ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
23-04-2024, 22:51
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ป้าศิลาแรง หรือซ้อเจ็ดมาตอบหน่อย 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6
ป้าศิลาแรง หรือซ้อเจ็ดมาตอบหน่อย  (อ่าน 65971 ครั้ง)
ศิลาแลง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #150 เมื่อ: 29-11-2007, 08:53 »

ขอ(แอบ) ฮา...ก่อนนะคะ 

ขอเรียนถามคุณป้าก่อนนอนค่ะว่า

สมมติ นะคะ สมมติ ว่า ผลการเลือกตั้งออกมาโป๊ะแตก...ใกล้เคียงกับสันติบาลโพลอย่างมีนัยสำคัญ พวกเราที่รักความยุติธรรม เป็นปฏิปักษ์กับทั่นเหลี่ยม จะทำอย่างไรดีคะ ?

1. เปิดแฟรนไชส์ กระดานข่าว "ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด" = จำนวนสาขาของ ชิกจับอิก (7-11)

2. แจกหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน" ให้กับทุกอบต. ทั่วประเทศ

หรือคุณป้ามีทางเลือกอื่นอีกป่าวคะ ขอน้อมรับฟังคำแนะนำตักเตือนเจ้าค่ะ

  Mr. Green

หลานเม่ย

โพลของสันติบาลนั้น ต้องฟังหูไว้หู เพราะลองนึกภาพตำรวจสันติบาล มาเดินถือโพยสอบถาม (โพยนะจ๊ะ ถือโพยมาทำโพล) ชาวบ้านที่ถูกสอบถามคงยิ้มกะเรี่ยกะราด และพยายามตอบเอาใจว่าตำรวจเค้าอยากได้คำตอบอะไร เพื่อความปลอดภัย ควรตอบให้เข้าท่า เช่นถามพาดพิงถึงอดีตนายกที่เป็นตำรวจ ก็น่าจะตอบว่าใช่ๆๆไว้ก่อน

แต่อันที่จริงเท่าที่ป้าทราบมา เมื่อนายสั่งให้ทำโพล ลูกน้องก็รีบทำสนอง และไม่ได้ออกมาเร่สุ่มกลุ่มตัวอย่าง แต่ได้ส่งโพยสอบถามโพลนั้นไปตามแฟลตตำรวจสันติบาล ซึ่งบรรดาแม่บ้านที่ต้องตอบแบบสอบถาม ก็สุมหัวกันให้ข้อมูลอันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน นั่นคือเดาว่านายเขาจะเอาอะไร ตอบไว้ไม่ให้ตัวเองเดือดร้อนไปก่อน เรื่องมันเลยเป็นอย่างที่ว่า

แต่หากโป๊ะมันแตกดังโพล๊ะจริงๆ นั่นคือ กกต.ของป้าสด ไม่สามารถจับได้ไล่ทันการซื้อเสียง ก็เป็นที่แน่นอนว่าในภาคผีปอบ และภาคผีเจ๊า คงจะเทคะแนนแลกเงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลให้พวกปล้นชาติได้เก้าอี้มากมาย ถึงตอนนั้น เราไม่ต้องทำอะไรจ๊ะ รับรองมีคนทำแทน และเขาจะทำได้เก่งกว่าเรา

เพราะสุดท้ายแล้ว นอกจากสัมภเวสี นักการเมืองโสโครกไม่กี่พันตัว ผู้มีอำนาจมีบารมีมีศักยภาพ เขารู้ดีว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ คือการเลือกว่า เราจะมีระบบการปกครองแบบไหน เพราะเสียงส่วนใหญ่นั้นขายได้ แต่สร้างชาติบ้านเมืองไม่ได้

หลานจึงไม่ต้องเดือดร้อนเปิดสาขา หรือแจกหนังสือฟรีจ๊ะ สาขานั้นเปิดได้ก็ดี แต่หนังสือนั้น แจกให้ควายไป มันก็อ่านไม่รู้เรื่อง

ศิลาแลง
บันทึกการเข้า
ศิลาแลง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #151 เมื่อ: 29-11-2007, 09:01 »

       ขอบคุณท่านป้าศิลาแลงมากครับที่ไขข้อข้องใจให้กระจ่าง ทำให้ตอนนี้ผมมีความมั่นใจมากขึ้น ทำให้ผมกล้าไปสารภาพรักกับเจ้าหล่อนขึ้นมาครับ ซึ่งเธอก็ยินดีตอบตกลงเป็นแฟนผมแล้วครับ

       แต่ตอนนี้ผมพบปัญหาใหม่อีกแล้วครับ เป็นเรื่องที่ขัดใจผมมากจริงๆ คราวนี้ไม่ใช่ปัญหาหัวใจครับ แต่เป็นเรื่องอาหารการกิน คือเจ้าหล่อนชอบกินต้มฟักแม้วมากครับ ส่วนผลไม้ก็ชอบกินชมพู่แขกดำ เธออยากกินอะไรก็กินไปครับ ผมไม่เคยบังคับ แต่เจ้าหล่อนชอบบังคับให้ผมไปกินข้าวที่เจ้าหล่อนทำทุกมื้อ สำรับคาวหวานก็มีดังนี้ละครับ ต้มหวัด(นก)ไก่ใส่ฟักแม้ว กับผลไม้คือชมพู่แขกดำ กับเค้กรูปสี่เหลี่ยม แรกๆเพราะรักก็ยังพอทนได้ครับ ตอนนี้ชักจะไม่ไหวประสาทจะกิน ในสมองมันสั่งแต่ว่าคว่ำโต๊ะๆ แต่ร่างกายมันยังไม่สำแดงอาการออกมาเท่านั้นเองครับ

       อ้อ...คุณป้าครับ อาหารโปรดของผมก็คือ ผัดขิงแก่ครับ แต่เจ้าหล่อนเกลียดมากยืนยันให้ผมเลิกกินอาหารชนิดนี้ให้ได้ ถ้าทนไม่ไหวจริงๆให้เอาขิงเน่ามากินแทน ทุกวันนี้แทบกระอักอยู่แล้วครับ ผมควรทนคบเจ้าหล่อนต่อไปดีหรือเปล่าวานคุณป้าตอบด่วนเลยนะครับ จะไม่ลืมพระคุณครับ

       มะ ช่างอุตฯ

หลานมะ

เรื่องอาหารนั้น คนเราควรกินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน ดังนั้นพระที่เคร่งๆบางองค์ท่านก็ฉันสำรวม คือนำอาหารมาใส่ไว้ในภาชนะเดียวกัน แล้วฉันโดยไม่เลือกตัก ตักสิ่งไรได้ก็ฉันเข้าไป ไม่เลือกคาวหวาน ซึ่งบางองค์นั้นต้องการตัดกิเลสให้หนักข้อเข้าไปอีก จึงคนอาหารนั้นเสียก่อน ญาติโยมที่เห็นบางท่านก็เข้าใจผิดว่า การฉันสำรวมนั้นคือการกินข้าวหมู ที่ปนกันเขละขละ ซึ่งความจริงมันไม่ใช่

หลานเองถึงแม้จะยังไม่ได้อยู่ในเพศสมณะ ก็ควรละวางเรื่องอาหารเสียบ้าง แฟนทำอะไรมาให้กินก็กินๆเข้าไป การมีปัญหาเรื่องอาหารที่แฟนทำมาให้กินนั้น ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ในโลกนี้ แม้แต่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน หากเมียทำอาหารมาให้แล้วไม่กิน เลือกไปกินอาหารที่คนอื่นทำมาให้ พาลจะซวยเอาง่ายๆ บริวารนับแสนนับล้านก็ช่วยอะไรไม่ได้

โดยเฉพาะอาหารที่แฟนของหลานทำมาให้นั้น สมควรกินเป็นอย่างยิ่ง เพราะพวกฟักแม้ว หรือชมพู่เน่า เมื่อกินเข้าไปแล้วจะทำให้รู้อนาคต อนาคตที่ว่านั้นคือ ฟักแม้วและชมพู่ อนาคตของมันคือ อุจจาระ

อย่าลืมแอบตบท้ายอาหารด้วยขิงแก่ เพราะช่วยไล่ลมในกระเพาะให้ออกทางที่ถูกที่ควร ทางที่ว่านั้นคือเส้นทางอนาคตของฟักแม้วและชมพู่เน่าจ๊ะ

ศิลาแลง
บันทึกการเข้า
อธิฏฐาน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,912


รักษาประเทศชาติ เป็นหน้าที่ของชาวไทยทุกคน


« ตอบ #152 เมื่อ: 29-11-2007, 12:25 »

       ขอบคุณท่านป้าศิลาแลงมากครับที่ไขข้อข้องใจให้กระจ่าง ทำให้ตอนนี้ผมมีความมั่นใจมากขึ้น ทำให้ผมกล้าไปสารภาพรักกับเจ้าหล่อนขึ้นมาครับ ซึ่งเธอก็ยินดีตอบตกลงเป็นแฟนผมแล้วครับ

       แต่ตอนนี้ผมพบปัญหาใหม่อีกแล้วครับ เป็นเรื่องที่ขัดใจผมมากจริงๆ คราวนี้ไม่ใช่ปัญหาหัวใจครับ แต่เป็นเรื่องอาหารการกิน คือเจ้าหล่อนชอบกินต้มฟักแม้วมากครับ ส่วนผลไม้ก็ชอบกินชมพู่แขกดำ เธออยากกินอะไรก็กินไปครับ ผมไม่เคยบังคับ แต่เจ้าหล่อนชอบบังคับให้ผมไปกินข้าวที่เจ้าหล่อนทำทุกมื้อ สำรับคาวหวานก็มีดังนี้ละครับ ต้มหวัด(นก)ไก่ใส่ฟักแม้ว กับผลไม้คือชมพู่แขกดำ กับเค้กรูปสี่เหลี่ยม แรกๆเพราะรักก็ยังพอทนได้ครับ ตอนนี้ชักจะไม่ไหวประสาทจะกิน ในสมองมันสั่งแต่ว่าคว่ำโต๊ะๆ แต่ร่างกายมันยังไม่สำแดงอาการออกมาเท่านั้นเองครับ

       อ้อ...คุณป้าครับ อาหารโปรดของผมก็คือ ผัดขิงแก่ครับ แต่เจ้าหล่อนเกลียดมากยืนยันให้ผมเลิกกินอาหารชนิดนี้ให้ได้ ถ้าทนไม่ไหวจริงๆให้เอาขิงเน่ามากินแทน ทุกวันนี้แทบกระอักอยู่แล้วครับ ผมควรทนคบเจ้าหล่อนต่อไปดีหรือเปล่าวานคุณป้าตอบด่วนเลยนะครับ จะไม่ลืมพระคุณครับ



       มะ ช่างอุตฯ

คุณริวเซย์ ไปกินหมูผัดขิงกับอธิฏฐานดีกว่าค่ะ  รับรองว่าท้องไม่อืดแน่
บันทึกการเข้า

หยุด...สัมปทานอุทยานแห่งชาติ
http://www.oknation.net/blog/sandstone
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #153 เมื่อ: 29-11-2007, 13:44 »

       สวัสดีค่ะคุณป้าศิลาแลง หนูแอบติดตามกระทู้นี้ของคุณป้ามานานแล้ว มีเรื่องอยากปรึกษาแต่ก็อายค่ะ แบบว่ากล้าๆกลัวๆ เรื่องนี้มันเป็นความลับของผู้หญิงน่ะค่ะ แต่ถ้าหนูไม่พึ่งป้าก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว คุณป้าศิลาแลงช่วยตอบปัญหาของหนูหน่อยนะคะ

       1.หนูเป็นคนตัวอ้วนใหญ่มากเลยค่ะ เริ่มเป็นแบบนี้มาตั้งแต่อนุบาลแล้วไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง แต่ป๊าม๊าหนูใจดีมากค่ะ หนูงอแงจะกินอะไรท่านไม่เคยห้ามอยากจะกินอะไรก็ให้กินเต็มที่ บางครั้งถ้าไม่จุใจพอหนูก็ใช้กะละมังแทนชามค่ะ จนญาติๆชอบพูดว่าหนูเป็นลูกผีภูเขาเอามาทิ้ง ไม่ทราบว่าญาติเขาพูดจริงหรือเปล่าคะ?

       2.ตอนสมัยอยู่โรงเรียนอนุบาล ประถม มัธยม พวกเด็กเกรียน เด็กโจ๋ ไม่มีใครกล้าแกล้งหนูเลยค่ะ มีแต่หนูไปแกล้งเขาค่ะ สนุกดี ถ้าหนูโมโหหิวก็ตบพวกนี้หัวคว่ำไป2-3ราย ตั้งแต่นั้นมาไอ้พวกนี้ก็เชิญหนูไปเป็นหัวหน้าใหญ่บ้าง มาชวนหนูไปตีต่อยกับพวกโรงเรียนอื่นบ้าง พวกผู้ชายนี่รุนแรงป่าเถื่อนจังเลยนะป้าขา?

       3.เรื่องที่รำคาญใจหนูตอนนี้ก็คือป๊าพยายามส่งหนูเข้าประกวศเทพีช้างน่ะค่ะ บอกว่าจะเป็นสปอร์นเซอร์ให้หนูเต็มที่ หนูควรลงสมัครดีไหมคะ?

       4.น้องชายหนูชอบล้อเลียนหาว่าร่างกายหนูเป็นเกราะตะปุ่มตะปั่มเหมือนปู เตะต่อยไม่เข้า ก็เลยยืมหนูมาเป็นกระสอบทราย พอน้องชายชกไปได้สักพักหนูรำคาญก็เลยตบสลบไปเลย หนูใจร้ายไปไหมคะ หนูควรปล่อยให้น้องชายฝึกซ้อมเอาหนูเป็นกระสอบทรายต่อไปรึเปล่า?

       5.หนูไปว่ายน้ำทีไร พวกเด็กเล็กๆจะชอบว่ายมาเกาะตัวหนูเต็มไปหมด หนูไล่ก็ไม่ฟัง ก็เลยตบเลือดกลบปากไปรายนึงถึงจะยอมฟังน่ะค่ะ พอไปถามเด็กดีๆพวกเด็กบอกว่านึกว่าหนูเป็นทุ่น หนูควรทำยังไงดีคะเวลาหนูไปว่ายน้ำจะไม่ให้เด็กเข้าใจผิดว่าเป็นทุ่นแล้วมาเกาะตัวหนู?

       6.ถึงกระนั้นนะคะคุณป้า เชื่อไหมคะว่าหนูก็มีแฟนค่ะ แฟนหนูน่ารักมากเลยค่ะแกบอกว่าชอบผู้หญิงอ้วนค่ะ เคยคบมาก็หลายคน จะเลือกแต่ผู้หญิงอ้วนๆเท่านั้น แต่ไซส์ขนาดหนูนี่เพิ่งเคยเจอครั้งแรก สรุปว่าความอ้วนไม่ใช่ปัญหาสำหรับการคบหากันนะคะ แต่ปัญหาคือเวลาหนูขึ้นรถเก๋งของแฟนสิคะ สปริงโชร์คด้านที่หนูนั่งต้องงอแตกไปทุกที แฟนหนุไปเปลี่ยนโชร์คแบบแข็งพิเศษมาก็ยังรับน้ำหนักหนูไม่ไหวอยู่ดีค่ะ บางครั้งลูกปืนรถก็แตก หนูกลุ้มใจมากเลยค่ะ อยากไปไหนมาไหนกับแฟนได้อย่างเป็นปกติแบบชาวบ้านเขาบ้าง หนูควรแนะนำแฟนว่ายังไงดีคะ?

       7.ระยังหลังมานี้เวลาหนูใส่ยกทรงหรือกกน.มันจะรัดแน่นจนก้อนไขมันตรงสีข้างหนูมันจะพลุ้ยออกมาแล้วกระทบกับไขมันอีกที่นึงเสียงดัง แพล่บๆๆๆๆ รำคาญหูมากเลยค่ะ มีวิธีไหนที่จะกำจัดเสียงนี้ได้ไหมคะ?

       8.ข้อสุดท้ายแล้วค่ะ หนูเป็นคนใจร้อนมากค่ะ ยาลดความอ้วนมันชะลอการเพิ่มน้ำหนักของหนูได้แค่เดือนละ2-3โลเอง หนูก็เลยไปหาหมอศัลยกรรม ไปปรึกษาหมอเพื่อลดน้ำหนักลงสัก20โลในคราวเดียว หมอผู้ชายคนนั้นท่าทางยียวนตอบหนูมาว่าลดทีเดียวใน20โลเห็นจะมีวิธีเดียวคือตัดขาทิ้งไปข้างนึงรับรองลดทันทีเกิน20โลแน่นอน คุณป้ามีวิธีอื่นที่ลดสัก20โลในคราวเดียวไหมคะ หนูมีความใฝ่ฝันอยากผอมบ้างค่ะในชาตินี้?

       คุณป้าศิลาแลงช่วยตอบปัญหาหนูด่วนเลยนะคะ หนูเชื่อว่ามีผู้หญิงอีกมากที่ประสบปัญหาเดียวกับหนูตอนนี้ ขอบคุณค่ะ

       หวังเฮยจู สาวหมวยเนื้อปริ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2007, 14:05 โดย ริวเซย์ » บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #154 เมื่อ: 29-11-2007, 16:59 »

มุกนี้ร้ายกาจมากค่ะ ท่านริวเซย์ -- >>"หวังเฮยจู"   -- ใครสะเทือนบ้างมั้ยรุ  Mr. Green

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2007, 17:04 โดย aiwen^mei » บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
ศิลาแลง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #155 เมื่อ: 29-11-2007, 18:24 »

หลาน หวังเฮยจู

อ่านปัญหาของหลานแล้วป้าต้องตบอก ร้องอุทานอกอีแลงแตก อะไรมันจะรันทดจนาดนั้น เอ๊ะ แต่รันทดหรือเปล่าป้าก็ไม่แน่ใจนัก เอาเป็นว่าตอบคำถามของหลานทีละข้อดีกว่านะ

อ้างถึง
1.หนูเป็นคนตัวอ้วนใหญ่มากเลยค่ะ เริ่มเป็นแบบนี้มาตั้งแต่อนุบาลแล้วไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง แต่ป๊าม๊าหนูใจดีมากค่ะ หนูงอแงจะกินอะไรท่านไม่เคยห้ามอยากจะกินอะไรก็ให้กินเต็มที่ บางครั้งถ้าไม่จุใจพอหนูก็ใช้กะละมังแทนชามค่ะ จนญาติๆชอบพูดว่าหนูเป็นลูกผีภูเขาเอามาทิ้ง ไม่ทราบว่าญาติเขาพูดจริงหรือเปล่าคะ?

รูปธรรมนามธรรม คนเราเกิดมาก็ไม่เหมือนกัน มีทั้งผอมบาง ล่ำบึ๊ก อวบอัด แห้งเหี่ยว และอีกหลายสัดส่วน ไม่มีใครรู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเกิดกันมาเป็นแบบนั้น บ้างก็ว่าบุญกรรมแต่ชาติปางก่อน บ้างก็ว่ากรรมพันธ์ หลายคนนิยมไปปรึกษาหญิงอ้วนห่มขาว ที่อ้างว่านั่งบริกรรมแล้วรู้ชาติปางก่อนของผู้อื่น สรุปแล้วก็คือมันเป็นธรรมชาติจ๊ะ เกิดมาแล้วแก้ไขไม่ได้ หรือแก้ได้ก็นิดหน่อย อย่างไปใส่ใจกับมันมากนักเลย ส่วนเรื่องปากคนอย่างญาติของหนูนั้น หากหนูเป็นลูกผีภูเขาอย่างเขาว่าจริง ไอ้คนพูดมันก็น่าจะเป็นเปรตปากรูเข็มมาเกิด เพราะเป็นญาติกันนี่นา

อ้างถึง
2.ตอนสมัยอยู่โรงเรียนอนุบาล ประถม มัธยม พวกเด็กเกรียน เด็กโจ๋ ไม่มีใครกล้าแกล้งหนูเลยค่ะ มีแต่หนูไปแกล้งเขาค่ะ สนุกดี ถ้าหนูโมโหหิวก็ตบพวกนี้หัวคว่ำไป2-3ราย ตั้งแต่นั้นมาไอ้พวกนี้ก็เชิญหนูไปเป็นหัวหน้าใหญ่บ้าง มาชวนหนูไปตีต่อยกับพวกโรงเรียนอื่นบ้าง พวกผู้ชายนี่รุนแรงป่าเถื่อนจังเลยนะป้าขา?

ความรุนแรงป่าเถื่อนนั้นไม่จำกัดเพศ ผู้หญิงเห็นหงิมๆเรียบร้อย บทจะโมโหขึ้นมาก็รุนแรงป่าเถื่อนจนแรมโบ้ได้อาย เรื่องอย่างนี้มันเป็นพรสวรรค์เฉพาะตัว ยากที่จะเลียนแบบกันได้ อีกอย่างหนึ่ง คนที่ชอบใช้กำลังนั้น ก็มักจะเป็นพวกที่คิดว่าคนอื่นกำลังสู้ตนเองไม่ได้ หากหนูพบคนที่สามารถกว่า ตบหนูคว่ำไปบ้างสักสองสามหน ฟันหลุดไปสักสองสามซี่ นิสัยหนูก็จะดีขึ้นมาเอง หากหนูหาคนแบบนั้นไม่พบ ป้าแนะนำให้ไปหาลูกชายของรองหัวหน้าพรรคปล้นชาติ ลูกเขามีสามคน เลือกคนไหนก็ได้ หรือจะเลือกทั้งสามคนก็ไม่ผิดกติกา ป้ารับรองว่า อาการของหนูจะหายสนิท

อ้างถึง
3.เรื่องที่รำคาญใจหนูตอนนี้ก็คือป๊าพยายามส่งหนูเข้าประกวศเทพีช้างน่ะค่ะ บอกว่าจะเป็นสปอร์นเซอร์ให้หนูเต็มที่ หนูควรลงสมัครดีไหมคะ?

ถ้ารำคาญใจก็อย่าลงสมัคร แต่ถ้าไม่แน่ใจว่าลงไปแล้วจะแพ้หรือไม่ ก็น่าลองดู ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน เมื่อเข้าประกวดแล้วหนูก็จะรู้ค่าของตัวเอง ว่าเหมาะกับตำแหน่งเทพีช้าง หรือจะเป็นได้แค่เทพีอึ่งอ่าง

อ้างถึง
4.น้องชายหนูชอบล้อเลียนหาว่าร่างกายหนูเป็นเกราะตะปุ่มตะปั่มเหมือนปู เตะต่อยไม่เข้า ก็เลยยืมหนูมาเป็นกระสอบทราย พอน้องชายชกไปได้สักพักหนูรำคาญก็เลยตบสลบไปเลย หนูใจร้ายไปไหมคะ หนูควรปล่อยให้น้องชายฝึกซ้อมเอาหนูเป็นกระสอบทรายต่อไปรึเปล่า?

คนเราเมื่อเกิดมาผิดแปลกกว่าคนอื่น ก็มักจะมีคนชอบล้อเลียน หนูเองก็ตลุยมาสิบทิศ ตบใครต่อใครคว่ำไปก็หลายคน ควรหัดตบน้องชายดูบ้าง เผื่อจะมีมธุรสวาจากับเขาขึ้นมาบ้าง การที่น้องชายยืมตัวหนูไปทำกระสอบทราย แล้วหนูไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับพลังหมัดและเท้าของเขา ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า หนูมีคุณสมบัติพิเศษ หากเกิดในเมืองจีน น่าจะปลอมตัวไปบวชที่เส้าหลิน เพราะวิชาคางคกเหล็กเช่นนี้ เส้าหลินเขาทำหายสาปสูญไปนานแล้ว ส่วนหนูจะให้น้องชายยืมตัวไปทำกระสอบทรายต่อไปดีไหม มันอยู่ที่ใจหนูจ๊ะ

อ้างถึง
5.หนูไปว่ายน้ำทีไร พวกเด็กเล็กๆจะชอบว่ายมาเกาะตัวหนูเต็มไปหมด หนูไล่ก็ไม่ฟัง ก็เลยตบเลือดกลบปากไปรายนึงถึงจะยอมฟังน่ะค่ะ พอไปถามเด็กดีๆพวกเด็กบอกว่านึกว่าหนูเป็นทุ่น หนูควรทำยังไงดีคะเวลาหนูไปว่ายน้ำจะไม่ให้เด็กเข้าใจผิดว่าเป็นทุ่นแล้วมาเกาะตัวหนู?

เด็กๆอ่อนประสบการณ์ แยกแยะโฉมงามและทุ่นชูชีพไม่ออก หนูควรให้ความกรุณาปราณีกับพวกเขานะจ๊ะ อีกอย่างหนึ่ง หุ่นขนาดหนูเมื่อลงสระน้ำ น้ำย่อมล้นออกมาจากสระมากมาย เกิดเกลียวคลื่นอลวน เด็กๆอาจจะคิดว่าสึนามิมา จึงหาหลักยึดเกาะเพื่อความปลอดภัย การที่คนเขาคิดว่าเราเป็นทุ่นลอยน้ำมา ก็น่าจะดีกว่าเขาคิดว่าเป็นหมูตายขึ้นอีดลอยน้ำมาไม่ใช่หรือ

อ้างถึง
6.ถึงกระนั้นนะคะคุณป้า เชื่อไหมคะว่าหนูก็มีแฟนค่ะ แฟนหนูน่ารักมากเลยค่ะแกบอกว่าชอบผู้หญิงอ้วนค่ะ เคยคบมาก็หลายคน จะเลือกแต่ผู้หญิงอ้วนๆเท่านั้น แต่ไซส์ขนาดหนูนี่เพิ่งเคยเจอครั้งแรก สรุปว่าความอ้วนไม่ใช่ปัญหาสำหรับการคบหากันนะคะ แต่ปัญหาคือเวลาหนูขึ้นรถเก๋งของแฟนสิคะ สปริงโชร์คด้านที่หนูนั่งต้องงอแตกไปทุกที แฟนหนุไปเปลี่ยนโชร์คแบบแข็งพิเศษมาก็ยังรับน้ำหนักหนูไม่ไหวอยู่ดีค่ะ บางครั้งลูกปืนรถก็แตก หนูกลุ้มใจมากเลยค่ะ อยากไปไหนมาไหนกับแฟนได้อย่างเป็นปกติแบบชาวบ้านเขาบ้าง หนูควรแนะนำแฟนว่ายังไงดีคะ?

ผู้ชายบางคนก็ชอบของแปลก ป้าอ่านข่าวของซ้อเจ็ดก็ยังอดพิศวงไม่ได้ หน้าเหลี่ยมๆบางคนก็ชอบเหนียงยานๆ ใช้งานนานหลายปี ขอให้มีชื่อเสียงบ้างก็ต้องขอลอง สงสัยจะเอาไว้คุยว่าได้ลองมาแล้ว ว่าแต่แฟนของหลานนั้นมีอะไรผิดปกติไหม หรือว่าจบมาจากโรงเรียนราชานุกูลแถวดินแดง อันนี้ป้าค่อนข้างจะสงสัย เรื่องรถยนต์นั้นป้าไม่ชำนาญนัก อะไรมันเสียก็ปล่อยให้ช่างเขาจัดการ แต่เท่าที่ป้าเห็นมา ขนาดรถขนหมูไปโรงเชือด เขาขนหมูอ้วนทีละหลายสิบตัว ก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร ป้าแนะนำให้หนูไปแนะนำให้แฟนเปลี่ยนรถจ๊ะ เอารถขนหมูนั่นแหละเหมาะดี

อ้างถึง
7.ระยังหลังมานี้เวลาหนูใส่ยกทรงหรือกกน.มันจะรัดแน่นจนก้อนไขมันตรงสีข้างหนูมันจะพลุ้ยออกมาแล้วกระทบกับไขมันอีกที่นึงเสียงดัง แพล่บๆๆๆๆ รำคาญหูมากเลยค่ะ มีวิธีไหนที่จะกำจัดเสียงนี้ได้ไหมคะ?

ปัญหานั้นเราต้องแก้ที่ต้นเหตุ สำหรับกรณีของหนูนั้น ป้าก็ไม่เข้าใจว่าหนูจะไปยกทรงมันทำไม และถ้าจะยกน่าจะใช้ฟอร์กลิฟท์ หรือแม่แรงขนาดสิบตัน ไม่ควรใช้ วาโก้ ซาบีน่า เพราะของอย่างนั้น เขาเอาไว้ยกอะไรที่มันนุ่มนวล ไม่ใช่ยกมันหมู ป้าแนะนำว่า สาวมั่นอย่างหนู ไม่ต้องใส่สองอย่างที่ถามมาก็ได้ ป้าเชื่อว่า ไขมันอันอุดมของหนู คงจะย้อยลงมาปิดบังอวัยวะพึงสงวนไว้ได้จนมิดชิด อีกอย่าง หนูอาจจะเป็นผู้นำแฟชั่นคนใหม่ก็ได้

อ้างถึง
8.ข้อสุดท้ายแล้วค่ะ หนูเป็นคนใจร้อนมากค่ะ ยาลดความอ้วนมันชะลอการเพิ่มน้ำหนักของหนูได้แค่เดือนละ2-3โลเอง หนูก็เลยไปหาหมอศัลยกรรม ไปปรึกษาหมอเพื่อลดน้ำหนักลงสัก20โลในคราวเดียว หมอผู้ชายคนนั้นท่าทางยียวนตอบหนูมาว่าลดทีเดียวใน20โลเห็นจะมีวิธีเดียวคือตัดขาทิ้งไปข้างนึงรับรองลดทันทีเกิน20โลแน่นอน คุณป้ามีวิธีอื่นที่ลดสัก20โลในคราวเดียวไหมคะ หนูมีความใฝ่ฝันอยากผอมบ้างค่ะในชาตินี้?

การลดความอ้วนโดยใช้ยานั้น เป็นการลดที่ผิดวิธี การควบคุมอาหารและควบคู่กับการออกกำลังกาย เป็นวิธีที่ถูกต้อง หมอที่แนะนำให้หนูตัดขาออกข้างหนึ่งนั้น น่าจะเป็นหมอที่ไม่ชำนาญ เพราะการตัดอะไรออกข้างเดียว ย่อมทำให้ร่างกายเสียสมดุลย์ ทางที่ดีถ้าจะตัด ควรตัดออกทั้งสองข้าง เพื่อความสมดุลย์ แต่ป้าคิดว่าหากหนูตัดขาออก ก็คงใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะหนูน่าจะกลิ้งได้ ไม่ลำบากในการเดินทางไปไหนๆ

แต่ถ้าหนูอยากจะลดน้ำหนักคราวเดียว 20 กิโลกรัม ป้าคิดว่า ตัดหัวออกน่าจะดีกว่า

มีผู้หญิงมากมายประสบปัญหาเดียวกับหนูจริงๆจ๊ะ แต่ป้าก็คิดว่า เขาน่าจะหาหนทางแก้ไขได้ไม่ยากนัก ต่างกับหนูซึ่งแก้ไขได้ลำบากหน่อย ไม่ลองคิดแก้ไขทางดวงชะตาบ้างหรือจ๊ะ ตายแล้วเกิดใหม่อาจจะเป็นคำตอบสุดท้ายสำหรับหนู

ศิลาแลง
บันทึกการเข้า
อมพระมาพูด
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


สนิมเกิดแต่เนื้อในตน


« ตอบ #156 เมื่อ: 29-11-2007, 18:36 »

มุกนี้ร้ายกาจมากค่ะ ท่านริวเซย์ -- >>"หวังเฮยจู"   -- ใครสะเทือนบ้างมั้ยรุ  Mr. Green



ใครอ้ะครับคุณเม่ย ?
บันทึกการเข้า

พึงทำความเพียรในวันนี้ ใครเล่าจะรู้วันตายในวันพรุ่ง
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #157 เมื่อ: 29-11-2007, 18:45 »

ใครอ้ะครับคุณเม่ย ?

เข้าใจว่า "เฮยจู" เป็นชื่อ แปลว่า "ไข่มุกดำ" ค่ะ คุณอมพระมาพูด

แต่คุณริวเซย์จะตั้งใจให้ "ไข่มูกดำแซ่หวัง" เป็นใครบ้าง เม่ยก็ไม่ค่อยแน่ใจนักค่ะ  Mr. Green Very Happy Mr. Green
บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
อมพระมาพูด
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


สนิมเกิดแต่เนื้อในตน


« ตอบ #158 เมื่อ: 29-11-2007, 18:48 »

เข้าใจว่า "เฮยจู" เป็นชื่อ แปลว่า "ไข่มุกดำ" ค่ะ คุณอมพระมาพูด

แต่คุณริวเซย์จะตั้งใจให้ "ไข่มูกดำแซ่หวัง" เป็นใครบ้าง เม่ยก็ไม่ค่อยแน่ใจนักค่ะ  Mr. Green Very Happy Mr. Green

ขอบคุณคับ ผมรู้จักแต่ "หวังฟันเจ้า" น่ะคับ อิ อิ
บันทึกการเข้า

พึงทำความเพียรในวันนี้ ใครเล่าจะรู้วันตายในวันพรุ่ง
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #159 เมื่อ: 29-11-2007, 20:41 »

คุณริวเซย์ ไปกินหมูผัดขิงกับอธิฏฐานดีกว่าค่ะ  รับรองว่าท้องไม่อืดแน่

ขอบคุณมากครับ แต่ขิงเน่าเข็ดแล้วไม่เอานะครับ ขอเป็นขิงอ่อนจะแซ่บหลาย 
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #160 เมื่อ: 29-11-2007, 20:49 »

เข้าใจว่า "เฮยจู" เป็นชื่อ แปลว่า "ไข่มุกดำ" ค่ะ คุณอมพระมาพูด

แต่คุณริวเซย์จะตั้งใจให้ "ไข่มูกดำแซ่หวัง" เป็นใครบ้าง เม่ยก็ไม่ค่อยแน่ใจนักค่ะ  Mr. Green Very Happy Mr. Green

ตอบคุณเม่ยครับ 

คำว่า เฮยจู นอกจากจะแปลว่าไข่มุกดำ ได้แล้ว มันยังพ้องเสียงที่แปลว่าหมูดำ ได้อีกอย่างนึงครับ หมายถึงคนแซ่หวัง ชื่อหมูตัวสีดำ นะครับ 

จดหมายที่ผมเขียนส่งถึงป้าศิลาแลงฉบับนั้น ไม่ได้มีเจตนาจะล้อเลียนใครเป็นการพิเศษ เป็นแค่ชื่อของตัวละครที่ผมตั้งให้เหมาะกับคอนเซ็บเท่านั้นเองครับ


ปล.ภาษาจีนผมไม่ค่อยแข็ง ถ้าใช้ภาษาผิดวานคุณเม่ยช่วยแก้ไขให้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #161 เมื่อ: 30-11-2007, 19:47 »

ขอบคุณคับ ผมรู้จักแต่ "หวังฟันเจ้า" น่ะคับ อิ อิ

 Mr. Green ค่ะ แล้วสาวเจ้าก็จะตอบกลับมาทันทีว่า "เจ้าหย่าหวัง" 


ตอบคุณเม่ยครับ 

คำว่า เฮยจู นอกจากจะแปลว่าไข่มุกดำ ได้แล้ว มันยังพ้องเสียงที่แปลว่าหมูดำ ได้อีกอย่างนึงครับ หมายถึงคนแซ่หวัง ชื่อหมูตัวสีดำ นะครับ 

จดหมายที่ผมเขียนส่งถึงป้าศิลาแลงฉบับนั้น ไม่ได้มีเจตนาจะล้อเลียนใครเป็นการพิเศษ เป็นแค่ชื่อของตัวละครที่ผมตั้งให้เหมาะกับคอนเซ็บเท่านั้นเองครับ

โอ...ร้ายกาจกว่าที่คิดไว้เสียอีกค่ะ ...เห็นเป็นสาวหมวย เลยนึกถึงแต่ "ไข่มุก" ..ป่านนี้อาหมวยร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วค่ะ 

ปล.ภาษาจีนผมไม่ค่อยแข็ง ถ้าใช้ภาษาผิดวานคุณเม่ยช่วยแก้ไขให้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

มิกล้า มิกล้า ภาษาจีนเม่ยก็ง่อนแง่น ขาดทั้งอาหารและวิตะมินค่ะ อาศัยเดาเสียเจ็ดส่วน เปิดดิกอีกสามส่วน และยังต้องถามผู้รู้อีกหนึ่งค่ะ

 


บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #162 เมื่อ: 01-12-2007, 02:49 »

          ถึงป้าศิลาแรง

          นี่ก็เป็นจดหมายฉบับแรกที่ข้าส่งมาถึงป้าแลงที่ข้านับถือ เห็นป้าตอบปัญหาในหนังสือยังไงก็ไม่ชินที่หลานข้าเอามาฝากของขบวนการเสรีไทยแล้ว ข้าก็ทึ่งเอามากๆว่าป้าตอบไปได้ยังไงฮาขี้แตกเลยจริงๆ ข้าก็เลยนึกอุตริจะเขียนจดหมายมาคุยกับป้าสักฉบับคงไม่ว่ากันนะเพราะข้าคงไม่มีอะไรจะถามคนบางกอกอย่างป้าหรอก.....แต่ถ้าป้าจะมาเที่ยวสุพรรณบ้านข้าเมื่อไรละก็นะ ข้ายินดีต้อนรับ จะได้ให้อีหนอมเมียข้าผูกควายเทียมเกวียนไปรับ

          ที่ข้าเขียนจดหมายมาคุยก็คือเรื่องที่ข้ามีโอกาสได้ไปบางกอกครั้งแรกในชีวิตก็เมื่อปีที่แล้วนี่เอง เหตุก็เนื่องจากกำนันที่ดูแลหมู่บ้านข้าแกชอบพรรคไทยรักไทยมาก แกมาชวนสมัครพรรคพวกบอกว่าไปช่วยให้กำลังใจนายกทักษิณหน่อย ใจข้าก็แหม่งๆอยู่ อยากถามนายกทักษิณเหมือนกันว่า ที่บอกว่าจังหวัดไหนเลือกพรรคไทยรักไทยจะช่วยจังหวัดนั้นก่อนนั่นจริงรึเปล่า จะได้ไปบอกเฮียเติ้งให้เลียนแบบบ้าง กำนันบอกว่าถ้าไปเดี๋ยวมีรถทัวร์มารับแล้วจ่ายค่าเสียเวลาวันละ500บาท พวกทรท.ออกกะตังให้หมด ข้าดีใจมากเพราะไม่เคยเข้าบางกอกเลยอีกอย่างเงินที่ได้ก็มากโขอยู่ เกิดมานะป้าแลงเอ๊ย แค่ยังไม่เคยได้จับกะตังแบงค์500กับเขาซะที ถ้าข้าชวนเมียไปด้วยคงมีโอกาสได้จับกะตังแบงค์1000ก็คราวนี้แหละ กลับมาถึงบ้านข้าก็เลยชวนอีหนอมเมียที่บ้านให้ไปเที่ยวบางกอกด้วยกัน แต่มันก็อ้างสารพัด อ้างว่าห่วงลูกเสียบ้าง ห่วงควายเสียบ้าง หนักเข้ามันก็แก้ตัวว่าไม่มีกระโปรงจะนุ่ง นุ่งกระโปรงแล้วใส่เกือกก็กลัวเกือกมันจะกัด ข้าเบื่อก็เลยเลิกชวนมันแล้ว ถือว่ามันไม่มีบุญตาก็แล้วกันเนอะป้าแลง.....อย่างที่ครูโรงเรียนวัดน้อยแกว่าราษฏรอย่างเรามันต้องได้รุ้ได้เห็นบ้างเรื่องการเมือง ไม่งั้นมันจะไม่มีเสถียรภาพเสถียรแภพอะไรนี่แหละ

          เอ้า นอกเรื่องไปไกล ไหนๆเมียข้าก็ไม่ไปบางกอกแล้ว ข้าก็จะเล่าให้ป้าฟัง พ่อเลี้ยงเอี้ยงคำผู้ช่วยกำนันเขานัดพวกข้าให้ไปขึ้นรถที่ลานตากข้าวโพดบ้านตาเสริมตอนหนึ่งโมงเช้ากับอีกสามสิบนาที แต่ข้ากลัวรถมันจะออกไปเสียก่อนก็เลยไปเสียก่อนสว่างต้องไปคอยเสียย่ำแย่ พอสายหน่อยคนเขาก็ทยอยมากันเพียบเลยคึกคักอย่างกับมีงานวัดอย่างนั้นแหละ ไม่นานรถเมลล์ก็มากันเพียบเลย5-6คันแน่ะ กำนันกับพ่อเลี้ยงก็ไล่พวกข้าขึ้นรถ ขนาดรถตั้ง6คันแล้วนะ พวกข้ายังต้องยืนไปเพราะคนจะไปบางกอกเยอะเหลือเกินแน่นไปทุกคันแหละ อย่างตาเสริมบ้านหมู่5เนี่ย แกเล่นพาลูกหลานมาทั้งบ้านเลย ข้าก็ยิ้มออกมา ก็คงเหมือนข้านี่แหละวะ อยากไปบางกอกอยากรู้อยากเห็นเหมือนกับตาเสริมนั่นแหละ

          เดี๋ยวก่อนสิป้าแลง ข้ายังพูดไม่จบ ป้าอย่าเพิ่งมาขัดคอข้าสิ คอยฟังให้ดีๆเถอะ คนแห่ขึ้นรถจนแน่นมาก 6คันนี่ไปกันไม่หมดเลยทีเดียว ข้าก็โหนข้างนอกเอา กำนันเขาก็บอกให้ข้าลงแล้วกลับบ้านไปก่อน ไว้โทรไปแจ้งคุณไข่แม้วดำแล้ว จะหารถใหม่มาเสริมแล้วไปวันอื่นเอา ไอ้ข้าก็ชักฮึดขึ้นมาเหมือนกัน บอกกับเขาไปว่าก็ไปมันเที่ยวนี้แหละ ข้าลงทุนสั่งลูกสั่งเมียที่บ้านมาแล้ว กลับไปเด็กๆมันจะหัวเราะแย่ เถียงกันอยู่นาน สุดท้ายกำนันก็ใจอ่อนให้ข้าโหนไปทั้งอย่างนั้นแหละ ส่วนตัวกำนันแกนั้นเหรอ มีรถเก๋งคันงามมารอรับแกอยู่แล้ว คนเป็นกำนันนี่ดีเทียวเนอะป้า ได้นั่งรถเก๋งนักการเมืองฟรีซะด้วย ยังงี้นี่เล่าคนมันถึงแย่งกันจะเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้านกันนัก.....

          รถทัวร์ออกจากบ้านข้าแล้วก็วิ่งตรงเข้าบางกอก ข้าก็ห้อยตรงประตูไปทั้งยังงั้นแหละ ข้าก็นึกว่าช่างมันเถอะวะ นานๆจะได้ไปบางกอกเปล่าๆเสียที นั่งไม่ได้ก็ยืนมันไป ยืนไม่ได้ก็โหนมันไป ไอ้เรามันขึ้นรถของท่านทักษิณเปล่าๆ ให้ลูกเล็กเด็กแดงคนแก่ผู้หญิงเขานั่งถึงจะถูก ข้าโหนรถเมลล์ต้งนาน มองดูอะไรต่ออะไรไปตามเรื่อง เห็นไร่เห็นนาข้าวขึ้นเขียวไปหมดข้าก็พลอยสบายใจ คนอย่างข้ามันเกิดมากลางทุ่งนา เห็นนาดีล่ะก็ดีใจทุกที ไม่ว่าจะเป็นนาของเราหรือของใคร

          รถมันแวะจอดที่ปั๊ม เขาก็เอาไก่ย่างข้าวเหนียวมาแจก ข้าก็นึกเสียวๆอยู่ วันก่อนเห็นท่านทักษิณออกข่าวแล้วกินไก่โชว์ เห็นว่าเป็นไก่ดีดีทีหรืออะไรนี่แหละ ท่านยังย้ำอีกนะว่าหวัดนกไม่มีไก่ที่ตายเป็นอหิวาไก่ ข้าไม่อยากเสี่ยงก็เลยกินชมพู่แขกดำที่อีหนอมมันฝากมา

          พอโผล่มาถึงบางกอกเท่านั้นละป้าเอ๊ย ข้าก็ตกตะลึงไปหมด รถราที่บางกอกนี่ไม่รู้มันมาจากไหนกัน วิ่งกันให้มันขวักไขว่ไปทีเดียว ทีแรกข้านึกว่าเขาคงมีงานอะไรกันกระมัง แต่ก็มารู้ทีหลังว่าไม่ใช่ เขาเดินไปเดินมายังงั้นกันทุกวัน ตอนรถถึงสถานีหมอชิต ข้าไปลองถามกลุ่มเด็กวัยรุ่นอยู่หนหนึ่งว่าเดินไปไหนพ่อคู๊ณ เขาหันมามองดูข้าแล้วบอกว่า เดินเตะฝุ่นเล่นไปงั้นแหละลุง จะทำไมเรอะ เขาก็พูดของเขาชอบกล ข้าก็เลยไม่กล้าถามเขาอีก แต่มันทำให้ข้ารู้อย่างนึงว่าคนบางกอกเขาไม่เหมือนคนบ้านนอกเรา อย่างข้ากับอีหนอมถ้าจะไปไหนเราก็ต้องรู้ อีหนอมไม่ออกไปทำนาก็ไปตลาด ไม่งั้นก็ไปวัดบ้าง ไปหาคนโน้นคนนี้บ้าง ข้าก้เหมือนกันไปชนไก่บ้าง ไปหาเหล้ากินบ้าง ไปลงเบ็ดทอดแหบ้าง ไม่เคยออกไปเดินเตะฝุ่นสักที มันสนุกอย่างไรข้าก็ยังไม่รู้.....

          ที่ข้าสงสัยอีกอย่างนะป้าแลง ก็รถในบางกอกนี่น่ะ แต่ละคันมันแล่นเร็วเหลือละ สวนกันให้เฟี้ยวฟ้าวไปหมด ถ้าอีหนอมเมียข้ามาด้วยคงต้องร้องตายแน่ ข้าเองยังใจหายใจคว่ำ จะโดดลงหลายครั้งเสียแล้ว  มันน่าเสียวไส้พิลึกละป้าเอ๋ย ไหนจะรถยนต์ รถเมลล์ รถเครื่อง  แล้วยังมีคนวิ่งข้ามไปข้ามมาเหมือนกับอยากให้รถทับ ไอ้ข้าก็ใจหายแทนทุกครั้ง แต่ไม่เห็นเขาเป็นไรสักที เสียงมันบีบแตรแข่งกันดังลั่นไปหมด พูดกันแทบไม่ได้ยิน บางคันสวนกันหวุดหวิดแล้วก็ตะโกนด่าโยมกันเล่นก็มี ข้าก็นั่งหลับหูลับตาไป กว่าจะถึงขนส่งก็อ่อนใจไปแทบล้มเทียว

          ข้ามาถึงดึกมากง่วงจัดก็เข้ามานอนในสถานีหมอชิตคืนนึง....โธ่ ป้าอย่ามองหน้าข้าอย่างนั้นหน่อยเลยน่า ไอ้ขนส่งหมอชิตนี่นะป้า มันใหญ่ซะยิ่งกว่าโบสถ์วัดบ้านข้าเสียอีกแถมยังดูสะอาดกว่าโรงควายบ้านข้าเป็นไหนๆ เสียแต่คนแออัดไปหน่อย ข้าเห็นคนนั่งข้างในเต็มไปหมด คนนอนก็มีมาก ทำให้ข้าอยากเห็นหน้าหมอที่ชื่อชิตนี่สักคราว่าเป็นอย่างไร ทำไมใจดีนัก สร้างขนส่งใหญ่ขนาดนี้ให้คนเข้ามานั่งพักนอน คงใจบุญสุนทานเหมือนป๋าเติ้งนายกบ้านเรานั่นแหละเนอะป้าแลง สร้างถนนหนทางบ้านเราเสียดิบดี แต่รถก็วิ่งโหรงเหรงเหมือนเดิม...


          เออ ป้า เล่าไปเดี๋ยวยาว ข้าต้องออกไปเกี่ยวข้าวแล้ว เอาไว้ข้าจะให้ไอ้ปื๊ดลูกข้าฝากจดหมายส่งมาถึงป้าอีกนะ ก็เล่าต่อจากนี่แหละกำลังมันเลย
ไว้ข้าจะเขียนมาเล่าอีกนะ รักป้ามาก


          ลุงเชย ชาวนาสุพรรณ
         

         

บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #163 เมื่อ: 10-12-2007, 20:11 »

คุณป้าศิลาแลง(แอบ) ลาพักร้อนยาวหรือคะ  Mr. Green Mr. Green

บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
ศิลาแลง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #164 เมื่อ: 10-12-2007, 20:57 »

          ถึงป้าศิลาแรง

          นี่ก็เป็นจดหมายฉบับแรกที่ข้าส่งมาถึงป้าแลงที่ข้านับถือ เห็นป้าตอบปัญหาในหนังสือยังไงก็ไม่ชินที่หลานข้าเอามาฝากของขบวนการเสรีไทยแล้ว ข้าก็ทึ่งเอามากๆว่าป้าตอบไปได้ยังไงฮาขี้แตกเลยจริงๆ ข้าก็เลยนึกอุตริจะเขียนจดหมายมาคุยกับป้าสักฉบับคงไม่ว่ากันนะเพราะข้าคงไม่มีอะไรจะถามคนบางกอกอย่างป้าหรอก.....แต่ถ้าป้าจะมาเที่ยวสุพรรณบ้านข้าเมื่อไรละก็นะ ข้ายินดีต้อนรับ จะได้ให้อีหนอมเมียข้าผูกควายเทียมเกวียนไปรับ

          ที่ข้าเขียนจดหมายมาคุยก็คือเรื่องที่ข้ามีโอกาสได้ไปบางกอกครั้งแรกในชีวิตก็เมื่อปีที่แล้วนี่เอง เหตุก็เนื่องจากกำนันที่ดูแลหมู่บ้านข้าแกชอบพรรคไทยรักไทยมาก แกมาชวนสมัครพรรคพวกบอกว่าไปช่วยให้กำลังใจนายกทักษิณหน่อย ใจข้าก็แหม่งๆอยู่ อยากถามนายกทักษิณเหมือนกันว่า ที่บอกว่าจังหวัดไหนเลือกพรรคไทยรักไทยจะช่วยจังหวัดนั้นก่อนนั่นจริงรึเปล่า จะได้ไปบอกเฮียเติ้งให้เลียนแบบบ้าง กำนันบอกว่าถ้าไปเดี๋ยวมีรถทัวร์มารับแล้วจ่ายค่าเสียเวลาวันละ500บาท พวกทรท.ออกกะตังให้หมด ข้าดีใจมากเพราะไม่เคยเข้าบางกอกเลยอีกอย่างเงินที่ได้ก็มากโขอยู่ เกิดมานะป้าแลงเอ๊ย แค่ยังไม่เคยได้จับกะตังแบงค์500กับเขาซะที ถ้าข้าชวนเมียไปด้วยคงมีโอกาสได้จับกะตังแบงค์1000ก็คราวนี้แหละ กลับมาถึงบ้านข้าก็เลยชวนอีหนอมเมียที่บ้านให้ไปเที่ยวบางกอกด้วยกัน แต่มันก็อ้างสารพัด อ้างว่าห่วงลูกเสียบ้าง ห่วงควายเสียบ้าง หนักเข้ามันก็แก้ตัวว่าไม่มีกระโปรงจะนุ่ง นุ่งกระโปรงแล้วใส่เกือกก็กลัวเกือกมันจะกัด ข้าเบื่อก็เลยเลิกชวนมันแล้ว ถือว่ามันไม่มีบุญตาก็แล้วกันเนอะป้าแลง.....อย่างที่ครูโรงเรียนวัดน้อยแกว่าราษฏรอย่างเรามันต้องได้รุ้ได้เห็นบ้างเรื่องการเมือง ไม่งั้นมันจะไม่มีเสถียรภาพเสถียรแภพอะไรนี่แหละ

          เอ้า นอกเรื่องไปไกล ไหนๆเมียข้าก็ไม่ไปบางกอกแล้ว ข้าก็จะเล่าให้ป้าฟัง พ่อเลี้ยงเอี้ยงคำผู้ช่วยกำนันเขานัดพวกข้าให้ไปขึ้นรถที่ลานตากข้าวโพดบ้านตาเสริมตอนหนึ่งโมงเช้ากับอีกสามสิบนาที แต่ข้ากลัวรถมันจะออกไปเสียก่อนก็เลยไปเสียก่อนสว่างต้องไปคอยเสียย่ำแย่ พอสายหน่อยคนเขาก็ทยอยมากันเพียบเลยคึกคักอย่างกับมีงานวัดอย่างนั้นแหละ ไม่นานรถเมลล์ก็มากันเพียบเลย5-6คันแน่ะ กำนันกับพ่อเลี้ยงก็ไล่พวกข้าขึ้นรถ ขนาดรถตั้ง6คันแล้วนะ พวกข้ายังต้องยืนไปเพราะคนจะไปบางกอกเยอะเหลือเกินแน่นไปทุกคันแหละ อย่างตาเสริมบ้านหมู่5เนี่ย แกเล่นพาลูกหลานมาทั้งบ้านเลย ข้าก็ยิ้มออกมา ก็คงเหมือนข้านี่แหละวะ อยากไปบางกอกอยากรู้อยากเห็นเหมือนกับตาเสริมนั่นแหละ

          เดี๋ยวก่อนสิป้าแลง ข้ายังพูดไม่จบ ป้าอย่าเพิ่งมาขัดคอข้าสิ คอยฟังให้ดีๆเถอะ คนแห่ขึ้นรถจนแน่นมาก 6คันนี่ไปกันไม่หมดเลยทีเดียว ข้าก็โหนข้างนอกเอา กำนันเขาก็บอกให้ข้าลงแล้วกลับบ้านไปก่อน ไว้โทรไปแจ้งคุณไข่แม้วดำแล้ว จะหารถใหม่มาเสริมแล้วไปวันอื่นเอา ไอ้ข้าก็ชักฮึดขึ้นมาเหมือนกัน บอกกับเขาไปว่าก็ไปมันเที่ยวนี้แหละ ข้าลงทุนสั่งลูกสั่งเมียที่บ้านมาแล้ว กลับไปเด็กๆมันจะหัวเราะแย่ เถียงกันอยู่นาน สุดท้ายกำนันก็ใจอ่อนให้ข้าโหนไปทั้งอย่างนั้นแหละ ส่วนตัวกำนันแกนั้นเหรอ มีรถเก๋งคันงามมารอรับแกอยู่แล้ว คนเป็นกำนันนี่ดีเทียวเนอะป้า ได้นั่งรถเก๋งนักการเมืองฟรีซะด้วย ยังงี้นี่เล่าคนมันถึงแย่งกันจะเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้านกันนัก.....

          รถทัวร์ออกจากบ้านข้าแล้วก็วิ่งตรงเข้าบางกอก ข้าก็ห้อยตรงประตูไปทั้งยังงั้นแหละ ข้าก็นึกว่าช่างมันเถอะวะ นานๆจะได้ไปบางกอกเปล่าๆเสียที นั่งไม่ได้ก็ยืนมันไป ยืนไม่ได้ก็โหนมันไป ไอ้เรามันขึ้นรถของท่านทักษิณเปล่าๆ ให้ลูกเล็กเด็กแดงคนแก่ผู้หญิงเขานั่งถึงจะถูก ข้าโหนรถเมลล์ต้งนาน มองดูอะไรต่ออะไรไปตามเรื่อง เห็นไร่เห็นนาข้าวขึ้นเขียวไปหมดข้าก็พลอยสบายใจ คนอย่างข้ามันเกิดมากลางทุ่งนา เห็นนาดีล่ะก็ดีใจทุกที ไม่ว่าจะเป็นนาของเราหรือของใคร

          รถมันแวะจอดที่ปั๊ม เขาก็เอาไก่ย่างข้าวเหนียวมาแจก ข้าก็นึกเสียวๆอยู่ วันก่อนเห็นท่านทักษิณออกข่าวแล้วกินไก่โชว์ เห็นว่าเป็นไก่ดีดีทีหรืออะไรนี่แหละ ท่านยังย้ำอีกนะว่าหวัดนกไม่มีไก่ที่ตายเป็นอหิวาไก่ ข้าไม่อยากเสี่ยงก็เลยกินชมพู่แขกดำที่อีหนอมมันฝากมา

          พอโผล่มาถึงบางกอกเท่านั้นละป้าเอ๊ย ข้าก็ตกตะลึงไปหมด รถราที่บางกอกนี่ไม่รู้มันมาจากไหนกัน วิ่งกันให้มันขวักไขว่ไปทีเดียว ทีแรกข้านึกว่าเขาคงมีงานอะไรกันกระมัง แต่ก็มารู้ทีหลังว่าไม่ใช่ เขาเดินไปเดินมายังงั้นกันทุกวัน ตอนรถถึงสถานีหมอชิต ข้าไปลองถามกลุ่มเด็กวัยรุ่นอยู่หนหนึ่งว่าเดินไปไหนพ่อคู๊ณ เขาหันมามองดูข้าแล้วบอกว่า เดินเตะฝุ่นเล่นไปงั้นแหละลุง จะทำไมเรอะ เขาก็พูดของเขาชอบกล ข้าก็เลยไม่กล้าถามเขาอีก แต่มันทำให้ข้ารู้อย่างนึงว่าคนบางกอกเขาไม่เหมือนคนบ้านนอกเรา อย่างข้ากับอีหนอมถ้าจะไปไหนเราก็ต้องรู้ อีหนอมไม่ออกไปทำนาก็ไปตลาด ไม่งั้นก็ไปวัดบ้าง ไปหาคนโน้นคนนี้บ้าง ข้าก้เหมือนกันไปชนไก่บ้าง ไปหาเหล้ากินบ้าง ไปลงเบ็ดทอดแหบ้าง ไม่เคยออกไปเดินเตะฝุ่นสักที มันสนุกอย่างไรข้าก็ยังไม่รู้.....

          ที่ข้าสงสัยอีกอย่างนะป้าแลง ก็รถในบางกอกนี่น่ะ แต่ละคันมันแล่นเร็วเหลือละ สวนกันให้เฟี้ยวฟ้าวไปหมด ถ้าอีหนอมเมียข้ามาด้วยคงต้องร้องตายแน่ ข้าเองยังใจหายใจคว่ำ จะโดดลงหลายครั้งเสียแล้ว  มันน่าเสียวไส้พิลึกละป้าเอ๋ย ไหนจะรถยนต์ รถเมลล์ รถเครื่อง  แล้วยังมีคนวิ่งข้ามไปข้ามมาเหมือนกับอยากให้รถทับ ไอ้ข้าก็ใจหายแทนทุกครั้ง แต่ไม่เห็นเขาเป็นไรสักที เสียงมันบีบแตรแข่งกันดังลั่นไปหมด พูดกันแทบไม่ได้ยิน บางคันสวนกันหวุดหวิดแล้วก็ตะโกนด่าโยมกันเล่นก็มี ข้าก็นั่งหลับหูลับตาไป กว่าจะถึงขนส่งก็อ่อนใจไปแทบล้มเทียว

          ข้ามาถึงดึกมากง่วงจัดก็เข้ามานอนในสถานีหมอชิตคืนนึง....โธ่ ป้าอย่ามองหน้าข้าอย่างนั้นหน่อยเลยน่า ไอ้ขนส่งหมอชิตนี่นะป้า มันใหญ่ซะยิ่งกว่าโบสถ์วัดบ้านข้าเสียอีกแถมยังดูสะอาดกว่าโรงควายบ้านข้าเป็นไหนๆ เสียแต่คนแออัดไปหน่อย ข้าเห็นคนนั่งข้างในเต็มไปหมด คนนอนก็มีมาก ทำให้ข้าอยากเห็นหน้าหมอที่ชื่อชิตนี่สักคราว่าเป็นอย่างไร ทำไมใจดีนัก สร้างขนส่งใหญ่ขนาดนี้ให้คนเข้ามานั่งพักนอน คงใจบุญสุนทานเหมือนป๋าเติ้งนายกบ้านเรานั่นแหละเนอะป้าแลง สร้างถนนหนทางบ้านเราเสียดิบดี แต่รถก็วิ่งโหรงเหรงเหมือนเดิม...


          เออ ป้า เล่าไปเดี๋ยวยาว ข้าต้องออกไปเกี่ยวข้าวแล้ว เอาไว้ข้าจะให้ไอ้ปื๊ดลูกข้าฝากจดหมายส่งมาถึงป้าอีกนะ ก็เล่าต่อจากนี่แหละกำลังมันเลย
ไว้ข้าจะเขียนมาเล่าอีกนะ รักป้ามาก


          ลุงเชย ชาวนาสุพรรณ

สวัสดีลุงเชย

ลุงเชยนี่ทันสมัยกับเขาไม่เบาเหมือนกัน ที่ได้อ่านหนังสือที่มีคุณค่า "ยังไงก็ไม่ชิน" ตอนที่อิฉันตอบคำถามในหนังสือเล่มนั้น คราแรกนั้นก็นึกเพียงว่าจะไขปัญหาข้อข้องใจ ตามที่มีผู้ถามมา ไม่ได้นึกเลยจริงๆว่า มันจะได้ประโยชน์หลายอย่าง ใช้เป็นยาถ่ายก็ได้ ว่าแต่ลุงเชยเองนั้น เมื่อฮาขี้แตกขี้แตนแล้ว อย่าฉีกหนังสือที่อิฉันร่วมเขียน เอาไปทำกระดาษชำระเสียล่ะ เปล่าหรอก อิฉันมิได้หวงหนังสือหรือถือเคล็ดลางอันใด เพียงแต่ว่า หนูเม่ยกีบหนูดอกฟ้าผู้เป็นบรรณาธิการนั้น เธอเลือกกระดาษอย่างดีมาพิมพ์หนังสือ มันออกจะแข็งและคม ดีไม่ดี ริดสีดวงของลุงเชยจะแตกแตนไปอีกอย่างหนึ่ง

อีฉันเองก็อยากไปสุพรรณมานานแล้ว หากมีโอกาศจริงๆ ก็จะตีตะแล็ปแก๊ปบอกลุงเชยไป ว่าแต่ตอนแม่หนอมเขามารับอิฉันนั้น ลุงเชยระวังแม่หนอมแกจะเอาลุงเชยมาเทียมเกวียนเสียล่ะ อายุอานามก็ไม่ใช่น้อย หูตามิฝ้าฟางไปแล้วรึ อีฉันนั้นอ่านคำถามของคนมาก็มาก พอจะสรุปได้ว่า อันผู้หญิงเรานั้น เมื่อชราลง ก็มักจะแยกผัวกับควายไม่ออก ค่าที่มันคล้ายๆกัน

เรื่องกำนันนั้นอิฉัก็เคยฟังมามาก อ่านมาก็เยอะ นิยายเรื่องไหนเรื่องนั้น ถ้ากำนันไม่เป็นผู้ร้าย ก็มักจะปัญญาอ่อนกลายเป็นตลกหน้าม่าน ไอ้ที่จะหาเรื่องของกำนันดีๆนั้น หาได้ยาก อย่างว่าแหละนะลุงเชย เรื่องราวที่เขาเอามาทำนิยายกันนั้น มันก็มักจะสะท้อนออกมาจากเรื่องจริง โดยเฉพาะกำนันที่สุพรรณเนี่ย อิฉันดูในหนังไทยทีไร เป็นได้ฮาขี้แตกขี้แตนเหมือนกัน

เรื่องพาคนมาเที่ยวเมืองกรุงก็เหมือนกัน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยอดนิยม ผู้แทนบางคนนั้นคุยว่าเขาเป็นคนมีชื่อเสียง คนทั้งบางกอกรู้จักนับถือเขากันทั้งนั้น ควรที่คนในจังหวัดของเขาจะต้องเลือกเขามาเป็นผู้แทนตลอดกาล เมื่อคนไม่ใคร่จะเชื่อคำคุยโว เขาก็พาคนที่ไม่เชื่อนั้นมาเที่ยวบางกอก แล้วพาไปยืนที่สนามหลวง ส่วนตัวผู้แทนนั้นท่านไปยืนข้างวัดพระแก้ว คนกรุงเทพนั่งรถเมล์ผ่านมา ก็ยกมือใหว้ท่านผู้แทนกันเป็นฝักถั่ว ทำเอาคนที่ไม่ศรัทธาถึงกับสำนึกผิด ที่ไม่เชื่อว่าผู้แทนของตนมีชื่อเสียงจริงๆ

จะว่าไปลุงเชยนี่ก็แข็งแรงไม่หยอก โหนรถเมล์มาจากสุพรรณถึงบางกอกได้ คราวหน้าคราวหลังหากกำนันเขาไม่เอารถไปรับ ลุงก็เดินมาก็แล้วกัน แล้วอิฉันจะเทียมผัว เอ๊ยเอารถไปรับแถวๆตลาดหมอชิต จะขับไปรับถึงสุพรรณก็เห็นจะไม่ไหว เดี๋ยวนี้น้ำมันแพง จะเติมแกสโซฮอลก็ออกจะหวั่นๆ หลวงท่านรับประกันว่าเครื่องไม่พัง แต่หัวฉีดของรถอิฉันมันพัง อันนี้หลวงท่านไม่ใคร่จะรับซ่อม ถ้าลุงเชยเดินมาจากสุพรรณ จะได้ชมทิวทัศน์ท้องนาชัดเจนกว่าโหนรถเมล์มาเป็นไหนๆ ถนนสุพรรณบางกอกนั้นเดี๋ยวนี้ก็สะดวกสบาย เพราะท่านบั่นหารท่านหารเงินทำถนนทั้งประเทศ ไปทำที่สุพรรณบ้านท่านที่เดียวเมื่อครั้งท่านเป็นนายก เป็นผลงานชิ้นโบว์แดง ที่ทำให้ท่านไม่ได้เป็นนายกกับเขาอีกเลย

ลุงเชยไม่ยอมกินไก่ อิฉันว่าก็ดีแล้ว เพราะเมื่อครั้งท่านทักสิงค์ที่กินไก่อวดผู้คนนั้น ท่านไม่ได้กินตามวิธีคุ้นเคยของท่าน มานั่งงับนั่งกัดให้ดู มันไม่ใช่วิสัยของท่านเลย ปกติท่านลากลงน้ำไปกินเงียบๆ เหมือนเวลาลากสัมปทาน หรือลากสาวๆไปกิน ท่านกินเงียบๆไม่กระโตกกระตาก โดยเฉพาะสาวๆท่านไม่ค่อยกินดังๆ มาดังเอาในตอนหลังๆนี่หรอก เห็นเขาว่ามันเป็นการประชาสัมพันธ์ให้พรรคหรือไงเนี่ย เมื่อเป็นประโยชน์ของส่วนรวม ท่านถึงกินให้ใครเห็น เป็นผู้ใหญ่แล้วกินไก่ให้ใครรู้นั้นมันไม่ค่อยจะงามนะลุงเชย เพราะเมื่อกินไก่อ่อนเข้าไปแล้ว มันส่งผลให้อีนังไก่แก่ ต้องไปโหนเสาเย้วๆอยู่แถวเวทีปราศัย ดูแล้วน่าอนาถนัก

รถราในบางกอกนั้นมันเยอะ แต่ลุงต้องเข้าใจว่ามันไม่ใช่รถคนบางกอกไปเสียทั้งหมดหรอก อีฉันเองเวลาขับรถ ก็ต้องคอยระวัง บางทีโดนปาดหน้าปาดหลัง เมื่อหันไปคิดจะด่าให้หายแค้น เห็นหน้าคนขับคนที่มากวนโทโสแล้ว ต้องร้องอุทานด้วยความสงสาร โถ พ่อคู๊ณ พ่อพึ่งลงหลังควายมาแหมบๆ ก็มาหัดขับรถยนต์ น่าสงสารเสียจริงๆ แล้วก็ได้แต่ทำบุญกรวดน้ำให้มันไป ด่าไปก็ไม่รู้สึก

ที่เดินเตะฝุ่นเล่นจนเกิดมลพิษก็เหมือนกันลุงเชย เดิมก็ทอดแห ไปวัด ชนไก่อยู่ที่บ้านเดิม แต่เมื่อเข้ามาบางกอกแล้วก็ไม่คิดจะกลับบ้าน หลงแสงสีบางกอกจนยอมเดินเตะฝุ่นเล่นให้รองเท้ามันสึก คนที่อยู่ในบางกอกเนี่ย มาจากแถวบ้านลุงก็เยอะ แถบไหนมีผู้แทนหรือเลือกผู้แทนแบบที่พาลุงมาเที่ยวบางกอก ก็ขี้มักจะต้องระเห็จจากบ้านมาอยู่บางกอกหรือไปต่างเมือง บ้านของเราเมืองของเรา ลองได้เลือกคนจัuไรเข้ามาเป็นผู้แทน ไม่นานบ้านมันก็ร้อนอยู่ไม่ได้ มันเป็นธรรมชาติจ๊ะลุงเชย

คนเรานี่ก็แปลกนะลุงเชย บ้านช่องก็มีแสนจะสุขสบาย ไม่ชอบอยู่ กลับชอบให้เขาต้อนไปไหนต่อไหนเหมือนวัวเหมือนควาย ไปแล้วต้องนอนกลางลานปูน ดมควันรถก็เอาดี หรือจะชอบเปลี่ยนบรรยากาศกันก็ไม่รู้ ยิ่งบางกอกเนี่ย หมาโดนรถทับตายวันละไม่รู้กี่ตัวต่อกี่ตัว แต่หลังๆนี่หลวงท่านก็สร้างสะพานลอยไว้ให้ข้ามกันเยอะแยะ หมามันก็เลยออกจะปลอดภัยอยู่ แต่คนนั้นยังคงตายอยู่เหมือนเดิม อิฉันเองก็ต้องท่องเป็นคาถาประจำใจไว้เลยว่า หากผ่านหน้าสถานศึกษาเป็นต้องระวังคน เพราะถึงจะมีสะพานลอย นักศึกษาก็นิยมวิ่งข้ามถนน ต่างกับหมาที่มันข้ามสะพานลอยเป็น หรือหมามันจะฉลาดกว่าคนนะ ลุงเชย

มาบางกอกแล้วก็อย่าซุกซน แม่หนอมก็กระไรเลยปล่อยผัวมาห่างหูห่างตาได้ คนเราลองอยากจนถึงขนาดยอมโหนรถมาเที่ยว ไม่ได้นั่งก็ยอมมา เห็นทีจะไม่เที่ยวเพียงแค่เปิดหูเปิดตา ดีไม่ดีจะพาลไปถึงเปิดผ้า แต่อย่างลุงเชยฉันอาจจะไม่ต้องห่วงกระมัง กำนันเขาคงไม่ใจดีพาไปเที่ยวอะไรที่มันเปลืองสตางค์ เขามีข้าวให้กินก็บุญถมเถแล้ว

ยังไงก็ส่งข่าวมาอีก หายไปเฉยๆ อิฉันจะคิดเอาว่าโดนรถทับตายไปเสียแล้ว

ศิลาแลง
บันทึกการเข้า
Kizz
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 24


« ตอบ #165 เมื่อ: 11-12-2007, 13:55 »

กราบสวัสดีคุณป้าศิลาแลง

ที่ใช้คำว่ากราบด้วย เพราะผมรู้สึกว่ากระทู้นี้อ่านเพลินดีเหลือเกินครับ กับสำนวนของป้า

ส่วนตัวผมเองก็มีเรื่องที่รู้คับอกคับใจ เหมือนนมจะขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

มีอยู่วันนึง ผมต้องรีบไปสถานที่ที่หนึ่ง ซึ่งผมไปคนเดียว ทั้งๆที่ปกติแล้ว ผมไม่ค่อยใคร่ในการนั่งรถแท็กซี่เท่าไหร่ เน้นรถเมล์

ผมโบกรถแท็กซี่แถวๆสยาม มันไม่ค่อยจะไปกันเลย เสียเวลาเรียกอยู่หลายคัน แต่สิ่งที่ผมต้องตะลึงก็คือ แท็กซี่เกือบครึ่งที่ผมเห็น ติดสติ๊กเกอร์ของพรรคหนึ่ง

ซึ่งคันที่ผมได้นั่งก็เป็นคันที่ติดสติ๊กเกอร์นั้นด้วย แต่ตอนนั้มันรีบแหละป้า ก็ไม่ได้คิดอะไรเลยนั่งๆไป

พอติดสี่แยกไฟแดง เขาก็เริ่มถามว่า " เลือกตั้งนี้จะเลือกใคร ... "

ป้าคงจะไม่แปลกใจ ถ้าเห็นสติ๊กเกอร์ข้างถังแล้ว คนขับจะคาดหวังกับคำตอบว่าอย่างไร

ส่วนผมก็เลยตอบว่า "ถ้าจะคุยเรื่องนี้ คุยเรื่องอื่นดีกว่าครับพี่"

"อ๋อ แสดงว่าน้องไม่เอา..... น่ะสิ พี่ว่าเขาออกจะทำงานดีนะ"

ผมไม่ตอบ เพราะเกรงว่าเขาอาจจะถีบผมลงกลางสี่แยก

แต่ผมก็ไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี

ถ้าเกิดผมตอบว่าจะเอาพรรคอย่างคนขับเขา เขาจะมีใบอะไรให้ผมเซ็นไว้ขึ้นเงินมั้ย

การที่ผมตอบแบบนั้นไป จะทำให้พี่เขาเสียรายได้เสริมรึป่าวครับ

แต่สิ่งที่ผมเป็นห่วงมากกว่านั้นคือ หลังวันที่ 23 แล้วมันจะดีขึ้นจริงๆรึป่าว เพราะดูท่าทางจะเหมือนเดิมจริงๆครับป้า

รักษาสุขภาพนะครับ

ปล.ผมคงไม่เห็นด้วยกับที่เค้าว่า ถ้าพรรคนอมินีได้เป็นรัฐบาลแล้วเขาจะกลับมา ก็ไหนเขาบอกว่าหลังเลือกตั้งจะกลับมาไม่ใช่รึ พรรคไหนได้เป็นเขาก็ควรต้องมาสิ ถูกมั้ยครับป้า
บันทึกการเข้า
ศิลาแลง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #166 เมื่อ: 11-12-2007, 18:00 »

กราบสวัสดีคุณป้าศิลาแลง

ที่ใช้คำว่ากราบด้วย เพราะผมรู้สึกว่ากระทู้นี้อ่านเพลินดีเหลือเกินครับ กับสำนวนของป้า

ส่วนตัวผมเองก็มีเรื่องที่รู้คับอกคับใจ เหมือนนมจะขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

มีอยู่วันนึง ผมต้องรีบไปสถานที่ที่หนึ่ง ซึ่งผมไปคนเดียว ทั้งๆที่ปกติแล้ว ผมไม่ค่อยใคร่ในการนั่งรถแท็กซี่เท่าไหร่ เน้นรถเมล์

ผมโบกรถแท็กซี่แถวๆสยาม มันไม่ค่อยจะไปกันเลย เสียเวลาเรียกอยู่หลายคัน แต่สิ่งที่ผมต้องตะลึงก็คือ แท็กซี่เกือบครึ่งที่ผมเห็น ติดสติ๊กเกอร์ของพรรคหนึ่ง

ซึ่งคันที่ผมได้นั่งก็เป็นคันที่ติดสติ๊กเกอร์นั้นด้วย แต่ตอนนั้มันรีบแหละป้า ก็ไม่ได้คิดอะไรเลยนั่งๆไป

พอติดสี่แยกไฟแดง เขาก็เริ่มถามว่า " เลือกตั้งนี้จะเลือกใคร ... "

ป้าคงจะไม่แปลกใจ ถ้าเห็นสติ๊กเกอร์ข้างถังแล้ว คนขับจะคาดหวังกับคำตอบว่าอย่างไร

ส่วนผมก็เลยตอบว่า "ถ้าจะคุยเรื่องนี้ คุยเรื่องอื่นดีกว่าครับพี่"

"อ๋อ แสดงว่าน้องไม่เอา..... น่ะสิ พี่ว่าเขาออกจะทำงานดีนะ"

ผมไม่ตอบ เพราะเกรงว่าเขาอาจจะถีบผมลงกลางสี่แยก

แต่ผมก็ไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี

ถ้าเกิดผมตอบว่าจะเอาพรรคอย่างคนขับเขา เขาจะมีใบอะไรให้ผมเซ็นไว้ขึ้นเงินมั้ย

การที่ผมตอบแบบนั้นไป จะทำให้พี่เขาเสียรายได้เสริมรึป่าวครับ

แต่สิ่งที่ผมเป็นห่วงมากกว่านั้นคือ หลังวันที่ 23 แล้วมันจะดีขึ้นจริงๆรึป่าว เพราะดูท่าทางจะเหมือนเดิมจริงๆครับป้า

รักษาสุขภาพนะครับ

ปล.ผมคงไม่เห็นด้วยกับที่เค้าว่า ถ้าพรรคนอมินีได้เป็นรัฐบาลแล้วเขาจะกลับมา ก็ไหนเขาบอกว่าหลังเลือกตั้งจะกลับมาไม่ใช่รึ พรรคไหนได้เป็นเขาก็ควรต้องมาสิ ถูกมั้ยครับป้า

หลาน kizz

ป้าเองนั้นก็ต้องใช้บริการของรถแท๊กซี่อยู่บ่อยครั้ง แต่ก็อาจจะโชคดีไปอย่างหนึ่งเพราะแท็กซี่ที่ป้านั่ง มักจะไม่ค่อยคุยเรื่องการเมืองเท่าไหร่นัก โดยมากก็มักจะเปรยๆว่ารถติด น้ำมันแพง อะไรเทือกนั้น ซึ่งถ้าป้าถึงคราวซวย ไปพบแท๊กซี่ชวนคุยเรื่องการเมือง ก็ไม่พ้นจะด่าใครต่อใครและยกย่องบุคคลหนึ่งอยู่เช่นกัน เรื่องความชอบไม่ชอบนี่ เราไปห้ามเขาไม่ได้ ดูอย่างอลัชชีบางคน ถูกจับสึกไปด้วยข้อหาปาราชิก ก็ยังมีลูกศิษย์ลูกหาที่ศรัทธาไม่เสื่อมคลาย ตามไปยกย่องเชิดชูอยู่ตลอด มีคนเขากล่าวกันว่า เราสามารถโกหกคนบางคนได้ตลอดเวลา เราสามารถโกหกคนทุกคนได้ในบางเวลา แต่เราไม่สามารถโกหกทุกคนในทุกเวลา คนบางคนที่สามารถเชื่อคำโกหกได้ตลอดเวลานั้น ก็เป็นคนที่มีปัญญาอยู่ในระดับเท้า เพราะโตจนหมาเลียก้นไม่ถึง แต่ยังเลียเท้าถึงอยู่

ป้ายสติ๊กเกอร์ที่ติดตามรถแท๊กซี่นั้น ใครมีสตางค์จ่ายค่าติดได้ก็ได้ติด ไม่ว่าจะเป็นคลีนิคเสริมสวย ธุรกิจขายตรง พรรคการเมือง และสารพัดกิจการ อย่าไปใส่ใจกับการโฆษณาแบบนั้นเลย โฆษณานี่ถือเป็นอวัยวะหนึ่งของระบบทุนนิยม หากปราศจากโฆษณา ทุนนิยมก็จบเห่ แต่ถ้าหลานรำคาญและอยากจะเล่นพิเรนทร์ ป้าแนะนำให้ทำสติ๊กเกอร์ด่าพวกปล้นชาติ และนำไปติดไว้ที่ด้านหลังของคนขับรถแท๊กซี่ที่ติดป้ายโฆษณาพรรคการเมืองนั้น พร้อมทั้งนั่งขำไปจนกว่าจะลงจากรถจ๊ะ

หลานอย่าไปเหมาเอาว่า การที่คนขับแท๊กซี่เขาเชิญชวนให้หลานนิยมชมชอบในตัวบุคคลที่เขาชื่นชมนั้น จะต้องมีรายได้เสริม เพราะคนบางคนนั้นก็สติปัญญาต่ำพอที่จะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร โดนสนตะพายไว้อย่างไรก็ไปตามเชือกที่เขาจูงไปนั้น ถึงปลายเชือกจะไม่มีแรงดึงแล้ว ก็ยังเดินไปตามทางที่เขาพาไปโรงฆ่าสัตว์ด้วยความเคยชิน หากคนเราสามารถพัฒนาปัญญาให้รู้คิดได้ทุกคน หลานก็ไม่มีคนขับรถให้นั่งสิจ๊ะ

หลังวันที่ 23 นี้ อะไรๆมันจะดีขึ้นหรือไม่ ป้าก็ไม่รู้ ป้ารู้แต่ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม และสัตว์โลกบางตัวก็มีความหวังที่จะพ้นทุกข์ด้วยวิธีแปลกๆ ซึ่งเมื่อถึงเวลามันก็จะรู้เองว่าหมดหวัง

เรื่องของคนที่ประกาศว่าจะกลับประเทศหลังวันที่ 23 และมีการพูดกันว่าจะกลับจริงๆก็ต่อเมื่อนอมินีได้เป็นรัฐบาลนั้น ป้าว่าอย่าเอามาใส่ใจเลย มันจะกลับหรือไม่กลับก็ช่างหัวมันเถิด เราก็อยู่ของเราไป ถ้ามันกลับมาทำซ่านัก ก็ยังมีคนอีกมากมายที่คันบาทาพร้อมจะจัดการมันอยู่แล้ว เราเพียงแต่ช่วยออกไปยำมันเมื่อถึงเวลานั้นก็พอ

ศิลาแลง
บันทึกการเข้า
justy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,250



« ตอบ #167 เมื่อ: 27-12-2007, 23:54 »

ค่อยน่าอ่านหน่อย 

  
บันทึกการเข้า

พรรคไทยรักไทยมิได้ให้ความสำคัญหรือเห็นคุณค่าของสิทธิเลือกตั้งของประชาชน อันเป็นรากฐานสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังแสดงถึงการไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งที่พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนสูงสุดในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นการเลือกตั้งทั่วไปก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง ควรต้องสร้างความยั่งยืนให้แก่การปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยมั่นคงกับหลักการที่ว่า กฎหมายต้องอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นข้อบ่งชี้ด้วยว่า พรรคไทยรักไทย มิได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่มุ่งพัฒนาประเทศชาติเพื่อให้คนในชาติมีความสุขทั่วหน้าดังที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ต่อประชาชนอย่างแท้จริง หากแต่มุ่งประสงค์เพียงดำเนินการในทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ นอกเหนือจากครรลองที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศตลอดจนบทกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องที่หาอุดมการณ์อันแท้จริงของพรรคให้เกิดความมั่นใจแก่ประชาชนโดยรวมว่า เมื่อเป็นรัฐบาลมีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินแล้ว จะดำเนินการปกครองโดยสุจริต ไม่ประพฤติมิชอบหรือบริหารราชการแผ่นดินโดยแอบแฝงไว้ซึ่งผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อ
ล่างฟานหวิน
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 104


ส่องอินเตอร์เน็ต


เว็บไซต์
« ตอบ #168 เมื่อ: 10-01-2008, 14:25 »

สุดยอดกระทู้

ของ ป้า ศิลาแดง สอนน้อง

ใครแอบถ่าย คลิป เด็ด ของ อดีต พณ.ท่าน.ท (แม้ว)

อยากเห็น ตอนเล่น จำจี้ กับลูกน้อง

555 และ มีเมียชาวบ้าน 555
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/fangyaivee/

 
" ไม่มีที่อยู่ สำหรับคนอ่อนแอ "
ล่างฟานหวิน
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 104


ส่องอินเตอร์เน็ต


เว็บไซต์
« ตอบ #169 เมื่อ: 10-01-2008, 14:28 »

สุดยอดกระทู้

ของ ป้า ศิลาแดง สอนน้อง

ใครแอบถ่าย คลิป เด็ด ของ อดีต พณ.ท่าน.ท (แม้ว)

อยากเห็น ตอนเล่น จำจี้ กับลูกน้อง

555 และ มีเมียชาวบ้าน 555
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/fangyaivee/

 
" ไม่มีที่อยู่ สำหรับคนอ่อนแอ "
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #170 เมื่อ: 20-01-2008, 15:03 »

เอ๋...คุณป้าศิลาแลงหายหน้าหายตาไปไม่มาอวยพรปีใหม่ให้ลูก ๆ หลาน ๆ หรอกหรือคะ  Mr. Green

เช้านี้เห็นเสียงป๋าหมักจากจอทีวี เลยคิดถึงคุณป้าผู้สามารถไขปัญหาได้ทุกเรื่อง  Mr. Green

ขอเรียนถามคุณป้าคำถามเดียวค่ะว่า "นายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๕ ของประเทศไทยคือใคร" 

คุณป้ากรุณาให้คำตอบก่อนที่พวก ๖ พรรคจะลงมติเลือกอย่าง (ไม่) เอกฉันท์นะคะ  Mr. Green Very Happy Mr. Green
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-01-2008, 15:06 โดย aiwen^mei » บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
ศิลาแลง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #171 เมื่อ: 20-01-2008, 18:48 »

เอ๋...คุณป้าศิลาแลงหายหน้าหายตาไปไม่มาอวยพรปีใหม่ให้ลูก ๆ หลาน ๆ หรอกหรือคะ  Mr. Green

เช้านี้เห็นเสียงป๋าหมักจากจอทีวี เลยคิดถึงคุณป้าผู้สามารถไขปัญหาได้ทุกเรื่อง  Mr. Green

ขอเรียนถามคุณป้าคำถามเดียวค่ะว่า "นายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๕ ของประเทศไทยคือใคร" 

คุณป้ากรุณาให้คำตอบก่อนที่พวก ๖ พรรคจะลงมติเลือกอย่าง (ไม่) เอกฉันท์นะคะ  Mr. Green Very Happy Mr. Green

สวัสดีหลายเม่ย

ด้วยป้าชราภาพแล้ว ปีใหม่หรือปีเก่าสำหรับป้า มันก็เลยเป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่ง จึงลืมไปเสียสนิทที่จะต้องให้พรลูกหลาน ก็ขอกราบขอให้อำนาจคุณพระศรีรัตนไตร และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงดลบันดาลให้ทุกคนมีความสุขความเจริญนะจ๊ะ 

เรื่องนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศเรานั้น อย่าว่าแต่ป้าเลยจ๊ะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายที่รวมกันจัดตั้งรัฐบาล ก็ยังไม่รู้เลยจนบัดนี้ว่า วันเลือกนายกรัฐมนตรีในสภา จะถูกสั่งให้ยกมือเลือกคนไหน

หลานต้องเข้าใจด้วยว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของเราในยามนี้ ถือเป็นภาวะไม่ปกติ นับได้ว่าเป็นภาวะที่ทุนนิยมสามานย์กำลังเฟื่องฟูสุดขีด และกลไกการเลือกตั้งได้หลุดเข้าไปในวงจรอิทธิพลท้องถิ่น รวมทั้งประชาชนส่วนหนึ่งของเรา ได้ตกอับทางปัญญาจนถึงที่สุด ด้วยการมอมเมาของระบบทุนนิยมสามานย์มานานหลายปี ผลของการเลือกตั้งนั้น แทบจะคาดเดาได้ว่า ใครควบคุมการจ่ายเงินให้ถึงมือประชาชนได้ ก็จะได้รับเลือกตั้ง

และเงินที่นำมาแจกจ่ายนั้น ต้นตอของมันมาจากกลุ่มคนเพียงกลุ่มเดียว ซึ่งผู้ใดจ่ายเงินผู้นั้นก็็เสียงดัง และสามารถสั่งการอันใดก็ได้  เสียงสั่งนั่นแหละจ๊ะ คือเสียงที่จะบอกว่า ใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี

เป็นเรื่องน่าเศร้าเรื่องหนึ่งของสังคมไทย ที่หลังจากเลือกตั้งและประกาศจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว ไม่สามารถจะบอกได้ว่า ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีคราวนี้ จะมีโทรศัพท์มาตั้งจ๊ะ

แต่ถ้าจะให้ป้าฟันธง ก็คงต้องยืมวิธีของนักข่าวบันเทิงมาจ๊ะ  นายกคราวนี้ ส.เสือ มาแรง อิอิ 

ศิลาแลง
บันทึกการเข้า
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #172 เมื่อ: 01-02-2008, 16:30 »


ถึงป้าแลงเอ็กคลูซีฟลี่ กิ๊ฟๆ   


รบกวนคำถาม เปิดผนึก


-คือผมอยากทราบว่ารู้สึกยังไงที่ได้เป็นซ้อเจ็ดเสรีไทย พอใจมั้ยครับ?

-ประการต่อมา อยากให้ป้าเล่าเรื่องประวัติที่มาของคำว่าพระยาเทครัว ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร?


หากว่าป้าแลงทำกุศลครั้งนี้ตามควรด้วยคำตอบประการใดแก่เวไนยสัตว์ที่ผ่านไป โฉบมาทั่วไป

ก็ให้ป้าแลงเป็นคอลัมนิสต์ยอดฮิตติดอันดับเของเสรีไทยต่อไปตราบนานเท่านาน

                                                                                                                     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2008, 16:32 โดย ********Q******** » บันทึกการเข้า

ศิลาแลง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #173 เมื่อ: 01-02-2008, 18:27 »

ถึงป้าแลงเอ็กคลูซีฟลี่ กิ๊ฟๆ   


รบกวนคำถาม เปิดผนึก


-คือผมอยากทราบว่ารู้สึกยังไงที่ได้เป็นซ้อเจ็ดเสรีไทย พอใจมั้ยครับ?

-ประการต่อมา อยากให้ป้าเล่าเรื่องประวัติที่มาของคำว่าพระยาเทครัว ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร?


หากว่าป้าแลงทำกุศลครั้งนี้ตามควรด้วยคำตอบประการใดแก่เวไนยสัตว์ที่ผ่านไป โฉบมาทั่วไป

ก็ให้ป้าแลงเป็นคอลัมนิสต์ยอดฮิตติดอันดับเของเสรีไทยต่อไปตราบนานเท่านาน

                                                                                                                     

สวัสดีหลาน Q

คำถามที่หลานถามป้ามาว่า "รู้สึกยังไงที่ได้เป็นซ้อเจ็ดเสรีไทย" ก็เห็นจะต้องตอบว่า ไม่ได้รูสึกเลยว่าเป็นซ้อเจ็ดเสรีไทย หากแต่เป็นศิลาแลงมาตั้งแต่เบื้องต้น ลีลาของซ้อเจ็ดนั้น ป้ามิหาญกล้าไปเทียบชั้น เพราะเรื่องลึกลับขนาดถึงกึ๋นถึงกลีบนั้น ป้าไม่ใคร่จะประสาจ๊ะ นึกออกจะเสียดายอยู่ครามครัน เพราะเมื่อป้าเป็นสาวนั้น ศัพท์คำว่า แรด ที่หมายถึงพฤติกรรมของสตรีนั้น ยังมิเกิดขึ้นในแผ่นดินสยาม ไม่มีตัวอย่างให้ดูมากนัก ที่ป้าพอจะจำได้ซึ่งเป็นข่าวครึกโครม ก็เห็นจะได้แก่มารดาหนุ่มรูปหล่อ ที่เคยทั้ง ร้อง ทั้ง เล่น จนโด่งดัง ภายหลังยังมาดังทางการเมือง ได้เป็นผู้แทนของชาวทุ่งลาดหญ้า ซึ่งค่อนข้างจะเปรี้ยว ตามสำนวนสมัยนั้น และถูกบิดาจับโกนศรีษะ เพื่อมิให้หนีเที่ยวไปเปรี้ยวจัดจนเกินควร แต่หล่อนก็ยังโพกหัวออกมาเปรี้ยวได้ เป็นเรื่องฮือฮากันทั้งเมือง

ขอให้ซ้อเจ็ดเธอเป็นดาราเฉิดฉายในแวดวงไปเถิดจ๊ะ ป้าไม่ขอสู้ด้วย เป็นยายศิลาแลงเคี้ยวหมากปากแดงเถือกไปในเวบเสรีไทยนี่แหละ พอเพียง ของป้าแล้ว

เรื่องที่สองคือเรื่องพระยาเทครัว ซึ่งความหมายที่เข้าใจกันใบปัจจุบัญนี้ ก็เห็นจะได้แก่ความหมายถึงชายที่เหมายกเข่ง เฉ่งยกเล้า เอายกโคตร คือฟาดซะเรียบหมดบ้าน มีสาวกี่คนในบ้านนั้น พ่อเล่นซะไม่เหลือ บ้างก็หาญฮึก ไม่ว่าเฒ่าชะแรแก่ชรา ยันรุ่นลูกรุ่นหลาน ขอให้คลำไม่มีหางพ่อเป็นได้ฟาดหมด

แต่อันที่จริงแล้ว คำว่าเทครัวนั้น เป็นกลยุทธภายหลังการชนะศึกอย่างหนึ่งของคนสมัยโบราณ เมื่อรบทัพจับศึกกันแล้ว ก็มักจะกวาดต้อนผู้คนและทรัพย์สิน กลับมาเป็นบำเน็จสงคราม การกวาดมานั้น เรียกกันว่าเทครัวมากันเลยทีเดียว เพราะนอกจากเสาเรือน ฝาบ้าน จากมุงหลังคา ที่ไม่รู้จะเทมาทำไมแล้ว ผู้คน ทรัพย์สิน ช้าง ม้า วัว ควาย ไก่ เป็ด สารพัดสัตว์เลี้ยง ก็จะถูกกวาดต้อนกลับมาด้วย

เหตุผลก็คือ ในสมัยโบราณนั้น คนนับเป็นอาวุธสงครามที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ศาสตราวุธอื่นใดนั้น หากไม่มีคนเป็นผู้กำกับ ก็จะไร้ค่าไร้ความหมาย และกองทัพที่มีพลรบเป็นจำนวนมาก เมื่อปะทะกับกองทัพที่มีพลรบจำนวนน้อย ย่อมจะชนะศึกในยุคนั้นชนิดที่เรียกว่าชัวร์ป๊าบนิ่ม เมื่อทำการกวาดต้อนผู้คนมาจนหมด แผ่นดินที่แพ้สงครามก็ต้องใชเวลาผลิตพลเมืองใหม่ เพื่อนำมาเป็นพลรบ ซึ่งจะต้องใช้เวลานับสิบปีขึ้นไป หรืออาจจะนานนับร้อยปี กว่าจะมีพลรบพอจะกลับมา เอาคืน ได้

ในการกวาดต้อนอพยพผู้คนของฝ่ายที่แพ้สงครามนั้น จำต้องมีผู้บังคับบัญชา กิจการงานเช่นนี้ ศักดิ์ของผู้กระทำการคงมิใช่ไพร่ราบทหารเลว แต่ต้องเป็นผู้ที่จะบังคับบัญชากองทัพ หรือหน่วยทหารที่จะต้องควบคุมให้เชลยอยู่ในความเรียบร้อย ถ้าเป็นสมัยนี้ก็เห็นจะต้องใช้คนระดับ อธิบดี หรือ เจ้ากรมของทหาร ซึ่งตำแหน่งระดับนี้ในอดีต คงจะประมาณบรรดาศักดิ์ได้เท่ากับพระยา จึงได้เกิดคำเรียกพระยาเทครัวขึ้นมาในครั้งกระนั้น

แต่ไม่จำเป็นว่า ผู้บังคับบัญชาการเทครัวนั้น จะต้องมียศเป็นพระยา จะต่ำหรือสูงกว่านั้นมิได้ เป็นเพียงแต่ว่าคงจะเคยใช้บรรดาศักดิ์พระยา ทำหน้าที่รับผิดชอบการเทครัวขึ้นมาหลายครั้งหลายหน และความหมายก็ผิดเพี้ยนไปตามอารมณ์ขันของคนไทย ที่มักจะชอบเปรียบเปรยเรื่องใกล้ตัว ด้วยชื่อเสียงเรียงนามของสิ่งต่างๆ พระยาเทครัวเลยกลับกลายมาเป็นฉายา ของบุคคลดังกล่าวข้างต้นนั้น

แต่ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของพระยานั้น เอาแน่นอนอะไรมิได้ เนื่องจากกการปกครองในสมัยโบราณนั้น ขึ้นอยู่กับความเห็นของผู้มีอำนาจ เช่นเดียวกับตำแหน่งขุนนางของฝรั่ง เพราะปรากฎว่าคนเทกระโถนของพระเจ้าหลุยส์แห่งฝรั่งเศส ยังมีบรรดาศักดิ์สูงกว่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่จำนวนมาก

ป้าขอขอบใจที่เชียร์ให้ป้าเป็นคอลัมนิสต์ยอดฮิตติดอันดับเของเสรีไทย แต่ป้าไม่แน่ใจว่านั้นจะดีหรือไม่ดี เพราะป้าได้ข่าวว่า ซ้อเจ็ดได้ค่าเขียนคอลัมน์คราวละหลายสตางค์อยู่ ส่วนป้านั้น จะซื้อหมากมาเคี้ยว ยังต้องออกทุนเองเลยจ๊ะ อาภัพจริงๆ

ศิลาแลง
บันทึกการเข้า
โต มิ โต โชว์ ดะ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 225


« ตอบ #174 เมื่อ: 01-02-2008, 18:42 »

เดี๋ยวผะ....................ผะ...................................ผมมานั่งจีบหมากพลูให้ป้าเคี้ยวเองคร๊าฟฟฟ



ป้าแลงจู้ๆๆๆๆๆๆ





 
บันทึกการเข้า
Kittinunn
Aloha007
Global Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,127


ไปได้สวย...ด้วยเกียร์ต่ำ!!!


เว็บไซต์
« ตอบ #175 เมื่อ: 01-02-2008, 22:06 »

สวัสดีค่ะป้าแลง

หนูติดตามคอลัมน์ "ดุ๊กดิ๊กช่วยเดา" ทางหนังสือพิมพ์หัวเขียวมานาน เอ๊ะ ... หรือว่าไม่เกี่ยวกับป้าแลง งั้นหนูขอถามคำถามกับป้าตรงๆ เลยนะคะ คือหนูเป็นลูกของนักการเมืองที่ชาวบ้านเค้าด่าว่า ปอมอ หน่ะค่ะ คือจริงๆ หนูออกจะภูมิใจนะคะว่า หน้าตาหนูเหมือนแม่มากกว่าพ่อ เพราะแม่หนูสวยค่ะ แต่แม่หนูติดใจคารมคุณพ่อมากตอนที่เรียนมหาลัยด้วยกัน จนกระทั่งได้แต่งงานกัน พ่อหนูหน้าตาไม่ดีเท่าไหร่ แถมออกจะปากตลาด พอหนูเกิดออกมาคุณพ่อมักจะพาหนูไปจ่ายตลาดอยู่เรื่อยๆ จนหนูได้ยินคำพูดของพ่อที่ออกจะปากตลาดอยู่ซะด้วยซ้ำ

หนูแต่งงานกับชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่พบกันในที่ทำงาน เค้าหน้าตาดีค่ะ หนูออกจะภูมิใจว่า เมื่อมีลูกต้องหน้าตาดีกับเขา แต่แล้วเมื่อลูกหนูคลอดออกมา พอโตขึ้นทำไมนานวันเข้า หน้าตาทำไมขี้เหร่เหมือนพ่อหนูตอนนี้ หน้ายักษ์ขมูขีแถมจมูกบานอีก หนูไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเชื้อสายของหนูที่หนูคิดว่าติดมาจากแม่ แล้วเมื่อเจอกับสามีหนูแล้ว คิดว่าลูกเราต้องหน้าตาดีเหมือนน้องกายของมาช่ากับหนุ่ยอำพูน หรือพวยทองท้วยของท่านหน้าเหลี่ยมเจ้านายพ่อหนู

ทำไมค่ะ เชื้อสายหนูมันไม่ดีตรงไหน ทำไมลูกหนูถึงน่าเกลียดขนานนั้นค่ะ ไม่เข้าใจจริงๆ หรือหนูต้องผสมพันธุ์ใหม่อีกรอบถึงจะได้หน้าตาแบบสเตฟาน แต่ยังไงหนูก็รักลูกหนูนะคะ หนูพยายามให้ลูกของหนูทำอาหารเก่งๆ จะได้เป็นพ่อครัว ทำอาหารอร่อยๆ ไม่ต้องกินของหนักๆ อย่างอิฐหินดินทราย หรือแม้กระทั่งกองขยะให้อับอายตระกูลหนูอีก นี่ยังโชคดีที่ไม่ได้เป็นนามสกุลพ่อ ไม่งั้นลูกหนูโตขึ้นคงลำบากแย่

หนูมีเรื่องปรึกษากับป้าแลงแค่นี้ค่ะ ขอบคุณที่อ่านจดหมายของหนูจนจบนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ก.ด.ภ. (กดดันภาษี)
บันทึกการเข้า

“ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย” (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #176 เมื่อ: 02-02-2008, 02:31 »



อ้างถึง




สวัสดีหลาน Q

คำถามที่หลานถามป้ามาว่า "รู้สึกยังไงที่ได้เป็นซ้อเจ็ดเสรีไทย" ก็เห็นจะต้องตอบว่า ไม่ได้รูสึกเลยว่าเป็นซ้อเจ็ดเสรีไทย หากแต่เป็นศิลาแลงมาตั้งแต่เบื้องต้น ลีลาของซ้อเจ็ดนั้น ป้ามิหาญกล้าไปเทียบชั้น เพราะเรื่องลึกลับขนาดถึงกึ๋นถึงกลีบนั้น ป้าไม่ใคร่จะประสาจ๊ะ นึกออกจะเสียดายอยู่ครามครัน เพราะเมื่อป้าเป็นสาวนั้น ศัพท์คำว่า แรด ที่หมายถึงพฤติกรรมของสตรีนั้น ยังมิเกิดขึ้นในแผ่นดินสยาม ไม่มีตัวอย่างให้ดูมากนัก ที่ป้าพอจะจำได้ซึ่งเป็นข่าวครึกโครม ก็เห็นจะได้แก่มารดาหนุ่มรูปหล่อ ที่เคยทั้ง ร้อง ทั้ง เล่น จนโด่งดัง ภายหลังยังมาดังทางการเมือง ได้เป็นผู้แทนของชาวทุ่งลาดหญ้า ซึ่งค่อนข้างจะเปรี้ยว ตามสำนวนสมัยนั้น และถูกบิดาจับโกนศรีษะ เพื่อมิให้หนีเที่ยวไปเปรี้ยวจัดจนเกินควร แต่หล่อนก็ยังโพกหัวออกมาเปรี้ยวได้ เป็นเรื่องฮือฮากันทั้งเมือง

ขอให้ซ้อเจ็ดเธอเป็นดาราเฉิดฉายในแวดวงไปเถิดจ๊ะ ป้าไม่ขอสู้ด้วย เป็นยายศิลาแลงเคี้ยวหมากปากแดงเถือกไปในเวบเสรีไทยนี่แหละ พอเพียง ของป้าแล้ว

เรื่องที่สองคือเรื่องพระยาเทครัว ซึ่งความหมายที่เข้าใจกันใบปัจจุบัญนี้ ก็เห็นจะได้แก่ความหมายถึงชายที่เหมายกเข่ง เฉ่งยกเล้า เอายกโคตร คือฟาดซะเรียบหมดบ้าน มีสาวกี่คนในบ้านนั้น พ่อเล่นซะไม่เหลือ บ้างก็หาญฮึก ไม่ว่าเฒ่าชะแรแก่ชรา ยันรุ่นลูกรุ่นหลาน ขอให้คลำไม่มีหางพ่อเป็นได้ฟาดหมด

แต่อันที่จริงแล้ว คำว่าเทครัวนั้น เป็นกลยุทธภายหลังการชนะศึกอย่างหนึ่งของคนสมัยโบราณ เมื่อรบทัพจับศึกกันแล้ว ก็มักจะกวาดต้อนผู้คนและทรัพย์สิน กลับมาเป็นบำเน็จสงคราม การกวาดมานั้น เรียกกันว่าเทครัวมากันเลยทีเดียว เพราะนอกจากเสาเรือน ฝาบ้าน จากมุงหลังคา ที่ไม่รู้จะเทมาทำไมแล้ว ผู้คน ทรัพย์สิน ช้าง ม้า วัว ควาย ไก่ เป็ด สารพัดสัตว์เลี้ยง ก็จะถูกกวาดต้อนกลับมาด้วย

เหตุผลก็คือ ในสมัยโบราณนั้น คนนับเป็นอาวุธสงครามที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ศาสตราวุธอื่นใดนั้น หากไม่มีคนเป็นผู้กำกับ ก็จะไร้ค่าไร้ความหมาย และกองทัพที่มีพลรบเป็นจำนวนมาก เมื่อปะทะกับกองทัพที่มีพลรบจำนวนน้อย ย่อมจะชนะศึกในยุคนั้นชนิดที่เรียกว่าชัวร์ป๊าบนิ่ม เมื่อทำการกวาดต้อนผู้คนมาจนหมด แผ่นดินที่แพ้สงครามก็ต้องใชเวลาผลิตพลเมืองใหม่ เพื่อนำมาเป็นพลรบ ซึ่งจะต้องใช้เวลานับสิบปีขึ้นไป หรืออาจจะนานนับร้อยปี กว่าจะมีพลรบพอจะกลับมา เอาคืน ได้

ในการกวาดต้อนอพยพผู้คนของฝ่ายที่แพ้สงครามนั้น จำต้องมีผู้บังคับบัญชา กิจการงานเช่นนี้ ศักดิ์ของผู้กระทำการคงมิใช่ไพร่ราบทหารเลว แต่ต้องเป็นผู้ที่จะบังคับบัญชากองทัพ หรือหน่วยทหารที่จะต้องควบคุมให้เชลยอยู่ในความเรียบร้อย ถ้าเป็นสมัยนี้ก็เห็นจะต้องใช้คนระดับ อธิบดี หรือ เจ้ากรมของทหาร ซึ่งตำแหน่งระดับนี้ในอดีต คงจะประมาณบรรดาศักดิ์ได้เท่ากับพระยา จึงได้เกิดคำเรียกพระยาเทครัวขึ้นมาในครั้งกระนั้น

แต่ไม่จำเป็นว่า ผู้บังคับบัญชาการเทครัวนั้น จะต้องมียศเป็นพระยา จะต่ำหรือสูงกว่านั้นมิได้ เป็นเพียงแต่ว่าคงจะเคยใช้บรรดาศักดิ์พระยา ทำหน้าที่รับผิดชอบการเทครัวขึ้นมาหลายครั้งหลายหน และความหมายก็ผิดเพี้ยนไปตามอารมณ์ขันของคนไทย ที่มักจะชอบเปรียบเปรยเรื่องใกล้ตัว ด้วยชื่อเสียงเรียงนามของสิ่งต่างๆ พระยาเทครัวเลยกลับกลายมาเป็นฉายา ของบุคคลดังกล่าวข้างต้นนั้น

แต่ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของพระยานั้น เอาแน่นอนอะไรมิได้ เนื่องจากกการปกครองในสมัยโบราณนั้น ขึ้นอยู่กับความเห็นของผู้มีอำนาจ เช่นเดียวกับตำแหน่งขุนนางของฝรั่ง เพราะปรากฎว่าคนเทกระโถนของพระเจ้าหลุยส์แห่งฝรั่งเศส ยังมีบรรดาศักดิ์สูงกว่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่จำนวนมาก

ป้าขอขอบใจที่เชียร์ให้ป้าเป็นคอลัมนิสต์ยอดฮิตติดอันดับเของเสรีไทย แต่ป้าไม่แน่ใจว่านั้นจะดีหรือไม่ดี เพราะป้าได้ข่าวว่า ซ้อเจ็ดได้ค่าเขียนคอลัมน์คราวละหลายสตางค์อยู่ ส่วนป้านั้น จะซื้อหมากมาเคี้ยว ยังต้องออกทุนเองเลยจ๊ะ อาภัพจริงๆ

ศิลาแลง

 
 


ป้าครับ ขอบคุณป้าเป็นการส่วนตัว คือคำตอบของป้า ทำให้ผมหัวใจชุ่มฉ่ำมากเลยครับ..

รู้สึกเหมือนชีวิตเราพอเพียงเมื่อได้สิ่งที่พึงพอใจ เป็นกำลังใจให้ป้าเสมอเช่นกันนะครับ

จริงแล้วมีเรื่องอยากสอบถามป้าอีกมาก เช่น ทัศนะของป้าเกี่ยวกับคำโบราณที่ว่า สามีเหมือนฉัตรแก้วกั้นเกศ ป้าให้น้ำหนักอย่างไรครับ?

                                                                                                                                                                 
บันทึกการเข้า

ศิลาแลง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #177 เมื่อ: 02-02-2008, 15:42 »

สวัสดีค่ะป้าแลง

หนูติดตามคอลัมน์ "ดุ๊กดิ๊กช่วยเดา" ทางหนังสือพิมพ์หัวเขียวมานาน เอ๊ะ ... หรือว่าไม่เกี่ยวกับป้าแลง งั้นหนูขอถามคำถามกับป้าตรงๆ เลยนะคะ คือหนูเป็นลูกของนักการเมืองที่ชาวบ้านเค้าด่าว่า ปอมอ หน่ะค่ะ คือจริงๆ หนูออกจะภูมิใจนะคะว่า หน้าตาหนูเหมือนแม่มากกว่าพ่อ เพราะแม่หนูสวยค่ะ แต่แม่หนูติดใจคารมคุณพ่อมากตอนที่เรียนมหาลัยด้วยกัน จนกระทั่งได้แต่งงานกัน พ่อหนูหน้าตาไม่ดีเท่าไหร่ แถมออกจะปากตลาด พอหนูเกิดออกมาคุณพ่อมักจะพาหนูไปจ่ายตลาดอยู่เรื่อยๆ จนหนูได้ยินคำพูดของพ่อที่ออกจะปากตลาดอยู่ซะด้วยซ้ำ

หนูแต่งงานกับชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่พบกันในที่ทำงาน เค้าหน้าตาดีค่ะ หนูออกจะภูมิใจว่า เมื่อมีลูกต้องหน้าตาดีกับเขา แต่แล้วเมื่อลูกหนูคลอดออกมา พอโตขึ้นทำไมนานวันเข้า หน้าตาทำไมขี้เหร่เหมือนพ่อหนูตอนนี้ หน้ายักษ์ขมูขีแถมจมูกบานอีก หนูไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเชื้อสายของหนูที่หนูคิดว่าติดมาจากแม่ แล้วเมื่อเจอกับสามีหนูแล้ว คิดว่าลูกเราต้องหน้าตาดีเหมือนน้องกายของมาช่ากับหนุ่ยอำพูน หรือพวยทองท้วยของท่านหน้าเหลี่ยมเจ้านายพ่อหนู

ทำไมค่ะ เชื้อสายหนูมันไม่ดีตรงไหน ทำไมลูกหนูถึงน่าเกลียดขนานนั้นค่ะ ไม่เข้าใจจริงๆ หรือหนูต้องผสมพันธุ์ใหม่อีกรอบถึงจะได้หน้าตาแบบสเตฟาน แต่ยังไงหนูก็รักลูกหนูนะคะ หนูพยายามให้ลูกของหนูทำอาหารเก่งๆ จะได้เป็นพ่อครัว ทำอาหารอร่อยๆ ไม่ต้องกินของหนักๆ อย่างอิฐหินดินทราย หรือแม้กระทั่งกองขยะให้อับอายตระกูลหนูอีก นี่ยังโชคดีที่ไม่ได้เป็นนามสกุลพ่อ ไม่งั้นลูกหนูโตขึ้นคงลำบากแย่

หนูมีเรื่องปรึกษากับป้าแลงแค่นี้ค่ะ ขอบคุณที่อ่านจดหมายของหนูจนจบนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ก.ด.ภ. (กดดันภาษี)

สวัสดีหลาน ก.ด.ภ. (กดดันภาษี)

ก่อนอื่นป้าต้องขอทักเสียก่อนว่า ชื่อของหนูแปลกประหลาดดีมาก ไม่ทราบว่าหมอดูท่านใดหรืออาจารย์ผูเรืองวิทยาคมท่านใดตั้งให้ แปลกหูดีมากจ๊ะ และป้าก็ไม่ทราบว่ามันมีความหมายอะไรแอบแฝงอยู่ในนั้นหรือเปล่า

เรื่องบิดาของหนูที่ได้รับฉายาจากชาวบ้านว่า ปอมอ นั้น หนูอย่าไปใส่ใจมากนักนะจ๊ะ เพราะชาวบ้านนั้นก็จัดได้อยู่ในจำพวกไพร่ เวลาจะกล่าวถึงบรรพบุรุษตนเองก็อาจจะกล่าวได้เพียงว่า นายหมักลูกตาหมม ซึ่งฟังแล้วไม่น่าศรัทธาเท่าไหร่ สู้คนที่เป็นลูกน้ำพริกน้ำยาไม่ได้ กล้าวถึงต้นตระกูลแล้ว ขลังดีชะมัด

หน้าตาของหนูนั้นป้าก็ไม่เคยเห็น อีกทั้งหน้าพ่อหน้าแม่ของหนูป้าก็ไม่เคยพบเห็น จึงช่วยตัดสินให้ไม่ได้ว่า หน้าของหนูนั้นเหมือนใครกันแน่ เมื่อหนูปักใจเชื่อว่าหน้าของหนูสวยเหมือนแม่ และหน้าของพ่อของหนูนั้นไม่ค่อยจะงดงาม ป้าก็จะเชื่อไปตามนั้น แต่หนูก็อย่าได้พยายามถามใครต่อใครให้มากนักว่า หน้าหนูเหมือนใครกันแน่ ระหว่างพ่อกับแม่ เพราะถ้ามีผู้รู้มาเฉลยให้ว่า หน้าหนูเหมือนคนข้างบ้าน มันจะยุ่งกันไปใหญ่

การที่หนูหาคู่ครองได้หน้าตาดีเช่นเดียวกับตนเอง ก็คงเป็นที่พึงพอใจของหนู หนูคงมีความสุขดีกับชีวิตที่ได้เห็นหน้าคู่ครองที่ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่การที่คนหน้าตาดีสองคนมาแต่งงานกัน ไม่มีอะไรเป็นเครื่องรับประกันว่า ทายาทที่ออกมาจะมีหน้าตาดีดังเช่นพ่อแม่ เพราะหนูเองยังยอมรับว่าหนูเหมือนแม่มากกว่าเหมือนพ่อ

แต่ผลของการเสพเมถุนจนได้ทายาทนั้น (ป้ามิได้พูดจาหยาบคายนะจ๊ะ คำว่าเสพเมถุนเป็นศัพท์สูงทางการเมือง ที่กำลังเป็นที่นิยมกัน และถือเป็นคำสุภาพ เพราะออกมาจากปากของลูกน้ำยาเลยทีเดียว) ไม่มีอะไรในโลกนี้รับประกันได้ว่า ใบหน้าของทายาทนั้นจะเหมือนผูให้กำเนิดทั้งสอง ดังนั้นการที่ลูกของหนูหน้าไพล่ไปเหมือนปู่ย่าตายายนั้น ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ในเมื่อใบหน้าของลูกนั้น ไม่ค่อยจะเป็นที่พึงพอใจของหนูสักเท่าไหร่ เนื่องจากเหตุอันใดก็ตาม ป้าแนะนำให้ทำใจ อย่างไรเขาก็เป็นลูกของเรา เลี้ยงดูอบรมให้ดี ให้เป็นคนดี หน้าตาจะขี้ริ้วขี้เหร่ไปบ้าง ก็ถือเป็นเรื่องของกรรมนะจ๊ะ

ส่วนการที่หนูคิดจะมีทายาทเพิ่ม เพราะคิดว่าลูกคนใหม่อาจจะหน้าตาดีกว่าคนเก่า บางทีหนูอาจจะคิดผิด เพราะถ้ามันออกมาแล้วแย่กว่าเดิม คราวนี้หนูจะทำอย่างไร แต่ถ้าหนูคิดจะมีลูกอีกคน เพื่อให้ไว้เป็นเพื่อนของคนที่ออกมาก่อนแล้ว อันนั้นก็จงอย่าไปใส่ใจกับหน้าตาจ๊ะ

ปัญหาเรื่องเชื้อสายของหนูนั้น ป้าจนปัญญาจะตอบจริงๆ แต่การที่หนูจะสั่งสอนลูกหลาน ให้เป็นคนดี เป็นพ่อครัวแม่ครัวที่ทำอาหารได้อร่อย โดยไม่ไปกินหินกินดินกินขยะ ก็นับเป็นความคิดที่ดี คนเรานั้น หน้าตาไม่ดี ปากไม่ดี นิสัยไม่ดี แล้วยังกินของไม่ดีเข้าไปอีก ชีวิตมันก็คงไม่เหลืออะไรดีแล้วล่ะจ๊ะ

ศิลาแลง
บันทึกการเข้า
ศิลาแลง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #178 เมื่อ: 02-02-2008, 16:15 »



ป้าครับ ขอบคุณป้าเป็นการส่วนตัว คือคำตอบของป้า ทำให้ผมหัวใจชุ่มฉ่ำมากเลยครับ..

รู้สึกเหมือนชีวิตเราพอเพียงเมื่อได้สิ่งที่พึงพอใจ เป็นกำลังใจให้ป้าเสมอเช่นกันนะครับ

จริงแล้วมีเรื่องอยากสอบถามป้าอีกมาก เช่น ทัศนะของป้าเกี่ยวกับคำโบราณที่ว่า สามีเหมือนฉัตรแก้วกั้นเกศ ป้าให้น้ำหนักอย่างไรครับ?

                                                                                                                                                                 

สวัสดีหลาน Q

ป้าดีใจที่คำตอบของป้า ทำให้หลานชุ่มชื่นหัวใจขึ้นมาได้บ้าง เพราะปกติแล้วเวลาป้าตอบอะไรกับใคร โดยเฉพาะคนแถวบ้าน เขาไม่ใคร่จะชุ่มชื่นหัวใจกันสักเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนดวงตาจะชุ่มด้วยแววโทสะ และป้าก็ใกล้จะเจ็บตัวอยู่เสมอๆ 

คำโบราณที่ว่า "สามีเหมือนฉัตรแก้วกั้นเกศ" ป้าเคยได้ยินมา แต่จำไม่ได้ว่า ที่มามาจากที่ไหน คำนี้หากจะพิจารณาเอาเรื่องกัน ก็เห็นจะหาเรื่องกันได้มากอยู่ เพราะสามีที่เป็นสัตว์แก้วเมาเอดส์ มีอยู่มากมายถมเถ แต่อย่างว่าแหละจ๊ะ สังคมโบราณของคนเรา เป็นสังคมที่ชายเป็นใหญ่ ดังนั้นการมีสามีก็เหมือนกับมีผู้คุ้มครองดูแลหาเลี้ยง เหมือนไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาแก้ผู้อยู่ข้างใต้

แต่ถึงปัจจุบัญ ก็คงยอมรับในความเท่าเทียมเสมอภาคกัน ระหว่างชายและหญิงแล้ว ดังนั้น "ภรรยาเหมือนฉัตรแก้วกั้นเกศ" ก็มีให้เห็นอยู่มากมาย อยากเห็นตัวอย่าง ป้าก็แนะนำให้ดูนายกรัฐมนตรีของประชาชนท่านหนึ่ง ที่ประกาศอย่างชื่นชมว่า ไม่ได้ทำมาหากินมาตั้งกะหนุ่มๆ เพราะภรรยาทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง และท่านก็มุ่งหน้าเล่นการเมืองมาตลอด จนประสบความสำเร็จได้เข้ามาล้างแค้น เอ๊ยล้างผลาญ เอ๊ย ไม่ใช่ ล้างตา ว้าาาาา...  ท่านจะเข้ามาทำอะไรก็ช่างท่านเถิด จะมาเสพเมถุนก็ช่าง เป็นอันว่า นี่เป็นตัวอย่างของ "ภรรยาเหมือนฉัตรแก้วกั้นเกศ" ก็แล้วกัน

อันที่จริงแล้ว การครองคู่ของคนเรา หากทั้งสองฝ่ายต่างเป็นคนดี ก็เป็น "ฉัตรแก้วกั้นเกศ" ให้แก่กันและกัน ไม่ว่าจะพิจารณาจากทางด้านไหน ทางสามีหรือภรรยา ก็จะน่านับถือด้วยกันทั้งสิ้น  การสร้างครอบครัวนั้น ผู้ที่เคยมีครอบครัวจะรู้ดีว่า คนดีเพียงคนเดียว อาจพาครอบครัวที่ย่ำแย่ให้รอดได้ และในทางกลับกัน ครอบครัวดีอยู่แล้ว แต่กลับเกิดคนเลวขึ้นมาเพียงคนเดียว ครอบครัวนั้นก็วุ่นวายพินาศได้เช่นกัน

จึงสมควรที่คนเราไม่ว่าหญิงหรือชาย ต้องทำตัวให้เป็นฉัตรแก้วของคนในครอบครัวให้ได้ หากมีฉัตรแก้วหลายคัน ครอบครัวนั้นก็จะยิ่งร่มเย็น นอกจากจะร่มเย็นภายในครอบครัวแล้ว ยังเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มาให้คนที่หนีร้อนมาพึ่งเย็นได้อีกมาก

ศิลาแลง
บันทึกการเข้า
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #179 เมื่อ: 03-02-2008, 22:12 »



ป้าครับ 


ผมเห็นหญิงชายที่เจ้าชู้

ป้าว่าเป็นอย่างไรครับ? ผิดธรรมชาติหรือเปล่า?

อรหันต์ก่อนและหลังมีเมีย และบรรลุอรหันต์ได้หรือไม่?
บันทึกการเข้า

ศิลาแลง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #180 เมื่อ: 04-02-2008, 10:20 »


ป้าครับ 

ผมเห็นหญิงชายที่เจ้าชู้

ป้าว่าเป็นอย่างไรครับ? ผิดธรรมชาติหรือเปล่า?

อรหันต์ก่อนและหลังมีเมีย และบรรลุอรหันต์ได้หรือไม่?


สวัสดีหลาน Q

หากจะถามว่าความเจ้าชู้ผิดธรรมชาติไหม ก็ต้องมองไปที่มุมของธรรมชาติก่อน  มนุษย์ก็เป็นสัตว์โลกประเภทหนึ่ง ดังนั้นเมื่อเรามองไปที่มุมของสัตว์โลกอื่นๆ มันเจ้าชู้กันบ้างไหม

ช้าง ม้า โค กระบือ สิงห์สาราสัตว์ทั้งหลาย มันก็มีชีวิตอยู่เพื่อนการสืบเผ่าพันธ์ตามธรรมชาติ สัตว์บางชนิดผลัดเปลี่ยนคู่กันไปตามวาระ บ้างก็อยู่คู่ผัวตัวเมียเดียวไปจนตายจากกัน บ้างก็อยู่เป็นฝูงๆ เหมือนฮาเร็ม จะเห็นได้ว่า สัตว์แต่ละชนิดก็มี ธรรมชาติ ของมัน นกที่จับคู่ไม่เปลี่ยนคู่ มันก็คงไม่ไปตำหนิสิงห์โตที่มีตัวเมียพร้อมกันทีละฝูง ว่าเจ้าชู้  และสิงห์โตนั้นก็ไม่ไปตำหนินกว่า โง่จัง อะไรประมาณนั้น

ดังนั้นถ้าจะถามเรื่องธรรมชาติ ป้าก็จะตอบว่า ความเจ้าชู้เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ถ้าจะถามเรื่องศีลธรรมวัฒนธรรมประเพณี คำตอบคงจะไม่เหมือนกันจ๊ะ

ส่วนคำถามที่ว่า อรหันต์ก่อนและหลังมีเมีย และบรรลุอรหันต์ได้หรือไม่?  คำถามนี้กำกวมดีมากจ๊ะ

อรหันต์นั้นแปลได้หลายอย่าง ทั้ง  ผู้รู้ ผู้ไม่กลับมา ผู้ไกลจากกิเลส ผู้สามารถขจัดกิเลสให้หมดสิ้นไป ผู้ไกลจากข้าศึกคือกิเลส ผู้ที่ถึงที่สุด ผู้ที่สมบูรณ์

ดังนั้น หากจะเอาความหมายที่แปลได้มากมายนี้มาตอบคำถาม เห็นทีจะตอบไม่ได้ เพราะคำจำกัดความมันตีความไปได้หลายมุม เหมือนรัฐธรรมนูญไม่มีผิด ยิ่งตีความ ยิ่งยุ่ง

แต่ถ้าจะเอาความรู้สึกของคนทั่วไปมาตอบคำถาม ประการแรกเราจะเข้าใจกันว่า ก่อนจะเป็นอรหันต์นั้น ต้องบวชเป็นพระเสียก่อน เพราะคนทั่วไปคงไม่ยอมเชื่อว่า คนสักคนหนึ่งที่นุ่งผ้านุ่งผ่อนเหมือนกับเรา เดินดินกินข้าวแกงร่วมกับเรา จะเป็นอรหันต์ไปได้ หากใครที่ทำตัวเช่นนั้นมาพร่ำบอกกับเราว่า เป็นอรหันต์ ไม่แคล้วถูกจับส่งหลังคาแดง

ดังนั้นหากจะตอบตามความรู้สึกนี้ เห็นทีจะต้องตอบว่า ก่อนจะบวชนั้น จะมีเมียหรือไม่ ไม่ใช่อุปสรรค์ของการเป็นอรหันต์ แต่หลังจากบวชแล้ว ถ้าไปมีเมีย ก็เป็นได้แต่อลัชชีปาราชิก เป็นอรหันต์ไม่ได้แน่นอน เพราะบวชแล้วยังไม่เป้นผู้รู้ ไม่ละกิเลส ไปเสพเมถุน

และการบรรลุอรหันต์นั้น ไม่มีประกาศนียบัตรหรือปริญญารองรับ บรรลุแล้วก็แล้วกัน เพราะถ้ารู้แล้วว่าตนบรรลุอรหันต์ ก็หมายความว่าหมดกิเลสแล้ว การป่าวประกาศให้ผู้คนรู้ว่า ตนบรรลุอรหันต์นั้น เป็นกิเลสอย่างหนึ่ง ดังนั้น พระองค์ใดประกาศตนเป็นอรหันต์ ก็ไม่ใช่อรหันต์

ส่วนการที่ลูกศิษย์ลูกหามาเที่ยวประกาศว่า อาจารย์ของตนเป็นอรหันต์นั้น เป็นเรื่องไร้สาระ เพราะคนที่กิเลสหนาเขรอะ หรือกิเลสจะเบาบาง แต่ยังไม่หมดไป จะไปรู้ได้อย่างไรว่า ใครเป็นอรหันต์ ก็ได้แต่พูดเรื่อยเปื่อย เพื่อยืนยันกับคนอื่นว่า ผู้ที่ตนนับถือนั้นดีเลิศขนาดเป็นอรหันต์ ดีกว่าอาจารย์ของแก ว่างั้นเหอะ

ศิลาแลง
บันทึกการเข้า
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #181 เมื่อ: 04-02-2008, 15:00 »



ป้าครับผู้หญิง ที่ไม่ได้บวชหรือมีสามี

บรรลุอรหันต์ได้หรือไม่ครับ..?

ผมไม่คิดว่าจะไม่ได้นะครับ

ในพุทธศาสนา มีบันทึกถึงอรหันต์หญิงอยู่กี่รายครับ.?
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #182 เมื่อ: 04-02-2008, 18:46 »


ป้าครับ


ป้ามาพอดี ป้าต้องอดทนกับคำถามผมหรือเปล่า?

ป้าต้องตอบผมตรงๆนะครับ หรือว่าป้าไม่ตอบตรงๆก็ได้

แล้วแต่ป้าละกัน ผมก็ต้องเข้าใจป้าอยู่แล้ว...

ป้าไม่ต้องเข้าใจผมนะครับ ผมไม่อยากเป็นภาระหนักใจป้าหรอกครับ..
บันทึกการเข้า

ศิลาแลง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #183 เมื่อ: 04-02-2008, 18:51 »


ป้าครับผู้หญิง ที่ไม่ได้บวชหรือมีสามี

บรรลุอรหันต์ได้หรือไม่ครับ..?

ผมไม่คิดว่าจะไม่ได้นะครับ

ในพุทธศาสนา มีบันทึกถึงอรหันต์หญิงอยู่กี่รายครับ.?


หลาน Q

อย่างที่ได้ตอบไปแล้วว่า อยู่ที่การตีความว่า อรหันต์นั้น จะหมายถึงอะไร ความหมายใด

และการบวชนั้น เป็นรูปธรรม ลองคิดดูว่า หากมีคนสักคนหนึ่ง ไม่ได้เข้าพิธีบวช แต่ถือพระวินัยครบ 227 ข้อของภิกษุ หรือ ถือพระวินัยครบ 331 ข้อของภิกษุณี จะเรียกเขาว่าอะไรดี

อีกทั้งการมีสามีหรือมีภรรยา  หรือ เคยมีสามีหรือภรรยามาแล้ว และในขณะที่เราจะนำมาพิจารณา การมีสามีหรือภรรยาของเขาในขณะนั้น เป็นอย่างไร

พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า ธรรมที่นำมาสั่งสอน ไม่ได้คิดขึ้นใหม่ แต่เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว มีอยู่จริง การรู้ การละวางกิเลส ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะพระพุทธองค์ทรงสร้างขึ้น แต่มันมีอยู่แล้ว มีก่อนที่พระพุทธองค์จะนำมาสั่งสอน

ดังนั้นปัญหาที่ว่า คนอย่างไร จะบรรลุอรหันต์ได้ หรือนิพพานได้ ค่อนข้างจะไปทางอจินตัย คิดไปก็ไม่ได้อะไร และเราเองก็ตัดสินผิดถูกไม่ได้ว่า ผู้ใดเป็นอรหันต์หรือไม่ ใครเขาจะว่าเขาเป็น ก็ปล่อยไปเถิด

คำถามที่ว่า ในพุทธศาสนา มีบันทึกถึงอรหันต์หญิงอยู่กี่ราย ป้าก็ไม่ทราบ บันทึกทางพระพุทธศาสนานั้น มีมากมายเหลือคณานับ ป้าไม่เคยอ่านทั้งหมดดอกจ๊ะ

ศิลาแลง
บันทึกการเข้า
ศิลาแลง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #184 เมื่อ: 04-02-2008, 18:56 »

ป้าครับ


ป้ามาพอดี ป้าต้องอดทนกับคำถามผมหรือเปล่า?

ป้าต้องตอบผมตรงๆนะครับ หรือว่าป้าไม่ตอบตรงๆก็ได้

แล้วแต่ป้าละกัน ผมก็ต้องเข้าใจป้าอยู่แล้ว...

ป้าไม่ต้องเข้าใจผมนะครับ ผมไม่อยากเป็นภาระหนักใจป้าหรอกครับ..


หลาน Q

การตอบคำถามของป้าในบอร์ดเสรีไทยนั้น หัสเดิมเริ่มแรกก็ตอบเพราะมีคนถาม จนปัจจุบัญก็ตอบเพราะมีคนถาม

เมื่อมีคนถาม ก็เป็นเครื่องแสดงว่าคนนั้นอยากได้คำตอบ คำถามเป็นอย่างไร คำตอบก็เป็นอย่างนั้นจ๊ะ

ส่วนเรื่องหนักใจนั้น  เมื่อไม่นานมานี้ป้าเคยได้ฟังเพลงสมัยใหม่ถูกใจมากเพลงหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่ายุคสมัยนี้ จะมีคนแต่งเพลงได้ลึกซึ้งถีงปานนี้ จึงนำเนื้อเพลงมาให้อ่าน และนั่นคือคำตอบจากใจของป้าเช่นกัน

อ้างถึง
เคยมีใครสักคนได้บอกฉันมา ว่าเวลาใครมาทำกับเราให้เจ็บช้ำใจ
ลองไปเก็บก้อนหินขึ้นมาสักอัน ถือมันอยู่อย่างนั้นและบีบมันไว้

บีบให้แรงจนสุดแรง ให้มือทั้งมือมันเริ่มสั่น ใครคนนั้นยิ้มให้ฉัน ถามว่าเจ็บมือใช่ไหม

* ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ได้เท่ากับเธอทำตัวของเธอเอง ให้เธอคิดเอาเอง ว่าชีวิตของเธอเป็นของใคร
ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ถ้าเธอไม่รับมันมาใส่ใจ ถูกเขาทำร้าย เพราะใจเธอแบกรับมันเอง

ใครมาทำกับเธอให้เจ็บหัวใจ ก็แค่ให้ก้อนหินก้อนนั้นให้เธอรับมา
เพียงเธอจับมันโยนให้ไกลสายตา หรือเธอปรารถนาจะเก็บมันไว้

หากยิ่งยอมยิ่งแบกไป หัวใจของเธอก็ต้องสั่น หากยังทำตัวแบบนั้น ถามว่าปวดใจใช่ไหม

(ซ้ำ *)

(ซ้ำ *)

ถูกเขาทำร้าย เพราะใจเธอรับไว้เอง

ศิลาแลง
บันทึกการเข้า
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #185 เมื่อ: 04-02-2008, 19:33 »



ป้าครับ 


ผมคงต้องเสริมข้อความของป้านะครับ

คือหินเป็นของแข็ง มือเราอ่อนกว่าก็เจ็บสิครับ

เป็นอย่างอื่นๆที่มีค่า แต่แข็งก็เจ็บครับ เช่นเพชร

หากจะเปรียบเทียบกับจิดใจก็เหมือนกัน

มันคงอยู่ที่ว่า เราจะสามารถทำอะไรได้กับของแข็งอันนั้น..

หากจะเปรียบจริงๆ ของไม่แข็ง เช่นลมร้อนๆหรือเย็นมากๆก็ทำอันตรายได้ครับ

มีโทษ ย่อมมีคุณได้ตามสมบัติของมัน

การตัดสินใจเก็บหรือทิ้งจึงเป็นเรื่องลึกซึ่งมากขึ้นไปอีกครับ..คงสาธยายได้ไม่หมดด้วยตัวอักษร



จากข้อความคำถามก่อนนั้น แสดงว่าอรหันต์ตามพุทธศาสนาไม่จำเป็นต้องออกบวชถือสมณเพศก็ได้ครับ..



บันทึกการเข้า

ศิลาแลง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #186 เมื่อ: 04-02-2008, 20:20 »


ป้าครับ 


ผมคงต้องเสริมข้อความของป้านะครับ

คือหินเป็นของแข็ง มือเราอ่อนกว่าก็เจ็บสิครับ

เป็นอย่างอื่นๆที่มีค่า แต่แข็งก็เจ็บครับ เช่นเพชร

หากจะเปรียบเทียบกับจิดใจก็เหมือนกัน

มันคงอยู่ที่ว่า เราจะสามารถทำอะไรได้กับของแข็งอันนั้น..

หากจะเปรียบจริงๆ ของไม่แข็ง เช่นลมร้อนๆหรือเย็นมากๆก็ทำอันตรายได้ครับ

มีโทษ ย่อมมีคุณได้ตามสมบัติของมัน

การตัดสินใจเก็บหรือทิ้งจึงเป็นเรื่องลึกซึ่งมากขึ้นไปอีกครับ..คงสาธยายได้ไม่หมดด้วยตัวอักษร



จากข้อความคำถามก่อนนั้น แสดงว่าอรหันต์ตามพุทธศาสนาไม่จำเป็นต้องออกบวชถือสมณเพศก็ได้ครับ..



หลาน Q

บทเพลงนั้นเป็นเรื่องอุปมาอุปมัย เช่นเดียวกับบทกลอน สัมผัสใจไม่จำเป็นต้องสัมผัสคำ จะเอาเหตุผลแบบวิทยาศาสตร์มาจับผิดเรื่องศิลปะ ก็ออกจะไม่ได้เรื่องไปสักหน่อย

การตัดสินใจจะเก็บหรือทิ้งอะไร กับการตัดสินใจจะปล่อยวางอะไร เป็นศิลปะที่มิอาจชี้แนะกันได้ สิ่งที่บางคนเก็บไว้และเห็นว่ามีค่า อาจจะไร้ค่าสำหรับคนอื่นได้ มาตรฐานมันไม่เหมือนกัน

อรหันต์ตามพุทธศาสนา ต้องบวชจ๊ะ  ถ้าอรหันต์นอกพระพุทธศานาก็ไม่ต้องบวชตามพุทธศาสนา

ศิลาแลง
บันทึกการเข้า
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #187 เมื่อ: 04-02-2008, 20:41 »



ป้าครับ


เรื่องอรหันต์ตามพุทธศาสนา คงต้องฝากการบ้านไว้กับป้านะครับ

เท่าที่ผมเคยผ่านตาผ่านหู ได้ยินว่าผู้บรรลุธรรมขั้นสูงนั้นไม่จำเป็นต้องถือสมณเพศ

แค่สำหรับอรหันต์ คงไม่ยืนยัน เพราะไม่แน่ใจว่ามีอยู่ในพระไตรปิฏก  หรือคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่?

หากตีความก็ตามที่เรียนครับ ว่าไม่ได้ระบุเงื่นอนไขว่าต้องออกบวช และหรือต้องบำเพ็ญทุกข์กิริยา..


ป้าคุยเรื่องศิลปแขนงต่างๆให้ผมฟังหน่อยครับ

เช่น ความสวยงามของภาษา ฯลฯ

คืนนี้ผมคงหลับง่าย ครับสะสมไว้ก่อน.. ศิลปคืออะไรครับ.อุปมาหรือนิยามให้ฟังหน่อยครับ.

ศิลปคือจุดๆหนึ่งบนท้องฟ้า ณ ขณะหนึ่งๆ ในสายตาคู่หนึ่งได้หรือเปล่าครับ?         
บันทึกการเข้า

ศิลาแลง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #188 เมื่อ: 04-02-2008, 21:10 »


ป้าครับ


เรื่องอรหันต์ตามพุทธศาสนา คงต้องฝากการบ้านไว้กับป้านะครับ

เท่าที่ผมเคยผ่านตาผ่านหู ได้ยินว่าผู้บรรลุธรรมขั้นสูงนั้นไม่จำเป็นต้องถือสมณเพศ

แค่สำหรับอรหันต์ คงไม่ยืนยัน เพราะไม่แน่ใจว่ามีอยู่ในพระไตรปิฏก  หรือคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่?

หากตีความก็ตามที่เรียนครับ ว่าไม่ได้ระบุเงื่นอนไขว่าต้องออกบวช และหรือต้องบำเพ็ญทุกข์กิริยา..


ป้าคุยเรื่องศิลปแขนงต่างๆให้ผมฟังหน่อยครับ

เช่น ความสวยงามของภาษา ฯลฯ

คืนนี้ผมคงหลับง่าย ครับสะสมไว้ก่อน.. ศิลปคืออะไรครับ.อุปมาหรือนิยามให้ฟังหน่อยครับ.

ศิลปคือจุดๆหนึ่งบนท้องฟ้า ณ ขณะหนึ่งๆ ในสายตาคู่หนึ่งได้หรือเปล่าครับ?         


หลาน Q

ก็อย่างที่ตอบไปแล้วล่ะต๊ะ ว่าเรื่องนี้แล้วแต่มุมมอง การบรรลุธรรมขั้นสูงหรือขั้นต่ำ ก็คือการบรรลุถึงสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า สิ่งเหล่านั้นมีอยู่แล้วตามธรรมชาติ  พุทธศานามิได้เป็นเจ้าของสิ่งเหล่านั้นนะจ๊ะ ดังนั้นหากค้นหนทางพบ ก็น่าจะบรรลุได้

การถือสมณเพศ ก็เป็นรูปธรรม อย่างที่อธิบายไปแล้วว่า ถือพระวินัยครบตามพุทธบัญญัติ แต่มิได้บวช จะเรียกว่ากระไร และจะนิพพานได้หรือไม่ ปัญหานี้เป็นปัญหาของ รูปธรรม และ นามธรรม และเป็นอจินตัยแน่นอน เพราะคิดไปก็ไม่ได้อะไร ดีไม่ดี บ้าไปเสียเปล่าๆ

ศิลป เป็นนามธรรมอีกเช่นกัน การจะหาคำจำกัดความของศิลป หาได้แต่ไม่ตรงใจกับความเห็นของทุกคน

ครั้งหนึ่งมีการประกวดผลงานศิลปในประเทศไทย มีผู้ส่งงานเข้าประกวดคนหนึ่งได้รับรางวัล แต่บุคคลนั้นไม่ได้จบจากศิลปากร มีการประท้วงกันว่า กรมการให้รางวัลงานทางด้านศิลป กับคนที่ไม่จบศิลปากรได้อย่างไร คงไม่ต้องบอกว่า เสียงประท้วงนั้นมาจากคนที่จบศิลปากร เรื่องนี้มีกรรมการและศิลปินหลายท่านช่วยกันตอบปัญหาไปแล้ว แต่ก็เป็นเครื่องยินยันได้ว่า ศิลปนั้นมีคำจำกัดความได้หลากหลาย เพราะคนที่จบทางศิลป มาจากสถานศึกษาทางศิลปบางคน เขายังเชื่อว่ามีแต่พวกเขาเท่านั้น ที่ผลิตงานศิลปได้ระดับที่จะรับรางวัล

คนวิจารณ์คงไม่ต้องเอ่ยชื่อ แต่ผู้ที่ได้รับรางวัลในปีที่มีปัญหานั้น ชื่อ มีเซียม ยิบอินซอย

ครั้งเมื่อยุคอิมเพรสชั่นนิสต์เริ่มต้นใหม่ๆ ศิลปินในกลุ่มนี้ถูกรังเกียจเดียจฉันถึงขั้น ไม่ให้จัดงานแสดงผลงานทางศิลปะ แต่ต่อมายุคอิมเพรสชั่นก็รุ่งเรืองถึงขีดสุด  แต่กระนั้นแวนก๊อกก็ขายรูปได้ทั้งชีวิตเพียงรูปเดียว ศิลปินด้วยกันเอง ยังมองศิลปินที่มีผลงานไม่เหมือนกับตนว่า ไม่ใช่งานศิลปะ ดังนั้น คำจำกัดความของศิลป อย่าไปหาเลยจ๊ะ

ความสวยงามของภาษานั้น ก็เป็นความสวยงามเฉพาะผู้รู้ภาษานั้น หรือพอจะฟังออกบ้าง บทกลอนอันไพเราะของสุนทรภู่ เอาไปท่องให้ฝรั่งฟัง เขาก็ได้ยินเหมือนเสียงนกเสียงกา ลางที่จะฟังเหมือนเสียงกระบือ รำคาญเปล่าๆ

เท่าที่ตอบปัญหาของหลานมา ป้าว่าหลานอาจจะต้องพยายามแยกแยะ รูปธรรม และ นามธรรม ให้ออกจากกันนะจ๊ะ แล้วปัญหาหลายอย่าง หลานจะเข้าใจได้โดยง่าย

ศิลาแลง
บันทึกการเข้า
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #189 เมื่อ: 04-02-2008, 21:14 »


มา (แอบ) เป็นกองเชียร์ค่ะ 
บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #190 เมื่อ: 04-02-2008, 21:40 »


มา (แอบ) เป็นกองเชียร์ค่ะ 


เข้ามาถามป้า สนุกดีครับ

ต้องให้ซุป นำหน้า เป็นซุปปราแรง..เดี๋ยวป้าแกงอนไม่ตอบเหงาแย่เลย..



ป้าครับ

เรื่องรุปและนามน่าสนใจครับ..เพราะมันผลุบโผล่ได้ตามการมองเหมือนกัน..?

มี นิยาม ผมก็ว่าเกิดรูปแล้วล่ะครับ..
บันทึกการเข้า

นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #191 เมื่อ: 04-02-2008, 21:54 »

ชอบกระทู้นี้ที่ซู๊ด

ชอบอ้ะ
บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #192 เมื่อ: 04-02-2008, 21:58 »

ชอบกระทู้นี้ที่ซู๊ด

ชอบอ้ะ

ไม่เจอซะนาน ชอบก็แวะมาได้ครับ
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #193 เมื่อ: 05-02-2008, 00:21 »


ก้อนหินก้อนนั้น.mp3
http://www.esnips.com/nsdoc/2b8a79ac-b134-4565-85ba-672cf8531fca/?id=1202145352220


อ้างถึง
อ้างถึง
เคยมีใครสักคนได้บอกฉันมา ว่าเวลาใครมาทำกับเราให้เจ็บช้ำใจ
ลองไปเก็บก้อนหินขึ้นมาสักอัน ถือมันอยู่อย่างนั้นและบีบมันไว้

บีบให้แรงจนสุดแรง ให้มือทั้งมือมันเริ่มสั่น ใครคนนั้นยิ้มให้ฉัน ถามว่าเจ็บมือใช่ไหม

* ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ได้เท่ากับเธอทำตัวของเธอเอง ให้เธอคิดเอาเอง ว่าชีวิตของเธอเป็นของใคร
ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ถ้าเธอไม่รับมันมาใส่ใจ ถูกเขาทำร้าย เพราะใจเธอแบกรับมันเอง

ใครมาทำกับเธอให้เจ็บหัวใจ ก็แค่ให้ก้อนหินก้อนนั้นให้เธอรับมา
เพียงเธอจับมันโยนให้ไกลสายตา หรือเธอปรารถนาจะเก็บมันไว้

หากยิ่งยอมยิ่งแบกไป หัวใจของเธอก็ต้องสั่น หากยังทำตัวแบบนั้น ถามว่าปวดใจใช่ไหม

(ซ้ำ *)

(ซ้ำ *)

ถูกเขาทำร้าย เพราะใจเธอรับไว้เอง

ศิลาแลง
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #194 เมื่อ: 08-02-2008, 16:26 »


ป้าครับ 

ผมจะทำให้กระทู้ป้าเลอะหรือเปล่าครับ?

คืออยากถามป้าว่า ทำไมดาราชอบเล่นกล้องในลักษณะ

พาน้องนุ้งนิ้ง ออกมาเล่นด้วยครับ มันจะเป็นแนวโน้มของสังคมยุคนี้ต่อไปหรือเปล่า?
บันทึกการเข้า

ศิลาแลง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #195 เมื่อ: 17-02-2008, 14:24 »

ป้าครับ 

ผมจะทำให้กระทู้ป้าเลอะหรือเปล่าครับ?

คืออยากถามป้าว่า ทำไมดาราชอบเล่นกล้องในลักษณะ

พาน้องนุ้งนิ้ง ออกมาเล่นด้วยครับ มันจะเป็นแนวโน้มของสังคมยุคนี้ต่อไปหรือเปล่า?


หลาน Q

ขอโทษที่ป้ามาตอบช้า เพราะมองเห็นชื่อสุดท้ายในกระทู้เป็นของหลาน ซึ่งป้าจำได้ว่าอ่านแล้ว ลืมดูวันที่ไปจ๊ะ ว่าหลานถามมาใหม่

กระทู้นี้มันเลอะเทอะมานานแล้ว จากน้ำหมากของป้าเอง ป้าโพสของป้าเองเยอะแยะ ไม่มีใครมาทำให้เลอะไปกว่านี้ได้แล้วล่ะจ๊ะ 

คำถามของหลานนั้น ป้าคิดจนขะหมองแทยระเบิด อีกทั้งไปถามคนอื่นๆเขาว่า น้องนุ้งนิ้ง นี่มันคืออะไรกันหรือ ก็ไม่ได้คำตอบ ป้าเข้าใจเอาเองว่า มันคงเป็นศํพท์ที่ใหม่เอามากๆ หรือเก่าเอามากๆ จนไม่มีใครรู้จัก ป้าก็ออกจะมึนๆ เลยตอบไม่ได้จ๊ะ
ทางที่ดีหลานน่าจะอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้สักนิดหนึ่ง ว่าน้องนุ้งนิ้งนั้นคือใครหรืออะไร ป้าจึงจะตอบถูกจ๊ะ

ศิลาแลง
บันทึกการเข้า
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #196 เมื่อ: 17-02-2008, 23:34 »

หลาน Q

ขอโทษที่ป้ามาตอบช้า เพราะมองเห็นชื่อสุดท้ายในกระทู้เป็นของหลาน ซึ่งป้าจำได้ว่าอ่านแล้ว ลืมดูวันที่ไปจ๊ะ ว่าหลานถามมาใหม่

กระทู้นี้มันเลอะเทอะมานานแล้ว จากน้ำหมากของป้าเอง ป้าโพสของป้าเองเยอะแยะ ไม่มีใครมาทำให้เลอะไปกว่านี้ได้แล้วล่ะจ๊ะ 

คำถามของหลานนั้น ป้าคิดจนขะหมองแทยระเบิด อีกทั้งไปถามคนอื่นๆเขาว่า น้องนุ้งนิ้ง นี่มันคืออะไรกันหรือ ก็ไม่ได้คำตอบ ป้าเข้าใจเอาเองว่า มันคงเป็นศํพท์ที่ใหม่เอามากๆ หรือเก่าเอามากๆ จนไม่มีใครรู้จัก ป้าก็ออกจะมึนๆ เลยตอบไม่ได้จ๊ะ
ทางที่ดีหลานน่าจะอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้สักนิดหนึ่ง ว่าน้องนุ้งนิ้งนั้นคือใครหรืออะไร ป้าจึงจะตอบถูกจ๊ะ

ศิลาแลง


คำว่านุ้งนิ้งผมไม่ได้ใช้คนแรกครับ

เป็นนักเขียนข่าวเขาใช้ก่อน ผมก็ว่าน่ารักดี

ก็แทนจุดสำคัญที่ค่อนข้างลึกลับในหลายคน

แต่ของดารา บางทีก็ไม่ลับ เพราะเอามาเล่นกล้องกันจนมีคน เอามาเผยแพร่กันบ่อยๆ
บันทึกการเข้า

ศิลาแลง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #197 เมื่อ: 18-02-2008, 09:44 »


คำว่านุ้งนิ้งผมไม่ได้ใช้คนแรกครับ

เป็นนักเขียนข่าวเขาใช้ก่อน ผมก็ว่าน่ารักดี

ก็แทนจุดสำคัญที่ค่อนข้างลึกลับในหลายคน

แต่ของดารา บางทีก็ไม่ลับ เพราะเอามาเล่นกล้องกันจนมีคน เอามาเผยแพร่กันบ่อยๆ


หลาน Q

ป้าเข้าใจแล้ว อาจเกิดความสับสนในภาษาที่หลานเขียนมา เพราะที่จริงนั้น มีผู้ตั้งศัพแสลงขึ้นใหม่ เพื่อเรียกอวัยวะที่ควรปกปิดของสตรีว่า น้องนุ่มนิ่ม ศัพท์นี้ก็เกิดใหม่ๆ ไม่รู้ว่าได้บรรจุลงพจนานุกรมศํพท์วัยรุ่นกับเขาด้วยหรือไม่

ศัพท์ประเภทนี้มีเกิดมาเป็นระยะ แล้วก็ตายไปเป็นระยะ อย่างเช่น ถั่วดำ ตุ๋ย สะเดิ๊ฟ เป็นลักษณะปกติของภาษา ที่มีเกิดมีดับ ตามกฎไตรลักษณ์เช่นกัน

ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมดาราชอบเล่นกล้อง เท่าที่ป้ารู้มา คนทั่วไปก็ชอบเล่นกล้อง และเล่นพิเรนทร์จนเสียผู้เสียคนมาเยอะแล้ว ข่าวก็มีออกถมเถ ภาษิตเขาว่า ถ้าไม่อยากให้มีใครรู้ อย่าทำ นี่นอกจากจะทำแล้ว ยังบันทึกหลักฐานเอาไว้เสียด้วย สุดท้ายหลักฐานนั้นมันก็แดงโร่ ทำเอาคนในหลักฐานนั้น ถูกมัดจนดิ้นไม่หลุด

โลกเรานั้นเปลี่ยนไปจนมนุษย์เองไล่ตามไม่ทัน เด็กๆเยาวชนหรือชราชน รู้เท่าไม่ถึงการ ทำอะไรรุ่มร่ามไม่ถูกไม่ควร สุดท้ายมันก็ทำให้ตัวเองได้รับความเจ็บปวด เหตุการเล่นกล้องจนหลักฐานหลุดออกมาประจานชาวโลกนั้น ไม่ได้พึ่งเกิดมาครั้งแรก อีกทั้งผู้ที่เล่นกล้องนั้นก็คงได้ตัวอย่างมาจากหลักฐานของคนอื่น ที่หลุดออกมาให้ดู แต่กลับประมาทเล่นเองบ้าง แล้วก็ยังไม่รูจักหยุดหย่อนจนทุกวันนี้ อาจจะแสดงให้เห็นความคิดข้อหนึ่งของคนเรา ที่ชอบคิดว่า เรื่องร้ายๆอย่างนั้น ไม่น่าเกิดกับเราหรอกน่า

ไม่แน่นัก หลังจากมีการหลุดออกมาจนเป็นเรื่องปกติ ในอนาคต อาจจะไม่มีใครสนใจจะตื่นเต้นกับเร่องอย่างนี้ เพราะเห็นเสียจนเบื่อ และเมื่อมีนวัตกรรมใหม่ๆออกมาขายกัน ก็จะมีเรื่องใหม่ให้ชอบเล่นกัน ต่อไปอีกจ๊ะ

ศิลาแลง
บันทึกการเข้า
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #198 เมื่อ: 18-02-2008, 19:12 »



ป้าครับ 


บางทีผมก็ห่วงพวกยั่วยุหาพวก กับพวก ฮาร์ทคอร์ กับพวกอ่อนไหวเฉพาะเรื่อง

พวกเด็กซิ่ง เด็กแวนซ์  มันเป็นพฤติกรรมที่ดูขาดกาละเทศะ

ไร้วุฒิภาวะ เจ้าหน้าที่บ้าเนมือง ก็ไม่ยุติธรรม เด็ดขาด กับพวกห่างบ้านพวกนี้

กลางค่ำกลางคืนตามตรอกซอกซอย เสียงดังหนวกหู

ความเร็วก็งั้นๆ ให้ลงสนามแข่งจริงๆ ก็แพ้ตกรอบคัดเลือก

ป้าเคยเจอปัญหาพวกนี้ในชีวิตประจำวันบ้างหรือเปล่า?


ส่วนใหญจะเริ่มในซอย แล้วออกมารวมกลุ่มใหญ่กันบนไฮเวย์

อูดมการณ์คือ อยากดังบ้าง อยากโขว์บ้าง  หนีปัญหาครอบครัวทางบ้านบ้าง แล้วแต่..



ป้าว่าคุกจะแก้ปัญหาหรือจะเพิ่มปัญหา สร้างหัวโจกดื้อด้านต่อกฎหมายและความสงบ โดยไม่มีใครอยากเตือนพวกอาชญากรเหล่านี้ครับ.?



บันทึกการเข้า

ศิลาแลง
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #199 เมื่อ: 18-02-2008, 19:48 »


ป้าครับ 

บางทีผมก็ห่วงพวกยั่วยุหาพวก กับพวก ฮาร์ทคอร์ กับพวกอ่อนไหวเฉพาะเรื่อง

พวกเด็กซิ่ง เด็กแวนซ์  มันเป็นพฤติกรรมที่ดูขาดกาละเทศะ

ไร้วุฒิภาวะ เจ้าหน้าที่บ้าเนมือง ก็ไม่ยุติธรรม เด็ดขาด กับพวกห่างบ้านพวกนี้

กลางค่ำกลางคืนตามตรอกซอกซอย เสียงดังหนวกหู

ความเร็วก็งั้นๆ ให้ลงสนามแข่งจริงๆ ก็แพ้ตกรอบคัดเลือก

ป้าเคยเจอปัญหาพวกนี้ในชีวิตประจำวันบ้างหรือเปล่า?

ส่วนใหญจะเริ่มในซอย แล้วออกมารวมกลุ่มใหญ่กันบนไฮเวย์

อูดมการณ์คือ อยากดังบ้าง อยากโขว์บ้าง  หนีปัญหาครอบครัวทางบ้านบ้าง แล้วแต่..



ป้าว่าคุกจะแก้ปัญหาหรือจะเพิ่มปัญหา สร้างหัวโจกดื้อด้านต่อกฎหมายและความสงบ โดยไม่มีใครอยากเตือนพวกอาชญากรเหล่านี้ครับ.?



หลาน Q

ปัญหาเด็กซิ่งเด็กแว๊น ซึ่งก็น่าจะหมายถึงเด็กที่ทำผิดกฎหมาย รบกวนความสงบสุขของประชาชน มีสองเรื่องที่จะต้องพิจารณากัน

เรื่องแรกก็คือ กฎหมายและความสงบสุขของประชาชน การรักษากฎหมายนั้น ทุกวันนี้เรายกให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งประชาชนก็บ่นกันว่า ดูเหมือนตำรวจจะไม่ค่อยทำงาน รถซิ่งแข่งกันทุกคืน แต่ตำรวจนั้นนานๆทีจะออกไปปราบเสียหนหนึ่ง แล้วพวกที่ไม่โดนปราบก็ออกมาก่อกวนความสงบสุขกันใหม่ ปัญหานี้ที่จริงแล้ว เกิดจากโครงสร้างของระบบตำรวจของเราผิดพลาด เรานำระบบตำรวจมาจากต่างประเทศ แต่นำมาไม่หมด

ตำรวจที่เรามีทุกวันนี้ เป็นตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ดูแลโดยรัฐบาลและคณะกรรมการตำรวจ ที่ส่วนหนึ่งมาจากการเลือกของตำรวจเอง ลองถามผู้คนตามบ้านเรือนทั้งหลายดูเถิดว่า สารวัตใหญ่ที่ดูแลท้องที่ซึ่งเขาพำนักอาศัยอยู่นั้นคือใคร ร้อยทั้งร้อยส่ายหัว บางคนนั้นไม่รู้จักตำรวจในท้องที่ซึ่งบ้านของตัวเองตั้งอยู่เลยแม้แต่คนเดียว ไล่มาตั้งแต่สารวัตใหญ่จนถึงพลตำรวจ นี่คือคำตอบชัดเจนว่า ตำรวจนั้น ไม่ได้มีโครงสร้างที่เป็นตำรวจของประชาชน

ในเมื่อตำรวจนั้นไม่ได้มีโครงสร้างเป็นของประชาชน ก็ไม่ได้ทำงานเพื่อประชาชน แต่ทำงานเพื่อผลงานตามสายตาของผู้บังคับบัญชา ผลงานนั้นจะเข้าตาประชาชนหรือไม่ไม่สำคัญ เข้าตานายเป็นใช้ได้แล้ว และได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งตามนายโปรด ไม่ใช่ตามประชาชนเห็นชอบ

การแก้ไขให้ตำรวจรักษากฎหมายได้ดีขึ้น ต้องแก้ที่โครงสร้าง คืนอำนาจการรักษากฎหมายให้ประชาชน ตำรวจท้องที่ ต้องสังกัดท้องถิ่น ทำดีได้ดี ทำชั่วไล่ออก ไม่ใช่ย้ายไปทำความเดือดร้อนให้ท้องที่อื่นๆต่อไป สรุปได้ว่า หากให้ตำรวจทำงานดีขึ้น ต้องกระขายอำนาจ กลับสู่มือประชาชนโดยตรง

และถ้าจะพิจารณาที่ป้าอธิบายไปนั้น ช่วยแยกตำรวจออกเป็นส่วนๆด้วย เพราะตำรวจที่ต้องสังกดัตรงต่อรัฐบาลก็ยังจะต้องมี เช่น สันติบาล กองปราบปราม ตรวจคนเข้ามือง ฯลฯ แยกประเภทตำรวจให้ถูกต้อง สังกัดให้ถูกต้อง แล้วการรักษากฎหมายมันจะดีขึ้นเอง

เมื่อตำรวจมาจากประชาชนแล้ว ท้องที่เขาก็ต้องไล่จับรถซิ่งกันทุกวัน และอย่าลืมว่า ตำรวจคนแรกคือประชาชนนั่นเอง ดังนั้นในท้องที่ที่มีพวกกวนเมืองมาก ประชาชนก็ต้องร่วมมือกับตำรวจ ในการช่วยปราบปราม  ก็ไม่ยากอะไร ช่วยกันเอาถั่วเขียวมาสาดบนพื้นถนน เวลาพวกซิ่งแข่งกันมา เช่าขึ้นนกพิราบก็จะมากินถั่วเขียว แต่ก่อนหน้านั้น ปอเต็กตึ๊งจะต้องมาเก็บรถซิ่งที่คว่ำไปให้หมดซะก่อน  (ป้าล้อเล่นน่ะ)

ถัดมาเมื่อตำรวจของประชาชนทำหน้าที่ได้ดีแล้ว สังคมก็จะช่วยกันจัดการปัญหาน่ารำคาญนี้ได้ บ้านไหนที่ปล่อยลูกออกมาก่อความเดือดร้อน ก็ต้องถูกประนามจากสังคม หากพวกกวนเมืองนั้นมาจากต่างถิ่น ก็ส่งเรื่องให้ท้องถิ่นนั้นเขาประนามและจัดการกันไป

เมื่อขึ้นมาถึงอีกระดับ คือการลงโทษผู้กระทำผิด เยาวชนนั้นความเชื่อของเราถือว่าเป็นอนาคตของชาติ การลงโทษเด็กที่กระทำผิด จึงมีโทษอ่อน และมีความปราณีสูง ซึ่งก็ออกจะเห็นด้วย เพราะเด็กนั้นจะดีหรือเลวอยู่ที่การอบรม ดังนั้นเมื่อเด็กเลว ต้องลงโทษผู้อบรมหรือผู้ปกครองนั่นเอง โทษจำคุก ผู้ใหญ่ทำความผิดโดนเท่าไหร่ เยาวชนทำผิดก็ต้องโดนเท่านั้น แต่ไปเอาผู้ปกครองมาติดคุกแทน ใครจะคิดว่ามันออกจะดูบ้าๆบอๆ แต่ลองทำดูเถิด ป้ารับรองได้ว่า เยาวชนที่กระทำผิด จะลดน้อยลงอย่างน่าใจหายว่าตำรวจจะไม่มีงานทำเอาทีเดียว

นั่นเป็นมุมมองแรก แต่มุมมองที่สองนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า

ปรากฎการของเยาวชนที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ เป็นผลตามคำทำนายของทฤษฎีคลื่นลูกที่สาม สถาบันครอบครัวกำลังแตกสลาย ระบบตัวใครตัวมันกำลังเข้ามาแทนที่ พ่อแม่เมื่อตัดหางลูกปล่อยนรกได้ ก็รีบกระทำ พัฒนาตนเองให้เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยเงิน เด็กที่ออกมาใช้ชีวิตตามหอพัก อพาทร์เมนท์ ทั้งๆที่มีบ้านอยู่ มากมายเกินความจำเป็น พ่อแม่เองก็มุ่งแต่จะทำมาหากิน หาเท่าไหร่ก็ไม่พอสนองตอบต่อกิเลสตัณหาที่รุมเร้า ครอบครัวจำนวนมากมาย มีลูกออกมาเพราะอยู่ด้วยกันแล้วมันมี ลูกไม่ใช่โซ่ทองคล้องใจพ่อแม่ แต่เป็นผลพลอยได้ทางกามเท่านั้น เด็กที่เกิดมาแบบนั้น ก็มาเป็นแบบที่เราเห็นว่าเหมือนขยะสังคมด้วยประการฉะนี้

ถ้าจะหาจำเลยสักอย่างหนึ่งในเรื่องที่เกิดขึ้น ก็คงไม่แคล้วจะต้องชี้ไปที่ ทุนนิยมสามานย์ สังคมที่สอนให้คนมุ่งหาเงิน โดยไม่สนใจผลกระทบอื่น ได้มาอย่างไรก็ได้ ขอให้ได้มาก็แล้วกัน มีผู้นำประเทศที่โกงชาติบ้านเมือง รัฐบาล รัฐมนตรี ข้าราชการ ที่ช่วยกันทำตัวอย่างชั่วๆให้เยาวชนดู ลอยหน้าลอยตาท้าทาย บกพร่องโดยสุจริต คิดว่าโกงก็จับให้ได้สิ จ้างทนายตาเบี้ยวตาบูดมาแก้ต่าง จ้างลิ่วล้อหิวเงินมาปกป้องตนเอง สังคมชั่วเลวทรามแบบนี้ ก็ผลิตอนาคตของชาติชั่วๆออกมาเช่นกัน

ตรอก ซอก ซอย บางครั้งมันก็ตัน คนที่คิดจะเดินหน้า ก้าวหน้า ไม่รู้จักถอยหลัง เมื่อถึงทางตันก็ต้องเอาหัวโขกกำแพง เจ็บตัว ไม่ก็หัวแตกตายไป  เส้นทางที่ประเทศไทยเราเดินไปข้างหน้านั้น มันคือทางตัน หากไม่ถอยหลังเดี๋ยวนี้ ต่อไปก็ต้องชนกำแพง แล้วใครที่คิดว่าเก่งกาจ กำแหง จะปีนกำแพงข้ามไปได้ ก็ปล่อยเขาไป เพราะอีกฟากของกำแพงนั้นมันคือนรก อยากลงไปก็ไม่ว่ากัน

ศิลาแลง
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6
    กระโดดไป: