ข้อดี/ข้อเสีย ในร่างรัฐธรรมนูญ ในสายตา "ลมเปลี่ยนทิศ"

[Can ไทเมือง]

ข้อเขียนผู้เฒ่าลม เปลี่ยนทิศ ออกมา 2 ทาง ห่างกัน 5 วัน

เอาข้อดีก่อน********

ส่วนดีของรัฐธรรมนูญ

โดย “ลมเปลี่ยนทิศ"

ไทยรัฐ [2 ส.ค. 50 - 19:37]

กว่าผมจะได้รับ “ร่างรัฐธรรมนูญ” ฉบับลงประชามติ ก็ปาเข้าไปบ่ายวันที่ 31 กรกฎาคมแล้ว หลังจากที่นายนรนิติ เศรษฐบุตร ประธาน ส.ส.ร. ทำพิธีส่งมอบร่างรัฐธรรมนูญให้คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. เรียบร้อยแล้ว เกือบจะเลยวันเผยแพร่ที่กำหนดไว้ ก็ไม่รู้ว่าร่างรัฐธรรมนูญที่มีข่าวฉาวกินหัวคิวค่าพิมพ์ 20 ล้านเล่ม จะแจกครบทุกบ้านหรือไม่ เพราะคนไม่รู้เรื่องยังมีอีกมาก

ก่อนที่จะได้รับร่างรัฐธรรมนูญจาก ส.ส.ร. ผมก็ได้รับเอกสารเปรียบเทียบ “ข้อดี” ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 กับรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 จาก คุณมานิจ สุขสมจิตร หนึ่งในคณะกรรมาธิการยกร่างส่งมาให้อ่านล่วงหน้า

หากไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวเข้าไปตัดสินแล้ว ผมว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ก็มีส่วนดีมากเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่อง “การลดการผูกขาดอำนาจรัฐ” และ “การขจัดการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม” เพื่อแก้ปัญหา “เผด็จการรัฐสภา” ซึ่งเป็นกลไกนำไปสู่การผูกขาดอำนาจรัฐ และการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

อย่างเช่น กำหนดให้นายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งติดต่อกันเกิน 8 ปี ไม่ได้ เรื่องนี้ผมเคยเขียนเรียกร้องมาตลอด เพื่อบังคับให้มีการ สร้างทายาททางการเมือง ขึ้นในพรรคการเมืองต่างๆ ไม่ใช่พอมีปัญหาแล้วก็ร้องถามกันว่า ไม่เอาคนนี้แล้วจะเอาใครเป็นนายกฯ ทำเหมือนประเทศไทยสิ้นไร้ไม้ตอกคนเก่งเต็มที ทั้งๆที่คนดีคนเก่งยังมีอยู่อีกมากมายที่ไม่มีโอกาส

การเมืองแบบไทยๆ เป็นการเมืองที่ “ใจแคบ” ไม่ค่อยเปิดกว้างให้กับลูกพรรค ลูกพรรคคนไหนมีความรู้ความสามารถ มีราศีจับ ได้รับการขานรับจากประชาชน ก็มักจะถูกมองว่า หมอนี่ “คิดวัดรอยเท้านาย” แล้วก็ต้อง “ถูกกำจัด” ออกไปนอกเส้นทาง ไม่ให้มีโอกาสเติบโตทาง การเมืองอีกต่อไป ทำให้คนเก่ง คนดีต้องหนีถอย หรือไม่ก็ต้องทำตัวเป็นคนคอยรับใช้อย่างเดียว เหมือนนักการเมืองน้ำเน่าทั่วไป

ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยัง “ห้ามควบรวมพรรคการเมือง” ในระหว่างอายุสภา เพื่อป้องกันพรรคใหญ่ซื้อพรรคเล็กพรรคน้อยให้ได้เสียงข้างมากในสภา

ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ยัง “ให้อิสรภาพทางความคิดแก่ ส.ส.” ในการตั้งกระทู้ถามรัฐบาล การอภิปราย และการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี โดยไม่ต้องปฏิบัติตาม “มติพรรค” ที่เคยกดสมอง ส.ส.ไว้

ประเด็นนี้ผมคิดว่า ส.ส.ที่มีความคิดน่าจะดีใจด้วยซ้ำ ไม่ต้องทำตัวเป็นหุ่นเชิดหรือคนสมองนิ่ม จะพูดจะจาจะยกมือลงมติอะไร ก็ต้องคอยฟังมติพรรคอย่างเดียว คิดเองตัดสินใจเองไม่ได้ ทำให้อำนาจประชาธิปไตยที่แท้จริงถูกบิดเบือน กลายเป็นการยกมือตามความต้องการของคนเพียงคนเดียวเท่านั้น

สิ่งที่ผมชอบที่สุดในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็คือ หมวด 13 ว่าด้วย “จริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ” ที่กำหนดให้มีการจัดทำ “มาตรฐานจริยธรรม” ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐ ให้นำไปปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมให้มีจิตสำนึกในด้านจริยธรรม

การฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม ถือว่ามีโทษ ถ้าร้ายแรงก็สามารถนำไปสู่การถอดถอนออกจากตำแหน่งทางการเมืองได้เลยทีเดียว

ข้อดีในร่างรัฐธรรมนูญยังมีอีกหลายข้อ เช่น การป้องกันสภาผัวเมีย การป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน มีการตรวจสอบอำนาจรัฐที่เข้มข้นขึ้น เป็นต้น แต่วันนี้เนื้อที่ผมหมดแล้ว

รัฐธรรมนูญจะดีหรือไม่ดี ก็อยู่ที่คนใช้ ป้องกันไม่ได้ ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกและจริยธรรมที่จะต้องบังคับปลูกฝังกันไปอีกนาน

ในยุค Money Politic การเงินนำหน้าการเมืองอย่างนี้ ผมก็ไม่แน่ใจว่าร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จะสามารถฝ่ากระแสเงินไปได้แค่ไหน ข่าวว่าค่าตัวอดีต ส.ส. อดีต ส.ว.ตอนนี้ (เพราะหาตัว ส.ส.หน้าใหม่ในพื้นที่ยาก) ราคาเบาะๆก็หัวละ 20 ล้านบาทถ้วน พรรคไหนอยากได้ ก็ต้องเตรียมเงินสดๆไว้อย่างน้อย 1,000 ล้านบาท ถ้าอยากได้อดีต ส.ส. อดีต ส.ว.ตัวเต็งสัก 50 คน ย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหนสักที.

“ลมเปลี่ยนทิศ"
http://www.thairath.co.th/news.php?section=society03&content=55989

[Can ไทเมือง]

ส่วนข้อเสีย ทีมงานเล่นไม่เลิก วันนี้ก็ยกมาอีก

ท่าทางจะหมดมุก

[Can ไทเมือง]

องค์กรตรวจสอบที่แตกต่างจาก รัฐธรรมนูญ 2540 ก็คือ

ผู้ตรวจการแผ่นดิน มีอำนาจมากขึ้น

อัยการสูงสุด เป็นองค์กรอิสระ

ปปช. สามารถเข้าไปสอบสวนเรื่องทุจริต ตั้งแต่ระดับ ผู้อำนวยการ ในส่วนราชการได้ โดยไม่ต้องมีผู้แจ้งข้อกล่าวหา

การถอดถอน สส.-สว ทำได้ง่ายขึ้น แบบนี้จะทำให้ สว.-สส. ทำตัวดีขึ้น ระมัดระวังการกระทำผิดทางจริยธรรมร้ายแรง

จะสังเกตได้ว่า แม้พรรคการเมืองควบคุม สส. ได้น้อยลง แต่ สส. ก็จะถูกควบคุมโดยรัฐสภาอยู่แล้ว
โอกาสที่จะมี สส. แตกแถวคงยากขึ้น

[drop]

ขอแสดงความเห็นแบบคน เซ่อเบ้อ นะ

.....โดยไม่ได้คิดคำนึงถึงคุณภาพของสังคมไทยและนักการเมืองไทย
การเมืองไทย  ปชต  มา ๖๐ ปี  ไม่เคยมีสิ่งนี้  ไม่เกี่ยว รธน เลย   
และคุณภาพนักการเมืองไม่ต้องพูดถึง  แต่ก็เป็นสาเหตุให้ คุณาภาพสังคม เลวลง 
ห้า ปี ของ  แม้ว เป็น ประจักษ์พยานที่ทำให้เลวลงอย่างสุด
เพราะฉนั้น ประเด็น นี้ ลิเก มาก  รธน ปี ๕๐  ไม่ใช่เทวดา จะมาให้สังคม นักการเมือง มีคุณภาพ

ซึ่งในวันเดียวกันนั้นเอง คุณมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก็ออกมาเปิดเผยว่า เวลานี้มีการซื้อตัวอดีต ส.ส.กันถึงหัวละ 30 ล้านบาท
๒.  นี่ ก็ลิเก   รธน ปี  ใช่ว่า จะแก้ซื้อเสียง  มันไม่ได้อยู่ที่ รธน  ยังไง  ถ้ามีเลือกตั้ง  ก็ซื้อขายกันอุตลุต อยุ่ดี

ส.ส.ร.อีกคน คุณจรัญ ภักดีธนากุล แม้จะยอมรับว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ไม่ใช่ฉบับที่ดีที่สุด แต่เห็นว่า หากประชาชนลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้ว ก็จะมีผลทำให้ “ระบบรัฐประหาร หรือ คมช.” ยุติลงทันที
เป็นการมองมุมเดียว คือให้ คมช.สิ้นสุดลงเท่านั้น ปัญหาอย่างอื่นไม่พูดถึง

๓. ไม่เห็นด้วย  ไม่ชัดเจน  ปัญหาอะไร ไม่พูด แต่  ทุกวันเสาร์ ช่อง ๑๑  ถ่ายทอด  นั่งดูอยู่
ก็รับรู้ทั้งคนพูดคนฟังว่าต้องมีปัญหาตามมา  ทุกวันนี้ ก็ยอมรับ รับ ไม่ รับ ก็มีปัญหา (โดยเฉพาะปัญหาจาก  แม้ว)

ฝ่ายที่ไม่เห็นชอบ อย่าง นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ และ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำไทยรักไทย เห็นตรงกันว่า ร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะทำ ให้รัฐบาลใหม่เป็นรัฐบาลผสมและมีความอ่อนแอทางการเมือง ในที่สุดจะทำให้ระบบราชการเข้มแข็ง ระบบอมาตยาธิปไตยจะกลับมาควบคุมรัฐบาล

๔.  ลิเก  แล้วนี้ เรื่องระบบข้าราชการ อมาตยา ธิปไตย   อ่านมาเยอะแล้ว 
การเมืองไทย มันก็วนอยู่กับคนสาม-สี่กลุ่ม ข้าราชการ นักการเมือง  พ่อค้า  นักธุรกิจ

ตรงนี้คือเรื่องจริง ซึ่งจะทำให้รัฐบาลและประเทศไทยอ่อนแอในอนาคต
๕.  ลิเก  อีกแล้ว  ยังกับ ประเทศชาติ เคยแข็งแรง  เพราะเรามี รบ  ทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ

ไล่กันตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โดย ยกเลิกสัดส่วน 5 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเปิดทางให้ “พรรคเล็ก” มีที่นั่งในสภา โดยอ้างว่า เพื่อให้เกิดความคิดหลากหลายทางการเมือง แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ จะมีพรรคการเมืองจับฉ่ายเต็มสภา เหมือนในอดีต ทำให้ประชาชนที่อ่อนแอเรื่องระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว ยิ่งเกิดความสับสนและไม่เข้าใจในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงมากขึ้น

นอกจากการสร้าง “พรรคจับฉ่าย” ในสภาแล้ว ยังให้ ส.ส.เป็นอิสระจากพรรค ไม่ต้องฟังมติพรรค ไม่ว่าการตั้งกระทู้ถาม การอภิปรายและการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี รวมไปถึงการให้ ส.ส. แต่ละคนสามารถเสนอกฎหมายของตัวเองได้โดยไม่ต้องขออนุญาตพรรค

เมื่อ ส.ส.ไร้กฎ กติกา ควบคุม อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย ผมไม่อยากคิด

การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ก็ทำได้ง่ายดังพลิกฝ่ามือ รวมหัวกันล่าชื่อได้ 1 ใน 5 ก็ยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ทันที หรือจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ก็ล่าชื่อแค่ 1 ใน 6 เท่านั้น

สิ่งเหล่านี้จะทำให้รัฐบาลใหม่อ่อนแอ บริหารประเทศยากลำบากอย่างยิ่ง ไหนจะต้องพะวงกับ ส.ส.ในพรรคเองซึ่งพรรคคุมไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญใหม่ให้อิสระไม่ต้องฟังมติพรรค ไหนจะพรรคการเมืองฝ่ายตรงกันข้ามที่จ้องจะล้มเพื่อช่วงชิงอำนาจ โดยใช้ “จุดอ่อน” เหล่านี้ในรัฐธรรมนูญใหม่มาเป็นเครื่องมือฟาดฟันฝ่ายที่เป็นรัฐบาล เพื่อไม่ให้บริหารประเทศได้สะดวก

๖.  ก่อนที่จะมี รธน ๔๐  (จาก รสช  สภาพ ดังกล่าว ล้วนเกิดมาแล้ว ทั้งสื้น) ลิเก มากที่พูดเรื่องนี้
รธน ๔๐  พยามแก้ปัญหา  เรื่องเหล่านี้ทั้งหมด สร้างระบบธรรมาภิบาล  โชคร้ายของประเทศ ที่มาเจอ
ระบอบ แม้ว  เละ ยิ่งกว่า  เรื่อง พรรค จับฉ่าย อีก

ฝ่ายที่แฮปปี้ที่สุดก็คือ “ข้าราชการประจำ” ในที่สุดรัฐบาลจะต้องหันมาพึ่งพิงทั้งการทำนโยบายให้สำเร็จ และการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามที่เป็นฝ่ายค้าน จะส่งผลให้ข้าราชการประจำกลับมามีอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือรัฐบาลที่อ่อนแอเหมือนในอดีต

สรุปก็คือ ไม่ว่าฝ่ายไหนขึ้นมาเป็นรัฐบาล ล้วนต้องเจอกับสภาพอย่างนี้ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ดีหรือไม่ดี ผมไม่รู้ แต่ผลที่จะเกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็คือ อนาคตที่เละตุ้มเป๊ะของประเทศชาติและประชาชน.

๗.สมัยแม้ว ข้าราชการ จะฆ่ากันตาย  ข้ามหน้าข้าอายุ  ฯลฯ 

การเมืองมันเละ มานานแล้ว  ระบอบแม้ว ทำให้ เละ ยิ่งขึ้น รธน ฉบับ นี้ ไม่ใช่ยา แก้โรค เทวดา

แต่ด้วย ภาวะ  ปัจจุบัน   ต้องรับ  ก็แค่นั้น 
ข้าพเจ้าก็คิดแบบนี้ล่ะ  ถอยหลัง เองก็ตาย  เดินหน้า เองก็ตาย แต่ต้องเดินหน้า 

[Can ไทเมือง]

ผมกลับมองแตกต่างการตรวจสอบเข้มข้น การปราบโกงมากขึ้น เก่งขึ้น

โอกาสแบ่งเค็กกันก็ยากขึ้น แต่ถึงยังไงก็ควรลองดูก่อน

การต่อรอง มันขึ้นกับการตกลงในการจัดรัฐบาลผสมมากกว่า

ว่าต้องการความเข้มแข็งมากน้อยแค่ใหน

เพราะถ้าเจอ "นายทุนหน้าเลือด" แบบทักษิณ ที่มองไม่เห็นความสำคัญของสภา

อาศัยข้อบังคับพรรคบวกกับข้อจำกัดของรัฐธรรมนูญเหยียบปาก สส.

แล้วจะบอกว่า เป็นประชาธิปไตยได้ยังไง ในเมื่อระบอบมันต้องออกมาจากสภา

การเสนอกฎหมายเอง ก็รวบรวมชื่อสส.ตามที่กฎหมายกำหนด อาจไปเสนอร่วมกับฝ่ายค้านก็ไม่เห็นแปลก

หากฎหมายนั้นทำเพื่อประชาชน

ถ้ากลัวควบคุมสส. ไม่ได้ภายในพรรค ก็ใช้สส. ในสภาควบคุมซีครับ

ประจานในสภา หรือลงชื่อถอดถอนสส. ยังได้เลยครัย อย่าคิดว่าควบคุมสส.ไม่ได้

เพราะ สว. ตามรัฐธรรมนูญใหม่ 3 ใน 5 มีอำนาจถอดถอน สส.ได้ครับ

ผมถึงไม่ค่อยเชื่อทฤษฎีที่มองว่า รัฐบาลจะอ่อนแอ โดยเอาอดีตที่ใช้รัฐธรรมนูญคนละฉบับมาเปรียบเทียบ

ต้องไม่ลืมว่า หมวดจริยธรรมนักการเมือง หนักหนาสาหัสครัย

เมื่อก่อนเราไม่มีกลไกพวกนี้เลย โดยเฉพาะหมวดจริยธรรม รวมถึง ปปช.

ยิ่งหากผู้ตรวจการแผ่นดินรู้เข้าละก็สวยเลยครับ...เรียบร้อย...

[drop]

ก็หมวดนี้ไง หมวด จริยธรรม  ที่ มีนักวิชาการบอก  รธน ทำให้คนเป็น อรหันต์

และบอกว่า  เห็นคนอื่นเลวหมด  มีแต่คนร่าง รธน เท่านั้น ที่ดี
----------------------------------- ไม่อยากโต้แย้งประเด็นนี้  แต่ทำให้กลับไปอ่าน คำแถลงการณ์ของนายประเสริฐ นาสกุล
จริยธรรม  ไม่ต้องเป็นอรหันต์ หรอก แค่ความคิดเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ก็พอแล้ว
-----------------------------------
ขอให้เป็นไปอย่างเจตนารมณ์ ที่ สสร  ร่าง  เถิด 

เพื่อให้ ปชต ไทย ก้าวหน้า อย่างที่เขียนไว้ใน รธน

มองในแง่ดี  ก็ถือว่า การรณรงค์เรื่อง รับร่าง ไม่รับร่าง  นี้
ก็เป็นการสร้างองค์ความรู้ เรื่อง ปชต ได้ไปในตัว

ถึงแม้อาจจะมี ตาสี ตามี ตามา ยาย ๆ ทั้งหลาย อาจจะยังไม่รู้

แต่ องค์กร ท้องถิ่น ก็คงช่วย ๆ กันไป 

[Can ไทเมือง]

หมวดจริยธรรรม จะถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้ สส-สว. ควบคุมกันเอง

ตลอดจนให้ ผู้ตรวจการรัฐสภา ใช้เป็น "บรรทัดฐาน" ก้ดีแล้วนี่ครับ

ไม่งั้นก็ทำเป็น"ดื้อตาใส" เหมือนที่พวกระบอบทักษิณ ชอบทำ

พอสังคมบอกว่า ขาดจริยธรรม ก็บอกว่า ไม่มีในรัฐธรรมนูญ

ทีนี้เลยประจานให้โลกรู้ไปเลย หมวดจริยธรรม ในรัฐธรรมนูญ

มีที่มาจากความเลวร้ายของระบอบทักษิณ...ซึ่งจริง ๆ แล้ว เรื่องพวกนี้ไม่มีใครเค้าเขียนกัน

มันน่าอาย...แต่ทำไงได้ ทักษิณ ทำความเลวไว้ก่อน...

แม้แต่มาตรา 3 ก็จำต้องระบุชัด ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกวรรคหนึ่งว่า...

"การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา รัฐบาล ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญและหน่วยงานของรัฐ
ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม..."

[drop]

มาตรฐานทางจริยธรรม ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  นักการเมือง  ควรจัดทำขึ้น

เพราะจริง ๆ แล้ว  บางอาชีพ  พิมพ์เป็นเล่มเล็ก ๆ แจกให้พกติดตัว แล้ว

ยัง งง ว่า ทำไม  เอามาเป็นข้อแย้ง ในเรื่องการไม่รับร่าง แบบประชด อีกต่างหาก

[Can ไทเมือง]

หมวดจริยธรรม คนฝั่งโน้นบอกว่าเป็นเรื่อง "น่าอาย"
หากจะเอามาใส่ในรัฐธรรมนูญ เพราะมันแสดงว่านักการเมืองขาดจริยธรรม

แต่ในช่วงที่ประชาชนเรียกร้องจริยธรรมจากนักการเมือง
คำถามกลับบอกว่า รัฐธรรมนูญไม่ได้บอกไว้

ตอนนี้ก็ประชดว่า สงสัยต้องเอานักบวชมาเป็นนักกวารเมือง

ว่าไปโน่น...

ผมชอบอีกมาตรา คือ สส. ไม่จำเป็นต้อง "ปริญญาตรี"
ฝั่งโน้นก็บอกว่า สส. ไม่มีความรู้

แต่ก็แปลก ชอบอ้างว่าตัวเองเห็นใจรากหญ้า แต่พอจะเปิดโอกาสให้คนเรียนไม่สูงเข้าสู่สภา
กลับบอกว่าจะทำให้สภาไม่มีคุณภาพ

ตกลงว่า "การศึกษา" มันช่วยได้จริงหรือ
ขนาดจบ "ด็อกเตอร์" ยังโกงบ้านโกงเมืองให้เห็นเต็มตา

พวกบ้า ๆ ตีความกฎหมายเข้าข้างตัวเอง กระดับ "ศ.ดร." แทบทั้งนั้น

[Şiłąncē Mőbiuş]

ลุงแคนครับ เพราะว่าชาวบ้านบางพวก มันซื่อสัตย์เกินกว่าที่ระดับด็อกฯบางคนจะคิดได้ไงครับ

พวกด็อกฯบางพวกก็เลยไม่กล้าให้ชาวบ้านเข้าสภา อาจเพราะอายมั๊ง 

[drop]

แนวคิดนี้ มากำหนดในปี ๔๐  จำได้ว่า  เป็นประเด็นว่า แสดงความไม่เป็น ปชต มาก ๆๆๆ

พอ ปี ๕๐ เลยแก้ไขกลับไปใช้แบบเดิม   นี่เป็นข้อยืนยันว่า  รธน ๕๐  นั้น พยายามแก้ไข สิ่งที่เป็นจุดบอด ของ ปี ๔๐
ทำให้มีการตีความว่า  เพราะกลัวระบอบแม้ว  เขียน รธน ด้วยความกลัว แม้ว  ตาหลกมาก

ซึ่ง รธน ปี ๔๐  ก็มีมาตราให้แก้ไขแล้ว  แต่ สมัย แม้ว ก็ไม่ยอมทำ  และเผด็จการรัฐสภา
จนทหารเข้ามาปฏิวัติ

และถ้าชั่ง น.น. กันจริง ๆ ประเด็นแก้ไข ก็คือ จุดบอด ในปี ๔๐  ความจริง ท่านผู้รู้ ทั้งหลาย น่าจะ ปราศจาก อคติ
ในการวิพากษ์  แต่ก็นั่นแหละ คน ก็คือ คน

รับร่าง รธน