ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันที่ 25 ก.ค. มีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความเรียบร้อยในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.... ตามที่กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแก้ไข เพื่อรองรับการลงประชามติในวันที่ 19 ส.ค.
จากทั้งหมด 13 มาตรา นอกจากการแก้ไขชื่อร่างแล้ว บทลงโทษที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าการกำหนดโทษที่รุนแรงจะทำให้คนไม่กล้าไปใช้สิทธิ์ กรรมาธิการได้ปรับบทลงโทษให้น้อยลงด้วยการไม่ระบุโทษขั้นต่ำแต่กำหนดโทษขั้นสูง ดังที่ระบุไว้ในบทบัญญัติ มาตรา 9-11
ส่วนลักษณะการกระทำผิดจากที่กำหนดไว้กว้างๆ ซึ่งเกรงว่าจะมีปัญหาในทางปฏิบัติ ได้ปรับแก้โดยเขียนให้ชัดเจนขึ้น รวมถึงข้อถกเถียงกรณีการทำโพลหรือเปิดเผยผลสำรวจ ก็อะลุ้มอล่วยห้ามเผยแพร่ในช่วง 3 วันก่อนวันประชามติ โดยรายละเอียดแต่ละมาตรามีดังนี้
มาตรา 1 พ.ร.บ.ฉบับนี้เรียกว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยความเรียบร้อยในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ....
มาตรา 2 พ.ร.บ.ฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ในพ.ร.บ.ฉบับนี้
ร่างรัฐธรรมนูญ หมายความว่า ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่สภาร่างรัฐธรรมนูญเห็นชอบเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2550
ออกเสียง หมายความว่า ออกเสียงประชามติว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
ประกาศสภาร่างรัฐธรรมนูญ หมายความว่า ประกาศสภาร่างรัฐธรรมนูญ เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญและการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2550 ลงวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ.2550 และที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม
ผู้มีสิทธิออกเสียง หมายความว่า ผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติตามประกาศสภาร่างรัฐธรรมนูญ
หน่วยออกเสียง หมายความว่า หน่วยออกเสียงตามประกาศสภาร่างรัฐธรรมนูญ
ที่ออกเสียง หมายความว่า ที่ออกเสียงตามประกาศสภาร่างรัฐธรรมนูญ
คณะกรรมการการเลือกตั้ง หมายความว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541
มาตรา 4 เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับมอบหมายจากสภาร่างรัฐธรรมนูญตามประกาศสภาร่างรัฐธรรมนูญ ให้เป็นผู้ดำเนินการจัดและควบคุมการออกเสียงแล้ว ให้ถือว่าการดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 10 (1) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541
ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 และตามที่กำหนดไว้ในประกาศสภาร่างรัฐธรรมนูญ และให้นำความในมาตรา 24 และมาตรา 42 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 มาใช้บังคับด้วยการอนุโลม
มาตรา 5 ในกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นว่าผู้ใดกระทำความผิดตามพ.ร.บ.นี้ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 16 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541
มาตรา 6 ผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง กรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด กรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด คณะกรรมการประจำหน่วยออกเสียง กรรมการประจำหน่วยออกเสียง คณะอนุกรรมการ หรืออนุกรรมการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งแต่งตั้งในการปฏิบัติตามประกาศสภาร่างรัฐธรรมนูญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการขัดขวางการปฏิบัติงานตามวรรคหนึ่ง ได้กระทำโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 7 ผู้บังคับบัญชาหรือนายจ้างผู้ใดขัดขวางหรือหน่วงเหนี่ยว หรือไม่ให้ความสะดวกพอสมควรต่อการไปใช้สิทธิออกเสียงของผู้ใต้บังคับบัญชาหรือลูกจ้างแล้วแต่กรณี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 8 ผู้ใดทำลายบัตรที่มีไว้สำหรับการออกเสียงโดยไม่มีอำนาจกระทำได้ หรือจงใจกระทำการด้วยประการใดๆ ให้บัตรออกเสียงชำรุด หรือเสียหายหรือให้เป็นบัตรเสีย หรือกระทำการด้วยประการใดๆ แก่บัตรเสียให้เป็นบัตรที่ใช้ได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีและปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
ถ้าผู้กระทำตามวรรคหนึ่งเป็นเจ้าพนักงาน หรือเป็นผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการออกเสียง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นถึงสองแสนบาท
มาตรา 9 ผู้ใดกระทำในระหว่างการออกเสียง ดังต่อไปนี้
(1) ออกเสียงหรือพยายามออกเสียง โดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ไม่มีสิทธิออกเสียงหรือไม่มีสิทธิลงคะแนนในหน่วยออกเสียงนั้น
(2) ใช้บัตรอื่นที่มิใช่บัตรออกเสียงมาออกเสียง
(3) นำบัตรออกเสียงออกไปจากที่ออกเสียง
(4) ทำเครื่องหมายเพื่อเป็นที่สังเกตโดยวิธีใดไว้ที่บัตรออกเสียง เพื่อให้ผู้อื่นรู้ว่าเป็นบัตรของตน
(5) ขัดคำสั่งกรรมการประจำหน่วยออกเสียงที่สั่งให้ออกไปจากที่ออกเสียง เพราะเหตุที่ผู้นั้นขัดขวางการออกเสียง ตามข้อ 20 วรรคสอง แห่งประกาศสภาร่างรัฐธรรมนูญ
(6) นำบัตรออกเสียงใส่ในหีบบัตรออกเสียงโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือกระทำการใดในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียง เพื่อแสดงว่ามีผู้มาแสดงตนออกเสียงโดยผิดไปจากความจริง หรือกระทำการใดอันเป็นเหตุให้มีบัตรออกเสียงเพิ่มขึ้นจากความจริง
(7) กระทำการโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อมิให้ผู้มีสิทธิออกเสียงสามารถใช้สิทธิได้ หรือขัดขวาง หรือหน่วงเหนี่ยวมิให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไป ณ ที่ออกเสียง หรือเข้าไป ณ ที่ออกเสียง หรือมิให้ไปถึง ณ ที่ดังกล่าวภายในกำหนดเวลาการลงคะแนนออกเสียง
(

ก่อความวุ่นวายขึ้นในที่ออกเสียง หรือกระทำการใดอันเป็นการรบกวน หรือเป็นอุปสรรคแก่การออกเสียง
ผู้กระทำตาม (1) (2) (3) (4) หรือ (5) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้กระทำตาม (6) (7) หรือ (

ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
มาตรา 10 ผู้ใดกระทำการ ดังต่อไปนี้
(1) ก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
(2) ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจะจูงใจให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง ออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ออกเสียง
(3) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ หรือใช้อิทธิพลคุกคาม เพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง ออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ออกเสียง หรือเพื่อให้สำคัญผิดในวัน เวลา ที่ออกเสียง หรือวิธีการลงคะแนนออกเสียง(3/1) เปิด ทำลาย ทำให้เสียหาย ทำให้เปลี่ยนสภาพ ทำให้สูญหาย ทำให้ไร้ประโยชน์ นำไป หรือขัดขวางการส่งซึ่งหีบบัตรออกเสียงหรือบัตรออกเสียง เว้นแต่เป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย
(4) เล่นหรือจัดให้มีการเล่นการพนันขันต่อใดๆ อันมีผลเป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง ออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ออกเสียง
(5) เรียกทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เพื่อจะไม่ไปใช้สิทธิออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ออกเสียง
ผู้กระทำตาม (1) (2) (3) หรือ (3/1) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท และผู้กระทำตาม (4) (5) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ศาลอาจสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดไม่เกินห้าปีด้วยก็ได้มาตรา 11 ผู้ใดเผยแพร่ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการออกเสียง ในระหว่างเวลาสามวัน ก่อนออกเสียงจนถึงเวลาสิ้นสุดการออกเสียงในวันออกเสียง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกิน หกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 12 กรรมการประจำหน่วยออกเสียงผู้ใดจงใจนับบัตรออกเสียง หรือคะแนนในการออกเสียงให้ผิดไปจากความจริง หรือรวมคะแนนให้ผิดไป หรือกระทำด้วยประการใดๆ โดยมิได้มีอำนาจกระทำโดยชอบด้วยกฎหมายให้บัตรออกเสียงชำรุด หรือเสียหาย หรือให้เป็นบัตรเสีย หรือกระทำด้วยประการใดๆ แก่บัตรเสียเพื่อให้เป็นบัตรที่ใช้ได้ หรืออ่านบัตรออกเสียงให้ผิดไปจากความเป็นจริง หรือทำรายงานการออกเสียงไม่ตรงกับความจริง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นถึงสองแสนบาท
มาตรา 13 ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามพ.ร.บ.นี้
http://www.buddyjob.com/news/politic/show_news-4241-3.html เห็นกฎหมายแรง ๆ แบบนี้...ชักเป็นห่วงฝ่ายต้าน...ถ้าโดนจับ ก็จะบอกว่า รัฐบาลรังแก..
แต่ไม่เคยดูว่าตัวเอง บิดเบือนและหลอกลวงชาวบ้านขนาดใหน..
พอถูกจับเข้าก็หาว่า..กลั่นแกล้ง ปิดปาก...การบิดเบือน ตีความผิด ๆ ถูก ๆ เข้าข่าย "หลอกลวง" แทบทั้งนั้น