ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
26-12-2024, 04:07
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  คนอีสาน – คนใต้ คู่ตรงกันข้ามบนแผ่นดินเดียวกัน...(ทำไมคนใต้จึงใจดำสำหรับคนอีสาน? 0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] 2
คนอีสาน – คนใต้ คู่ตรงกันข้ามบนแผ่นดินเดียวกัน...(ทำไมคนใต้จึงใจดำสำหรับคนอีสาน?  (อ่าน 44164 ครั้ง)
isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« เมื่อ: 22-08-2007, 10:36 »



ในฐานะคนใต้คนหนึ่ง ที่คลุกคลีกับคนอีสานชนิดกอดคอกินเหล้ามาด้วยกัน ทั้งในประเทศ ทั้งต่างประเทศ
ขอเสนอความเห็นในมุมมองของผมก็แล้วกันว่าในสายตาของคนใต้อย่างผม คนอีสานเป็นอย่างไร...

ข้อดีของคนอีสานที่ผมเห็น ก็คือความมีน้ำใจที่เหลือเฟือ ผมเคยเห็นกุ๊กอีสานที่ญี่ปุ่น ให้ที่พักพิง เลี้ยงอาหารแก่เด็กไทยที่ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นที่โน่นแต่ติดต่อวีซ่าไม่ผ่าน (ไปวีซ่าท่องเที่ยว กะไปเปลี่ยนเอาที่โน่น...เด็กมันโง่) ทั้งๆที่ไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรกัน ซึ่งถ้าเป็นผมเอง ซึ่งถือว่าเป็นคนใต้คนหนึ่งที่มีน้ำใจมากแล้ว ก็คงไม่ช่วยถึงขนาดนั้น อย่างมากก็ควักเงินช่วยไปก็เต็มที่แล้ว อีกอย่าง คนอีสานส่วนใหญ่ที่พบเป็นคนซื่อๆ พูดจาอะไรตรงไปตรงมา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม คบหาพูดคุยสบายใจได้ ผมเองแม้จะเรียนชั้นปริญญา แต่ก็สามารถจะกอดคอเป็นเพื่อนกับกุ๊กที่จบชั้นป.4 ได้อย่างสะดวกใจ และสนุกด้วย

อีกอย่างคือคนอีสานเป็นคนรักสนุก เรื่องเฮฮาปาร์ตี้ไม่มีใครเกิน ตรงนี้แหละที่เป็นทั้งส่วนดีและส่วนเสีย ไม่เคยมีแม้แต่วันเดียวที่คนอีสานที่ผมไม่รู้จักจะไม่ตั้งวงกิน-ดื่ม เรื่องพนันกันก็เป็นอีกอย่างที่แทรกซึมชนิดเข้ากระดูกทีเดียว แม้แต่อุณหภูมิแต่ละวันก็ยังยกมาเป็นเรื่องพนันขันต่อกันได้ นิดๆหน่อยกินเงินกันสักห้าร้อยสักพันเยนก็ขอให้มี ตรงนี้แหละที่ทำให้คนอีสานกลายเป็นพวกตำข้าวสารกรอกหม้อ หาเงินได้มาก็หมดไปกับความสนุก
เวลาที่คุณไปเมืองนอก คนไทยกลุ่มแรกที่คุณจะพบก็มักจะเป็นคนอีสานนี่แหละ ที่เป็นนักรบแรงงานไปอยู่ทั่วประเทศ หรือแม้แต่ทั่วโลก

ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ จริงๆแล้วคนอีสานเป็นพวกที่ทิ้งถิ่นมากกว่าคนภาคอื่นๆ เป็นคนที่มีโอกาสเข้าถึงเงินมากกว่า และไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แต่คนที่ไปเมืองนอกนั้นได้จับเงินแสน เงินล้าน ที่คนใต้เองแม้จะเป็นคนจบปริญญาก็ยังยากจะฝันถึง และคนที่ไปก็นับแสนนับล้าน กระจายอยู่ทั่วโลก ขัดแย้งกับมุมมองของเหล่านักวิชาการที่ว่าคนอีสานเข้าไม่ถึงทรัพยากร แต่ทำไมคนอีสานถึงไม่รวยสักที

แล้วผมก็มาถึงอีกตัวแปรหนึ่ง นั่นคือการพึ่งพิงกันอย่างสูงของสังคมอีสาน ขณะที่คนใต้ในน้ำมีปลาในนามีข้าว อยู่กับเศรษฐกิจพอเพียงมาแต่ไหนแต่ไร คนที่อดตายก็คือคนขี้เกียจ คนใต้จึงค่อนข้างจะเหยียดหยาม "คนที่ขอเขากิน" แต่ในสังคมอีสานที่แร้นแค้นในอดีต คนที่มี จะต้องแบ่งปันให้กับคนที่ไม่มี จนกลายเป็นหน้าที่ จนแม้แต่ปัจจุบันที่สังคมอีสานไม่ได้ยากจนอย่างเดิม แต่แนวความคิดนี้ยังฝังรากแน่นอยู่กับสังคมอีสาน

ในครอบครัวคนอีสาน คนที่เป็นพี่ใหญ่ จะต้องเป็นที่พึ่งพิงของน้องๆ บางครั้งครอบครัวน้องๆแม้จะมีฐานะกันแล้ว โตๆกันไปแล้วก็ยังมาอาศัยบ้านพี่กันพะรุงพะรัง หรือมาหยิบยืมเงินกันตามชอบใจโดยไม่หรือคนที่ฐานะดีที่สุดในกลุ่มครอบครัวนั้น ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจว่าจะต้องโดนเหล่าญาติฝ่ายเมียมาขอมีเอี่ยวอีรุงตุงนัง ไม่เว้นแม้แต่คนต่างถิ่น เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยว่าเงินที่ได้มา ไม่ว่าจะเป็นการไปทำงานต่างประเทศ ถูกหวย รวยล็อตเตอรี่ จะหมดเกลี้ยงไปในเวลาอันรวดเร็ว และไม่ต้องสงสัยว่าทำไมคนอีสานถึงได้นิยมการมีสามีฝรั่งนัก
แต่สำหรับคนใต้ที่เน้นการพึ่งตัวเองแล้ว การหยิบยืมกันแม้ในวงเครือญาติก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องเกรงใจกัน คนที่ขอเขากินอยู่ร่ำไปคือคนที่น่ารังเกียจ สะใภ้อีสานจึงเป็นที่เข็ดขยาดในหมู่คนใต้ ขณะเดียวกัน เขยหรือสะใภ้คนใต้ก็ถูกกล่าวขวัญในวงคนอีสานว่า – ใจดำ

ผมเคยเจอประสบการณ์คล้ายๆกันนี้กับลูกน้องอีสานคนหนึ่ง ซึ่งพ่อมันเป็นพี่ใหญ่ของครอบครัว และถูกมะรุมมะตุ้มโดยเหล่าญาติๆ ผมเคยให้ลูกน้องคนนี้ยืมเงินไปเกือบ 3 หมื่นแล้ว และตัดสินใจว่าจะไม่ให้ยืมอีก แต่มันเกิดป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล แม้จะใจดำตามประสาคนใต้ ผมก็ทำใจไม่ได้ที่จะปล่อยให้ใครตายทั้งๆที่มีโอกาสช่วย ก็เลยให้ยืมไปแปดพันห้า สัญญากันว่าจะคืน นัดวันกันเรียบร้อย แต่แล้วก็เบี้ยว ผมก็ทำใจแล้ว แต่จู่ๆลูกน้องคนนี้ซึ่งหายแล้ว ก็โทรมาขอยืมเงินผมเพื่อเอาไปทำคลอดเมีย สี่หมื่น... อืมม์...ลองคิดดูก็แล้วกัน ผมก็เลยสวมวิญญาณคนใต้ใจดำ ด่าไปซะหนึ่งกระบุงโกย ...ทั้งๆที่บ้านมีทีวี มีรถปิคอัพ แต่ยืมเงินคนที่ไม่ใช่ญาติได้หน้าตาเฉย ...ถ้าเป็นคนใต้ ปกติแล้วก็ต้องดิ้นรนจำนำทีวี จำนองรถ ก่อน...ถ้าจู่ๆมายืมกันแบบนี้ ถือว่ายอดแย่แล้วด้วยมาตรฐานคนใต้ และนี่ไม่ใช่ประสบการณ์ครั้งเดียวของผมกับคนอีสาน

ผมก็เลยซตพ.ได้ว่าด้วยการหวังพึ่งพิงที่ฝังอยู่ในวัฒนธรรมของคนอีสานนี่เอง ที่ทำให้คนที่เป็นผู้มีอำนาจ ผู้มั่งมีในสังคม จะต้องกอบโกยใส่ตัวเองตลอดเวลา เพื่อให้บริวารพึ่งพิงได้ ต่อให้เป็นคนดีแค่ไหน หากไม่มีทรัพยากรให้ผู้อื่นพึ่งพิงก็ไร้ค่าในสังคมอีสาน เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมนักการเมืองอีสาน ถึงเป็นเช่นนั้น ในเมื่อรากฐานของสังคมมันก็เป็นลักษณะที่ขึ้นอยู่กับการพึ่งพิงเช่นนั้น และในอดีตหลายๆปีที่ผ่านมา ผมเห็นทรัพยากรเท่าไหร่ที่ทุ่มลงไปที่อีสานในทุกรัฐบาล มากกว่าที่ทุ่มให้กับภาคอื่นๆ ทั้งๆที่เสียภาษีน้อยที่สุด แต่ก็เหมือนฝนในดินอีสาน วูบหายๆ อีสานมีซูเปอร์ไฮเวย์สายมิตรภาพก่อนภาคอื่นๆ  อีสานมีคนทิ้งถิ่นที่ออกมาหากินในกรุงเทพฯ ส่งเงินกลับชนบทมากกว่าภาคอื่นๆ อีสานมีเขยฝรั่งมากกว่าภาคอื่นๆ...แต่ทำไมภาคอีสานถึงยังยากจน...ทำไปนักวิชาการหอคอยงาช้างทั้งหลายถึงยังออกมาพ่นไม่หยุดว่าภาคอีสานเสียเปรียบๆๆๆ

สำหรับคนใต้ ส่วนหนึ่งที่คนปฏิเสธทักษิณถึงขนาดเกลียดเข้าไส้ ก็คือท่าทีการวางตัวของทักษิณ ที่เห็นเงินเป็นพระเจ้า ดูถูกคนไปทั่ว คนใต้ให้เกียรตินักปราชญ์ นักศึกษา ที่จะเป็นปากเป็นเสียงให้พวกเขาได้ ที่จะมาช่วยคานอำนาจส่วนกลางที่เขาเรียกว่า "พวกนาย"  แต่ไม่สนใจเศรษฐี เพราะไม่เคยหวังเศษเงินใคร และไม่มีอะไรกระตุ้นต่อมหมั่นไส้คนใต้ได้เท่ากับพวกบ้าเงิน บ้าวัตถุ ที่แม้จะเป็นคนใต้ด้วยกันก็ไม่ยอมรับ ก็ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมในอดีตเด็กใต้จึงเป็นที่เกลียดชังของคนกรุงนัก และทำไมเด็กใต้จึงเป็นเด็กฮาร์ด แทนที่จะเป็นเด็กบูติก
ภาษาใต้มีคำว่า "โอ้รด" ที่หมายถึงคนอวดมั่งอวดมี และหากใครไปทำแบบนี้ที่ปักษ์ใต้ ถ้าแบ็คไม่แน่นจริงก็คงอยู่ได้ไม่นานหรอก เศรษฐีปักษ์ใต้เค้าทำตัวโลว์โปรไฟล์ครับ ไม่กร่างเหมือนไอ้เหลี่ยมหรอก

การเมืองสำหรับคนใต้ก็คือการส่งตัวแทนที่เป็นนักปราชญ์ในท้องถิ่นขึ้นมาทำงานเพื่อประเทศ เป็นหน้าเป็นตาให้กับท้องถิ่น คุณไม่จำเป็นต้องไปสูบทรัพยากรของประเทศมาให้เราหรอก เรามีปัญญาหากินกันเองได้ แม้แต่สมัยที่ใต้โดนวาตภัยตอนปี 2505 คนนครฯ นับพันขึ้นไปหักร้างถางพงบุกเบิกเมืองใหม่แถวชุมพร ตั้งตัวกันเอง ไม่เคยคิดจะพึ่งส่วนกลาง

และสำหรับใครที่ยังโง่อยู่ ปักษ์ใต้ก็คือคนไทยดั้งเดิมที่พูดภาษาไทยดั้งเดิม ไม่ใช่คนเชื้อสายมลายูสี่จังหวัดภาคใต้ และปักษ์ใต้อยู่กับประเทศไทยมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ไม่ได้มารวมสมัยร.5 อย่างที่อื่น ไอ้คนที่บอกว่าคนใต้จะแยกดินแดนน่ะ โดนเตะปากแก้โง่มานักต่อนักแล้ว และคอมฯ ใต้ก็มีโว้ย แต่เป็นคอมฯ ที่สู้กับ "นาย" จากภาคอื่นที่มากดขี่ขูดรีด ตามคติ "ไม่รบนาย ไม่หายจน"  ไม่ใช่คอมฯ ปัญญาอ่อน ที่ไปแจมกับพวก "ผีบุญ" เพราะหวังจะได้แชร์ทรัพยากรร่ำรวยกับเขาในอนาคตหรอกนะ

 
บันทึกการเข้า
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #1 เมื่อ: 22-08-2007, 10:45 »

 
บันทึกการเข้า
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #2 เมื่อ: 22-08-2007, 12:17 »

ผม เป็นคนหนึ่งที่ได้คลุกคลีอยู่กับคนใต้ ตั้งแต่เด็กจนโต

สมัยเด็กๆ ผมชอบไปเล่นกะเพื่อนข้างบ้าน และ กะลุง (สงขลา) กะป้า (นครศรี) ข้างบ้าน จะเรียกว่าไปขอข้าวเขากินก็ได้ ผมชอบขนมจีนน้ำยาใต้มาก สีเหลืองๆ อร่อยมาก ปัจจุบันนี้ผมก็ยังชอบกินอยู่
เพื่อนผมคนนี้ จ๊าบมาก เป็นพวก Tri-lingual พูดได้ทั้ง ไทย ใต้ ลาว
ผมเองก็ได้เรียนรู้ภาษาใต้แต่เยาว์วัย แถมฟังออกด้วย ศัพท์ใต้ที่ชอบๆก็มี เช่น เจ็บวาน หร๋อยอย่างแรง เป็นต้น

มาเรียนต่อที่กรุงเทพ มาเรียนที่พระจอมเกล้าลาดกระบัง ผมก็เจอแต่คนใต้
ไปทำงานก็เจอแต่คนใต้ เจ้าของบริษัทเป็นคนนครศรี สามีแกเป็นผู้บริหารตัวเป้งๆของสหยูเนี่ยนอีก อริทักษิณทั้งนั้น
หัวหน้างานก็นครศรี พนักงานก็นครศรี ตรัง พัทลุง

ผมโชคดีจัง ที่ AIS โกงบิลค่าโทรผม ทำให้ผมพาลเกลียดไอ้หน้าเหลี่ยมมาตั้งแต่ก่อนมันสมัครนายกสมัยแรก

สรุปง่ายๆครับ อุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน ทำให้อีสานกับใต้ ไม่เข้ากันอย่างแรงครับ
 
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
สมปอง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,128



« ตอบ #3 เมื่อ: 22-08-2007, 12:47 »

สมปองเป็นคนใต้

ตอนไปเรียนที่กรุงเทพฯ สมปองก็คบคนอีสานทั้งนั้น ไม่ว่าร้อยเอ็ด ชัยภูมิ อุบลฯ

ไม่เห็นว่าเค้าจะรู้สึกว่าเราใจดำเลย

เพียงแค่เราจริงใจกับเค้า มอบมิตรภาพที่แท้จริงให้

มิตรภาพนั้นไร้พรมแดนครับ ถ้าเรามีความจริงใจให้กัน คนภาคไหนๆก็รักกันได้
บันทึกการเข้า



ไม่มีดินผืนใดให้ไออุ่น เท่ากับดินที่คุณถือกำเนิด
ไม่มีดินผืนใดดูมั่นคง เท่ากับดินที่ลงสำมะโนครัว
ไม่มีดินผืนใดให้คุณเดิน เท่ากับดินที่คุณเดินตอนตั้งไข่
ไม่มีดินผืนใดมีความหมาย เท่าแผ่นดินสุดท้ายของเผ่าพันธุ์

ไม่มีเงินไม่มีทองยังไม่หมองเศร้า
มีแผ่นดินปลูกข้าวเราอยู่ได้
ไม่มีเงินไม่มีทองค่อยหาใหม่ บนแผ่นดินสุดท้ายของไทยทุกคน
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 22-08-2007, 13:06 »

การเมืองเรื่องภาคนิยม มันเพิ่งมีมาประมาณ 20-30 ปีนี่เอง

จะว่าไปก็เริ่มมาตั้งแต่สมัย สะตอสามัคคี จนพรรคแตก

นักการเมืองอีสาน เมื่อก่อนก็มี ปชป. เยอะมาก

ตัวดัง ๆ หัวหน้าก๊วนทั้งหลาย ก็ล้วนแล้วแต่ ปชป. เก่าทั้งนั้น

แต่หลัง ๆ มานี่ เมื่อฝ่าย ปชป. เล่นภาคนิยม ฝ่ายการเมืองอีสานก็ต้องรวมตัวเป็นฝ่ายตรงกันข้าม

ไม่มีอะไรหรอก มันเรื่องการรวมตัวเพื่อผลประโยชน์ของภาคนั่นแหละ

ส่วนเรื่องนิสัยหรือทัศนคติของพื้นถิ่นก็มีถูกบ้างผิดบ้าง ไม่ว่ากัน มันแล้วแต่ว่าผู้พูดไปเจออะไรมา


อย่างที่บอกนั่นแหละ เหนือกับอีสานรวมกัน ก็กินได้ทั้งประเทศ เหมือนทักษิณนั่นแหละ
บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #5 เมื่อ: 22-08-2007, 13:53 »

การเมืองเรื่องภาคนิยม มันเพิ่งมีมาประมาณ 20-30 ปีนี่เอง

จะว่าไปก็เริ่มมาตั้งแต่สมัย สะตอสามัคคี จนพรรคแตก

นักการเมืองอีสาน เมื่อก่อนก็มี ปชป. เยอะมาก

ตัวดัง ๆ หัวหน้าก๊วนทั้งหลาย ก็ล้วนแล้วแต่ ปชป. เก่าทั้งนั้น

แต่หลัง ๆ มานี่ เมื่อฝ่าย ปชป. เล่นภาคนิยม ฝ่ายการเมืองอีสานก็ต้องรวมตัวเป็นฝ่ายตรงกันข้าม

ไม่มีอะไรหรอก มันเรื่องการรวมตัวเพื่อผลประโยชน์ของภาคนั่นแหละ

ส่วนเรื่องนิสัยหรือทัศนคติของพื้นถิ่นก็มีถูกบ้างผิดบ้าง ไม่ว่ากัน มันแล้วแต่ว่าผู้พูดไปเจออะไรมา


อย่างที่บอกนั่นแหละ เหนือกับอีสานรวมกัน ก็กินได้ทั้งประเทศ เหมือนทักษิณนั่นแหละ


แต่ลักษณะประจำภาคก็มีผลนะครับ ลุงแคน กับภาพโดยรวมของการเมืองท้องถิ่น
อย่างเลือกตั้งครั้งที่สองของทักษิณ ที่ไทยรักไทยแทบไม่ได้เสียงในภาคใต้เลย
คนอีสานเองก็ยากจะเข้าใจว่าทำไมนโยบายประชานิยมที่ทักษิณทุ่มลงไปจึงไม่ส่งผล
อะไรกับภาคใต้เลย และยากจะเข้าใจว่าทำไมเงินในการเมืองถึงเป็นของแสลงสำหรับภาคใต้

ขณะเดียวกันคนภาคใต้ก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมถ้อยคำทำนองว่า "รักทักษิณ เพราะทักษิณมีเงินให้ใช้"
ถึงหลุดออกมาจากปากใครได้ ซึ่งสำหรับคนปักษ์ใต้ คำพูดแบบนี้มันแทบไม่มีศํกดิ์ศรีมนุษย์เอาเสียเลย

หรืออย่างนโยบาย "รับเงินมาแต่ไม่กาให้" สำหรับคนอีสานแล้วฟังเหมือนการขี้โกง อย่างที่คุณใบไม้ทะเลบ่นน้อยใจ
แต่ขณะสำหรับคนใต้แล้ว มันคือการสั่งสอน เพราะจริงๆแล้วเขาไม่ได้ต้องการเงินสกปรกนั้นสักนิด
แต่ที่รับไว้ ก็เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะได้แจกจนหมดทุน และเมื่อไม่ได้รับเลือก ก็จะไม่มีโอกาสมาถอนทุน ก็จะหมดทางมาเล่นการเมืองอีก
ก็เท่ากับเป็นการกำจัดนักการเมืองชั่วๆให้ประเทศอีกแรง

หรือที่หลายๆคนหาว่าภาคใต้หลงใหลประชาธิปัตย์ แต่ผมมองว่านี่เป็นการสร้างแบรนด์ มากกว่าตัวบุคคล
และแบรนด์ประชาธิปัตย์ก็เป็นอะไรที่เชื่อถือได้ เมื่อเทียบกับพรรคการเมืองอื่น และอดีตที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้ว
ว่าถึงประชาธิปัตย์จะไม่ใช่ตัวเลือกที่สุด แต่ก็เลวน้อยที่สุด และยังเชื่อได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับแบรนด์ชั่วคราวอื่นๆ
ที่มาเสนอให้ ซึ่งผมคิดว่านี่แหละเป็นการเมืองที่เป็นสากลที่สุดแล้ว และเป็นมาตรฐานที่สุด

คนเลือกตั้งที่ไม่หวังพึ่งนักการเมือง จะทำให้กิจกรรมพรรคมีมูลค่าถูกลง ทำให้นักการเมืองทำงานได้สะดวกขึ้น
ขณะเดียวกันชาวบ้านก็สามารถตรวจสอบพรรคการเมืองได้เต็มปากเต็มคำและอย่างมีศักดิ์ศรีเพราะไม่มีเอี่ยว
ขณะที่พรรคการเมืองที่ถูกหวังผลประโยชน์จากคนพื้นถิ่น จะทำให้ภาษีสังคมของนักการเมืองสูงขึ้น
และแทนที่จะทำงานระดับชาติ ก็กลายเป็นต้องเอาใจท้องถิ่นแทน จนถึงขั้นสุดก็คือการสูบทรัพยากร
จากทั้งชาติลงไปให้ท้องถิ่นเดียว ไม่ว่าจะเป็นกรณ๊บรรหารบุรี หรืออื่นๆที่เจอกันมา

...ผมก็เลยรังเกียจคำถามที่ว่า ประชาธิปัตย์ให้อะไรคนใต้บ้าง... ฟังเหมือนคนถามไม่มีวุฒิภาวะทางการเมือง
เราเลือกสส.มาเพื่อทำงานระดับชาติ ถ้าในระดับท้องถิ่นก็มีเทศบาลดูแลอยู่แล้ว
ถ้าความคิดคนไทยยังจมปลักอยู่แค่การเมืองท้องถิ่น... แล้วเราจะสู้ประเทศอื่นในเวทีโลกได้ยังไง

 
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 22-08-2007, 14:05 »


......................

...ผมก็เลยรังเกียจคำถามที่ว่า ประชาธิปัตย์ให้อะไรคนใต้บ้าง... ฟังเหมือนคนถามไม่มีวุฒิภาวะทางการเมือง
เราเลือกสส.มาเพื่อทำงานระดับชาติ ถ้าในระดับท้องถิ่นก็มีเทศบาลดูแลอยู่แล้ว
ถ้าความคิดคนไทยยังจมปลักอยู่แค่การเมืองท้องถิ่น... แล้วเราจะสู้ประเทศอื่นในเวทีโลกได้ยังไง

 

ตั้งแต่อ่านมา ผมชอบประโยคนี้มากที่สุดเลยครับ

เห็นด้วยอย่างแรง 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
samepong(ยุ่งแฮะ)
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,402



« ตอบ #7 เมื่อ: 22-08-2007, 14:38 »

ถูกใจ เด็กใต้อย่างแรงนิ
บันทึกการเข้า

เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #8 เมื่อ: 22-08-2007, 14:40 »

ถูกใจ เด็กใต้อย่างแรงนิ

หร๋อยอย่างแรงเลย แหม่นบ่ ?
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 22-08-2007, 14:46 »

หร๋อยอย่างแรงเลย แหม่นบ่ ?

  แบ่งแยกสายพันธุ์ไม่ออกแฮะ 


 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
cameronDZ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,827


my memory


« ตอบ #10 เมื่อ: 22-08-2007, 14:51 »

ภาษิตใต้คำนึง บอก "ไม่รบนาย ไม่หายจน"
น่าจะบ่งบอกอุปนิสัย  ยอมหัก ไม่ยอมงอ ของคนใต้ ได้ระดับหนึ่ง

ส่วนภาษิตอีสาน ออกไปทางตรงข้าม หลายภาษิตอยู่ (ผมขี้เกียจค้นอะ เพราะคนอีสาน ขี้เกียจ  Mr. Green Mr. Green)
แต่อนุมานรวม ๆ ได้ว่า คนอีสาน ยืดหยุ่น ประนีประนอม เพื่อความอยู่รอดในโลกของความเป็นจริง มากกว่า

แต่ที่น่าแปลก ฉงนฉงาย มาก คือ
แล้วทำไม วันเสียงปืนแตก จึงมาเกิดที่อีสาน
และตามมาด้วย คนอีสาน เข้าป่า มากมาย ต่อสู้กับอำนาจรัฐอย่างดุเดือด รุนแรง แบบไม่ยอมก้มหัวให้เด็ดขาด
อย่างขัดกับภาพลักษณ์คนอีสานที่ว่า หัวอ่อน ไม่สู้นาย
บันทึกการเข้า

ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา
จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย
...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ...
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก
...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #11 เมื่อ: 22-08-2007, 16:15 »

อันนี้เป็นข้อสันนิษฐานของผมนะครับ คุณใบไม้ฯ อาจจะไม่ถูกเสียทีเดียว

พื้นที่แถบอีสานนั้น ตรงนั้นเชื่อมโยงกับการเมืองส่วนกลางมาตั้งแต่ยุคเสรีไทย
บุคคลระดับผู้นำที่นั่นอย่างนายเตียง ศิริขันธ์ หรือคนระดับรัฐมนตรีถูกการเมือง
ส่วนกลางเล่นงานจนถึงตาย ทำให้มีบุคคลระดับผู้นำจำนวนมากที่หนีเข้าป่า
ทำให้คนที่โดนพิษการเมืองเล่นงานยุคหลังๆส่วนใหญ่ก็จะหนีเข้าป่าไปทางนั้น
พื้นที่ป่าอีสานเลยกลายเป็นศูนย์รวมของผู้ต่อต้านอำนาจรัฐระดับผู้นำ

นอกจากนี้ภาคอีสานยังติดกับประเทศลาว กัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่คอมมิวนิสต์
แพร่อิทธิพลเข้ามา กองทหารของอเมริกาก็ตั้งอยู่ที่อุบล อุดร ดังนั้นประชาชนไม่รู้อิโหน่อิเหน่
อีสานจึงได้รับผลกระทบอย่างเต็มๆ จากการปราบคอมฯ สไตล์ ปราบให้ราบ เผาให้หมด
ของทหารยุคนั้น ต่อให้ไม่คิดสู้ก็ต้องสู้ล่ะครับ ประกอบกับการปลุกระดมอย่างมีระบบของคอมฯ
อีสานเลยกลายเป็นสนามรบทางอุดมการณ์
ที่รุนแรงที่สุดไป

อีกอย่าง การเมืองของทางอีสาน จะไม่ใช่ลักษณะปัจเจก แต่เป็นลักษณะม็อบจัดตั้งที่มีผู้นำ
จึงจะมีกิจกรรมขึ้นได้ ในอดีตเราจะพบว่าม็อบในลักษณะ กบฎผีบุญ มีบ่อยมาก
ในภาคอีสาน แม้ในปัจจุบัน เราก็จะเจอม็อบจัดตั้งของอีสานบ่อยที่สุด

ขณะที่คนใต้ จะมีลักษณะของปัจเจกชนชั้นกลาง คล้ายๆกับคนกรุง
ก็คือมาเพราะต้องการมา สู้เพราะต้องการสู้ด้วยตัวเอง ม็อบจึงเป็นม็อบมีเจ้าภาพ
หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไป คอมฯ ใต้ จึงมีลักษณะเหมือนโรบินฮู้ดเสียมากกว่า
ที่จะเป็นคอมฯ จัดตั้ง

ก็แค่ความคิดเห็นของผมนะครับ คนอื่นว่าไงก็แย้งได้...

 
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 22-08-2007, 17:11 »

สมัยเรียนมหาลัยผมก็มีเพื่อนคนใต้หลายคนนะครับ คบได้จริงใจมาก คนอีสานในกลุ่มก็หลายคน สรุปนะครับในกลุ่มผมเนี่ยมีทั้งอีสาน ใต้ เหนือ กลางเลยล่ะครับ แต่ที่แย่สุดเท่าที่ดูน่าจะเป็นคนเหนือนะครับ(เท่าที่เห็นมา) จะเข้ากับเพื่อนภาคอื่นได้น้อยกว่าคนอีสานหรือคนใต้อีก เท่าที่เห็นคนอีสานกับคนใต้ไปกันได้ดีครับผม

บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #13 เมื่อ: 22-08-2007, 17:34 »

คนใต้เขาเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเจ้าหน้าที่รัฐกังฉินมาตลอด
"ไม่รบนาย ก็ไม่หายจน" ตามที่คุณใบไม้เปลี่ยนสีบอกนั่นแหละ...ใช่เลย
  นายหนังตะลุงคนไหน สามารถเสียดสีนักการเมืองหรือข้าราชการได้อย่างแทงใจดำ
จะกลายเป็นที่นิยมของคนใต้ไปทันที
  ที่คนใต้รู้เรื่องการบ้านการเมืองมาก ก็สืบเนื่องมาจาก สังคมในภาคใต้มีสภากาแฟ
ที่นั่นก็เปรียบเสมือนสภาย่อยๆนั่นแหละครับ มีทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ปะทะคารม
กันแบบถึงพริกถึงขิง ถึงขั้นวางมวยกันก็มีให้เห็นบ่อยๆ
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #14 เมื่อ: 22-08-2007, 17:36 »

เข้ามาบอกว่าคุณ isa วิเคราะห์ได้ดีครับ 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
justy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,250



« ตอบ #15 เมื่อ: 22-08-2007, 18:24 »

คนอิสานขยั๊นนนน..ขยัน... น้ำใจงดงาม  ตอนไปเที่ยวทางอิสานลืมไม่ลงเลย ชาวบ้านต้อนรับดีมาก

ไปในช่วงมีงาน หมู่บ้านเขาล้มวัว บ้านโน้นก็ต้มเนื้อวัวบ้านนี้ก็ต้มเนื้อวัว  เรียกไปกินด้วยกัน ไปน่าๆไปกินด้วยกันสักมื้อ

..ประทับบบบใจแม้เป็นคนไม่กินเนื้อวัว    




บันทึกการเข้า

พรรคไทยรักไทยมิได้ให้ความสำคัญหรือเห็นคุณค่าของสิทธิเลือกตั้งของประชาชน อันเป็นรากฐานสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังแสดงถึงการไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งที่พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนสูงสุดในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นการเลือกตั้งทั่วไปก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง ควรต้องสร้างความยั่งยืนให้แก่การปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยมั่นคงกับหลักการที่ว่า กฎหมายต้องอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นข้อบ่งชี้ด้วยว่า พรรคไทยรักไทย มิได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่มุ่งพัฒนาประเทศชาติเพื่อให้คนในชาติมีความสุขทั่วหน้าดังที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ต่อประชาชนอย่างแท้จริง หากแต่มุ่งประสงค์เพียงดำเนินการในทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ นอกเหนือจากครรลองที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศตลอดจนบทกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องที่หาอุดมการณ์อันแท้จริงของพรรคให้เกิดความมั่นใจแก่ประชาชนโดยรวมว่า เมื่อเป็นรัฐบาลมีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินแล้ว จะดำเนินการปกครองโดยสุจริต ไม่ประพฤติมิชอบหรือบริหารราชการแผ่นดินโดยแอบแฝงไว้ซึ่งผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อ
bgn
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 87


« ตอบ #16 เมื่อ: 22-08-2007, 19:16 »

ประมาณที่ จขกท ว่านั่นแหละ 

แต่ผู้เฒ่าผู้แก่ชาวอีสานใจดีและอบอุ่นมากนะ


บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 22-08-2007, 19:33 »

isa 

คนอีสานกินผลงานใครเค้ายกมือไหว้ขอบคุณ

แต่คนใต้ กินไปด่าไปครับ จะว่าไปก็แค่ ภาคนิยมนั่นแหละ

ขนาดพระยังเทศน์ สี่เลนนะ สี่เลนนะ

ตั้งแต่สมัยป๋าเปรมมาแล้ว ยุคนายชวน ก็ชูป้ายเชียร์คนใต้เป็นนายก

คิดว่าคนภาคอื่นด้อยกว่าตัวเอง

พวกคนเหนือเค้าเลยย้อนศร เชียร์คนเหนือเป็นนายก

ตอนนี้ พ่อใหญ่จิ๋ว จึงถูกชูขึ้นมาอีกไงครับ

 
บันทึกการเข้า

Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #18 เมื่อ: 22-08-2007, 21:00 »

เท่าที่เห็นแถวบ้านผม คนอีสานขยันจะตายไป เช้าก็ลงทะเลวางอวนเหวี่ยงแห เที่ยงก็เอาอีก เย็นก็ต่ออีกรอบ ปัจจุบันปลาแถวนั้นแทบไม่มีเลยทั้งที่เมื่อก่อนออกจะชุกชุม
บันทึกการเข้า
isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #19 เมื่อ: 23-08-2007, 10:22 »

isa 

คนอีสานกินผลงานใครเค้ายกมือไหว้ขอบคุณ

แต่คนใต้ กินไปด่าไปครับ จะว่าไปก็แค่ ภาคนิยมนั่นแหละ

ขนาดพระยังเทศน์ สี่เลนนะ สี่เลนนะ

ตั้งแต่สมัยป๋าเปรมมาแล้ว ยุคนายชวน ก็ชูป้ายเชียร์คนใต้เป็นนายก

คิดว่าคนภาคอื่นด้อยกว่าตัวเอง

พวกคนเหนือเค้าเลยย้อนศร เชียร์คนเหนือเป็นนายก

ตอนนี้ พ่อใหญ่จิ๋ว จึงถูกชูขึ้นมาอีกไงครับ

 


อันนี้ผมว่าเป็นมายาคติเหมือนกันนะครับ (ฮิๆ ขอเถียงท่านผู้เฒ่าแคนหน่อยเถอะ)
แม้กระทั่งปัจจุบัน เวลาคนภาคอื่นนึกถึงคนใต้ ก็จะนึกถึงผู้ชายใส่หมวกแขก ผู้หญิงนุ่งผ้าปาเต๊ะ
คลุมส่าหรีทุกทีไป (คนที่แต่งมันมีแค่ 4 จังหวัดเอง)  พอมีข่าวสี่จังหวัดภาคใต้ ก็จะเหมาว่าคนใต้จะแยกดินแดน
จริงๆแล้วคนใต้เองก็เจ็บปวดจากมายาคติพวกนี้มานานเหมือนกัน

หรืออย่างที่คนใต้คิดว่าตัวเองเหนือกว่าภาคอื่น จริงๆมันก็มีพื้นฐานมาตั้งแต่อดีตเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว
สมัยที่คนกรุงยังดูถูกคนต่างจังหวัดเสียไม่มีดี คนภาคอีสานเข้ากรุงมาก็มาขายแรงงาน มาเป็นคนใช้
คนเหนือก็มีสาวเหนือมาขายตัว มาเป็นคนใช้ ก็เลยโดนคนกรุงข่มเอาได้ มีแต่คนใต้ที่จะยากจะจนยังไง
ก็ขึ้นมาเป็นเด็กวัด ขึ้นมาเรียนหนังสือ ในฐานะที่เท่าเทียมกัน ไม่ยอมให้คนกรุงข่มเอาได้
คนกรุงเทพฯในยุคโน้นถึงได้เกลียดคนใต้นัก คนใต้เองก็รำคาญคนภาคอื่น ที่ทำไมต้องไปก้มหัวปะหลกๆให้คนกรุงด้วยวะ
(กรูเลยหาแนวร่วมไม่ได้เลย) จนกระทั่งปัจจุบันที่มีคนต่างจังหวัดเข้ามาผสม
จนเปอร์เซ็นต์คนกรุงแท้ๆเหลือไม่เท่าไหร่ แนวโน้มตรงนี้ก็เลยหายไป ทุกภาคก็เลยเท่าเทียมกัน
อันนี้ยืนยันจากประสบการณ์ตรงได้เลย

ส่วนเรื่องภาคนิยมนั้นไม่แปลกหรอกครับ เพราะคนภาคเดียวกันก็ย่อมไว้ใจคนภาคเดียวกันมากกว่า
แม้แต่คนอีสานเอง เพื่อนคนอีสานของผมยังพูดเลยว่า "ไม่มีใครหลอกลาวได้หรอก มีแต่ลาวนั่นแหละ หลอกลาวด้วยกัน"
เจ็บแสบมั้ยล่ะครับ (ทุกวันนี้ลาวก็ยังหลอกลาวด้วยกันอยู่)

อย่างคนใต้แม้จะส่งประชาธิปัตย์เข้าประกวด แต่ผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องของแบรนด์
เหมือนอย่างคนที่ชอบเดโมแคร็ต ไม่มีทางจะเปลี่ยนไปชอบรีพับลิกันหรอก
แถมในประเทศไทยตอนนี้ แบรนด์อื่นนอกจากประชาธิปัตย์ก็เป็นแบรนด์ชั่วคราว
ที่ล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกิจสังคม ความหวังใหม่ ชาติพัฒนา
แล้วจะมีตัวเลือกอะไรให้คนใต้เลือกแทนล่ะครับ และนิสัยคนใต้ ยอมรับคนยาก
ต้องประเมินกันยาว ทำตลาดนาน แต่ถ้าติดตลาด แบรนด์โลยัลตี้จะสูงมาก ไม่โลเลแบบคนกรุง
แบรนด์อื่นจะเจาะตลาดต้องคิดหนักครับ อีกอย่างก็คือคนใต้บ้าเกียรติ บ้าศักดิ์ศรี แต่ไม่บ้าเงิน
มันตรงกันข้ามกับภาคอื่น คุณลงไปปักษ์ใต้ จะรู้ว่าผู้หญิงขายตัวที่เป็นคนใต้เนี่ยหาไม่ได้เลย
ถ้ามีก็ไปจากถิ่นอื่น และคนใต้น้อยคนที่จะยอมเป็นคนใช้ ภาคใต้ก็มีคนใช้นะครับ แต่
ไปอยู่เหมือนเครือญาติ และช่วยงานกันกับเจ้าของบ้าน ไม่มีลักษณะจิกหัวใช้แบบละครทีวีหรอก

ส่วนเรื่องกินผลงานไปพลางด่าไปพลาง ผมก็ว่านิสัยคนกรุงก็ไม่ต่างกันหรอก
คนชั้นกลางส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ เพราะเราถือว่าเสียภาษีส่งเค้ามาทำงาน ไม่ใช่ทำงานให้ฟรีๆ
เราก็มีสิทธิ์ด่าถ้าไม่ถูกใจ ไม่แปลกหรอกครับ ที่ไปชื่นชมทั้งๆที่ผลงานไม่เข้าขั้นต่างหาก
ที่ทำให้นักการเมืองหรือข้าราชการได้ใจ คิดว่าตัวเองเป็นนักบุญ ทำงานก็ไปทำทาน
ให้กับคนอื่น

หรือเรื่องงบประมาณที่ลงท้องถิ่น ถ้าลุงแคนเป็นนักศึกษาใต้เมื่อ 20 ปีก่อน
อย่างผม จะรู้ว่าทั้งๆที่ภาคใต้ผลิตภาษีมากมายให้ส่วนกลาง แต่ความเจริญแทบ
จะไม่ได้แตะ ขนาดนั่งรถทัวร์กลับบ้าน พอเข้าเขตชุมพรปุ๊บก็รู้แล้วว่าเข้าเขตใต้
เพราะถนนเป็นทั้งดินลูกรัง ทั้งฝุ่นทั้งควัน กลับถึงบ้านเททรายออกจากหัวได้เป็นกระหย่อม
วันดีคืนดีมีกระสุนอาร์ก้าเจาะกระจกหลังมาเป็นที่ระลึกด้วย หรือที่ปากพนังบ้านเกิดผม
ที่เคยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำใหญ่ของภาคใต้โดนวาตภัยปี 2505 จนดินเค็มหมดทั้งอำเภอ
นาล่มทำกินไม่ได้ ก็เพิ่งจะมีงบประมาณลงไปช่วยเมื่อสิบกว่าปีก่อนนี้เอง ถ้าเทียบกับงบที่ลงอีสานน่ะ
เทียบกันไม่ติดหรอก และจริงๆแล้วภาคอีสานเข้ามามีเอี่ยวกับผลประโยชน์การเมืองภาคกลาง
ตั้งแต่สมัยเสรีไทยนู้นแน่ะ ขณะที่ภาคใต้ยังเป็นเหมือนหัวเมืองประเทศราช
มีแต่ข้าราชการตัวแสบๆถูกส่งไปลง เพราะรัฐมองว่า หัวแข็ง ปกครองยาก (คนใต้ถึงได้เกลียดพวก "ข้าหลวง" นัก)
คนที่เข้าถึงผลประโยชน์ส่วนกลางจริงๆมีน้อยตัวเต็มทน (ถ้าจำไม่ผิด สฤษดิ์ก็คนอีสาน
ไม่ใช่เหรอครับ?)

ถ้าทำให้ผู้เฒ่าขุ่นเคือง ผู้น้อยความรู้ต่ำก็ขออภัยด้วยนะครับ ฮิๆ...

 
บันทึกการเข้า
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #20 เมื่อ: 23-08-2007, 10:57 »

คุณเองก็มีมายาคติเหมือนกันแหละครับ

สฤษดิ์ เป็นคนภาคกลางนี่แหละ พ่อเป็นหลวงอะไรซักอย่างนี่แหละ
แม่สฤษดิ์เลิกกับพ่อสฤษดิ์เลิกกัน

สฤษดิ์จึงต้องย้ายตามแม่ ซึ่งไปแต่งงานกับเจ้าเมืองนครพนม
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
NA-KORN
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 221


« ตอบ #21 เมื่อ: 23-08-2007, 11:21 »

ถึงผมจะไม่ใช่คนใต้ แต่ชีวิตการทำงานของผมเริ่มที่ภาคใต้ (สงขลา) เมื่อ 20 ปีก่อน ผมยังไม่ลืมนิสัยของคนใต้ถ้ารักใครรักจริง
เกลียดก็เกลียดจนไม่มองหน้าเลย ผมจึงติดนี้สัยนี้มาด้วย  และผมก็ศรัทธาใน ปชป.มาตลอดไม่เคยเปลี่ยนแปลงเพราะความเป็น
พรรคที่มีอุดมการณ์ ไม่เคยซื้อ สส.เข้าพรรค เซ้งพรรคกระจอกๆ เพื่อให้ได้อำนาจรัฐโดยเด็ดขาดสมบูรณ์โดยไม่นึกถึงคนเลือกเข้ามา
แต่จะโทษพรรคเลวอย่างเดียวไม่ได้ ต้องโทษตัว สส. ที่ยอมขายตัวแลกเงินด้วย หากเราแก้ปัญหานี้ได้การเมืองจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
และ สส.โสเภณีเหล่านี้ จะเห็นว่าแทบจะไม่มีคนภาคใต้เลยยกเว้นพวก นปก.สาย ทรท. แล้วจะให้พรรคที่บริหารงานระบบซ่องเหล่านี้
แจ้งเกิดที่ภาคใต้ได้อย่างไร  อย่าหวัง!
บันทึกการเข้า
isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #22 เมื่อ: 23-08-2007, 11:28 »

คุณเองก็มีมายาคติเหมือนกันแหละครับ

สฤษดิ์ เป็นคนภาคกลางนี่แหละ พ่อเป็นหลวงอะไรซักอย่างนี่แหละ
แม่สฤษดิ์เลิกกับพ่อสฤษดิ์เลิกกัน

สฤษดิ์จึงต้องย้ายตามแม่ ซึ่งไปแต่งงานกับเจ้าเมืองนครพนม

ขอบคุณครับ ผมเป็นคนชอบอ่านประวัติศาสตร์ แต่ความจำไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รายละเอียดก็อาจจะคลาดเคลื่อนได้
แต่เรื่องมายาคติที่ว่า คนเหนือใจง่าย คนใต้ใจดำ คนอีสานโง่ (คนกรุงโลเล)
ผมก็ว่ามันมีที่มาที่ไปจากความเป็นไปและมุมมองของสังคมในยุคหนึ่ง ที่ปัจจุบันพ้นสมัยและไม่เป็นความจริงไปแล้ว
แต่ก็ยังตกค้างอยู่ในหัวคนเป็นจำนวนมาก

แต่ในเรื่องที่ว่าคนอีสานถูกกดขึ่ หรืออะไรพวกนี้ ผมก็มองว่ามันไม่ได้ต่างอะไรกับที่บอกว่าคนสี่จังหวัด
ภาคใต้ถูกกดขี่หรอกครับ   ความเป็นจริงแท้ๆก็คือว่าคนไทยที่ไม่ใช่คนชั้นสูงทั้งประเทศต่างก็ถูกกดขี่
จากชนชั้นปกครองเหมือนกันๆกันน่ะแหละ เพียงแต่ต่างกันในแง่รูปแบบเท่านั้น

แต่สิ่งที่ต่างไปก็คือคนที่เป็นนักคิด นักเขียน นักเรียกร้อง ที่ออกมาพูดแทนจะจับมาเป็นประเด็นหรือเปล่าเท่านั้น
อย่างถ้าไปถามเรื่องคนสี่จังหวัดภาคใต้กับคนท้องถิ่น คนไทยในถิ่นแทบจะทุกคนต่างออกมายืนยันตรงกัน
ว่าพวกนี้ได้สิทธิเหนือกว่าคนไทยแท้ๆเสียอีก โควต้าหรือทุนการศึกษาก็มีให้มากกว่า ความช่วยเหลือก็มีให้สารพัด
แต่เจ้าตัวกลับมองตัวเองว่าเป็นเหยื่อสังคม และแค่มีข้อขัดแย้งนิดหน่อยก็พร้อมจะยกมาเป็นประเด็นขัดแย้งกับรัฐได้ทันที

หรือคนอีสานเอง ผมมองว่าคนอีสานที่เป็นนักคิดนักเขียนจำนวนมาก แม้แต่นักเขียนภาคกลางเองเวลา
ที่จะเขียนวรรณกรรมเพื่อชีวิต ก็เลือกอีสานเป็นเวที ก็เลยสะท้อนภาพมายาคติของอีสานออกมาเป็น
เหยื่อสังคม เป็นความยากลำบากอยู่ร่ำไป

หรือถ้าเทียบกับประเทศที่เจริญแล้วอย่างอเมริกา คนดำจะถูกมองเป็นเหยื่อทางสังคมอยู่ตลอด
แต่เราก็รู้กันดีว่า คนผิวเหลืองกับคนเม็กซิกันนั้นถูกเหยียดหยามและด้อยสิทธิ์กว่าคนดำเสียอีก
แต่ไม่มีใครออกมาโวยวายเรียกร้องสิทธิ์ แต่สร้างชีวิตสร้างฐานะด้วยตัวเอง ต่างกับคนผิวดำที่ชอบเอาอดีต
ที่ยากลำบากของตัวเองเป็นข้ออ้างอยู่ร่ำไป (จนเราจะเห็นความหมั่นไส้ของคนขาวสะท้อนออกมา
ในหนังตลกหลายๆเรื่องอย่างของอดัม แซนด์เลอร์)

วรรณกรรมเพื่อชีวิตจากท้องถิ่นมีอยู่ 2 แบบ แบบหนึ่งสะท้อนชีวิตที่ยากลำบาก อย่างเรื่องเขียดขาคำ ฯลฯ
แต่บางเรื่องอย่างลูกอีสาน  ฯลฯ แม้จะสะท้อนชีวิตแบบชาวบ้าน ที่บางครั้งก็ยากลำบาก
แต่ก็แสดงออกมาถึงส่วนที่รื่นรมย์ในชีวิต ตรงนี้ผมว่ามันอยู่ที่มุมมองต่างหาก
ผมเองก็มาจากตำบลไกลปืนเที่ยง ที่ไม่มีรถผ่าน เด็กๆไม่สวมรองเท้า แต่มุมมองของคนในพื้นที่ไม่เคยมองว่า
ตัวเองเสียเปรียบหรือเป็นเหยื่อสังคม

อย่างที่ผมชี้ให้เห็นในความเห็นที่ผ่านๆมา อีสานเองใช่ว่าจะด้อยโอกาส ดีไม่ดีจะมีโอกาสเยอะกว่าภาคอื่นๆ
เสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ตัวเลือกที่ต่างกัน คนใต้ เลือกการศึกษา เลือกอนาคตระยะไกล คนอีสานส่วนใหญ่จะ
เลือกวัตถุ เลือกแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยมุมมองนี้ต่างหากที่ทำให้คนแตกต่าง

และผมอยากให้คนอีสานเลิกมองตัวเองเป็นเหยื่อของสังคมเสียที... แค่นี้แหละ

 


บันทึกการเข้า
samepong(ยุ่งแฮะ)
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,402



« ตอบ #23 เมื่อ: 23-08-2007, 11:35 »

ถึงผมจะไม่ใช่คนใต้ แต่ชีวิตการทำงานของผมเริ่มที่ภาคใต้ (สงขลา) เมื่อ 20 ปีก่อน ผมยังไม่ลืมนิสัยของคนใต้ถ้ารักใครรักจริง
เกลียดก็เกลียดจนไม่มองหน้าเลย ผมจึงติดนี้สัยนี้มาด้วย  และผมก็ศรัทธาใน ปชป.มาตลอดไม่เคยเปลี่ยนแปลงเพราะความเป็น
พรรคที่มีอุดมการณ์ ไม่เคยซื้อ สส.เข้าพรรค เซ้งพรรคกระจอกๆ เพื่อให้ได้อำนาจรัฐโดยเด็ดขาดสมบูรณ์โดยไม่นึกถึงคนเลือกเข้ามา
แต่จะโทษพรรคเลวอย่างเดียวไม่ได้ ต้องโทษตัว สส. ที่ยอมขายตัวแลกเงินด้วย หากเราแก้ปัญหานี้ได้การเมืองจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
และ สส.โสเภณีเหล่านี้ จะเห็นว่าแทบจะไม่มีคนภาคใต้เลยยกเว้นพวก นปก.สาย ทรท. แล้วจะให้พรรคที่บริหารงานระบบซ่องเหล่านี้
แจ้งเกิดที่ภาคใต้ได้อย่างไร  อย่าหวัง!

ประเด็นนี้เข้าข่าย ซื่อสัตย์ได้ไหม ผมว่า ได้นะ

คนใต้จะไม่ชอบ พวก ส.ส. ที่พร้อมย้ายพรรค แล้ว พรรค ปชป.เองก็รู้ เลยไม่นิยมหลอด  พรรคสร้างคนขึ้นมาสู้ สู้ไม่ไดก็กลับไปแก้ไข ไม่ใช้หลอดสร้างพรรค คนใต้ชอบตรงนี้ ชอบตรงที่ ดีชั่วอย่างไร ก็ต้องทำเอง รับเอง หากอยากชนะการเลือกตั้งก็ต้องสร้างเอง ไม่ใช่อยากชนะก็ ใช้หลอด ดูดอะไรมาก้ไม่รู้ผสมผสาน อุดมการณ์มันเลยเพี้ยน ไม่มีหลัก ไม่มีจุดยืน

แล้วคนใต้ก็เกลียดหนักหนากับพวกไม่รักษาคำพูด สังเกตุได้ว่าทำไมผมถึงเกลียดไอส้นเท้านัก มันบอกจะบวชแล้วเล่นคำ ผมละเกลียดจังแล กับคนประเภท นี้ อายแทนพ่อแม่เค้าเหมือนกันนะเนี่ย สร้างลูกมาลวงโลก
บันทึกการเข้า

เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #24 เมื่อ: 23-08-2007, 11:45 »

อย่างที่ผมชี้ให้เห็นในความเห็นที่ผ่านๆมา อีสานเองใช่ว่าจะด้อยโอกาส ดีไม่ดีจะมีโอกาสเยอะกว่าภาคอื่นๆ
เสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ตัวเลือกที่ต่างกัน คนใต้ เลือกการศึกษา เลือกอนาคตระยะไกล คนอีสานส่วนใหญ่จะ
เลือกวัตถุ เลือกแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยมุมมองนี้ต่างหากที่ทำให้คนแตกต่าง

และผมอยากให้คนอีสานเลิกมองตัวเองเป็นเหยื่อของสังคมเสียที... แค่นี้แหละ

 


ประชากรมันเยอะครับ คนคุณภาพมันก็มี แต่มันก็สู้เขตรอบนอกไม่ได้
ส่วนการที่เค้าเลือกไทยรักไทย ผมซึ่งเกลียดทักษิณเองกลับมองว่าเขาไม่ได้โง่นะครับ

ทักษิณมันทุ่มเทให้กับภาคนี้แบบสุดๆ ผลตอบแทนที่ได้มันเลยเป็นแบบนี้ครับ

ใครเลือกไทยรักไทยแล้วโง่ ไม่มีคุณภาพ ไม่จริงครับ
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
Gun
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 49



« ตอบ #25 เมื่อ: 23-08-2007, 12:28 »

ประชากรมันเยอะครับ คนคุณภาพมันก็มี แต่มันก็สู้เขตรอบนอกไม่ได้
ส่วนการที่เค้าเลือกไทยรักไทย ผมซึ่งเกลียดทักษิณเองกลับมองว่าเขาไม่ได้โง่นะครับ

ทักษิณมันทุ่มเทให้กับภาคนี้แบบสุดๆ ผลตอบแทนที่ได้มันเลยเป็นแบบนี้ครับ

ใครเลือกไทยรักไทยแล้วโง่ ไม่มีคุณภาพ ไม่จริงครับ

ทุ่มเทแบบไหนครับ?
เอาเงินไปโปรย แต่แทบไม่ได้สร้างอาชีพหรืออะไรที่มันยั่งยืนให้ชาวบ้านเลย
ถ้าชอบการทุ่มเทแบบนี้ น่าจะเรียกว่ามองสั้น ๆ ละมั้งครับ

ไม่น่ามีปฎิวัติเลยเนอะ น่าจะให้ประเทศมันพังสุด ๆ ล้มละลายดูสักที เผื่อจะได้คิดกันขึ้นมาบ้าง 
บันทึกการเข้า
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #26 เมื่อ: 23-08-2007, 13:02 »

ทุ่มเทแบบไหนครับ?
เอาเงินไปโปรย แต่แทบไม่ได้สร้างอาชีพหรืออะไรที่มันยั่งยืนให้ชาวบ้านเลย
ถ้าชอบการทุ่มเทแบบนี้ น่าจะเรียกว่ามองสั้น ๆ ละมั้งครับ

ไม่น่ามีปฎิวัติเลยเนอะ น่าจะให้ประเทศมันพังสุด ๆ ล้มละลายดูสักที เผื่อจะได้คิดกันขึ้นมาบ้าง 

 
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
samepong(ยุ่งแฮะ)
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,402



« ตอบ #27 เมื่อ: 23-08-2007, 13:06 »

ทุ่มเทแบบไหนครับ?
เอาเงินไปโปรย แต่แทบไม่ได้สร้างอาชีพหรืออะไรที่มันยั่งยืนให้ชาวบ้านเลย
ถ้าชอบการทุ่มเทแบบนี้ น่าจะเรียกว่ามองสั้น ๆ ละมั้งครับ

ไม่น่ามีปฎิวัติเลยเนอะ น่าจะให้ประเทศมันพังสุด ๆ ล้มละลายดูสักที เผื่อจะได้คิดกันขึ้นมาบ้าง 

อย่าประชดโดยการเอาชาติมาเล่นเลย คิดแล้วเสียว
บันทึกการเข้า

เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
irq5
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,149



« ตอบ #28 เมื่อ: 23-08-2007, 13:11 »

ทุ่มเทแบบไหนครับ?
เอาเงินไปโปรย แต่แทบไม่ได้สร้างอาชีพหรืออะไรที่มันยั่งยืนให้ชาวบ้านเลย
ถ้าชอบการทุ่มเทแบบนี้ น่าจะเรียกว่ามองสั้น ๆ ละมั้งครับ

ไม่น่ามีปฎิวัติเลยเนอะ น่าจะให้ประเทศมันพังสุด ๆ ล้มละลายดูสักที เผื่อจะได้คิดกันขึ้นมาบ้าง 

ก็เค้าชอบแบบนี้นี่ครับ  เงินกองทุนไปโรย  มันเห็นชัดเจนนี่ว่าทำเพื่อชาวบ้าน

ได้เงินกับได้งาน ^^   ใครก็อยากได้เงินก่อนอยู่แล้ว  เพราะ จะทำงานก็เพื่อเงิน
บันทึกการเข้า

.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMddMMMs..
.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMssMMMMs..
.:Mddddddddddddddddddddddddddo+ddddNs..
.:M................................................hs..
.:M.............//:................//:.............hs..
.:M...........:MMs.............NMd............hs..
.:M................................................hs..
.:M................................................hs..
.:M.............yNNNNNNNNNN................hs..
.:M.................................................hs..
.:dyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyho..

....W..W::W:...AAA...NN...N...TTTTT..EEEEE...DDD..........
.....Ww.wW...AAAA..N..N..N......T.....EEE......D....D.......
.....-W...W...A......A N....NN......T.....EEEEE...DDD..........
. . . . . . . . . . . . thaksin shinawatra
THE THIRD WAY
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,821


Love looks not with eyes, but with the mind.


« ตอบ #29 เมื่อ: 23-08-2007, 13:30 »



การนอนของคนใต้
ใครที่ไม่ใช่คนปักษ์ใต้ อ่านจั่วหัวเรื่องข้างบนนี้แล้วงง แม้แต่คนปักษ์ใต้รุ่นใหม่บางคนก็อาจสงสัยอยู่ไม่น้อย เพราะคำว่า “ประหัวนอน” ในความหมายนี้ไม่ใช่ทิศเหนือ คนปักษ์ใต้นอนหันศีรษะไปทางทิศใต้ ขณะที่ภาคอื่นๆ นอนหันศีรษะไปทางทิศเหนือ หรืออาจจะเป็นทิศตะวันออก
ถ้าไปถามคนสมัยใหม่ว่าปกติคุณนอนหันศีรษะไปทางทิศไหน บางคนอาจจะย้อนกลับมาว่านอนหันหัวทิศไหนหลับสบายเป็นใช้ได้
จะไปยึดมั่นถือมั่นอะไรนักหนากับเรื่องทิศ

ถ้าไปถามพระสงฆ์องค์เจ้า หรือผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคร่งครัด ในเรื่องวัฒนธรรมจะได้รับคำตอบต่างจากคนรุ่นใหม่ คนเรามีรากฐานทางวัฒนธรรม ปู่ย่าตายายสอนมาอย่างไรท่านต้องมีเหตุมีผลที่ดี ฟังดูเป็นเรื่องงมงาย เป็นเรื่องไสยศาสตร์ แต่บางทีมันก็มีวิทยาศาสตร์ซ่อนเร้นอยู่ก็ได้ จริงมั๊ย!


“เช้าๆ สิริมันอยู่ข้างหน้า นะลูกนะ ค่ำๆนะ สิริมันอยู่ที่เท้า”ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะบอกลูกหลานอย่างนี้ ฟังดูผิวเผินมันอาจจะงมงาย ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ แต่ผู้ใหญ่ท่านเตือนให้ลูกหลาน รู้ว่าตื่นเช้าขึ้นมาก่อนจะอาบน้ำ ให้วักน้ำล้างหน้าเสียก่อน ให้ความเย็นของน้ำค่อยๆ ซึมมาจากท่อนบนก่อนจะอาบน้ำทั้งตัว สิริจึงอยู่ที่หน้า

แต่ถ้าเป็นเวลาตอนค่ำให้รดน้ำที่ปลายเท้าเสียก่อน ให้ความเย็นของน้ำซึมซับจากปลายเท้าขึ้นข้างบน ก่อนที่จะตักน้ำราดทั้งตัว สิริจึงอยู่ที่เท้า

เหตุผลทั้งสองประการนี้ฟังดูเป็นไสยศาสตร์ แต่มันกลายเป็นวิทยาศาสตร์ไปได้ เพราะว่าการปฏิบัติดังกล่างนั้น ช่วยให้อุณภูมิของร่างกายปรับตัวได้ทัน ช่วยให้เกิดผลดีกับสุขภาพ เด็ก ๆ ที่ปฏิบัติอย่างที่ว่านี้จะไม่เป็นหวัด แต่ถ้าปฏิบัติตรงกันข้ามก็จะเป็นหวัดได้ง่าย

“คนปักษ์ใต้นอนหันหัวไปทางประหัวนอน” นี่เป็นคำของคนปักษ์ใต้ ถ้าพูดภาษากลางก็ว่า “คนปักษ์ใต้นอนหันศีรษะไปข้างหัวนอน”

คำว่า “ประหัวนอน” เป็นสำนวนปักษ์ใต้ และคำว่านอนในความหมายที่ว่านี้คือ “ทิศใต้”นั่นเอง

ความเชื่อเรื่องทิศดี หรือทิศร้าย เป็นคติความเชื่อของคนแทบทุกภาค คนปักษ์ใต้ก็มีความเชื่อเรื่องมงคลแห่งทิศด้วยเหมือนกัน
การสร้างที่อยู่อาศัยหรือสร้างบ้านใหม่ในเดือน 4 , 5 , 6 ยกเสาแรกลงหลุมข้างทิศอาคเนย์(ตะวันออกเฉียงใต้) ก่อนแล้วจะมีลาภ

ถ้ายกเสาลงหลุมเดือน 7 , 8 , 9 ให้ยกเสาแรกลงหลุมทางทิศหรดี (ตะวันตกเฉียงใต้) ก่อนก็จะได้ของอันพึงพอใจ


ถ้ายกเสาลงหลุมในเดือน 10 , 11 , 12 ให้ยกเสาแรกลงทางทิศพายัพ (ตะวันตกเฉียงเหนือ) ก่อนแล้วจะมีลาภสวัสดี

สร้างบ้านเสร็จ พาดบันไดเรือนขึ้นเรือนทางไหนดี คนปักษ์ใต้เชื่อว่าให้พาดบันไดเรือนทางทิศบูรพา เอาเงินทองขึ้นบ้าน ขึ้นก่อนท่านว่าจะมีลาภ

พาดบันไดขึ้นเรือนทางทิศทางทิศอุดร เอาข้าวของขึ้นก่อนก็จะมีลาภ การแก้อาถรรพณ์ให้เอาเหล้า หญ้าแพรก และงา ขึ้นไปด้วยจะช่วยแก้*****จั*** จะมีลาภสวัสดี

เวลาขึ้นบ้านใหม่ท่านก็เตือนลูกหลานไว้ว่ามงคลแห่งทิศ และมงคลแห่งวัน จะต้องพ้องกัน แรกขึ้นบ้านใหม่ให้ขึ้นในวันพุธ พฤหัสบดี ศุกร์ จะดีและมีลาภ

ทิศร้ายที่ห้ามขึ้นคือ ทิศบูรพา (ตะวันออก) ถ้าขึ้นทางทิศนี้จะเกิดความ ถ้าขึ้นทางทิศอาคเนย์ (ตะวันออกเฉียงใต้) จะตายเร็ว ขึ้นทางทิศทักษิณจะเสียของ ขึ้นทางทิศประจิมจะเจ็บป่วย ขึ้นทิศที่ดีมีลาภคือ ทิศอุดรจะมีลาภสวัสดี ขึ้นทิศอีสานจะเสียทรัพย์เงินทองมาก ขึ้นทิศหรดีผู้ใหญ่จะให้ลาภ ขึ้นทางทิศพายัพ จะมีความสุขสำราญมีลาภ

แม้แต่การปลูกต้นไม้มงคลไว้ในบ้านคนปักษ์ใต้โบราณทานก็กำหนดทิศที่เป็นศิริมงคลไว้ครบถ้วนเช่นกัน ท่านย้ำกับลูกหลานว่า ถ้าต้องการปลูกไม้มงคลควรจะต้องปลูกตามทิศต่อไปนี้

ทิศบูรพา (ตะวันออก) ควรปลูกไม้ไผ่ และต้นกุ่ม ต้นมะพร้าว จะไม่เจ็บไข้และมีความสุข
ทิศทักษิณ ให้ปลูกต้นมะม่วง ต้นพลับ
ทิศอาคเนย์ ให้ปลูกต้นไม้สารภี และตันยอ กันจั***
ทิศหรดี ให้ปลูกต้นพิกุล ขนุน ราชพฤกษ์ และสะเดา กันโทษ
ทิศประจิม ให้ปลูกต้นมะขาม มะยม กันถ้อยความและผีพราย
ทิศพายัพ ให้ปลูกต้นมะกรูด
ทิศอุดร ให้ปลูกต้นพุทรา กันอาคมและมนต์คน
ทิศอีสาน ให้ปลูกต้นทุเรียน และขุดบ่อลงไว้

โบราณาจารย์ และปู่ย่าตายายปักษ์ใต้มีความเชื่อเรื่องมงคล แห่งทิศอย่างนี้ ลูกหลานชาวใต้คนใด ปฏิบัติตามท่านว่าจะมีความสุขความเจริญ มีอำนาจทรัพย์สินมาก ต้นโพธิ์ปลูกในบ้านไม่ได้ ท่านห้ามไว้ หรือแม้แต่ต้นตาล ต้นมะงั่ว ต้นสำโรง ต้นระกำ ต้นหวาย ถ้ามีอยู่ในบริเวณบ้านให้ถอนทิ้งเสีย แล้วจึงค่อยปลูกเรือน

เรื่องความเชื่อเกี่ยวกับทิศยังมีอีกมาก ยกตัวอย่างมาให้ดูอย่างนี้แล้ว หลายคนคงจะเข้าใจล่ะสิว่า เหตุใดคนปักษ์ใต้ จึงต้องนอนหันหัวไปทางประหัวนอน (ทิศใต้)


มีพระธุดงค์อายุ 70 ปีเศษ บวชมาตั้งแต่ปี 2500 ท่านเป็นชาวชุมพร ท่านเคยอยู่ในสวนโมกข์ ก่อนที่จะใช้ชีวิตธุดงค์อยู่ตามป่ามานานไม่น้อยกว่า 46 ปี เมื่อตั้งคำถามกับท่านว่า คนชุมพรหันหัวไปทางประหัวนอนเหมือนกับคนสุราษฎร์ คนนครฯหรือไม่

ท่านบอกว่าพ่อแม่และปู่ย่าตายายท่านสอนให้นอนหันหัวไปทางประหัวนอน (ทิศใต้) เหมือนกัน ท่านบอกว่าคนโบราณท่านฉลาด การที่กำหนดให้นอนอย่างนั้นต้องมีเหตุผลที่ดี

เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนชุมพร คนสุราษฎร์ นอนหันหัวไปทางประหัวนอน (ทิศใต้) เพราะความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา หรือเป็นการบูชาพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช ท่านตอบว่าอาจมีส่วนถูกอยู่บ้าง แต่ไม่ถูกต้องตามคติที่แท้จริงของปู่ย่าตายาย เพราะคนใต้ที่อยู่สงขลา อยู่ภูเก็ต อยู่กระบี่ อยู่พัทลุง อยู่ยะลา อยู่สตูล อยู่ปัตตานี หรือนราธิวาส เรียกว่า 14 จังหวัดในภาคใต้นอนหันหัวไปทางประหัวนอนเหมือนกันหมดทุกจังหวัด แสดงว่าความเชื่อนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับพระบรมธาตุที่จังหวัดนครศรีธรรมราช

คำถามต่อมาก็คือ ถ้าเช่นนั้นคนปักษ์ใต้จึงนอนหันหัวไปทางประหัวนอน (ทิศใต้) ท่านบอกว่ายังไม่มีคนปักษ์ใต้คนไหนถามคำถามแบบนี้กับท่าน ทั้งๆ ที่ทุกคนก็นอนอย่างนั้น

พระธุดงค์อาวุโสท่านนี้คิดอยู่นาน แล้วท่านก็วิชนาให้ฟังว่า อาจจะเป็นไปได้ว่าเราไปยึดถือตามคติของพราหมณ์ ซึ่งเข้ามาเผยแพร่ในสุวรรณภูมิก่อนศาสนาพุทธ จึงอาจจะเป็นไปได้ว่า คนปักษ์ใต้บูชาเทพแห่งทิศทักษิณเป็นมงคลแห่งชีวิตก็เป็นได้

ฟังดูมีเหตุผลเอามากๆ ทีเดียว แต่ว่ามันยังคลุมเคลือไม่สว่างพอ เมื่อวันทำบุญตายายที่ตำหนักเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ท่านเป็นชาวเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เล่าให้ฟังว่า มีพระธุดงค์รูปหนึ่งตอบว่าการที่คนปักษ์ใต้นอนหันหัวไปทางประหัวนอน (ทิศใต้) เป็นความเชื่อตามคติของพราหมณ์บูชาแห่งเทพทักษิณ ที่แท้จริงแล้วคติความเชื่อนี้เป็นคติพุทธ หรือ คติพราหมณ์ กันแน่

เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ท่านมีเมตตาอธิบายให้ฟังว่าเป็นได้ทั้งพราหมณ์และพุทธทั้งสองอย่าง จะถืออย่างคติพุทธ หรือคติพราหมณ์ก็ได้ ความสว่างก็เกิดขึ้นในใจ ตั้งแต่นั้นมา เล่าให้เพื่อนฝูงชาวปักษ์ใต้ด้วยกันฟัง เรารู้แล้วนะว่า เหตุใดคนปักษ์ใต้จังนอนหันหัวไปทางประหัวนอน (ทิศใต้)

เมื่อเร็วๆ นี้ไปฟังสวดพระอภิธรรมศพคุณพี่ คำพูน บุญมี นักประพันธ์เจ้าของบทประพันธ์เรื่องลูกอีสาน และเจ้าของรางวัลซีไรท์คนแรกของเมืองไทย บังเอิญได้พบกับยอดกวีศรีปักษ์ใต้ และเป็นกวีซีไรท์ผู้ปราชญ์ เปรื่องทั้งคดีโลกและคดีธรรม

ท่านอังคารครับ ผมมีเรื่องสงสัยอยู่เรื่องหนึ่งว่าเหตุใดคนปักษ์ใต้เราจึงนอนหันหัวไปทางประหัวนอน (ทิศใต้) ท่านช่วยขยายความข้อนี้สักหน่อย

ปราชญ์นัยน์ตาเสือมองหน้าตาโต ยิ้มน้อย ๆ สงบนิ่งอยู่ในที่ก่อนที่จะวิสัชนาปริศนาธรรมนี้อย่างเฉียบคมว่า ทักษิณไม่ได้แปลว่า “ใต้” ทักษิณมันแปลว่าขวา ทิศเบื้องขวา “ทักษิณาวัตร” แปลว่า “วนไปทางขวา” พระโมคคลานะ เป็นพุทธสาวกเบื้องซ้าย พระสารีบุตรเป็นพุทธสาวกเบื้องขวา

พระพุทธเจ้าตอนปรินิพพานพระองค์หันพระพักตร์ไปเบื้องหน้าคือทิศตะวันออก หันพระเศียรไปทางเบื้องขวา คนปักษ์ใต้นอนหันหัวไปทางทิศใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก (ทิศเบื้องหน้า) นอนตามทิศทางที่พระพุทธปรินิพพาน เรียกว่าบูชาพระพุทธเจ้าเป็นมงคลสูงสุดอย่างนี้ก็ได้


ท่านอังคาร กัลยาณพงษ์ วิสัชนาให้คิดสั้นๆ อย่างแหลมคม จนคนที่นั่งฟังเงียบกริบ แล้วท่านกวีศรีปักษ์ใต้ของเราก็พูดถึงนายกทักษิณว่า ทักษิณ ไม่ใช่ใต้ ทักษิณแปลว่า ขวา ทิ้งจังหวะนิดหนึ่งแล้ว ท่านอังคารก็อดใจที่จะวิจารณ์นายกคิดใหม่ทำใหม่ของเราไม่ได้ แถมท้ายท่านอังคารหันไปพูดกับ พระภิกษุที่อยู่ข้างๆ ว่าเมืองไทยเราจะร้องเอายีนของท่านมาหาตมะคานธีมาทำโคลนนิ่ง บ้านเมืองจึงจะมีนายกที่วิเศษ จากนั้นท่านก็ยืนท่องบทกวีอยุธยาล่มแล้ว ต่อหน้าคนที่มานั่งฟังพระสวดพระอภิธรรมบนศาลา ตามแบบฉบับของวิญญาณกวี

ปริศนาที่ค้างคาใจว่า เหตุใดคนปักษ์ใต้ จึงนอนหันหัวไปทางประหัวนอน (ทิศใต้) คำวิสัชนาของท่านอังคารให้ข้อคิดที่กว้างขึ้นหลายประการ โดยเฉพาะคำว่าทิศเบื้องหน้า และทิศเบื้องขวา ทักษิณแปลว่าขวา

ตอนเด็กๆ จำได้ว่าครูสอนให้เรารู้จักจดจำทิศด้วยการยืนหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ทิศเบื้องหน้าคือ ทิศตะวันออก ทิศเบื้องซ้ายคือ ทิศเหนือ (มือซ้าย) ทิศเบื้องขวาคือ ทิศใต้ (มือขวา) และข้างหลังเราคือ ทิศตะวันตก

ในพระพุทธศาสนามีคำสอนของพระพุทธเจ้า กล่าวถึงเรื่องทิศทั้ง 6 ประการ อย่างไรลองพิจารณาดู
ทิศเบื้องหน้าคือ ทิศตะวันออก หมายถึง บิดา-มารดา
ทิศเบื้องขวาคือ ทิศใต้ ได้แก่ ครูบาอาจารย์
ทิศเบื้องหลังคือ ทิศตะวันตก ได้แก่ บุตร-ธิดา
ทิศเบื้องซ้ายคือ ทิศเหนือ ได้แก่ มิตรสหาย
ทิศเบื้องล่าง ได้แก่ คนรับใช้ คนงาน
ทิศเบื้องหน้า ได้แก่ สมพราหมณ์ คือ พระสงฆ์

การที่คนปักษ์ใต้ 14 จังหวัดหันหัวนอนไปทางทิศใต้ มีความหมายตรงกับมงคลทิศทั้ง 6 ข้อที่ 2 คือ การบูชาครูบาอาจารย์ และครูบาอาจารย์ของมนุษย์และเทวดาก็คือ พระพุทธเจ้านั่นเอง ส่วนการนอนหันหัวไปทางทิศตะวันออก (ทิศเบื้องหน้า) ในข้อที่ 1 นั้นหมายถึง บิดา-มารดา รวมความแล้วคนปักษ์ใต้นอนหันหัวไปทางประหัวนอน (ทิศใต้หรือทิศเบื้องขวา) นั่นก็หมายความว่า คนปักษ์ใต้ถึงมงคลสูงสุดในการเลือกทิศที่หลับนอน คือทิศที่บูชาครูอาจารย์และบิดา-มารดา ลองคิดดูว่ามหัศจรรย์เพียงไร ภูมิปัญญาท้องถิ่นภาคใต้ ไม่ใช่คนขวางโลกอย่างที่คนบางคนคิด แต่เป็นคนเห็นโลกและเห็นธรรมโดยแท้

เรื่องของมงคลแห่งทิศแท้ๆ แต่ปู่ย่าตายายของคนปักษ์ใต้เป็นอารยชนผู้มีหัวนอนปลายตีนอย่างนี้จะหาดูได้ที่ใหน

ต่อไปถ้ามีคนถามว่า เหตุใดคนปักษ์ใต้จึงนอนหันหัวนอนไปทางทิศใต้ ก็ตอบได้ทันทีด้วยภูมิปัญญาระดับต่างๆ ดังนี้

คำตอบอย่างไสยศาสตร์ ก็ตอบว่า คนใต้บูชาเทพแห่งทิศทักษิณ หรือเทพประจำทิศใต้หรือทิศเบื้องขวา

คำตอบอย่างพุทธศาสตร์ ก็ตอบว่า คนใต้นอนอย่างคนมีหัวนอนปลายตีน นอนอย่างบูชาพระพุทธเจ้าและบูชาบิดา-มารดา เป็นมงคลสูงสุดแห่งชีวิต

ที่มา : สัมพันธ์ ก้องสมุทร "สุราษฎร์สังสรรค์" ฉบับ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๖

และทางเรา เอามาจาก วัดท่าไทร อีกทีครับ

**ผมไปเอาต่อมาอีกที
ก็เพิ่งรู้นี่แหละ
http://www.siamsouth.com/life.htm

บันทึกการเข้า

ความรักนั้นหวาน ไม่ว่าจะรับหรือให้
************************
การขับไล่ทรราช เป็นภารกิจของเจ้าของประเทศ
NA-KORN
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 221


« ตอบ #30 เมื่อ: 23-08-2007, 13:33 »

TO K.samepong
    ตรงประเด็นเลยครับ  อีกทัศนของผมคือคนใต้เป็นคนหนักแน่นไม่อ่อนไหวไปกับสิ่งเร้าง่าย  ซึ่งตรงข้ามกับคนอีสาน (ขออภัยที่พาดพิง)
เป็นคนค่อนข้างอ่อนน้อม อ่อนไหว เชื่อคนง่าย สังเกตุได้จาก สส.อีสานมักจะเป็นคนเดิมๆ หน้าเก่าๆ หรือตะกูลเดิมๆ ถึงแม้จะย้ายพรรคสัก
กี่คร้งก็ตาม คนอีสานก็ยังไว้ใจเลือกเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า หันมาดู สส.ภาคใต้บ้าง ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นคนเก่า แต่ถ้าย้ายพรรคเมื่อไหร่
ตกงานแน่  มีตัวอย่างให้เห็นหลายรายที่ชัดเจนที่สุดก็ วีระ ณ นปก.@คลองเปรม  หากไม่ลง Partylist ทรท. ไม่มีหวังได้เป็น สส.อีกถ้า
ไปสมัครที่พัทลุง
บันทึกการเข้า
THE THIRD WAY
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,821


Love looks not with eyes, but with the mind.


« ตอบ #31 เมื่อ: 23-08-2007, 13:46 »


หิ้วสะตอลงหัวลำโพง
ดูบ้านนอกมากๆ

บัดเดี๋ยวนี้
หลายคนมองน้ำลายไหล
บันทึกการเข้า

ความรักนั้นหวาน ไม่ว่าจะรับหรือให้
************************
การขับไล่ทรราช เป็นภารกิจของเจ้าของประเทศ
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #32 เมื่อ: 23-08-2007, 13:52 »


การนอนของคนใต้
ใครที่ไม่ใช่คนปักษ์ใต้ อ่านจั่วหัวเรื่องข้างบนนี้แล้วงง แม้แต่คนปักษ์ใต้รุ่นใหม่บางคนก็อาจสงสัยอยู่ไม่น้อย เพราะคำว่า “ประหัวนอน” ในความหมายนี้ไม่ใช่ทิศเหนือ คนปักษ์ใต้นอนหันศีรษะไปทางทิศใต้ ขณะที่ภาคอื่นๆ นอนหันศีรษะไปทางทิศเหนือ หรืออาจจะเป็นทิศตะวันออก
ถ้าไปถามคนสมัยใหม่ว่าปกติคุณนอนหันศีรษะไปทางทิศไหน บางคนอาจจะย้อนกลับมาว่านอนหันหัวทิศไหนหลับสบายเป็นใช้ได้
จะไปยึดมั่นถือมั่นอะไรนักหนากับเรื่องทิศ

ถ้าไปถามพระสงฆ์องค์เจ้า หรือผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคร่งครัด ในเรื่องวัฒนธรรมจะได้รับคำตอบต่างจากคนรุ่นใหม่ คนเรามีรากฐานทางวัฒนธรรม ปู่ย่าตายายสอนมาอย่างไรท่านต้องมีเหตุมีผลที่ดี ฟังดูเป็นเรื่องงมงาย เป็นเรื่องไสยศาสตร์ แต่บางทีมันก็มีวิทยาศาสตร์ซ่อนเร้นอยู่ก็ได้ จริงมั๊ย!


“เช้าๆ สิริมันอยู่ข้างหน้า นะลูกนะ ค่ำๆนะ สิริมันอยู่ที่เท้า”ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะบอกลูกหลานอย่างนี้ ฟังดูผิวเผินมันอาจจะงมงาย ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ แต่ผู้ใหญ่ท่านเตือนให้ลูกหลาน รู้ว่าตื่นเช้าขึ้นมาก่อนจะอาบน้ำ ให้วักน้ำล้างหน้าเสียก่อน ให้ความเย็นของน้ำค่อยๆ ซึมมาจากท่อนบนก่อนจะอาบน้ำทั้งตัว สิริจึงอยู่ที่หน้า

แต่ถ้าเป็นเวลาตอนค่ำให้รดน้ำที่ปลายเท้าเสียก่อน ให้ความเย็นของน้ำซึมซับจากปลายเท้าขึ้นข้างบน ก่อนที่จะตักน้ำราดทั้งตัว สิริจึงอยู่ที่เท้า

เหตุผลทั้งสองประการนี้ฟังดูเป็นไสยศาสตร์ แต่มันกลายเป็นวิทยาศาสตร์ไปได้ เพราะว่าการปฏิบัติดังกล่างนั้น ช่วยให้อุณภูมิของร่างกายปรับตัวได้ทัน ช่วยให้เกิดผลดีกับสุขภาพ เด็ก ๆ ที่ปฏิบัติอย่างที่ว่านี้จะไม่เป็นหวัด แต่ถ้าปฏิบัติตรงกันข้ามก็จะเป็นหวัดได้ง่าย

“คนปักษ์ใต้นอนหันหัวไปทางประหัวนอน” นี่เป็นคำของคนปักษ์ใต้ ถ้าพูดภาษากลางก็ว่า “คนปักษ์ใต้นอนหันศีรษะไปข้างหัวนอน”

คำว่า “ประหัวนอน” เป็นสำนวนปักษ์ใต้ และคำว่านอนในความหมายที่ว่านี้คือ “ทิศใต้”นั่นเอง

ความเชื่อเรื่องทิศดี หรือทิศร้าย เป็นคติความเชื่อของคนแทบทุกภาค คนปักษ์ใต้ก็มีความเชื่อเรื่องมงคลแห่งทิศด้วยเหมือนกัน
การสร้างที่อยู่อาศัยหรือสร้างบ้านใหม่ในเดือน 4 , 5 , 6 ยกเสาแรกลงหลุมข้างทิศอาคเนย์(ตะวันออกเฉียงใต้) ก่อนแล้วจะมีลาภ

ถ้ายกเสาลงหลุมเดือน 7 , 8 , 9 ให้ยกเสาแรกลงหลุมทางทิศหรดี (ตะวันตกเฉียงใต้) ก่อนก็จะได้ของอันพึงพอใจ


ถ้ายกเสาลงหลุมในเดือน 10 , 11 , 12 ให้ยกเสาแรกลงทางทิศพายัพ (ตะวันตกเฉียงเหนือ) ก่อนแล้วจะมีลาภสวัสดี

สร้างบ้านเสร็จ พาดบันไดเรือนขึ้นเรือนทางไหนดี คนปักษ์ใต้เชื่อว่าให้พาดบันไดเรือนทางทิศบูรพา เอาเงินทองขึ้นบ้าน ขึ้นก่อนท่านว่าจะมีลาภ

พาดบันไดขึ้นเรือนทางทิศทางทิศอุดร เอาข้าวของขึ้นก่อนก็จะมีลาภ การแก้อาถรรพณ์ให้เอาเหล้า หญ้าแพรก และงา ขึ้นไปด้วยจะช่วยแก้*****จั*** จะมีลาภสวัสดี

เวลาขึ้นบ้านใหม่ท่านก็เตือนลูกหลานไว้ว่ามงคลแห่งทิศ และมงคลแห่งวัน จะต้องพ้องกัน แรกขึ้นบ้านใหม่ให้ขึ้นในวันพุธ พฤหัสบดี ศุกร์ จะดีและมีลาภ

ทิศร้ายที่ห้ามขึ้นคือ ทิศบูรพา (ตะวันออก) ถ้าขึ้นทางทิศนี้จะเกิดความ ถ้าขึ้นทางทิศอาคเนย์ (ตะวันออกเฉียงใต้) จะตายเร็ว ขึ้นทางทิศทักษิณจะเสียของ ขึ้นทางทิศประจิมจะเจ็บป่วย ขึ้นทิศที่ดีมีลาภคือ ทิศอุดรจะมีลาภสวัสดี ขึ้นทิศอีสานจะเสียทรัพย์เงินทองมาก ขึ้นทิศหรดีผู้ใหญ่จะให้ลาภ ขึ้นทางทิศพายัพ จะมีความสุขสำราญมีลาภ

แม้แต่การปลูกต้นไม้มงคลไว้ในบ้านคนปักษ์ใต้โบราณทานก็กำหนดทิศที่เป็นศิริมงคลไว้ครบถ้วนเช่นกัน ท่านย้ำกับลูกหลานว่า ถ้าต้องการปลูกไม้มงคลควรจะต้องปลูกตามทิศต่อไปนี้

ทิศบูรพา (ตะวันออก) ควรปลูกไม้ไผ่ และต้นกุ่ม ต้นมะพร้าว จะไม่เจ็บไข้และมีความสุข
ทิศทักษิณ ให้ปลูกต้นมะม่วง ต้นพลับ
ทิศอาคเนย์ ให้ปลูกต้นไม้สารภี และตันยอ กันจั***
ทิศหรดี ให้ปลูกต้นพิกุล ขนุน ราชพฤกษ์ และสะเดา กันโทษ
ทิศประจิม ให้ปลูกต้นมะขาม มะยม กันถ้อยความและผีพราย
ทิศพายัพ ให้ปลูกต้นมะกรูด
ทิศอุดร ให้ปลูกต้นพุทรา กันอาคมและมนต์คน
ทิศอีสาน ให้ปลูกต้นทุเรียน และขุดบ่อลงไว้

โบราณาจารย์ และปู่ย่าตายายปักษ์ใต้มีความเชื่อเรื่องมงคล แห่งทิศอย่างนี้ ลูกหลานชาวใต้คนใด ปฏิบัติตามท่านว่าจะมีความสุขความเจริญ มีอำนาจทรัพย์สินมาก ต้นโพธิ์ปลูกในบ้านไม่ได้ ท่านห้ามไว้ หรือแม้แต่ต้นตาล ต้นมะงั่ว ต้นสำโรง ต้นระกำ ต้นหวาย ถ้ามีอยู่ในบริเวณบ้านให้ถอนทิ้งเสีย แล้วจึงค่อยปลูกเรือน

เรื่องความเชื่อเกี่ยวกับทิศยังมีอีกมาก ยกตัวอย่างมาให้ดูอย่างนี้แล้ว หลายคนคงจะเข้าใจล่ะสิว่า เหตุใดคนปักษ์ใต้ จึงต้องนอนหันหัวไปทางประหัวนอน (ทิศใต้)


มีพระธุดงค์อายุ 70 ปีเศษ บวชมาตั้งแต่ปี 2500 ท่านเป็นชาวชุมพร ท่านเคยอยู่ในสวนโมกข์ ก่อนที่จะใช้ชีวิตธุดงค์อยู่ตามป่ามานานไม่น้อยกว่า 46 ปี เมื่อตั้งคำถามกับท่านว่า คนชุมพรหันหัวไปทางประหัวนอนเหมือนกับคนสุราษฎร์ คนนครฯหรือไม่

ท่านบอกว่าพ่อแม่และปู่ย่าตายายท่านสอนให้นอนหันหัวไปทางประหัวนอน (ทิศใต้) เหมือนกัน ท่านบอกว่าคนโบราณท่านฉลาด การที่กำหนดให้นอนอย่างนั้นต้องมีเหตุผลที่ดี

เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนชุมพร คนสุราษฎร์ นอนหันหัวไปทางประหัวนอน (ทิศใต้) เพราะความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา หรือเป็นการบูชาพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช ท่านตอบว่าอาจมีส่วนถูกอยู่บ้าง แต่ไม่ถูกต้องตามคติที่แท้จริงของปู่ย่าตายาย เพราะคนใต้ที่อยู่สงขลา อยู่ภูเก็ต อยู่กระบี่ อยู่พัทลุง อยู่ยะลา อยู่สตูล อยู่ปัตตานี หรือนราธิวาส เรียกว่า 14 จังหวัดในภาคใต้นอนหันหัวไปทางประหัวนอนเหมือนกันหมดทุกจังหวัด แสดงว่าความเชื่อนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับพระบรมธาตุที่จังหวัดนครศรีธรรมราช

คำถามต่อมาก็คือ ถ้าเช่นนั้นคนปักษ์ใต้จึงนอนหันหัวไปทางประหัวนอน (ทิศใต้) ท่านบอกว่ายังไม่มีคนปักษ์ใต้คนไหนถามคำถามแบบนี้กับท่าน ทั้งๆ ที่ทุกคนก็นอนอย่างนั้น

พระธุดงค์อาวุโสท่านนี้คิดอยู่นาน แล้วท่านก็วิชนาให้ฟังว่า อาจจะเป็นไปได้ว่าเราไปยึดถือตามคติของพราหมณ์ ซึ่งเข้ามาเผยแพร่ในสุวรรณภูมิก่อนศาสนาพุทธ จึงอาจจะเป็นไปได้ว่า คนปักษ์ใต้บูชาเทพแห่งทิศทักษิณเป็นมงคลแห่งชีวิตก็เป็นได้

ฟังดูมีเหตุผลเอามากๆ ทีเดียว แต่ว่ามันยังคลุมเคลือไม่สว่างพอ เมื่อวันทำบุญตายายที่ตำหนักเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ท่านเป็นชาวเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เล่าให้ฟังว่า มีพระธุดงค์รูปหนึ่งตอบว่าการที่คนปักษ์ใต้นอนหันหัวไปทางประหัวนอน (ทิศใต้) เป็นความเชื่อตามคติของพราหมณ์บูชาแห่งเทพทักษิณ ที่แท้จริงแล้วคติความเชื่อนี้เป็นคติพุทธ หรือ คติพราหมณ์ กันแน่

เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ท่านมีเมตตาอธิบายให้ฟังว่าเป็นได้ทั้งพราหมณ์และพุทธทั้งสองอย่าง จะถืออย่างคติพุทธ หรือคติพราหมณ์ก็ได้ ความสว่างก็เกิดขึ้นในใจ ตั้งแต่นั้นมา เล่าให้เพื่อนฝูงชาวปักษ์ใต้ด้วยกันฟัง เรารู้แล้วนะว่า เหตุใดคนปักษ์ใต้จังนอนหันหัวไปทางประหัวนอน (ทิศใต้)

เมื่อเร็วๆ นี้ไปฟังสวดพระอภิธรรมศพคุณพี่ คำพูน บุญมี นักประพันธ์เจ้าของบทประพันธ์เรื่องลูกอีสาน และเจ้าของรางวัลซีไรท์คนแรกของเมืองไทย บังเอิญได้พบกับยอดกวีศรีปักษ์ใต้ และเป็นกวีซีไรท์ผู้ปราชญ์ เปรื่องทั้งคดีโลกและคดีธรรม

ท่านอังคารครับ ผมมีเรื่องสงสัยอยู่เรื่องหนึ่งว่าเหตุใดคนปักษ์ใต้เราจึงนอนหันหัวไปทางประหัวนอน (ทิศใต้) ท่านช่วยขยายความข้อนี้สักหน่อย

ปราชญ์นัยน์ตาเสือมองหน้าตาโต ยิ้มน้อย ๆ สงบนิ่งอยู่ในที่ก่อนที่จะวิสัชนาปริศนาธรรมนี้อย่างเฉียบคมว่า ทักษิณไม่ได้แปลว่า “ใต้” ทักษิณมันแปลว่าขวา ทิศเบื้องขวา “ทักษิณาวัตร” แปลว่า “วนไปทางขวา” พระโมคคลานะ เป็นพุทธสาวกเบื้องซ้าย พระสารีบุตรเป็นพุทธสาวกเบื้องขวา

พระพุทธเจ้าตอนปรินิพพานพระองค์หันพระพักตร์ไปเบื้องหน้าคือทิศตะวันออก หันพระเศียรไปทางเบื้องขวา คนปักษ์ใต้นอนหันหัวไปทางทิศใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก (ทิศเบื้องหน้า) นอนตามทิศทางที่พระพุทธปรินิพพาน เรียกว่าบูชาพระพุทธเจ้าเป็นมงคลสูงสุดอย่างนี้ก็ได้


ท่านอังคาร กัลยาณพงษ์ วิสัชนาให้คิดสั้นๆ อย่างแหลมคม จนคนที่นั่งฟังเงียบกริบ แล้วท่านกวีศรีปักษ์ใต้ของเราก็พูดถึงนายกทักษิณว่า ทักษิณ ไม่ใช่ใต้ ทักษิณแปลว่า ขวา ทิ้งจังหวะนิดหนึ่งแล้ว ท่านอังคารก็อดใจที่จะวิจารณ์นายกคิดใหม่ทำใหม่ของเราไม่ได้ แถมท้ายท่านอังคารหันไปพูดกับ พระภิกษุที่อยู่ข้างๆ ว่าเมืองไทยเราจะร้องเอายีนของท่านมาหาตมะคานธีมาทำโคลนนิ่ง บ้านเมืองจึงจะมีนายกที่วิเศษ จากนั้นท่านก็ยืนท่องบทกวีอยุธยาล่มแล้ว ต่อหน้าคนที่มานั่งฟังพระสวดพระอภิธรรมบนศาลา ตามแบบฉบับของวิญญาณกวี

ปริศนาที่ค้างคาใจว่า เหตุใดคนปักษ์ใต้ จึงนอนหันหัวไปทางประหัวนอน (ทิศใต้) คำวิสัชนาของท่านอังคารให้ข้อคิดที่กว้างขึ้นหลายประการ โดยเฉพาะคำว่าทิศเบื้องหน้า และทิศเบื้องขวา ทักษิณแปลว่าขวา

ตอนเด็กๆ จำได้ว่าครูสอนให้เรารู้จักจดจำทิศด้วยการยืนหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ทิศเบื้องหน้าคือ ทิศตะวันออก ทิศเบื้องซ้ายคือ ทิศเหนือ (มือซ้าย) ทิศเบื้องขวาคือ ทิศใต้ (มือขวา) และข้างหลังเราคือ ทิศตะวันตก

ในพระพุทธศาสนามีคำสอนของพระพุทธเจ้า กล่าวถึงเรื่องทิศทั้ง 6 ประการ อย่างไรลองพิจารณาดู
ทิศเบื้องหน้าคือ ทิศตะวันออก หมายถึง บิดา-มารดา
ทิศเบื้องขวาคือ ทิศใต้ ได้แก่ ครูบาอาจารย์
ทิศเบื้องหลังคือ ทิศตะวันตก ได้แก่ บุตร-ธิดา
ทิศเบื้องซ้ายคือ ทิศเหนือ ได้แก่ มิตรสหาย
ทิศเบื้องล่าง ได้แก่ คนรับใช้ คนงาน
ทิศเบื้องหน้า ได้แก่ สมพราหมณ์ คือ พระสงฆ์

การที่คนปักษ์ใต้ 14 จังหวัดหันหัวนอนไปทางทิศใต้ มีความหมายตรงกับมงคลทิศทั้ง 6 ข้อที่ 2 คือ การบูชาครูบาอาจารย์ และครูบาอาจารย์ของมนุษย์และเทวดาก็คือ พระพุทธเจ้านั่นเอง ส่วนการนอนหันหัวไปทางทิศตะวันออก (ทิศเบื้องหน้า) ในข้อที่ 1 นั้นหมายถึง บิดา-มารดา รวมความแล้วคนปักษ์ใต้นอนหันหัวไปทางประหัวนอน (ทิศใต้หรือทิศเบื้องขวา) นั่นก็หมายความว่า คนปักษ์ใต้ถึงมงคลสูงสุดในการเลือกทิศที่หลับนอน คือทิศที่บูชาครูอาจารย์และบิดา-มารดา ลองคิดดูว่ามหัศจรรย์เพียงไร ภูมิปัญญาท้องถิ่นภาคใต้ ไม่ใช่คนขวางโลกอย่างที่คนบางคนคิด แต่เป็นคนเห็นโลกและเห็นธรรมโดยแท้

เรื่องของมงคลแห่งทิศแท้ๆ แต่ปู่ย่าตายายของคนปักษ์ใต้เป็นอารยชนผู้มีหัวนอนปลายตีนอย่างนี้จะหาดูได้ที่ใหน

ต่อไปถ้ามีคนถามว่า เหตุใดคนปักษ์ใต้จึงนอนหันหัวนอนไปทางทิศใต้ ก็ตอบได้ทันทีด้วยภูมิปัญญาระดับต่างๆ ดังนี้

คำตอบอย่างไสยศาสตร์ ก็ตอบว่า คนใต้บูชาเทพแห่งทิศทักษิณ หรือเทพประจำทิศใต้หรือทิศเบื้องขวา

คำตอบอย่างพุทธศาสตร์ ก็ตอบว่า คนใต้นอนอย่างคนมีหัวนอนปลายตีน นอนอย่างบูชาพระพุทธเจ้าและบูชาบิดา-มารดา เป็นมงคลสูงสุดแห่งชีวิต

ที่มา : สัมพันธ์ ก้องสมุทร "สุราษฎร์สังสรรค์" ฉบับ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๖

และทางเรา เอามาจาก วัดท่าไทร อีกทีครับ

**ผมไปเอาต่อมาอีกที
ก็เพิ่งรู้นี่แหละ
http://www.siamsouth.com/life.htm



โอ้ เพิ่งจะรู้ครับ

ขอบคุณมากๆครับ คุณทางที่ 3 ที่หามาให้อ่านประดับความรู้ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
THE THIRD WAY
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,821


Love looks not with eyes, but with the mind.


« ตอบ #33 เมื่อ: 23-08-2007, 14:18 »

ปรากฎการณ์เลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดสงขลา
แทนนายไสว พัฒโนที่เสียชีวิต
รัฐบาลตอนนั้น(เหลี่ยม)ขนครม.ไปทั้งชุด
ระดมข้าราชการทุกประเภท
ระดับใหญ่ๆโตๆทั้งสิ้น
ประกบรายตำบล หมู่บ้าน
แจกเงินสะบั้นหั่นแหลก
ถึงระดับ1000-2,000บาทต่อหัว
พี่น้องสงขลาในเขตนั้นฮากันแถกไถ
เพราะผลที่ออกมา
แพ้หลุดลุ่ย
เสียเงิน เสียเวลา เสียหน้า
เสียทุกสิ่ง

เรื่องที่สอง
เลือกตั้งเจ้าปัญหาที่ไม่มีพรรคคู่แข่ง
ที่จังหวัดพังงา
เลือกกี่ครั้งก็ไม่ถึง 20%
ต้องเกณฑ์ข้าราชการระดับใหญ่ๆบิ๊กๆ
ไปบังคับลูกน้องให้ไปบังคับชาวบ้านอีกที
ผลออกมาฮากันแถกไถเหมือนเดิม

และเป็นเหมือนเรื่องที่สองอีกหลายเขตเลือกตั้ง
เป็นเหตุให้หมอนั่นใช้ยุทธวิธีจ้างพรรคเล็กลงประกบ
เป็นเหตุให้คุณถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา
ยกมาเป็นประเด็นฟ้องร้อง
จนเกิดตำนานต่อมาหลังคำพิพากษา

ความมันทางการเมืองปักษ์ใต้เป็นอย่างนี้แล
แถมอีดเรื่องที่เล่าเป็นตำนานจากเรื่องจริง
นายฉ่ำ จำรัสเนตร ลงสมัครส.ส.นครศรีฯ
แข่งกับผู้มีสตังค์ทั้งหลาย
ผู้มีสตังค์จ้างหนังตะลุง มโนราห์มาทำการแดง
นายฉ่ำไม่มีปัญญาจ้าง
พอการแสดงจบลงในเวลาดึกดื่นเที่ยงคืน
นายฉ่ำ มายืนแจกใต้เพื่อจุดส่องสว่างเดินทางกลับบ้าน
นายฉ่ำได้เป็นผู้แทน
ฮากันอีกเรื่อง
บันทึกการเข้า

ความรักนั้นหวาน ไม่ว่าจะรับหรือให้
************************
การขับไล่ทรราช เป็นภารกิจของเจ้าของประเทศ
isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #34 เมื่อ: 23-08-2007, 14:34 »

ขอบคุณที่เข้ามาแจมข้อมูลกันครับ (ลุงแคนหายไปไหน ไม่มาคุยกับลูกหลานเลย)

สาเหตุอีกอย่างที่ทำให้พื้นฐานคนใต้ต่างกับคนอีสานมาก เมื่อดูจากประวัติศาสตร์ก็คือภาคใต้นั้นแทบจะตัดขาด
จากพื้นที่ภาคกลางไปเลย แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสยาม ก็เป็นเหมือนหัวเมืองประเทศราช
เพราะการเดินทางที่ยากลำบากผ่านป่าดงดิบสุราษฎร์ ชุมพร ขึ้นมาถึงประจวบ การติดต่อกับส่วนกลาง
ก็เลยต้องเดินทางเรือ เลียบฝั่งอ่าวไทยขึ้นมาเป็นส่วนใหญ่ สมัยพระเพทราชาที่ชิงสมบัติพระนารายณ์แล้วลงไปตีนคร ก็ต้องยกทัพเรือลงไป อย่างคำว่า "หัวเมืองปากใต้" ในพงศาวดารนั้น จริงๆแล้วไม่ได้หมายถึงภาคใต้ แต่อยู่แค่ชลบุรี จันทบุรี ฯลฯ แค่นั้น ดังนั้นกองทัพจากภาคใต้จึงมักจะพลาดโอกาสแจมในสงครามสำคัญๆ เพราะกว่าจะเกณฑ์พลขึ้นมาทันก็กรุงแตกแล้ว บทบาทสำคัญของภาคใต้ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่นครฯ จึงเป็นการคุมเชิงไม่ให้กองทัพมลายูจากสงขลา หรือปตานีรุกรานขึ้นมามากกว่า 

เมื่อมีการติดต่อกันน้อยอิทธิพลของรูปแบบการปกครองแบบส่วนกลางจึงมีน้อย ชนชั้นในภาคใต้จึงไม่ห่างชั้นกันมากนัก จนแทบจะเรียกว่าเป็นสังคมแนวระนาบเลยก็ว่าได้ พวกข้าหลวงที่ถูกส่งไปจากส่วนกลางแล้วไปวางท่าเจ้าคนนายคนจึงกลายเป็นตัวประหลาดในสังคมปักษ์ใต้ไป และเป็นสาเหตุว่าทำไมคนใต้จึง "หัวแข็ง" ในสายตาผู้ปกครอง ก็เพราะความไม่ชินกับผู้ปกครองที่มาวางมาดเป็นผู้ปกครองน่ะแหละ วัฒนธรรม "ไพร่" จึงไม่ค่อยมีผล
ในสังคมใต้

ขณะที่มองภาคอีสาน ซึ่งผมมองว่าเป็นความเจริญที่วางอยู่บนเส้นทางเดินทัพสองสาย สายหนึ่งไปยังเวียงจันทร์
อีกสายผ่านอีสานต่ำไปยังกัมพูชา เส้นทางเหล่านี้ถูกใช้บ่อยครั้งมากโดยเฉพาะตั้งแต่สมัยร. 3 ที่มึศึกเจ้าอนุฯ ศึกญวน ฯลฯ (จะมีศึกจีนฮ่อด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ) ทำให้คนพื้นถิ่น รวมถึงหัวหน้ากลุ่มจะต้องปรับตัวตลอดเวลา
เพื่อเอาตัวรอดจากอิทธิพลทั้งจากสยาม และจากอีกฝั่งของแม่น้ำโขง ซึ่งแม้ในปัจจุบันเราก็จะมองเห็นว่าการเมืองอีสานเป็นลักษณะของกลุ่มผลประโยชน์ที่เข้ามาต่อรองเพื่อความอยู่รอดจริงๆ ชาวบ้านพึ่งพิงผลประโยชน์จากสส. ขณะที่สส.พึ่งผลประโยชน์จากหัวหน้ากลุ่ม หัวหน้ากลุ่มก็ต้องต่อรองกับรัฐบาล เพราะงั้นผมว่าคุณปรมาจารย์เจไดพูดถูกที่ว่าคนอีสานนั้นไม่ได้โง่ เพียงแต่มันเป็นการเมืองอีกรูปแบบ ที่รวมตัวจากกลุ่มผลประโยชน์ ที่มีการต่อรองปรับตัว ระหว่างมุ้งต่อมุ้ง... แต่นั่นแหละ ข้อเสียก็คือการเมืองอีสานยากที่จะสร้างพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองขึ้นมาได้เพราะถ้าผลประโยชน์ขัดกันก็บรรลัย...นั่นคือสัจธรรมของมนุษย์

ขณะเดียวกัน คนภาคอื่นก็ต้องเรียนรู้และปรับตัวเพื่อรับมือกับการเมืองอีกรูปแบบ อีกฟากจากภาคเหนือ
และภาคอีสานที่มีกำลังคนพอๆกัน หรือมากกว่า เพื่อให้การเมืองไทยก้าวไปข้างหน้า...

ผมคิดว่างี้นะ...

 
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #35 เมื่อ: 23-08-2007, 15:04 »

วิเคราะห์ได้ฉาบฉวยมากครับ

จะว่าไปเด็กอีสานเข้ามาเรียนหนังสือเป็นเด็กวัดมากมาย

จบแล้วก็อยู่ในภาคราชการเป็นหลัก ถอยหลังไปซัก 20-30 ปี คงเห็นตัวเลข

ข้าราชการส่วนใหญ่ก็ภาคอีสานนี่แหละ แม้เดี๋ยวนี้ พวกเรียนสูง ๆ ผมก็ว่าน่าจะมากกว่าคนทางภาคใต้ด้วยซ้ำ

คนอีสานเก่งทางการเรียนการสอน ไปดูในอาชีพครูก็คงจะเห็น มีครู อีสานมากหรือน้อย

การย้ายถิ่นของคนชนบท มีความจำเป็นทางเศรษฐกิจ

เพราะธรรมชาติของพื้นที่อีสาน ทำมาหากินได้ยาก ขาดแคลนทุกอย่าง

พื้นที่กว้างขวาง การกระจายตัวมีมาก ทั้งโรงเรียน โรงหมอ ย่อมขาดแคลนไปหมด

ผิดกับภาคใต้ 10 กว่าจังหวัด พื้นที่น้อย สภาพภูมิประเทศมีทางเลือกในการประกอบอาชีพมากมาย

โรงเรียน โรงหมอ ก็ไม่ต้องใช้งบประมาณมากหากเทียบกันภาคต่อภาค

การเคลื่อนย้ายของคนอีสาน จึงเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อความอยู่รอด

มาทำงานเพื่อส่งเสียให้ครอบครัวทางบ้าน อย่าไปมองแค่มาเป็นคนรับใช้เลยครับ

แรงงานส่วนใหญ่อยู่ในโรงงาน อยู่ในภาคก่อสร้างอีกมากมาย

ความขาดแคลนทางสภาพเศราฐกิจไม่เหมือนกันจึงเปรียบเทียบกันยาก

แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ คนอีสานไม่เห็นแก่ตัว จึงมักไม่รวย

ผิดกับคนใต้ ใจดำเห็นแก่ตัว กอบโกย ผมมองอย่างนี้นะ

มิเช่นนั้น สส. ปชป. สายอีสาน คงไม่ถอนตัวออกจากพรรคสะตอสามัคคีครับ

เมื่อก่อนนั้นก็เป็น สส.ดี มีคุณภาพทุกคน แต่พอออกจากพรรคปชป. กลายเป็นคนชั่วไปได้ไงไม่ทราบ

ผมคิดว่า การมองแบบฉาบฉวย รังแต่จะไม่เกิดประโยชน์ เพราะไม่มีงานวิจัยรองรับ

อย่างมากก็เป็นมุมมองของคน ๆ หนึ่ง ที่มองออกจากเบ้าตาอคติ

แค่จำนวน สส. 130 คนของภาคอีสาน กับ สส. 40 คน ของภาคใต้

มันวัดกันได้แล้ว ใครจะไปได้ดีกว่ากัน

จะว่าไป คนอีสานเป็นคนรู้คุณคน ไม่เหมือนคนเนรคุณแบบคนปักษ์ใต้ เช่น วีระ เป็นต้น

ดังนั้นเมื่อทักษิณ ทำให้เค้ามีโครงการต่าง ๆ มีโอกาสลืมตาอ้าปาก เค้าก็รักของเค้า เราจะไปว่ากันไม่ได้

แต่นิสัยเนรคุณคนแบบคนปักษ์ใต้ คนอีสานทำไม่เป็นครับ
บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #36 เมื่อ: 23-08-2007, 15:06 »

^
^
เสริมอีกนิด

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้การเมืองภาคใต้เข้มแข็ง เพราะจริงๆแล้วภาคใต้ก็คือหนึ่งอาณาจักร 1 อาณาจักร
ของคนไทยที่มีนครศรีธรรมราชเป็นศูนย์กลาง มีเมืองบริวาร 12 เมือง
(แต่มายาคติของคนภาคอื่นต่างหากที่เอาภาพของคนไทยมลายูไปครอบ
ให้กับอัตลักษณ์ของคนใต้) ด้วยเหตุนี้คนใต้จึงรวมตัวกันเองได้ง่ายกว่า เพราะธรรมเนียม
วัฒนธรรม ความคิด มันไปเส้นทางเดียวกันอยู่แล้ว

ขณะที่ทางอีสานนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นหัวเมืองย่อยกระจัดกระจายกันอยู่กึ่งกลาง
ระหว่าง 3 อาณาจักร คือ สยาม ลาว และกัมพูชา หัวเมืองเหล่านี้ต้องดิ้นรน
เล่นการเมืองเอาตัวรอด บางครั้งเข้าข้างสยาม บางครั้งเข้าข้างลาว เขมร
จึงก่อกำเนิดการเมืองในลักษณะกลุ่มมุ้งเล็ก มุ้งใหญ่ ที่มารวมตัวกันเพื่อผลประโยชน์
จึงยากที่จะสร้างตัวเองเป็นสถาบันที่มั่นคงได้

สาเหตุที่ทักษิณสร้างพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่มั่นคงขึ้นมาในภาคอีสานหรือ
ภาคเหนือได้ ก็เพราะมีทรัพยากรมากพอที่จะสนองประโยชน์ให้กับมุ้งต่างๆได้ลงตัว
แต่หากไม่มีทักษิณ หรือไม่มีทรัพยากรขนาดใหญ่พอ ผมยังมองว่าโอกาสที่
เหนือกับอีสานจะประสานผลประโยชน์เข้าด้วยกันเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่อีกนั้น
ยากครับ

 
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #37 เมื่อ: 23-08-2007, 15:12 »

ทางใต้ สส. แค่ 40 กว่าคน จะทำอะไรได้ละครับ

ถ้าสส.อีสาน-เหนือ ไม่เล่นด้วย

อ้อ...อย่าบอกว่าทางใต้มีอุดมการณ์บ้าบอเลยนะครับ

นายหัวชวนเองก็ยังบอกว่า กว่าจะเข้ามาได้ก็ต้องแหวกม่านสีม่วง มาแทยตาย

อย่าแปะทองคำใส่หน้าผากให้มากเลยครับ

คนใต้ใจดำ สส. ค้าถึงถอนสมอ ออกมาหมด

เรื่องอะไรจะไปเป็นนั่งร้านให้พรรคคนใจดำ
บันทึกการเข้า

Gun
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 49



« ตอบ #38 เมื่อ: 23-08-2007, 15:16 »

อย่าประชดโดยการเอาชาติมาเล่นเลย คิดแล้วเสียว

ไม่ได้ประชดนะครับ

อันนี้หวังอยู่ลึก ๆ จริง ๆ นะ เผื่อจะตั้งใจพัฒนาชาติกันเหมือนญี่ปุ่นตอนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ
ถึงแม้มันจะเป็นไปได้ยากก็เถอะถ้าดูที่นิสัยคนไทย
บันทึกการเข้า
กระดานดำออนไลน์
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 186



เว็บไซต์
« ตอบ #39 เมื่อ: 23-08-2007, 15:41 »

ที่สุรินทร์

มี ครูคนหนึ่งถิ่นฐานเดิมอยู่ปักษ์ใต้ มาได้ภรรยาเป็นคนท้องถิ่น ปักหลักอยู่ที่นี่เป็นสิบๆ ปีแล้ว ลงรับสมัครเลือกตั้งหลายสมัย เริ่มจากประชาธิปัตย์ ความหวังใหม่ มาประสบความสำเร็จเมื่อมาอยู่ไทยรักไทย

ลุงของผมก็อพยพย้ายถิ่นไปทำสวนยางอยู่สุขิริน นราธิวาส เป็น 20-30 ปีแล้ว ก็มีครอบครัวอยู่ที่นั่น

ผมไม่วิเคราะห์นะครับแต่มาเล่าให้ฟัง บางทีการมองจากมุมการเมือง กับมองจากมุมของคนในท้องถิ่นที่ไม่แบ่งแยกก็อาจไม่เหมือนกัน

เมื่อครั้งผมเรียนที่กรุงเทพฯ อย่างที่เคยบอก มีเพื่อนเป็นชาวปักษ์ใต้เยอะมาก ไปนอน กิน เที่ยว กรีดยาง ก็เคยไป ระดับชาวบ้านมีแต่คำว่ามิตรภาพ
เรียนจนมีโอกาสไปทำงานวนเวียนที่ปักษ์ใต้เกือบปี ก็มีแต่คำว่ามิตรภาพครับ (10 กว่าปีที่แล้ว)

คนที่มาแบ่งแยกคนไทยไม่ใช่คนระดับชาวบ้านครับ ก็พวกนักเลือกตั้งนั่นแหละ

รักกันไว้เถิดเราเกิดบนแผ่นดินไทย
บันทึกการเข้า

กระดานดำออนไลน์กระดานดำออนไลน์กระดานดำออนไลน์กระดานดำออนไลน์กระดานดำออนไลน์กระดานดำออนไลน์
http://www.kradandum.com
http://www.oknation.net/blog/kradandum
-----------------------------------------------------------
เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแ่ผ่นดิน

อยู่ไม่ถึง ๑๐๐ ปีก็ตาย รีบๆ ทำความดีเพื่อแผ่นดินกันเถอะครับ
กระดานดำออนไลน์
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 186



เว็บไซต์
« ตอบ #40 เมื่อ: 23-08-2007, 15:43 »

อ้าว ซ้ำกัน ลบไม่ได้เสียด้วย เอาเป็นว่า

รักกันไว้เถิดเราเกิดบนแผ่นดินไทย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2007, 15:48 โดย กระดานดำออนไลน์ » บันทึกการเข้า

กระดานดำออนไลน์กระดานดำออนไลน์กระดานดำออนไลน์กระดานดำออนไลน์กระดานดำออนไลน์กระดานดำออนไลน์
http://www.kradandum.com
http://www.oknation.net/blog/kradandum
-----------------------------------------------------------
เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแ่ผ่นดิน

อยู่ไม่ถึง ๑๐๐ ปีก็ตาย รีบๆ ทำความดีเพื่อแผ่นดินกันเถอะครับ
isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #41 เมื่อ: 23-08-2007, 15:50 »

วิเคราะห์ได้ฉาบฉวยมากครับ

จะว่าไปเด็กอีสานเข้ามาเรียนหนังสือเป็นเด็กวัดมากมาย

จบแล้วก็อยู่ในภาคราชการเป็นหลัก ถอยหลังไปซัก 20-30 ปี คงเห็นตัวเลข

ข้าราชการส่วนใหญ่ก็ภาคอีสานนี่แหละ แม้เดี๋ยวนี้ พวกเรียนสูง ๆ ผมก็ว่าน่าจะมากกว่าคนทางภาคใต้ด้วยซ้ำ

คนอีสานเก่งทางการเรียนการสอน ไปดูในอาชีพครูก็คงจะเห็น มีครู อีสานมากหรือน้อย

การย้ายถิ่นของคนชนบท มีความจำเป็นทางเศรษฐกิจ

เพราะธรรมชาติของพื้นที่อีสาน ทำมาหากินได้ยาก ขาดแคลนทุกอย่าง

พื้นที่กว้างขวาง การกระจายตัวมีมาก ทั้งโรงเรียน โรงหมอ ย่อมขาดแคลนไปหมด

ผิดกับภาคใต้ 10 กว่าจังหวัด พื้นที่น้อย สภาพภูมิประเทศมีทางเลือกในการประกอบอาชีพมากมาย

โรงเรียน โรงหมอ ก็ไม่ต้องใช้งบประมาณมากหากเทียบกันภาคต่อภาค

การเคลื่อนย้ายของคนอีสาน จึงเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อความอยู่รอด

มาทำงานเพื่อส่งเสียให้ครอบครัวทางบ้าน อย่าไปมองแค่มาเป็นคนรับใช้เลยครับ

แรงงานส่วนใหญ่อยู่ในโรงงาน อยู่ในภาคก่อสร้างอีกมากมาย

ความขาดแคลนทางสภาพเศราฐกิจไม่เหมือนกันจึงเปรียบเทียบกันยาก

แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ คนอีสานไม่เห็นแก่ตัว จึงมักไม่รวย

ผิดกับคนใต้ ใจดำเห็นแก่ตัว กอบโกย ผมมองอย่างนี้นะ

มิเช่นนั้น สส. ปชป. สายอีสาน คงไม่ถอนตัวออกจากพรรคสะตอสามัคคีครับ

เมื่อก่อนนั้นก็เป็น สส.ดี มีคุณภาพทุกคน แต่พอออกจากพรรคปชป. กลายเป็นคนชั่วไปได้ไงไม่ทราบ

ผมคิดว่า การมองแบบฉาบฉวย รังแต่จะไม่เกิดประโยชน์ เพราะไม่มีงานวิจัยรองรับ

อย่างมากก็เป็นมุมมองของคน ๆ หนึ่ง ที่มองออกจากเบ้าตาอคติ

แค่จำนวน สส. 130 คนของภาคอีสาน กับ สส. 40 คน ของภาคใต้

มันวัดกันได้แล้ว ใครจะไปได้ดีกว่ากัน

จะว่าไป คนอีสานเป็นคนรู้คุณคน ไม่เหมือนคนเนรคุณแบบคนปักษ์ใต้ เช่น วีระ เป็นต้น

ดังนั้นเมื่อทักษิณ ทำให้เค้ามีโครงการต่าง ๆ มีโอกาสลืมตาอ้าปาก เค้าก็รักของเค้า เราจะไปว่ากันไม่ได้

แต่นิสัยเนรคุณคนแบบคนปักษ์ใต้ คนอีสานทำไม่เป็นครับ


ลุงแคนมีอารมณ์ซะแล้ว

ถ้าคนอย่างวีระเนรคุณ แล้วเราจะเรียกคนอย่างชัย ชิดชอบ หรือเนวิน ชิดชอบว่าอะไรล่ะครับ
(นี่ยังไม่รวมถึงคนอื่นๆอีกหลายๆคนนะ)

แล้วการเมืองนี่มันไม่ใช่บุญคุณนะครับลุง คนที่เราเลือกเข้ามาก็กินเงินเดือนภาษีของเรา
แถมยังเอาเงินเราไปบริหาร ถ้านักการเมืองบังอาจมาทวงบุญทวงคุณนี่ ผมว่าผิดไปแล้วล่ะครับ

ผมเองก็ใช่ว่าจะโปรฯ ประชาธิปัตย์ ส่วนหนึ่งผมไม่ชอบพวกนักกฎหมายกับนักวิชาการ
ผมชอบคนทำงานเป็นมากกว่า ซึ่งจุดนี้แหละที่ประชาธิปัตย์ขาดไป แต่เพราะหม่อมเสนีย์หรือเปล่า
ที่ทำให้ประชาธิปัตย์กลายเป็นพรรคนักกฎหมาย ซึ่งคนใต้ส่วนใหญ่ที่ขึ้นมาเรียนต่างก็เรียน
นิติ หรือไม่ก็รัฐศาสตร์ อีกทั้งนิสัยคนใต้ที่อย่างที่ผมบอกว่าบ้าเกียรติ บ้าศักดิ์ศรีมากกว่าบ้าวัตถุ
การจะจับกลุ่มกับนักการเมืองอีสานที่เป็นขั้วนิสัยตรงกันข้ามก็เลยทำได้ยาก การที่พรรคแตก
ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

สำหรับเรื่องที่ลุงว่าคนอีสานที่เข้ามาเป็นใหญ่เป็นโต มันก็มีครับ ไม่ใช่น้อยๆอย่างที่ลุงว่า
แต่ทำไมสื่อถึงสะท้อนภาพด้านเดียวเฉพาะภาพคนอีสานที่ลำบากผมก็ไม่ทราบได้...แปลกมะ

จริงๆแล้วผมว่าวัฒนธรรมอีสานนั้นเข้มแข็งที่สุดด้วยซ้ำ ขณะที่วัฒนธรรมพื้นบ้านอื่นๆตายไปจะหมดแล้ว
หมอลำอีสาน ส้มตำอีสานกลับกลายเป็นสินค้าเอ็กซ์ปอร์ตไปภาคอื่นๆ แถวใต้ก็ฟังหมอลำกัน
จนเพลงใต้จะตายอยู่แล้ว

และด้วยโครงสร้างของครอบครัวอีสาน
ที่ใครๆมองว่าแตกสลาย พ่อแม่เข้ากรุง ย่ายายเลี้ยงลูกอยู่บ้าน ผมกลับมองอีกแง่ว่าเป็นโครงสร้างครอบครัว
ที่เข้มแข็งด้วยซ้ำ มีพ่อแม่ที่เข้าไปหารายได้ในแหล่งที่เงินทองสะพัดเป็นกองหน้า ส่งกลับไปยังชนบทที่ความจำเป็นในการ
ใช้เงินต่ำเป็นกองหลัง หากคนอีสานมีการออมเงินที่เป็นระบบกว่านี้ ผมว่าคนอีสานรวยไปแล้ว
ขณะที่คนใต้ต้องขายที่ขายทางส่งลูกเรียน ลูกก็กลายเป็นคนชั้นกลาง พ่อแม่ก็ย้ายตามมา กลายเป็นคนพลัดถิ่นรากขาด
เป็นทรัพยากรให้กับเมืองกรุงฯ ไป... ผมว่าคนที่มีบ้านต่างจังหวัดให้กลับมันน่าอิจฉากว่านะลุง และหากเอาเงินจากในเมือง
ไปใช้จ่ายในชนบท มูลค่าของเงินนั้นมันพุ่งขึ้นหลายเท่า ยิ่งถ้าออมเก่งด้วย ป่านนี้อีสานมีเศรษฐีใหม่ไปเยอะแล้ว


ส่วนที่บอกว่าคนใต้ขี้โกง ใจดำ นั้นมันเป็นที่ตัวบุคคลมากกว่า ที่บอกว่าใจดำนั้น ผมก็ว่าเอามาตรฐานคนชั้นกลางมาเทียบไม่ได้หรอก
เพราะพื้นฐานการดำรงชีพมันไม่เหมือนกัน อย่างเราไปต่างจังหวัด เพื่อนอาจจะพาเราเที่ยวเป็นสัปดาห์ได้ แต่เวลาที่เขามาเยี่ยมเรา
พาเค้าเที่ยวห้างได้แค่เสาร์ อาทิตย์ ก็เต็มที่แล้ว เขาจะหาว่าเราใจดำก็จนปัญญา หรืออย่างมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เห็นคนถูกรถชนช่วยพาไปส่งโรงหมอได้
แต่ถ้าเป็นคนทำงาน ถึงจะช่วยคน แต่เข้าทำงานสาย งานเสียก็เป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดตกงานได้ เรื่องนี้มันพูดยากเนาะลุงเนาะ
ส่วน เรื่องกอบโกยนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล อย่าเถียงว่านักการเมืองอีสานไม่กอบโกยเลยครับ
ตะละคนปากมันแผล็บ กินแล้วยังเถียงข้างๆคูๆอีก อย่างบุฟเฟต์คาบิเน็ตของน้าชาติเนี่ย สายไหนกันบ้างเนี่ย??

และความมีน้ำใจของคนอีสานนี่แหละที่มีปัญหาโดยตรงกับการออมเงินของคนอีสาน ผมนั่งแท็กซี่ทุกครั้งก็คุยกับคนขับทุกครั้ง
ก็เลยทราบว่าเวลากลับบ้านแต่ละครั้ง ก็ต้องเก็บเงินกันเป็นหมื่นๆ เพื่อซื้อของฝากไปให้ญาติ พ่อแม่พี่น้อง เป็นธรรมเนียม
ไม่มีก็ไม่กล้ากลับ ซึ่งตรงนี้แหละที่ทำให้เงินที่ลงไปที่อีสาน วูบหายๆ ทั้งๆที่โอกาสเข้าถึงเงินก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่าภาคอื่นๆ
ถ้าเป็นคนใต้ กลับลงไปมือเปล่าให้เขาเห็นหน้าเขาก็ดีใจแล้ว แถมตอนกลับขึ้นมากรุงเทพฯ ยังได้ทุเรียน เงาะ ฯลฯ หิ้วกลับมาอีก
เพราะงั้น คำว่าน้ำใจมันมีกันทุกภาคแหละครับ แต่การแสดงออกมันไม่เหมือนกัน เพียงแต่ลักษณะน้ำใจแบบของอีสาน
ที่มีก็กินด้วยกัน อดก็อดด้วยกัน มันกระทบฐานะทางเศรษฐกิจแรงกว่า เลยกลายเป็นกอดคอกันจนไปเลย แถมทำให้เกิด
พวกที่ยืนด้วยตัวเองไม่เป็น หวังพึ่งคนอื่นอย่างเดียวขึ้นมาเป็นขยะสังคมอีกต่างหาก

ส่วนเรื่องความลำบากนั้น ผมว่าไม่ต่างกันหรอกครับ ทุกวันนี้แม้แต่ในภาคกลาง อย่างแถวเพชบูรณ์ ฯลฯ ก็ยังมีพื้นที่กันดารอีกเยอะแยะ
พื้นที่ภาคใต้นั้น แม้จะแคบยาว แต่ก็มีแต่ภูเขา ป่า ขวาง กันดารไม่แพ้กันหรอก เพียงแต่อาหารการกินอุดมสมบูรณ์กว่าแค่นั้นเอง
สมัยรุ่นพ่อผม เวลาจะตั้งโรงเรียนยังต้องเอาเมียไปล่อครูให้ไปตั้งโรงเรียนให้อยู่เลย รุ่นผมตอนเด็กๆ ทั้งจังหวัดมีหมอแค่คนเดียวก็เคย
แต่ทางอีสานที่ลำบากมากกว่าเพราะมีเมืองใหม่ ชุมชนใหม่เกิดเยอะ มีการอพยพย้ายถิ่นสูง ต่างกับภาคใต้ที่เป็นชุมชนเก่าแก่ มั่นคงกว่า
มันก็ช่วยไม่ได้เนาะ ไม่ใช่ความผิดของใครสักหน่อย

ที่ลุงว่าผมวิเคราะห์ผิวเผินผมก็ไม่เถียงลุงหรอก เพราะผมชอบดูปัจจัยทางวัฒนธรรม ครอบครัว ความเป็นอยุ่ ประวัติศาสตร์มากกว่า
ผมว่าตรงนี้แหละที่มันสะท้อนออกมาให้เห็นในเชิงการเมือง... ถ้าดูลงไปที่การเมืองตรงๆมันขวานผ่าซากไปหน่อย
อีกอย่างข้อมูลการเมืองผมไม่ลึกเท่าหลายๆคนในนี้หรอก

อาจจะไม่ถูกใจนักวิชาการปีกซ้ายอย่างลุงก็ขออภัยด้วยเน้อ...


 









บันทึกการเข้า
Scorpio6
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,210


Man on Mission *เสี่ยวฯ>สันติภาพ*


« ตอบ #42 เมื่อ: 23-08-2007, 15:56 »

ถ้าคนอย่างวีระเนรคุณ แล้วเราจะเรียกคนอย่างชัย ชิดชอบ หรือเนวิน ชิดชอบว่าอะไรล่ะครับ
(นี่ยังไม่รวมถึงคนอื่นๆอีกหลายๆคนนะ)


เขาเรียกันว่า กูย หรือ กวย หรือ ส่วย.....ครับ
เป็นกลุ่มพื้นเมืองดั้งเดิมทางอีสานใต้...
แต่ชื่อที่ว่ามา...กลายพันธุ์ครับ

ชาวกูย อพยพเข้าประเทศไทย ครั้งใหญ่ในสมัยปลายอยุธยา (พ.ศ.๒๒๔๕-๒๓๒๖) ชาวกูยมีถิ่นเดิมอยู่บริเวณตอนเหนือของเมืองกำปงธม ประเทศกัมพูชา ชาวกูย เคยเป็นรัฐอิสระ ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๐ เคยส่งทูตมาค้าขายกับอยุธยาและเคยช่วยกษัตริย์ เขมรปราบขบถ ต่อมาเขมรได้ใช้อำนาจทางทหารปราบชาวกูย และผนวกอาณาจักรเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเขมร ชาวกูยชอบการอพยพ เพื่อแสวงหาที่ดินอุดมสมบูรณ์ในการเพาะปลูก ชาวกูยอพยพขึ้นเหนือเข้าสู่เมืองอัตตะบือ-แสนแป จำปาศักดิ์ และสาละวัน ทางตอนใต้ของลาวและอพยพข้ามลำน้ำโขงเข้าสู่ภาคอีสาน ทางด้าน แก่งสะพือ อ.โขงเจียม หลังจากนั้นลูกหลานชาวกูยแยกย้ายกันไปตั้งบ้านเรือน ชาวกูยที่อพยพมา มีหัวหน้าของตัวเอง คนไทยเรียกชาวกูยว่า “เขมรป่าดง” แต่ “ชาวกูย”เรียกเรียกตัวองว่า กุย หรือ โกย ซึ่งแปลว่า “คน”ส่วนคำว่า "ส่วย" นั้น ชาวกูยเองไม่ค่อยยอมรับชื่อนี้ ปัจจุบันพบชาวกูยในจังหวัดบุรีรัมย์ อุบลราชธานี นครราชสีมา มหาสารคาม สุรินทร์ ศรีสะเกษและ สุพรรณบุรี) ส่วนใหญ่ชาวกูยในประเทศไทย ตั้งถิ่นฐานปนอยู่กับชาวเขมรสูง และชาวลาวทำให้ชาวกูยถูกกลืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม เขมรสูงและลาว บ้านของชาวกูยมีลักษณะใต้ถุนสูงด้านหน้าเอาไว้เลี้ยงช้าง ใต้ถุนใช้เป็นที่วางหูก ทอผ้าวางกระด้งไหม และวัสดุเครื่องใช้สานด้วยหวายหรือไม้ไผ่ ชาวกูยบางบ้านจะแบ่งส่วนหนึ่งที่ติดตัวบ้านเป็นยุ้งข้าว บางบ้านสร้างแยกต่างหาก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2007, 15:59 โดย Scorpio6 » บันทึกการเข้า



คิดจะล้มระบอบทักษิณ ต้องอ่านใจเนวินและเพื่อน
บล็อกเสี่ยวไทบ้าน*แวะเยี่ยมRepublican Collage ของคุณสุธา ชันแสง*
http://www.oknation.net/blog/thaibaan/2008/03/26/entry-1
"ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนและในฐานะอย่างไร จงตรองหาว่า จะมีทางใช้ชีวิต
ให้เป็นประโยชน์ในทางใดบ้าง เมื่อตั้งใจคิดถึงมันแล้วก็จะพบเสมอ
ไม่ว่าอยู่ที่ใด เมื่อพบทางแล้วจงลงมือทำสิ่งที่เป็นประโยชน์"
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #43 เมื่อ: 23-08-2007, 16:06 »

มันก็แค่ผลประโยชน์ของ พวก สส.นั่นแหละคุณเอ๊ย อย่าไปวิเคราะห์อะไรที่เกินเลยกว่านั้น

เมื่อก่อน ก็มีพรรคการเมืองอื่นแทรกอยู่ในภาคใต้เยอะแยะ ไม่ว่า กิจสังคม ชาติไทย พลังธรรม

หรือแม้แต่ความหวังใหม่

ความโลภมาก อิทธิพลกลุ่ม มันก็แค่นั้นเอง

เอางี้ดีกว่า มีพรรคใหม่ ๆ พรรคใหนบ้างที่ประกาสจะไปร่วม ปชป. หนนี้

ผมกลัวว่าจะเป็นแม่สายบัวซะละมากกว่า

อย่าลืมว่ายิ่ง ปชป. เกาะกันแน่น ๆ เที่ยวดูถูกคนอื่น

ระวังโดนพวกลาวกระแทกเป็นฝ่ายค้านอีกเที่ยวละจนอีกนานเลยนะครับ
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #44 เมื่อ: 23-08-2007, 16:13 »

ลืมแล้วเหรอ เลือกตั้ง 48 พวกปาร์ตี้ลิสต์ตัวดัง ๆ รีบแจ้นลงสส.เขตกี่คน

ไทยรักไทยขนเงินไปลงเท่าไหร่

พวกนี้จนเงินลงไปแจกใคร ถ้าไม่ใช่คนใต้

อย่าไปเอาทองแปะหน้าผากให้มากเลยครับ ขี้เดียด
บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #45 เมื่อ: 23-08-2007, 16:18 »

ถ้าคนอย่างวีระเนรคุณ แล้วเราจะเรียกคนอย่างชัย ชิดชอบ หรือเนวิน ชิดชอบว่าอะไรล่ะครับ
(นี่ยังไม่รวมถึงคนอื่นๆอีกหลายๆคนนะ)


เขาเรียกันว่า กูย หรือ กวย หรือ ส่วย.....ครับ
เป็นกลุ่มพื้นเมืองดั้งเดิมทางอีสานใต้...
แต่ชื่อที่ว่ามา...กลายพันธุ์ครับ


แฮ่ๆ...  

ลุงแคนอย่าเพิ่งงอนล่ะ รักลุงนะ  

อีกอย่างที่ผมเห็นที่ทำให้คนอีสานออมเงินไม่เป็น นอกจากน้ำใจสไตล์ของคนอีสาน
ก็คือคนอีสานเป็น "นักสุขนิยม" ตัวยง ที่มีวัฒนธรรมการกิน การบันเทิง เหนือกว่าภาคอื่นๆ

อย่างภาคใต้ เราเลือกขายวัวเอาเงินส่งควายมาเรียน... เพื่อมันจะได้ทำมาหากิน มีรายได้ระยะยาว

ภาคเหนือ นักเที่ยวในสมัยนู้นจะจำได้ว่าน้องๆจะชอบพกอัลบั้มรูปติดตัวคนละเล่ม
เป็นภาพของบ้านที่กำลังสร้าง สรุปว่าคนเหนือหาเงินเพื่อส่งให้ครอบครัวสร้างบ้านใหม่
อดหยากแค่ไหนไม่ว่า ขอให้บ้านสวยไว้ก่อน พี่สาวผมเคยย้ายตามพี่เขยไปอยู่เหนือ
เป็นสิบปี ผมขึ้นไปเยียม ยอมรับว่าบ้านเค้าสวยจริงๆครับ ต่อให้บ้านจนแค่ไหน
ก็เป็นระเบียบ มีรั้วรอบขอบชิด ถึงจะไม่สนับสนุนแนวคิดแบบนี้ แต่อย่างน้อยในแง่ของการออม
ก็ยังมีทรัพย์สินเหลือ

แต่ภาคอีสานล่ะครับ... อืมม์ กินกันทุกเย็น เมากันทุกมื้อ ไม่ออกไปเที่ยวข้างนอกก็ร้องกันในบ้านนี่แหละ
ร้านคาราโอเกะมุงจากก็มีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนอีสานเนี่ยแหละ กูเลี้ยงมึง มึงเลี้ยงกู แล้วที่หามาได้
มันจะเหลือมั้ยน่ะ ตอนอยู่ญี่ปุ่นผมยังเคยไปแจมจนโดนญี่ปุ่นข้างห้องกระทุ้งห้องเอาก็บ่อย
ร้านอาหารอีสานถึงได้เต็มเมืองไง สไตล์ชีวิตแบบนี้ บอกตรงๆว่าคนใต้งงครับ ไม่มีตังค์พาเมียไปทำคลอด
แต่มีตังค์กินเหล้าร้องคาราโอเกะ เอากะพ่อสิ สุขนิยมกันแบบนี้แหละครับ ถึงได้ออมเงินไม่ได้สักที

ถึงยังไงก็รักคนอีสานนะครับ ไม่ได้เกลียด เพียงแต่งง... แฮะๆ
 

แล้วก็ขอยืนยันอีกทีว่าผมเชื่อว่าพื้นฐานทางวัฒนธรรมท้องถิ่น มีผลอย่างแรงต่อรูปแบบการเมืองท้องถิ่นครับลุง

ปล. ใครจะแจกเงินเท่าไหร่เราก็รับหมด แต่ไม่เลือกครับ... เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงครับ...ตังค์ไม่กี่ร้อย กินเหล้าเมาเดียวก็หมดแล้ว
รับแต่ไม่เลือก อยากแจกได้แจกไป ต่อให้มันไม่เจ๊ง มันก็ต้องมีเข็ดกันมั่งละ คราวหน้าจะได้ไม่เสนอหน้าไปให้เห็นอีกไง 
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #46 เมื่อ: 23-08-2007, 16:27 »

กบในกะลา เห็นได้แค่นั้นมั๊ง

เห็นหนองน้ำก็นึกว่าเจอทะเล น่าอนาถ
บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #47 เมื่อ: 23-08-2007, 16:44 »

นั่น... งอนไม่เลิก

มุมมองของลุงผมก็ไม่ปฏิเสธหรอก แต่มันเป็นมุมมองของนักหนังสือพิมพ์
ซึ่งผมก็ชินอยู่ครับ แต่เค้าชอบมองการเมืองเป็นเหมือนเกมฟุตบอล
คนโน้นอัดกับคนนี้ คนนี้ฉะกับคนนั้น สายโน้นเจอกับสายนี้
บางทีผมก็ขัดใจเหมือนกันนะ ประเทศชาติจะพังอยู่แล้ว
ยังมาลุ้นกันเป็นเกม Strategy อยู่ได้ บางทีเลยขี้เกียจจะ
อ่านข่าวการเมืองไปเลยก็มี

แต่ไงๆเกมการเมืองผมก็ว่ามันก็พายอยู่ในชามอ่างน่ะแหละ
จะเป็นนักการเมืองใต้หรือนักการเมืองอีสานมันก็สันดานเดิมๆ
ไม่งั้นเค้าไม่หวังพึ่งการเมืองภาคประชาชนหรอก

แล้วที่ผมลุ้นอยู่ก็คือการเมืองภาคประชาชนต่างหาก
การเมืองของพรรคการเมืองมันก็แค่ปาหี่ ถ้าไม่มีอิทธิพล
ภายนอกมาบีบ มันก็เล่นเกมซ้ำซากอยู่แค่นั้นแหละ
(ไม่ขอแก้รัฐธรรมนูญก็แปลกแล้ว)

อย่างที่ผ่านมา ถ้าไม่ใช่เพราะพลังประชาชนนำร่องให้
รัฐบาลทักษิณคงไม่โดนคว่ำหรอก
เพราะงั้น ในอนาคตผมว่าพลังประชาชนที่เนื้อหาต่างกันนี่แหละ
จะเป็นตัวแปรสำคัญ
หรืออย่างที่ผ่านมา เราก็เจอพลังแฝงเป็นกองทัพม็อบจากอีสานกันบ่อยๆ
ถึงจะมีนักการเมืองเป็นเจ้าภาพ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าของอำนาจแถวอีสาน
ลงมาเล่นกันตรงๆแล้ว ขณะที่ภาคอื่นยังไม่ค่อยขยับกันเท่าไหร่
ถ้าไม่มีปฏิวัติก่อน ก็คงเรื่องใหญ่ไปแล้ว
เราก็เห็นกันไม่ใช่เหรอลุง...

 

บันทึกการเข้า
สี่หามสามแห่
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,460



« ตอบ #48 เมื่อ: 23-08-2007, 16:46 »

แต่เขาพูดมา บางส่วนก็ถูกไม่ใช่ หรือครับ ลุงแคน

คนใต้ก็ไม่ได้เนรคุณคน ซักหน่อย ถ้าเนรคุณทั้งหมด จะออกมาขับไล้ วีระ หรือครับ

คนอีสานก็ไม่ได้ขี้เกียจทั้งหมดซักหน่อย คนที่ขยันก็มี

บางครั้งลุงแคนพิมพ์มา มันก็เหมือนว่าคนใต้ เหมือนกัน นะ

ลุงก็เอาทองแปะหน้าผากคนอีสานเหมือนกันแหละ

อย่าทะเลาะกันเลยครับไม่เกิดประโยชน์หรอก
บันทึกการเข้า
สมปอง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,128



« ตอบ #49 เมื่อ: 23-08-2007, 16:51 »

ถ้าพูดถึงส่วนใหญ่ ลุงแคนถูก

แต่ถ้าพูดถึงทั้งหมด ลุงแคนผิด
บันทึกการเข้า



ไม่มีดินผืนใดให้ไออุ่น เท่ากับดินที่คุณถือกำเนิด
ไม่มีดินผืนใดดูมั่นคง เท่ากับดินที่ลงสำมะโนครัว
ไม่มีดินผืนใดให้คุณเดิน เท่ากับดินที่คุณเดินตอนตั้งไข่
ไม่มีดินผืนใดมีความหมาย เท่าแผ่นดินสุดท้ายของเผ่าพันธุ์

ไม่มีเงินไม่มีทองยังไม่หมองเศร้า
มีแผ่นดินปลูกข้าวเราอยู่ได้
ไม่มีเงินไม่มีทองค่อยหาใหม่ บนแผ่นดินสุดท้ายของไทยทุกคน
หน้า: [1] 2
    กระโดดไป: