็กที่เกิดมาไม่เป็นที่ต้องการของใครเลย สุดท้าย แม่มันก็เอาไปทิ้งขยะอยู่ดี
ถ้ามันรอดจากกองขยะมาได้ ก็ต้องไปกองอยู่บ้านเด็กกำพร้า แล้วชีวิตมันจะเป็นยังไงต่อไปหละครับ?
ผมเชื่อว่าต่อให้เปิดเสรีทำแท้ง ก็ไม่ได้ทำให้ใครสำส่อนมากขึ้น ใครบ้างล่ะครับ อยากไปนอนอ้าขาให้หมอขูดมดลูก ไม่ใช่นวดแผนโบราณนะครับ จะได้สบาย
ที่สำคัญ ไม่มีวิธีคุมกำเนิดแบบไหน ที่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้กระทั่งข้างกล่องถุงยาง มันยังเขียนไว้เลยครับ บางยี่ห้อ 97% ที่เหลือก็ Hand of god หละครับ
เราไม่สามารถกล่าวได้ว่าเราเป็นเจ้าชีวิตของเด็กที่เกิดมาแล้ว แม้แต่แม่หรือพ่อเด็กก็ตามครับ มีหน้าที่เพียงเลี้ยงดู
เมื่อเราไม่ให้ความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์อื่นๆ แน่นอนสังคมก็จะมีสภาพเหมือนเครื่องจักที่ขาดชีวิตเพราะไม่ให้ความสำคัญกับชีวิตที่เกิดขึ้นใหม่แล้ว
ในทีสุดสังคมเช่นนั้น จะมีสภาพเหมือนเครื่องจักและขาดความสุข ทั้งที่มีทุกอย่างพร้อมสำหรับกายภาพ แต่จิตใจจะค่อยๆซึมเศร้าและเหี่ยวแห้งไป
เนื่องจากควาหมายของชีวิตมนุษย์ได้สูญไปด้วย พร้อมกับค่านิยมการเอาตัวรอดจากปัญหาเฉพาะหน้าครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อธิฏฐาน
|
|
« ตอบ #31 เมื่อ: 25-08-2007, 19:58 » |
|
ชาวไทยมุสลิมใน 3 จังหวัด บางส่วน ยังมีความเชื่อว่าการคุมกำเนิดเป็นบาป จะมีบุตรกี่คนพระเจ้าได้กำหนดมาให้แล้ว ผลสุดท้ายบุตรที่ออกมาก็เป็นคนไม่มีคุณภาพ เรื่องนี้ก็ต้องโทษทั้งกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุขค่ะ ที่ไม่สามารถเปลี่ยนความเชื่อพวกเขาได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #32 เมื่อ: 25-08-2007, 20:02 » |
|
ชาวไทยมุสลิมใน 3 จังหวัด บางส่วน ยังมีความเชื่อว่าการคุมกำเนิดเป็นบาป จะมีบุตรกี่คนพระเจ้าได้กำหนดมาให้แล้ว ผลสุดท้ายบุตรที่ออกมาก็เป็นคนไม่มีคุณภาพ เรื่องนี้ก็ต้องโทษทั้งกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุขค่ะ ที่ไม่สามารถเปลี่ยนความเชื่อพวกเขาได้
ถ้าหากคุมกำเนิดเป็นบาป การมีเพศสัมพันธ์จนเกิดมนุษย์ที่ด้อยโอกาสในชีวิต ไม่บาปกว่าหรือ? ชาวมุสลิมพึงตระหนัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อธิฏฐาน
|
|
« ตอบ #33 เมื่อ: 25-08-2007, 20:06 » |
|
หากเป็นลูกผู้หญิง พ่อแม่ก็กลัวบาปเหมือนกัน เลยพยายามให้ลูกสาวแต่งงานออกเรือนไปโดยเร็วที่สุด 16 - 17 ปี ก็โดนพ่อแม่จับให้แต่งงานแล้วค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #34 เมื่อ: 25-08-2007, 20:16 » |
|
หากเป็นลูกผู้หญิง พ่อแม่ก็กลัวบาปเหมือนกัน เลยพยายามให้ลูกสาวแต่งงานออกเรือนไปโดยเร็วที่สุด 16 - 17 ปี ก็โดนพ่อแม่จับให้แต่งงานแล้วค่ะ
ลูกติดท้องหญิง ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายชายไม่ได้ทำบาป
การมีเพศสัมพันธ์แบบผิดประเวณี ถือเป็นบาป การป้องกันควรปกป้องและสอนบุตรหลานให้รู้จักบังคับตนเอง
ไม่เปิดโอกาสให้ชายใดเข้าใกล้จนหักห้ามใจไม่ได้
การปกป้องภายในครอบครัวเป็นหน้าที่ของทุกคนโดยเฉพาะแม่ เพราะอาจเกิดกรณีไม่ถูกต้องขึ้นได้เช่นกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #35 เมื่อ: 25-08-2007, 20:22 » |
|
ชาวไทยมุสลิมใน 3 จังหวัด บางส่วน ยังมีความเชื่อว่าการคุมกำเนิดเป็นบาป จะมีบุตรกี่คนพระเจ้าได้กำหนดมาให้แล้ว ผลสุดท้ายบุตรที่ออกมาก็เป็นคนไม่มีคุณภาพ เรื่องนี้ก็ต้องโทษทั้งกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุขค่ะ ที่ไม่สามารถเปลี่ยนความเชื่อพวกเขาได้
ตามที่เคยศึกษาศาสนาคริสต์มาบ้างทั้งจากสองนิกาย คือ โปรเตสแตนต์และคาทอลิก เข้าใจว่า น่าจะมีความเชื่อพื้นฐานเดิมเหมือนกันคือ ผู้ศรัทธาในสมัยก่อน มีทัศนคติว่า วัตถุประสงค์เพียงหนึ่งเดียวของเพศสัมพันธ์ระหว่างสามี - ภรรยา คือ การให้กำเนิดบุตร ดังนั้น การคุมกำเนิดไม่ว่าด้วยวิธีการใด ๆ ก็ตามจึงถือว่าเป็นความบาป เพราะขัดกับพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า แต่ในยุคปัจจุบัน ความเชื่อเช่นนี้ในกลุ่มคริสตชนเริ่มเสื่อมลง เมื่อความเจริญทางการแพทย์ก้าวหน้าขึ้น จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน สำหรับนิกายโปรเตสแตนต์ นั้น จะปรับเปลี่ยนทัศนคติได้เร็วกว่า ในขณะที่นิกายคาทอลิกเองนั้น เนื่องจากมีการรวมศูนย์อยู่ที่วาติกัน การเปลี่ยนแปลงทัศนคติ อาทิ การคุมกำเนิดนั้น ดูเหมือนจะต้องแอบทำ ถ้าคู่สามีภรรยาไปปรึกษาคุณพ่อบาทหลวง ท่านก็จะไม่ห้าม แต่ต้องเลือกวิธีที่เหมาะสม ใช้คำว่า แบบธรรมชาติ โดยมีเหตุผลรองรับว่า การคุมกำเนิดนั้นไม่ได้ส่งผลให้ความศรัทธาของตนเสื่อมถอยลง ผิดพลาดอย่างไรขออภัยด้วยค่ะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2007, 20:25 โดย aiwen^mei »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #36 เมื่อ: 25-08-2007, 20:30 » |
|
การคุมกำเนิดจากการร่วมประเวณีของคู่ครอง จะบาปได้อย่างไร? มันลามกหรือวิตถารอย่างไรหรือ?
ไม่บาปครับ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #37 เมื่อ: 25-08-2007, 20:33 » |
|
หากการคุมกำเนิดเป็นบาป การเป็นโสด แต่เกิดความรุ่มร้อน ก็คงต้องบาปยิ่งกว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #38 เมื่อ: 25-08-2007, 20:36 » |
|
การคุมกำเนิดจากการร่วมประเวณีของคู่ครอง จะบาปได้อย่างไร? มันลามกหรือวิตถารอย่างไรหรือ?
ไม่บาปครับ..
ตามที่เรียนมา ถือว่า บาปค่ะ ยิ่งใช้วิธีฉีดยา ทานยา โดยเฉพาะการทำหมันด้วยแล้ว บาปหนักเลยเชียวค่ะ และไม่แน่ใจว่า เข้าใจถูกหรือป่าว ดูเหมือนว่า ประเทศมุสลิมหลาย ๆ ประเทศ ที่ต้องประสบกับปัญหาความยากจนข้นแค้นค่อนข้างจะสาหัสนั้น สาเหตุหนึ่งคือ ไม่มีการควบคุมประชากร เพราะการคุมกำเนิดไม่เป็นที่ยอมรับนั่นเอง และรวมทั้งหลายประเทศในอเมริกาใต้ ที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้ชือว่าเป็นคริสตชนคาทอลิก
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2007, 20:46 โดย aiwen^mei »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #39 เมื่อ: 25-08-2007, 20:38 » |
|
หากการคุมกำเนิดเป็นบาป การเป็นโสด แต่เกิดความรุ่มร้อน ก็คงต้องบาปยิ่งกว่า
สำหรับเรื่องนี้นั้น เกิดความขัดแย้งระหว่าง หลักความเชื่อทางศาสนา กับหลักการแพทย์ อย่างเห็นได้ชัดค่ะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2007, 20:42 โดย aiwen^mei »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #40 เมื่อ: 25-08-2007, 20:40 » |
|
ตามที่เรียนมา ถือว่า บาปค่ะ ยิ่งใช้วิธีฉีดยา ทานยา โดยเฉพาะการทำหมันด้วยแล้ว บาปหนักเลยเชียวค่ะ
และไม่แน่ใจว่า เข้าใจถูกหรือป่าว ดูเหมือนว่า ประเทศมุสลิมหลาย ๆ ประเทศที่ต้องประสบกับปัญหาความยากจนข้นแค้นค่อนข้างจะสาหัสนั้น สาเหตุหนึ่งคือ ไม่มีการควบคุมประชากร เพราะการคุมกำเนิดไม่เป็นที่ยอมรับนั่นเอง
อันนี้ต้องเอาหลักธรรมมาอ้างแล้วละครับ..
ของมุสลิม พอดีมีลักษณะบทคำสอนการตีความของเหล่าสาวกด้วย แต่ก็ต้องยกบทคำสอนนั้นมาอ้างครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #42 เมื่อ: 25-08-2007, 20:53 » |
|
สำหรับเรื่องนี้นั้น เกิดความขัดแย้งระหว่าง หลักความเชื่อทางศาสนา กับหลักการแพทย์ อย่างเห็นได้ชัดค่ะ ก็มีคนโสดที่ไม่รุ่มร้อนทางเพศได้เช่นกันครับ ดังนั้นหลักการแพทย์เพียงจำแนกตามลักษณะที่เกิดและพบได้..
หลักศาสนาพิจารณาจากลักษณะของจิตใจ มิใช่กลไกอัตโนมัติของร่างกายตามที่คนทั่วไปเข้าใจกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #43 เมื่อ: 25-08-2007, 20:59 » |
|
อ่านและตีความการตีความให้ดีครับพระคัมภีร์ไม่ได้กล่าวถึงปัญหาการคุมกำเนิด คริสตศาสนาอาศัยหลักคำสอนที่อยู่ในพระคัมภีร์ และประสบการณ์ของคริสตชนตลอดมา บอกเราว่า เพศสัมพันธ์มิได้มุ่งแต่การบังเกิดบุตร แต่เป็นการช่วยหล่อเลี้ยงความรักด้วย พระศาสนจักรเตือนเราว่า ให้ระลึกถึงศักดิ์ศรีของคู่สมรสที่รักกันด้วยการอุทิศตัวแก่กันและกัน ฉะนั้น การทำหมัน การใช้ยา หรือเครื่องมือเพื่อคุมกำเนิดมักเป็นการแสดงความเห็นแก่ตัว ไม่เป็นการเคารพต่อคู่สมรส และในที่สุด อาจเป็นการทำลายความรักต่อกัน แต่คนที่ต้องจำกัดจำนวนบุตรควรจะทำอย่างไร ตามหลักโดยทั่วไป ควรใช้วิธีที่ไม่ฝืนธรรมชาติ ส่วนผู้ที่ต้องการความรู้ในเรื่องนี้ให้ติดต่อไปที่ศูนย์ส่งเสริมชีวิตครอบครัวประจำมิสซังของตน ที่นั่นมีเจ้าหน้าที่ยินดีให้คำปรึกษา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #44 เมื่อ: 25-08-2007, 21:18 » |
|
ก็มีคนโสดที่ไม่รุ่มร้อนทางเพศได้เช่นกันครับ ดังนั้นหลักการแพทย์เพียงจำแนกตามลักษณะที่เกิดและพบได้..
หลักศาสนาพิจารณาจากลักษณะของจิตใจ มิใช่กลไกอัตโนมัติของร่างกายตามที่คนทั่วไปเข้าใจกัน
เข้าใจค่ะ พอดีเขียนไม่ครบ หมายถึง ความขัดแย้งต่อการตอบสนองที่เกิดขึ้น ระหว่างหลักการทางศาสนาและหลักการทางการแพทย์ ทางการแพทย์บอกว่าไม่เป็นไร เป็นเรื่องธรรมชาติ เพียงแต่มีข้อแนะนำว่า หนึ่ง สอง สาม...ส่วนหลักการทางศาสนานั้นตรงกันข้าม ถ้าละเมิดข้อห้ามที่กำหนดไว้โดยพระศาสนจักร หรือตามหลักข้อเชื่อ ถือว่า บาป อ่านและตีความการตีความให้ดีครับ
ส่วนตัวเม่ยเอง เรียนในชั้นเรียนกับคุณพ่อบาทหลวง และมิชชันนารี ทั้งเคยไปมิสซา และนมัสการ ประจำมาแล้วค่ะ ใช่ค่ะ ปัญหาอยู่ที่ "การตีความ" แค่ในสมัยปัจจุบัน ก็ตีความแตกต่างกัน ยิ่งถ้าเปรียบเทียบกับการตีความในสมัยก่อน หลายเรื่องแตกต่างกันแน่นอนโดยมีความรู้ความก้าวหน้าทางวิชาการสาขาต่าง ๆ ส่งผลและมีอิทธิพลอย่างสูงทำให้ความเชื่อเดิม ๆ หลายอย่างนั้นต้องปรับเปลี่ยนไป แต่บางคนยังคงอนุรักษ์นิยมค่อนข้างสุดโต่ง หรือบางคนก็เสรีนิยมเกินไป จึงมีความขัดแย้ง และความไม่เข้าใจกันอยู่เสมอ ขอตัวแล้วนะคะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2007, 21:22 โดย aiwen^mei »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #45 เมื่อ: 25-08-2007, 21:25 » |
|
เข้าใจค่ะ พอดีเขียนไม่ครบ จะหมายถึง ความขัดแย้งต่อการตอบสนองระหว่างหลักการทางศาสนาและหลักการทางการแพทย์
การหาความสุขทางเพศอย่างถูกต้องเหมาะสมตามธรรมชาติหรือหลักการทางการแพทย์
ยืนยันว่าเป็นคนดี ไม่บาปครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อธิฏฐาน
|
|
« ตอบ #46 เมื่อ: 25-08-2007, 21:34 » |
|
การหาความสุขทางเพศอย่างถูกต้องเหมาะสมตามธรรมชาติหรือหลักการทางการแพทย์
ยืนยันว่าเป็นคนดี ไม่บาปครับ
สำหรับสตรีอิสลามบางกลุ่ม เขายังด้อยโอกาสในเรื่องนี้อยู่ค่ะ แต่อิสลามที่ได้มาเรียน และก็ได้ทำงานอยู่ข้างนอกเขาคงไม่ยอมให้มีบุตรเยอะหรอกค่ะ เพราะเป็นอุปสรรคในการทำงาน และคงไม่ยินยอมให้สามีมีภรรยาได้ถึง 4 คน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #47 เมื่อ: 25-08-2007, 21:38 » |
|
สำหรับสตรีอิสลามบางกลุ่ม เขายังด้อยโอกาสในเรื่องนี้อยู่ค่ะ แต่อิสลามที่ได้มาเรียน และก็ได้ทำงานอยู่ข้างนอกเขาคงไม่ยอมให้มีบุตรเยอะหรอกค่ะ เพราะเป็นอุปสรรคในการทำงาน และคงไม่ยินยอมให้สามีมีภรรยาได้ถึง 4 คน
เรื่องจำนวนภรรยาของอิสลามผมไม่แน่ใจครับ ปัจจุบันไม่ควรจะยึดถืออ้างอิงจำนวนอย่างเคร่งครัดแล้ว
เพราะการดูแลภรรยาและบุตรจำนวนมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายและสะดวกสบายแต่อย่างใด..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #48 เมื่อ: 25-08-2007, 21:45 » |
|
หากหญิงใด ไม่คิดจะยอมรับเชื่อฟัง และปรนนิบัติสามี ก็ต้องไม่รับชายนั้นเป็นสามีและหรือมีเพศสัมพันธ์ด้วยครับ..
ปัญหาต่างๆก็จะไม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #49 เมื่อ: 25-08-2007, 21:49 » |
|
การมักมากในกามเกินความเหมาะสมไม่ต่างอะไรจากความโลภที่ไร้ขอบเขต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|