ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 20:23
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ว่าด้วย การตรวจสอบผลงานของ พ.ต.ท.ทักษิณในรอบ 5 ปีของการเป็นนายกรัฐมนตรี 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] 2
ว่าด้วย การตรวจสอบผลงานของ พ.ต.ท.ทักษิณในรอบ 5 ปีของการเป็นนายกรัฐมนตรี  (อ่าน 10725 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 12-08-2007, 17:42 »


เอกสารทางวิชาการ
ว่าด้วย การตรวจสอบผลงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ในรอบ 5 ปีของการเป็นนายกรัฐมนตรี


“ข้าพระพุทธเจ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้า จะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วย ความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษา ไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในทุกครั้งที่มีการตั้งและปรับคณะรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลทักษิณ 1 และ 2 แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ปฏิบัติตามคำปฏิญาณครบถ้วน สมบูรณ์ ตรงกันข้าม ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงปีแรกของรัฐบาลทักษิณ 2 พ.ต.ท.ทักษิณได้กระทำการหลายประการ ที่ตรงกันข้ามกับคำปฏิญาณโดยสิ้นเชิง ดังจะจำแนกให้เห็นโดยสรุป ดังนี้

1. พ.ต.ท.ทักษิณ มิได้จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ดังเช่นที่คนไทยควรกระทำ
พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แสดงออกในหลายโอกาสทั้งต่อบุคคลใกล้ชิดและที่เปิดเผยในที่สาธารณะ ทั้งการกระทำและคำพูด อันเป็นการไม่ให้ความเคารพต่อพระมหากษัตริย์

(1) พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวต่อผู้ใกล้ชิดในโอกาสหนึ่งว่า เดี๋ยวนี้ เราได้ในหลวงรัชกาลที่ 10 แล้ว เพราะฉะนั้น ในหลวงรัชกาลที่ 9 ไม่มีความหมาย

(2) อีกโอกาสหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวกับผู้ใกล้ชิดว่า ไม่ต้องห่วงข้างบน เราเพียงแต่ทำให้ 702 และ 704 พอใจแค่นั้นพอแล้ว ไม่ต้องไปสนใจ 701

(3) ในการเข้าเฝ้าหลายครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ไปสายกว่ากำหนด ปล่อยให้พระเจ้าอยู่หัว ต้องรอ เท่ากับเป็นการไม่ให้ความเคารพยำเกรงต่อพระมหากษัตริย์ ไม่เคยมีคนไทยคนใดกล้ากระทำเช่นนี้ (ต่อหน้า 2)

(4) พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สนใจและนำพาต่อพระกระแสพระราชาดำรัสทั้งสองครั้งของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เกี่ยวกับสถานการณ์ภาคใต้ และห้ามไม่ให้ผู้รับผิดชอบ ลส.ชบ. ทส.ปช. อพปร. และองค์กรมวลชน ออกมาตอบสนอง ถ้าหากเป็นรัฐบาลสมัยก่อน รัฐบาลจะสนองตอบทันที แสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากไม่ให้ความสำคัญต่อพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังไม่ให้ความสำคัญต่อพระนางเจ้าสมเด็จพระบรมราชินีนาถด้วย ในการสนทนาเป็นการภายในกลุ่มวงใน ของพรรค พ.ต.ท.ทักษิณ บ่อยครั้งที่ให้สรรพนามแทนพระบรมราชินีนาถว่า “แก” ถือว่าเป็นการจาบจ้วงเหิมเกริม

(5) พ.ต.ท.ทักษิณ กลั่นแกล้งคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑากา ผู้ว่า สตง. ให้พ้นจากตำแหน่งเพราะคุณหญิงไม่ยอมเป็นพวก โดยใช้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา สมาชิกวุฒิสภาส่วนหนึ่ง และศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการ โดยไม่คำนึงถึงพระบรมราชโองการแต่งตั้งที่ยังไม่มีอะไรมาลบล้าง ต่อมาแม้จะได้รับสัญญาณ อีกทั้งท่านราชเลขาธิการแจ้งให้ทราบว่าต้องทำอย่างไร ก็ยังไม่ทำ
จนกระทั่งถูกวิจารณ์อย่างมากและไม่มีทางเลือกจึงจำใจต้องทำเมื่อปลายเดือนมกราคม 2549 ทั้งที่ปล่อยให้เรื่องค้างคามากกว่า 1 ปี 7 เดือน

(6) พ.ต.ท.ทักษิณ จาบจ้วง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีในหลายโอกาสระหว่างการพูดคุยในวงในของพรรค ที่สำคัญคือ การที่นายสมัคร สุนทรเวช กล่าวโจมตี พล.อ.เปรม ครั้งสุดท้าย ข่าววงในยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ส่งสัญญาณให้นายสมัคร เพราะไม่พอใจคำปาฐกถาของ พล.อ.เปรม โดยกล่าวหาว่ามุ่งโจมตีตน

(7) พ.ต.ท.ทักษิณ เหิมเกริม จาบจ้างพระมหากษัตริย์ เพราะคำปาฐกถานั้น เป็นกระแสพระราชดำรัสที่ พล.อ.เปรม ได้อัญเชิญมากล่าวให้นักศึกษาฟัง

(Cool คุณหญิงพจมาน ชินวัตร และนายบรรณพจน์ ชินวัตร ซึ่งใช้ชั้นบนสุดของอาคาร ชินวัตร 3 ถนนรัชดาภิเษก เป็นกองอำนวยการ ได้ใช้ให้นายดุสิต ศิริวรรณ กล่าวโจมตี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อทำลายความเชื่อถือเพราะระแวงว่า ดร.สุเมธ จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีพระราชทาน

(9) เมื่อ พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ องคมนตรี ถูกเอ่ยชื่อถึงว่าอาจเป็นตัวเลือกของการเป็นนายกรัฐมนตรีพระราชทาน คุณหญิงพจมานและนายบรรณพจน์ ได้สั่งให้นายดุสิต หาทางทำลายชื่อเสียงของ พล.อ.สุรยุทธ และสั่งให้หน่วยเกสตาโปของนายบรรณพจน์ คอยติดตามความเคลื่อนไหวของ พล.อ.สุรยุทธ ทุกระยะ

(10) มีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณหญิงพจมาน กล่าวจาบจ้างสมเด็จพระบรมราชินีนาถ หาว่าไปว่าสามีตน ผ่านบุคคลที่สาม เช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้วาจาอันไม่เหมาะสมต่อพระมหากษัตริย์ อาทิ “ถ้าผมไม่จงรักภักดี แล้วผีที่ไหนจะจงรักภักดี” และ “ถ้าพระเจ้าอยู่หัว กระซิบที่หูผมสักนิดว่า ทักษิณ ลาออกเถอะ ผมจะลาออกทันที” เป็นวาจาที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ตีตนเสมอ

(11) พ.ต.ท.ทักษิณ มองพระมหากษัตริย์เป็นเพียง “ยุทธวิธี” เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการเมืองของตนเท่านั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ตีวงล้อมพระมหากษัตริย์แคบเข้ามา โดยดึงเป็นพวกได้แล้ว เป็นการโดดเดี่ยวพระมหากษัตริย์

(12) น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และนายภูมิธรรม เวชชชัย อดีตแกนนำเข้าป่า ได้กล่าวกับอดีตคนเดือนตุลาที่เข้าป่าด้วยกัน ยืนยันอุดมการณ์เดิมที่มีอยู่ โดยบอกว่า “เราจะใช้ประโยชน์จาก พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์”

(13) ที่ร้ายที่สุด มีการส่งเงินไปสนับสนุนเว็บไซต์ “มนุษยะ” ซึ่งเป็นเว็บของขบวนการแบ่งแยกดินแดน “พูโล” ซึ่งโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดมา จากการแกะรอยเส้นทางเดินของเงิน พบว่าเงินนี้ถูกส่งโดยภรรยาของนายภูมิธรรม เวชชชัย เมื่อแกะรอยต่อไปปรากฏว่าเงินจำนวนนี้มาจากบ้านจันทร์ส่องหล้า เรื่องนี้ทำให้นายภูมิธรรม ร้อนตัวมาก

(14) นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตโฆษกของพรรคไทยรักไทย ได้ออกมาวิจารณ์ทำนองว่า พระราชดำริว่าด้วย “เศรษฐกิจพอเพียง” ไม่น่าจะนำประเทศไปรอดได้ สิ่งที่จะนำประเทศไปรอด คือ ระบบทุนนิยม เท่านั้น

(15) ไม่เพียงแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่แสดงท่าทีไม่เคารพยำเกรงต่อพระมหากษัตริย์ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ยังเคยต่อว่าสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถผ่านบุคคลที่ 3 และนาง
เยาวเรศ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นประธานสภาสตรีแห่งชาติในปัจจุบัน ยังแสดงพฤติกรรมไม่บังควร กล่าวคือ วันหนึ่งนางขึ้นเครื่องบินจาก กทม.-เชียงใหม่ ได้ที่นั่งแถวหน้าสุด นั่งเอาเท้ายันผนังด้านหน้าที่ใส่หนังสือสำหรับผู้โดยสาร และเท้านั้นไปอยู่บนหนังสือที่หน้าปกเป็นรูปในหลวงพอดี มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมาเห็นจึงบอกให้เอาลง เยาวเรศไม่พอใจ สั่งให้แอร์โฮสเตสไปตามชายคนนั้นมาแล้วถามว่า รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ชายคนนั้นตอบว่า รู้ เป็นน้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ นายกรัฐมนตรี เยาวเรศถามต่อว่า แล้วเราเป็นใคร ชายคนนั้นบอกว่าเป็นใครไม่สำคัญ เรื่องนี้ได้รับการบอกเล่าแพร่สะพัดจนพวกการบินไทยรู้เรื่องดี

(16) ตั้งสังฆราช 2 องค์ ทั้งที่อำนาจในการแต่งตั้งเป็นของพระมหากษัตริย์

(17) ไปแก้เคล็ดเสริมดวงชะตาในโบสถ์วัดพระแก้ว เพราะหมอดูบอกว่าต้องทำในสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของประเทศ วัดพระแก้วเปรียบเสมือนสถานที่ที่พระมหากษัตริย์ใช้ติดต่อกับพระอินทร์บนสวรรค์ ตามความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์ และเปรียบเสมือนเป็นวัดส่วนพระองค์ ไม่เคยมีใครกล้าหาญชาญชัยไปทำอย่างนี้ ที่เคยเป็นมา และกระทำอย่างลุกลี้ลุกลน หากทำบุญประเทศจริงๆ อื่นได้ แม้จะให้นายวิษณุ เครืองาม และนายธงทอง จันทรางศุ ออกมาชี้แจง ประชาชนไม่เชื่อ

(18) ล่าสุด เมื่อ ปธน.ฝศ.จ๊าก ชีรัค มาเยือนไทย และพระเจ้าอยู่หัวไปรับที่สนามบิน ทรงแนะนำให้จ๊าก ชีรัค รู้จักคนสำคัญฝ่ายไทย พอถึง พ.ต.ท.ทักษิณๆ พูดทักทายกับจ๊ากหลายนาทีโดยไม่สนใจในหลวงซึ่งยืนอยู่ด้านหลังเลย แสดงความสนิทสนมกับจ๊าก ชีรัค ซึ่งคนดูทีวีเห็นแล้วขัดลูกนัยน์ตา เพราะถ้ารู้จักที่ต่ำที่สูง ควรทักทายจ๊าก ชีรัคสั้นๆ เพราะวันรุ่งขึ้นก็ต้องพบปะเจรจากันอยู่แล้ว แต่นี่กล้าทำต่อหน้าพระพักตร์โดยไม่สนใจพระจ้าอยู่หัวเลย
ยังมีเหตุการณ์ละเอียดอ่อนอย่างยิ่งอีกหลายกรณีที่ไม่อาจนำมากล่าวไว้ในที่นี้ได้
กล่าวโดยสรุป พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกมิได้มีความจงรักภักดีอย่างจริงใจและจริงใจต่อพระมหากษัตริย์ดังที่ได้กล่าวปฏิญาณต่อพระพักตร์พระเจ้าอยู่หัว ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกด้วยวาจาและพฤติการณ์ ทั้งการใช้วาจาและพฤติการณ์จาบจ้วงโดยตรงและโดยอ้อมด้วยการโจมตีบุคคลสำคัญที่ใกล้ชิดต่อพระมหากษัตริย์ เหมือนกับการตีวัวกระทบคราด อีกทั้งคนในครอบครัวบางคนและคนในพรรคไทยรักไทยบางคนยังแสดงกิริยาวาจาไม่เคารพต่อสถาบันสูงสุดของชาติ


2. พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน อย่างแท้จริง แต่มีผลประโยชน์แอบแฝง
พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการออกกฎหมาย แก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของครอบครัวและพรรคพวก ที่เรียกว่า การคอรัปชั้นเชิงนโยบาย ซึ่งเป็นการกระทำที่แนบเนียนมาก และหลีกเลี่ยงกฎหมายไม่อาจเอาผิดได้โดยตรง คดีคอรัปชั่นที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลแต่ละราย มีมูลค่านับเป็นพันๆ ล้านบาท เป็นการคอรัปชั่นแบบปล้นชาติเพื่อตัวเอง คนในครอบครัวและพวกพ้อง กล่าวคือ
การคอรัปชั่นเชิงนโยบาย

ด้วยการใช้กฎหมายเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของตนเองและพรรคพวก
(1) ปี 2548 ใช้อำนาจกดดันให้ ทศท. ยอมต่อสัญญาระหว่าง ทศท. กับ บริษัทอินโฟมีเดีย ชื่อเดิมคือ ชินวัตร ไดเร็คทอรี่ย์ ซึ่งรับทำสมุดหน้าเหลืองโทรทัศพ์ กับ ทศท. ใหม่เป็นเวลา 10 ปี
ระหว่างปี 2539-2548 ในสัญญาใหม่ที่ทำนี้ บริษัท อินโฟมีเดีย ขอลดส่วนแบ่งรายได้ที่จ่ายให้ ทศท. และเปลี่ยนการแจกสมุดหน้าเหลืองแก่ผู้ใช้เป็นแจก ซีดี แทนทำให้บริษัทได้ประโยชน์ด้านการเงิน ในขณะที่ ทศท. เสียประโยชน์

(2) ใช้ประโยชน์จากกฎหมายด้วยการแปรสภาพคู่สัญญากับองค์การโทรศัพท์เมื่อแปรสภาพเป็นบริษัท ทศท.(มหาชน) จำกัด ซึ่งทำให้รายได้ของบริษัท ทศท. น้อยลง คู่แข่งของ เอ.ไอ.เอส อ่อนแอ แต่ทำให้บริษัท เอ.ไอ.เอส. ของตนได้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น คิดเป็นมูลค่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นหมื่นล้านบาท

(3) ใช้อำนาจกดดันให้ กสท. ยกเลิกการประมูลสัมปทาน CDMA เฟส 2 ที่นายลีกาชิง เจ้าของ HUTCH ชนะประมูลแล้วให้ กสท. ลงทุนเอง เพราะหากให้นายลีกาชิงทำ จะเป็นคู่แข่งของ เอ.ไอ.เอส. โดยตรง เมื่อรัฐกำกับดูแล กสท. จะทำให้ กสท. อ่อนเอ รายได้ลดลง ประโยชน์จะตกอยู่กับ เอ.ไอ.เอส โดยตรง เพราะถ้าปล่อยให้โทรศัพท์มือถือ CDMA เกิดขึ้นเร็ว บริษัท เอ.ไอ.เอส จะได้รับผลกระทบ จึงไม่น่าประหลาดใจที่โทรศัพท์มือถือระบบ CDMA กว่าจะเกิดขึ้นได้นับสิบปี

(4) ในการเดินทางไปจีน พ.ต.ท ทักษิณ ได้แอบไปตกลงกับจีนผ่านนายเหยียนปิน ให้บริษัท หัวเหว่ย มาประมูลการสร้างโครงสร้างพื้นฐานของ CDMA ในต่างจังหวัดทั้งหมด และ พ.ต.ท. ทักษิณ มานั่งคุมโดยตรง โดยอ้างว่าเป็นการประมูล E-Auction ครั้งแรก เพื่อเป็นประกันว่า หัวเหว่ยต้องได้ เพราะรู้ราคากลางมาก่อน เมื่อประมูลได้แล้ว ได้ให้น้องสาว นางเยาวภา แดงสวัสดิ์ รับงานต่อจากหัวเหว่ย ในขณะที่บริษัท TRUE ของ ซี.พี. ให้หัวเหว่ยสร้างกล่อง ASDL ซึ่งมีคุณภาพต่ำมากให้ประชาชนผู้ใช้บริการของ TRUE

(5) ใช้อำนาจผ่านสภาที่ตนคุมได้ ตรา “พรก . ภาษีสรรพาสามิตบริการโทรคมนาคม” ให้กระทรวงการคลังเก็บภาษีสรรพสามิตกิจการโทรคมนาคม โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ โดยไม่ให้กระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการรายเดิม ที่มี เอ.ไอ.เอส เป็นหลัก เท่ากับเป็นการกีดกันผู้ประกอบการรายใหม่จนไม่มีผู้มาแข่งขัน ประโยชน์ก็จะตกอยู่กับ เอ.ไอ.เอส. ขัดกับหลักการที่ว่า ภาษีเป็นสิ่งที่จัดเก็บจากผู้ประกอบการทุกรายในอัตราเดียวกัน

(6) ใช้อำนาจกดดันต่อ ทศท. ให้ เอ.ไอ.เอส. แก้สัญญาร่วมงานกับ ทศท. ในการจ่ายเงินชดเชยของโทรศัพท์เตลื่อนที่ระบบพรีเพด วันทูคอล ลดลงจาก 25% เหลือเพียง 20% รัฐบาลเสียรายได้ 1,000 ล้านบาทต่อปี แต่ เอ.ไอ.เอส ได้ประโยชน์

(7) ใช้อำนาจผ่านรัฐมนตรีคลัง กดดันให้กระทรวงการคลังยกเลิกภาษีนำเข้าโทรศัพท์มือถือจาก 10% เหลือ 0% และยกเลิกนโยบายต่างๆ ที่ได้ทำไป เมื่อปี 2544 ทำให้ เอ.ไอ.เอส. ได้กำไร 20,258 ล้านบาท หรือเพิ่ม 420% เฉพาะในปี 2544

(Cool ปี 2545 พ.ต.ท. ทักษิณ ใช้อำนาจกดดัน ทศท. ปรับการแบ่งรายได้ระหว่าง เอ.ไอ.เอส. กับ ทศท. ใหม่ โดย เอ.ไอ.เอส. ทำสัญญาโรมมิ่งกับ ดีทีซี. ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ เอ.ไอ.เอส. ภายในกรอบข้อตกลงระหว่าง ทศท. กับ เอ.ไอ.เอส. ซึ่งเท่ากับเป็นการเปลี่ยนแปลงหลักการวิธีการคิดสัดส่วนแบ่งรายได้ ทำให้ เอ.ไอ.เอส. ได้ประโยชน์ เพราะภาระการจ่ายค่าตอบแทน ให้ ทศท. น้อยลง โดย เอ.ไอ. เอส. ได้ประโยชน์ 52 สตางค์ในทุกนาที

(9) ปี 2546 ใช้อำนาจกดดันให้ คณะกรรมส่งเสริมการลงทุน หรือ บี.โอ.ไอ. มีมติส่งเสริมการลงทุน ไอ.พี.สตาร์ ของครอบครัวนายกรัฐมนตรี ยกเว้นภาษี ไอ.พี. สตาร์ มูลค่าเม็ดเงินที่ชินแซต ได้รับการยกเว้นภาษีสูงถึง 16,459 ล้านบาท

(10) ใช้อำนาจกดดันให้กรมประชาสัมพันธ์แก้สัญญา ลดค่าสัมปาน ไอ.ทีวี .ซึ่งครอบครัวชินวัตร ถือหุ้นใหญ่เหลือเพียง 150 ล้านบาทต่อปี ทำให้ ไอ.ทีวี. ลดเงินที่จะต้องจ่ายให้รัฐถึง 17,430 ล้านบาท ในช่วง 20 ปีทีเหลือ และเปลี่ยนเงื่อนไขให้ ไอ.ทีวี. มีรายการบันเทิงได้มากขึ้น ทำให้ได้กำไรเพิ่มขึ้นจากที่ประมาณการ 40,000 ล้านบาทในช่วง 20 ปีเป็น 57,000 ล้านบาท

(11) ใช้อำนาจปกป้องอุตสาหกรรมโทรคมนาคม โดยการไม่เปิดเสรีในความตกลงด้านการค้า พ.ต.ท. ทักษิณ พยายามขัดขวางและชะลอการเปิดเสรีบริการโทรคมนาคม โดยเฉพาะบริการโทรศัพท์มือถือ ตลอดมา ดังจะเห็นได้ว่า ข้อตกลงเปิดการค้าระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ไม่มีการเปิดเสรีบริการโทรศัพท์แต่อย่างใด เพื่อไม่ให้มีคู่แข่งมากกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน เพราะปัจจุบัน เอ.ไอ.เอส. ได้เปรียบคนอื่นอยู่แล้ว

(12) ใช้อำนาจให้มีการละเว้นไม่ออกกฎระเบียบประกอบกฎหมายแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 ด้วยการพยายามชะลอให้นานที่สุด ไม่ให้มีการออกกฎหมายประกอบ เพราะไม่ต้องการให้มีการบังคับใช้ต่อธุรกิจโทรทัศพ์มือถือและดาวเทียมของตน ซึ่งเข้าข่าย “ผู้มีอำนาจเหนือตลาด” ตามม.25 เพราะ เอ.ไอ.เอส. มีส่วนแบ่งตลาดโทรศัพท์มือถือเกินร้อยละ 60 ส่วนชินแซตมีส่วนแบ่งตลาดเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ในการบริการดาวเทียมและการให้บริการอินเตอร์เน็ต

(13) กดดันให้ ครม. เสนอทำสายการบินราคาถูก หรือโลวคอส แอร์ไลน์ ในภาคเหนือ และครม. อนุมัติภายใน 60 วัน ซึ่งเร็วเป็นพิเศษ โดย บี.โอ.ไอ สนับสนุนการลงทุนโดยงดเว้นภาษี 16,000 ล้านบาท และกดดันให้การท่าอากาศยานอนุญาตให้ใช้สนามบินดอนเมือง บริษัท ชินคอร์ปลงทุนในสายการบินแอร์เอเชียกับมาเลเซีย เป็นคู่แข่งขันการการบินไทย และการบินไทยถูกกดดันให้สายการบินแอร์เอเชียบินทัยเส้นทางได้ ทำให้รายได้สายการบินไทยลดลง ที่สำคัญคือ พ.ต.ท. ทักษิณ ใช้อำนาจกดดันให้การบินไทยซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติต้องยอมแบ่งเส้นทางที่ทำกำไรได้ดี เพราะมีผู้โดยสารมากให้กับแอร์เอเชีย จนทำให้พนักงานการบินไทยไม่พอใจ แต่ไม่ทราบจะทำอย่างไรเพราะ พ.ต.ท. ทักษิณ ส่งคนของตนมาคุมการบินไทย

(14) ให้กระทรวงการคลังออกระเบียบให้ข้าราชการเบิกค่าเดินทางถ้าใช้บริการของ แอร์เอเชีย ได้ เท่ากับเป็นการแก้ระเบียบเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของตนเอง และสายการบินของต่างชาติ มาล้วงงบประมาณของไทยเท่ากับเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจของตนเอง

(15) เมื่อครอบครัวชินวัตรขายหุ้นชินคอร์ป ให้บริษัท เทมาเส็ก แห่งสิงคโปร์ มีการโอนหุ้นแอร์เอเชียจากของคนไทย 49% ไปให้สิงคโปร์ เท่ากับต่างชาติถือหุ้นบริษัท ไทยแอร์เอเชียเต็ม 100% ซึ่งชัดกับกฎหมายต่างด้าวของไทย พอเรื่องถูกเปิดโปงสู่สาธารณะครอบครัวชินวัตร รีบให้นายบุญคลี ปลั่งศิริ จัดตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อซื้อหุ้นคืนจากสิงคโปร์ทันที ไม่เช่นนั้น สายการบินแอร์เอเซียจะไม่ได้สิทธิการบินในไทย

(16) กดดัน ทอท.ให้พัฒนาสนามบินเชียงใหม่เพื่อเป็น “ฮับ” สำหรับสายการบินแอร์เอเชีย และเตรียมปรับปรุงสนามบินดอนเมือง หลังจากที่ย้ายไปอยู่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ให้เป็น
สนามบินภายในประเทศและสายการบินโลว์คอส ซึ่งแอร์เอเซียเป็นสายการบินโลว์คอสใหญ่ที่สุด ทำให้ครอบครัวชินวัตรได้ประโยชน์จากทรัพย์สินของชาติอีก

(17) พ.ต.ท.ทักษิณ นำผลประโยชน์ของชาติไปแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัว เมื่อเดินทางไปเยือนประเทศจีน อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น โดยยอมเสียเปรียบยกผลประโยชน์ให้กับประเทศเหล่านี้ในการทำเขตการค้าเสรี หรือ เอฟ.ที.เอ. เพื่อแลกกับการเช่า Transponder ดาวเทียม ไอ.พี.สตาร์ เฉพาะรายได้เรื่องนี้จากอินเดียประเทศเดียว จะทำให้ชินแซตมีรายได้ปีละ 5,000 ล้านบาท คณะผู้แทนไทยที่เจรจาเขตการค้าเสรีอึดอัดใจมากบางแห่ง เช่น จีน อินเดีย ออสเตรเลีย มีตนไปเจรจาให้เสร็จ หรือในกรณีญี่ปุ่น หัวหน้าคณะผู้แทนถูกเรียกไปพบและบังคับให้ยอมญี่ปุ่นในหลายประเด็นที่กำลังต่อรองกันอยู่ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรไทย แต่ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ยอมเพราะตนแอบไปตกลงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของครอบครัวตนไว้แล้ว

(18) การเจรจา เอฟ.ที.เอ. ที่พ.ค.ท. ทักษิณ พยายามผลักดันให้เกิดขึ้นโดยเร็วนั้น คนที่ได้ประโยชน์ คือ ครอบครัวชินวัตร-ดามาพงศ์ กับรัฐมนตรีและแกนนำพรรคไทยรักไทยบางคนเท่านั้น เช่น อุตสาหกรรมโทรคมนาคมและดาวเทียม อุตสาหกรรมรถยนต์ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อุตสาหกรรมอัญมณี อุตสาหกรรมส่งออกไก่ของซี .พี . อุตสาหกรรมเหล็กกล้าของนายประยุทธ มหากิจศิริ เป็นต้น แต่ผู้ที่เสียประโยชน์ คือ เกษตรกร ดังนั้น ภาคประชาชนจึงต้องออกมาคัดค้าน

(19) นายสุริยะ เป็นคนที่โกงกินมากที่สุดคนหนึ่งในรัฐบาลชุดนี้เมื่อได้เงินมาแล้ว ส่วนหนึ่งส่งให้คุณหญิงพจมาน เป็นเงินสนับสนุนพรรค อีกส่วนเก็บไว้สำหรับใช้ในกลุ่มวังน้ำยม ที่เห็นได้ชัดสำหรับการคอรัปชั่นเชิงนโยบายสำหรับนายสุริยะ กล่าวคือ สมัยที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอุตสาหกรรม นายสุริยะให้สิทธิพิเศษแก่บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่มาลงทุนในไทยในเขตพิเศษ แต่มีเงื่อนไขลับกับญี่ปุ่นว่า บริษัท รถยนต์ ดังกล่าวต้องซื้ออะไหล่จากบริษัทของครอบครัวนายสุริยะเท่านั้น เอาผลประโยชน์ของชาติแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัว

(20) จากการที่รัฐบาลไทยมีโครงการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศเพื่อนบ้าน คือ พม่า ลาว กัมพูชา ปรากฏว่าในกรณีของลาวนั้น นายสุรเกียรติ เสถียรไทยเป็นคนรับผิดชอบและหาประโยชน์ ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เป็นผู้หาประโยชน์ให้กับบริษัทสามีของตน สุดารัตน์เคยไปวิ่งเต้นกับรัฐมนตรีเขมรขอโครงการที่รัฐบาล
ไทยช่วยเหลือสร้างถนนจากเกาะกงไปกำปงโสมให้กับบริษัทก่อสร้างของสามีจนประสบผลสำเร็จ

(21) ในกรณีของพม่า พ.ต.ท. ทักษิณสั่งการให้ธนาคารนำเข้าและส่งออกหรือ เอ็กซิมแบงค์ปล่อยเงินกู้ให้ทางการพม่า 4,000 ล้านบาท โดยเอ็กซิมแลงค์แลกดอกเบี้ยเงินกู้ 700 ล้านบาท ทั้งที่ควงเป็นรัฐบาลพม่าควรรับผิดชอบส่วนนี้ ต้นทุนของธนาคาร ดอกเบี้ยควรเป็น 4.3% แต่ถูกลังคับให้คิดดอกเบี้ยเพียง 3% แบบผ่อนปรน เป็นเงินกู้ระยะยาว 12 ปี กับธนาคารเมียนมาร์ ฟอร์เรนจ์ เทรด แบงค์ 14 บริษัท ที่เป็นคู่สัญญากับพม่า หนึ่งในนั้นคือ ชินแซต ธนาคารไทยเป็นผู้รับความเสี่ยงตามใบสั่งของ พ.ต.ท. ทักษิณ บริษัทในเครือชินวัตรและพรรคพวกได้สัมปทานธุรกิจโทรคมนาคมและก่อสร้างในพม่าเท่ากับเป็นการโอนเงินจากเอ็กซิมแบงค์ไปเข้าบริษัทชินวัตรซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน

(22) หลังจากกลับจากพม่า พ.ต.ท. ทักษิณ สั่งการให้การบินไทเปิดสายการบิน ไทย-จิตตะกอง ซึ่งการบินไทยรู้ดีว่าสายการบินนี้ชาดทุนแน่ๆแต่ต้องทำตามใบสั่งและรู้กันดีว่า พ.ต.ท.
ทักษิณคงไปตกลงธุรกิจของครอบครัวกับรัฐบาลพม่ามาแล้ว และทางการพม่าคงอยากให้ไทยเปิดเส้นทางบินดังกล่าว จึงมาบังคับให้การบินไทยดำเนินการ

(23) เรื่องกรณีการซื้อเครื่องบิน เอสยู-30 นั้น เป็นที่ตกลงกันมาก่อนแล้วว่ารายการนี้จะได้เงินส่วนต่าง 3,500 ล้านบาท โดยคุณหญิงพจมานจะเอา 3,000 ล้านบาท และให้คุณลูกน้ำ ภรรยาของ พล.อ.อ. คงศักดิ์ วันทะนา 500 ล้านบาท ดังนั้น พล.อ.อ. คงศักดิ์จึงต้องการเอาคนของตนเป็น ผบ.ทอ. ต่อไปเพื่อคำโครงการนี้ต่อ แต่บังเอิญเกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิคที่คนของตนไม่ได้เป็น ผบ.ทอ.และเรื่องดังกล่าวถูกสื่อมวลชนขุดคุ้ยเปิดโปง และกินไม่สะดวก

(24) นายภูมิธรรม เวชชชัย รัฐมนตรีช่วยคมนาคม ได้รับมอบให้จัดตั้งบริษัทเดินเรือไทย เพื่อเป็นกองเรือส่งออกสินค้าของไทยไปต่างประเทศ นายภูมิธรรม ได้นำเอาพรรคพวก ญาติพี่น้องมาดำเนินการเพื่อหากินกับโครงการนี้ จนถูกสื่อมวลชนขุดคุ้ยเปิดโปง เลยไม่กล้าเปิดเผยนัก

(25) โครงการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์-900 เป็นที่รู้กันดีและสังคมก็รับรู้ว่ามีการโกงกินอย่างแน่นอน เพราะมีส่วนต่างของเงินค่อนข้างมาก มีการจ่ายไปเรียบร้อยแล้วทั้งที่เครื่องยังไม่มา แต่รัฐบาลยังไม่นำพากระแสของสังคมที่กดดันให้เปิดเผยเรื่องดังกล่าว เพราะอาจพัวพันไปถึงครอบครัวของนายกรัฐมนตรี นอกจากนั้นรัฐบาลยังไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อบุคคล 8 คนที่ศาลสหรัฐส่งมาให้ จนเป็นที่กังขาของสังคมจนถึงขณะนี้

(26) การคอรัปชั่นในโครงการ แอร์พอร์ตลิงค์ระหว่างสนามบินสุวรรณภูมิกับมักกะสัน มูลค่า 25,000 ล้านบาท นายชูวิทย์ โกมลวิศิษฐ์ เปิดเผยว่าพบพิรุธ เพราะการรถไฟแห่งประเทศไทย ยอมเสียค่าโง่จ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่ม 1,666 ล้านบาท ให้กับ 4 ธนาคารที่ปล่อยกู้ทั้งที่โดยปกติแล้ว ผู้รับจ้างควรรับผิดขอบในส่วนนี้ นอกจากนั้นยังมีการสร้างทางระบายน้ำในสนามบินของกรมชลประทาน ปรากฏว่ามีข่าวเจ้าแม่ 12.5%ในรายการนี้ด้วย

(27) ร.ต.อ. นิติภูมิ นวรัตน์เปิดเผยว่า พ.ต.ท. ทักษิณ เดินทางไปร่วมประชุมเอเปคที่เม็กซิโก สถานที่ประชุมคือเมืองลอสคาบอส แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลังไปลงที่เมืองเม็กซิโกซิตี้ เพื่ออ้อนวอนเข้าพบนายวินเซนเต้ ฟอกซ์ ประธานาธิปดีเม็กซิโกและของขึ้นเครื่องบินไปด้วยกัน นายฟอกซ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า การเดินทางครั้งนั้นไม่มีความสุขเลย เพราะ พ.ต.ท. ทักษิณ พยามพูดคุยเพื่อหาช่องทางทำมาหากินด้านโทรคมนาคมในเม็กซิโก แต่ตนได้ตอบปฏิเสธไป ดังนั้น จะเห็นได้ว่าแทนที่นายกรัฐมนตรีไทยจะไปประชุมเพื่อผลประโยชน์ของชาติ แต่กลับใช้การไปประชุมระหว่างประเทศเป็นช่องทางหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง เช่นเดียวกับการไปเยือน อินเดีย พม่า จีน ออสเตรเลีย ที่มีการเจรจาเปิดเขตการค้าเสรี โดยเอาผลประโยชน์ประเทศชาติไปแลกเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์เฉพาะตนใช้กฎหมายและนโยบายเอื้อประโยชน์ต่อหุ้นของครอบครัว

(1) พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญอย่างยิ่งในเรื่องหุ้น และรายได้เข้าตนและครอบครัวมาจากการปั่นหุ้นเป็นอันดับหนึ่งในข่วงเวลาทั้งก่อนและระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรี มีการตั้งบริษัทนอมินีในเกาะบริติช เวอร์จิ้นและในต่างประเทศเช่นที่สิงคโปร์ ทำทีเป็นต่างประเทศเข้ามาซื้อหุ้นของตน อันเป็นวีการหนึ่งในการปั่นหุ้นทำรายได้ให้กับตระกูลชินวัตร และตระกูลดามาพงศ์ ของคุณหญิงพจมาน สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น พ.ต.ท. ทักษิณ จึงต้องส่งคนที่ไว้ใจได้ไปคุมตลาดหุ้น และเข้าแทรกแซงตลาดหุ้นทั้งทางตรงและอ้อม เพื่อให้หุ้นของตนขึ้นหรือไม่ให้ตก เช่นในกรณีเหตุการณ์ 9-11 พ.ต.ท. สั่งไม่ให้ตลาดหุ้นทำการเป็นเวลา 2-3 วันเพราะรู้ว่า หากเปิดทำการหุ้นจะตกลงอย่างมาก การที่ราคาหุ้นของครอบครัวขึ้นหรือลงเพียง 1-2 บาท ก่อให้เกิดประโยชน์หรือเสียประโยชน์นับหลายพันและหมื่นล้านบาท พ.ต.ท. คงไม่ต้องการให้หุ้นของครอบครัวตกเป็นแน่

(2) ในต่างประเทศ หากผู้นำเข้ารับตำแหน่งทางการเมือง จะให้กองทุนบริหารหุ้นของตนเอง เมื่อพ้นตำแหน่ง จึงโอนหุ้นทั้งหมดจากกองทุนมาเป็นของตนต่อไป แต่ พ.ต.ท. ทักษิณ อาศัยช่องโหว่ของกฎหมายไทยโอนหุ้นของตนให้กับภรรยา บุตร ญาติพี่น้อง คนใช้ คนสวน แม้จะถูกกฎหมายแต่ขาดจริยธรรมตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งแรกแล้ว

(3) มูลค่าหุ้นของตระกูลชินวัตร ก่อนที่ พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีมีมูลค่าประมาณ 32,000 ล้านบาท เพียง 5 ปีผ่านไปถึงปลายปี 2548 มลค่าหุ้นเพิ่มเป็น 134,000 ล้านบาท หนังสือพิมพ์ financial Times ปี 2548 จัดลำดับให้ พ.ต.ท. ทักษิณ รวยที่สุดในโลกอันดับที่ 14 เลื่อนจากลำดับที่ 21 ในปี 2547 ทั้งนี้ยังไม่รวมที่เพิ่งขายหุ้นชินคอร์ปให้กับบริษัทเทมาเส็กแห่งสิงคโปร์ ได้อีก 73,000 ล้านบาท ถ้ารวมรายได้ส่วนนี้เข้าไปด้วย พ.ต.ท. ทักษิณ น่าจะติดอันดับเลขตัวเดียวในปี 2549

(4) ตระกูลชินวัตร-ดามาพงษ์ มีรายได้จากตลาดหุ้นครองแชมป์ติดต่อกันหลายปี และมีมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากวารสารการเงินการธนาคาร และตลาดหุ้น ซึ่งเป็นข้อมูลเปิด พ.ต.ท. ทักษิณ ใช้นโยบายและกฎหมายในการนำรัฐวิสาหกิจดีๆเข้าตลาดหุ้นเพื่อสร้าง มาร์เก็ต แคป ให้สูงขึ้นโดยอ้างว่าเพื่อให้ต่างชาติเข้ามาซื้อ จะได้ดึงทุนต่างประเทศเข้ามาและทำให้ จีดีพี. ของประเทศสูงขึ้น แต่ พ.ต.ท. ทักษิณ รู้ดีว่า เมื่อทุนต่างประเทศเข้ามาหุ้นก็ขึ้นยกแผง ไม่ใช่เพียงหุ้นของรัฐวิสาหกิจดีๆ เท่านั้น แต่หุ้นของตระกูลชินวัตร และดามาพงษ์ ด้วย เช่น ตระกูลมาลีนนท์ จึงรุ่งเรืองกิจ มหากิจศิริ เป็นต้น รัฐมนตรีหลายคนร่ำรวยจากการปั่นหุ้น พ.ต.ท. ทักษิณ เอาทรัพย์สินของชาติไปขายเพื่อผลประโยชน์ของตนและพรรคพวก โดยเฉพาะกดดันให้ กฟผ.เข้าตลาดหุ้น เป็นการดำเนินการอย่างซับซ้อนซ่อนเงื่อนซึ่งประชาชนทั่วไปตามไม่ทัน

(5) พ.ต.ท. ทักษิณ ใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนเองในการเรียกร้องผลประโยชน์จากกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่พรรคพวกของตน กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ในไทยขณะนี้คือ กลุ่มชินวัตร กลุ่ม ซี.พี ของตระกูลเจียรวนนท์ และกลุ่มศิริวัตนภักดีของนายเจริญ ซี.พี เข้ามาอยู่ในอาณัติ แต่กลุ่มศิริวัฒนภักดี ยังไม่ยอมอยู่ได้อาณัติแต่ไม่ได้คัดด้านเมื่อกลุ่มศิริวัฒนภักดี ต้องการเอาธุรกิจเครื่องดื่มที่รู้จักกันในนาม ไทย เบเวอเรจ หรือเบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้น พ.ต.ท. ทักษิณ รู้ดีว่า จะทำให้มาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1 แสนล้านบาท ดังนั้น จึงส่งคนไปขอหุ้นฟรี 20% แต่นายเจริญไม่ให้ เมื่อไม่ให้ พ.ต.ท. ทักษิณ จึงหลอกให้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ออกมาคัดค้านการเข้าตลาดหุ้นของไทย เบเวอเรจ ซึ่งเป็นแนวทางของกลุ่มสันติอโศกอยู่แล้ว ด้านหนึ่งกดดัน อีกด้านหนึ่งต่อรองของส่งคนในครอบครัวมาอยู่ในบอร์ดบริหารของกลุ่มไทยเบเวอเรจ นายเจริญไม่ยอมอีก ล่าสุดต่อรองขอส่งคนในครอบครัวมาอยู่ในบอร์ดบริหารโรงแรมในเครือ นายเจริญจึงยอมให้เมื่อนายเจริญจะเอาหุ้นไปเข้าตลาดที่สิงคโปร์ พ.ต.ท. ทักษิณ จึงมีท่าทีอ่อนลง

(6) แก้กฎหมายให้ต่างชาติสามารถเข้ามาซื้อหุ้นในกิจการโทรคมนาคม เพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 49% เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจครอบครัว ในการขายหุ้นจำนวนมากให้กับบริษัทต่างชาติสิงคโปร์ เทมาเส็ก ครอบครัวชินวัตร-ดามาพงษ์ ได้ประโยชน์จากการขายหุ้นดังกล่าวถึง 73,000 ล้าน
บาท จากมูลค่าเดิมปี 2544 ซึ่งมีเพียง 15,000 ล้านบาท โดยใช้วิธีหลีกเลี่ยงการเสียภาษีซึ่งไม่ใช่วิสัยของผู้นำประเทศที่จะทำเช่นนั้น เป็นการตัดสินใจบนวิธีคิดของพ่อค้า มากกว่าผู้นำประเทศ แม้จะอ้างว่าเป็นเรื่องของบุตรชายบุตรสาว แต่เป็นที่รู้กันดีว่า การโอนหุ้นให้บุตรเป็นเพียงวิธีการเลี่ยงกฎหมายเท่านั้น แต่ พ.ต.ท. ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องหุ้นเป็นคนบริหารจัดการหุ้นทั้งหมดของครอบครัว

(7) การขายหุ้นครั้งนี้ เปรียบประหนึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ ได้ขายทรัพย์สมบัติของชาติและทรัพย์สินของประชาชน ให้กับต่างชาติ เพราะสัญญาณดาวเทียว คลื่นโทรทัศน์ คลื่นโทรศัพท์มือถือ เป็นทรัพย์สินของชาติตามกฎหมาย ซึ่งรัฐต้องเป็นผู้ดำเนินกิจกรรม แต่รัฐอาจให้สัมปทานแก่เอกชนไปทำการบนเงื่อนไขที่รัฐตั้งขึ้นได้ ชินคอร์ป เป็นคู่สัญญากับรัฐ แต่กลับเอาสัมปทานของรัฐไปขายให้ต่างชาติ การขายหุ้นของครอบครัวชินวัตรไม่เหมือนกับการขายหุ้นทั่วไปซึ่งไม่ใช่ทรัพย์สินของชาติ ครอบครัวชินวัตรเอาสัมปทานของรัฐไปขายให้ต่างชาติไม่ได้ มีการตั้งบริษัทไทยเทียมเพื่อให้ดูเหมือนว่ายงมีหุ้นอยู่ 49% แต่ในความเป็นจริง ต่างชาติถือหุ้นมากกว่า 51%

(Cool มีการดำเนินธุรกิจแบบไม่ตรงไปตรงมา ซิกแซ็ก ซับซ้อนซ่อนเงื่อนโดยเฉพาะการตั้งบริษัทของตนในต่างประเทศ เช่นที่เกาะบริติชเวอร์จิ้น และที่สิงคโปร์ เพื่อนำมาปั่นหุ้นของตนในประเทศ มีวิธีหลบเลี่ยงภาษีอย่างแยบยล

(9) นอกจากมีการโอนลูกค้าของ เอ.ไอ.เอส. 18 ล้านหมายเลขไปให้สิงคโปร์แล้ว ครอบครัวชินวัตรยังเปิดโอกาสให้สิงคโปร์เข้ามาเจาะทะลวงข้อมูลเศรษฐกิจการเงินของประเทศ เนื่องจากบริษัท Advanced Data Network Communication (ANDC) ซึ่งได้รับสัมปทานจาก ทศท. บริการสื่อสารออนไลน์ เชื่อมข้อมูล เอทีเอ็ม.ธุรกิจการคลัง คลังน้ำมัน สายการบิน ธุรกิจด้านการค้าและขนส่งทั่วประเทศ ข้อมูลความมั่นคงทางเศรษฐกิจเหล่านี้จะตกไปอยู่ในมือสิงคโปร์

(10) พ.ต.ท.ทักษิณ ยังรังแกภาคเอกชนเพื่อประโยชน์ของตนเอง จากการที่นายประชัย เลียวไพรัตน์ อดีกเจ้าของบริษัท ทีพีไอ. ซึ่งมีศักยภาพสูงแต่เป็นหนี้ เอ็นพีแอล. นายประชัย สามารถติดต่อกับนักลงทุนจีนให้เข้ามาซื้อหุ้น ทีพีไอ. ได้ในราคาหุ้นละ 13.50 บาท นับเป็นแสนล้านบาท เท่ากับจะปลดหนี้ ทีพีไอ. ได้ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระหว่างการเยือนจีนได้บอกผู้นำจีนว่าอย่าเอาเงินเข้ามา เพราะตนเองต้องการเอา ทีพีไอ. ทำให้ผู้นำจีนไม่สบายใจเพราะการเมืองเข้ามายุ่งกับธุรกิจ แต่เพื่อเห็นกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน จีนจึงไม่เอาเงินมาซื้อ ทีพีไอ. ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งให้ ปตท. ไปซื้อหุ้น ทีพีไอ. ในราคาหุ้นละ 3.30 บาท เพื่อตนเองจะได้เข้าไปซื้อในภายหลังโดยใช้เงินที่ขายชินคอร์ป

คนใกล้ชิดและเครือญาติคอรัปชั่น
(1) คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ใช้ความได้เปรียบจากการเข้าถึงข้อมูลภายในของรัฐบาล กว้านซื้อที่ดินในใจกลางเมือง และเส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดิน เหนือดิน ที่เป็นทำเลทองไว้หมด เช่น ซื้อที่ดินตรงกันข้ามหอวัฒนธรรมไทย-ญี่ปุ่น เพราะรู้ว่าตรงนี้ต่อไปจะเป็นฮับของรถไฟฟ้าใต้ดิน พอสามีประกาศชักชวนต่างชาติมาลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็คต์ที่ประกาศไว้ คุณหญิงพจมานก็สามารถขายที่ดินเหล่านี้ได้กำไรอย่างมาก

(2) ทิ่ดินรอบๆ สนามบินสุวรรณภูมิ ปรากฏว่า คุณหญิงพจมาน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายประยุทธ มหากิจศิริ ไปซื้อไว้หมดแล้ว แต่คุณหญิงพจมานซื้อมากที่สุด จากนั้น ได้ร่วมมือกับสามี โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศว่าจะพัฒนาที่ดินบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิเป็นเมืองคู่แฝดกับ กทม.
และเป็นแหล่งลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวชินวัตร ที่สำคัญคือ รัฐบาลปล่อยข่าวลวงว่าจะสร้าง Entertainment Complex ซึ่งเป็นแหล่งกาสิโนที่ชลบุรีบ้าง ตามเกาะต่างๆ บ้าง แต่ของจริงคือ มีแผนจะสร้างที่สนามบินสุวรรณภูมินี่เอง โดยจะนำบริษัท เอ็มจีเอ็ม. จากลาสเวกัสมาลงทุน โดยคุณหญิงพจมานจะได้ถึงสองต่อ คือขายที่ดินในราคาสูงมากเพราะต่างชาติพร้อมจะซื้อและได้เงินใต้โต๊ะกับตั้งนอมินีถือหุ้นบริษัทกาสิโนด้วย

(3) คุณหญิงพจมาน ใช้บริษัท เอสซี.แอสเส็ต เป็นธุรกิจเรื่องอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว ขณะนี้ปั่นหุ้นจาก 10 บาทขึ้นไปกว่า 20 บาท โดยตลาดหลักทรัพย์ไม่กล้าที่จะทำอะไรต่อบริษัท เอสซี.แอสเส็ต

(4) นางเยาวเรศ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ เรียกรับเงิน 300 ล้านบาทเป็นค่าวิ่งเต้นประมูลเฟอร์นิเจอร์สนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ระยะเวลา 25 ปี พ่อค้าจ่ายเงินมัดจำไปแล้ว 25 ล้านบาท แบ่งเป็นจ่ายงวดแรกเมื่อวันทำสัญญา 1 สิงหาคม 2546 เป็นเงิน 5 ล้านบาท โดยมีคนใกล้ชิด นรม. และ ส.ส.รัฐบาล รวม 4 คนเดินทางมารับเงินที่ธนาคารกรุงไทย สาขาบางขุนพรหม ต่อมาทีมงานชุดเดียวกันมารับอีก 20 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2546 ส่วนอีก 275 ล้านบาทจะจ่ายหลังลงนามสัญญาได้งานก่อสร้างแล้ว แต่ปรากฏว่าพ่อค้าไม่ได้งาน เลยเอามาเปิดโปงต่อพรรคฝ่ายค้าน

(5) โครงการย้ายโรงงานยาสูบไปที่ จ.เชียงมใหม่ เพื่อให้ใกล้แหล่งวัตถุดิบ ปรากฏว่าน้องสาวสองคนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทะเลาะกันจะเอาโครงการนี้ซึ่งมีมูลค่า 18,000 ล้านบาท ในที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องตัดสินเองให้น้องสาวคนหนึ่งได้เรื่องการก่อสร้างโดรงงาน โดยเอาบริษัท CYC จากจีนมาก่อสร้างทั้งที่ไม่มีประสบการณ์ น้องสาวอีกคนเอาเครื่องจักรจากสหรัฐมา โครงการนี้มีการตั้งงบส่วนเกินถึง 6,000 ล้านบาท

(6) นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวคนหนึ่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนที่เอาทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าโครงการจะใหญ่หรือเล็ก เช่น จักรยายเอื้ออาทร การสร้างโครงสร้างพื้นฐานของหัวเหว่ย CDMA กรณีลำไยเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทั้งน้องสาว นรม. และภรรยาของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รถบริการสนามบินสุวรรณภูมิ ฯลฯ (15) เมื่อสายการบินไทยเปิดเที่ยวบินกรุงเทพฯ-เซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก(รัสเซีย) ปรากฏว่านางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ไปตั้งบริษัทที่ฮ่องกง แล้วไปผูกขาดการจองตั๋ว ซื้อตั๋วที่เซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก

นำทรัพย์สินของชาติเข้าตลาดหุ้น เพื่อช่วยหุ้นให้ของตนขยับขึ้น
(1) พ.ต.ท.ทักษิณ มักอ้างว่าต้องแปรรูปรัฐวิสาหิจเพื่อให้ไประดมทุนในตลาดหุ้น รัฐจะได้ไม่ต้องกู้เงินจากต่างประเทศมาสนับสนุน และเพื่อให้การบริหารเป็นไปอย่างโปร่งใส โดยที่หน่วยงานของรัฐยังถือหุ้นในสัดส่วน 70: 30 แต่ปรากฏว่า มีตัวอย่างสำหรับรัฐวิสาหกิจที่แปรรูป เริ่มต้นจากสัดส่วนดังกล่าวเพียงไม่กี่ปี สัดส่วนเปลี่ยนไป ของรัฐเหลือเพียง 20% กว่า

(2) กรณีของ ปตท. เป็นตัวอย่งสำคัญ หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์เพียง 2 ปี สัดส่วนหุ้นเปลี่ยนแปลงจากรัฐเคยถือครอง 70% เหลือเพียง 52% เท่านั้น ซึ่งเป็นวิธีการซิกแซ็กของนักธุรกิจ ผู้ที่ได้ประโยชน์คือญาติพี่น้องของรัฐมนตรีและคนใกล้ชิด กับคนในพรรคไทยรักไทย และคน ปตท. เท่านั้น ประชาชนได้ประโยชน์น้อยมาก

(3) กรณีของ กฟผ. ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามผลักดันให้เข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมทุนจากต่างชาตินั้น ในที่สุดสัดส่วนเริ่มแรก 70:30 จะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน และในที่สุด ภาคเอกชนและต่างชาติจะเข้ามาฮุบทรัพย์สมบัติของชาติเช่น กฟผ.
จากข้อมูลทั้งหมดข้างต้น สรุปได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ขาดคุณสมบัติของรัฐมนตรีที่ห้ามมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับบริษัทเอกชน ตาม ม. 209 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แต่เมื่อ ส.ว. 27 คนส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ ศาลรัฐธรรมนูญกลับไม่ยอมรับวินิจฉัย ทำให้มีการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนนอกสภาเพื่อการตรวจสอบแทน

ช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนมากขึ้น
(1) ในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว คนใกล้ชิดและพรรคพวกในรัฐบาลและวงการธุรกิจ ร่ำรวยขึ้น แต่คนจนกลับมีหนี้สินมากขึ้น สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. รายงานว่า ความมั่งคั่งของชาติทุก 100 บาทที่เกิดขึ้น คนรวยซึ่งมีจำนวนคนน้อยที่สุดอยู่ตรงยอดปิระมิด เอาไปแล้ว 57 บาท คนจนซึ่งเป็นคนจำนวนมากที่สุดในประเทศอยู่นรงฐานปิระมิดได้ 4 บาท ชนชั้นกลางซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างคนรวยกับคนจนได้ 19 บาท

(2) ในภาพรวมเปรียบเทียบการสำรวจปี 2543 กับปี 2547 พบว่า เกษตรกรมีรายได้ลดลงจากร้อยละ 5.7 เหลือ 4.5 ส่วนคนรวยมีรายได้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 52.4 เป็น 55.4 หนี้ต่อครัวเรือนสูงขึ้นจาก 5.63 เท่าเป็น 6.99 เท่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

(3) ดังนั้น ที่รัฐบาลคุยว่า รายได้ต่อหัวของคนไทยสูงขึ้นนั้น เกิดจากรายได้ของคนรวยที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเป็นสำคัญ เมื่อเอารายได้คนทั้งหมดมารวมกันแล้วหารด้วยจำนวนประชากร 63 ล้านคน ทำให้รายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้น แต่ในความเป็นจริง คนจนอาจมีรายได้เพิ่มขี้นเล็กน้อย แต่มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นมาก มีหนี้สินเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้น หากคนจนล้วงกระเป๋าตัวเอง แทนที่จะพบว่ามีเงินเพิ่มขึ้น กลับพบว่า เงินในกระเป๋าหายไปเกือบหมด คนขับแท็กซี่ใน กทม. รายหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เขาเป็นคน จ.หนองคาย สมัยรัฐบาลชวน ชาวบ้านยากจน สมัยทักษิณ ชาวบ้านก็ยากจนเช่นเดิม แต่สมัยชวนไม่มีหนี้ สมัยทักษิณ ชาวบ้านเป็นหนี้กันถ้วนหน้า เพราะต่างคนต่างไปกู้เงินกองทุนหมู่บ้าน ธนาคารประชาชน ทุนนอกระบบมาซื้อโทรศัพท์มือถือ ซื้อเครื่องเสียง ดาวน์รถจักรยานยนต์

(4) พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการเอาเงินจากธุรกิจผิดกฎหมายใต้ดินขึ้นมาบนดินในรูปของหวยบนดิน สถานคาสิโน ฯลฯ ซึ่งดูเหมือนว่าชาติจะได้ประโยชน์ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ฉกฉวยประโยชน์เหล่านี้จากชาติมาเพื่อตนและพรรคพวกด้วย

(5) รัฐบาลเอาเงินคนจนมาใช้ เงินหวยบนดินเป็นเงินของคนจน รัฐส่งกลับคืนไปเพียงส่วนน้อยในรูปของเงินรางวัล และทุนการศึกษา แต่ส่วนใหญ่ให้นักการเมืองพรรคไทยรักไทยใช้หาเสียง นี่คือเหตุผลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องส่งตำรวจ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ ลังขพงศ์ ไปคุมสำนักงานสลากกินแบ่งเพื่อนำเงินมาใช้เพื่อผลทางการเมือง ด้วยเหตุนี้ สำนักงานสลากกินแบ่งจึงไม่กล้าแถลงชี้แจงการใช้จ่ายเงินของสำนักต่อประชาชน

(6) เงินกองทุนหมู่บ้านที่รัฐบาลจัดสรรไปให้นั้น ปรากฏว่า บริษัทของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประโยชน์ เนื่องจากประชาชนที่กู้ยืมเงินไปเอาไปซื้อโทรศัพท์มือถือ ส่วนใหญ่เป็นของ เอ.
ไอ.เอส. ดังนั้นโครงการนี้แม้มีวัตถุประสงค์ที่ดี แต่คนที่ได้จริงๆ คือ เอ.ไอ.เอส. และกลุ่มยานยนต์ ส่วนชาวบ้านมีหนี้เพิ่มขึ้น เพราะนำเงินที่กู้ยืมไปบริโภคมากกว่าลงทุน ในที่สุด ชาวบ้านต้องกลับไปสู่หนี้นอกระบบเช่นเดิม

(7) ข้าราชการกระทรวงการคลังทำงานด้วยความอึดอัดใจ เพราะถูกฝ่ายการเมืองกดดันให้จ่ายงบในโครงการประชานิยม ซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2549 งบกลางของปีงบประมาณ 2549 เกือบหมดแล้ว ขณะนี้ต้องเอาเงินคงคลังออกมาใช้แล้ว หากรับบาลยังพยายามโยกย้ายงบ บ้านเมืองจะเสียหายมาก
นโยบายของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นทุนนิยมสุดขั้ว ปฏิเสธปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัว ซ้ำยังดูหมิ่นว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไม่ทำให้ประเทศชาติอยู่รอด ตรงกันข้ามรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามกระตุ้นให้คนใช้จ่ายมากที่สุด โดยไม่คำนึงว่าชาวบ้านจะมีหนี้สินมากน้อยเพียงไร และเอาเงินของรัฐออกมาหมุนให้มากที่สุด คล้ายกับแชร์แม่ชม้อย แต่ปัจจุบัน เงินที่หมุนไม่ครบรอบของมัน เพราะรัฐบาลคิดว่าจะได้เงินอีกแสนล้านบาทจากการเข้าตลาดหลักทรัพย์ของ กฟผ. แต่เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค ทำให้ กฟผ. ถูกชะลอเข้าตลาดหุ้น เงินจึงหมุนไม่ครบรอบ รัฐบาลต้องกู้เงินมามใช้ นี้คือความจริง

(9) โครงการประชานิยม คือการเอาเงินภาษีอากรของคนทั่วประเทศไปใช้เพื่อหาเสียงเท่านั้น ดูเหมือนว่าประชาชนระดับรากหญ้าจะไม่รู้จักพึ่งตนเอง แต่หวังรอคอยความช่วยเหลือของรัฐบาลตลอดเวลา พ.ต.ท. ทักษิณ คือ “ซาตานในคราบนักบุญ” ดังที่องค์กรนักเรียนได้ให้สมญาไว้ ภาพลักษณ์ที่ปรากฏในภายนอกคือนักบุญของคนจน แต่ตัวตนที่แท้จริงที่ซ่อนไว้ภายใต้เสื้อคลุมของนักบุญคือ ซาตาน
ในขณะที่ ครอบครัวและญาติพี่น้องของ พ.ต.ท. ทักษิณ รัฐมนตรีและนักธุรกิจในกลุ่มไทยรักไทยรวยเอารวยเอา แต่ประเทศชาติและชาวบ้านจนลงจนลง ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่ได้บริหารประเทศเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนตามที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระพักตร์ของพระเจ้าอยู่หัว เพียงแต่ใช้นโยบายประชานิยมเป็นฉากบังหน้าให้ชาวบ้านหลงเชื่อ แต่ความมั่งคั่ง ที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งถูกฉกฉวยโดย พ.ต.ท. ทักษิณ เอาภาษีประชาชนไปแจกชาวบ้าน ได้คะแนนนิยมจากชาวบ้าน ชาวบ้านชอบทักษิณมาก แต่ชาวบ้านไม่รู้ว่าขณะที่ชาวบ้านเป็นหนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ รวยเอา ๆ
ทำลายความมั่นคงของชาติทางภาคใต้

สถานการณ์ในภาคใต้ไม่เคยรุนแรงเช่นนี้มาก่อน แต่เพิ่งเกิดในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ นี่เอง เป็นเพราะการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด โดยไปเชื่อตำรวจ อตีต ผบช.ภ.9 และอดีต ผบ.ตร. มากเกินไป จนถึงปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ทหาร พลเรือน ตำรวจ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทั้งไทย พุทธ และมุสลิม ผู้นำทางชุมชน ผู้นำทางศาสนา ทั้งพุทธและอิสลาม ตกเป็นเหยื่อการก่อการร้ายล้มตายและบาดเจ็บเป็นพันคน เหตุการณ์ใน3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาหลักด้านความมั่นคงของประเทศในวันนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ เพียงเล่นบทการตลาดไปวันหนึ่ง แต่ทำท่าจะทิ้งปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปเสียแล้ว โดยไม่ส่งเงินงบประมาณลงไปตามที่คุยไว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ประสบปัญหาไปตามๆกัน มีเงินปฏิบัติการจำกัด เงินเบี้ยเลี้ยงได้รับเมื่อ 3 เดือนผ่านไป งบเสี่ยงภัยของครูถูกตัด ฯลฯ
พ.ต.ท. ทักษิณ ทำลายระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ
หัวใจของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน พ.ศ. 2540 มี 3 ประการ คือ (1) เรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน (2) การมีส่วนร่วมของประชาชน และ (3) ระบบตรวจสอบโดยมี ปปช. เป็นองค์กรหลัก
พ.ต.ท. ทักษิณ มองรัฐธรรมนูญเป็นเพียงวิธีการ เป็นเครื่องมือ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการเมืองของตนเท่านั้น ไม่เคยปรากฏมาในประวัติศาสตร์เลยว่าเสรีภาพของสื่อมวลชนจะถูกจำกัดมากมายภายใต้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งกับรัฐบาลของ พ.ต.ท. ทักษิณ จนเป็นที่ทราบกันทั่วไปในวงการสื่อระหว่างประเทศ

(1) พ.ต.ท. ทักษิณ เห็นถึงบทความและความสำคัญของสื่อที่มีมากขึ้น ดังนั้น จึงต้องหาทางควบคุมสื่อไว้ให้ได้ โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ เริ่มแรกด้วยการเข้าซื้อไอทีวี ส่วนช่อง 3 นั้น ตระกูลมาลีนนท์ ซึ่งร่วมรัฐบาล ได้สัมปทานจากรัฐ เช่นเดียวกับช่อง 7 ที่แม้เอกชนได้รับสัมปทาน แต่ยังอยู่ในการควบคุมดูแลของกองทัพบก ซึ่งเป็นเจ้าของคลื่น ที่เหลือคือ ช่อง 5, 9,11 เป็นของรัฐ 100 เปอร์เซ็นต์ สำหรับทีวีเสรี เช่น ของเครือ เดอะ เนชั่น นั้นยังไม่กล้าไปยุ่ง ส่วน เอเอสทีวี ของเครือผู้จัดการ รัฐใช้วิธีการแทรกแซงส่งคลื่นรบกวน สกัดกั้นการถ่ายทอดของเคเบิลทีวีในรายการที่รัฐบาลไม่ต้องการให้เผยแพร่
รัฐบาลคุมสื่อวิทยุกระจายเสียงได้ทั้งหมดเพราะเป็นคลื่นของรัฐ และพยายามคืบคลานเข้าสู่การควบคุมสื่อหนังสือพิมพ์ โดยให้พรรคพวกใกล้ชิดเช่น เครือแกรมมี่ พยายามเข้าซื้อหุ้นของเครือมติชน บางกอกโพสต์ และพยายามเข้าคุมสื่ออิเลคโทรนิค แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ
รัฐบาลใดก็ตามที่พยายามควบคุมสื่อ ซึ่งเป็นตัวกลางในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน เป็นการทำลายหัวใจหนึ่งของรัฐธรรมนูญฉบับปัจุจบัน

(2) พ.ต.ท. ทักษิณ ทำลายหัวใจของระบอบประชาธิปไตยว่าด้วยการตรวจสอบและถ่วงดุล หรือ Check and Balance นั่นคือ การถ่วงดุลในระบอบประชาธิปไตยในขณะนี้ ตาชั่งเอียงไปทางด้าน พ.ต.ท. ทักษิณ เพราะสามารถคุมเสียงในสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างเด็ดขาด และใฃ้ระบบพวกมากลากไปในการออกกฎหมาย
พ.ต.ท. ทักษิณไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการดำเนินการของรัฐสภาเท่าที่ควร โดยไม่นำพาในการมาชี้แจงต่อรัฐสภา การชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการของรัฐสภา เพราะเชื่อว่าตนคุมเสียงทั้งสองสภาได้หมดแล้ว มาชี้แจงหรือไม่มาชี้แจงไม่มีความหมาย
พ.ต.ท. ทักษิณ ได้ทำลายระบบการตรวจสอบภายใต้รัฐธรรมนูญนี้โดยสิ้นเชิง โดยเข้าแทรกแซงการทำงานของวุฒิสภา ดังที่ ส.ว.บางคนเปิดโปงว่า มีส.ว.จำนวนไม่น้อยรับเงินประจำจากรัฐบาล และรับใบสั่งในการเลือกคณะกรรมการองค์กรอิสระ โดยรัฐบาลได้เข้าไปแทรกแซงและมีอิทธิพลเหนือเสียงส่วนใหญ่ในองค์กรอิสระเพื่อการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการเลือกตั้ง (ก.ก.ต.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ยกเว้นศาลปกครองบที่ยังไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ พ.ต.ท. ทักษิณ สามารถเข้าไปควบคุมกระบวนการตรวจสอบได้ทุกจุด รวมทั้งประธานวุฒิสภา และประธานรัฐสภา ซึ่งจะเป็นคนส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ และใช้กรมสอบ
สนคดีพิเศษ หรือ DSI และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) เป็นเครื่องมือในการทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
พ.ต.ท. ทักษิณ ได้ทำลายหลักการและหัวใจของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยโดยสิ้นเชิง และสร้างระบบ “เผด็จการประชาธิปไตย” หรือ “ธนาธิปไตย” ที่ใช้เงินซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า เป็นการปกครองที่มีเงินเป็นใหญ่ พ.ต.ท. ทักษิณ เชื่อว่าเงินสามารถซื้อได้ทุกอย่าง แต่ไม่ใช่เงินของตนและครอบครัว เป็นเงินที่คอรัปชั่นมา พ.ต.ท. ทักษิณ ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญเพียงเพื่อใช้กระบวนการตามรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือ และวิธีการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการเมืองของตนเท่านั้น

นายกรัฐมนตรีที่ขาดคุณธรรมและจริยธรรม
(1) พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นคนฉลาด เป็นคนเก่ง แต่เป็นคนฉลาดที่ไม่เฉลียวเป็น คนเก่งที่ขาดจริยธรรมและคุณธรรม ซึ่งระบาดไปถึงครอบครัวด้วย ทั้งบุตรชายติดยา โกงการสอบ ใช้วิธีการทุกอย่างที่ทั้งผิดกฎระเบียบ ขาดความชอบธรรม ขาดจริยธรรม ในการที่จะให้บุตรสาวสอบเอ็นเข้ามหาวิทยาลัยได้ ด้วยการให้ข้าราชการขโมยข้อสอบขโมยคำตอบ เปลี่ยนคณะให้บุตรสาวโดยแหกกฎมหาวิทยาลัย น้องสาวใช้วูฒิบัตรปลอมมในการสมัครเรียน มสธ. ทั้งหมดอาจได้สายเลือดมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นคนเก่งแต่ขาดคุณธรรม ขาดจริยธรรม

(2) พ.ต.ท. ทักษิณ พยายามอ้างกฎหมายมาโดยตลอด เพราะมีผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีมาช่วยคิดว่าจะเลี่ยงกฎหมายอย่างไรดี แม้ไม่ผิดกฎหมายอาญา แต่ก็ผิดกฎหมายมหาชนหรือแม้จะถูกกฎหมาย แต่ไม่ถูกตามทำนองคลองธรรม ขัดต่อจริยธรรม คุณธรรม ที่คนเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องมีพฤติกรรมของผู้นำประเทศไม่ใช่เพียงถูกกำกับโดยกฎหมายเท่านั้น แต่ถูกกำกับโดยจริยธรรมและคุณธรรมด้วย การกระทำใดๆนอกจากถูกกฎหมาย ต้องชอบธรรมด้วย

(3) พ.ต.ท. ทักษิน พยายามถ่ายทอดในงานวันเด็ก 5 ปีที่ผ่านมา เน้นแต่ความฉลาด ความรู้อย่างเดียว แต่ไม่เคยพูดถึงคุณธรรมและจริยธรรมเลย จึงไม่น่าแปลกใจหาก พ.ต.ท. ทักษิณ จะเลือกใช้วิธีเลี่ยงภาษีในการขายหุ้นให้เทมาเส็กและใช้วิธีไม่ตรงไปตรงมาในการบริหารราชการแผ่นดินและธุรกิจของตนเอง

(4) การขายหุ้นเทมาเส็กเป็นจุดระเบิดหลังจากที่คนไทยกลุ่มหนึ่งได้ล่วงรู้และสะสมความไม่พอใจ จากพฤติกรรมบริหารประเทศของ พ.ต.ท. ทักษิณ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เหมือนกับเป็นเชื้อเพลิงที่สะสมจนมีคนมาจุดไฟด้วยกรณีเทมาเส็ก
บทสรุป
พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่ได้ปฏิบัติตามที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ที่ว่า “จะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” แต่อย่างใด
ในความเป็นนายกรัฐมนตรี หรือผู้นำของประเทศ พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่มีมิทธิที่จะกระทำการเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับครอบครัว คนใกล้ชิด พรรคพวก พ.ต.ท. ทักษิณ ยังแยกตัวเองไม่ออกระหว่างความเป็นนักธุรกิจที่มุ่งหากำไรให้มากที่สุด โดยไม่คำนึงว่า จะได้มาด้วยวิธีใด ถูกกฎหมาย ถูก
คุณธรรม จริยธรรมหรือไม่ กับการเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งมุ่งประโยชน์สุขของประเทศและของประชาชนเป็นสำคัญ เรื่องนี้ตัดสินใจได้ เมื่อมีการขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ของชาติกับผลประโยชน์ของตระกูล พ.ต.ท. ทักษิณ เลือกเอาผลประโยชน์ของตระกูลมาเป็นอันดับแรก ดังเช่น กรณีขายหุ้นให้กับเทมาเซค เป็นต้น ที่ พ.ต.ท. ทักษิณ เลือกเอกวิธีการไม่เสียภาษีให้รัฐ
ด้วยเหตุนี้ ประชาชนททุกหมู่เหล่า หลากหลายอาชีพและองค์กรภาคประชาชนจากทุกส่วนภาค จึงไม่อาจไว้วางใจให้ พ.ต.ท.ทักษิณ บริหารประเทศนี้อีกต่อไปแม้แต่วันเดียว พ.ต.ท.ทักษิณหมดความชอบธรรม และล้มละลายด้านความเชื่อถือโดยสิ้นเชิง ประชาชนไม่ตต้องการผู้นำที่มีแต่ความกลับกลอก พูดอย่างทำอย่าง คำพูดเชื่อถือไม่ได้ พันธมิตรขอเรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนับแต่วันนี้เป็นต้นไป
ข้อเสนอแนะ
พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีทางเลือกอื่นเหลืออยู่ นอกจากลาออกจากตำแหน่งโดยเร็วที่สุด เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ คือปัญหาของชาติ การยุบสภาเป็นเพียงกลยุทธการฟอกตัวเพื่อซื้อเวลาเท่านั้น แต่ปัญหายังอยู่ หาก พ.ต.ท.ทักษิณยังดึงดันที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภาคประชาชนทุกหมู่เหล่า ถือเป็นภาระหน้าที่และความชอบธรรมที่จะขับไล่ท่านให้พ้นจากตำแหน่งโดยทันทีเพื่อไม่ให้ท่านหลอกลวงประชาชน และไม่ทำให้บ้านเมืองเสียหายอีกต่อไป
ข้อยุติ
พ.ต.ท.ทักษิณ ควรลาออก เพื่ออยู่ในเมืองไทยได้ต่อไป และอาจไม่ถูกยึดทรัพย์ แต่ถ้าถูกขับออก นอกจากไม่มีแผ่นดินไทยอยู่อาศัยแล้ว ยังจะถูกยึดทรัพย์ด้วย

 
http://www.lannaworld.com/cgi/lannaboard/reply_topic.php?id=27029



คุณ 100600 ไปโพสต์ที่ห้องสังคมและการเมืองของเวบประชาไท
จึงนำมาให้พวกเราอ่านที่นี่ด้วย.........
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #1 เมื่อ: 12-08-2007, 19:18 »

ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับกระทู้มั๊ย  แต่มีแฟ้ม  ล้มทักษิณ คาอยู่ในเครื่อง จะลบ ทิ้ง ก็ไม่ได้ทำ ยังคงทิ้งไว้
วันก่อน อ่านบทความเรื่อง  ผี ทักษิณ  ทำเอาต้องมานั่งอ่าน อีก

บ้านเมือง ชิบหาย หมด  เพราะ  ผี ทักษิณ  เลย นั่ง ซื่อบื้อ  อยู่เป็น นาน   

เอามาแจม  ยังต้องไล่ ผี ทักษิณ กันต่อไป

50 เหตุผลที่ต้องไล่ทรราช ทักษิณออกไป          ผู้เขียน : copy

 
1. สี่ปีแรกเอาเงินคลังมาแจกแถมสร้างภาพ สี่ปีหลังยึดสมบัติต้นทุนของชาติเข้าตลาดหุ้นแปรรูปมาเป็นสมบัต ิของพรรคพวกตนที่ถือหุ้น

2. ห้ามประชาชนและสภาคิดอ่านคิดร่วมงานบริหารประเทศ “คิดเองแทนให้ทุกเรื่อง” เพราะเห็นตนเองฉลาดอยู่คนเดียวนอกนี้โง่หมด

3. คนในตระกูลเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริงหาใช่พรรคมหาชนแม้แต่น้อ ย ส.ส.คือลูกจ้างทำตามนายสั่งอย่างเดียว

4. ส.ส.ในสังกัดพรรคกินทั้งเงินเดือนสภาและเงินเดือนหัวหน้าพรรค ถูกครอบงำสิ้น ไม่กล้าพูด สอพลอได้อย่างเดียว เป็นสภาอัปยศที่สุดในประวัติศาสตร์สภาไทย จึงมีกระแสให้ปฏิรูปรัฐธรรมนูญใหม่

5. สร้างภาพไม่ให้ขายบุหรี่เปิดเผย แต่อนุมัติเงิน 18,000 ล้านบาทสร้างโรงงานยาสูบสุดแพงที่เชียงใหม่ นายหน้าที่ดินเครื่องจักรเป็นใคร ?

6. ครอบงำทีวี ทั้ง 6 ช่อง บงการเป็นกระบอกเสียงของตน เสนอข่าวด้านเดียว ใครพูดเรื่องคอร์รัปชั่นโดนปลดรายการ จ้างชมพู่และหน้าจืดคนที่รับใช้เผด็จการทรราชมาทุกยุคทุกสมัย มาดูถูกชาวบ้านทางช่อง 5 และช่อง 9 เหมือนสถานีทีวีเป็นสมบัติส่วนตัวของพวกโกงกันทั้งโคตรหรือไง

7. ผู้นำที่เป็นนักลงทุนข้ามชาติ ย่อมไม่มีความเป็นชาตินิยมได้ เพราะต้องร่วมสมผลประโยชน์ทำธุรกิจกับต่างชาติ เอาผลประโยชน์แผ่นดินมาแลกกับผลประโยชน์ธุรกิจตน

8. แปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ทรัพย์สินมีมูลค่าซ่อนเร้นนับล้านๆบาท จะทำกำไรมหาศาลแก่ผู้ถือหุ้น ได้ของแถมสายนำสัญญาณใยแก้ว 24 เส้นแบนด์วิซสูงบนสายไฟแรงสูงมูลค่าแสนล้านฟรีๆ ที่ประเทศเยอรมันมีผู้ให้บริการมือถือ 6 รายมีรายได้ 1.9 ล้านล้านบาท ที่อังกฤษมีผู้ให้บริการ 5 รายมีรายได้ 1.6 ล้านล้านบาท ถ้าเปรียบเป็นอสังหาริมทรัพย์ กฟผ. ปตท. ก็ไม่ต่างอะไรกับที่ดินย่านสาทร สีสม เป็นการเอาสมบัติต้นทุนของแผ่นดินมาแปรรูปเป็นสมบัตินายทุนหุ้น กำไรที่เคยเข้าคลังกลายเป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่แทนทันที

9. พยายามปลดคุณหญิงตงฉิน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แล้วเอาคนของตนเข้าไปแทน

10. วงศาคณาญาติพวกพ้องยิ่งมั่งคั่ง แต่เงินคลังประเทศถังแตก ต้องกู้เป็นแสนๆล้านจะตามมาอีกหลายงวด

11. กว้านซื้อโรงพยาบาลเอกชนอย่างหนักหลังจากได้อำนาจครบ 4 ปี

12. กว้านซื้อธนาคารและสถาบันการเงินอย่างหนักหลังจากได้อำนาจครบ 4 ปี

13. ข้าวแกง ก๋วยเตียวขึ้นราคาชามละ 5บาท แต่ค่าแรงกรรมกรขยับแค่ 1-6 บาทในเพียง 16 จ. นอกนั้นไม่ขึ้นให้เลย ไหนค่าเล่าเรียนของลูกๆอีกที่เบิกไม่ได้เลย เขาอยู่กันอย่างไรในยามข้าวยากหมากแพงเช่นนี้

14. รัฐวิสาหกิจที่ขาดทุน รัฐบาลไม่สนใจพัฒนาให้ดีขึ้น ไม่แปรรูปปล่อยให้ขาดทุนบักโกรกต่อไป

15. กลิ่นเหม็นสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่าก่อสร้างหนึ่งแสนหกหมื่นล้านบาท

16. กำไรจำหน่ายสลากกินแบ่งเคยเข้าคลังเข้ารัฐ ปัจจุบันไม่เข้าคลังเอาไปแจกจ่ายกันอย่างไรเปิดเผยเสียที

17. เปิดเสรีเต็มประตูทะเลเพราะตนเองก็เป็นนักลงทุนข้ามชาติ เกรงใจบุชแห่งอเมริกาเป็นอย่างยิ่ง ร้านค้าย่อยคนไทยทยอยปิดกิจการ ห้างต่างชาติพากันขนเงินกำไรไหลออกเข้าบริษัทแม่ที่ต่างชาติ เลือดไทยไหลออกทุกวัน

18. กลิ่นเหม็นคอมมิชชั่น เครื่องคอมฯ

19. พยายามผลักดันให้ กชท. ทำหน้าที่แทน กสช. เอื้อผลประโยชน์เครือข่ายการสื่อสารให้ตนเองและพรรคพวก

20. ทำลายองค์กรอิสระจนเป็นง่อย ที่เหลือก็เป็นพวกตน ขาดความสมดุลการตรวจสอบ

21. ประชานิยม แจกแถมจนเงินหมดคงคลังแล้ว มีแต่ตัวเลขลวงชาวบ้านไปวันๆเบี้ยวแม้เงินเสี่ยงภัยของครู 3 จ.ใต้อย่างน่าอดสู

22. อุ้มฆ่าชาวบ้านอย่างหนัก สร้างเงื่อนไขสงคราม บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติอย่างไม่เคยมีมาก่อน

23. ชุมชนง่อยเป็นเปลี้ย รอแต่เงินรัฐบาลโยนมารอบแล้วรอบเล่า ไม่พัฒนาตนเองได้เพราะ ร้าน SME ที่รัฐบาลให้เงินมาได้ปิดกิจการหมดแล้ว แข่งขันกับห้างต่างชาติไม่ได้ นโยบายผลาญงบแผ่นดิน ไม่เคยมีนโยบายให้พึ่งตนเองได้อย่างถาวรสักโครงการ

24. ใช้เวลาเพียง 6 ปี เท่านั้น รัฐวิสาหกิจ การสื่อสาร คมนาคม ดาวเทียม สถาบันการเงิน โรงพยาบาล สินเชื่อ สื่อ อยู่ในกำมือตนสิ้น ขายธุรกิจตนเองไม่จริง แฝงซื้ออยู่ในกองทุนต่างชาติ เพื่อหลบหนีภาษีและหลบลี้ภัยตามยึดไม่ได้ภายหลังหมดอำนาจ

25. รถยนต์แห่งชาติ กาแฟ เครื่องดื่มแห่งชาติ เทคโนโลยีแห่งชาติ อาวุธแห่งชาติ สินค้าแบรนด์เนมไทยไม่มีโอกาสได้เกิด เพราะพวก“นายหน้าทุนต่างชาติ” เข้ามาร่วมบริหารอยู่ในรัฐบาลต้องรักษาผลประโยชน์แห่งตนไว้ก่อน

26. ประเทศไทยยังมีทรัพยากรธรรมชาติอยู่มาก เช่น ภาคอีสานจากการ สำรวจพบว่ามี แร่ทองแดงและโพแทสเซียม สมบูรณ์ที่สุดในโลก ร่างพ.ร.บ.เสียเปรียบให้ต่างชาติเข้าครอบครองในการทำเหมืองดังกล่าว

27. ชาวบ้านรากหญ้ามีแต่หนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ เปิดโครงการให้กู้เงินอีกสถาบันมาล้างหนี้อีกสถาบันยิ่งเสียดอก มากขึ้น คนจนจะไม่มีอีกต่อไป เพราะอดตายกันหมดแล้ว

28. โกงลำไยแห้ง โกงโรงบำบัดน้ำเสียคลองด่านหลายหมื่นล้าน เอาตัวเล็กๆมาเป็นแพะ ตัวใหญ่ลอยนวลเพราะอยู่ใกล้ตัว

29. คาร์ปาร์คสุดอื้อฉาว

30. ทุจริตกล้ายางเงียบฉี่

31. ต่ออายุราชการให้น้องเขยครั้งแล้วครั้งเล่าอีกแล้วครับท่าน

32. ให้ฝรั่งมังค่าเข้ามาประมูลประเทศถึงทำเนียบโดยสภาพัฒน์และนายค ลังยังไม่รู้นโยบายประเทศของตนเองเลยว่า “มีแบบนี้ด้วยเหรอ” แต่ไม่มีโครงการที่จะเอาฝรั่งที่ชำนาญการปราบคอรัปชั่นเข้ามาด้ วย เพราะตอนนี้ประชาระทมโดนโกงกันจนคลัง “ถังแตก” แล้วครับ

33. คอมมิชชั่นเครื่องบิน SU-30 MK กำลังจะเข้าปาก*** พวกกัลยาณมิตรกลับใจไม่น่ามาขวางเลย

34. ที่แท้พรรคพวกได้ผลประโยชน์ข้างเคียงก่อสร้างไนท์ซาฟารี

35. บ้าอำนาจหนักชกหน้าคนไปออกรายการ ถึงลูกถึงคน ที่ห้องส่งเพราะแฉผลประโยชน์ไนท์ซาฟารี

36. ให้คนแกล้งหมอพรทิพย์เพราะต้องการเอาคนของตัวเองเข้าไปแทน

37. เอาวัตถุทั้งรถและบ้านมายั่วแจกให้แท็กซี่ไปฟังตนปราศรัย แล้วยังมีหน้าพูดจายั่วยุคนที่คิดเห็นต่างตนว่ารับจ้าง

38. เหยื่อสึนามิ ไม่ได้รับการช่วยเหลือทั่วถึงแต่อย่างใด สื่อรัฐเสนอแต่ส่วนที่ช่วยแล้วได้ออกทีวี ปกปิดข้อเท็จจริง

39. ห้ามทีวีออกรายการช่วยน้ำท่วมภาคใต้ แบ่งแยกดินแดนชัดๆ

40. เซ็นสัญญา FTA โดยไทยเสียเปรียบมาก ไทยขาดการวิจัยและผลิตยา 20 กว่าชนิดเป็นเวลา 25 ปี และไม่ให้ปลูกข้าวหอมมะลิสองสายพันธุ์ ต่างชาติอ้างถือสิทธิบัตร รวมถึงการเกษตรให้เสรีนำเข้าตีภาคผลิตของคนไทย ดูถูกคนไทยและบังอาจกล่าวว่า ผู้แทนในสภาไม่มีความรู้เรื่องนื้ !

41. คนผีๆ ทรยศได้กับทุกคนที่เคยเป็นกัลยาณมิตร ปัจจุบันเลี้ยงสมุนด้วยเงินแต่ไม่มีใครจริงใจด้วยสักคน

42. ทำลายความเชื่อถือความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อ ข้าราชการ, เจ้าหน้าที่รัฐ บ้าอำนาจใช้พระเดชปกครอง ขู่เข็ญข้าราชการให้รับใช้สอพลอตนถ้าแสดงออกได้ดีจะได้รับตำแหน ่งข้ามหัวเพื่อน เช่นขึ้นไปผลักครูบนเวทีขอนแก่น

43. ผู้นำและครม. หลายคนขับรถจักรยานยนต์ในอำเภออาจสามารถที่หมอดูสั่งให้ไปนอนให ้ครบ 4 คืน มิฉะนั้นจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ทำผิดกฎหมายไม่ใส่หมวกกันน๊อค ซ้อนท้าย 3 คนไม่เปิดไฟไม่มีใบอนุญาตขับขี่

44. กริ้วโกรธ คนจัดรายการทีวี. ที่วิพากษ์รัฐบาลแค่เอาเสียงตนออกอากาศ กำลังจะหาทางปลดเหมือนปลดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์....ทีวีทั้ง 6 ช่อง พวกโกงกันทั้งโคตรเป็นเจ้าของหรือ? มันคิดว่าทรัพย์สาธารณะ สภา ทำเนียบของประชาชนเป็นสมบัติของบริษัทมันทั้งสิ้น....มันบ้าหนักแล้วครับ

45. ยุทธ ตู้เย็น ขี้ขลาดตาขาว ยิงตายายเกือบตายถ้าไม่ถูกตู้เย็นพรุนเสียก่อน วันนี้มันจ้างคนงานชั่วคราวป่าไม้มาก่อกวนการเสวนาตามระบอบประช าธิปไตยถึงสวนลุม แล้วไม่กล้ารับ อย่างนี้แล้วมันจะโกงกันขนาดไหน

46. ไปสิงคโปร์ 4 วันเพื่อบรรลุข้อตกลงให้ต่างชาติซื้อหุ้นได้เงินเกือบแสนล้าน แท้จริงเป็นการโยกหุ้นไปอยู่ในกองทุนต่างชาติเพื่อหลบหนีภาษีแล ะป้องกันการถูกยึดในภายหลังหมดอำนาจ แอบตั้งบริษัทที่ไม่รักชาติ เพื่อซุกซ่อนสมบัติ เลี่ยงภาษีที่เกาะหมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น

47. ส่งรายชื่อคนของตนเองขึ้นไปทั้ง สตง.และ ปปช. แต่ถูกตีกลับแล้วยังไม่รู้ตัวว่ากระทำมิควร ไม่ยอมลาออกแสดงสปิริตแม้แต่คนเดียว

48. มีจิตใจอาฆาตต่อราษฎรและไร้เมตตาธรรมต่อผู้ที่คิดเห็นต่างตน แม้ 19 ล้านเสียงก็ขว้างจานคืนให้แล้วยังมีหน้ามาอ้างอีก

49. คุกคาม แทรกแซงสื่อทุกรูปแบบ กระทำผิดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน เช่นให้ตัดสายเคเบิ้ลของสื่อที่คิดต่างตน

50.ศักดิ์ศรีประเทศไทยอยู่ตรงไหน ต่อการขายสมบัติของแผ่นดินไปให้ต่างชาติแถมกำไรเข้ากระเป๋านักก ารเมือง เขาซื้อเราขาย หนังคนละเรื่องกันเลย.
copy


1 แก้ พรบ. สรรพสามิตโทรคมนาคม ได้ 8,000 ล้าน เข้าบริษัทตัวเอง (ชินคอร์ปฯ)

2 ลดสัมปทานไอทีวี ก็ได้ 20,000 ล้าน เข้าบริษัทตัวเอง

3 ตั้ง ธรรมรักษ์ฯ เป็น รมว. กลาโหม ก็ได้พรรคพวกตนเอง ( ทรท.) คุมทหาร

4 ตั้ง เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็น รอง ผบ.ตร. ก็ได้พี่เขยตนเองคุมตํารวจ

5 จัดตั้งสายการบินต้นทุนตํ่าระหว่าง ชินคอร์ป กับบริษัทมาเลเซีย (แอร์เอเชีย) โดยใช้ช่อง
โหว่ในกฏหมายเข่นฆ่าธุรกิจการบินของไทย (การบินไทย) ไม่สนว่าเงินจะไหลออกนอกประเทศ ขอ
ให้เข้ากระเป๋าตัวเองเป็นพอ

6 กล่าวคำพูดท้าทายพวกก่อการร้ายในภาคใต้ว่า เป็นแค่โจรกระจอกอย่าไปใส่ใจ
ทำให้เกิดความรุนแรงคนตายมากมาย และยังหลุดปากด่าทหารว่าสมควรตาย

7 ปิดข่าวเรื่องไข้หวัดนก ทําให้ชาวบ้านที่ไม่ทราบต้องตาย ไปหลายราย และฟาร์มต้องปิดไปหลายแห่ง

8 ทำให้เกิดการฆ่าตัดตอนประชาชนผู้บริสุทธิ์ กว่า 2,000 คนจากการปราบยาบ้า
แต่ตอนนี้ก้อชักเป็นไฟไหม้ฟางซะแล้วสิ…ราคาคุยเหมือนเดิม

9 ประชาชนเสียรู้ทักษิณ เรียนฟรี 12 ปี นโยบายรัฐที่เปิดช่องให้โรงเรียนนำ
ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นมาเพิ่มแทนค่าเทอมนั่นแหละ สุดท้ายก๊อไม่ได้เรียนฟรีอยู่
ดี เป็นความล้มเหลวที่เห็นได้ชัดเจนของการปฏิรูปการศึกษาไทย ประชาชนจะถูก
หลอกอีก 4 ปี เป็นความจริงที่สุดเลย นี่คือการโกหกที่ยิ่งใหญ่ ที่สุดเท่าที่
เคยเห็นมาในโลกนี้ ซึ่งหาดูไม่ได้ที่ไหนนอกจากประเทศไทยที่กฎหมายบอกว่า
เรียนฟรี แต่ความจริงมีใคร
บ้างที่เรียนฟรี ถามผู้ปกครองทุกคนดูได้เลย

10 ชั่วเวลาแค่ปีเศษรัฐบาลชุดนี้ก็ทำให้สถานการณ์ภาคใต้ที่ร่มเย็นเป็น
สุขมานานหลายสิบปี กลับร้อนระอุกลายเป็นแดนมิคสัญญี (กรณีตากใบ และ กรือเซะ )

11 เช่าน่านฟ้า เช่าผืนแผ่นดินไทย ราคาเช่าช่างถูกจังมีอะไรแอบแฝงรึเปล่า
ตนเองน่าจะรู้ดี ไหนบอกว่าแผ่นดินไทยจะไม่ให้หายแม้แต่ตารางนิ้วเดียวไง ใช้
อำนาจจนเลยเถิดไม่เห็นด้วยคิดไง นายก ที่ให้เช่า 15 ปี แถมมีเปลียนสัญญา
ได้ ทุกๆ 5 ปี เหมือนทำ ธุรกิจเลยอ่า ขอเชิญชาวไทยเรียกร้องอธิปไตยชาติไทย
กลับมาด้วยขอให้มี สส. สว. ที่ยังพอมีความเป็นไทย ทีมิใช่มีความเป็น ทรท.
ช่วยกันคัดค้านล่ารายชื่อด้วยครับผมว่ามันเกี่ยวกันหมดแหละครับ ตั้งแต่ AIS
(มือถือ) ไทยคม1
ไทยคม2 / IPstar ชินคอร์ป ธนาคาร ธุรกิจการเมืองอยู่ในมือสิงคโปร์ทั้งหมด
แล้วครับ ชัดเจน มีผลประโยชน์ทับซ้อนแหงไม่งั้นไม่งุบงิบกันทำหรอก

12 เอาเงินประชาชน 4,000 ล้านให้พม่ากู้ จะได้คืนหรือไม่ยังไม่แน่ แต่ที่
แน่ๆ บริษัททักษิณได้งานใหญ่มาทำ เอาเงินใส่กระเป๋าสบายเลย ชัดเจนแบบนี้
ยังหน้าโง่ ตาบอดกษิณ ยังว่าทักษิณเป็นเทวดาอยู่เหรอ

13 ทักษิณด่าว่าคนอื่นเขาโง่กันหมด ตามไม่ทันตน และเรียกนักวิชาการและคนที่ไม่เห็นด้วยกับตนว่า พวกขาประจำ

14 เป็นนายกได้ เพราะศาลาล รธน. มีมติฉิวเฉียด 7 ต่อ 6 ( เงินเข้ามาเกี่ยวอีกครั้ง
คดีซุกหุ้นไง รอดเพราะซื้อตุลาการ (ตามคำให้การของจุมพล ณ สงขลา และแถลการณ์ของประเสริฐ นาสกุล)

15 ทักษิณ สั่ง กกต. (วาสนา) เด็กผมเอง สั่งอะไรไม่เคยขัดผมเพิ่งเซ็นอนุมัติงบ
ให้ทางกกต.ที่ขอมา ...... จะกล้าขัดใจผมได้งัย กกต.เลยปล่อยให้ ทรท.โกงแบบสบายๆๆ

16 ทักษิณ สั่ง รมต. กลางวง ครม. บีบลดค่าเช่าพื้นที่ย่านสยามสแควร์ เปิด
ทางลูก (โอ๊ค) - หลานเปิด สตูดิโอ – ร้านกาแฟทำมาค้าคล่อง อ้างค่าเช่าแพงเกินจริง

17 บ. ของลูกทักสินได้เงินกู้ 5 พันล้านจาก ไอเอฟซีที ฟรีดอกเบี้ยไม่กำหนดเวลาชำระ
คืนอีกต่างหาก แถม ได้รับการเว้นภาษีจากบีโอไออีก ทำสวนสนุกได้รับการเว้น
ภาษีจะบ้าตาย ได้รับสัมปาทานสื่อโฆษณาที่รถไฟใต้ดินโดยที่ไม่ได้รับการเปิด
ประมูลเพื่อ แข่งขันกับ บ.อื่น คนไทยทั้งหลายอ่านดู แล้วคิดตามนะว่าจริง ไหม

18 เรื่องกำจัดความยากจนด้วยการสนับสนุนให้คนเป็นหนี้น่ะเหรอ….....ใช่สิ
ประเทศไทยจะไม่มีคนจนแล้ว จะมีแต่คนเป็นหนี้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดแทน (แคปปิตอล โอเค) ไง

19 ผลงานชิ้นโบว์แดง แปรรูป ปตท. กับ กฟฝ. ไง กำลังจะได้เห็นผลงานกันชัด
เร็ว ๆ นี้แล้วด้วย ค่าไฟกำลังจะขึ้นๆๆ ชาวบ้านเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ราคา
น้ำมันโลกพุ่งสูงขึ้น ปตท. ได้กำไร 8,000 ล้านบาท แทนที่เงินนั้นจะเป็นเงิน
ของประเทศ ก้อกลับไปเข้ากระเป๋าของพวกผู้ถือหุ้น (นอมินี) ซึ่งส่วนใหญ่ก้อคือพวกพ้อง
มันนั่นแหละ (จึงรุ่งเรืองกิจ และ บรรดา สส.ทรท. และชินวัตร)

20 ทุจริตเครื่อง ctx 9000 หลายร้อยล้านบาท และเรื่องเน่าๆ ในสนามบินสุวรรณภูมิอีกหลายเรื่อง เช่น คดีคาร์ปาร์ค 300 ล้าน
โดย น้องสาวแท้ๆ ของ นายเหลี่ยมจัด ที่มีเอี่ยวเรียกรับเปอร์เซนต์ / กรณีผ้าใบหลังคาสนามบินก็มีการทุจริต รันเวย์ก็ร้าว
ก่อนกำหนด ขนาดชื่อสนามบิน คือ สุวรรณภูมิ เป็นชื่อพระราชทาน พวกมันยังโกงกันได้มโหฬารขนาดนี้ แล้วเรื่องขายสมบัติชาติ
คงเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคนพวกนี้ไปเสียแล้ว

21 ผลงานล่าสุด ขายหุ้นชินคอร์ป ได้เงิน 73000 ล้านบาท ไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียว โดยอ้าง
แบบน้ำขุ่นๆ ว่า ใครทำอย่างนี้ก็ไม่ต้องเสียภาษีเหมือนกันแหละ หารู้ไม่ว่ามีขั้นตอนการซุกหุ้น และยักย้าย
ถ่ายเทหุ้น ให้ลูกชาย ลูกสาว โดยไปจดทะเบียนบริษัทที่ไม่มีตัวตน ไว้ที่หมู่เกาะแห่งการฟอกเงินของโลก
ที่เรียกว่า หมู่เกาะ บริติชเวอร์จิ้น พฤติกรรมหลีกเลี่ยงภาษี และพฤติกรรมต่างๆ เช่นนี้ สมควรแล้วหรือที่จะมาเป็นนายกฯ
และจะมาบริหารประเทศไทยต่อไป
22  โกงที่ดินรัชดา

**** ช่วยกันเผยแพร่นะ เพื่อนมีกี่คนส่งเมล์ไปให้ครบ ก่อนที่บ้านเมืองเราจะไม่เหลืออะไร เพราะคนกินเมือง ขายชาติ พวกนี้ ******
ทหารบกรักชาติ
มาย้อนรอย ดูผลงานที่ อัปยศ และบัดสี ของทักสินฯ ***********


รายชื่อพวกทรราช    
      ผู้เขียน : copy

 
ที่พวกเราต้องจารึกว่าพวกมันชั่ว โกงชาติ ถึงตระกูลลูกหลานมันสืบต่อไป
ทั้งโคตรเหง้าชินวัตร และดามาพงศ์,     สมัคร สุนทรเวช,       สุดารัตน์ เกยุราพันธ์
ยงยุทธ ติยะไพรัช,      เยาวภา-สมชาย วงศ์สวัสดิ์,       พงศ์เทพ เทพกาญจนา,
จักรภพ เพ็ญแข,          ศิธา ทิวารี,                    วาสนา เพิ่มลาภ,       ปริญญา นาคฉัตรีย์,
วีระชัย แนวบุญเนียร,    เนวิน ชิดชอบ,               พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช,           เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช,
ชิดชัย วรรณสถิตย์,        คงศักดิ์ วันทนา,            สุวัจน์ ลิปตพัลลภ,                สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ,
สมศักดิ์ เทพสุทิน,          สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี,        พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ,
พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล,                สุรนันท์ เวชชาชีวะ,                สมคิด จาตุศรีพิทักษ์,
ภูมิธรรม เวชยชัย,                      สุรเกียรติ เสถียรไทย,                  กัณตธีร์ ศุภมงคล,
พินิจ จารุสมบัติ,      โภคิน พลกุล               สุชน ชาลืเครือ            ธรรมรัตน์ อิสรางกูร ณ อยุธยา
จตุพร พรหมพันธุ์            สมชาย สุนทรวัฒน์                            ประชา มาลีนนท์ ถุงเงินของพรรค
ตระกูล ซี พี เพื่อแลกกับผลประโยชน์ของตนในจีน,
สุชาติ ตันเจริญ,         สนธยา คุณปลื้ม,                       สรอรรถ กลิ่นประทุม,
วราเทพ รัตนากร                    น.ส.ศันสนีย์ นาคพงษ์,                 เฉลิมชัย มหากิจศิริ,
ดนุพร ปุณณกันต์,               แซม ยุรนันท์
พันศักดิ์ วิญญรัตน์ เบื้องหลังการผลิตจดหมายอื้อฉาวฉบับเจ้าปัญหาของ ลูกเหลี่ยมถึงพ่อบุช
นายสาโรช คัชมาตย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ พอใจความสำเร็จในการจัดงาน รวมใจทุกศาสนา พัฒนาท้องถิ่นถวายองค์ราชาครองราชย์ 60 ปี ที่วัดพระธรรมกาย
สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล แกนนำชมรมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ,
ชูพงษ์ ถี่ถ้วน กลุ่มแนวร่วมพรรคคอมมิวนิสต์,
ชินวัตร บุญชาติ แกนนำชมรมแท็กซี่และมอเตอร์ไซต์รับจ้าง,
คำตา แคนบุญจันทร์ กลุ่มคาราวานคนจน,
สะอิ้ง ไถวสินธุ์ ผู้นำชาวนาหญิงจากร้อยเอ็ด (อีอิ้งนี้แหละที่ได้กะบะป้ายแดงเป็นรางวัลความชั่วของมัน)
อรรถฤทธิ์ สิงห์ลอ แกนนำเกษตรกร เป็นผู้คุมม็อบ ถือถุงเงิน และควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้ในการเดินทาง,
ชูชีพ ชีวสุทธิ ประธานชมรมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ

รายชื่อทหาร ในระบอบทุนสามานต์พจมารทักษิณ... อันเทิดทูนทักษิณเป็นท่านผู้นำ(แบบท่านฟูเร่อของนาซีเยอรมัน)
1 พล.อ.พรชัย กรานเลิศ ผช.ผบ.ทบ
2 พล.ท.จิรสิทธิ์ เกษะโกมล แม่ทัพน้อยที่ 1
3 พล.ต.พฤณท์ สุวรรณทัต ผบ.พล.1 รอ.
4 พล.ต.ศานิต พรหมาศ ผบ.พล.ม.2 รอ.
5 พล.ต.เรืองศักดิ์ ทองดี ผบ.พล.ปตอ.
6 พล.ต.ทวนชัย พันธุ์เพิ่มศิริ
7 พ.ท.โฆษิต ชินวลัญช์ ผบ.ม.พัน.4 รอ.(ตท.23) ซึ่งคุมรถถังหลักใน กทม.ถูกย้ายไปเป็น เสธ.จทบ.สระบุรี
8พ.ท.เวชศักดิ์ ขันธ์อุบล ผบ.ร.1 พัน.1 รอ.(ตท.25) เป็น หน.ฝ่ายข่าว มทบ.13 (ลพบุรี)
9 พ.ท.อนุภาพ ศิริมณฑล ผบ.ร.1 พัน.3 รอ.(ตท.26) ที่ถูกส่งไปราชการที่ 3 จังหวัดชายแดน ถูกย้ายเป็น ฝสธ.ประจำผู้บังคับบัญชา
10 พ.ท.วิรัฎฐ์ วงษ์จันทร์ ผบ.ร.11 พัน.2 รอ.(ตท.23) เป็น นายทหารจเร ทภ.1
11 พ.ต.นิรินธน์ ปุณโณทก รองผบ.ร.1 พัน.1 รอ.(ตท.2 เป็น รองเสธ.ร.11 รอ.
12 พลตรี มนัส เปาริก รองแม่ทัพภาคที่ ๓(คาดว่าจะเป็นคนที่ มท.ภ๓ ว่าเป็นทหารเลว)

^^^^^ขอเพิ่มเติม..๑ พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรทัต ...เสธ.ทอ------ที่ออกมาบอกว่า...ไอ้เหลี่ยมคือ"สุภาพบุรุษ"คดีอื้อฉาวซี-๑๓๐
--------------------๒.พล.อ. ไตรรงค์ อินทรทัต และ ทหารในตระกูล"มาเฟีย"นี้ทั้งหมดซึ่งอยู่
......................................ภายใต้อาณัติของพล.อ.ธรรมรักษ์ (ไอ้อ้วนๆดำๆ)
พล.ต.ทวนชัย พันธุ์เพิ่มศิริ รองเจ้ากรมการทหารช่าง แกนนำ ตท.10
พล.ร.ท นิพนธ์ จักษุดุลย์ เสธ.ทร. ประธาน บดท.(เดินเรือขนส่ง)คดีงาบงบหลวง ๑๐๐ ล้าน + ผลประโยชน์
ร่วมกับ"สหายใหญ่-ไอ้อ้วนภูมิธรรม"
พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผอ.ข่าวกรอง / อดีต ผบ.ตร.สันติบาล .....สามพรานรุ่น ๒๖ --อดีตคดีวางระเบิด
ห้องทำงาน พล.ต.อ.เสรี(สมัยเป็นผู้การฯกองปราบ)...ร่วมวางแผนถล่ม...เสรี...ภายใต้อิทธพล พล.ต.อ.บุญชู วังกานนท์

โปรดจำชื่อพวกนี้ไว้ และตราไว้แผ่นดินว่าพวกมันทรยศต่อชาติบ้านเมือง และพระมหากษัตริย์
หากเพื่อนฝูงมีรายชื่ออื่นอีก ช่วยกันโพสเข้ามานะครับ เราจะได้รู้ว่าม้าตัวไหนเป็นของจ๊อกกี้
ช่วยเรียงให้คับและเพิ่มเติม
ช่วยกันจดช่วยกันจำช่วยกันเติมเพื่อป้องกันตัวเอาเองและชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
เกลียดมัน



บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #2 เมื่อ: 12-08-2007, 19:53 »

อันนี้เป็น fwm  ที่ยังคาอยู่ในเครื่อง  เอามาทบทวนความจำ

  เผื่อ ต้อง ไล่  ผี ทักษิณ  กันอีก


เมื่อสิ่งที่โพนทะนาย้อนสู่ทรราชทักษิณ

ความพยายามเปลี่ยนแปลงการปกครองสยามประเทศจากประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของทรราชทักษิณไปสู่ระบอบอื่น นั้นเกิดจากความหยาบ ความถ่*** ในความเชื่อและการรับรู้ ซึ่งถูกขับด้วยลาภคติ โทสคติ และโมหคติ จากสิ่งต่างๆดังนี้

ป ร ะ ก า ร แ ร ก ทรราชทักษิณกับพวกสายคอมมิวนิสต์คงเข้าใจว่าจะอาศัยเพียงช่องโหว่รัฐธรรมนูญเป็นทางเดินไปสู่เป้าหมายของพวกมันได้ แต่ทรราชทักษิณกับสมุนหารู้ไม่ว่าสยามประเทศมีความเป็นมาเป็นไปที่ยาวนาน ดำรงความเป็นอิสระ และมีการปกครองโดยพระมหากษัตริย์มาตลอด และแม้กระทั่งในยุคปัจจุบัน รัฐธรรมนูญจะถูกฉีกครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สยามประเทศต้องคงอยู่ด้วยหลักกฎหมายจารีตประเพณี โดยเฉพาะกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคง ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย

ดังนั้น สยามประเทศจึงถูกแวดล้อมด้วยจารีตประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการดำรงไว้ซึ่งสถาบันกษัตริย์มาตลอด ไม่ว่าประเทศจะอนุวรรตไปตามสากล แต่ก็จะมีคุณลักษณะเฉพาะของการสืบทอดสันตติวงษ์ของราชวงศ์ต่างๆไม่ว่าจะได้มาโดยวิธีใดก็ตาม ประเทศชาติหรือรัฐอันประกอบด้วยประชาชนและผืนแผ่นดิน (อันหมายรวมถึงทรัพยากรธรรมชาติทั้งหลายนั้น) จะต้องดำรงคงอยู่ด้วยจิตวิญญาณที่มีพระมหากษัตริย์เป็นที่รวมภาวะแห่งรัฐ ไม่ว่าประเทศจะมีรูปแบบการปกครองเช่นใด ไม่ว่าจะอ้างความเป็นประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใดๆ ก็ตาม

และสิ่งที่ประเทศอื่นไม่มี ก็คือ "พระราชอำนาจ" ที่พระมหากษัตริย์ทรงมีอยู่ไม่ว่าจะปรากฏในกฎหมายระดับใด หรือจะปรากฏตามจารีตประเพณีก็ตาม

ป ร ะ ก า ร ที่ ส อ ง ทรราชทักษิณคิดว่าเมื่อสามารถใช้เงินกรุยทางผ่านกระบวนการเข้าสู่อำนาจ ด้วยความสามารถครอบงำคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว การใช้อำนาจรัฐในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารแล้วจะสามารถแสดงความอหังการ์ใหญ่คับฟ้า และสามารถพลิกฟ้า พลิกแผ่นดินได้นั้นผิดถนัด เพราะอำนาจอธิปไตยของรัฐหรือสยามประเทศนั้นได้รับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ผู้ทรงคุณ และไม่ใช่มีเพียงเฉพาะอำนาจฝ่ายบริหารเท่านั้น หากแต่ยังมีอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ และอำนาจฝ่ายตุลาการ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมิได้ยิ่งหย่อนกว่ากัน สุดแท้แต่จังหวะเวลาในการแสดงบทบาท

ป ร ะ ก า ร ที่ ส า ม การใช้เงินเป็นปัจจัยครอบงำผู้ใช้อำนาจอธิปไตยส่วนที่เหลือ อันหมายถึงฝ่ายนิติบัญญัติ (สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา) และฝ่ายตุลาการ โดยเฉพาะตัวบุคลากรฝ่ายตุลาการในทุกระดับ ตลอดจนปิดปากสื่อมวลชน เพื่อเปิดทางสะดวกต่อการสะสมทุนทรราชด้วยการกินชาติ โกงเมือง และผ่องถ่ายทรัพย์สมบัติชาติให้ตกอยู่กับทรราชทักษิณ หรือต่างชาติผู้สมรู้ร่วมคิดนั้น เป็นความคิดที่ตื้นเกินไป เพราะบุคลากรชาติส่วนหนึ่งจะไม่ยอมตกอยู่ใต้อำนาจเงินอย่างไร้สติและสูญเสียคุณธรรม โดยเฉพาะที่อยู่ฝ่ายตุลาการที่ถือหลักความถูกต้องเป็นธง

ป ร ะ ก า ร ที่ สี่ การใช้เงินหว่านเหล่ารากหญ้าด้วยวิธีการแบบเดิมๆราวกับว่าหมดสติปัญญาที่จะหลอกล่อหรือจูงจมูกเยี่ยงวัวเยี่ยงกระบือนั้น ภาวะของการเป็นคนจะกระตุ้นสำนึกของพวกเขาเมื่อถูกปฏิบัติเยี่ยงสัตว์ทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปฏิกิริยาต่อต้านก็จะเกิดขึ้น เพราะพวกรากหญ้าเหล่านั้นเป็น "คน" มิใช่ "สัตว์" อย่างที่พวกคอมมิวนิสต์หลงคิดอยากให้เป็นไปเยี่ยงวัตถุ

ดังนั้น การออกมา ตีโพย ตีพาย ของทรราชทักษิณ ราวกับว่าไม่อาจใช้ "ร ะ บ อ บ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย จ อ ม ป ล อ ม" เป็นเครื่องมือในการจะกระทำการตามใจอยาก โดยไม่ได้รู้ถึง "ส ถ า น ะ ข อ ง ต น" ว่าอยู่ในจุดใดของสยามประเทศ ดังได้กล่าวแล้วข้างต้น ถึงขนาดต้องไปโพนทะนา ขยายความในประเทศให้ประเทศอื่นได้รับรู้ตามแนวที่ทรราชต้องการให้รับรู้นั้นดูสะเหร่อเกินกว่าจะคิด เพราะไม่เฉพาะแต่เพียงเป็นการประจานตนเองแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงการขาดวุฒิภาวะอย่างแรงของทรราชทักษิณ อันเป็นการตบหน้าตนเองอย่างแรง อีกทั้งเป็นการดูถูกการรับรู้ข่าวสารข้อมูลของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาอีกด้วย จะเป็นหลักฐานอันสำคัญที่ทรราชทักษิณจะประสบในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบฐานะหรือที่มาทางการเงินของทรราชทักษิณและสมุน ด้วยความร่วมมือภายใต้สนธิสัญญาการต่อต้านการคอร์รัปชั่น (UN Convention Against Corruption) ที่มีองค์การสหประชาชาติและชาติมหาอำนาจเป็นตัวจักรสำคัญ

ประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างสหรัฐอเมริกานั้นมีความเป็นมาเป็นไปที่เจ็บปวดและยาวนาน และผ่านการบ่มเพาะ การปรับระบบให้เข้าที่เพื่อให้มีการถ่วงดุลแห่งอำนาจ ที่อาจกล่าวได้ว่าได้สร้างวุฒิภาวะหรือมีจิตวิญญาณตามแบบฉบับของสหรัฐอเมริกาที่เกิดจากการรวมตัวกันของความหลากหลายของชนชาตินั้น จะไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะคิดว่าการครอบงำอำนาจฝ่ายอื่นก็ดี การคอร์รัปชั่นก็ดี และการปฏิบัติขัดต่อสิทธิมนุษยชน ตลอดจนการปิดกั้นการแสดงออกอย่างเสรีของสื่อมวลชนก็ดีของทรราชทักษิณกับพวก จะมีน้ำหนักพอที่จะกล่าวอ้างถึงความต้องการรักษาความเป็นประชาธิปไตยจอมปลอม ที่กระบวนการการเข้าสู่อำนาจและการตรวจสอบการใช้อำนาจต้องถูกทำให้ต้องพิกลพิการไปจากการกระทำของทรราชทักษิณกับพวก!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯและเจ้าหน้าที่สถานทูตย่อมตระหนักดีถึงเหตุการณ์ในประเทศและความเป็นมาเป็นไปในการกระทำของทรราชทักษิณ โดยเฉพาะที่มีความเชื่อมโยงกับสมุนสายคอมมิวนิสต์ อันเป็นปฏิปักษ์กับแบบแผนการปกครองระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว

จึงไม่ต้องให้นักวิชาการขายตัวทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่าง "วรเจตน์" และ "ธงชัย" มาคอยปั่นหัว ชี้นำอย่างเข้ารกเข้าพง ว่าจะเดินแต้มอย่างไรที่จะต่อสู้กับพระราชอำนาจ รวมทั้งการโพนทนากับต่างประเทศอย่างอัปลักษณ์เยี่ยงนี้ด้วยแล้ว นับตั้งแต่ที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้และแสดงออกต่อฝ่ายตุลาการเพื่อรักษาระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ในวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๔๙ ได้ส่งผลให้ทรราชทักษิณแทบจะหงายตึงเพราะเงินที่หว่านไปจำนวนมากกับรกหญ้าและพรรคเล็กที่เป็นตัวแทนการสร้างฉากการเลือกตั้งตามกติกา มีอันต้องละลายหายไปกับน้ำจากโมฆะกรรมของการได้เสียงเข้ามาในสภาผู้แทนราษฎรจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ ๒ เมษายน

ประกอบกับภาวะกรรมของทรราชทักษิณที่ต้องประสบกับคลื่นแห่งความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์พระองค์นี้ ประกอบกับความสั่นคลอนจากการดำเนินงานของฝ่ายตุลาการจนกระทั่งแม้แต่พรรคการเมืองของทรราชทักษิณก็จะต้องมีอันเป็นไป ได้สร้างความแค้นเคืองแก่ทรราชทักษิณมาเป็นลำดับ

...... โดยเฉพาะความเหิมเกริมของมันในงานพระราชพิธีที่พระองค์ทรงยอมให้ด้วยพระเมตตาหลายต่อหลายครั้ง จนทรงสุดจะทน ..... ได้สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจแก่ทรราชอย่างบาดลึก .......

บอกได้ขณะนี้ว่าทหารรุ่น ๑๐ ก็ดี หรือทหารที่ถูกซื้อให้เป็นพวกเพื่อการก่อการก็ดี อย่าบังอาจที่จะประจัญกับทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะกับพลังประชาชนฝ่ายธรรมะ มิเช่นนั้นแล้ว ก็คงจะได้ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งในรายชื่อพวกกบฏต่อราชบัลลังก์ ที่จะได้รับโทษสถานเดียวคือ " ต า ย ! "

กล่าวได้อย่างเดียวว่า ขณะนี้ถึงจุดจบของทรราชทักษิณกับพวกแล้ว และไม่ใช่แต่เพียงไม่มีแผ่นดินจะอยู่เท่านั้น ทรัพย์สมบัติทั้งหลายประดามีก็มีอันต้องมลายสูญอีกด้วย โดยเฉพาะประวัติโคตรเง่าของทรราชทักษิณกับสมุนก็จะถูกก่นด่าให้เป็นประวัติศาสตร์ถึงเหตุการณ์บ้านเมืองในยุคซาตานครองเมือง !!!

           

บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #3 เมื่อ: 12-08-2007, 21:07 »

ลุงปุ ครับ......ผมว่า คุณแสนหก เป็นคนไม่ค่อยขยัน เท่าไหร่ น๊ะครับ ........เพราะ ดูเหมือนขาดหาย ไป อีก 3 หน้ากระดาษ เอ 4 ครับ...

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #4 เมื่อ: 12-08-2007, 21:48 »

ลุงปุ ครับ......ผมว่า คุณแสนหก เป็นคนไม่ค่อยขยัน เท่าไหร่ น๊ะครับ ........เพราะ ดูเหมือนขาดหาย ไป อีก 3 หน้ากระดาษ เอ 4 ครับ...

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




คุณ100600 ไม่ได้เขียนเองหรอกครับ คัดลอกมาจากลิงค์นี้ครับ
http://www.lannaworld.com/cgi/lannaboard/reply_topic.php?id=27029
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ป๋าเจ้าเก่า
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 272


ถึงไม่เห็นด้วยสักนิด แต่ผมจะแลกชีวิตให้คุณได้พูด


« ตอบ #5 เมื่อ: 12-08-2007, 21:58 »

ไหนๆก็วิเคราะห์ผลงานทักษิณแล้ว ช่วยวิเคราะห์รัฐบาลสุรยุทธ์ให้ดูเป็นบุญตาด้วยนะครับ กราบขอบพระคุณล่วงหน้า
บันทึกการเข้า

ถึงข้าพเจ้าจะไม่เห็นด้วยกับท่านแม้แต่ซักนิด แต่ข้าพเจ้าจะยอมอุทิศชีวิตเพื่อให้ท่านได้พูด...วอลแตร์
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #6 เมื่อ: 12-08-2007, 22:56 »


น่าจะตั้งชื่อกระทู้ "5 ปีสดุดีผีทักษิณ" นะครับ  

บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 13-08-2007, 01:31 »

เหี้-ย บางตัวหางโผล่
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
สมชายสายชม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,048


« ตอบ #8 เมื่อ: 13-08-2007, 09:29 »

คาดว่า ชาตินี้ "ทักษิณ ชินวัตร" ไม่น่าจะมีโอกาสกลับมาอยู่เมืองไทย

ยกเว้น  กลับมาติดคุก  หรือไม่ก็  รีบไปเกิดใหม่

 

...
บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #9 เมื่อ: 13-08-2007, 10:38 »

น่าเอาไปแปะที่ราชดำเนิน คงโดนลบใน สิบวินาที 
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #10 เมื่อ: 13-08-2007, 14:50 »

ไหนๆก็วิเคราะห์ผลงานทักษิณแล้ว ช่วยวิเคราะห์รัฐบาลสุรยุทธ์ให้ดูเป็นบุญตาด้วยนะครับ กราบขอบพระคุณล่วงหน้า


ถ้าให้เจ้าของ"ข้อมูล" หรือ คุณ 100600 หรือ ปุถุชน
วิเคราะห์รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ถูกใจผู้ใช้นามแฝง"ป๋าเจ้าเก่า" แน่ ๆ

ดังนั้นวิเคราะห์เอาเองเถอะ คนอื่น ๆ จะได้ไม่เหนื่อยแรง........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #11 เมื่อ: 13-08-2007, 17:43 »

อย่าใช้คำว่า  สดุดี  เป็นคำที่ใช้กับคนดี ที่ทำคุณประโยชน์ ให้ประเทศ

น่าจะตั้งชื่อกระทู้ "5 ปี ของ here้ ทักษิณ"

บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
Tuba ✿゚✎..✿.。.:。ღ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 660


ทักษิณที่ดี คือทักษิณที่.......ตายแล้ว


« ตอบ #12 เมื่อ: 13-08-2007, 18:24 »

ไหนๆก็วิเคราะห์ผลงานทักษิณแล้ว ช่วยวิเคราะห์รัฐบาลสุรยุทธ์ให้ดูเป็นบุญตาด้วยนะครับ กราบขอบพระคุณล่วงหน้า

ป๋าครับ

งานนี้แฉทักษิณครับ ป๋าอย่าเพิ่งเอาเรื่องแฉทหาร มากลบกระแส แฉทักษิณ สิครับ

ถึงแม้ทหารจะบริหารงานผิดพลาด จนเศรษฐกิจ ชีทหาย วายป่วงยังไง ก็ไม่เกี่ยวกับความเลวของทักษิณครับ

ป๋าจะหาเหตุมาอ้างว่าทหารก็เลว ก็ไม่ได้ทำให้ทักษิณดูดีขึ้นหรอกครับ

แต่พูดตรง ๆ นะครับ ไม่เคยมีนายกฯ คนไหน ที่ทำให้ผมเกลียดได้มากเท่ากับทักษิณเลย ให้ตายเถิด....

ผมภูมิใจนำเสนอตลอดว่า ผมไม่เคยเลือกไอ้นี่ และพรรค ทรท. เลย ไม่ว่าเลือกตั้งครั้งไหนก็แล้วแต่ เพราะผมคิดไว้แล้วว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น ถ้าไอ้พรรค ที่รวมทรราช มันได้เป็นรัฐบาล

วันนี้วันหยุดสุดท้ายของหยุดยาว เดี๋ยวพรุ่งนี้คงมี เท้าฯ ออกมาแถแน่ ๆ

ปล. ยังมีกรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ร้ายแรงกว่านี้ แต่ในบทความไม่ได้เขียนถึงนะครับ
บันทึกการเข้า

ทหาร เป็นอะไรก็ไม่ได้ดี นอกจากเป็นทหาร

ตำรวจ เป็นอะไรก็ดีไม่ได้ แม้กระทั่งเป็นตำรวจ
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 13-08-2007, 18:37 »

ป๋าน่าจะไปรวบรวม ข้อเสียของรัฐบาลขิงแก่ ตั้งอีกกระทู้ก็ได้มั๊ง

จะได้ไม่สับสนปนเปกัน...แต่ผมก็เชื่อจริง ๆ ว่า ทักษิณหมดโอกาสกลับไทยแล้วครับ

ขนาด อ.นิธิ คนต่อต้านเผด็จการ ยังเขียนไว้แล้วให้ชื่อว่า "ผีทักษิณ"

ซึ่งก็คือ ตายไปจากการเมืองไทย

แต่ผมยังไม่อยากเชื่อตามอ.นิธิ เพราะ "ผีทักษิณ" มาในรูปแบบใหม่

นั่นคือกลายเป็น "ผู้มีบารมีนอกราชอาณาจักร" คนมีเงินก็ใช้ผีมาโม่แป้ง - ป่วนเมืองได้เสมอ
บันทึกการเข้า

drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #14 เมื่อ: 13-08-2007, 21:04 »

สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในสถานะนายกรัฐมนตรี กำลังกระทำอยู่ในบ้านเมืองขณะนี้ เป็นเรื่องที่ท่านประเสริฐ นาสกุล อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ เคยวินิจฉัยเตือนสังคมเอาไว้แล้ว ตั้งแต่ครั้งที่มีการพิจารณาคดี “ซุกหุ้น” ของ พ.ต.ท.ทักษิณ

ในครั้งนั้น แม้เสียงข้างมากของตุลาการศาลศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีความผิด (8 ต่อ 7) แต่ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น พร้อมกับให้แง่คิดเตือนไว้ว่า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้น ผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”

มาบัดนี้ เมื่อเกิดกรณีซื้อขายหุ้นชินคอร์ปฯ มูลค่า 73,000 ล้านบาท โดยมีปมเงื่อนอันเกี่ยวกับการหลบเลี่ยงภาษี การใช้ตัวแทนเชิด (nominee) และการข้องเกี่ยวกับบริษัทแอมเพิลริช ที่จดทะเบียนจัดตั้งอยู่บนเกาะบริติชเวอร์จิ้น เกาะสวรรค์ของนักฟอกเงินและหลบเลี่ยงภาษี ปัญหาต่างๆ ก็ดูจะ “ซ้ำรอยอดีต” กลายเป็นเรื่อง “ซุกหุ้น 2” ทว่าอุกอาจ และมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องมากกว่า “ซุกหุ้น” ครั้งที่แล้วเสียอีก

ลองเรียนรู้จากคำวินิจฉัยคดี “ซุกหุ้น” ของท่านประเสริฐ นาสกุล อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ จะช่วยให้รู้ทันการซุกหุ้น การหลีกเลี่ยงภาษี การใช้บริษัทบนเกาะฟอกเงินเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ และการใช้ตัวแทนเชิด (nominee) ได้เป็นอย่างดี (ฉบับเต็มในหนังสือ “รู้ทันทักษิณ 3 - Minority Report”)

1) โยนบาปให้เลขาฯ นิติกรรมอำพราง และการไม่เสียภาษีการซื้อขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์

ในคดี “ซุกหุ้น” ท่านประเสริฐ นาสกุล วินิจฉัยว่า

“พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่า โอนหุ้นลอยให้แก่คู่สมรส และคู่สมรสจะใช้ชื่อบุคคลอื่นหรือให้บุคคลอื่นถือหุ้นแทน โดยผู้ถูกร้องไม่ทราบ ในการกรอกข้อความในแบบบัญชีฯ พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่า เป็นความเข้าใจผิดของเลขานุการส่วนตัว ทั้งๆ ที่ปรากฏว่า คู่สมรสของ พ.ต.ท.ทักษิณยื่นยันต่อศาลว่า คู่สมรสเป็นผู้สั่งว่า ไม่ต้องกรอก
นอกจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณอ้างข่าวประชาสัมพันธ์ 31/2544 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2544 ว่า นางสาวบุญชูฯ นายชัยรัตน์ฯ นายมานัสฯ นางสาวดวงตาฯ และนายวิชัยฯ ถือหุ้นบริษัทต่างๆ แทนคู่สมรสผู้ถูกร้องจริง สำหรับการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย แต่การที่คู่สมรสผู้ถูกร้องสั่งเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2540 ให้นางสาวดวงตาฯ ขายหุ้นบริษัทชินฯ 4.5 ล้านหุ้นๆ ละ 164 บาท เป็นเงิน 938 ล้านบาท ให้แก่นายบรรณพจน์ฯ ซึ่งนายบรรณพจน์ฯ ยอมรับว่า ตนมิได้ซื้อหุ้นจำนวนนี้ หากแต่คู่สมรสของ พ.ต.ท.ทักษิณแบ่งให้ อาจเป็นนิติกรรมอำพราง เพราะนายบรรณพจน์ฯ จะต้องเสียภาษีเงินได้ หากนายบรรณพจน์ฯ ไม่เสีย คู่สมรสของ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเป็นผู้ให้ต้องเป็นผู้เสีย เลขาธิการ ป.ป.ช. มีหนังสือที่ ปช. 0006/85 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2544 ส่งหลักฐานการให้การของนายบรรณพจน์ ฯ ตามคำขอของอธิบดีกรมสรรพากรแล้ว แต่ไม่ทราบว่า กรมสรรพากรจะมีคำตอบการเสียภาษีเงินได้รายนี้หรือไม่ อย่างไร”

น่าแปลกใจ ในการซื้อขายหุ้นชินฯ ครั้งนี้ ก็มีการอ้างความผิดพลาดของเลขานุการฯ (คนเดิม) โดยกล่าวอ้างง่ายๆ ว่า “ติ๊กผิด” และก็มีการซื้อขายหุ้นกันนอกตลาดหลักทรัพย์ โดยไม่จ่ายภาษีอากร

2) การใช้บริษัทจดทะเบียนบนเกาะฟอกเงินเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และการใช้ตัวแทนเชิด (nominee)
ในคดี “ซุกหุ้น” มีบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งบนเกาะบริติชเวอร์จิ้น ซึ่งเป็นแหล่งฟอกเงินและหลบเลี่ยงภาษีเข้ามาเกี่ยวข้องในฐานะตัวแทนเชิด(nominee) ดังที่ท่านประเสริฐ นาสกุล วินิจฉัยไว้ว่า

“กรณีการซื้อขายหุ้นบริษัทชินฯ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ รายงานตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ มาตรา 246 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2542 เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง (แม้จะเกินกำหนดเวลาที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ผู้ถูกร้องยื่นบัญชีฯ แล้ว) ว่า พ.ต.ท.ทักษิณขาย 32,920,000 หุ้น ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้แก่ผู้อื่น คือ Ample Rich Investments Limited, 189 A Goldhill Centre 51, Thomson Road, Singapore 307629(Correspondent Office) ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถือหุ้น 100% (คงเหลือ 32,920,000 หุ้น) นั้น กระทำเพื่ออะไร หากมิใช่เพื่อปกปิดข้อเท็จจริงเพื่อมิให้บุคคลอื่นทราบว่า บริษัทฯ นี้ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ”

ยิ่งกว่านั้น ท่านประเสริฐ นาสกุล ยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมอีกด้วยว่า

“อีกเรื่องหนึ่ง แม้เป็นเหตุการณ์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ต้องยื่นบัญชีฯ แล้ว เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณและคู่สมรสขายหุ้นบริษัท เอส ซี เค เอสเทต จำกัด 3,549,980 หุ้น และ 2,000,000 หุ้นๆ ละ 10 บาท เป็นเงิน 55,499,800 บาท ให้กับบริษัท Win Mark Limited สัญชาติ British Virgin Island ในวันที่ 1 สิงหาคม 2543 พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่า การโอนขายหุ้นนี้เป็นการขายหุ้นตามปกติ ไม่มีลักษณะการฟอกเงิน เพราะการโอนขายหุ้นนั้น แจ้งหลักฐานการเข้ามาถือหุ้นของบริษัทผู้ซื้อต่อสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทแล้ว ทำให้เกิดปัญหาต้องสงสัยต่อไปว่า บริษัทผู้ซื้อใช้เงินสกุลใด มาจากที่ใด ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ น่าเสียดายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มิได้อธิบายด้วย”

น่าแปลกใจ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทแอมเพิลริช (Ample Rich) มาตั้งแต่ต้น แม้ในภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณจะแจ้งว่าตนขายแอมเพิลริชไปแล้ว แต่หลังจากนั้น บริษัทแห่งนี้ก็มีชื่อผลุบโผล่ในนามผู้ถือหุ้นบริษัทชินคอร์ปฯ อยู่เป็นช่วงๆ กระทั่ง 26 สิงหาคม 2548 ปรากฏว่า ในรายชื่อผู้ถือหุ้นชินคอร์ปฯ มีผู้ถือหุ้นนาม UBS AG, SINGAPORE BRANCH-FOR A/C AMPLE RI 329.2 ล้านหุ้น (พาร์ 1 บาท) ซึ่งเป็นจำนวนเดียวกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยแจ้งโอนให้แอมเพิลริชในครั้งแรก ( หรือ 32.9 ล้านหุ้น พาร์ 10 บาท)


ยิ่งกว่านั้น ในการซื้อขายหุ้นชินฯ ครั้งนี้ ปรากฏว่า แอมเพิลริช ได้ขายหุ้นชินคอร์ปฯ ที่ตนมีอยู่ทั้งหมด (329.2 ล้านหุ้น) ให้แก่ลูกๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในราคาพาร์ (หุ้นละ 1 บาท) และไม่กี่วันต่อมา ลูกๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็นำไปขายต่อให้กลุ่มทุนสิงคโปร์ได้กำไร 15,886 ล้านบาท โดยไม่เสียภาษี

ด้วยวิธีการเช่นนี้ ทำให้สงสัยว่า เจ้าของแอมเพิลริชตัวจริง ย่อมมีความเกี่ยวพันกับ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว ซึ่งต่อมา ปรากฏว่า ลูกๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกรับว่าตนเองเป็นเจ้าของแอมเพิลริช

เรื่องนี้ จะต้องมีการสอบสวนกันต่อไปว่า แท้จริงแล้ว แอมเพิลริชเป็นตัวแทนเชิด (nominee) ของใคร? เข้าลักษณะใช้ข้อมูลภายในมาหาผลประโยชน์หรือไม่ ? พ.ต.ท.ทักษิณมีผลประโยชน์หรือมีอำนาจเหนือแอมเพิลริชอย่างไร? เจ้าของแอมเพิลริชตัวจริง ได้มีการแจ้งหุ้นที่ตนถืออยู่ในนามของแอมเพิลริชในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. หรือไม่?

อาจจะเข้าลักษณะ “ซุกหุ้น ภาค 2” !!!

3) ข้อคิดสำคัญจาก “คดีซุกหุ้น”
ในคดี “ซุกหุ้น” ท่านประเสริฐ นาสุกล วินิจฉัยให้แง่คิดเอาไว้ว่า

“ผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) และ/หรือคู่สมรส จงใจปกปิดหุ้นของตนโดยใช้ชื่อบุคคลใกล้ชิดถือแทน เพราะ (1) ไม่ต้องการให้ผู้ใดทราบว่า เจ้าของหุ้นที่แท้จริงคือใคร (2) ไม่ต้องการให้ผู้ใดรู้ว่า ตนมีหุ้นเท่าใด คิดเป็นร้อยละเท่าใด (3) เพื่อซื้อขายหุ้นได้ง่าย และ (4) ในกรณีที่มีการเสียหายเกิดขึ้นเกี่ยวกับการถือหุ้น”

นอกจากนี้ ยังมีคำวินิจฉัยส่วนตนที่น่าสนใจอย่างยิ่งว่า

“การที่รัฐธรรมนูญมิได้บังคับให้คู่สมรสผู้ถูกร้องยื่นบัญชีฯ นั้น มาตรา 291 บัญญัติให้ผู้ถูกร้องแต่เพียงผู้เดียวมีหน้าที่ยื่นบัญชีฯ เพราะมีมาตรา 209 ซึ่งบัญญัติให้รัฐมนตรีโอนหุ้นให้แก่นิติบุคคลซึ่งจัดการทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น เพื่อมิให้รัฐมนตรีมีผลประโยชน์ขัดกันกับการประกอบธุรกิจของครอบครัว โดยมีพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 ใช้บังคับ นับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2543 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1470 ถึงมาตรา 1474 บัญญัติเกี่ยวกับทรัพย์สินของสามีและภริยา ประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ตรี ว่าด้วยการเสียภาษีของสามีและภริยาในปีภาษีหนึ่งๆ และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่จะปฏิรูปการเมือง ซึ่งผู้ใดเข้า
มาทำงานการเมืองแล้ว จะต้องโอนการจัดการหุ้นบริษัทต่างๆ ที่มีอยู่ทั้งหมด มิใช่เพียงบอกกล่าวหรือโฆษณาให้ชาวบ้านทราบแต่เพียงว่า โอนกิจการให้แก่คู่สมรสหรือบุตรแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ถูกร้องยังอยู่เบื้องหลังการประกอบธุรกิจของคู่สมรสและบุตร...

... การเอาประโยชน์โดยใช้ผู้ใกล้ชิดให้มีจำนวนเพียงพอที่จะก่อตั้งบริษัท แล้วโอนลอยหุ้น การใช้ชื่อบุคคลอื่นถือหุ้นแทน การปล่อยเงินกู้เฉพาะแก่คนรู้จัก การโอนถ่ายกำไรระหว่างบริษัท การใช้ข้อมูลภายในของบริษัท และกลุ่มบริษัทเพื่อขยายกิจการ และการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่เป็นธรรม มีการบอกกล่าวข้อความอันเป็นเท็จ การปล่อยข่าวลือ การอำพราง การใช้ข้อมูลภายใน..

...ผู้ถูกร้องจะทราบความจริงนี้หรือไม่ก็ตาม แต่ได้กล่าวอย่างภาคภูมิใจ และชัดถ้อยชัดคำว่า การที่ผู้ถูกร้องประกอบธุรกิจประสบความสำเร็จ จนมีบริษัทในเครือและทรัพย์สินมากมาย โอนลอยหุ้น และใช้ชื่อบุคคลอื่นถือหุ้นแทน นั้น “เป็นการประกอบธุรกิจตามปกติ ธรรมดาที่ใครๆ ก็ทำกันอย่างนั้น” ทั้งๆ ที่การทำธุรกิจในระบบนายทุนของต่างประเทศเป็นการกระทำมุ่งแสวงหากำไร เป็นความโลภ และความฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อ ไม่คำนึงถึงศีลธรรม และวัฒนธรรมอันดีงามของไทย

นอกจากนี้ ผู้ถูกร้องอ้างว่า เลิกกระทำธุรกิจหันมาทำงานการเมืองแล้ว ตั้งแต่ปี 2537 และมอบการบริหารธุรกิจในกลุ่มบริษัทให้แก่คู่สมรส (ในกรณีที่ผู้ถูกร้องเป็นผู้รับสัมปทานจากทางรัฐ อาจเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 110 (2)) บุตรและเครือญาติ ดำเนินการต่อไป (แทนที่จะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 209 โอนหุ้นให้นิติบุคคลซึ่งจัดการทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น เช่น การให้ทรัสต์จัดการทรัพย์สิน ในกรณีดำรงตำแหน่งทางการเมืองของสหรัฐอเมริกา-ซึ่งเป็นความคิดก้าวหน้าสำหรับไทย)

และผู้ถูกร้องเข้าใจผิดว่า จำนวนประชาชนที่ออกเสียงเลือกผู้ถูกร้องในการเลือกตั้งทั่วไป เพราะผู้ถูกร้องเสนอโครงการต่างๆ เป็นที่ถูกใจได้นั้น มากมายมหาศาล แต่จำนวนประชาชนดังกล่าวมิได้มากกว่าจำนวนคนที่ทราบว่า ผู้ถูกร้องและคู่สมรสมีทรัพย์สินและหนี้สินจริงในวันยื่นบัญชีฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 291 วรรคสอง เพราะประชาชนสิบเอ็ดล้านกว่าคนนั้น ไม่ทราบจำนวนทรัพย์สินและหนี้สินจริงของผู้ถูกร้องและคู่สมรสดีไปกว่าเลขานุการส่วนตัวเพียงสองคนของผู้ถูกร้องและคู่สมรส เพราะเป็นคนละเรื่องกัน...

...ผู้ถูกร้องโฆษณาให้ประชาชนทราบเพียงว่า ผู้ถูกร้องประสบความสำเร็จในความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ มีเงินทองมากมมาย ไม่ทุจริต ผิดกฎหมาย และไม่อำพราง แล้วอุทิศตัวหันมาทำงานทางการเมือง โดยโอนการจัดการธุรกิจให้แก่คู่สมรส บุตร และเครือญาติ ผู้ถูกร้องรู้ปัญหาของบ้านเมืองดี จึงอาสาเข้าแก้ไข แต่ผู้ถูกร้องมิได้แสดงหรือเปิดเผยว่า ความสำเร็จในการประกอบธุรกิจในอดีตของผู้ถูกร้องในระยะเวลาอันสั้นนั้น กระทำได้อย่างไร และจะแก้ปัญหาการขัดระหว่างผลประโยชน์ของครอบครัวกับผลประโยชน์ของส่วนรวมหรือของชาติอย่างไร

ปัญหาบ้านเมืองบางอย่าง อาจแก้ไขได้โดยไม่ต้องใช้เงินทองเลย เพียงแต่ผู้นำของประเทศต้องประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี โดยการคิด พูด และทำตรงกัน และชี้นำประชาชนในชาติว่า ปัญหาของชาตินั้นอยู่ที่ทุกคนจะต้องร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขด้วยการลด ละ และเลิก “ความเห็นแก่ตัว” เป็นอันดับแรก...”

0 0 0
จากคำวินิจฉัยส่วนตัวในคดี “ซุกหุ้น” ของอดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ท่านประเสริฐ นาสกุล น่าจะทำให้ผู้อ่านได้ขบคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองและพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีในปัจจุบันได้มาก


เอามาให้อ่าน จากที่ก๊อป ไว้ ในแฟ้ม   
คนที่รู้จัก   ผี ทักษิณ  และเตือนคนไทย  แต่สู้กระแส ในตอนนั้นไม่ได้
เอามาอ่านเตือนใจ    หาก ต้องไล่ ผี  กันอีก
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 14-08-2007, 04:30 »

ผมมีรู้ทันทักษิณ 1-2-3 ครบ แต่ไม่รู้มีเล่ม 4 หรือเปล่า

สาว ๆ ใจดีส่งมาให้นานแล้ว นาน ๆ ก็เปิดอ่านหรือใช้อ้างอิง

คิดว่าน่าจะใช้เป็น "หนังสือนอกเวลา" ได้นะครับ
บันทึกการเข้า

drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #16 เมื่อ: 14-08-2007, 07:40 »

ไม่แน่ว่า  หลังเลือกตั้ง จะมีคนเขียน รู้ทัน ผี ทักษิณ

จะได้หาวิธีไล่กันถูกวิธี
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #17 เมื่อ: 14-08-2007, 16:53 »

ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 215/2550  เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระ ตรวจสอบศึกษาและวิเคราะห์การกำหนดนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้โทษ และการนำนโยบายไปปฏิบัติจนเกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียง และทรัพย์สินของประชาชน (คตน.)

ตามที่มีการกำหนดนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้โทษและการนำนโยบายไปปฏิบัติ และเกิดความผิดพลาดจนเป็นผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียงและทรัพย์สินของประชาชน เป็นจำนวนมาก เกิดภาวะตื่นตระหนกมีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพและความสงบเรียบร้อยของสังคมและประชาชน และยังเป็นผลกระทบต่อข้อห่วงใย และการวิพากวิจารณ์ของประชาคมโลก ทั้งนี้เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน และมีข้อเสนออันเป็นมาตรการป้องกัน แก้ไขและเยียวยาต่อผู้ที่ได้รับความเสียหาย ครอบครัวและสังคมโดยรวม

                โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวมีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน กรรมการประกอบด้วย นายจรัญ ภักดีธนากุล นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ  นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์  นายกิตติ ลิ้มชัยกิจ พล.ต.ท.วันชัย ศรีนวลนัด  นายอุดม รัฐอมฤต  นายอุทัย อาทิเวช  นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ เป็นกรรมการและเลขานุการ  นายธาริต เพ็งดิษฐ์  เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ นายวสันต์ สิงคเสลิต  ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม และผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

                สำหรับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการชุดดังกล่าว ประกอบด้วย 1. ตรวจสอบ สอบสวน ศึกษาและวิเคราะห์ เพื่อให้ได้ข้อ เท็จจริงเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายการปราบปรามยาเสพติด และการนำนโยบายไปปฏิบัติจนเกิดความเสียหายกับชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียงและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดไปถึงตัวบุคคลที่ต้องรับผิดชอบในการกระทำดังกล่าว

                2.กำหนดมาตรการแก้ไขเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากนโยบายดังกล่าว 3. ศึกษาวิเคราะห์การกำหนดมาตรการและนโยบายปราบปรามยาเสพติด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตร่างกาย ชื่อเสียงและทรัพย์สินของประชาชน

                4. เรียกเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นในหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งบุคคลมาชี้แจงให้ถ้อยคำและส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ  5.ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือด้านต่างๆ เพื่อประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการฯ

                6. จัดให้มีการประชุมสัมนาเพื่อรับฟังข้อเท็จจริงจากประชาชนและเผยแพร่ผลการดำเนินงานต่อสาธารณะ 7. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานเพื่อมอบหมายให้ดำเนินการใดๆ ตามที่คณะกรรมการกำหนดและ 8. ดำเนินการอื่นใดเกี่ยวกับการตรวจสอบ ศึกษาและวิเคราะห์การกำหนดนโยบาย ปราบปรามยาเสิพติดและการนำนโยบายไปฏิบัติจนเกิดความเสียหายตามที่นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีมอบหมาย

                ร.อ.น.พ.ยงยุทธ กล่าวว่า วิธีการดำเนินงาน 1. ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับสำนักงานปลัด กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงาน 2.ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำหน้าที่สนับสนุนงานคณะกรรมการ พร้อมจัดวัสดุครุภัณฑ์ อุปกรณ์ เครื่องใช้สำนักงานและยานพาหนะให้คณะกรรมการตามความจำเป็นและเหมาะสม3. ค่าตอบแทน เบี้ยประชุมหรือค่าใช้จ่ายอื่นใดในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการและอนุกรรมการ ให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการตามที่ตกลงกับกระทรวงการคลัง 4. ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานตามภารกิจของคณะกรรมการ โดยให้จัดสรรไว้ที่สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ผลงานในรอบห้า ปี ที่จะได้รับการตรวจสอบ
จำได้ว่า มีข้อมูลเรื่องนี้ ที่มี ngo กลุ่มหนึ่ง ส่งข้อมูลไปให้ un  จนเป็นที่มาของ วลี  un ไม่ใช่ พ่อ กู



รับร่าง รธน
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #18 เมื่อ: 14-08-2007, 18:06 »

อีกบทความหนึ่ง ที่เซฟ  แต่หา ตอนหนึ่งยังไม่เจอ

มาจาก ประชาไทย ------------  บัดนี้  ชาวประชาไทย  จะได้ไหว้  นักการเมืองพันธ์ใหม่ ที่ ผสมกันกลางเวที เมื่อตอนบ่าย

เอามาเตือนว่า  ครั้งหนึ่งของ เวป ประชาไทย  แำลังจะกลายพันธ์

 ตอนที่ ๒. มองผลงานคุณทักษิณ

ที่ผ่านมารัฐบาลของคุณทักษิณมีนโยบายและผลงานหลายอย่างที่ผมเห็นด้วย โดยเฉพาะนโยบาย “ประชานิยม” ต่างๆ เช่นนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (๓๐ บาทรักษาทุกโรค) กองทุนหมู่บ้าน ธนาคารคนจน บ้านเอื้ออาทร โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ โครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุนเรียนต่อต่างประเทศ – เพียงแต่รัฐบาลควรจะได้ดำเนินโครงการเหล่านี้อย่างจริงจัง ให้มีประสิทธิภาพในการลดช่องว่างทางเศรษฐกิจในสังคมไทยและในการสร้างหลักประกันทางสังคมให้กับประชาชน ทั้งยังควรใช้โครงการเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและการพัฒนาชุมชนทั่วประเทศให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น แต่ปรากฏว่าวิธีการดำเนินโครงการต่างๆ กลับมีลักษณะที่ไม่เป็นระบบเท่าที่ควร ทั้งยังขาดมิติด้านการพัฒนาชุมชนแบบยั่งยืนซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลคุณทักษิณขาดความเข้าใจ ดังนั้นผลงานที่เกิดขึ้นจึงค่อนข้างจะผิวเผินอย่างน่าเสียดาย แต่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหาเสียงให้กับพรรคการเมืองของคุณทักษิณ และในการขยายฐานของสมาชิกพรรค

รัฐบาลของคุณทักษิณเป็นรัฐบาลที่ทำงานกระฉับกระเฉง และด้วยประสิทธิภาพและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มากกว่ารัฐบาลก่อนๆ อันนี้เป็นเรื่องที่ถูกใจประชาชนและมีต้นตอมาจากประสบการณ์การเป็นนักบริหารในภาคธุรกิจของคุณทักษิณเอง ซึ่งเป็นผู้ที่ทำงานขยันดียิ่ง และรัฐบาลทักษิณได้กล้าเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการบริหารประเทศในลักษณะที่เสริมอำนาจการสั่งการของรัฐมนตรีต่อข้าราชการและหน่วยราชการในสังกัดซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องเหมาะสมเพราะที่ผ่านมาในหลายสมัยระบบราชการมีอำนาจอิทธิพลครอบงำการบริหารประเทศมากเกินไปเสมือนเป็นรัฐบาลตัวจริงที่มีลักษณะอนุรักษ์นิยมสูง แต่ในกรณีของรัฐบาลทักษิณก็ได้เกิดปัญหาใหญ่จากการที่มีรัฐมนตรีจำนวนหนึ่งเข้าไปใช้อิทธิพลในทางที่ผิดเพื่อแทรกแซงระบบราชการจนกลายเป็นเรื่องยากที่ระบบราชการจะสามารถวางตัวเป็นกลางทางการเมืองและรักษาความเป็นอิสระ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีข่าวเกรียวกราวเรื่องข้าราชการระดับสูงถูกเกณฑ์มารับใช้ผลประโยชน์ของพรรคไทยรักไทยในช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา

ผมอยากจะกล่าวตรงๆ ว่าแม้รัฐบาลของคุณทักษิณได้ทำในสิ่งที่ดีหลายอย่าง แต่ความเสียหายที่ได้ก่อแก่ประเทศชาติมีมากกว่าหลายเท่า อันได้แก่

๑. ความเสียหายที่เกิดแก่ระบอบประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมของประชาชน
๒. ความเสียหายที่เกิดแก่ความเป็นอิสระของสื่อมวลชนในการเสนอข้อมูลข่าวสารต่อประชาชน
๓. ความเสียหายที่เกิดแก่สิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม
๔. ความเสียหายที่เกิดแก่ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
๕. ความเสียหายที่เกิดแก่องค์กรอิสระที่มีหน้าที่ตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ

ซึ่งผมจะขยายความในบางประเด็นพอสังเขปดังต่อไปนี้
ในระบอบประชาธิปไตยที่เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ การมีสื่อมวลชนที่หลากหลายและเป็นอิสระในการเสนอข้อมูลข่าวสารเป็นปัจจัยที่จำเป็นยิ่ง เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสรับรู้เรื่องราวของบ้านเมืองอย่างรอบด้าน แต่ภายใต้รัฐบาลทักษิณสื่อมวลชนได้เสียความเป็นอิสระในการเสนอข่าวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะสื่อวิทยุและโทรทัศน์ เช่น รายการวิทยุโทรทัศน์ที่มีลักษณะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมุมมองที่หลากหลายทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ได้ค่อยๆหายไปจากแผงรายการจนแทบจะไม่เหลือ และมีรายการประเภทที่ประจบประแจงรัฐบาลและตำหนิผู้วิจารณ์รัฐบาลเข้ามาแทนที่

สถานีวิทยุหลายแห่งมีคำสั่งหรือมาตรการควบคุมไม่ให้ผู้จัดรายการเปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นที่ขัดต่อนโยบายของรัฐบาล (เช่นคำสั่งของสถานีวิทยุ เสียงสามยอด เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ ที่ไม่ให้ออกอากาศความคิดเห็นที่คัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ) สถานีโทรทัศน์ไอทีวี ซึ่งตั้งขึ้นมาหลังเหตุการณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๕ เพื่อเป็นสื่อข่าวสารข้อมูลที่เป็นอิสระสำหรับประชาชน ได้ถูกเทคโอเวอร์โดย บริษัทชินคอร์ป ของครอบคัวคุณทักษิณก่อนหน้าการเลือกตั้งปี ๒๕๔๔ ตามด้วยการปลดพนักงานในทีมข่าวของไอทีวีออก ๒๑ คนเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งที่คุณทักษิณครองชัยชนะเป็นครั้งแรก และต่อมาไอทีวีได้พลิกโฉมมาเป็นสถานีโทรทัศน์ที่เน้นรายการบันเทิงเป็นหลักซึ่งเป็นการทรยศต่อเจตนาในการก่อตั้งสถานีโดยสิ้นเชิง

ส่วนหนังสือพิมพ์ที่มีเนื้อหาวิภาควิจารณ์รัฐบาลเกือบทุกฉบับถูกกดดันและเล่นงานด้วยวิธีการทั้งเหนือดินและใต้ดิน เช่น การทำให้ขาดรายได้ด้านโฆษณา หรือกรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินและธุรกรรมของผู้ถือหุ้นใหญ่ในหนังสือพิมพ์ แนวหน้า ไทยโพสต์ และ เนชั่นกรุ๊ป อย่างผิดกฎหมาย เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๔๔ หรือการที่คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรคไทยรักไทยและรัฐมนตรีคมนาคมได้กวาดซื้อหุ้นของ เนชั่นกรุ๊ป อย่างน่าสงสัยว่าจะเตรียมเทคโอเวอร์ เป็นต้น

แม้จะมีการใช้มาตรการควบคุมสื่อที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอย่างกว้างขวางแต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นการกระทำของคุณทักษิณโดยตรง จึงอาจเป็นการกระทำของคนในรัฐบาลหรือข้าราชการระดับสูงที่ทำกันไปโดยพลการ คุณทักษิณอาจจะอ้างว่าตนไม่เกี่ยว แต่การที่คุณทักษิณอยู่เฉยๆ ไม่ออกมาแก้ปัญหาที่สื่อถูกควบคุมและคุกคาม หรืออยู่เฉยๆ ทั้งๆ ที่สื่อซึ่งครอบครัวของตนเป็นเจ้าของได้ปลดพนักงานออกเนื่องจากการก่อตั้งสหภาพแรงงานและการเรียกร้องความเป็นอิสระในการเสนอข่าว นี่แสดงถึงการละเลยที่จะปกป้องเสรีภาพของสื่อมวลชนตามรัฐธรรมนูญ และน่าจะขัดต่อคำสัตย์ปฏิญาณที่ตนได้ถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เช่นเดียวกัน เมื่อบริษัทชินคอรป์ได้ฟ้องนางสาวสุภิญญา กล้าณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อในคดีแพ่งฐานหมิ่นประมาทและเรียกค่าเสียหายจำนวน ๔๐๐ ล้านบาทอันเนื่องมาจากการแสดงความเห็นเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่บริษัทฯ อาจได้รับจากนโยบายของรัฐบาล คุณทักษิณก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาวและไม่คิดจะช่วยคุณสุภิญญา ทั้งๆ ที่การกระทำของบริษัทนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนของการคุกคามประชาชนทางเสรีภาพในการวิจารณ์หรือตรวจสอบรัฐบาล

การทำสงครามกับยาเสพติดของคุณทักษิณต้องถือเป็นนโยบายที่ดียิ่ง แต่วิธีดำเนินการในช่วงต้นปี ๒๕๔๖ ได้นำไปสู่การฆาตกรรมคนทั่วประเทศไม่น้อยกว่า ๑๓๘๖ คน (ตัวเลขของรัฐบาลเอง) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ฝ่ายปกครองหรือตำรวจสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดแต่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ในศาล ในจำนวนนี้ยังมีผู้ที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดรวมอยู่ด้วย รวมทั้งเด็กเล็ก การที่คุณทักษิณได้กดดันหน่วยราชการเรียกร้องการจัดการเร่งด่วนกับผู้ค้ายา พร้อมขู่ลงโทษข้าราชการในจังหวัดที่มีผลงานหย่อนยาน ได้ทำให้หน่วยตำรวจทั่วประเทศเข้าใจว่าตนได้รับไฟเขียวให้จัดการกับผู้ที่มีข้อสงสัยว่าค้ายาเสพติดได้ตามอำเภอใจ จึงเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนขนานใหญ่ที่สุดใน ๒๐ กว่าปีที่ผ่านมา ที่คุณทักษิณเรียกว่าการ “ฆ่าตัดตอน” แต่ไม่ยอมรับว่าส่วนใหญ่เป็นผลงานของตำรวจ การที่แทบจะไม่มีใครถูกจับมาลงโทษเลยอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจทั่วไปว่ารัฐบาลพร้อมที่จะปกป้องเจ้าหน้าที่ที่ละเมิดสิทธิมนุษยธรรมและละเมิดกฎหมายหากเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลเพื่อผลประโยชน์ของชาติ และนี่คือการทำลายสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรมที่ร้ายแรงยิ่ง แต่ขนาดนี้คุณทักษิณก็ยังเป็นที่ชื่นชมของประชาชนจำนวนมาก

ต่อไปนี้ขอยกตัวอย่างเรื่องราวของผู้ที่อาจถูกละเมิดสิทธิตามนโยบายของคุณทักษิณเพื่อให้เห็นภาพเป็นรูปธรรม

ชายข้าราชการในจังหวัดหนึ่ง เคยถูกใบปลิวโจมตีในปี ๒๕๓๙ ว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ครั้งนั้นหน่วยงานที่ผู้นี้สังกัดอยู่ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ผลปรากฏว่าชายผู้นี้ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

จนเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๔๖ ข้าราชการผู้นี้ถูกยิงเสียชีวิตขณะอยู่หน้าบ้านของตนเอง เป็นเวลาที่ไม่มีใครอยู่บ้านเพราะภรรยาและลูกออกไปซื้อของ

เมื่อภรรยาและลูกทราบเรื่องก็รีบกลับบ้าน ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์ชันสูตรได้เดินทางมาถึงก่อนแล้ว และได้เข้าตรวจสภาพศพและสถานที่เกิดเหตุ ขณะนั้นผู้ตายนอนตายในสภาพที่ใส่กางเกงขายาวสีกากี ไม่ใส่เสื้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงถอดกางเกงขายาวออกพร้อมทั้งถอดกางเกงใน และได้พลิกกางเกงในออกและพลิกกลับในสภาพเดิม

จากนั้น ศพของชายผู้นี้ถูกนำไปยังโรงพยาบาลเข้าห้องเอ็กซเรย์ และไปยังห้องพิธีกรรมศพตามลำดับ ในห้องพิธีกรรมมีทั้งญาติผู้ตายและเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเคื่องแบบ เจ้าหน้าที่พิธีกรรมศพได้ถอดกางเกงในของผู้ตายโดยรูดจากศพของผู้ตายออกมาจนเป็นเกลียวแล้วทิ้งขยะไป เมื่อทำความสะอาดและตกแต่งศพเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอให้ญาติผู้ตายออกจากห้องพิธีกรรมให้หมดเพื่อจะถ่ายรูปและพิมพ์ลายนิ้วมือ และต่อมาเจ้าหน้าที่ก็ได้เรียกญาติผู้ตายเข้าไปในห้องอีกครั้ง แจ้งว่าพบยาเสพติดอยู่ในซองพลาสติกสีฟ้า บรรจุยาบ้าจำนวน ๙๘ เม็ด และอีก ๒๑ ชิ้นอยู่ที่เป้ากางเกงในของผู้ตายซึ่งถูกทิ้งอยู่ในถังขยะ

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำคำสั่งของเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สั่งยึดอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของผู้ตายและภรรยาไปเพื่อตรวจสอบ และต่อมาบริษัทอเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด อ้างว่าผู้ตายเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจึงใช้สิทธิบอกล้างสัญญาประกันชีวิต

ในด้านการติดตามหาตัวผู้กระทำผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า พยานในที่เกิดเหตุได้บอกเพียงรูปพรรณสัณฐานคร่าวๆ ทั้งที่บริเวณเกิดเหตุอยู่ในเขตชุมชน ห่างจากสถานีตำรวจประมาณ ๓ กิโลเมตร ส่วนหลักฐานได้แก่ หัวกระสุน และปลอกกระสุนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมส่งไปกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเปรียบเทียบว่าใช้ยิงมาจากปากกระบอกเดียวกับคดีอื่นที่มีประวัติเก็บไว้หรือไม่ แต่กองพิสูจน์หลักฐานตอบว่าไม่สามารถตอบได้เนื่องจากระบบฐานข้อมูลของกองพิสูจน์หลักฐานชำรุดใช้การไม่ได้



เมื่อรัฐบาลทักษิณต้องเผชิญกับสถานการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อต้นปี ๒๕๔๗ ได้มีการส่งหน่วยตำรวจจากส่วนกลางเข้าไปควบคุมสถานการณ์และหาข่าวในพื้นที่ ปรากฏว่าการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่น่าจะเกี่ยวข้องกับหน่วยราชการบางส่วนได้เกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ในรูปแบบของการ ”อุ้ม” แล้วฆ่าหรือหายตัว แม้แต่ทนายสมชาย นิละไพจิตร ผู้กล้าหาญที่ว่าความให้บรรดาผู้ต้องหาชาวมุสลิมก็ต้องหายไปอย่างน่าเชื่อว่าได้เสียชีวิตไปแล้ว ถึงจะไม่ใช่คำสั่งหรือความต้องการของคุณทักษิณ แต่ในความเห็นของผมคุณทักษิณหนีไม่พ้นการมีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อยู่ดี

ต่อมาได้เกิดกรณีกรือเซะกับการตายหมู่อย่างปริศนาของทีมฟุตบอลอำเภอสะบ้าย้อย และกรณีตากใบที่มีการตายหมู่ของผู้ชุมนุมทั้งระหว่างและภายหลังการสลายการชุมนุม ข้อเท็จจริงหลายอย่างในเหตุการณ์ทั้งสองนี้ยังมีความคลุมเครือเนื่องจากรัฐบาลไม่ได้เปิดให้สื่อมวลชนทำการค้นหาและเสนอข้อมูลโดยอิสระ

การที่รัฐบาลได้ตอบโต้ความรุนแรงของผู้ก่อการร้ายด้วยการใช้ความรุนแรงที่กระจายไปยังผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง เป็นการช่วยหาแนวร่วมให้กับผู้ก่อการร้ายและอาจมีผลทำให้ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ขยายตัวไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้เป็น เวลายาวนานอีกหลายปีข้างหน้า นี่คือผลงานของรัฐบาลทักษิณที่ประชาชนจำนวนมากได้ให้ความชื่นชม

รัฐบาลทักษิณได้พยายามสกัดกั้นการแสดงออกของประชาชนตามรัฐธรรมนูญและตามหลักประชาธิปไตยโดยการสลายการชุมนุมของสมัชชาคนจนหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยการข่มขู่ว่าจะดำเนินการจับกุมผู้ที่ชุมนุมต่อต้านประธานาธิบดีบุชของสหรัฐอเมริกาในช่วงที่บุชมาร่วมการประชุมเอเพ็ค (พร้อมการสร้างกระแสกล่าวหาผู้ชุมนุมว่าเป็นบุคคลที่ไม่รักชาติ) และโดยการบีบผู้บริหารของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตให้ดำเนินการทางวินัยกับพนักงาน กฟผ.ที่รวมตัวกันชุมนุมต่อต้านแผนงานของรัฐบาลที่จะแปรรูป กฟผ.โดยการนำกิจการทุกส่วนเข้าไปขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์

เรื่องของการแทรกแซงวุฒิสภาและองค์การอิสระต่างๆ โดยคนของรัฐบาลทักษิณเป็นที่ทราบกันทั่วไป ในกรณีของวุฒิสภานั้น รัฐบาลสามารถควบคุมเสียงของส.ว.ได้มากกว่ากึ่งหนึ่งทุกครั้งที่มีการลงคะแนนในเรื่องที่มีความสำคัญต่อรัฐบาล ทั้งนี้โดยการใช้อิทธิพลในรูปแบบต่างๆ ตามระบบอุปถัมภ์เพื่อทำลายความเป็นอิสระทางเมืองของวุฒิสภาและประกันความอยู่รอดของรัฐบาล

ขอยกตัวอย่าง ทุกครั้งที่มีการเลือกคณะบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งต่างๆในองค์กรอิสระเช่นคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นต้น บรรดาสมาชิกวุฒิสภาที่อยู่ใต้อิทธิพลของฝ่ายบริหารจะได้รับโผที่ชี้นำการเลือกตั้งของพวกเขา ซึ่งจะปรากฎเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนในช่วงของการนับคะแนนเมื่อผลการขานคะแนนในบัตรเลือกตั้งต่างๆ ออกมาตรงกันเป็นชุดอย่างไม่มีทางเกิดขึ้นได้โดยบังเอิญ ในหมู่ส.ว.กันเองก็เป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่ามีส.ว.บางคนได้รับเงินเดือนพิเศษเป็นประจำ และอีกส่วนหนึ่งได้รับค่าตอบแทนพิเศษเฉพาะกิจเป็นครั้งคราว แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ผมเองยังไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ได้ในขณะนี้

ในกรณีขององค์กรอิสระต่างๆ คนของรัฐบาลได้ใช้อิทธิพลเข้าไปแทรกแซงทั้งกระบวนการสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหาที่มีองค์ประกอบตัวแทนจากพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลเป็นปล๊อคโหวต และกระบวนการเลือกตั้งโดยวุฒิสภาดังที่ได้กล่าวถึงแล้ว ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักประกันว่าบุคคลที่ได้รับเลือกเข้าไปดำรงตำแหน่งในองค์กรเหล่านี้ ซึ่งต้องมีหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล หรือตรวจสอบผลการเลือกตั้งต่างๆ นั้น จะไม่ดำเนินการใดๆ ที่อาจเป็นพิษเป็นภัยต่อรัฐบาลของคุณทักษิณ หรือต่อคนในรัฐบาล หรือต่อพรรคการเมืองของคุณทักษิณ

ผลที่ปรากฏชัดเจนคือบุคคลที่ได้รับเลือกเข้าดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระต่างๆ ในสมัยของรัฐบาลทักษิณกลายเป็นผู้ที่มีความด้อยทางคุณสมบัติและความน่าเชื่อถือด้านความซื่อสัตย์สุจริต เมื่อเทียบกับผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งดังกล่าวในสมัยก่อนรัฐบาลทักษิณ ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าประชาชนค่อนข้างขาดความเชื่อถือในความซื่อสัตย์สุจริตของบุคคลที่เป็นกรรมการในคณะกรรมการการเลือกตั้ง ส่วนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่ได้รับเลือกตั้งในสมัยคุณทักษิณก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการมีอันเป็นไป ซึ่งเป็นผลกรรมที่ตอบสนองความเห็นแก่ตัวของคณะกรรมการดังกล่าวในการขึ้นเงินเดือนของตัวเองอย่างใจร้อนและอย่างผิดกฎหมาย

สรุปง่าย ๆ คือ รัฐบาลทักษิณได้ปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ทำลายชีวิตของคนจำนวนนับพันที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ความผิด ขยายความรุนแรงและความขัดแย้งในภาคใต้ แทรกแซงวุฒิสภาและองค์กรอิสระจนทำให้ไร้ศักยภาพในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล นี่เป็นการกระทำที่พยายามรวบอำนาจแบบเดียวกับรัฐบาลเผด็จการทั้งหลาย และนี่คือการกระทำของรัฐบาลที่ได้รับคะแนนนิยมอย่างท่วมท้นจากประชาชน


(โปรดติดตามตอนต่อไป: “การกำหนดท่าทีต่อรัฐบาลของคุณทักษิณ” ในสัปดาห์หน้า)


หมายเหตุ:

๑. บทความนี้ดัดแปลงเล็กน้อยจากบทความชื่อเดียวกันที่ตีพิมพ์ในหนังสือ “อยู่กับทักษิณ” – บรรณาธิการ : เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ซึ่งเริ่มวางจำหน่ายแล้วตามร้านหนังสือทั่วไป

๒. รายได้ทั้งหมดที่ผู้เขียนได้รับจากบทความ “ภายใต้ดวงตะวันของคุณทักษิณ” ที่ตีพิมพ์ในหนังสือ “อยู่กับทักษิณ” ผู้เขียนจะมอบให้คุณสุภิญญา กล้าณรงค์ เพื่อใช้ในการต่อสู้คดีที่ถูกฟ้องหมิ่นประมาท ๔๐๐ ล้านบาทโดยบริษัทชินคอร์ป



บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #19 เมื่อ: 14-08-2007, 18:12 »

ฟื้นความหลัง ของเวปประชาไทย ที่บัดนี้ได้ผสมพันธ์ ใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อีก หนึ่ง ข่าว ที่ เวฟ ไว้

ประชาไท – 14 มิ.ย.48 “โครงการประชานิยม และมาตรการกึ่งการคลังซึ่งเป็นเครื่องมือของรัฐบาลทักษิณที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง จะกลายเป็นมรดกทางการเมืองของสังคมการเมืองไทย ที่ทุกพรรคต้องเดินตาม ซึ่งกระทบกับเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาคระยะยาว และอาจทำให้ไทยประสบกับวิกฤตการณ์วัฏจักรธุรกิจการเมืองแบบเดียวกับประเทศแถบลาตินอเมริกาได้”

ดร.ดวงมณี เลาวกุล อาจารย์จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวในการนำเสนอบทความเรื่อง “ยุทธศาสตร์การพัฒนาทวิวิถี : ความสำเร็จและความล้มเหลว” ร่วมกับ ดร. อภิชาต สถิตนิรามัย ในงานสัมมนาทางวิชาการประจำปี 2548 ของคณะเศรษฐศาสตร์ มธ. เรื่อง การปฏิรูปสังคมเศรษฐกิจไทยหลังวิกฤตเศรษฐกิจ พ.ศ.2540 : ความก้าวหน้าและความล้มเหลว

ดร.ดวงมณี ขยายความว่า โครงการประชานิยมรวมถึงมาตรการกึ่งการคลัง หรือการตั้งงบกลางเพื่อใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณของรัฐบาลนั้นมุ่งเน้นความนิยมทางการเมือง แต่ไม่ผ่านการพิจารณาถึงผลตอบแทนทางเศรษฐกิจอย่างเหมาะสม และภาระทางการคลัง นำไปสู่การใช้ทรัพยากรรัฐอย่างไร้ประสิทธิภาพ บิดเบือนไม่ให้โครงการที่จำเป็นกว่าเกิดขึ้น เช่น โครงการกองทุนหมู่บ้าน กลับมาก่อนโครงการทางการศึกษา

โดยสัดส่วนการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณปี 2545 รัฐบาลทักษิณ ใช้เงินนอกงบประมาณราว 1.9 %ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี) ในขณะที่ปี 2547 เพิ่มเป็น 8.7% ของจีดีพี และหากเทียบกับงบประมาณปกติประจำปีพบว่า ปี 2545 รัฐบาลใช้จ่ายเงินงบประมาณคิดเป็น10.1% ของงบประมาณประจำปี ในขณะที่ปี 2547 เพิ่มเป็น 49% ของงบประมาณประจำปี

“ในต่างประเทศกรณีแบบนี้นำไปสู่การขาดวินัยทางการคลัง เกิดความไม่โปร่งใสและมีแนวโน้มจะก่อหนี้สาธารณะในอนาคต พูดอย่างถึงที่สุด การใช้มาตรการกึ่งการคลังคือ การเลี่ยงกติกาทางการคลัง รัฐสภาตรวจสอบไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดวงเงินหรือรายละเอียดของโครงการ จึงควรรวมเอามาตรการกึ่งการคลังมาเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงภาระรายจ่ายของรัฐบาล และนำเสนอต่อรัฐสภาด้วย” ดร.ดวงมณีกล่าว

ชี้“บรรทัดฐานทางกม.” รบ.ทักษิณ ดิ่งเหว

ดร.อภิชาต กล่าวถึงหัวข้อธรรมาภิบาลกับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจว่า สังคมที่มีธรรมา
ภิบาลที่ดีจะเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว ซึ่งหากดูจากดัชนีชี้วัดของธนาคารโลกจะพบว่าเรื่องบรรทัดฐานทางกฎหมาย หรือ rule of law นั้น รัฐบาลทักษิณแย่ลงกว่าเดิมอย่างชัดเจน

“นอกจากนี้ในยุทธศาสตร์ทวิวิถีของรัฐบาลยังมีการแทรกแซงระบบเศรษฐกิจลึกไปถึงระดับจุลภาค ซึ่งประเทศเกาหลีใต้หรือไต้หวัน ก็ดำเนินนโยบายแบบเดียวกัน แต่รัฐบาลเขามีอิสระในการกำหนดนโยบาย ไม่ถูกครอบงำจากกลุ่มการเมืองและมีระดับความสามารถสูง ขณะที่ไทยมีการแทรกแซงมากขึ้นแต่ทั้ง 2 อย่างไม่ดีขึ้น จึงมีความเสี่ยงในการกำหนดนโยบายผิดพลาด และสร้างต้นทุนทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลต่อไป” ดร.อภิชาตกล่าว

ดร.อภิชาตสรุปการประเมินผลยุทศาสตร์ทางเศรษฐกิจแบบทวิวิถี หรือ Dual Track ของรัฐบาลทักษิณที่ผ่านมาว่า ข้ออ้างที่ว่ายุทธวิธีการกระตุ้นตลาดภายในที่รัฐบาลต้องการเพิ่มความสำคัญมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทดแทนการพึ่งพิงการส่งออก เพื่อลดความเสี่ยวจากความไร้เสถียร ภาพของตลาดโลกนั้นไม่เป็นจริง เพราะผลการศึกษาพบว่ายุทธศาสตร์ทวิวิถีได้เปลี่ยนเศรษฐกิจไทยให้เป็นระบบทุนนิยมมากขึ้นในอัตราเร่ง โดยเน้นการส่งออกอยู่เช่นเดิม

“การกระตุ้นเศรษฐกิจก็เพียงผ่านการบริโภค แต่ไม่สามารถจัดการกับอุปทานเพื่อยกระดับกำลังซื้อที่ยั่งยืนไปทดแทนการส่งออกได้ ขณะที่รัฐบาลแทรกแซงในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ธรรมาภิบาลแย่ลง และมีอำนาจเบ็ดเสร็จมากขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงที่จะตัดสินใจทางนโยบายผิดพลาด สรุปก็คือ ความเสี่ยงของสังคมเศรษฐกิจไทยในอนาคตจะเพิ่มขึ้น” ดร.อภิชาตกล่าว

มุทิตา เชื้อชั่ง
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #20 เมื่อ: 14-08-2007, 18:28 »

อีกหนึ่งบทความ------------  ใครจะคิดว่า บัดนี้  สื่อทางเลือกแบบ ประชาไทย  จะกลายพันธ์

ระบอบทักษิณาธิปไตยมีผลต่อสื่อมวลชนอย่างไร

ในฐานะที่เป็น Democratic Authoritarianism (เผด็จการประชาธิปไตย) ผู้ทรงอำนาจภายใต้ระบอบทักษิณาธิปไตยไม่ต้องการให้ผู้อยู่ใต้ปกครอง มีความเห็นต่างจากผู้ปกครอง หากผู้ปกครองชี้นำว่าระบบเศรษฐกิจต้องโต 7% ผู้อยู่ใต้ปกครองก็ต้องยอมรับตัวเลขนั้น หากมีความเห็นเป็นอย่างอื่น ผู้ปกครองจะหาวิธีการให้ผู้อยู่ใต้ปกครองหุบปาก และจงอย่าได้เอื้อนเอ่ยถึงการหลุดพ้นจากกับดัก GDP

หากผู้ปกครองชี้นำว่าไม่มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงในโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นหน้าที่ของผู้อยู่ใต้ปกครองที่จะต้องเชื่อฟังผู้ปกครอง เพราะผู้ปกครองได้ให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าให้สินบนมายืนยันว่าหาได้ให้สินบนแต่ประการใดไม่

ระบอบทักษิณาธิปไตย มีวิธีการควบคุม กำกับ และตรวจสอบสื่อได้หลายวิธี

ประการแรก กลุ่มทุนทักษิณาธิปไตย รุกคืบเข้าไปยึดพื้นที่ในธุรกิจสื่อสารมวลชน
ประการที่สอง กลุ่มทุนทักษิณาธิปไตย ผนึกกำลังไม่ใช้จ่ายการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ในสื่อที่มี
ความคิดเป็นปรปักษ์กับระบอบทักษิณาธิปไตย
ประการที่สาม ผู้ทรงอำนาจในระบอบทักษิณาธิปไตยควบคุมและกำกับการใช้จ่ายงบของหน่วย
ราชการ ให้เฉพาะแต่สื่อที่เป็นเด็กดี และไม่ให้งบประชาสัมพันธ์แก่สื่อที่เป็นเด็กเกเร
ประการที่สี่ กลุ่มทุนสื่อสารมวลชนและนักหนังสือพิมพ์ ต้องถูกตรวจสอบการเสียภาษีและการ
ฟอกเงิน
ประการที่ห้า ผู้ทรงอำนาจในระบอบทักษิณาธิปไตยใช้กลไกการประชาสัมพันธ์ของรัฐในการตอบ
โต้สื่อที่มีพฤติกรรมที่ไม่เป็นไทยรักไทย
ประการที่หก การใช้กฎหมายหมิ่นประมาทเป็นเครื่องมือ

ท้ายที่สุด จะพูดถึง McJournalism ภายใต้ระบอบทักษิณาธิปไตย

หาก McJournalism ยังคงขยายตัวภายใต้ระบอบทักษิณาธิปไตย อะไรจะเกิดแก่สังคม

ผลกระทบที่คาดการณ์ได้มีอย่างน้อย 2 ประการ ประการแรก public space สำหรับ public interest จะหาดหาย จะไม่มีพื้นที่สาธารณะสำหรับสาธารณประโยชน์ ด้วยขบวนการเปลี่ยนแปลงสื่อมวลชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือพิมพ์ ให้เป็น McJournalism

ประการที่สอง การขยายตัวของ McJournalism จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของระบบเผด็จการจากการเลือกตั้ง ในนามระบอบทักษิณาธิปไตย

เมื่ออิศรา อมันตกุล เขียนเรื่องสั้นเรื่อง เขาตะโกนหานายกรัฐมนตรี ในทศวรรษ 2490 ท่านให้คำตอบว่าเสียงตะโกนนั้นไร้ความหมาย ภายใต้ระบอบทักษิณาธิปไตยเสียงตะโกนหานายกรัฐมนตรียิ่งไร้ความหมายยิ่งขึ้น เพราะแม้จะได้ยินแต่ไม่ได้ฟัง

อิศรา อมันตกุล ใช้ชีวิตในทศวรรษ 2490 และทศวรรษ 2500 ในการต่อสู้กับอำนาจรัฐเผด็จการ งานของ “อิศรา อมันกุล” ในทศวรรษ 2540 และทศวรรษหน้า ยากลำเค็ญยิ่งกว่า เพราะมิได้ต่อสู้กับอำนาจรัฐเผด็จการ หากแต่ต่อสู้กับเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งสามารถอ้างอิงความชอบธรรมได้ในระดับหนึ่ง ควบคู่กับการต่อสู้กับอำนาจทุนที่ขับเคลื่อนขบวนการ McJournalism คำถามมีอยู่แต่เพียงว่า จะหา “อิศรา อมันตกุล” ในทศวรรษนี้และทศวรรษหน้าจากแห่งหนตำบลใด

ท้ายที่สุด เสียงร่ำหา “ศตวรรษแห่งภราดรภาพ” ของอิศรา อมันตกุล แห่งทศวรรษ 2490 จะสัมฤทธิผลได้อย่างไร


รับร่าง รธน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-08-2007, 23:11 โดย drop » บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #21 เมื่อ: 14-08-2007, 23:09 »

อีกบทความเก่าจากประชาไทย ที่เวฟ ไว้  คราวนี้ของ ม.เชียงใหม่
ล้วนเคยไล่ทักษิณ มาแล้วทั้งนั้น

นักวิชาการเชียงใหม่ออกมาย้ำ ทักษิณหมดความชอบธรรม ปล่อยทุนต่างชาติกระทำชำเรา เหมือนขายชีวิตคนไทยทั้งประเทศ เปรียบ“ทักษิณ”เหมือน“ยันตระ”สร้างความคลั่งไคล้เพื่อหลอกลวง หลีกเลี่ยง เบี่ยงประเด็น 

เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุม คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะการสื่อสารมวลชนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จัดประชุมเสวนาเรื่อง “จากขายหุ้น 7 หมื่นล้าน ถึงความชอบธรรมของทักษิณ” โดยมีนักวิชาการจากหลายสาขาร่วมวิพากษ์วิจารณ์ ย้ำให้ลงอย่างสง่างามหรือลงแบบเน่าไม่มีชิ้นดี

ย้ำรัฐบาลทักษิณ หมดความชอบธรรม

ผศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล หัวหน้าโครงการภาควิชานิติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กล่าวว่า จริงๆ แล้ว รัฐบาลทักษิณนั้นได้ทำอะไรแย่ๆ มามาก ไม่ว่ากรณีตากใบ หรือนโยบายปราบปรามยาเสพติด ซึ่งถือว่ารัฐบาลทักษิณนั้นหมดความชอบธรรมไปตั้งแต่ครั้งนั้นแล้ว  และยิ่งมาเจอกรณีขายหุ้นชินคอร์ป ให้กับสิงคโปร์ ยิ่งทำให้ชี้ชัดเลยว่า รัฐบาลทักษิณ และตัวคุณทักษิณเองนั้นหมดความชอบธรรม ต้องออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ผศ.สมชาย กล่าวอีกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นกลาง เพราะว่าคนกลุ่มนี้ต้องถูกหักภาษี หลบเลี่ยงภาษีไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงรับไม่ได้ที่นายกรัฐมนตรีขายหุ้นชินคอร์ป และหลีกเลี่ยงภาษี ดังนั้น สิ่งที่ทุกคนออกมาเรียกร้องทักษิณในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรี  จึงต้องลุกมาทวงถามความเป็นธรรม

ชี้ทักษิณปล่อยทุนต่างชาติกระทำชำเรา เหมือนขายชีวิตคนไทยทั้งประเทศ

รศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลทักษิณนั้นยึดเอาระบบเสรีนิยมใหม่เข้ามาโดยเปิดโอกาสให้ทุนต่างชาติเข้ามากระทำชำเราประเทศไทย แล้วตัวเองก็ฉกฉวยโอกาส หักหลังคนไทยอย่างหน้าด้านๆ โดยพยายามออกมาพูดในรายการนายกฯ พบประชาชน ซึ่งตนถือว่า เป็นรายการโกหกคนเดียว ว่าดาวเทียมไทยคมเป็นของรัฐ โทรคมนาคมเป็นของรัฐ แต่จริงๆ แล้วก็ดูดผลประโยชน์ไปคนเดียว

“ดังนั้น ความชั่วของทักษิณ ไม่ใช่แค่การขายหุ้น  แต่มันจะขายชีวิตคนไทยทั้งประเทศ โดยดูได้จากการเปิดเขตการค้าเสรีไทย-จีน ที่เอาสินค้าทางเกษตรของเกษตรกรไปขายเพื่อแลกกับการทำสัญญาดาวเทียมกับจีน ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า ทักษิณนั้นทำเพื่อตัวเขา แต่ทำร้ายประเทศไทย อีกทั้งยังพยายามทำให้คนไทยตีกันเอง  ทำให้คนในชาติในแต่ละกลุ่มมองกันเป็นศัตรู  แม้กระทั่งพยายามเอานักศึกษาหรืออาจารย์มหาวิทยาลัยมาเป็นศัตรูกับพี่น้องคนไทยด้วยกันเอง นี่คือจุดเปลี่ยนของประเทศไทย ฉะนั้น ไม่ใช่แค่ถอดถอนทักษิณ  แต่เราจะต้องเอาระบอบทักษิณให้ออกไปจากสังคมไทยด้วย” รศ.ดร.อรรถจักร์ กล่าว

เปรียบ “ทักษิณ” เหมือน “ยันตระ” หลอกลวง หลีกเลี่ยง เบี่ยงประเด็น

ในขณะที่ นายชัชวาล บุญปัน อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะนี้ถ้ามองดูจะเหมือนกรณีของยันตระ ที่พยายามสร้างความคลั่งไคล้  แต่พยายามหลีกเลี่ยงและเบี่ยงประเด็น หลังจากที่สังคมเข้าตรวจสอบว่าหลอกลวงคนทั้งประเทศ

นายชัชวาล กล่าวอีกว่า ถ้าย้อนกลับไปดูกรณียันตระ ที่หลอกประชาชนมาโดยตลอด มีทั้งคนศรัทธาทั่วประเทศ เมื่อถูกตรวจสอบ ก็จะมีหลายฝ่ายออกมาปกป้อง และบอกว่าหลักฐานไม่เพียงพอ  เมื่อนายสมเกียรติ อ่อนวิมล ออกมาพูดในรายการของตน ก็ถูกทางผังโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท. ถอดถอนออกจากผังรายการ ซึ่งก็เหมือนกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่พยายามบีบให้มีการถอดถอนบางรายการและพยายามหลีกเลี่ยงเบี่ยงประเด็น อีกทั้งยังมีคนส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าใจและยังคลั่งไคล้ในตัวนายกฯ ทักษิณ เชื่อว่าคืออัศวินควายดำที่จะมากู้ชาติ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกรณียันตระ กับทักษิณ นั้นไม่แตกต่างกัน

“คุณไม่สามารถจะอยู่รอดจากการตรวจสอบได้เลย เพราะในที่สุด ความจริงจะปรากฏ และคนในหรือคนที่ใกล้ชิดคุณนั่นแหละที่จะออกมาแฉพฤติกรรมทั้งหมด เพราะฉะนั้น คนในสังคมไทยน่าจะร่วมกันตรวจสอบกันตรงนี้” นายชัชวาล กล่าวทิ้งท้าย

อ.นิเทศศาสตร์ ม.พายัพ ประณามทักษิณขายหุ้นสื่อ คือขายชาติ

นายศรีธรณ์  โรจสุพจน์  หัวหน้าภาควิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ จ.เชียงใหม่ กล่าว

ถึงกรณีชินคอร์ป ขายหุ้นให้กับบริษัทเทมาเสก ของสิงคโปร์ ว่า ดูเหมือนว่าเป็นการซื้อขายระหว่างรัฐต่อรัฐ หรืออาจถือได้ว่าเป็นขายชาติ ที่จะต้องสูญเสียอธิปไตยในอนาคต

“และเมื่อมองดูสื่อส่วนใหญ่ในปัจจุบัน จะตกไปอยู่ในคนกลุ่มเดียว ซึ่งถือว่าเป็นการผูกขาด และที่ผ่านมา ทักษิณจะมองสื่อเป็นธุรกิจอย่างเดียว ซึ่งในจรรยาบรรณของสื่อถือว่า เป็นความคิดที่น่าชิงชังอย่างยิ่ง โดยไม่ได้มองว่า สื่อนั้นมันมีมิติทางวัฒนธรรมและสังคมมากกว่านั้น” นายศรีธรณ์ กล่าว

คณบดีสื่อสารมวลชน มช.แสดงจุดยืน ทักษิณขาดจริยธรรมทางการเมือง

ในขณะที่ รศ.สศดรี เผ่าอินจันทร์ หัวหน้าภาควิชาการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ในนามของคณะการสื่อสารมวลชน ได้มีการประชุมกันและได้แสดงจุดยืนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีจริยธรรมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไปแล้ว เพราะเราไม่สบายใจ หลังจากที่การขายหุ้นชินคอร์ป รวมทั้งกระบวนการที่เปลี่ยนกฎหมายให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นถึง 49% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มุ่งแต่ผลประโยชน์ แต่ไม่ได้สนใจผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ

ชี้เป็นยุคที่สังคมไทยทะเลาะแตกแยกมากที่สุด

รศ.สดศรี กล่าวอีกว่า ไม่มียุคไหน ที่คนไทยจะทะเลาะแตกแยกกันมากที่สุดเท่ายุคนี้ ทุกหัวระแหงต่างมีความแตกแยกกันมาก แม้กระทั่งมีข่าว เชิญอธิการบดีเข้าพบนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ข่าวว่ามีอธิการบดีบางมหาวิทยาลัยไม่ยอมไป เพราะไม่อยากตกเป็นเครื่องมือ เมื่อมาถึงตอนนี้ ตนไม่มั่นใจว่า หลังวันที่ 26 ก.พ.นี้ จะเกิดอะไรขึ้น มันจะเป็นไปทางดีหรือเลวร้ายก็ไมรู้

ผิดหวังกับสื่อไทย เร่งปรับหลักสูตรใหม่

“นอกจากนั้น ตนรู้สึกผิดหวังกับสื่อของไทยในขณะนี้ ที่ยอมศิโรราบกับอำนาจรัฐ โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ ซึ่งตนถือว่าเป็นยุคแห่งความมืดมนของสื่อไทย เพราะที่ผ่านมาจะเห็นว่าสื่อมวลชนของไทยกำลังยึดหลัก นิ่งเสียตำลึงทอง โดยเฉพาะสื่อที่อยู่ในอำนาจรัฐอย่างเช่น กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 9 ช่อง 5 เป็นต้น ซึ่งตนไม่ได้โทษคนทำงานสื่อ เพราะที่สุดแล้วทุกคนต้องห่วงเรื่องครอบครัวเรื่องตัวเอง แต่จะโทษระบบสื่อมวลชน เพราะฉะนั้น เราจะต้องรวมกลุ่มกัน  และคิดว่า คงจะมาปรับหลักสูตรเรื่องสื่อกันใหม่” รศ.สดศรี กล่าวทิ้งท้าย

กลุ่มนักศึกษา มช.จัดเวทีสาธารณะวิพากษ์ทักษิณ

ในช่วงค่ำ ทางสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับสโมสรนักศึกษา 17 คณะ รวมทั้งชมรมนักศึกษากับการเมืองเพื่อการพัฒนา สโมสรนักศึกษาคณะสังคมศาสตร์ มช.และกลุ่มนักศึกษาอิสระกลุ่มงืด ได้ร่วมกันจัดเวทีสาธารณะขึ้นที่บริเวณสนามวอลเลย์บอล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ภายในงานได้มีการแสดงดนตรีของพรรคนักศึกษายุวธิปัตย์ และอ่านแถลงการณ์โดยนายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจากนั้น ได้จัดเวทีสาธารณะเล่าสู่กันฟัง สถานการณ์บ้านเมือง โดยมีพระมหาสง่า ธีรสังวโร วัดสวนดอกและภาคีคนฮักเจียงใหม่ รศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง ภาควิชารัฐศาสตร์ มช. รศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ มช. แสงดาว ศรัทธามั่น ศิลปินอิสระและอดีตนักกิจกรรมสมัย 14 ตุลา รวมทั้งตัวแทนนักวิทยุชุมชน และนักธุรกิจเชียงใหม่ เข้าร่วมเสวนา

โดยกิจกรรมการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ได้ย้ำว่า เป็นการเปิดเวทีขึ้นเพื่อสร้างพื้นที่การเรียนรู้ทางสังคม  และนำเสนอข้อมูลสถานการณ์ทางการเมืองที่นำเสนออย่างรอบด้านให้กับนักศึกษาและประชาชนทั่วไปได้รับรู้ โดยย้ำว่า เป็นอิสระจากอำนาจทางการเมือง แต่อยู่ข้างเป็นธรรม

ร่วมตั้ง “ศูนย์ประสานงานสร้างจริยธรรมทางการเมือง”

ทั้งนี้ ทางกลุ่มนักศึกษา มช.ยังแจ้งอีกว่า ขณะนี้ได้ตั้ง “ศูนย์ประสานงานสร้างจริยธรรมทางการเมือง” ขึ้นมา และได้เชิญชวนองค์กรภาคประชาชน อาจารย์ นักศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่างๆ เข้าร่วมประชุมปรึกษาหารือ กรณีจริยธรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขึ้นที่ ห้องประชุมชั้น 4 อาคารปฏิบัติการ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวันที่ 21 ก.พ.นี้ เวลา 10.00 เป็นต้นไป โดยสามารถติดต่อรายละเอียดได้ที่ นายเอกกมล สายจันทร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โทรศัพท์ 053-224050,053-943548

รับร่าง รธน
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #22 เมื่อ: 14-08-2007, 23:21 »

อีกหนึ่งบทความที่หาเจอ  เตือนความจำว่า  ทักษิณ เลวขนาดไหน

นิติภูมิ นวรัตน์ : ความชั่วของทักษิณ

 นิติภูมิ นวรัตน์" เผย "ทักษิณ" ทำเหมือนประเทศไทยมี 2 เมืองหลวง ตระเวนมาทั่วโลก ไม่เคยเจอผู้นำคนใดโกงได้เท่า "ทักษิณ" ทุกวันนี้ความชั่วที่เผยออกมายังไม่ถึง 10% วอนจะกลับมาทำให้บ้านเมืองสกปรกอีกทำไม
     
นายนิติภูมิ นวรัตน์ พิธีกรรายการเปิดเลนส์ส่องโลก และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ "ผู้จัดการ" ระหว่างเข้าร่วมชุมนุมท้องสนามหลวงในช่วงดึกของเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน "ทักษิณ ชินวัตร" ทำเหมือนประเทศไทยมีการสร้างเมืองหลวงไว้ 2 เมือง คือกรุงเทพมหานคร และ เชียงใหม่ เวลามีปัญหาอะไรในกรุงเทพฯ ก็กลับไปเชียงใหม่ ไปปรุกระดมที่นั่น
       
"การที่เขาเกณฑ์คนจากที่ต่างๆมาฟังการปราศรัย เพราะเขาเชื่อว่าเงินซื้อทุกอย่างได้ เชื่อว่าเงินซื้อประชาชนได้ เหมือนกับการขุนหมู เขาขุนทุกวัน หมูที่ได้รับการขุนก็ดีใจ แต่พอหมูไม่รู้หรอกว่ากำลังจะถูกเชือด"
       
เขากล่าวด้วยว่า เดินทางทำรายการมาทั่วโลกไม่เคยเห็นผู้นำประเทศใด ที่ใช้กลไกของรัฐบาลโกงกินเท่า "ทักษิณ ชินวัตร" มาก่อน แต่การที่"ทักษิณ"ได้รับความกดดันมากมายขนาดนี้แต่ยังไม่ลาออก มันก็สะท้อนให้เห็นว่าเห็นแก่ตัวและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเอามากๆ
       
 "ปัญหาอยู่ที่ตัวของเขา ถ้าอยากให้ปัญหาจบ เขาควรจะต้องลาออก ต้องเสียสละ เพราะตอนนี้เขาขาดความชอบธรรมแล้ว จะกลับมาทำให้บ้านเมืองสกปรกอีกทำไม"
       
นายนิติภูมิ กล่าวแสดงความมั่นใจว่า หากกลับมาบริหารประเทศอีกครั้งความชั่วของ "ทักษิณ" จะออกมาทีละอย่างสองอย่าง ทุกวันนี้สิ่งที่ประชาชนเห็นยังออกมาไม่ถึง 10% ต่อไปจะทยอยออกมาเรื่อยๆ ผู้คนทั่วประเทศก็จะหูตาสว่างขึ้นและจะทนไม่ไหวในที่สุด
       
"ในการต่อสู้ครั้งนี้ หลังจากพลังประชาชนได้ชัยชนะ จะต้องมีการจัดการกับ "ทักษิณ" และพวกพ้อง ให้หลาบจำ เพื่อให้ผู้ที่คิดจะทรยศต่อประเทศชาติอีก 100 อีก 1,000 ปี จะได้เกิดความเกรงกลัว"


รับร่าง รธน
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #23 เมื่อ: 15-08-2007, 18:29 »

มาแปะอีกบทความ เพื่อเตือนให้รู้ว่า  แม้ว ขายชาติ

ทักษิโณมิกส์ : ภาคอวสาน ซุกหุ้น และขายชาติ
(ยุค ศรีอาริยะ คอลัมน์ สู่โลกอนาคต นสพ.ผู้จัดการรายวัน พุธ 1-8-15 มี.ค. 49 หน้า 13)

เรื่องราวของสรรพชีวิตในโลกมีหลายฉาก พลิกผันเปลี่ยนแปลงไปตามกฎแห่งกรรม มีฉากของการก่อเกิด รุ่งเรือง และจุดจบ ทักษิโณมิกส์ภายใต้การนำของคุณทักษิณก็ไม่แตกต่างออกไป ชีวิตที่เราเรียกว่า "ทักษิโณมิกส์" วันนี้ได้ก้าวย่างสู่ช่วงอวสาน มีสุภาษิตไทยบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า "ปลาใหญ่มักจะตายน้ำตื้น" คนที่ยิ่งใหญ่มักจะเป็นเช่นนี้ เพราะคนที่ยิ่งใหญ่มักมองแต่เรื่องใหญ่ๆ ไม่แคร์ ไม่สนใจเรื่องเล็กๆ และมองข้ามเรื่องเล็กๆ ไม่เข้าใจทฤษฎี Chaos ว่าด้วยเรื่อง Butterfly Effect หรือปรากฏการณ์ผีเสื้อกระพือปีก ซึ่งอธิบายว่า เรื่องเล็กๆ ในช่วงวิกฤตใหญ่ (Chaos) สามารถก่อสถานการณ์ใหญ่เกินคาดได้

ภาคอวสานของ "ระบอบทักษิณ" ปรากฏขึ้นเร็วอย่างเกินคาด หลังกรณีการขายหุ้นชินคอร์ปด้วยเงินจำนวนเจ็ดหมื่นกว่าล้านบาท สำหรับคุณทักษิณ "เรื่องนี้" คือเรื่องเล็กๆ มากๆ และถูกกฎหมาย ไม่น่าก่อสถานการณ์ที่รุนแรงใหญ่โตขึ้นได้ แต่เรื่องนี้กลับกลายเป็นเรื่องที่นักวิชาการเกือบทั่วประเทศออกมาเรียกร้องให้คุณทักษิณพิจารณาตัวเอง และมีส่วนผลักให้ขบวนการเคลื่อนไหวของคุณสนธิขยายตัวเติบใหญ่ ก่อเกิดกระแสต้านจากทุกกลุ่มชน แพร่ระบาด กระจายไปทั่วประเทศ
2 วันก่อน ผมไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปที่ตลาดตอนเช้า แม่ค้าคนหนึ่งกล่าวว่า
"เดี๋ยวนี้ คนรวย คนมีเงินเป็นหมื่นๆ ล้าน ไม่ต้องเสียภาษี มันรีดภาษี เก็บเฉพาะพวกเราเท่านั้น"
อีกคนเสริมว่า
"วันนี้ พวกเรามีแต่จนกับจน ไม่มียุคไหน สมัยไหน ประชาชนไทยถูกรีดภาษีหนักเท่ากับยุคนี้"
คนถัดไปพูดต่อว่า "เดี๋ยวนี้ มันนับภาษีกันเป็นชามๆ (ชามขายก๋วยเตี๋ยว)"
อีกคนหนึ่งบ่นอุบ
"ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส และราคาน้ำมัน ก็มีแต่ขึ้นๆ ขึ้นทุกวัน แล้วไอ้หน้าเหลี่ยมกลับบอกว่า อีก 6 ปีจะไม่มีคนจน ข้าว่าอีก 6 ปีคนจนก็จะตายกันหมดประเทศ"
ผมถามแม่ค้าว่า "ถ้าไม่เอาทักษิณ แล้วจะเอาใคร"
แม่ค้าคนหนึ่งตอบว่า
"ศรีอยุธยา ไม่สิ้นคนดีหรอก"
อีกคนหนึ่งก็เสริมว่า
"คนดีๆ มีความรู้ มีศีลธรรมอยู่ข้างๆ ในหลวงท่านเยอะแยะ"
แม่ค้าคนแรกแย้งตบท้ายว่า
"ถึงจะเก่งกาจแค่ไหน ถ้าไร้ศีลธรรม ก็ไม่สมควรเป็นผู้นำ"
นี่คือความเข้าใจเรื่อง "ศีลธรรม" และ "จริยธรรม" แบบชาวบ้าน ซึ่งแตกต่างไปจากนักวิชาการ
วันนั้น ผมจึงเริ่มได้คิดว่าชาวบ้านฉลาดกว่าด๊อกเตอร์อย่างผมอีก


สมัยที่ผมเป็นเด็ก พ่อแม่สอนผมว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ผมท่องจนขึ้นใจ แต่จริงๆ แล้ว ผมไม่แน่ใจนักว่าจริงหรือไม่ เพราะผมตอบไม่ได้ว่าทำไมคนเลวๆ จึงร่ำรวยเอา ร่ำรวยเอา   พอผมอายุมากขึ้น ผ่านเรื่องราวชีวิตมากมาย ผมจึงเริ่มรู้ว่า สรรพชีวิตขึ้นอยู่กับกฎแห่งกรรม ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้   ชีวิตของ ทักษิโณมิกส์ ก็ไม่แตกต่างออกไป

พรรคไทยรักไทยก่อกำเนิดขึ้น และขยายตัวได้อย่างรวดเร็วด้วยนโยบายที่ดีๆ จำนวนหนึ่ง เริ่มจาก 30 บาทรักษาทุกโรค การพักชำระหนี้ การทำนโยบายกระตุ้นส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อย รวมถึงการส่งเสริมการผลิตสินค้าแบบโอท๊อป (หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์)  นโยบายเหล่านี้ช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับ "พรรคไทยรักไทย" อย่างมาก ประกอบกับคุณทักษิณเป็นผู้นำที่ขยัน และจริงจัง คุณทักษิณจึงสามารถชนะใจชาวบ้านได้  ผมจำได้ว่า ตอนตั้งพรรคใหม่ๆ เพื่อนๆ ของผมหลายคนเข้าไปช่วยทำงานให้กับพรรคไทยรักไทย เพื่อนๆ ได้ช่วยกันผลักดันนโยบายทางด้านสังคมที่ดีๆ เหล่านี้ออกมา
"กรรมดี" เหล่านี้จึงมีส่วนก่อเกิด และเมื่อประสานกับความสามารถในการใช้สื่อ พรรคไทยรักไทยจึงเริ่มผงาดขึ้นเหนือการเมืองไทย 

ผมมาเริ่มตั้งคำถามกับพรรคไทยรักไทย เมื่อได้ข่าวว่ามีคนดีๆ จำนวนหนึ่ง อย่างเช่น ท่านอาจารย์หมอเกษม อาจารย์ปุระชัย....ได้ตีตัวออกจากพรรคไทยรักไทย  หลังจากนั้นไม่นาน เพื่อนๆ หลายคนก็เริ่มทยอยออกมา และสิ้นหวังกับพรรคไทยรักไทย  เจอเพื่อนเก่าคนหนึ่ง บอกว่า
"พี่ครับ เขา (คงหมายถึงคุณทักษิณ) ไม่ได้คิดถึงคนจนจริงๆ หรอก เขาเพียงหลอกพวกเราไปช่วยเขาสร้างภาพเท่านั้น ความจริงแล้วเขาทำทุกอย่างเพื่อธุรกิจ และตลาดหุ้น"
ผมได้แต่ฟังเพื่อน ไม่ได้พูดอะไร และเริ่มสงสัยไทยรักไทยมากขึ้นๆ
เวลาผ่านไป เรื่องราวการคอร์รัปชันก็ปรากฏ เรียงร้อยกันออกมามากมาย
บางเรื่องไม่เรียกว่า คอร์รัปชันโดยทั่วไป หรือเรียกว่า คอร์รัปชันแบบถูกกฎหมาย แต่ผิดศีลธรรม
เริ่มจากการออก พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต เปลี่ยนการจ่ายค่าต๋งสัมปทานกิจการโทรศัพท์มือ ผลักภาระภาษีให้แก่ผู้บริโภค ทำให้บริษัท เอไอเอส ของตระกูลชินวัตร ประหยัดค่าสัมปทานไปกว่า 1 หมื่นล้านบาท

หลังจากนั้น BOI ได้ให้สิทธิพิเศษย้อนหลังภาษีแก่บริษัทชินแซทเทลไลท์ ในการลงทุนดาวเทียมโดยไม่ต้องจ่ายภาษี เป็นเวลา 8 ปี ทำให้รัฐสูญเงินไป 1.6 หมื่นล้านบาท ตามด้วย การลดค่าสัมปทานสถานีโทรทัศน์ ไอทีวี จากประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท เหลือจ่ายเพียง 3 พันล้านบาท
สิทธิพิเศษเหล่านี้ถูกกฎหมาย แต่ผิดศีลธรรม และในเวลาเดียวกัน สิทธิพิเศษเหล่านี้ได้ทำให้ราคาหุ้นบริษัทชินคอร์ป พุ่งขึ้นทุกวัน นำกำไรมหาศาลมาสู่ตระกูลชินวัตร และดามาพงศ์ (กำไรสุทธิในระหว่างปี 2541 ถึง 2547 รวมกันเป็นเงินถึง 111,877 ล้านบาท)
ในเวลาเดียวกัน มีข่าวคอร์รัปชันในเรื่องอื่นๆ ปรากฏเด่นชัด หลายต่อหลายเรื่อง ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ จนถึงเรื่องใหญ่ๆ ยกตัวอย่างเช่น

1. ทุจริตลำไยที่ภาคเหนือ จนกลายเป็นข่าวใหญ่ และปิดไม่อยู่ แต่คนที่ต้องรับผิดกลายเป็นเพียงข้าราชการ ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่มีนักการเมืองเกี่ยวข้องเลย
2. โครงการประมูลต้นกล้ายางพารา 90 ล้านต้น มูลค่า 1.4 พันล้านบาท เรื่องนี้เกี่ยวพันกับบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี
3. เรื่องการจัดซื้อ และจัดจ้างเครื่องตรวจจับระเบิด CTX 9000 มูลค่า 4.3 พันล้านบาท ซึ่งได้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวมาก
4. โครงการสัมปทานคลังสินค้า ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งใช้งบไปถึง 8 หมื่นล้านบาท นับว่ามากจนผิดปรกติอย่างชัดเจน
5. โครงการประกวดราคาไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มูลค่า 4 พันล้านบาท ที่ส่อเค้าว่ามีการฮั้วประมูล....ฯลฯ และยังมีอีกหลายเรื่อง

ทั้งหมด คือ อกุศลกรรมที่ "ทักษิโณมิกส์" เริ่มออกลายการกินเมือง
เรื่องอกุศลกรรมเหล่านี้ได้แพร่กระจาย กลายเป็นข่าวลือไปทั่วประเทศ
การเคลื่อนไหวของคุณสนธิมีส่วนช่วยแพร่กระจายเรื่องราวเหล่านี้ จนคนไทยเกือบทุกหมู่เหล่าได้รับรู้กันเกือบทั้งประเทศ
นี่คือ "กรรมเลว" ที่หันกลับมาทำลาย ทักษิโณมิกส์

รับร่าง รธน
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #24 เมื่อ: 15-08-2007, 18:33 »

ตอน ๒ ของ คนเขียนคนเดียวกัน  เอามาเตือนความจำ

ระบอบ แม้ว  ต่อให้ใช้เงิน  ก็ไม่พ้นกฏแห่งกรรม

 ทักษิโณมิกส์ : ภาคอวสาน ซุกหุ้น และขายชาติ (ยุค ศรีอาริยะ คอลัมน์ สู่โลกอนาคต นสพ.ผู้จัดการรายวัน พุธ 1-8-15 มี.ค. 49 หน้า 13)   ข้อความบางตอน

จำได้ว่าวันหนึ่งผมเจอเพื่อนที่ไปร่วมชุมนุมที่สวนลุมพินี ถามว่า
“ทำไมคุณยุคมาเข้าร่วมกับคุณสนธิ”   ผมตอบว่า
“เหตุผลที่ผมมาเข้าร่วม ไม่ใช่เรื่องสงสารคุณสนธิ และไม่ใช่เรื่องคอร์รัปชัน หรือผลประโยชน์ทับซ้อน ผมมาเข้าร่วมเพราะผมเป็นชาวพุทธ”
เล่นเอาเพื่อนๆ มองหน้าผมด้วยความสงสัย ผมตอบว่า
“สิ่งที่ชาวพุทธรับไม่ได้คือ บาปกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเรื่อง การ “ฆ่า” คน”  ผมบอกเพื่อนว่า
“ในยุคทรราช สมัยสฤษดิ์ ถนอม และประภาส ผู้คนที่ถูก “ฆ่า” น่าจะมีไม่เกิน 10 คน”
ผมกล่าวเสริมว่า  “ในช่วงที่ผ่านมา ผมติดตามปัญหาภาคใต้มาตลอด ศึกษาข้อมูลแล้วก็สลดใจ ไม่มีนักวิชาการคนใดจะปฏิเสธได้ว่า เหตุการณ์ภาคใต้มีสาเหตุหลักมาจากการอุ้มฆ่า อย่างน้อยที่สุด เท่าที่รู้คือ 106 ศพ”   ผมตอบตัวเองไม่ได้ว่า คนเหล่านี้ ทำผิดอะไร ทำไมจึงไม่ได้รับความเป็นธรรมในแง่กฎหมาย  “การอุ้มฆ่าอย่างเมามัน” นี่คือที่มาของสงครามที่คนไทยต้องฆ่าคนไทยด้วยกันเอง
เรื่องที่สะเทือนใจผมอย่างมาก คือเรื่องการอุ้มฆ่า “คุณสมชาย นีละไพจิตร”
คุณสมชายผิดอะไร ถ้า “ผิด” ทำไมไม่นำมาขึ้นศาล เพื่อพิสูจน์ความผิด
คุณทักษิณมักจะอ้างว่า มีคน 19 ล้านคนเลือกมาเป็นนายก แต่คน 19 ล้านคนที่เลือกมาไม่ได้ให้อำนาจนายกฯ ทำอะไรก็ได้ หรือยืนอยู่เหนือกฎหมายบ้านเมือง ผมคิดว่าในจำนวนคน 19 ล้านคน ไม่มีใครสักคนเดียว ที่จะเห็นว่า การฆ่าคนอย่างเมามัน คือเรื่องถูกต้องและชอบธรรม
จนถึงวันนี้ วิญญาณของคุณสมชาย และชาวไทยมุสลิมอีกกว่าร้อยชีวิต ยังวนเวียนและร้องหาความยุติธรรมอยู่ ตราบใดที่ “คนบาป” ยังไม่ถูกจับมาลงโทษ ไม่มีวันที่วิญญาณเหล่านี้จะไปผุด ไปเกิด
ผมบอกเพื่อนๆ ว่า “การฆ่า คือ บาปที่หนักที่สุด”   และกล่าวเสริมว่า
“เราชาวพุทธทุกคนล้วนแต่มีความอดทนอดกลั้นเป็นที่ตั้งด้วยกันทั้งนั้น แต่เมื่อเรารู้ว่า อะไรเป็นอะไร ก็ต้องลุกขึ้นต่อสู้กับอธรรม จะเมินเฉย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ได้”
จะวางตัวเป็น “กลาง” แบบไม่ทำอะไรนั้น ไม่ได้ เพราะว่าไม่มีคำว่า “เป็นกลาง” ระหว่าง “ธรรม” กับ “อธรรม”
เส้นทางของชาวพุทธมีเพียงเส้นทางเดียว ที่ยืนแนวแน่อยู่บนสายธรรม พิทักษ์ธรรม และสู้เพื่อความดีงาม
ชาวพุทธที่แท้นั้น เวลาสู้ ก็จะสู้แบบอหิงสา ไม่มีเจตนาจะทำลายอะไร แต่เป็นไปเพื่อประกาศธรรม
เราชาวพุทธมีหน้าที่ ที่ต้องสร้างและพัฒนา “ธรรม” ไม่เพียงสร้าง “ธรรม” กลางดวงใจของเราเท่านั้น แต่เราต้องช่วยกันสร้างสังคมและการเมืองให้มี “ธรรม” เป็นหัวใจด้วย
เมื่อคนบาปครองเมือง เราจะคิด “ปรองดอง” กับคนบาปและอธรรม โดยไม่ทำอะไรเลย ก็เท่ากับเราร่วมทำบาปทำกรรมแก่แผ่นดินด้วย เพราะเท่ากับเรามีส่วนส่งเสริมให้ “อธรรม” กินบ้านครองเมือง
เราชาวพุทธ ต้องแนวแน่ แก้ไขในสิ่งผิด  ผมบอกเพื่อนๆ ว่า
“เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อทำลายคุณทักษิณ แท้จริงแล้ว คุณทักษิณทำลายตัวเองด้วย “อกุศลกรรม” ที่เขาก่อขึ้นเอง เราสู้เพื่อให้คุณทักษิณเองตาสว่างขึ้น และเข้าใจว่าตัวเองก่อกรรรมอะไรไว้บ้าง”
“อกุศลกรรม” ที่ผมกล่าวมาทั้งหมด คือ ที่มาแห่งความเสื่อม
ผมกล่าวอย่างสรุปว่า
“ใครก่อกรรมดี ย่อมได้ดี ใครก่อกรรมชั่ว ก็ต้องได้รับผลกรรมที่ตนเองทำ”

ฉากสุดท้าย และเรื่องราวแห่งความตาย
คนโบราณมักกล่าวว่า เมื่อกรรมบังตา ทุกอย่างก็จบ อวสานของทักษิโณมิกส์ก็ปรากฏขึ้น จำนวนเงินถึง 73,000 ล้านบาท ได้กลายเป็นกรรมที่บังตา มีใครบ้างเล่าที่หลงอยู่ในความโลภ จะละได้
ผมคิดว่า ฉากอวสานของทักษิโณมิกส์ เริ่มเรื่องจากการขายหุ้นชินฯ หลังจากนั้น ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร ได้ออกมาแถลงข่าวเรื่องการขายหุ้นชินคอร์ป มีนักวิชาการมากมายออกมาวิจารณ์ ดร.สุวรรณ กันทั่วประเทศ
ผมบอกบรรดาเพื่อนๆ ว่า อย่าไปว่าท่านเลย ท่านมีส่วนช่วยชาติ (อย่างยิ่ง) เพราะท่านช่วยให้คนไทยทั้งประเทศ ตาสว่าง
ตอนที่ท่านแถลง ผมจับประเด็นที่น่าสนใจได้ 2 ประเด็น
ประเด็นแรก ท่านบอกว่าคุณทักษิณตั้ง Ample Rich (หรือที่แปลเป็นไทยว่า บริษัทมหารวย) ขึ้นที่เกาะบริติช เวอร์จิ้น เพื่อจะนำเอาบริษัทชินฯ เข้าตลาดหุ้นที่แนสแด็ก
ตอนนั้นนั่งฟังอยู่กับเพื่อนๆ ผมจึงบอกเพื่อนๆ ว่า
“ที่เกาะนี้ ไม่มีนักวิชาการ และนักธุรกิจระหว่างประเทศคนใดไม่รู้ว่า ที่นี้ คือ ที่ ซุกเงิน ซุกหุ้นและแหล่งหลบภาษี ของพวกอภิมหาเศรษฐีโลก และบริษัทข้ามชาติระดับโลก”
ผมกล่าวเสริมว่า
“บริษัทไหนมีสาขาที่นี่ ไม่มีสิทธิ์ หรือไม่มีทางจะเข้าตลาดแนสแด็ก เพราะแสดงชัดว่าบริษัทนั้น เป็นบริษัทที่มีความไม่โปร่งใสซ่อนอยู่ เพราะที่เกาะนี้จะปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการไหลเวียนของเงิน และหุ้นที่ซุกอยู่ รวมทั้งไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินอื่นๆ ได้”
คุณสุวรรณบอกว่า ตอนนั้นไม่ได้เอาบริษัทชินฯเข้าตลาด เนื่องจากตลาดแนสแด็กตกต่ำ ก็พอฟังได้ แต่พอเช็กข้อมูลก็พบว่า ในช่วงปี 2000 จนถึงปลายปียังเป็นช่วงที่เศรษฐกิจอเมริกา และตลาดหุ้น อเมริกาขยายตัว ทำให้คำยืนยันของคุณสุวรรณไม่น่าเชื่อถือ
ประเด็นที่สอง คุณสุวรรณบอกว่า ก่อนที่คุณทักษิณจะเข้ารับตำแหน่ง ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ในนามของ Ample Rich ให้แก่ลูกชาย (ต่อมาแบ่งให้ลูกสาว) ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว

ผมและเพื่อนๆ ฟังจบ ก็สรุปร่วมกันว่า
“คุณทักษิณซุกหุ้น ที่ Ample Rich ในนามของลูกชาย และลูกสาว”
ทำไม “ซุกหุ้น” เนื่องจากลูกชายและลูกสาวคุณทักษิณไม่เคยแจ้งว่า “มีหุ้น” ดังกล่าวแก่ ก.ล.ต.เลย จนเรื่องมาแดงขึ้นหลังจากการขายหุ้นชินฯ ดังกล่าว ซึ่งหมายความว่าทั้งลูกชายและลูกสาวคุณทักษิณมีเจตนาซุกหุ้น
คำถามที่ต้องตอบคือ ถามลูกๆ ซุกหุ้น พ่อซุกหุ้นด้วยหรือเปล่า
ถ้าตอบในแง่กฎหมาย อาจจะตอบว่า พ่อไม่ได้ “ซุก”
แต่ถามตอบในแง่วัฒนธรรม ต้องกล่าวว่า “ซุก” แน่นอน เพราะคนจีนที่ทำธุรกิจในประเทศไทย วางฐานเศรษฐกิจบนฐานครอบครัวที่ถือว่า “พ่อเป็นใหญ่” บริษัทชินวัตรจึงเป็นบริษัทครอบครัว เป็นธุรกิจที่ทำกันทั้งครอบครัว แม้ว่าคุณทักษิณจะทำงานการเมือง แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ภรรยาคุณทักษิณชินวัตร ก็ช่วยดูแลธุรกิจของตระกูลชินวัตรอยู่ด้วย ในกรณีนี้ ลูกๆ แม้จะบรรลุนิติภาวะแล้ว ก็ยังต้องทำทุกอย่างตามคำสั่งแม่และพ่อ พูดง่ายๆ มองในแง่วัฒนธรรม “แม่” คือผู้คุมตัวจริงในทางธุรกิจ แต่ในกรณีครอบครัวคนจีน แม่จะทำธุรกรรมใดๆ ก็ต้องปรึกษาพ่อก่อนเสมอ
นอกจากนี้ คุณทักษิณจะอ้างว่า “ไม่รู้เรื่อง” ลูกชายและลูกสาว “ซุกหุ้น” ไม่ได้ เพราะว่า ตามที่คุณสุวรรณแถลง คุณทักษิณเป็นคนขายหุ้นดังกล่าวแก่ลูกชายด้วยตัวเอง
ดังนั้น ในแง่กฎหมาย คุณทักษิณจึงมีส่วนสมรู้ร่วมคิด ช่วยให้ลูกชายและลูกสาว “ซุกหุ้น” และช่วยปกปิดการซุกหุ้นครั้งนี้ด้วย
ถ้ามองในด้านวัฒนธรรม สามารถกล่าวอย่างสรุปว่า
คุณทักษิณ นั่นแหละคือ “ไอ้ตัวซุกหุ้น” และเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง เพราะลูกๆ ของคนจีน แม้ว่าจะบรรลุนิติภาวะแล้ว ก็ยังต้องเชื่อฟังพ่อและแม่ และต้องทำตามคำสั่งของพ่อแม่
พูดง่ายๆ “พ่อ” คือ คนสั่งให้ ลูกๆ “ซุกหุ้น” แทนพ่อ ในนามของลูก
หุ้นนี้ถูก “ซุก” อยู่หลายปีมาก แต่ในช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ได้มีความพยายามของลูกชายและลูกสาวแม้แต่น้อยที่จะนำบริษัทชินฯ เข้าตลาดแนสแด็ก แม้ว่าตลาดดังกล่าวมีช่วงที่ตลาดขยายตัว นี่แสดงชัดว่า ข้ออ้างว่าตั้ง Ample Rich เพื่อจะเอาเข้าแนสแด็ก จึงเป็นเรื่อง “โกหก”
แต่การขายหุ้นครั้งนี้ มีเรื่องที่สำคัญกว่าข้อหา “ซุกหุ้น” นั่นคือ ข้อหา “ขายชาติ”
---------------------------------
ดร.วิวัฒน์ชัย อัตถากร เขียนบทความเรื่อง “สู่เมืองขึ้นยุคทุนใหญ่ครองชาติ” มีข้อความน่าสนใจว่า
“อย่าลืมว่า ขณะนี้ ทุนข้ามชาติจากประเทศเล็กอย่างสิงคโปร์ได้ควบคุมเศรษฐกิจไทยในสาขาหลักๆ ไว้ มีหุ้นกระจายอยู่แทบทุกสาขา เรียกว่า ได้ยึดเส้นเลือดใหญ่ไว้ โดยทุนสิงคโปร์ล้วนแล้วเป็นทุนรัฐบาลมีหุ้นใหญ่ จึงต้องตระหนักให้ดีว่า ทุนสิงคโปร์เป็นทุนนายหน้าของทุนอเมริกันด้วย เมื่อถูกทุนสิงคโปร์เทคโอเวอร์ ก็เท่ากับถูกอเมริกาครอบครองเช่นกัน”

รับร่าง รธน
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #25 เมื่อ: 15-08-2007, 18:46 »

ความชั่วของทักษิณได้รับรู้มานานแล้ว

แต่บางข้อก็เพิ่งจะรู้นี่เอง

เขียนวิจารณ์ ด่าไปอีกหลายวันก็ยังไม่จบเลยจริงๆ

แต่แปลกใจที่ทำไมคนส่วนหนึ่งยังเลือกมันอยู่
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #26 เมื่อ: 16-08-2007, 12:32 »

แต่แปลกใจที่ทำไมคนส่วนหนึ่งยังเลือกมันอยู่----- คนพวกนี้ทำเพื่อเงิน เงินที่โกงไป  เอามารักษาอำนาจ
ทั้งหมดทำเพื่อให้ มาน กลับมามีอำนาจ

---------------------------------------------------

คดีเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่รักษาผลประโยชน์ให้ประเทศชาติ เพราะกลัวพวกนักการเมือง 
---------------------------------------------------
อัยการ ยื่นฟ้องอดีตอธิบดีกรมสรรพากร-ผอ.สำนักกฎหมาย ฐานละเว้น-ช่วยเหลือ'บรรณพจน์-พจมาน' เลี่ยงภาษีโอนหุ้นชินฯ กว่า 270 ล้าน ญาติใช้ฉโนดที่ดินยื่นประกันตัว ตีราคาคนละ 3 แสน ศาลนัดแถลงเปิดคดี 1 ตุลาคมนี้

นายเฉลียว รอดเดช พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อายุ 59 ปี อดีตอธิบดีกรมสรรพากร นายวิชัย จึงรักเกียรติ อายุ 58 ปี อดีตผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมสรรพากร น.ส.สุจินดา แสงชมพู อายุ 57 ปี นิติกร 9 ชช. น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อายุ 49 ปี นิติกร 8 ว. และน.ส.กุลฤดี แสงสายัณห์ อายุ 44 ปี นิติกร 7 ว. เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เรียกเก็บหรือตรวจสอบภาษีอากรค่าธรรเนียม หรือเงินอื่นใดโดยทุจริตร่วมกันเรียกเก็บหรือละเว้นไม่เรียกเก็บภาษีอาการค่าธรรมเนียมหรือเงินนั้น หรือกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดเพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมนั้นมิต้องเสียหรือเสียน้อยไปกว่าที่จะต้องเสีย เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.90 ,154 ,157 และ 83

ตามคำฟ้องระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2540 คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โอนหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่อยู่ในชื่อของ น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี คนรับใช้เป็นผู้ถือหุ้นแทน จำนวน 4.5 ล้านหุ้น มูลค่า 738 ล้านบาท ให้แก่ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายต่างมารดาโดยไม่มีค่าตอบแทน ซึ่งหุ้นจำนวนดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างอื่น ซึ่งคำนวณเป็นเงินพึงได้ตาม ม.39 และ 40 (Cool แห่งประมวลรัษฎากร ต้องเสียภาษีเป็นเงินประมาณ 270 ล้านบาทเศษ แต่นายบรรณพจน์กลับไม่เสียภาษีและไม่ได้แจ้งเรื่องการได้รับหุ้นให้กรมสรรพากรทราบ

กระทั่งกรมสรรพากรมทราบเรื่องดังกล่าว จากผลของการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ครั้งที่ 98/2543 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2543 ซึ่งพิจารณารายงานผลการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของพ.ต.ท.ทักษิณ แล้วมีมติว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน หนี้สินและเอกสารประกอบ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง กรมสรรพากรจึงมีหนังสือลับด่วนที่สุดลงวันที่ 28 ธันวาคม 2543 ขอข้อมูลการตรวจสอบทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ คู่สมรส และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.

ต่อมาระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 5 ตุลาคม 2544 จำเลยทั้ง 5 ได้ร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมาย โดยกรมสรรพากรได้เรียกนายบรรณพจน์ และคุณหญิงพจมานมาให้ถ้อยคำเรื่องการโอนหุ้นในคดีนี้ว่า นายบรรณพจน์ได้ช่วยเหลือธุรกิจของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ และภริยา คุณหญิงพจมานจึงยกหุ้นให้แก่บุตรชายของนายบรรณพจน์ เพื่อเป็นของขวัญโดยนายบรรณพจน์ไม่ต้องทำอะไรเป็นสิ่งตอบแทนและไม่มีข้อผูกพันหรือสัญญา เนื่องจากขณะนั้นคุณหญิงพจมานและครอบครัวมีทรัพย์สินกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการให้โดยเสน่หาเข้าหลักเกณฑ์ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตามประมวลรัษฎากร ม.42 (10) แต่เนื่องจากเป็นปัญหาข้อกฎหมาย กรมสรรพากรจึงส่งเรื่องให้สำนักงานกฎหมาย กรมสรรพากรพิจารณาให้ความเห็น โดยจำเลยที่ 2-5 ได้ร่วมกันพิจารณาและวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวแล้วเห็นว่าคุณหญิงพจมานอยู่ในฐานะและวิสัยที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลทรัพย์สินแก่นายบรรณพจน์ได้ ควรได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษี

จากนั้น จำเลยที่ 2-5 จึงเสนอความเห็นให้จำเลยที่ 1 พิจารณาและวินิจฉัยสั่งการในการจัดเก็บภาษีอาการหรือตรวจสอบภาษีดังกล่าว แต่จำเลยที่ 1 ไม่ได้ใช้ดุลยพินิจพิจารณาถึงข้อโต้แย้งให้เป็นที่ยุติก่อน และได้มีคำสั่งในฐานะผู้ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากร (ในขณะนั้น) ให้ความเห็นชอบกับคำวินิจฉัยของจำเลยที่ 2-5 เป็นผลให้กรมสรรพกรต้องยุติการตรวจสอบการเสียภาษีการโอนหุ้นบริษัทชินฯ ระหว่างคุณหญิงพจมานกับนายบรรณพจน์ ทำให้นายบรรณพจน์ไม่ต้องเสียภาษี เป็นเงินประมาณ 270 ล้านบาท ทั้งที่ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในการโอนหุ้นดังกล่าวไม่เข้าลักษณะการอุปการะและไม่ใช่การให้โดยเสน่หา จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์การยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี

นอกจากนี้ จำเลยทั้ง 5 พิจารณาและวินิจฉัยฟังจากคำให้การของคุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์เพียงอย่างเดียวไม่ได้สอบสวนพยานบุคคล พยานเอกสารให้แน่ชัดว่าข้อเท็จจริงเป็นไปตามคำให้การของบุคคลทั้งสองหรือไม่ อันเป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายโดยชัดแจ้ง ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของรัฐและสาธารณชนเป็นสำคัญเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมีเจตนเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนายบรรณพจน์ที่ไม่ต้องเสียภาษี เป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหาย ประมาณ 270 ล้านบาท การกระทำของพวกจำเลย จึงเป็นความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำโดยทุจริตเสนองานตรวจสอบและเรียกเก็บภาษีอากรตามระเบียบราชการ แต่ร่วมกันกระทำโดยเจตนาช่วยเหลือนายบรรณพจน์ ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีอากรแต่ให้ได้รับการยกเว้น โจทก์ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย

ทั้งนี้ ศาลนัดแถลงเปิดคดีในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ เวลา 13.30 น. ต่อมาญาติของจำเลยทั้ง 5 ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินย่านต่างๆ ขอประกันตัว ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้พวกจำเลยประกันตัวไป โดยตีราคาประกันคนละ 300,000 บาท นอกจากนี้ มีรายงานว่าจำเลยทั้งหมด ทางกระทรวงการคลังตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยแล้ว

 
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #27 เมื่อ: 16-08-2007, 19:00 »


สุจิต” ชี้ “แม้ว” ทำพิลึกขอลี้ภัยการเมืองหลังถูกศาลออกหมายจับคดีอาญาข้อหาทุจริต แทนที่จะดำเนินการตั้งแต่ถูกยึดอำนาจใหม่ๆ ขณะเดียวกัน ข้ออ้างถูกทหารรังแกฟังไม่ขึ้น เพราะเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายเดิมที่มีอยู่ทุกอย่าง โดยเฉพาะศาลที่ไม่ได้อยู่ใต้อำนาจ คมช.
       
       วันนี้ (16 ส.ค.) ที่รัฐสภา นายสุจิต บุญบงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงการขอลี้ภัยทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หนึ่งในผู้ต้องหาคดีทุจริตซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ว่า โดยทั่วไปแล้วการขอลี้ภัยทางการเมืองจะทำในกรณีที่เป็นผู้นำทางการเมืองที่ถูกยึดอำนาจ หรือถูกเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้วไม่สามารถอยู่ในประเทศนั้นได้ เพราะอาจจะไม่ปลอดภัย สามารถขอลี้ภัยทางการเมืองกับประเทศอื่น ซึ่งผู้ที่จะขอลี้ภัยก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ไม่ปลอดภัยจริง โดยประเทศนั้นต้องยินยอมพร้อมใจ
       
       “อดีตผู้นำของโลกส่วนใหญ่ก็ขอลี้ภัยทันทีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ไม่ใช่พอถูกดำเนินคดีทางกฎหมายแล้วมาอ้างเงื่อนไขทางการเมืองเพื่อขอลี้ภัย ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะไม่เกี่ยวข้องกัน ประเทศที่จะรับลี้ภัยก็ต้องพิจารณาว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่” นายสุจิต ซึ่งเป็นอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อยในคดีซุกหุ้นกล่าว
       
       สนช.ผู้นี้ยังกล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะอ้างต่อนานาประเทศว่าที่ถูกคณะทหารใช้อำนาจเผด็จการไม่ได้ เพราะแม้คณะทหารจะเป็นผู้มายึดอำนาจ แต่การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายที่มีอยู่แล้ว แม้ทหารจะตั้ง คตส.แต่ คตส.ก็ดำเนินการภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ ทั้งกฎหมาย ป.ป.ช.และ ปปง.หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ การอายัดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ใช่อายัดตามคำสั่งของคณะผู้ยึดอำนาจ ในส่วนของศาลยุติธรรมก็ไม่ใช่ว่าทหารแต่งตั้งศาลขึ้นมาเพื่อพิจารณาคดีนี้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกเดิมที่มีอยู่แล้วทั้งสิ้น
       

       นายสุจิต กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนี้ ผูกโยงการเคลื่อนไหวของตัวเองไว้กับสถานการณ์ทางการเมืองของไทย ซึ่งเขาจะประเมินว่าตนจะได้เปรียบหรือไม่ หากกลุ่มที่ต่อต้าน คมช.เริ่มมีพลังเขาจะเดินเกมรุกใส่ คมช.ทันที แต่ในระยะสั้นเชื่อว่ายังคงยื้ออยู่ในต่างประเทศ ยังไม่กล้ากลับมาในช่วงนี้
       
รับร่าง รธน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2007, 19:02 โดย drop » บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #28 เมื่อ: 17-08-2007, 07:53 »

ถือโอกาส ศึกษา หาความรู้เรื่อง การส่งผู้ร้ายข้ามแดน 

ยังไง  แม้ว  ก็ได้ชื่อว่า เป็นผู้ถูกออกหมายจับ 

สนธิสัญญาไทย-อังกฤษ2ฉบับ ขั้นตอนขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน

ประกาศสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ร.ศ.129

ข้อ 1
ประเทศที่ทำสัญญากันทั้ง 2 ฝ่ายนี้ สัญญาจะส่งซึ่งกันและกันบรรดาคนที่อยู่ในอำนาจศาลของฝ่ายนั้นๆ อันเป็นคนที่ต้องหาหรือที่พิจารณาเป็นสัตย์ว่ากระทำผิดมีโทษในดินแดนของฝ่ายหนึ่ง ซึ่งจะหลบหนีไปพบตัวอยู่ในดินแดนอีกฝ่ายหนึ่งนั้น ตามเหตุการณ์และตามข้อความที่กล่าวไว้ในหนังสือสัญญานี้

ข้อ 2
ความผิดอันมีโทษทั้งหลาย ซึ่งจะส่งผู้ร้ายข้ามแดนแก่กันนั้น (เฉพาะข้อที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ) ได้แก่ โทษยักยอกทรัพย์, หรือลักทรัพย์ โทษฉ้อโกงเอาเงิน หรือสิ่งของ หรือหนังสือสำคัญ, โทษฉ้อโกง ซึ่งผู้รับมอบทรัพย์ธนาคาร เอเย่นต์ ผู้รับขาย ผู้ที่ไว้ใจให้จัดการ หรือผู้อำนวยการ หรือสมาชิก หรือพนักงานของบริษัทใดๆ ได้กระทำผิดซึ่งกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลานั้น กำหนดไว้ว่าเป็นความผิดในทางอาญา

การส่งผู้ร้ายข้ามแดนกันนั้น ถ้ากฎหมายทั้งสองฝ่ายว่าผู้สมรู้ร่วมคิดมีความผิดควรลงโทษด้วยแล้วก็จะส่งผู้สมรู้ร่วมคิดให้ซึ่งกันและกันด้วยเหมือนกัน

ถ้าโทษอย่างอื่นๆ นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ถ้ามีความอยู่ในกฎหมายซึ่งใช้อยู่ทั้งสองฝ่ายว่าจะส่งผู้ร้ายให้กันได้นั้น ก็สุดแล้วแต่ประเทศซึ่งรับคำขอให้ส่งนั้นจะเห็นสมควร จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้ต่อกันหรือไม่

ข้อ 3
รัฐบาลฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเมื่อเห็นว่า ไม่ควรยอมส่งคนในบังคับของรัฐบาลฝ่ายนั้นให้แก่รัฐบาลอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว ก็ไม่ต้องส่งให้แก่กัน

ข้อ 5
ถ้าผู้ร้ายที่หนีมายังประเทศใด ประเทศนั้นเห็นว่าโทษที่ขอให้ส่งตัวไปชำระนั้น เป็นโทษมีลักษณะผิดต่ออำนาจของบ้านเมืองก็ดี หรือว่าผู้ร้ายนั้นนำพยานพิสูจน์ให้เห็นว่า การที่ขอให้ส่งตัวกลับไป เป็นการเพื่อจะชำระและลงโทษ อันมีลักษณะผิดต่ออำนาจของบ้านเมืองแล้ว ก็ไม่ต้องส่งผู้ร้ายคนนั้นให้แก่กัน

สนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา พ.ศ.2537

ข้อ 1 พันธกรณีที่จะให้ความช่วยเหลือ

1.ภาคีตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามบทบัญญัติแห่งสนธิสัญญาฉบับนี้ในเรื่องที่เกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน การฟ้องคดี และกระบวนการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องทางอาญา

2.ความช่วยเหลือให้รวมถึง แต่ไม่จำกัดเฉพาะเรื่องต่อไปนี้

(ก) การสืบพยานบุคคล และการสอบปากคำบุคคล

(ข) การจัดหาให้ซึ่งเอกสาร บันทึก และพยานหลักฐาน

(ค) การส่งเอกสาร

(ง) การปฏิบัติตามคำร้องขอในการค้นและการยึด

(จ) การโอนตัวบุคคลที่ถูกคุมขังเพื่อการสืบพยานบุคคล

(ฉ) การสืบหาตัวบุคคล

(ช) การให้ความช่วยเหลือในการยึดชั่วคราวและการดำเนินการริบทรัพย์สิน

ข้อ 2 ข้อจำกัดในการปฏิบัติตามคำร้องขอ

1.ภาคีผู้รับคำร้องขออาจปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำร้องขอในกรณีที่

(ก) คำร้องขอนั้นจะกระทบกระเทือนอธิปไตย ความมั่นคง หรือผลประโยชน์สาธารณที่สำคัญยิ่งอื่นๆ ของภาคีผู้รับคำร้องขอ หรือ

(ข) คำร้องขอนั้นเกี่ยวเนื่องกับความผิดทางการเมือง

2.ก่อนที่จะปฏิเสธการปฏิบัติตามคำร้องขอใดๆ ตามข้อนี้

ภาคีผู้รับคำร้องขอจะต้องวินิจฉัยก่อนว่าสามารถให้ความช่วยเหลือได้หรือไม่ภายใต้เงื่อนไขที่ภาคีผู้รับคำร้องขอเห็นว่าจำเป็น ถ้าภาคีผู้ร้องขอยอมรับความช่วยเหลือตามเงื่อนไขดังกล่าวแล้วก็จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขนั้น

3.ถ้าการปฏิบัติตามคำร้องขอจะเป็นการแทรกแซงการสืบสวนสอบสวน การฟ้องคดี หรือกระบวนการทางอาญาซึ่งกำลังดำเนินอยู่

4.ภาคีผู้รับคำร้องขอจะต้องแจ้งภาคีผู้ร้องขอทราบโดยพลันถึงเหตุผลในการปฏิเสธ หรือการเลื่อนการปฏิบัติตามคำร้องขอนั้น

ข้อ 11 การค้นและการยึด

คำร้องขอให้ค้น ยึด และส่งมอบสิ่งของใดๆ ไปยังภาคีผู้ร้องขอจะได้รับการปฏิบัติตาม หากคำร้องขอนั้นมีข้อสนเทศเพียงพอที่ทำให้ภาคีผู้รับคำร้องขอสามารถดำเนินการให้ได้ตามกฎหมายของภาคีผู้รับคำร้องขอ

ข้อ 14 การยึดชั่วคราว

1.ตามบทบัญญัติของข้อนี้ ภาคีอาจร้องขอให้ยึดชั่วคราวซึ่งทรัพย์สินที่ได้มาจากหรือที่ใช้ในการกระทำความผิดอาญา

2.คำร้องขอให้ยึดชั่วคราวให้รวมถึง 2.1 คำร้องขอจากสหราชอาณาจักรฯ คำสั่งศาลที่อนุญาตให้ยึดชั่วคราวซึ่งทรัพย์สิน 2.2 ในกรณีคำร้องขอจากประเทศไทย ใบรับรองซึ่งระบุว่า "ศาล" หรือ "คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน" ได้ออกคำสั่งยึดชั่วคราวทรัพย์สินหรือกำลังจะออกคำสั่งเช่นนั้น

มติชน  วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10749 

รับร่าง รธน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-08-2007, 07:55 โดย drop » บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #29 เมื่อ: 17-08-2007, 07:58 »

วิบากกรรม"แม้ว-อ้อ" ทำไมต้องวิ่งหนีเงาตัวเอง (ผ่าประเด็นร้อน)

คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ให้ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือ"ซินาตร้าแม้ว" อดีตนายกฯผู้พลัดถิ่น กับ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร หรือ"คุณหญิงอ้อ" ภริยา หลังจากที่ไม่ยอมมาแสดงตัวต่อศาลตามเส้นตายแสดงให้เห็นเจตนาชัดเจนว่าผู้ต้องหาทั้งสองมีเจตนาหลบหนีและหลีกเลี่ยงการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม

แม้ทั้งสองจะมอบหมายให้ทนายยื่นคำรองเพื่อต่อรองต่อศาลขอเดินทางกลับมาต่อสู้คดีหลังมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่หลังการเลือกตั้งทั่วไปที่คาดว่าจะมีขึ้นในปลายปีนี้โดยอ้างเหตุผลว่าเกรงจะไม่ปลอดภัยหากเดินทางกลับประเทศไทย แต่ศาลก็รู้เท่าทันยกคำร้องดังกล่าวโดยชี้ให้เห็นว่า ความหวั่นเกรงเรื่องความไม่ปลอดภัยเป็นการคาดเดาของผู้ต้องหาเอง และความจริงศาลก็สามารถ รับประกันในเรื่องความปลอดภัยให้ได้อยู่แล้ว

เพราะฉะนั้น การอ้างเหตุผลต่างๆ ของ"แม้ว-อ้อ"จึงส่อเจตนาเป็นเพียงเกมซื้อเวลาหาอนาคตไปเรื่อยๆ เพื่อหาช่องทางดิ้นรนให้พ้นผิด

ความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาหลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาให้ออกหมายจับแล้วก็คือ ความพยายามที่จะนำตัวอดีตนายกฯ และภริยาซึ่งปัจจุบันพำนักอยู่ ณ ประเทศอังกฤษกลับมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเมื่อมีการออกหมายจับแล้ว ทางการไทยโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศจะต้องเป็นฝ่ายประสานไปยังทางการอังกฤษเพื่อขอให้ส่งตัวบุคคลทั้งสองกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยตามสนธิสัญญา ไทย-อังกฤษว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน 2 ฉบับคือ ประกาศสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนร.ศ. 129 และ สนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา พ.ศ.2537

ปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่าเมื่อทางการไทยประสานไปยังทางการอังกฤษเพื่อขอให้ส่งตัวอดีตนายกฯและภริยาในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับทางการอังกฤษจะใช้ดุลยพินิจภายใต้ กฎหมายอังกฤษตลอดจนคำนึงถึงสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่สองประเทศที่ทำข้อตกลงไว้ ซึ่งนั่นหมายความว่าทางการอังกฤษอาจใช้ดุลยพินิจส่งตัวบุคคลทั้งสองกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยหรือไม่ก็ได้

ทั้งนี้ หากพิจารณาตามเนื้อหาของประกาศสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ร.ศ.129 ในข้อที่ 2 มีสาระสำคัญว่า " ความผิดอันมีโทษทั้งหลายซึ่งจะส่งผู้ร้ายข้ามแดนแก่กันนั้นได้แก่โทษยักยอก ทรัพย์หรือลักทรัพย์ โทษฉ้อโกงเอาเงินหรือสิ่งของหรือหนังสือสำคัญ โทษฉ้อโกงซี่งผู้รับมอบทรัพย์ธนาคาร เอเย่นต์ ผู้รับขาย ผู้ที่ไว้ใจให้จัดการ หรือผู้อำนวยการหรือสมาชิกหรือพนักงานบริษัทใดๆ ได้กระทำผิดซึ่งกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลานั้น กำหนดไว้ว่าเป็นความผิดในทางอาญา ......... การส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นถ้ากฎหมายทั้งสองฝ่ายว่าผู้สมรู้ร่วมคิดมีความผิดควรลงโทษด้วยแล้วก็จะส่งผู้สมรู้ร่วมคิดให้ซึ่งกันและกันด้วยเหมือนกัน............ถ้าทำอย่างอื่นๆ นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ถ้ามีความอยู่ในกฏหมายซึ่งใช้อยู่ทั้งสองฝ่ายว่าจะส่งผู้ร้ายให้กันได้นั้นก็สุดแล้วแต่ประเทศซึ่งรับคำขอให้ส่งนั้นจะเห็นสมควรจะส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้ต่อกันหรือไม่ "

ส่วนสนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา พ.ศ.2537 มีเนื้อหากำหนดไว้ในหมวดว่าด้วยพันธกรณีที่จะให้ความช่วยเหลือในข้อที่ 1 ซึ่งกำหนดว่า " ภาคีตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามบทบัญญัติแห่งสนธิสัญญาฉบับนี้ในเรื่องที่เกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน การฟ้องคดี และกระบวนการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องทางอาญา "

เพราะฉะนั้น หากพิจารณาจากสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยและอังกฤษทั้งสองฉบับจะเห็นว่า คดีการซื้อที่ดินย่านรัชดาที่ "แม้ว-อ้อ" ตกเป็นจำเลยนั้นอยู่ในข่ายการเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เนื่องจากเป็นคดีอาญาที่เกี่ยวกับการยักยอกฉ้อโกง ไม่ใช่คดีทางการเมืองอย่างที่พยายามมีการกล่าวอ้างเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นหวังใช้ต่อสู้ทางคดี

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและจำเลยเป็นถึงอดีตผู้นำประเทศ ดังนั้น จึงเชื่อว่าคดีนี้ทางการอังกฤษคงต้องคิดหนักพอสมควรและคงต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และคงไม่คำนึงถึงเรื่องตัวบุคคลเพียงสองคนมากกว่าปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ แต่ถึงที่สุดก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทางการอังกฤษ

สำหรับ "แม้ว-อ้อ" แล้วนี่เป็นคดีครั้งแรกที่ถูกออกหมายจับและคงจะมีอีกหลายคดีที่กำลังรอคิวส่งฟ้องต่อศาล ซึ่งถือเป็นวิบากกรรมของสองสามีภรรยาที่แม้จะร่ำรวยมหาศาลแต่ชีวิตก็ไร้ซึ่งความสุข และหาก"แม้ว-อ้อ"มั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเองจริงอย่างที่ประกาศมาตลอด ก็ไม่ควรหนีเงาตัวเองด้วยข้ออ้างต่างๆ นานา เพื่อซื้อเวลาหาอนาคต แต่ควรรีบกลับมาสู้คดีพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งหากชนะคดีก็เท่ากับเป็นใบรับรองอันชอบธรรมอย่างดีที่ยืนยันความบริสุทธิ์สะอาดของตัวเองซึ่งจะส่งผลดีในด้านอื่นๆ ตามมาอีกมากมายโดยเฉพาะด้านการเมือง แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าทั้งสองจะกล้ากลับมาพิสูจน์ตัวเองหรือไม่ หรือเตรียมแผนทางหนีทีไล่บางอย่างไว้แล้ว

ทีมข่าวการเมือง  หนังสือพิมพ์แนวหน้า

รับร่าง รธน
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #30 เมื่อ: 17-08-2007, 08:00 »

กติกาโลกกับเส้นทางส่งผู้ร้ายข้ามแดน

หมายจับที่ออกโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ในคดีดำหมายเลขที่ อม.1/2550 ระหว่างโจทก์คือ นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุด
กับจำเลย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร
กรณีได้กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542
มาตรา 4 ,100, 122 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 , 83 , 86 , 90 , 91 ,152 และ 157
ฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันเป็นคู่สัญญา หรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานรัฐ
และเป็นเจ้าพนักงานและผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการ
เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น
ที่ออกเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ การกระทำของพ.ต.ท.ทักษิณ ตลอด 5 ปี 7 เดือนที่เป็นนายกรัฐมนตรี
เขาได้มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายความผิดที่ตามที่ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำ
ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชี้มูลกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ
ใช้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอื้อประโยชน์ให้ภริยา
ซื้อที่ดินบริเวณถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นความผิดกฎหมายดังที่อ้างข้างต้น

เวลานี้ กำลังเป็นที่ถกเถียงกันว่าจะติดตามตัวจำเลยทั้ง 2 คน
มาดำเนินคดีในศาลไทยได้หรือไม่
เพราะขณะนี้จำเลยอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
ซึ่งมีการพูดกันถึงความร่วมมือระหว่างไทยกับอังกฤษ
ซึ่งเคยลงนามในประกาศสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ระหว่างกรุงสยามกับอังกฤษ ร.ศ.130 บังคับใช้อยู่แล้ว
แต่นั้นดูจะยังไม่พอเพราะช่องโหว่ให้จำเลย อาศัยช่องข้อลี้ภัยการเมืองได้

อย่างไรก็ตาม ยังมีกติกาความร่วมมือระหว่างประเทศ
ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ไม่นานมานี้ ซึ่งเป็นความร่วมมือของ 143 ประเทศทั่วโลกรับรอง

กติกาที่ว่านั้น คือ อนุสัญญาองค์การสหประชาชาติเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชัน
(United Nation Convention Against Corruption) ซึ่งประเทศไทย ลงนามรับรอง
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ.2003 แต่ไม่ได้ลงสัตยาบัน
เช่นเดียวกับสหรัฐ และจีน
แต่แม้ว่าประเทศไทยไม่ได้ลงสัตยาบัน ในอนุสัญญาข้อ 68 ที่ระบุถึงการมีผลใช้บังคับไว้ดังนี้

1.อนุสัญญาฉบับนี้มีผลใช?บังคับเมื่อครบกําหนดเก้าสิบวัน
นับแต่วันที่มีการยื่นเอกสารการให้สัตยาบัน การยอมรับ
การเห็นชอบและการภาคยานุวัติครบสามสิบฉบับแล้ว

2.สําหรับแต่ละประเทศหรือแต่ละองค์การว่าด้วยการรวมกัน
ทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคที่ได้ให้สัตยาบัน การยอมรับ
การเห็นชอบและการภาคยานุวัติในอนุสัญญาฉบับนี้
ภายหลังจากวันที่มีการยื่นเอกสารหลักฐานดังกล่าวครบสามสิบฉบับนั้นแล้ว
ก็ให้อนุสัญญาฉบับนี้ใช้บังคับกับประเทศหรือองค์การดังกล่าวนั้น
เมื่อครบกําหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ประเทศหรือองค์การดังกล่าวนั้นได้ยื่นเอกสาร

ทั้งนี้ ประเทศที่ลงสัตยาบันชาติที่ 30 คือ เอกวาดอร์
โดยลงนามเมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ.2005
เพราะฉะนั้น ตามข้อ 68 (1) นับไปอีก 90 วัน
ก็จะครบในวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ.2005
ประเทศทั้ง 143 ประเทศที่ลงนามรับรอง เท่ากับว่าอนุสัญญา มีผลบังคับใช้แล้วโดยสมบูรณ์

สาระหลักของสนธิสัญญานี้ บัญญัติถึงการเอาผิดทางอาญา ไว้ในภาค 3
ข้อ 17 การยักยอก การจัดสรรโดยมิชอบ หรือการเบี่ยงเบนทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่รัฐ
ข้อ 19 การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ข้อ 27 การมีส่วนร่วมและการพยายามกระทำความผิด
ข้อ 28 การรู้ข้อเท็จจริง เจตนา และความมุ่งหมายในฐานะเป็นองค์ประกอบของความผิด

อย่างไรก็ตาม อาจจะมีนักกฎหมายที่อยู่ในกะลาครอบ อ้าง หรือมีข้อโต้แย้งว่า
อนุสัญญาองค์การสหประชาชาติเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชัน
จะบังคับกับชาติอธิปัตย์อื่นๆ รวมถึงประเทศไทยได้หรือไม่

ดังนั้น จึงอยากให้ไปดูในสวนของข้อ 42 (6) บอกว่า
อนุสัญญา นี้เคารพอธิปัตย์ในดินแดนตามที่เขียนในข้อ 4 และ 5
และยังคงเคารพอธิปัตย์ศักดิ์ศรีความเป็นชาติเอกราช
แต่มีข้อยกเว้นคือ อธิปัตย์จะต้องตีความในหลักการตีความกฎหมายระหว่างประเทศ (translational law)
นั่นคือการ นำเอาหลักกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายใน
มาหาจุดที่จะเกิดประโยชน์มากในทางที่จะสร้างสันติสุขให้กับมวลมนุษยชาติ

นอกจากระบุถึงความผิดแล้ว ยังภาค 4 ที่ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศ
ข้อ 44 การส่งผู้ร้ายข้ามแดน

การติดตามเอาทรัพย์สินที่เกิดจากการกระทำความผิดกลับคืนมา
ซึ่งอยู่ใน ภาค 5 ในข้อ 55 ระบุชัดเจนถึงการร่วมมือกันระหว่างประเทศ
เพื่อวัตถุประสงค์ในการริบทรัพย์ ข้อ 56 ความร่วมมือพิเศษ ข้อ 57
การส่งกลับและการจัดซื้อซึ่งทรัพย์สิน

เพราะฉะนั้น ตามอนุสัญญา นี้ไม่ว่าการคอร์รัปชันอำนาจ หรือคอร์รัปชันอื่นใดย่อมจะต้องพังลงทั้งสิ้น

ชาติที่เป็นภาคีสมาชิกย่อมจะต้องปฏิบัติตามหลักการความร่วมมือตามสนธิสัญญานี้
ดังนั้น ไม่ว่าตัวผู้กระทำความผิด หรือทรัพย์สินที่ผู้กระทำความผิดจะนำไปใช้ที่ไหนในโลก
หากที่นั่นเป็นชาติภาคีสมาชิกย่อมติดตามเอาทรัพย์สินนั้นกลับคืนมาได้
ที่สำคัญอยู่ที่ว่า ฝ่ายบริหารของประเทศไทย จะเลือกดำเนินการตามช่องทางนี้หรือไม่

(บทความจากกรุงเทพธุรกิจ วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2550)

รับร่าง รธน
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #31 เมื่อ: 17-08-2007, 11:29 »

'นรนิติ'เผยรธน.ผ่านประชามติไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดการเมืองนิ่ง
16 สิงหาคม พ.ศ. 2550 19:13:00

"ประธานส.ส.ร."ระบุแม้รัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติแล้วก็ไม่ใช่ว่าการเมืองจะนิ่ง แต่ขึ้นอยู่กับประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายนรนิติ เศรษฐบุตร ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) กล่าวภายหลังให้การต้อนรับเจ้าหน้าที่ระดับสูงสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ว่า ทางสหรัฐฯต้องการรู้เรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนก็ตอบไปว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีการตรวจสอบดีขึ้น แต่การถอดถอนนายกรัฐมนตรีก็ไม่ใช่เรื่อง่ายเพราะระบบรัฐสภาไทยอาศัยเสียงข้างมากต่างกับสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามตนได้บอกให้เขาติดตามการออกเสียงประชามติในวันที่19 สิงหาคมนี้ อย่างใกล้ชิด

นายนรนิติ กล่าวถึงการลงประชามติที่จะเกิดขึ้นในอีก 2 วันข้างหน้า ว่า ถ้ารัฐธรรมนูญผ่านประชามติถือเป็นการเริ่มต้นจะทำให้การเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ ทันทีที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้คมช.ก็จะหมดสภาพลง แต่ทหารจะกลับเข้ากรมกองหรือไม่ต้องติดตามดู จากนั้นฝ่ายการเมืองจะกลับมามีบทบาทโดยจะต้องตกลงกันว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งรัฐบาลกับกกต.จะไปกำหนดวันเลือกตั้งภายใน 90 วันหลังจากที่พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญประกาศบังคับใช้

ผู้สื่อข่าวถามว่าคาดหวังว่าประชาชนจะมาลงมติรับรัฐธรรมนูญมากน้อยเพียงใดจะทำให้มีความสง่างาม นายนรนิติ กล่าวว่า ในกติการะบุเพียงว่าหากคนที่เห็นชอบมีจำนวนมากกว่าคนที่ไม่เห็นชอบรัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติ จะมีจำนวนเท่าไหร่ไม่สำคัญ แต่ตนอยากให้มีคนมาออกเสียงกันมาก เพราะจะทำให้เห็นว่าประชาชนส่วนร่วมชัดเจน มติที่ออกมาจะเป็นที่ยอมรับ ซึ่งโดยส่วนตัวจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความมั่นใจว่าจะมีคนไปลงคะแนนมากน้อยเท่าไหร่หรือจะผ่านหรือผ่านอย่างไร เพราะที่ไหนที่มีการออกเสียงตนไม่เคยมั่นใจทั้งนั้น

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการใช้เงินในการชักจูงให้ประชาชนลงประชามติจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของประชาชนหรือไม่ นายนรนิติ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ฝ่ายที่รับผิดชอบที่จะต้องดูแล นอกจากการใช้เงินแล้วยังมีการใช้เงื่อนไขทางการเมืองให้คนไปลงประชามติ แต่ส่วนตัวแล้วยังยืนยันว่าต้องดูเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ เมื่อถามต่อไปว่า หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติจะสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนนิยมกลุ่มอำนาจเก่าหรือไม่

นายนรนิติ กล่าวว่า อาจจะมีส่วนบ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมด คนที่รับอาจจะรับที่เนื้อหา ส่วนคนที่ไม่รับรัฐธรรมนูญก็อาจไม่ใช่คนที่นิยมอำนาจเก่าก็ได้ การไปสรุปว่าเมื่อผลประชามติออกมาทางใดทางหนึ่ง คือผลจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่าง 2 ขั้วไม่ได้

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการระบุว่า หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านจะเกิดการปฏิวัติอีกรอบหรือไม่ นายนรนิติ กล่าวว่า การปฏิวัติหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญแต่ขึ้นอยู่กับความขัดแย้งทางการเมือง ถึงเขียนรัฐธรรมนูญดีอย่างไรหากเขาจะปฏิวัติเขาก็ทำ

“ต้องเข้าใจว่าการลงประชามติครั้งนี้จะไม่ทำให้สังคมกลับไปสู่วันที่ 18 ก.ย. แต่อย่างน้อยก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ฝ่ายการเมืองจะได้มาตกลงกันอย่างจริงจัง และแม้จะผ่านประชามติแล้วก็ไม่ใช่ว่าการเมืองจะนิ่ง เพราะการเมืองจะนิ่งหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัย คือประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าการเมืองจะนิ่งหรือไม่” นายนรนิติ กล่าว

การเมืองภาค ปชช  ต้องเข้มแข็ง


รับร่าง รธน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-08-2007, 11:31 โดย drop » บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #32 เมื่อ: 17-08-2007, 14:28 »

ระบบทุนนิยมเหมือนสร้างหอคอย
สร้างขึ้นไปเรื่อยๆ  แบบฐานไม่แน่น
ตอนนี้ดูอเมริกา เป็นตัวอย่าง  เศรษฐกิจกำลังพัง
อเมริกาเริ่มต้องเอาทองคำออกมาขายพยุงตัวรอด

ทักษิณที่ปากบอกว่า ไม่ยุ่ง ไม่เกี่ยว
พวกมือถือสาก ปากถือศีล กำลังทำให้เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ ทุกวิถีทาง ทั้งเล่นค่าเงิน พังตลาดหุ้น ส่งท่อน้ำเลี้ยงเพื่อป่วนเมือง ให้วุ่นวายไม่จบไม่สิ้น
เพื่อให้ชาวบ้านที่ไกลห่าง เรียกร้องหน้าเหลี่ยมให้กลับมา
แต่อีกไม่นานเศรษฐกิจแบบพอเพียงของไทยนี่แหละ
จะแสดงผลให้เห็น ว่าแม้ได้รับผลกระทบ จากเศรษฐกิจโลก แต่เราไม่ทรุดหนักเพราะผลกระทบจากผลพวงฟองสบู่แตกในต่างประเทศน้อยกว่าพวกที่ก้าวกระโดดตามอเมริกา

ที่ทุเรศเลยที่ทักษิณและพวกหาจุดอ่อนมาจี คือความพยายามโยงปัญหาเรื่องศาสนามาเป็นประเด็นให้ได้

รับรธน. ถ้าผ่านได้เลือกตั้งครั้งหน้า อนาคตทักษิณก็เริ่มเห็นแล้วว่า กลุ่มแดงเดือดทักษิณจะเริ่มสูญพันธ์
บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #33 เมื่อ: 18-08-2007, 07:35 »

เห็นด้วยอย่างมากเลยค่ะ   เศรษฐกิจพอเพียง ที่ปราชญ์ชาวบ้าน  ทั่วประเทศไทยได้นำไปปรับใช้ในการดำรงชีวิต
และสร้างคุณภาพชีวิตให้กับตนเองและท้องถิ่น และเมื่อไหร่ก็ตามที่ ชุมชนเข้มแข็ง 
ปราชญ์ชาวบ้าน  หรือคนในท้องถิ่นที่มีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ  จะสามารถเป็นตัวแทน
และรวมตัวกัน ได้อย่างเข้มแข็ง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชุมชนได้ นักเลือกตั้งอาจสูญพันธ์
มองว่า ด้วยแนวคิดนี้ จะทำให้ ภาคการเมือง บริสุทธิ์ยุติธรรมมากขึ้น
ส่วนพวกนักธุรกิจ ก็ควรดำเนินธุรกิจ แนวเศรษฐกิจพอเพียง เคยอ่านเจอและเซฟไว้มากมาย   ในบทความ ยกตัวอย่างเรื่อง อุตสาหกรรมสัปปะรดกระป๋องที่ลงทุนจนใหญ่โตเกินตัว  มีกำลังการผลิตวันละตกหมื่น ๆ ตัน  แต่ต้อง เจ๊ง เพราะไม่มีวัตถุดิบมาป้อนโรงงาน
เพราะไม่ทำให้พอเหมาะกับขนาดของร.ง. ......
ถ้าเอาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดย่อม หรือแม้แต่ เศรษฐกิจครัวเรือน  หากเอาแนวคิดมาใช้  จะสามารถยืนอยู่ได้ด้วยตนเองอย่างเข้มแข็ง  เมื่อเศรษฐกิจเข้มแข็ง  คุณภาพชีวิต การศึกษาก็จะดีขึ้น

บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #34 เมื่อ: 18-08-2007, 07:40 »

อีกคดีที่จะออกหมายจับ  คนโกงชาติ

 อธิบดีดีเอสไอ ระบุ เตรียมออกหมายจับอดีตนายกฯและภริยา ฐานปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น เอสซี แอสเสท

นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่า ขณะนี้ได้เตรียมขออนุมัติหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ในความผิดฐานปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทเอสซี แอสเสท คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไม่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งเหตุผลที่ได้อ้างนั้น ตรงกับเหตุผลที่อ้างต่อศาลอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเห็นว่าผู้ต้องหามีพฤติการหลบหนี ทั้งนี้ จะขออนุมัติหมายจับต่อศาลได้ ภายในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่า พยานหลักฐานที่มีอยู่จะสามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาได้ โดยไม่ต้องสอบสวนนิติบุคคลต่างประเทศ ตามที่ผู้ต้องหาร้องขอเพิ่มเติม พร้อมยืนยันว่า คดีดังกล่าว ไม่ใช่คดีการเมือง

ส่วน กระบวนการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน นายสุนัย กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของอัยการที่ต้องประสานกับประเทศอังกฤษ โดยความผิดดังกล่าวแม้ไม่ได้อยู่ในสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่ก็สามารถใช้การพิจารณาร่วมกันว่าความผิดดังกล่าว เป็นความผิดของทั้ง 2 ประเทศหรือไม่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเทศอังกฤษด้วย สำหรับ กรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทนั้น ตนเห็นว่าไม่มีปัญหา เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องเป็นผู้พิสูจน์ตัวเองว่าทำผิดจริงหรือไม่


 
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #35 เมื่อ: 18-08-2007, 07:51 »

โครงการประชานิยมทั้งหลาย  เพียงเพื่อหาเสียง หลอกลวง ปชช เท่านั้น
และหาผลประโยชน์จากงบประมาณ

ในที่สุดโครงการต่าง ๆ ล้อมเหลวและต้องแก้ไข โดยอาศัยแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลัก

ความคิดเห็นเบื้องต้น ต่อ นโยบายประชานิยม

เครือข่ายประชาชนตรวจสอบนโยบายประชานิยมกับการแก้ไขปัญหาความยากจน - [ 16 ม.ค. 49, 12:35 น. ]
ประชานิยมคือทุกสิ่งทุกอย่างที่หลุดออกมาจากปากนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งไม่ได้ถูกตีกรอบเพียงแค่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า เช่น กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 30 บาทรักษาทุกโรค ธนาคารประชาชน หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอท็อป) โครงการพักชำระหนี้และลดภาระหนี้ให้แก่เกษตรกรรายย่อย การสร้างผู้ประกอบการใหม่ โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชนเล็กกลางใหญ่ (SML) ฯลฯ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเงินแจกตาม ครม.สัญจร และทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นโครงการและนโยบายที่ใช้เงิน เช่น เมกะโปรเจ็คต์ โครงการพัฒนาของรัฐและเอกชน อีกด้วย

สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่การตรวจสอบประชานิยมที่เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า ของ นายกรัฐมนตรีทักษิณ เท่านั้น แต่ต้องตรวจสอบ “การใช้เงิน” ของรัฐบาลทักษิณมากกว่า เนื่องจากว่ารัฐบาลนี้ได้เผชิญสภาวะ “มือถือสาก ปากถือศีล” เนื่องจากด้านหนึ่งได้แสดงตัวเป็นเศรษฐีใจบุญหว่านเงินเข้าไปในโครงการต่าง ๆ ของนโยบายประชานิยมแจกให้กับคนยากคนจนโดยหวังว่าจะเข้ามาพลิกฟื้นคุณภาพชีวิตให้อยู่ดีกินดี แต่อีกด้านหนึ่งกลับถูกกล่าวหาเรื่อง “การโกงกิน” หรือการแสวงหากำไรจากกิจกรรมทางการเมืองของนักการเมือง วงศาคณาญาติ เพื่อนพ้องและคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีสูงยิ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

รัฐบาลทักษิณได้เข้ามาบริหารประเทศ 5 ปีแล้ว มีแต่บอกให้ประชาชนใช้เงินอย่างเดียว ไม่เคยบอกให้ประชาชน “เก็บออม” เลย เงินที่ใส่ไปในนโยบายประชานิยมกว่า 4 แสนล้านบาท ในช่วงเวลา 5 ปี ของการเข้ามาบริหารประเทศนั้น ไม่เคยบอกกับประชาชนเลยว่าให้นำไปเก็บออมไว้เพื่อลูกหลานและอนาคตที่มั่นคง มีแต่พูดว่าให้เอาเงินนั้นไปใช้จับจ่ายซื้อของและลงทุนต่อยอดทางธุรกิจไปเรื่อย ๆ คำประกาศของนายกฯทักษิณมีแต่บอกว่าให้ประชาชนคนไทยออกจากบ้านมาใช้จ่ายเงินให้มากยิ่งขึ้นเพื่อที่จะทำให้เงินไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจเพื่อทำให้จีดีพี (ผลิตภัณฑ์ในประเทศ, Gross Domestic Products : GDP) โตยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

ความคิดของรัฐบาลทักษิณ เป็นความคิดชั้นเดียว คือ ต้องใช้เงิน โดยขอให้ประชาชน รัฐบาลและนักลงทุนในประเทศและต่างชาติใช้เงินเท่านั้น ส่วนเงินที่ใช้นั้นจะใช้แบบไหนอย่างไร จะถูกฉ้อฉลคอร์รัปชั่นจากนักการเมืองและข้าราชการหรือไม่ก็ช่างมัน ขอให้ได้ใช้เงินเป็นพอ

สิ่งที่จะต้องตรวจสอบร่วมกันในวันนี้ก็คือการตรวจสอบประชานิยมที่ต่อเนื่องมาจากสมัยรัฐบาลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ คือโครงการพัฒนาต่าง ๆ บนผืนแผ่นดินอีสานที่ประชาชนได้รับผลกระทบอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ เช่น ปัญหาเขื่อนปากมูล ราษีไศล หัวนา ห้วยหลวง หนองหานกุมภวาปี เขื่อนในแม่น้ำชีจากโครงการโขงชีมูล ปัญหาป่าชุมชน ปัญหาหนี้สิน ปัญหาเกษตรกรรมเคมี และโครงการที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง เช่นโครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานี โครงการเครือข่ายท่อส่งน้ำ (Water Grid) เพราะสิ่งที่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยคิดเหมือนกันก็คือประชานิยมคือความนิยมของประชาชนในตัวผู้นำเท่านั้น ทำอย่างไรก็ได้ให้ประชาชนมานิยมหลงใหลในตัวผู้นำ เหมือนกับที่นายกฯทักษิณเลือกสร้างความนิยมและเสริมบารมีตัวเองด้วยการลงมานอนแก้ไขปัญหาความยากจนด้วยการนำเสนอผ่านสถานีโทรทัศน์ยูบีซีเลียนแบบรายการโชว์ “เรียลิตี้ โชว์” การกระทำเช่นนี้เป็นการมองปัญหาความยากจนของคนอีสานในลักษณะ “ทีเล่นทีจริง” ไม่มีความเข้าใจลึกซึ้งถึงรากเหง้าของปัญหาความยากจนอย่างแท้จริง เป็นการโชว์แก้จนเพื่อสร้างความนิยมเลียนแบบ “ดารา/นักแสดง” เท่านั้น

แท้จริงแล้วประชานิยมได้ทำลายกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ

พัฒนาบ้านเมืองไปเสียสิ้น และอีกด้านหนึ่งประชานิยมยุคโลกาภิวัฒน์ได้ทำลายระบบสวัสดิการสังคมลงไปอย่างย่อยยับ ด้วยการวางแผนแปรรูปรัฐวิสาหกิจสาธารณูปโภคพื้นฐานของประชาชนไปเกือบหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็น น้ำมัน/ก๊าซ ไฟฟ้า น้ำ โทรศัพท์ รถไฟ รถโดยสาร ฯลฯ มิหนำซ้ำประชานิยมกลับสวนทางกับ “เศรษฐกิจพอเพียง” อีกด้วย

“เครือข่ายประชาชนตรวจสอบนโยบายประชานิยมกับการแก้ไขปัญหาความยากจน” จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีประชานิยม แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในวาระที่ได้ลงมานอนแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ดังนี้

1. แก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการพัฒนาต่าง ๆ ทั้งที่ก่อสร้างแล้วและกำลังก่อสร้าง คือ โครงการเขื่อนปากมูล ราษีไศล หัวนา ห้วยหลวง หนองหานกุมภวาปี เขื่อนในแม่น้ำชีทุกเขื่อนจากโครงการโขงชีมูล เป็นต้น

2. ขอให้ยกเลิกโครงการที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง คือ โครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานี และโครงการเครือข่ายท่อส่งน้ำ (Water Grid) กระเช้าลอยฟ้าขึ้นภูกระดึง

3. ให้สนับสนุน ร่างกฎหมายป่าชุมชน ฉบับประชาชน ประกาศใช้เป็นกฎหมาย

4. สนับสนุนเกษตรพึ่งพาตนเองตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

5. ยกเลิกหนี้สินเกษตรกร

6. ขอให้ยกเลิกข้อตกลงการเจรจาเขตการค้าเสรีกับประเทศต่าง ๆ ทั้งที่เจรจาเสร็จแล้ว และ

ที่ยังเจรจาไม่เสร็จสิ้น และที่กำลังจะเปิดเจรจาใหม่ เช่น ไทย-จีน ไทย-ออสเตรเลีย ไทย-สหรัฐอเมริกา เป็นต้น

7. รัฐบาลจะต้องกำจัดกระบวนการฉ้อฉลคอร์รัปชั่นของนักการเมืองและข้าราชการ ซึ่ง

เป็นพวกพ้อง คนใกล้ชิด วงศาคณาญาติ ของท่าน ให้หมดสิ้น

8. ขอให้เร่งการปฏิรูปการเมืองครั้งที่สองเพื่อลดอำนาจเผด็จการรัฐสภาของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน

เนื่องจากปัจจุบันมีปัญหาสำคัญ 3 ประการ เกิดขึ้นมาในบ้านเมืองเรา คือ องค์กรอิสระถูกครอบงำจากการเมืองซีกรัฐบาลจนทำให้กลไกการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่นและความเป็นธรรมให้กับประชาชนไม่สามารถทำหน้าที่ได้ มีการปิดกั้นเสรีภาพของสื่อ และมีการกระทำอันไม่เป็นการส่งเสริมและลดทอนประชาธิปไตยของประชาชน
ทั้งนี้ “เครือข่ายประชาชนตรวจสอบนโยบายประชานิยมกับการแก้ไขปัญหาความยากจน” จะร่วมกันตรวจสอบประชานิยมในรัฐบาลทักษิณไปจนกว่าจะหมดอำนาจวาสนาบริหารประเทศ เพื่อนำความจริงที่ถูกซ่อนเร้นเผยแพร่ชี้แจงให้กับประชาชนไทยได้รับรู้อย่างต่อเนื่อง นับจากนี้เป็นต้นไป

รับร่าง รธน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2007, 07:55 โดย drop » บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #36 เมื่อ: 18-08-2007, 17:32 »

ผ่าประเด็นร้อน

"แม้ว"ขอลี้ภัยการเมือง แผนหนีที่ไม่ง่ายดั่งคิด (ผ่าประเด็นร้อน) 

 การที่ถูกออกหมายจับและกำลังจะถูกร้องขอจากทางการอังกฤษให้ส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผลัดถิ่น และคุณพจมาน ชินวัตร ภริยา ในคดีอื้อฉาวซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายคงไม่ได้สร้างความประหลาดใจอะไรให้กับอดีตนายกฯพลัดถิ่น เพราะคงเตรียมแผนทางหนีทีไล่ไว้นานแล้ว ไม่อย่างนั้นคงเดินทางกลับมาต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองแต่แรกแล้ว

 แต่ที่สะท้อนให้เห็นพฤติกรรมทำทุกอย่างเพื่อตัวเองโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของชาติบ้านเมืองอันเป็นแผ่นดินเกิดของตัวเองก็คือการเที่ยวไปประจานให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติว่า สาเหตุที่ไม่เดินทางกลับมาสู้คดีในประเทศไทยก็เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยและไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม

 ข้ออ้างทั้งสองประเด็นดังกล่าวนอกจากเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิงแล้วยังทำลายภาพพจน์ของประเทศไทยอย่างย่อยยับ

 ที่ว่าบิดเบือนข้อเท็จจริงนั้นเพราะก่อนหน้านี้ "ซินาตร้าแม้ว" ประกาศอย่างมั่นอกมั่นใจมาตลอดว่า พร้อมที่จะกลับมาต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองและไม่เคยกลัวตายเพราะคนเราเกิดมาตายหนเดียว แต่แล้วพอถึงวินาทีแห่งความเป็นความตายก็พลิกลิ้นกลับลำหน้าตาเฉย โดยอ้างเหตุผลต่างๆนานา

 และล่าสุดอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยซึ่งใกล้ชิดแนบแน่นกับ"ซินาตร้าแม้ว" ออกมาให้สัมภาษณ์เองอย่างฉะฉานระหว่างร่วมทีมแกนนำพรรคไทยรักไทยปราศรัยกลางท้องสนามหลวงเรียกร้องให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญเมื่อค่ำวันที่ 15 ส.ค.ที่เพิ่งจะผ่านมานี่เอง โดย"หญิงหน่อย" คงหลุดปากว่า การที่อดีตนายกฯผู้พลัดถิ่นไม่กลับมาสู้คดีที่ดินรัชดาฯไม่ใช่เพราะกลัวตาย แต่เป็นเพราะต้องการเห็นบ้านเมืองสงบสุขอยากสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นกับแผ่นดินไทย

 นี่เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าที่ "ซินาตร้าแม้ว" อ้างไม่มั่นใจในเรื่องความปลอดภัยแสดงว่าไม่จริง แต่เป็นการเล่นบทพลิ้วและซื้อเวลาไปเรื่อยๆ

 แต่ที่สำคัญการอ้างว่าเกรงความไม่ปลอดภัยเท่ากับทำลายภาพพจน์ประเทศไทยจนย่อยยับ เหมือนเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนที่ไร้ขื่อไร้แปที่สามารถแม้แต่สังหารบุคคลระดับผู้นำได้อย่างหน้าตาเฉย

 ส่วนกรณีที่อ้างว่าไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมก็เช่นกันถือเป็นการดูถูกศาล บิดเบือนข้อเท็จจริงและขัดแย้งในตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้ ครอบครัว"ชินวัตร"ก็เพิ่งฟ้องร้องต่อศาลแพ่งหลายคดีเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.)เป็นเงินหลายหมื่นล้านบาทและยื่นคำร้องต่อศาลในอีกหลายกรณีเพื่อขอความเป็นธรรม ซึ่งนั่นเท่ากับแสดงให้เห็นว่าครอบครัว"ชินวัตร"ยังให้ความเชื่อมั่นสถาบันตุลาการมิใช่หรือ

 เพราะฉะนั้น น่าเชื่อว่าข้ออ้างต่างๆ ที่"ซินาตร้าแม้ว"อ้างก็เพื่อซื้อเวลาและใช้สร้างความชอบธรรมในปกป้องความผิดของตัวเองไม่ให้ทางการอังกฤษส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนตามสนธิสัญญาที่ไทยและอังกฤษทำไว้ต่อกัน ขณะเดียวกัน ก็จะใช้เป็นข้ออ้างสำหรับแผนทางหนีทีไล่ที่เตรียมไว้เป็นไพ่ใบสุดท้ายนั่นคือการขอลี้ภัยทางการเมือง

 เพราะขณะนี้ไม่เพียงคดีซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ แต่อีกหลายคดีที่กำลังทยอยเข้าคิวไล่ตามมาติดๆ นับตั้งแต่กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ เตรียมออกหมายจับ"แม้ว-อ้อ"คดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทเอสซี แอสเซท คอร์ปอเรชั่น จำกัด นอกจากนี้ ยังมีคดีทุจริตเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ที่ติดตั้งในสนามบินสุวรรณภูมิ คดีทุจริตกล้ายาง คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร หรือคดีทุจริตกรณีธนาคารการการนำเข้าและส่งออก หรือเอ็กซิมแบงก์ ปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่ามูลค่า 4,000 ล้านบาท

 อย่างไรก็ตามแม้"ซินาตร้าแม้ว"จะอุบไพ่ใบสุดท้ายนั่นคือ แผนขอลี้ภัยทางการเมือง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะการขอลี้ภัยทางการเมืองนั้นจะต้องยื่นเรื่องต่อสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอชซีอาร์ โดยจะต้องมีคุณสมบัติเข้าข่ายการขอเป็นผู้ลี้ภัยตามที่ยูเอ็นเอชซีอาร์กำหนด จากนั้นจะต้องผ่านความยินยอมของประเทศที่จะขอลี้ภัยด้วยซึ่งในกรณีนี้คือประเทศอังกฤษ

 ดร.สุจิต บุญบงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และนักวิชาการผู้มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ ให้ทัศนะว่า อดีตผู้นำโลกจะขอลี้ภัยทางการเมืองทันทีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือถูกยึดอำนาจ ไม่ใช่พอถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วมาอ้างขอลี้ภัยทางการเมืองซึ่งไม่เกี่ยวกันและไม่ถูกต้อง

 ส่วนหาก "ซินาตร้าแม้ว"จะอ้างว่าถูกเผด็จการทหารคุกคามกลั่นแกล้งคงฟังไม่ขึ้นเพราะการดำเนินคดีเป็นเรื่องของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะศาลเป็นสถาบันที่มีความเที่ยงธรรมและมีอยู่แล้วก่อนที่จะเกิดการรัฐประหารด้วยซ้ำ

 แต่ที่ต้องจับตาและมีความหมายอย่างยิ่งต่อชะตากรรมอนาคตของ "แม้ว ซินาตร้า" ก็คือคดีฆ่าตัดตอน 2,5000 ศพ ในสงครามกวาดล้างยาเสพติดยุคระบอบทักษิณ ซึ่งล่าสุด รัฐบาลเพิ่งตั้งคณะกรรมการที่มี ดร.คณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด เป็นประธานทำการรื้อฟื้นและสอบสวนคดีอื้อฉาวนี้ ทั้งระบบโดยหลักฐานในเบื้องต้นมีข่าวว่าผู้บริสุทธิ์จำนวนไม่น้อยที่ตกเป็นเหยื่อถูกสังหารโดยไร้ความผิด ซึ่งหากผลการรื้อฟื้นคดีนี้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเมื่อใด เมื่อนั้นคือวันหมดอายุของไพ่ใบสุดท้ายการขอลี้ภัยของ"ซินาตร้าแม้ว" เพราะข้อหาที่เทียบเท่าอาชญากรโลกสำหรับองค์กรนานาชาติแล้วถือเป็นความผิดร้ายแรงเสียยิ่งกว่าความผิดใดๆ ในมวลหมู่มนุษยชาติ

ทีมข่าวการเมือง  หนังสือพิมพ์แนวหน้า

ข่าวช่วงที่ไล่เหลี่ยม มี ngo กลุ่มหนึ่งส่งข้อมูลไปให้ ยูเอ็น   และก็มีข่าวว่า  ทาง ยูเอ็น  ก็ถามมาทาง รบ แม้ว
คงจำวลีฮิต  ยูเอ็น ไม่ใช่พ่อ ได้

มีแฟ้มเรื่องนี้ อยู่เยอะ

เงินจ้างผีโม่แป้งได้  แต่เป็น ผี  เมื่อไหร่  ... ก็ เงินปาก ผี
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #37 เมื่อ: 21-08-2007, 11:54 »

"รัฐธรรมนูญ"ง่ายๆจับพวกโกงกิน 
 
  รัฐธรรมนูญ กฎหมาย และระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่ถูกกำหนดขึ้นมาทุกประเทศทั่วโลกนั้น เป็นเพียงกติกาให้เผ่าพันธุ์ของมนุษย์แต่ละประเทศ ถือเอาเป็นแนวทางของการดำรงชีวิตในสังคมให้เกิดการเสมอภาค ยุติธรรม ไม่เอารัดเอาเปรียบโกงกัน เพื่อความสงบสุขในการดำรงชีวิตประจำวันของแต่ละเผ่าพันธุ์ให้สอดคล้องตามแต่ประเพณีและวัฒนธรรมดั่งเดิมของแต่ละท้องถิ่นเท่านั้นเอง

 ไม่ใช่เป็นการกำหนดกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดโดยไม่ยอมให้มีการผ่อนปรนใดๆ ทั้งสิ้น นั่นหาใช่ไม่ มันต้องขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ สภาพแวดล้อม และความเห็นของคนส่วนมากที่ต้องการให้มีการผ่อนปรนแก้ไข หรือไม่อย่างไร

 เพราะกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ระบุมาข้างต้นนั้น ล้วนแต่ถูกสร้างขึ้นมาโดยมนุษย์ทั้งสิ้น สัจธรรมอันหนึ่งก็คือ สิ่งต่างๆ ในโลกนี้ มีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ และเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมามันเปลี่ยนแปลงได้แน่นอน ไม่จำเป็นที่จะเก็บรักษาคงไว้ตลอดกาล โดยเฉพาะสิ่งที่สร้างมาไม่ดี ไม่มีประโยชน์ต่อสังคม ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ดีขึ้น

 ท่านน.ต. ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ก็เป็นผู้หนึ่งในคณะ ส.ส.ร. ที่ได้ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาแล้ว ขณะนี้ท่านก็ยังถูกแต่งตั้งขึ้นมาเป็นประธานร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีก ก็เป็นเรื่องธรรมดาตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นว่า กฎเกณฑ์ต่างๆ ถ้ามันไม่ดี หรือเป็นประโยชน์ต่อสังคมมนุษย์แล้ว ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อชีวิตของประชาชนและสังคมที่เขาอยู่ จะต้องมีความเสมอภาค มีสันติสุขทัดเทียมกันหมด ไม่ใช่แก้ไขเพื่อประโยชน์เฉพาะตัวและกลุ่มของตัวเองเท่านั้น

 ผู้เขียนจึงหวังว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังร่างอยู่โดยมีท่านประสงค์ สุ่นศิริ เป็นประธานอยู่นั้น คงจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่มีความหมายทางภาษาอย่างตรงไปตรงมา เพื่อที่จะนำกฎเกณฑ์ต่างๆ ในรัฐธรรมนูญมาใช้ได้อย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่ปล่อยให้ภาษากฎหมายสามารถตะแบงความหมายไปเป็นอื่น ผิดแปลกไปจากเจตนารมณ์และความหมาย เพื่อเป็นไปตามความประสงค์ของผู้มีอำนาจที่ใช้มันโดยไร้จริยธรรมและคุณธรรมใดๆ ในตัว เช่น พวกนักโกงเมือง และข้าราชการทุจริตทั้งหลาย ซึ่งมีอยู่อย่างมากมายในสังคมไทยๆ นำมาใช้เพื่อตัวเองหรือพรรคพวกอย่างอดีตที่ผ่านมาของสังคมเมืองไทย

 และอยากให้มั่นใจว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้จะมีความทางภาษาอย่างตรงไปตรงมา ที่สามารถจะจับคนโกงมาลงโทษโดยฉับพลัน มิต้องมีกรรมพิธีในการดำเนินการอันซับซ้อนเช่นเคยอีกต่อไป โดยเฉพาะพวกที่โกงกันจนร่ำรวยผิดปกติ ถ้าเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เงินที่เขามีอยู่นั้นได้มาจากไหน โกงมาหรือเปล่า เสียภาษีมาแล้วหรือยัง

 ถ้าเขาพิสูจน์ไม่ได้ ก็สมควรต้องถูกยึดคืนเข้ารัฐทั้งหมด โดยไม่ต้องผ่านขบวนการตุลาการใดๆทั้งสิ้น!!!

 วารินทร์ พูนศิริวงศ์   จากหนังสือพิมพ์แนวหน้า
 
วันที่ 20/3/2007

ถ้าเลือกตั้ง ทหารลงพื้นเต็มกำลัง แบบบุรีรัมย์ ในทุกจังหวัด ปชช ให้ความร่วมมือ
ย้ายพวกข้าราชการ หัวคะแนน แขวนไปไว้ ภาคใต้แทน
ยุบพรรค รอบสอง ตาม รธน ใหม่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2007, 11:58 โดย drop » บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #38 เมื่อ: 21-08-2007, 12:05 »

วิเคราะห์ผลประชามติ...มองลึกถึงทั้งข่าวดีและข่าวร้ายต่อประเทศ
21 สิงหาคม พ.ศ. 2550 00:01:00

ผลการลงประชามติเมื่อวันอาทิตย์ออกมาเห็นชอบ 58% และไม่เห็นชอบ 41% หรือ 14 ล้านคนเห็นควร "รับ" และ 11 ล้านคน "ไม่รับ" ร่างรัฐธรรมนูญใหม่นั้น ผมเห็นว่าเป็นแนวโน้มที่ดี

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ดีตรงที่ว่า ไม่มีกลุ่มการเมืองใด องค์กรใด ไม่ว่าจะเป็น คมช. หรือ "อำนาจเก่า" หรือพรรคการเมืองใหญ่น้อย ทั้งที่เป็น "นอมินี" และที่จะไปตั้งใหม่ขึ้นมา จะสามารถอ้างว่า "ประชาชนส่วนใหญ่อยู่ข้างข้าพเจ้า"
ทุกฝ่ายต้องระมัดระวัง ต้องทำการบ้านอย่างหนัก และต้องมีความเจียมเนื้อเจียมตัวว่าอะไรๆ ในการเลือกตั้งคราวหน้า ย่อมจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อไม่มีกลุ่มกดดันหรือการเมืองใดมีอำนาจอยู่เหนือประชาชนแล้ว ก็ย่อมแปลว่า ชาวบ้านมีทางเลือกมากขึ้น
และความต้องการกับเสียงเรียกร้องของชาวบ้าน จะเป็นตัวกำหนดทิศทางและนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ กันใหม่หมดอีกรอบหนึ่ง
คนกรุงเทพฯ รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ล้นหลามด้วยเสียง 75.58 ต่อไม่รับ 34.42% ขณะที่คะแนนทั้งภาคกลางก็มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน คือรับร่าง 66.89% และไม่รับ 33.11 %
ขณะที่คนภาคใต้มีจุดยืนชัดเจนแน่นอนมั่นคงมาตลอด คือรับ 87.67% และไม่รับเพียง 12.33%
แต่ภาพจากภาคอีสาน และภาคเหนือไปอีกทางหนึ่งโดยสิ้นเชิง
แน่นอนว่า คะแนนเสียงส่วนใหญ่ของคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ไม่ยอมรับร่างรัฐธรรมนูญ (63% ไม่รับ 36% รับ) กับเสียง "รับเฉียดฉิว" ของภาคเหนือ (เห็นชอบ 58% ไม่เห็นชอบ 41%) นั้นย่อมจะทำให้ทุกพรรคการเมือง ทุกหน่วยราชการ และทุกกลุ่มกดดันในสังคม จะต้องลงไป "ลุย" ในสองภาคนี้อย่างหนักหน่วง เพื่อแสวงหาการสนับสนุนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในคราวหน้า
อีสานจะกลายเป็น "สนามเปิด" สำหรับทุกฝ่ายในการรณรงค์หาเสียง และสร้างฐานสนับสนุนให้กับกลุ่มตน
เพราะแม้กลุ่มไทยรักไทยเก่าจะอุ่นใจได้ว่า เครือข่ายฐานเสียงของตนใน 19 จังหวัดอีสาน จะยังหนาแน่นจากการแสดงออกในวันลงประชามติ แต่ข่าวร้ายก็คือว่า อีสานเป็นฐานเสียงที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงด้วยปัจจัยต่างๆ ที่แตกต่างกันได้...เช่น กรณีบุรีรัมย์ และนครราชสีมา ที่เมื่อถูกฝ่ายคู่แข่ง "เจาะ" ด้วยเทคนิคและลูกเล่นแบบเดียวกับที่ตนเองเคยใช้ได้ผล ก็สามารถจะ "หลุด" ไปจากวงโคจรของตนได้เช่นกัน
ข่าวดีจากผลการลงประชามติสำหรับคนไทยทั้งหลาย ก็คือว่าเมื่อเสียง "เห็นชอบ" สูงกว่า "ไม่เห็นชอบ" (ประมาณ 17% หรือ 4 ล้านเสียง) ประเทศชาติก็สามารถจะเดินหน้าต่อไปสู่การเลือกตั้งได้ และความขัดแย้งใดๆ ก็จะไปอยู่ที่นโยบายที่จะเสนอต่อประชาชนในสนามการเลือกตั้ง แทนที่จะเผชิญหน้ากันกลางถนนหรือสนามหลวง

ข่าวดีอีกชิ้นหนึ่งจากผลคะแนนอย่างที่เห็น ก็คือว่าเมื่อไม่มีกลุ่มการเมืองใดสามารถอ้างชัยชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว อำนาจต่อรองก็จะกลับมาสู่ประชาชนอีกครั้งหนึ่ง

ข่าวร้ายก็คือว่าการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ จะมีการใช้เงินและอิทธิพลบารมีกัน โดยเฉพาะในภาคอีสานและภาคเหนืออย่างดุเดือดรุนแรง เพราะไม่มีฝ่ายไหนสามารถครอบงำเสียงของประชาชนในสองภาคนั้นได้เหมือนในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
ทั้งหมดทั้งปวงย่อมหมายความว่า คนไทยต้องรู้จักเคารพกติกาของความเป็นประชาธิปไตย...เมื่อผลออกมาอย่างนี้ ทุกคนต้องแสวงหาความรู้และความเข้าใจกับความเป็นไปทางการเมือง และไม่ว่าจะหงุดหงิดกับ "ความขี้เหร่" ของบางด้านบางประเด็นของกติกาก็ตาม เราต่างต้องเดินไปข้างหน้า เพื่อทิ้งความตึงเครียดและความโฉดเขลาเอาไว้ข้างหลัง


กาแฟดำ

ใช้วิกฤตเป็นโอกาส  พัฒนา อีสาน  นสพ ชั้นนำ อย่าง เนชั่น น่าจะเป็นหัวหอก
ให้ความรู้การเมือง  รธน  ฯลฯ  เพื่อพัฒนาอีสาน  ได้อย่างดี  จริงไหม  ท่านผู้เจริญทุกท่าน

 
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #39 เมื่อ: 21-08-2007, 19:54 »

 http://www.naewna.com/news.asp?ID=72209

"สนธิ"รับผิดคาดเพราะเสียเปรียบ

 ด้านพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในฐานะประธานคมช. ได้กล่าวระหว่างเดินทางไปเยือนมาเลเซียว่า ยอมรับว่าผลการลงประชามติผิดคาดไปบ้าง เพราะหวังว่าจะมีการเห็นชอบร้อยละ60หรือ 65 เป็นอย่างน้อย แต่กระนั้นตนก็พอใจเพราะถือว่ารัฐได้รณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเท่านั้น ไม่ได้บอกให้รับ หรือไม่รับ "ดังนั้นแน่นอนว่ารัฐย่อมเสียเปรียบ แต่ผลคะแนนตามระบอบประชาธิปไตยผ่านเพียง 1 คะแนนก็ถือว่าผ่าน" พล.อ.สนธิ กล่าว

 เตรียมแก้ลำเหนือ-อีสานไม่รับร่าง
 เมื่อถามกรณีภาคเหนือที่ผ่านฉิวเฉียด กับภาคอีสานไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญนั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ได้คิดว่ามีหลายจังหวัดไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะเห็นว่าประชาชนยังเข้าใจรัฐธรรมนูญในวงจำกัดอยู่ รัฐอาจยังทำความเข้าใจไม่ถึง ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งคือมีบางส่วนไปบอกว่ารัฐธรรมนูญไม่ดีและมีเงื่อนไขอื่นๆประกอบทำให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลไม่ทราบข้อเท็จจริง "แต่หน่วยที่ดูแลรักษาความมั่นคงภายใน มีวิธีแก้ในอนาคตได้ไม่ยาก เพราะกองทัพที่อยู่ตรงนั้น เป็นคนอีสานทั้งนั้น สามารถทำความเข้าใจกับประชาชนได้" พล.อ.สนธิ กล่าว

 ยังมั่นใจประชาชนไม่ได้ต้านคมช.
 เมื่อถามย้ำว่า มองประชาชนในจังหวัดที่ไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ เพราะต่อต้าน คมช. หรือไม่เข้าใจเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ส่วนตัวมองในแง่ที่ไม่เข้าใจเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญมากกว่า และคิดว่าคนไทยมากกว่าร้อยละ 70 ยังไม่ได้อ่านร่างรัฐธรรมนูญเลย
 พล.อ.สนธิยังกล่าวถึงสถานการณ์ด้านความมั่นคงหลังผ่านการประชามติจนถึงการเลือกตั้งทั่วไปว่า หลายคนอาจมองว่าผ่านการลงประชามติไปแล้ว น่าจะยกเลิกกฎอัยการศึกได้ แต่ขอเรียนว่าความมั่นคงปลอดภัยของชาติไม่เกี่ยวกับการเมืองต้องแยกออกจากกันดังนั้น ยังต้องใช้กฎอัยการศึกษาในบางจังหวัดต่อไปเพราะปัญหาภัยคุกคามที่เกิดกับบ้านเมืองมีหลายเรื่อง

 มทภ.2แฉทรท.เป่าหูคนอีสาน
 ด้านพล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ออกมาระบุถึงสาเหตุที่คนภาคอีสานไม่รับร่างรัฐธรรมนูญว่า มีหลายสาเหตุทั้งกรณีเป็นพื้นที่มวลชนของพรรคไทยรักไทยเก่า มีพรรคพลังประชาชนออกไปช่วยรณรงค์ไม่รับร่าง แจกใบปลิวบิดเบือนรัฐธรรมนูญว่าจะกระทบโครงการต่างๆ เช่น โครงการ 30บาท ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด
 "ชาวบ้านถูกฝังรากมานานหลายปีในช่วงที่พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาลมี ส.ส.กว่า 180 คน มีความผูกพันมากว่า 4-5 ปี เขาจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและมีความเชื่อกันอยู่ ถือเป็นพื้นที่ของกลุ่มอำนาจเก่าแต่เราก็แบ่งมวลชนมาได้บางส่วน เพราะเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งครั้งที่แล้วมีจำนวนลดลง ซึ่งเราต้องปรับแผนใหม่เพื่อดึงมวลชนมาฝ่ายเรามากยิ่งขึ้น"แม่ทัภพาคที่ 2กล่าว

 ขอ3เดือนจะตีให้แตก
 เมื่อถามว่า ผู้บัญชาการทหารบกกำชับอย่างไรหลังผลประชามติในพื้นที่ภาคอีสานพ่ายแพ้ พล.ท.สุจิตร กล่าวว่า ท่านไม่มีอะไรสั่งการเป็นพิเศษ และไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งท่านได้ให้เจ้าหน้าที่ติดตามดูว่าผลการดำเนินงานด้านมวลชนที่ผ่านมามีอะไรต้องปรับปรุงแก้ไข เพื่อมุ่งไปสู่ในช่วง 3 เดือนที่เหลือ ทั้งนี้ คิดว่าไม่หนักใจ ไม่มีปัญหา
 เมื่อถามว่า ผลที่ออกมาถือว่าเราพ่ายแพ้หรือไม่ พล.ท.สุจิตร กล่าวว่า ถ้าเขาไม่รับก็ถือว่าเราพ่ายแพ้ เป็นเรื่องงานมวลชนที่เราต้องเคลื่อนไหวมากขึ้น แต่ครั้งต่อไป 3 เดือนหน้า เราอาจจะมีมวลชนของเรามากกว่านี้ งานมวลชนไม่มีแพ้ไม่มีชนะอยู่ที่มวลชน

 บุรีรัมย์ฉลุยเพราะกกต.เอาจริง
 เมื่อถามว่า จะรับผิดชอบกับผลประชามติที่ออกมาอย่างไร พล.ท.สุจิตร กล่าวว่า งานมวลชนไม่นิ่งอยู่ที่ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
 "ส่วนพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ที่ได้รับชัยชนะ เพราะ กกต.แข็ง และร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่ติดตาม เกาะติดพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ให้ข้อมูลเพื่อเอาผิดได้ เห็นได้ว่าภาพรวม กกต. มีความจริงจังมาก แต่พื้นที่อื่นมีการทำงานที่อาจจะไม่เหมือนที่บุรีรัมย์ ทั้งนี้ หากพื้นที่อื่นเอาจริงเอาจัง ฝ่ายที่บิดเบือนข้อมูลก็จะเอาจริงเอาจังไม่ได้"แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว

 ไม่ห่วงอำนาจเก่าจะฟื้นคืนชีพ
 เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่ากลุ่มอำนาจเก่าจะกลับมาสู่อำนาจอีกครั้ง พล.ท.สุจิตร กล่าวว่า หวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น ซึ่งห้วงเวลาที่เหลือเรายังมีเวลาทำความเข้าใจ ทั้งนี้เมื่อมีการยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 ทำให้พรรคการเมืองต่างๆดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ ดังนั้นต่อไปในพื้นที่จะมีพรรคการเมืองต่างๆเช่นพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย เข้ามาทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อให้ได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง

 มทภ.3รับผิดคาดรอแก้ตัวเลือกตั้ง
 ด้านพล.ท.จิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงผลการลงประชามติทางภาคเหนือว่า มีผู้ออกมาใช้สิทธิ 59 % เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ไปทำงานต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ผลประชามติออกมาในรูปนี้ ไม่ตรงตามที่คาดหมาย
 เมื่อถามว่า ผลคะแนนที่ออกมาถือว่าเป็นความล้มเหลวของ คมช. หรือไม่ พล.ท.จิรเดช กล่าวว่า ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติถือเป็นความล้มเหลว แต่ผลการลงประชามติของทั่วประเทศออกมาว่าประชาชนยอมรับรัฐธรรมนูญแสดงว่าไม่เป็นการล้มเหลว
 "กองทัพภาคที่3 จะนำผลการออกเสียงประชามติและข้อมูลต่าง ๆมาวิเคราะห์ดูข้อบกพร่อง เพราะหลังจากนี้จะเข้าสู่การเลือกตั้งส.ส.ในปลายปี2550ซึ่งกองทัพภาคที่3ยังคงทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ภาคเหนือ"แม่ทัพภาคที่ 3 ระบุ

 ...

 วอร์รูมปูดเงินสะพัดกว่า2พันล.
 นายประสาร มฤคพิทักษ์ ประธานคณะ อนุกรรมการประชาสัมพันธ์ภายในประเทศ(ศปชท.) แถลงว่า เมื่อวิเคราะห์สัดส่วนร้อยละ 42.19 ของผู้ที่ไม่เห็นชอบสามารถแบ่งเป็น 2 ส่วนคือไม่เห็นชอบเพราะเนื้อหาตามที่กลุ่มนักวิชาการรณรงค์ ร้อยละ30 หรือประมาณ 3,065,935 คนและไม่ เห็นชอบจากการรณรงค์ของขั้วอำนาจเก่าร้อยละ70หรือประมาณ7,153,848 คน
 "สัดส่วนตัวเลขที่ต่างกัน 15 % ถือว่าเป็นสัดส่วนที่น่าพอใจสำหรับการรณรงค์ให้คนออกไปใช้สิทธิ ถือเป็นคะแนนบริสุทธิ์ขณะที่อีกฝ่ายทั้งบิดเบือน และใช้เงินซื้อเสียง คาดว่าตัวเลขอยู่ที่1,430,769,600-2,146,154,400 ล้านบาทซึ่งงบฯมากขนาดนี้คนที่กล้าจ่ายมีเพียงนายใหญ่เท่านั้น และหากจะมองต่อว่างบฯที่จ่ายมาจากไหนก็เป็นที่รับรู้กันอยู่ทั่วไปแล้วนั่นเอง"นายประสาร กล่าว

ขอตัดข่าวมาคิด  ใครอยากอ่าน เต็ม ๆ ก็ตามลิงค์ไปแล้วกัน

ฟัง ทหาร บ้าง  ไม่ใช่อยากเอา เผด็จการ  แต่ ด้วยกระแสเงิน  เวลาจำกัด  เงื่อนไข ตั้งมาก  สามารถทำให้ออกมารับร่าง
ได้ขนาดนี้  ก็ยังเห็นว่า ให้ผ่าน  ถ้ามีเวลารณรงค์มากกว่านี้  ก็น่าจะดี

กลัวแต่ว่า  การเมือง หลังเลือกตั้ง  ทุกฝ่าย win win   แพ้อยู่พวกเดียว คือ  ปชช
และ ไม่เอา  แม้ว กับพวกแม้ว มาขึ้นศาล ลงโทษ ไปตามฐานความผิด


บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #40 เมื่อ: 21-08-2007, 21:26 »

ข่าวทหารปรับแผน แก้ปัญหาอีสาน เหนือ ในการเลือกตั้ง

ประธาน คมช.เตรียมเรียกแม่ทัพภาค 2 เข้าคุยหลังแพ้ลงประชามติในภาคอิสาน เสธ.ทบ.ระบุวางเป้าเร่งแก้ปัญหาความยากจน ที่ผ่านมามีงบประมาณผ่าน กอ.รมน.นับหมื่นล้านบาท แต่ยังไม่ถึงมือประชาชน ต้องเร่งแก้ไขในงบประมาณปี 2551 ยันไม่ใช้ประชานิยมเลียนแบบ'ทักษิณ' 'สุดารัตน์

หลังจากที่ผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญปรากฏว่า มีผู้ไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญถึง 24 จังหวัดในภาคตะวันนอกเฉียงเหนือและภาคเหนือทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นความพ่ายแพ้ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)และรัฐบาลนั้น

พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมว่า ถึงขณะนี้ ยังไม่ได้คุยกับ พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือถึงผลการลงประชามติในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่คิดว่าทาง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ต้องเรียกมาคุย แต่ก่อนจะมาคุยก็ต้องศึกษาในรายละเอียดของแต่ละพื้นที่ก่อนว่า เกิดปัญหาอะไร เนื่องจากก่อนลงประชามติ กองทัพภาคที่ 2 ได้สำรวจความคิดเห็น พบว่า ทุกพื้นที่จะมีประชาชนรับร่างรัฐธรรมนูญถึง 70% แต่ที่ผันแปรแล้วผลออกมาเป็นอย่างนี้คิดว่า น่าจะมีเงินมาเกี่ยวข้อง แต่ไม่รู้ว่ามากแค่ไหน จึงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือหลายจังหวัดไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แสดงว่าประชาชนยังชื่นชม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.มนตรีกล่าวว่า ต้องไปดูว่า ปัญหาเกิดจากอะไร ส่วนตัวคิดว่าเกี่ยวกับการดูแลช่วยเหลือประชาชน เพราะปีนี้มีปัญหาเรื่องความต่อเนื่องของงบประมาณ กว่าจะไปถึงประชาชนอาจจะช้า แต่ปัญหาต่างๆ จะนำไปแก้ไขในปีงบประมาณ 2551

'คนเราต้องคำนึงถึงเรื่องปากท้อง เรื่องตัวเองเป็นหลักก่อน เพราะความยากจนเป็นปัญหาของทุกเรื่อง เมื่อปัญหาความยากจนหมดไป ก็จะคิดถึงเรื่องอื่น คือเรื่องประเทศชาติ ดังนั้น จึงต้องรีบแก้ไขปัญหาเรื่องความยากจน ถ้าแก้ไขได้เขาก็น่าจะกลับมาเป็นฝ่ายเรา เพราะทุกคนก็คำนึงถึงประเทศชาติอยู่แล้ว แต่เมื่อเขาเดือดร้อน เขาก็ต้องเห็นแก่ตัวก่อน เมื่อเขาหายเดือดร้อน เขาก็จะมองถึงประเทศชาติ'พล.อ.มนตรีกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า  งบประมาณในโครงการที่ออกมา ไม่สามารถไปรองรับความต่อเนื่องของโครงการประชานิยมของรัฐบายอดีตนายกฯทักษิณใช่หรือไม่ พล.อ.มนตรี  กล่าวว่า ไม่ใช่ โครงการเหล่านี้เป็นโครงการที่มีอยู่แล้ว เป็นโครงการที่เกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน ของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ดูแลอยู่  แต่ในปีที่ผ่านมายังไม่ค่อยเป็นรูปธรรมเท่าใดนัก เพราะงบประมาณล่าช้า ดังนั้น ในปีงบประมาณใหม่จะเร่งแก้ไขในปัญหานี้

เมื่อถามว่า จะมีการปรับแผนในการซื้อใจมวลชนให้กลับมาเป็นพวกเราได้อย่างไรนั้น  พล.อ.มนตรีกล่าวว่า เป็นหลักการของ ศจพ. คือ เราจะไม่ใช้โครงการประชานิยม  โดยเราจะดูแลให้ความช่วยเหลือเขาเป็นการถาวร  ซึ่งโครงการทุกอย่างจะให้ชาวบ้านคิดเอง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชน เป็นคนคิดเองว่าบ้านเขาต้องการอะไร และมีปัญหาอะไร ดังนั้นในการแก้ไขปัญหาก็จะตรงกับความต้องการของประชาชน และเป็นการแก้ไขปัญหาที่ถาวร ซึ่งเราต้องการให้เป็นอย่างนั้น แทนที่เราจะเอาเงินไปให้  แล้วก็จบไปเราก็ใช้วิธีนี้แทน  เพราะถ้านำเงินไปให้อย่างเดียวก็ไม่มีการแก้ไข พัฒนา

พล.อ.มนตรี กล่าวว่า  สำหรับงบประมาณที่จะนำไปใช้ในโครงการผ่าน  กอ.รมน.นั้น จะต้องใช้มากพอสมควร เพราะงบประมาณในส่วนนี้มีหลายส่วน และแต่ละส่วนก็หลายพันล้านบาท  รวมแล้วก็เป็นหมื่นล้านบาท  แต่ปัญหาก็คือจะทำอย่างไรนำเงินเหล่านั้นไปใช้อย่างบูรณาการให้ถึงมือประชาชนได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง นั่นคือบทเรียนที่เราได้มาในช่วงที่ผ่านมา

พล.อ.มนตรี ยังกล่าวถึงข้อสงสัยว่า ผลการลงประชามติที่ออกมาอาจจะต้องเลื่อนการเลือกตั้งหรือไม่ว่า คงไม่มีเหตุผลที่จะไปเลื่อน เพราะไม่ใช่ประชาชนในประเทศเท่านั้นที่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง ทั่วโลกก็จับตามมองอยู่ และเชื่อว่าจะเลือกตั้งทันในช่วงปลายปีแน่นอน ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยและเป็นไปตามขั้นตอน ส่วนจะมีอุบัติเหตุในบ้านเมืองเกิดขึ้นหรือไม่นั้นไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย ส่วนกรณีที่ ผบ.ทบ.ระบุว่าอาจจะมีเหตุจำเป็นยิ่งใหญ่นั้น ตนไม่ทราบ แต่คิดว่าไม่ใช่เรื่องปฏิวัติแน่นอน ถ้าทำไปก็ไม่ได้รับการยอมรับ เพราะไม่มีเหตุเหมือนตอนก่อน 19 กันยายน 2549

""""

พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ กล่าวว่า ในส่วนของแนวทางการทำงานหลังร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ผ่านการลงประชามติว่า ต่อไปจะเข้าสู่ขั้นตอนของการเลือกตั้ง ส่วนคะแนนเสียงที่ดูแลเหมือนจะก้ำกึ่งนั้น ยังบอกไม่ได้ว่าก้ำกึ่ง เพราะคนไม่มาออกเสียงกันเยอะมาก ถือว่า จนขณะนี้จะต้องยอมรับสภาพว่า นี่คือเสียงของประชาชนส่วนใหญ่

เมื่อถามว่า คะแนนเสียงที่ห่างกันแค่ 4 ล้านกว่าเสียง ถือว่า คมช.พ่ายแพ้ต่อการลงประชามติหรือไม่ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะเราดูว่าเสียงส่วนใหญ่คืออะไร เมื่อเสียงส่วนใหญ่ยอมรับก็จบ

นพ.พลเดช ปิ่นประทีป รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อ ครม.ถึงขั้นตอนทางกฎหมายภายหลังการลงประชามติว่า น่าจะมีการเลือกตั้งในช่วงวันที่ 16 หรือ 23 ธันวาคม 2550 แต่นายสุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เหตุผลว่า ช่วงดังกล่าวจะมีงานพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 15 ธันวาคม อาจจะมีผลกระทบ หากจะจัดเลือกตั้งในวันที่ 16 ธันวาคม ดังนั้น วันที่ 23 ธันวาคม อาจจะเหมาะสมกว่า โดยจะต้องหารือกันอีกครั้งถึงวันเลือกตั้งที่ชัดเจน

นพ.พลเดชกล่าวอีกว่า หลังจากเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว กกต.จะต้องพิจารณาให้ใบเหลือง ใบแดง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน เพื่อให้ได้ส.ส. ครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด จากนั้นจะเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีได้ คาดว่าจะเป็นเดือนมกราคม และจะได้ ครม.ชุดใหม่ประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ หรือต้นเดือนมีนาคม

น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า การออกเสียงประชามติกับการเลือกตั้งไม่เหมือนกัน การออกเสียงประชามติเป็นเรื่องเฉพาะตัว แต่การเลือกตั้งจะมีการแข่งขัน แต่ไม่ได้หมายความว่าฐานเสียงในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งจะเป็นไปตามผลประชามติ แต่ขอฝากให้รัฐบาลและ คมช. ศึกษาผลการลงประชามติเป็นกรณีพิเศษเพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคะแนนที่เห็นชอบและไม่เห็นชอบ โดยเฉพาะการวิเคราะห์ผู้ที่ไม่เห็นชอบเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปการเมืองต่อไป เพราะผลการประชามติเกี่ยวข้องกับความพอใจของประชาชน

น.ต.ประสงค์กล่าวด้วยว่า การเมืองบ้านเราอย่าคิดว่า ชนะกันแล้วก็จบ หากไม่มีการวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาให้ดีขึ้น การเลือกตั้งครั้งต่อไปจะไม่มีการปฏิรูปการเมือง ความมุ่งหมายในการรัฐประหาร 19 กันยายน จะล้มเหลว การทำการเมืองให้ดีขึ้นคงจะยากและคงมีแต่สิ่งสกปรกเลวร้ายกลับเข้ามาอีกครั้ง และก็คงต้องแก้ไขกันอีก


ถ้าปรับแผนแก้ไขปัญหาความยากจน ให้ความรู้  ให้ความเข้าใจ  คนอีสาน ก็จะสร้างคุณภาพชีวิตของตัวเองได้

รู้ทันพวกนักเลือกตั้ง ระบอบแม้ว  ว่า มันเลวขนาดไหนที่  มาหากินกับความไม่รู้ของ ปชช 

/color]
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #41 เมื่อ: 22-08-2007, 08:37 »

ข่าวคนรักชาติ ในบุรีรัมย์ ขจัดระบอบแม้ว   ขอให้กำลังใจ ในการเลือกตั้ง
และเป็นแนวคิด แนวทางให้จังหวัด สีแดง  ได้เอาไปปรับใช้

“กกต.” บุรีรัมย์เปิดเบื้องหลังโค่นวิชามาร “ชิดชอบบุรี” - พลิกรับร่าง “รธน.” 1 ใน 2 จว.อีสาน
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 22 สิงหาคม 2550 01:46 น.
 
 นายเกษม วัฒนธรรม 
 
       ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ประธาน กกต.บุรีรัมย์ เปิดเบื้องหลังโค่นวิชามารคว่ำร่าง รธน.ส่งผล ปชช.ตื่นตัวใช้สิทธิประชามติพลิกความคาดหมายกลายเป็น 1 ใน 2 จังหวัดภาคอีสานที่ “เห็นชอบ” มากกว่า “ไม่เห็นชอบ” เหตุทุกภาคส่วนทั้ง กกต.ฝ่ายปกครอง ทหาร ตร.และเอกชน ระดมพลเข้าต่อต้านและตรวจสอบอย่างเต็มกำลัง ผนวกกับชาวบุรีรัมย์เริ่มรู้รักศักดิ์ศรี ต้องการกอบกู้ชื่อเสียงภาพลักษณ์เปลี่ยนการเมืองน้ำเน่า “ชิดชอบบุรี” ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เชื่อส่งผลดีถึง เลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ครั้งใหม่
       
       นายเกษม วัฒนธรรม ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ ได้วิเคราะห์ถึงกรณีที่ จ.บุรีรัมย์ กลายเป็น 1 ใน 2 จังหวัดในภาคอีสานที่ประชาชนใช้สิทธิออกเสียงลงประชามติ “เห็นชอบ” ร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มากว่า “ไม่เห็นชอบ” ชนิดพลิกความคาดหมายของทุกฝ่าย ทั้งที่เป็นจังหวัดเป้าหมายถูกจับตามองระดับประเทศ และมีการเคลื่อนไหวคว่ำร่าง รธน.สารพัดรูปแบบทั้งการแจกสิ่งของ จ่ายเงินซื้อเสียง สัญญาว่าจะให้รุนแรงที่สุด ว่า การที่ประชาชนตื่นตัวออกมาใช้สิทธิ และผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบร่าง รธน.มากกว่าไม่เห็นชอบ ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเนื้อหาสาระร่างรัฐธรรมนูญเป็นแรงจูงใจหลัก เพราะสามารถแก้ไขเพิ่มได้ในภายหลัง
       
       แต่เกิดจากหลายปัจจัยสำคัญ เช่น ประชาชนชาวบุรีรัมย์เริ่มมีความรู้ ตื่นตัว รู้รักศักดิ์ศรีของตัวเอง ต้องการกอบกู้ชื่อเสียงและปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ทางการเมืองของจังหวัด ที่ถูกมองว่าเป็นจังหวัดที่มีการซื้อสิทธิขายเสียงทุกรูปแบบมาช้านาน ประกอบกับภาครัฐทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และเอกชน รวมถึงหลายกลุ่มองค์กรภาคประชาชน เข้ามาร่วมกันรณรงค์ต่อต้านและตรวจสอบ ให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรมในการลงประชามติกันอย่างเต็มที่
       
       ยิ่งไปกว่านั้นยังได้มีสื่อมวลชนทุกแขนง ทั้งวิทยุโทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง สื่อสิ่งพิมพ์ เข้ามาตรวจสอบ รายงานเผยแพร่ให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริง จนกลุ่มบุคคลต่อต้านไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหว เกรงจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตัวเองให้เสียหายไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งกำลังถูกรุมเร้าจากหลายด้านหลายกรณี
       
       “หากการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ที่ใกล้จะมาถึงนี้ หลายฝ่ายร่วมมือกันต่อต้านขัดขวางการชื้อสิทธิขายเสียงอย่างจริงจัง อย่างเช่น การลงประชามติในครั้งนี้ เชื่อว่า การเมืองที่ จ.บุรีรัมย์ ก็จะเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่าอย่างที่หลายฝ่ายได้คาดการณ์ไว้ และอยากให้เป็นอย่างแน่นอน” นายเกษม กล่าว
       
       

 ด้าน นายถาวร จันทร์สม อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ผลการลงประชามติร่าง รธน.ครั้งประวัติศาสตร์ที่ จ.บุรีรัมย์ ครั้งนี้ทาง กกต.ภาครัฐ เอกชน และกลุ่มองค์กรต่างๆ พร้อมทั้งสื่อมวลชนได้เข้ามาตรวจสอบร่วมกัน ทำให้กลุ่มผู้ที่จะออกมาเคลื่อนไหวซื้อเสียงชักนำชาวบ้านไม่ให้ไปลงประชามติ ไม่กล้าที่จะออกมากระทำการจ่ายแจกเงิน หรือสิ่งของ ซึ่งทำให้ตนมั่นใจตั้งแต่แรกว่าประชาชนที่มาลงประชามติจะรับร่างมากกว่าไม่รับร่างรธน.ตามความคาดหมาย จากที่เคยคิดเคยคาดมาตลอดว่าการเมืองบุรีรัมย์จะเป็นการเมืองน้ำเน่า จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงได้เลย
       
       “ผลการลงประชามติที่ออกมาในครั้งนี้ เชื่อว่า ไม่ใช่เนื้อหาสาระของร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นแรงจูงใจหลักให้ประชาชนชาวบุรีรัมย์ออกมาใช้สิทธิลงประชามติรับร่าง แต่ปัจจัยหลักคงเป็นเพราะต้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไปสู่สิ่งที่ดีกว่า และต้องการให้ประเทศชาติกลับเข้าภาวะปกติมีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว ซึ่งไม่ใช่เฉพาะบุรีรัมย์หากแต่เป็นปัจจัยสำคัญของผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งประเทศด้วยซ้ำไป” นายถาวร กล่าว
       
       ทั้งนี้ จ.บุรีรัมย์ มีผู้มีสิทธิออกเสียงลงประชามติทั้งจังหวัด 1,087,307 คน มีผู้มาใช้สิทธิออกเสียง 564,990 คน คิดเป็นร้อยละ 51.96 จากที่ทางจังหวัดตั้งเป้าไว้จะมีผู้มาใช้สิทธิไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 ของจำนวนผู้มีสิทธิทั้งจังหวัด
       
       โดยผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเห็นชอบจำนวน 305,075 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 53.99 ไม่เห็นชอบ 247,891 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 43.87 บัตรเสีย 12,021 ใบ คิดเป็นร้อยละ 2.12 ส่วนต่างเห็นชอบมากกว่า 57,184 คะแนน
       
       โดยแยกเป็นอำเภอทั้ง 21 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอดังนี้
       
       1.อ.เมือง ผู้มีสิทธิ 146,586 คน มาใช้สิทธิ 79,848 คน เห็นชอบ 47,324 คะแนน ไม่เห็นชอบ 30,574 คะแนน บัตรเสีย 1,948 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 16,750 คะแนน
       
       2.อ.ลำปลายมาศ ผู้มีสิทธิ 96,053 คน มาใช้สิทธิ 50,238 คน เห็นชอบ 27,815 คะแนน ไม่เห็นชอบ 21,519 คะแนน บัตรเสีย 903 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 6,296 คะแนน
       
       3.อ.ประโคนชัย ผู้มีสิทธิ 92,900 คน มาใช้สิทธิ 45,438 คน เห็นชอบ 30,772 คะแนน ไม่เห็นชอบ 13,722 คะแนน บัตรเสีย 944 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 17,050 คะแนน
       
       4.อ.สตึก ผู้มีสิทธิ 77,781 คน มาใช้สิทธิ 45,438 คน เห็นชอบ 20,982 คะแนน ไม่เห็นชอบ 15,563 คะแนน บัตรเสีย 811 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 5,419 คะแนน
       
       5.อ.นางรอง ผู้มีสิทธิ 77,954 คน มาใช้สิทธิ 45,165 คน เห็นชอบ 27,058 คะแนน ไม่เห็นชอบ 17,269 คะแนน บัตรเสีย 838 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 9,789 คะแนน
       
       *6.อ.กระสัง ผู้มีสิทธิ 71,756 คน มาใช้สิทธิ 33,255 คน เห็นชอบ 13,498 คะแนน ไม่เห็นชอบ 18,840 คะแนน บัตรเสีย 917 ใบ ผลต่างไม่เห็นชอบมากกว่า 5,342 คะแนน
       
       *7.อ.หนองกี่ ผู้มีสิทธิ 48,348 คน มาใช้สิทธิ 26,094 คน เห็นชอบ 10,985 คะแนน ไม่เห็นชอบ 667 คะแนน บัตรเสีย 442 ใบ ผลต่างไม่เห็นชอบมากกว่า 3,682 คะแนน
       
       8.อ.คูเมือง ผู้มีสิทธิ 47,625 คน มาใช้สิทธิ 24,447 คน เห็นชอบ 16,785 คะแนน ไม่เห็นชอบ 7,216 คะแนน บัตรเสีย 446 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 9,569 คะแนน
       
       9.อ.บ้านกรวด ผู้มีสิทธิ 50,452 คน มาใช้สิทธิ 25,555 คน เห็นชอบ 14,171 คะแนน ไม่เห็นชอบ 10,817 คะแนน บัตรเสีย 567 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 3,354 คะแนน
       
       10.อ.ละหานทราย ผู้มีสิทธิ 48,510 คน มาใช้สิทธิ 24,188 คน เห็นชอบ 14,569 คะแนน ไม่เห็นชอบ 9,202 คะแนน บัตรเสีย 417 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 5,367 คะแนน
       
       *11.อ.หนองหงส์ ผู้มีสิทธิ 34,639 คน มาใช้สิทธิ 18,148 คน เห็นชอบ 7,412 คะแนน ไม่เห็นชอบ 10,435 คะแนน ผลต่างไม่เห็นชอบมากกว่า 3,023 คะแนน
       
       *12.อ.พุทไธสง ผู้มีสิทธิ 34,366 คน มาใช้สิทธิ 18,696 คน เห็นชอบ 6,302 คะแนน ไม่เห็นชอบ 12,023 คะแนน บัตรเสีย 371 ใบ ผลต่างไม่เห็นชอบมากกว่า 5,721 คะแนน
       
       *13.อ.นาโพธิ์ ผู้มีสิทธิ 24,599 คน มาใช้สิทธิ 12,847 คน เห็นชอบ 5,542 คะแนน ไม่เห็นชอบ 7,052 คะแนน บัตรเสีย 253 ใบ ผลต่างไม่เห็นชอบมากกว่า 1,510 คะแนน
       
       14.อ.พลับพลาชัย ผู้มีสิทธิ 29,163 คน มาใช้สิทธิ 13,286 คน เห็นชอบ 7,083 คะแนน ไม่เห็นชอบ 5,896 คะแนน บัตรเสีย 307 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 1,187 คะแนน
       
       15.อ.ปะคำ ผู้มีสิทธิ 31,018 คน มาใช้สิทธิ 16,763 คน เห็นชอบ 8,314 คะแนน ไม่เห็นชอบ 8,116 คะแนน บัตรเสีย 333 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 198 คะแนน
       
       16.อ.เฉลิมพระเกียรติ ผู้มีสิทธิ 28,860 คน มาใช้สิทธิ 15,454 คน เห็นชอบ 8,042 คะแนน ไม่เห็นชอบ 7,088 คะแนน บัตรเสีย 324 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 954 คะแนน
       
       *17.อ.ห้วยราช ผู้มีสิทธิ 25,189 คน มาใช้สิทธิ 13,356 คน เห็นชอบ 6,409 คะแนน ไม่เห็ยชอบ 6,530 คะแนน บัตรเสีย 417 ใบ ผลต่างไม่เห็นชอบมากกว่า 121 คะแนน
       
       *18. อ.ชำนิ ผู้มีสิทธิ 23,958 คน มาใช้สิทธิ 12,724 คน เห็นชอบ 6,055 คะแนน ไม่เห็นชอบ 6,349 คะแนน บัตรเสีย 320 ใบ ผลต่างไม่เห็นชอบมากกว่า 294 คะแนน
       
       *19.กิ่ง อ.บ้านด่าน ผู้มีสิทธิ 21,319 คน มาใช้สิทธิ 10,910 คน เห็นชอบ 4,797 คะแนน ไม่เห็นชอบ 5,808 คะแนน บัตรเสีย 305 คะแนน ผลต่างไม่เห็นชอบมากกว่า 1,011 คะแนน
       
       *20.กิ่ง อ.แคนดง ผู้มีสิทธิ 22,193 คน มาใช้สิทธิ 11,672 คน เห็นชอบ 5,585 คะแนน ไม่เห็นชอบ 5,799 คะแนน บัตรเสีย 288 ใบ ผลต่างไม่เห็นชอบมากกว่า 214 คะแนน
       
       21.อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ ผู้มีสิทธิ 19,398 คน มาใช้สิทธิ 10,499 คน เห็นชอบ 5,270 คะแนน ไม่เห็นชอบ 5,060 คะแนน บัตรเสีย 169 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 210 คะแนน
       
       22.อ.โนนสุวรรณ ผู้มีสิทธิ 16,463 คน มาใช้สิทธิ 9,801 คน เห็นชอบ 4,932 คะแนน ไม่เห็นชอบ 4,685 คะแนน บัตรเสีย 184 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 247 คะแนน
       
       23.อ.โนนดินแดง ผู้มีสิทธิ 18,177 คน มาใช้สิทธิ 9,250 คน เห็นชอบ 5,373 คะแนน ไม่เห็นชอบ 3,661 คะแนน บัตรเสีย 216 ใบ ผลต่างเห็นชอบมากกว่า 1,712 คะแนน
       
       ส่วนจำนวนผู้สิทธิออกเสียงนอกเขตจังหวัดที่มาลงทะเบียนแสดงความจำนงไว้ 675 คน มาใช้สิทธิ 509 คน เห็นชอบ 420 คะแนน ไม่เห็นชอบ 85 บัตรเสีย 4 ใบ ผลต่างมีเห็นชอบมากกว่า 335 คะแนน
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า ในส่วนอำเภอที่มีคะแนนเสียงประชามติไม่เห็นชอบร่าง รธน.มากกว่า เห็นชอบมี 9 อำเภอจากทั้งหมด 23 อำเภอ นั้นส่วนใหญ่เป็นพื้นที่มีการเคลื่อนไหวคว่ำร่าง รธน. ทุกรูปแบบอย่างหนักหน่วงมาตั้งแต่ต้นของกลุ่มนักการเมืองอำนาจเก่า และเจ้าหน้าที่มีหลักฐานพยานชัดเจนถึงขั้น กกต.บุรีรัมย์ แจ้งความดำเนินคดีกับสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บุรีรัมย์ เขต อ.พุทไธสง กลุ่มหัวคะแนนของ นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย (ทรท.) กับพวกไปแล้วรวม 3 คน และสั่งย้ายด่วนออกจากพื้นที่ ข้าราชการครู อ.ลำปลายมาศ 3 คน พร้อมหัวส่วนราชการระดับจังหวัดอีก 1 คน
 
อ่านข่าวแล้วก็ อยากให้กำลังใจ  ขนาดทุ่มเต็มที่  ยังเฉียดฉิว  แต่ต้องดีขึ้น  ส่งกำลังใจให้ชาวอีสานทุกท่าน

 
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #42 เมื่อ: 22-08-2007, 09:12 »

ครม.ผ่านร่าง กม.3 ฉบับ ปิดช่องเหลี่ยม “โกงทั้งโคตร”   

 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 21 สิงหาคม 2550 19:36 น.
 
 พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี 
 
      ที่ประชุม ครม.เห็นชอบรับร่าง พ.ร.บ.3 ฉบับ หนุน “อนุสัญญายูเอ็นว่าด้วยการต่อต้านทุจริต” พร้อมเสริมเขี้ยว ป.ป.ช.ตรวจสอบทรัพย์สิน-ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน เพื่อให้สอดคล้องกับสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ปิดช่องเหลี่ยมโกงทั้งโคตร       
       
       วันนี้ (21 ส.ค.) นายโชติชัย สุวรรณภรณ์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า รายงานผลการพิจารณาและศึกษาพันธกรณีต่างๆ ของไทย ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ.2003 ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด พ.ศ....และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ.2535 ฉบับที่ ... พ.ศ....ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ เนื่องจากรัฐบาลได้เห็นชอบอนุสัญญาดังกล่าว ซึ่งทำให้เราจำเป็นจะต้องออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อให้ต้องออกกฎหมายลูกสอดคล้องให้เป็นไปตามอนุสัญญาที่ได้ให้ไว้กับสหประชาชาติ
       
       นายโชติชัย กล่าวว่า ครม.รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ คือ รับรายงานผลการพิจารณาและศึกษาพันธกรณีต่างๆ ของไทยตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ.2003 และอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด พ.ศ.... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ.2535 (ฉบับที่ ..) พ.ศ.... รวม 2 ฉบับ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตวรจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติพิจารณาต่อไป
       
       ทั้งนี้ ก่อนดำเนินการเสนอร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 3 ฉบับ ซึ่งเป็นการอนุมัติให้เป็นไปตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตฯไปยัง สนช.ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการ ให้มีการเสนออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตฯให้ สนช.พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนแล้ว จึงเสนอร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้รวม 3 ฉบับต่อ สนช.ต่อไป
       
       นายโชติชัย กล่าวอีกว่า สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด พ.ศ...โดย หนึ่ง เพิ่มเติมบทคำนิยามคำว่า “คำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สิน” และ “คำพิพากษาให้ริบทรัพย์สิน” (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 4 (ร่างมาตรา 3)) สอง กำหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามกฎมายอื่นในส่วนที่เกี่ยวข้อง มีอำนาจดำเนินการตามคำร้องความช่วยเหลือจากต่างประเทศ (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 12 (ร่างมาตรา 4))
       
       นายโชติชัย ระบุอีกว่า สาม กำหนดให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพ ในกรณีที่ต่างประเทศร้องขอให้สอบปากคำพยาน หรือขอสืบพยานหลักฐาน (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 15 วรรคสาม และมาตรา 17 วรรคสาม ร่างมาตรา 5 และมาตรา 7 กำหนดให้ ทั้งนี้ สี่ กำหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจแจ้งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการขอให้ศาลออกหมายค้น ค้นหรือยึดสิ่งของ (แก้ไขมาตรา 23 ร่างมาตรา 9) และ ห้า กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการยึด อายัด หรือรบทรัพย์สิน (แก้ไขเพิ่มเติมส่วนที่ 9 ร่างมาตรา 10)
       
       นายโชติชัย กล่าวว่า ในส่วนของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ.2535 (ฉบับที่ ...) พ.ศ.... มีสาระสำคัญ คือ หนึ่ง กำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา เพื่อประโยชน์ในการริบทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติดังกล่าว และกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการดำเนินการดังกล่าว (ร่างมาตรา 5 ถึงมาตรา 10) สอง กำหนดวิธีการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลเมื่อศาลได้มีคำพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดทางอาญา (ร่างมาตรา 5 ถึงมาตรา 10)
       
       นอกจากนี้ สาม กำหนดให้กรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่า ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา หรือจำเลยไม่ว่าจะเป็นกรรมสิทธิ์ หรืออยู่ในความครอบครองของผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลย หรือบุคคลนอก ซึ่งได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง เพื่อให้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน และกำหนดให้ผู้ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น อาจร้องขอต่อศาลก่อนมีคำสั่งว่า ตนเป็นเจ้าของที่แท้จริงและทรัพย์สินนั้นไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างได้โดยปราศจากข้อมูลอันจะอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือตนเป็นผู้รับโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน หรือได้มาโดยสุจริต และตามสมควรในทางศีลธรรมหรือในทางกุศลสาธารณะ (ร่างมาตรา 14 และมาตรา 15)
       
       นายโชติชัย กล่าวว่า สี่ กำหนดให้ผู้ซึ่งอ้างว่า เป็นผู้รับประโยชน์ในทรัพย์สินที่มีการร้องขอให้ตกเป็นของแผ่นดิน อาจยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิของตนก่อนศาลมีคำสั่ง โดยแสดงว่า ตนเป็นผู้รับประโยชน์ และมีค่าตอบแทน หรือได้มาซึ่งประโยชน์โดยสุจริต และตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี หรือในทางกุศลสาธารณะ (ร่างมาตรา 16) ห้า กำหนดให้ศาลไต่ส่วนคำร้องของคณะกรรมการป.ป.ช. หากเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยปราศจากมูล อันจะอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และคำร้องของผู้ซึ่งอ้างว่า เป็นเจ้าของทรัพย์สินฟังไม่ขึ้น ให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดิน
       
       นายโชติชัย ระบุว่า หก กำหนดให้คณะกรรมการป.ป.ช. หากยื่นคำขอฝ่ายเดียว ให้ศาลมีคำสั่ง ยึด หรือ อายัดทรัพย์สินที่ได้มาโดยปราศจากมูล อันจะอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ได้เพื่อป้องกันการยักย้าย ถ่ายเท ทรัพย์สิน และให้ศาลพิจารณาเป็นการด่วน ถ้าคำขอมีเหตุอันสมควรให้ศาลมีคำสั่งตามที่ขอโดยไม่ชักช้า เจ็ด กำหนดให้การดำเนินการเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้โดยอนุโลม และให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้รับยกเว้นค่า ฤชา ธรรมเนียมทั้งปวง
       
       นายโชติชัย กล่าวปิดท้ายว่า แปด กรณีมีคำสั่ง กรณีมีคำพิพากษาของรัฐต่างประเทศว่า จำเลยกระทำความผิดอาญาและรัฐต่างประเทศนั้นสูญเสียทรัพย์สิน เนื่องจากการกระทำความผิดนั้น หากทรัพย์สินที่พึงริบอยู่ในเขตอำนาจศาลไทย ให้รัฐต่างประเทศอาจดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา เพื่อติดตามทรัพย์สินคืน

 
 คนไทยต้องช่วยกัน เอาทรัพย์สินของชาติ คืนมา  อย่าให้หายเงียบไปเหมือนคดี อื่น ๆ
ต้องเอา พวกโกงกิน จาก ภาษี  งบประมาณ มาลงโทษ  ไปพร้อม ๆ  กับการลงโทษ ของอาญาสวรรค์
ไม่ว่า พวกจะเป็นใคร  หากโกงบ้านกินเมือง ต้องได้รับโทษ

เพราะให้เข้ามาบริหาร ประเทศ สร้างคุณภาพชีวิตให้ ปชช  ไม่ใช่ให้เข้ามาโกงบ้านกินเมือง
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #43 เมื่อ: 30-08-2007, 11:47 »

คตส.เรียก'ปลัดคลัง-ขรก.สรรพากร' รับฟังข้อหาคดีภาษีหุ้นชินสัปดาห์หน้า
30 สิงหาคม พ.ศ. 2550 04:49:00

คตส.ได้ฤกษ์ให้ผู้ถูกกล่าวคดีเลี่ยงภาษีหุ้นชิน "ศุภรัตน์- ขรก.สรรพากร" รวม 7 คน แถมหญิงคนสนิท"หญิงอ้อ"อีก1คน เข้าฟังข้อกล่าวหาสัปดาห์หน้า

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : วานนี้(29 ส.ค.) ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) มีการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนอาญาอดีตข้าราชการกระทรวงการคลัง ในคดีเลี่ยงภาษีของบริษัทแอมเพิลริช ในฐานะเป็นกำกับดูแลกรมสรรพากร และปล่อยปละละเลยทำให้รัฐเสียหาย

โดยภายหลังการประชุม นายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ(คตส.) ในฐานะประธานอนุกรรมการฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้กำหนดวันให้ผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นข้าราชการกระทรวงการคลัง และกรมสรรพากร เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในสัปดาห์หน้า

นายวิโรจน์ กล่าวถึงกรณีที่ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1.5 พันล้านบาทว่า รวมแล้วขณะนี้ตนถูก พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ฟ้องเรียกค่าเสียหายทั้งหมด 101,500 ล้านบาท

โดยเป็นคดีที่ฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก คตส.ทั้งคณะรวม 1 แสนล้านบาท บวกกับคดีที่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าหรือเอ็กซิมแบงค์ ปล่อยกู้ให้กับพม่าซึ่งถูกเรียกค่าเสียหาย อีกจำนวน 1.5 พันล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้าราชการที่ถูก คตส.ชี้มูลในคดีดังกล่าว มีดังนี้ คือนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร นางไพฑูรย์ พงษ์เกสร นางเบญจา หลุยเจริญ น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ และนายกริช วิปุลานุสาสน์ ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 154, 157 ประกอบมาตรา 83, 84, 86

นอกจากนี้ ยังมีคนนอก คือ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดกับคุณหญิงพจมาน ด้วย

----------------------
สมควรลงโทษให้เป็นเยี่ยงอย่าง  ที่รับใช้ นักการเมืองโกงชาติ
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #44 เมื่อ: 30-08-2007, 11:52 »

ทวงคืนสมบัติชาติสนองพระราชเสาวนีย์ – เมื่อ ‘ข้าราชการชั่วสมคบนายทุน’ งาบป่าพรุเมืองคอน
โดย ผู้จัดการออนไลน์    29 สิงหาคม 2550 20:05 น.


http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9500000101600


 
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #45 เมื่อ: 09-11-2007, 12:43 »

ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับกระทู้มั๊ย  แต่มีแฟ้ม  ล้มทักษิณ คาอยู่ในเครื่อง จะลบ ทิ้ง ก็ไม่ได้ทำ ยังคงทิ้งไว้
วันก่อน อ่านบทความเรื่อง  ผี ทักษิณ  ทำเอาต้องมานั่งอ่าน อีก

บ้านเมือง ชิบหาย หมด  เพราะ  ผี ทักษิณ  เลย นั่ง ซื่อบื้อ  อยู่เป็น นาน   

เอามาแจม  ยังต้องไล่ ผี ทักษิณ กันต่อไป

50 เหตุผลที่ต้องไล่ทรราช ทักษิณออกไป          ผู้เขียน : copy

 
1. สี่ปีแรกเอาเงินคลังมาแจกแถมสร้างภาพ สี่ปีหลังยึดสมบัติต้นทุนของชาติเข้าตลาดหุ้นแปรรูปมาเป็นสมบัต ิของพรรคพวกตนที่ถือหุ้น

2. ห้ามประชาชนและสภาคิดอ่านคิดร่วมงานบริหารประเทศ “คิดเองแทนให้ทุกเรื่อง” เพราะเห็นตนเองฉลาดอยู่คนเดียวนอกนี้โง่หมด

3. คนในตระกูลเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริงหาใช่พรรคมหาชนแม้แต่น้อ ย ส.ส.คือลูกจ้างทำตามนายสั่งอย่างเดียว

4. ส.ส.ในสังกัดพรรคกินทั้งเงินเดือนสภาและเงินเดือนหัวหน้าพรรค ถูกครอบงำสิ้น ไม่กล้าพูด สอพลอได้อย่างเดียว เป็นสภาอัปยศที่สุดในประวัติศาสตร์สภาไทย จึงมีกระแสให้ปฏิรูปรัฐธรรมนูญใหม่

5. สร้างภาพไม่ให้ขายบุหรี่เปิดเผย แต่อนุมัติเงิน 18,000 ล้านบาทสร้างโรงงานยาสูบสุดแพงที่เชียงใหม่ นายหน้าที่ดินเครื่องจักรเป็นใคร ?

6. ครอบงำทีวี ทั้ง 6 ช่อง บงการเป็นกระบอกเสียงของตน เสนอข่าวด้านเดียว ใครพูดเรื่องคอร์รัปชั่นโดนปลดรายการ จ้างชมพู่และหน้าจืดคนที่รับใช้เผด็จการทรราชมาทุกยุคทุกสมัย มาดูถูกชาวบ้านทางช่อง 5 และช่อง 9 เหมือนสถานีทีวีเป็นสมบัติส่วนตัวของพวกโกงกันทั้งโคตรหรือไง

7. ผู้นำที่เป็นนักลงทุนข้ามชาติ ย่อมไม่มีความเป็นชาตินิยมได้ เพราะต้องร่วมสมผลประโยชน์ทำธุรกิจกับต่างชาติ เอาผลประโยชน์แผ่นดินมาแลกกับผลประโยชน์ธุรกิจตน

8. แปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ทรัพย์สินมีมูลค่าซ่อนเร้นนับล้านๆบาท จะทำกำไรมหาศาลแก่ผู้ถือหุ้น ได้ของแถมสายนำสัญญาณใยแก้ว 24 เส้นแบนด์วิซสูงบนสายไฟแรงสูงมูลค่าแสนล้านฟรีๆ ที่ประเทศเยอรมันมีผู้ให้บริการมือถือ 6 รายมีรายได้ 1.9 ล้านล้านบาท ที่อังกฤษมีผู้ให้บริการ 5 รายมีรายได้ 1.6 ล้านล้านบาท ถ้าเปรียบเป็นอสังหาริมทรัพย์ กฟผ. ปตท. ก็ไม่ต่างอะไรกับที่ดินย่านสาทร สีสม เป็นการเอาสมบัติต้นทุนของแผ่นดินมาแปรรูปเป็นสมบัตินายทุนหุ้น กำไรที่เคยเข้าคลังกลายเป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่แทนทันที

9. พยายามปลดคุณหญิงตงฉิน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แล้วเอาคนของตนเข้าไปแทน

10. วงศาคณาญาติพวกพ้องยิ่งมั่งคั่ง แต่เงินคลังประเทศถังแตก ต้องกู้เป็นแสนๆล้านจะตามมาอีกหลายงวด

11. กว้านซื้อโรงพยาบาลเอกชนอย่างหนักหลังจากได้อำนาจครบ 4 ปี

12. กว้านซื้อธนาคารและสถาบันการเงินอย่างหนักหลังจากได้อำนาจครบ 4 ปี

13. ข้าวแกง ก๋วยเตียวขึ้นราคาชามละ 5บาท แต่ค่าแรงกรรมกรขยับแค่ 1-6 บาทในเพียง 16 จ. นอกนั้นไม่ขึ้นให้เลย ไหนค่าเล่าเรียนของลูกๆอีกที่เบิกไม่ได้เลย เขาอยู่กันอย่างไรในยามข้าวยากหมากแพงเช่นนี้

14. รัฐวิสาหกิจที่ขาดทุน รัฐบาลไม่สนใจพัฒนาให้ดีขึ้น ไม่แปรรูปปล่อยให้ขาดทุนบักโกรกต่อไป

15. กลิ่นเหม็นสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่าก่อสร้างหนึ่งแสนหกหมื่นล้านบาท

16. กำไรจำหน่ายสลากกินแบ่งเคยเข้าคลังเข้ารัฐ ปัจจุบันไม่เข้าคลังเอาไปแจกจ่ายกันอย่างไรเปิดเผยเสียที

17. เปิดเสรีเต็มประตูทะเลเพราะตนเองก็เป็นนักลงทุนข้ามชาติ เกรงใจบุชแห่งอเมริกาเป็นอย่างยิ่ง ร้านค้าย่อยคนไทยทยอยปิดกิจการ ห้างต่างชาติพากันขนเงินกำไรไหลออกเข้าบริษัทแม่ที่ต่างชาติ เลือดไทยไหลออกทุกวัน

18. กลิ่นเหม็นคอมมิชชั่น เครื่องคอมฯ

19. พยายามผลักดันให้ กชท. ทำหน้าที่แทน กสช. เอื้อผลประโยชน์เครือข่ายการสื่อสารให้ตนเองและพรรคพวก

20. ทำลายองค์กรอิสระจนเป็นง่อย ที่เหลือก็เป็นพวกตน ขาดความสมดุลการตรวจสอบ

21. ประชานิยม แจกแถมจนเงินหมดคงคลังแล้ว มีแต่ตัวเลขลวงชาวบ้านไปวันๆเบี้ยวแม้เงินเสี่ยงภัยของครู 3 จ.ใต้อย่างน่าอดสู

22. อุ้มฆ่าชาวบ้านอย่างหนัก สร้างเงื่อนไขสงคราม บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติอย่างไม่เคยมีมาก่อน

23. ชุมชนง่อยเป็นเปลี้ย รอแต่เงินรัฐบาลโยนมารอบแล้วรอบเล่า ไม่พัฒนาตนเองได้เพราะ ร้าน SME ที่รัฐบาลให้เงินมาได้ปิดกิจการหมดแล้ว แข่งขันกับห้างต่างชาติไม่ได้ นโยบายผลาญงบแผ่นดิน ไม่เคยมีนโยบายให้พึ่งตนเองได้อย่างถาวรสักโครงการ

24. ใช้เวลาเพียง 6 ปี เท่านั้น รัฐวิสาหกิจ การสื่อสาร คมนาคม ดาวเทียม สถาบันการเงิน โรงพยาบาล สินเชื่อ สื่อ อยู่ในกำมือตนสิ้น ขายธุรกิจตนเองไม่จริง แฝงซื้ออยู่ในกองทุนต่างชาติ เพื่อหลบหนีภาษีและหลบลี้ภัยตามยึดไม่ได้ภายหลังหมดอำนาจ

25. รถยนต์แห่งชาติ กาแฟ เครื่องดื่มแห่งชาติ เทคโนโลยีแห่งชาติ อาวุธแห่งชาติ สินค้าแบรนด์เนมไทยไม่มีโอกาสได้เกิด เพราะพวก“นายหน้าทุนต่างชาติ” เข้ามาร่วมบริหารอยู่ในรัฐบาลต้องรักษาผลประโยชน์แห่งตนไว้ก่อน

26. ประเทศไทยยังมีทรัพยากรธรรมชาติอยู่มาก เช่น ภาคอีสานจากการ สำรวจพบว่ามี แร่ทองแดงและโพแทสเซียม สมบูรณ์ที่สุดในโลก ร่างพ.ร.บ.เสียเปรียบให้ต่างชาติเข้าครอบครองในการทำเหมืองดังกล่าว

27. ชาวบ้านรากหญ้ามีแต่หนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ เปิดโครงการให้กู้เงินอีกสถาบันมาล้างหนี้อีกสถาบันยิ่งเสียดอก มากขึ้น คนจนจะไม่มีอีกต่อไป เพราะอดตายกันหมดแล้ว

28. โกงลำไยแห้ง โกงโรงบำบัดน้ำเสียคลองด่านหลายหมื่นล้าน เอาตัวเล็กๆมาเป็นแพะ ตัวใหญ่ลอยนวลเพราะอยู่ใกล้ตัว

29. คาร์ปาร์คสุดอื้อฉาว

30. ทุจริตกล้ายางเงียบฉี่

31. ต่ออายุราชการให้น้องเขยครั้งแล้วครั้งเล่าอีกแล้วครับท่าน

32. ให้ฝรั่งมังค่าเข้ามาประมูลประเทศถึงทำเนียบโดยสภาพัฒน์และนายค ลังยังไม่รู้นโยบายประเทศของตนเองเลยว่า “มีแบบนี้ด้วยเหรอ” แต่ไม่มีโครงการที่จะเอาฝรั่งที่ชำนาญการปราบคอรัปชั่นเข้ามาด้ วย เพราะตอนนี้ประชาระทมโดนโกงกันจนคลัง “ถังแตก” แล้วครับ

33. คอมมิชชั่นเครื่องบิน SU-30 MK กำลังจะเข้าปาก*** พวกกัลยาณมิตรกลับใจไม่น่ามาขวางเลย

34. ที่แท้พรรคพวกได้ผลประโยชน์ข้างเคียงก่อสร้างไนท์ซาฟารี

35. บ้าอำนาจหนักชกหน้าคนไปออกรายการ ถึงลูกถึงคน ที่ห้องส่งเพราะแฉผลประโยชน์ไนท์ซาฟารี

36. ให้คนแกล้งหมอพรทิพย์เพราะต้องการเอาคนของตัวเองเข้าไปแทน

37. เอาวัตถุทั้งรถและบ้านมายั่วแจกให้แท็กซี่ไปฟังตนปราศรัย แล้วยังมีหน้าพูดจายั่วยุคนที่คิดเห็นต่างตนว่ารับจ้าง

38. เหยื่อสึนามิ ไม่ได้รับการช่วยเหลือทั่วถึงแต่อย่างใด สื่อรัฐเสนอแต่ส่วนที่ช่วยแล้วได้ออกทีวี ปกปิดข้อเท็จจริง

39. ห้ามทีวีออกรายการช่วยน้ำท่วมภาคใต้ แบ่งแยกดินแดนชัดๆ

40. เซ็นสัญญา FTA โดยไทยเสียเปรียบมาก ไทยขาดการวิจัยและผลิตยา 20 กว่าชนิดเป็นเวลา 25 ปี และไม่ให้ปลูกข้าวหอมมะลิสองสายพันธุ์ ต่างชาติอ้างถือสิทธิบัตร รวมถึงการเกษตรให้เสรีนำเข้าตีภาคผลิตของคนไทย ดูถูกคนไทยและบังอาจกล่าวว่า ผู้แทนในสภาไม่มีความรู้เรื่องนื้ !

41. คนผีๆ ทรยศได้กับทุกคนที่เคยเป็นกัลยาณมิตร ปัจจุบันเลี้ยงสมุนด้วยเงินแต่ไม่มีใครจริงใจด้วยสักคน

42. ทำลายความเชื่อถือความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อ ข้าราชการ, เจ้าหน้าที่รัฐ บ้าอำนาจใช้พระเดชปกครอง ขู่เข็ญข้าราชการให้รับใช้สอพลอตนถ้าแสดงออกได้ดีจะได้รับตำแหน ่งข้ามหัวเพื่อน เช่นขึ้นไปผลักครูบนเวทีขอนแก่น

43. ผู้นำและครม. หลายคนขับรถจักรยานยนต์ในอำเภออาจสามารถที่หมอดูสั่งให้ไปนอนให ้ครบ 4 คืน มิฉะนั้นจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ทำผิดกฎหมายไม่ใส่หมวกกันน๊อค ซ้อนท้าย 3 คนไม่เปิดไฟไม่มีใบอนุญาตขับขี่

44. กริ้วโกรธ คนจัดรายการทีวี. ที่วิพากษ์รัฐบาลแค่เอาเสียงตนออกอากาศ กำลังจะหาทางปลดเหมือนปลดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์....ทีวีทั้ง 6 ช่อง พวกโกงกันทั้งโคตรเป็นเจ้าของหรือ? มันคิดว่าทรัพย์สาธารณะ สภา ทำเนียบของประชาชนเป็นสมบัติของบริษัทมันทั้งสิ้น....มันบ้าหนักแล้วครับ

45. ยุทธ ตู้เย็น ขี้ขลาดตาขาว ยิงตายายเกือบตายถ้าไม่ถูกตู้เย็นพรุนเสียก่อน วันนี้มันจ้างคนงานชั่วคราวป่าไม้มาก่อกวนการเสวนาตามระบอบประช าธิปไตยถึงสวนลุม แล้วไม่กล้ารับ อย่างนี้แล้วมันจะโกงกันขนาดไหน

46. ไปสิงคโปร์ 4 วันเพื่อบรรลุข้อตกลงให้ต่างชาติซื้อหุ้นได้เงินเกือบแสนล้าน แท้จริงเป็นการโยกหุ้นไปอยู่ในกองทุนต่างชาติเพื่อหลบหนีภาษีแล ะป้องกันการถูกยึดในภายหลังหมดอำนาจ แอบตั้งบริษัทที่ไม่รักชาติ เพื่อซุกซ่อนสมบัติ เลี่ยงภาษีที่เกาะหมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น

47. ส่งรายชื่อคนของตนเองขึ้นไปทั้ง สตง.และ ปปช. แต่ถูกตีกลับแล้วยังไม่รู้ตัวว่ากระทำมิควร ไม่ยอมลาออกแสดงสปิริตแม้แต่คนเดียว

48. มีจิตใจอาฆาตต่อราษฎรและไร้เมตตาธรรมต่อผู้ที่คิดเห็นต่างตน แม้ 19 ล้านเสียงก็ขว้างจานคืนให้แล้วยังมีหน้ามาอ้างอีก

49. คุกคาม แทรกแซงสื่อทุกรูปแบบ กระทำผิดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน เช่นให้ตัดสายเคเบิ้ลของสื่อที่คิดต่างตน

50.ศักดิ์ศรีประเทศไทยอยู่ตรงไหน ต่อการขายสมบัติของแผ่นดินไปให้ต่างชาติแถมกำไรเข้ากระเป๋านักก ารเมือง เขาซื้อเราขาย หนังคนละเรื่องกันเลย.
copy


1 แก้ พรบ. สรรพสามิตโทรคมนาคม ได้ 8,000 ล้าน เข้าบริษัทตัวเอง (ชินคอร์ปฯ)

2 ลดสัมปทานไอทีวี ก็ได้ 20,000 ล้าน เข้าบริษัทตัวเอง

3 ตั้ง ธรรมรักษ์ฯ เป็น รมว. กลาโหม ก็ได้พรรคพวกตนเอง ( ทรท.) คุมทหาร

4 ตั้ง เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็น รอง ผบ.ตร. ก็ได้พี่เขยตนเองคุมตํารวจ

5 จัดตั้งสายการบินต้นทุนตํ่าระหว่าง ชินคอร์ป กับบริษัทมาเลเซีย (แอร์เอเชีย) โดยใช้ช่อง
โหว่ในกฏหมายเข่นฆ่าธุรกิจการบินของไทย (การบินไทย) ไม่สนว่าเงินจะไหลออกนอกประเทศ ขอ
ให้เข้ากระเป๋าตัวเองเป็นพอ

6 กล่าวคำพูดท้าทายพวกก่อการร้ายในภาคใต้ว่า เป็นแค่โจรกระจอกอย่าไปใส่ใจ
ทำให้เกิดความรุนแรงคนตายมากมาย และยังหลุดปากด่าทหารว่าสมควรตาย

7 ปิดข่าวเรื่องไข้หวัดนก ทําให้ชาวบ้านที่ไม่ทราบต้องตาย ไปหลายราย และฟาร์มต้องปิดไปหลายแห่ง

8 ทำให้เกิดการฆ่าตัดตอนประชาชนผู้บริสุทธิ์ กว่า 2,000 คนจากการปราบยาบ้า
แต่ตอนนี้ก้อชักเป็นไฟไหม้ฟางซะแล้วสิ…ราคาคุยเหมือนเดิม

9 ประชาชนเสียรู้ทักษิณ เรียนฟรี 12 ปี นโยบายรัฐที่เปิดช่องให้โรงเรียนนำ
ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นมาเพิ่มแทนค่าเทอมนั่นแหละ สุดท้ายก๊อไม่ได้เรียนฟรีอยู่
ดี เป็นความล้มเหลวที่เห็นได้ชัดเจนของการปฏิรูปการศึกษาไทย ประชาชนจะถูก
หลอกอีก 4 ปี เป็นความจริงที่สุดเลย นี่คือการโกหกที่ยิ่งใหญ่ ที่สุดเท่าที่
เคยเห็นมาในโลกนี้ ซึ่งหาดูไม่ได้ที่ไหนนอกจากประเทศไทยที่กฎหมายบอกว่า
เรียนฟรี แต่ความจริงมีใคร
บ้างที่เรียนฟรี ถามผู้ปกครองทุกคนดูได้เลย

10 ชั่วเวลาแค่ปีเศษรัฐบาลชุดนี้ก็ทำให้สถานการณ์ภาคใต้ที่ร่มเย็นเป็น
สุขมานานหลายสิบปี กลับร้อนระอุกลายเป็นแดนมิคสัญญี (กรณีตากใบ และ กรือเซะ )

11 เช่าน่านฟ้า เช่าผืนแผ่นดินไทย ราคาเช่าช่างถูกจังมีอะไรแอบแฝงรึเปล่า
ตนเองน่าจะรู้ดี ไหนบอกว่าแผ่นดินไทยจะไม่ให้หายแม้แต่ตารางนิ้วเดียวไง ใช้
อำนาจจนเลยเถิดไม่เห็นด้วยคิดไง นายก ที่ให้เช่า 15 ปี แถมมีเปลียนสัญญา
ได้ ทุกๆ 5 ปี เหมือนทำ ธุรกิจเลยอ่า ขอเชิญชาวไทยเรียกร้องอธิปไตยชาติไทย
กลับมาด้วยขอให้มี สส. สว. ที่ยังพอมีความเป็นไทย ทีมิใช่มีความเป็น ทรท.
ช่วยกันคัดค้านล่ารายชื่อด้วยครับผมว่ามันเกี่ยวกันหมดแหละครับ ตั้งแต่ AIS
(มือถือ) ไทยคม1
ไทยคม2 / IPstar ชินคอร์ป ธนาคาร ธุรกิจการเมืองอยู่ในมือสิงคโปร์ทั้งหมด
แล้วครับ ชัดเจน มีผลประโยชน์ทับซ้อนแหงไม่งั้นไม่งุบงิบกันทำหรอก

12 เอาเงินประชาชน 4,000 ล้านให้พม่ากู้ จะได้คืนหรือไม่ยังไม่แน่ แต่ที่
แน่ๆ บริษัททักษิณได้งานใหญ่มาทำ เอาเงินใส่กระเป๋าสบายเลย ชัดเจนแบบนี้
ยังหน้าโง่ ตาบอดกษิณ ยังว่าทักษิณเป็นเทวดาอยู่เหรอ

13 ทักษิณด่าว่าคนอื่นเขาโง่กันหมด ตามไม่ทันตน และเรียกนักวิชาการและคนที่ไม่เห็นด้วยกับตนว่า พวกขาประจำ

14 เป็นนายกได้ เพราะศาลาล รธน. มีมติฉิวเฉียด 7 ต่อ 6 ( เงินเข้ามาเกี่ยวอีกครั้ง
คดีซุกหุ้นไง รอดเพราะซื้อตุลาการ (ตามคำให้การของจุมพล ณ สงขลา และแถลการณ์ของประเสริฐ นาสกุล)

15 ทักษิณ สั่ง กกต. (วาสนา) เด็กผมเอง สั่งอะไรไม่เคยขัดผมเพิ่งเซ็นอนุมัติงบ
ให้ทางกกต.ที่ขอมา ...... จะกล้าขัดใจผมได้งัย กกต.เลยปล่อยให้ ทรท.โกงแบบสบายๆๆ

16 ทักษิณ สั่ง รมต. กลางวง ครม. บีบลดค่าเช่าพื้นที่ย่านสยามสแควร์ เปิด
ทางลูก (โอ๊ค) - หลานเปิด สตูดิโอ – ร้านกาแฟทำมาค้าคล่อง อ้างค่าเช่าแพงเกินจริง

17 บ. ของลูกทักสินได้เงินกู้ 5 พันล้านจาก ไอเอฟซีที ฟรีดอกเบี้ยไม่กำหนดเวลาชำระ
คืนอีกต่างหาก แถม ได้รับการเว้นภาษีจากบีโอไออีก ทำสวนสนุกได้รับการเว้น
ภาษีจะบ้าตาย ได้รับสัมปาทานสื่อโฆษณาที่รถไฟใต้ดินโดยที่ไม่ได้รับการเปิด
ประมูลเพื่อ แข่งขันกับ บ.อื่น คนไทยทั้งหลายอ่านดู แล้วคิดตามนะว่าจริง ไหม

18 เรื่องกำจัดความยากจนด้วยการสนับสนุนให้คนเป็นหนี้น่ะเหรอ….....ใช่สิ
ประเทศไทยจะไม่มีคนจนแล้ว จะมีแต่คนเป็นหนี้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดแทน (แคปปิตอล โอเค) ไง

19 ผลงานชิ้นโบว์แดง แปรรูป ปตท. กับ กฟฝ. ไง กำลังจะได้เห็นผลงานกันชัด
เร็ว ๆ นี้แล้วด้วย ค่าไฟกำลังจะขึ้นๆๆ ชาวบ้านเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ราคา
น้ำมันโลกพุ่งสูงขึ้น ปตท. ได้กำไร 8,000 ล้านบาท แทนที่เงินนั้นจะเป็นเงิน
ของประเทศ ก้อกลับไปเข้ากระเป๋าของพวกผู้ถือหุ้น (นอมินี) ซึ่งส่วนใหญ่ก้อคือพวกพ้อง
มันนั่นแหละ (จึงรุ่งเรืองกิจ และ บรรดา สส.ทรท. และชินวัตร)

20 ทุจริตเครื่อง ctx 9000 หลายร้อยล้านบาท และเรื่องเน่าๆ ในสนามบินสุวรรณภูมิอีกหลายเรื่อง เช่น คดีคาร์ปาร์ค 300 ล้าน
โดย น้องสาวแท้ๆ ของ นายเหลี่ยมจัด ที่มีเอี่ยวเรียกรับเปอร์เซนต์ / กรณีผ้าใบหลังคาสนามบินก็มีการทุจริต รันเวย์ก็ร้าว
ก่อนกำหนด ขนาดชื่อสนามบิน คือ สุวรรณภูมิ เป็นชื่อพระราชทาน พวกมันยังโกงกันได้มโหฬารขนาดนี้ แล้วเรื่องขายสมบัติชาติ
คงเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคนพวกนี้ไปเสียแล้ว

21 ผลงานล่าสุด ขายหุ้นชินคอร์ป ได้เงิน 73000 ล้านบาท ไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียว โดยอ้าง
แบบน้ำขุ่นๆ ว่า ใครทำอย่างนี้ก็ไม่ต้องเสียภาษีเหมือนกันแหละ หารู้ไม่ว่ามีขั้นตอนการซุกหุ้น และยักย้าย
ถ่ายเทหุ้น ให้ลูกชาย ลูกสาว โดยไปจดทะเบียนบริษัทที่ไม่มีตัวตน ไว้ที่หมู่เกาะแห่งการฟอกเงินของโลก
ที่เรียกว่า หมู่เกาะ บริติชเวอร์จิ้น พฤติกรรมหลีกเลี่ยงภาษี และพฤติกรรมต่างๆ เช่นนี้ สมควรแล้วหรือที่จะมาเป็นนายกฯ
และจะมาบริหารประเทศไทยต่อไป
22  โกงที่ดินรัชดา

**** ช่วยกันเผยแพร่นะ เพื่อนมีกี่คนส่งเมล์ไปให้ครบ ก่อนที่บ้านเมืองเราจะไม่เหลืออะไร เพราะคนกินเมือง ขายชาติ พวกนี้ ******
ทหารบกรักชาติ
มาย้อนรอย ดูผลงานที่ อัปยศ และบัดสี ของทักสินฯ ***********


รายชื่อพวกทรราช    
      ผู้เขียน : copy

 
ที่พวกเราต้องจารึกว่าพวกมันชั่ว โกงชาติ ถึงตระกูลลูกหลานมันสืบต่อไป
ทั้งโคตรเหง้าชินวัตร และดามาพงศ์,     สมัคร สุนทรเวช,       สุดารัตน์ เกยุราพันธ์
ยงยุทธ ติยะไพรัช,      เยาวภา-สมชาย วงศ์สวัสดิ์,       พงศ์เทพ เทพกาญจนา,
จักรภพ เพ็ญแข,          ศิธา ทิวารี,                    วาสนา เพิ่มลาภ,       ปริญญา นาคฉัตรีย์,
วีระชัย แนวบุญเนียร,    เนวิน ชิดชอบ,               พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช,           เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช,
ชิดชัย วรรณสถิตย์,        คงศักดิ์ วันทนา,            สุวัจน์ ลิปตพัลลภ,                สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ,
สมศักดิ์ เทพสุทิน,          สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี,        พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ,
พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล,                สุรนันท์ เวชชาชีวะ,                สมคิด จาตุศรีพิทักษ์,
ภูมิธรรม เวชยชัย,                      สุรเกียรติ เสถียรไทย,                  กัณตธีร์ ศุภมงคล,
พินิจ จารุสมบัติ,      โภคิน พลกุล               สุชน ชาลืเครือ            ธรรมรัตน์ อิสรางกูร ณ อยุธยา
จตุพร พรหมพันธุ์            สมชาย สุนทรวัฒน์                            ประชา มาลีนนท์ ถุงเงินของพรรค
ตระกูล ซี พี เพื่อแลกกับผลประโยชน์ของตนในจีน,
สุชาติ ตันเจริญ,         สนธยา คุณปลื้ม,                       สรอรรถ กลิ่นประทุม,
วราเทพ รัตนากร                    น.ส.ศันสนีย์ นาคพงษ์,                 เฉลิมชัย มหากิจศิริ,
ดนุพร ปุณณกันต์,               แซม ยุรนันท์
พันศักดิ์ วิญญรัตน์ เบื้องหลังการผลิตจดหมายอื้อฉาวฉบับเจ้าปัญหาของ ลูกเหลี่ยมถึงพ่อบุช
นายสาโรช คัชมาตย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ พอใจความสำเร็จในการจัดงาน รวมใจทุกศาสนา พัฒนาท้องถิ่นถวายองค์ราชาครองราชย์ 60 ปี ที่วัดพระธรรมกาย
สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล แกนนำชมรมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ,
ชูพงษ์ ถี่ถ้วน กลุ่มแนวร่วมพรรคคอมมิวนิสต์,
ชินวัตร บุญชาติ แกนนำชมรมแท็กซี่และมอเตอร์ไซต์รับจ้าง,
คำตา แคนบุญจันทร์ กลุ่มคาราวานคนจน,
สะอิ้ง ไถวสินธุ์ ผู้นำชาวนาหญิงจากร้อยเอ็ด (อีอิ้งนี้แหละที่ได้กะบะป้ายแดงเป็นรางวัลความชั่วของมัน)
อรรถฤทธิ์ สิงห์ลอ แกนนำเกษตรกร เป็นผู้คุมม็อบ ถือถุงเงิน และควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้ในการเดินทาง,
ชูชีพ ชีวสุทธิ ประธานชมรมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ

รายชื่อทหาร ในระบอบทุนสามานต์พจมารทักษิณ... อันเทิดทูนทักษิณเป็นท่านผู้นำ(แบบท่านฟูเร่อของนาซีเยอรมัน)
1 พล.อ.พรชัย กรานเลิศ ผช.ผบ.ทบ
2 พล.ท.จิรสิทธิ์ เกษะโกมล แม่ทัพน้อยที่ 1
3 พล.ต.พฤณท์ สุวรรณทัต ผบ.พล.1 รอ.
4 พล.ต.ศานิต พรหมาศ ผบ.พล.ม.2 รอ.
5 พล.ต.เรืองศักดิ์ ทองดี ผบ.พล.ปตอ.
6 พล.ต.ทวนชัย พันธุ์เพิ่มศิริ
7 พ.ท.โฆษิต ชินวลัญช์ ผบ.ม.พัน.4 รอ.(ตท.23) ซึ่งคุมรถถังหลักใน กทม.ถูกย้ายไปเป็น เสธ.จทบ.สระบุรี
8พ.ท.เวชศักดิ์ ขันธ์อุบล ผบ.ร.1 พัน.1 รอ.(ตท.25) เป็น หน.ฝ่ายข่าว มทบ.13 (ลพบุรี)
9 พ.ท.อนุภาพ ศิริมณฑล ผบ.ร.1 พัน.3 รอ.(ตท.26) ที่ถูกส่งไปราชการที่ 3 จังหวัดชายแดน ถูกย้ายเป็น ฝสธ.ประจำผู้บังคับบัญชา
10 พ.ท.วิรัฎฐ์ วงษ์จันทร์ ผบ.ร.11 พัน.2 รอ.(ตท.23) เป็น นายทหารจเร ทภ.1
11 พ.ต.นิรินธน์ ปุณโณทก รองผบ.ร.1 พัน.1 รอ.(ตท.2 เป็น รองเสธ.ร.11 รอ.
12 พลตรี มนัส เปาริก รองแม่ทัพภาคที่ ๓(คาดว่าจะเป็นคนที่ มท.ภ๓ ว่าเป็นทหารเลว)

^^^^^ขอเพิ่มเติม..๑ พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรทัต ...เสธ.ทอ------ที่ออกมาบอกว่า...ไอ้เหลี่ยมคือ"สุภาพบุรุษ"คดีอื้อฉาวซี-๑๓๐
--------------------๒.พล.อ. ไตรรงค์ อินทรทัต และ ทหารในตระกูล"มาเฟีย"นี้ทั้งหมดซึ่งอยู่
......................................ภายใต้อาณัติของพล.อ.ธรรมรักษ์ (ไอ้อ้วนๆดำๆ)
พล.ต.ทวนชัย พันธุ์เพิ่มศิริ รองเจ้ากรมการทหารช่าง แกนนำ ตท.10
พล.ร.ท นิพนธ์ จักษุดุลย์ เสธ.ทร. ประธาน บดท.(เดินเรือขนส่ง)คดีงาบงบหลวง ๑๐๐ ล้าน + ผลประโยชน์
ร่วมกับ"สหายใหญ่-ไอ้อ้วนภูมิธรรม"
พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผอ.ข่าวกรอง / อดีต ผบ.ตร.สันติบาล .....สามพรานรุ่น ๒๖ --อดีตคดีวางระเบิด
ห้องทำงาน พล.ต.อ.เสรี(สมัยเป็นผู้การฯกองปราบ)...ร่วมวางแผนถล่ม...เสรี...ภายใต้อิทธพล พล.ต.อ.บุญชู วังกานนท์

โปรดจำชื่อพวกนี้ไว้ และตราไว้แผ่นดินว่าพวกมันทรยศต่อชาติบ้านเมือง และพระมหากษัตริย์
หากเพื่อนฝูงมีรายชื่ออื่นอีก ช่วยกันโพสเข้ามานะครับ เราจะได้รู้ว่าม้าตัวไหนเป็นของจ๊อกกี้
ช่วยเรียงให้คับและเพิ่มเติม
ช่วยกันจดช่วยกันจำช่วยกันเติมเพื่อป้องกันตัวเอาเองและชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
เกลียดมัน

ขุดกะทู้มาทบทวนความจำ   ต้องเพิ่มชื่อสาปแช่ง เข้าไป อีก พวก พรรคปล้นชาติ ทั้งหมด

คนไทยอาจจะลืมอะไรง่าย ๆๆๆ  แต่จงรู้ไว้  พรรคไทย ลัก ไทย  พรรคปล้นชาติ  และที่ไปแฝงตัวเป็นนักเลือกตั้ง
 
ในพรรค ต่าง ๆ  รู้ไว้ด้วย ว่า คนไทยไม่ลืม   มันผู้ใดที่เข้ามาโกงกินบ้านเมือง มันผู้นั้นต้อง พินาศ ฉ ิ บ ห า ย เจ็ดชั่วโคตร "
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #46 เมื่อ: 26-11-2007, 22:29 »

คตส.เล็งส่งศาลเชือด'ทักษิณ' ซุกหุ้นชินฯจำคุก26ปี
26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 21:51:00

คตส.ชงศาลฏีกานักการเมือง ลงโทษ"ทักษิณ"จำคุก 26 ปี 4 กระทง เล็งยึดทรัพย์ 7.3 หมื่นล้านบาท ฐาน"ซุกหุ้น-เอื้อประโยชน์-ทุจริตชินคอร์ป" จี้หน่วยงานรัฐเพิกถอน-เรียกค่าเสียหายสัญญาอัปยศ ทำรัฐเสียหายกว่าแสนล้าน

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :

ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เย็นวันนี้(26 พ.ย.) นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) แถลงภายหลังการประชุมคตส.ว่า ที่ประชุมคตส.ได้รับทราบถึงการทำงานของอนุกรรมการไต่สวนในคดีทุจริตประพฤติมิชอบที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ คดีทุจริตชินคอร์ป 

อนุกรรมการไต่สวนได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ในคดีซุกหุ้น ซึ่งผิดกฎหมายป.ป.ช.มาตรา 100 (3) โดยแยกเป็น 2 กระทง ในช่วงการเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกและครั้งที่สอง กระทงละ 3 ปี รวมเป็น 6 ปี และคดีการปฏิบัติหน้าที่ทุจริต ผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 152 และ 157

ในคดีซุกหุ้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับพ.ต.ท.ทักษิณ และจะนำสู่คดียึดทรัพย์ค่าหุ้นชินและเงินปันผล โดยสามารถยึดทรัพย์วงเงิน 7.3 หมื่นล้านบาทได้ ตามกฎหมายป.ป.ช. กรณีการได้ทรัพย์สินโดยมิสมควร สืบเนื่องจากตำแหน่งหน้าที่ โดยขณะนี้ได้มีการอายัดทรัพย์ไว้แล้ว 6.6 หมื่นล้านบาท

            นายแก้วสรร กล่าวว่า สำหรับคดีอื่นที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งมีทั้ง 5 คดี มี 2 คดีที่อนุกรรมการพบหลักฐานอันเชื่อได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้สั่งการด้วยตนเอง และคตส.มีมติไปแล้วให้ดำเนินคดี คือ 1.กรณีการแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต พบว่าพ.ต.ท.ทักษิณ สั่งการโดยมิชอบ ทำให้องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) และการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) เสียหาย 4 หมื่นล้านบาท ได้ร่างสำนวนและพร้อมที่จะแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดมาตรา 152 และ157 มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี

2. กรณีธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออก หรือ เอ็กซิมแบงก์ ให้พม่ากู้ 4 พันล้านบาท โดยพบว่า 900 ล้านบาทถูกนำไปซื้อสินค้าจากบริษัทชินคอร์ป ซึ่งในส่วนนี้อนุกรรมการไต่สวนคดีนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาพ.ต.ท.ทักษิณ ไปแล้ว 

นายแก้วสรร กล่าวว่า ในคดีที่ 3-5 ได้แก่ 3.คดีการลดส่วนแบ่งโทรศัพท์เติมเงิน ทำทศท.เสียหายตลอดสัญญา 7 หมื่นล้านบาท 4.คดีการให้ทศท.รับภาระค่าโรมมิ่ง 25% เนื่องจากบริษัทเอไอเอสมีลูกค้าจำนวนมาก แต่เสาสัญญาณรองรับไม่พอ จึงเทคโอเวอร์บริษัทมือถือดีพีซี ซึ่งมีเสาสัญญาณอยู่แล้ว โดยอาศัยระบบการเชื่อต่อสัญญาณ หรือโรมมิ่ง ซึ่งในข้อเท็จจริงบริษัทเอกชนจะต้องตกลงรับผิดชอบค่าใช้จ่าย 

แต่ภายหลังเมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการแก้ไขสัญญาโดยแจ้งให้ทศท.รับทราบถึงสัญญาที่เอกชนทำขึ้น และผลักภาระค่าเชื่อต่อสัญญาณ โดยให้ทศท. รับภาระการโรมมิ่ง 25% ทำให้ทศท.ต้องเสียหายตลอดสัญญา 1.3 หมื่นล้านบาท 

และ 5. คดีเอื้อประโยชน์โครงการไอพีสตาร์ เนื่องจากบริษัทชินแซทเทิลไลท์ ได้สัมปทานในการยิงดาวเทียมไทยคม 4 ดวง แต่ยิงได้จริงเพียง 3 ดวง พอถึงดวงที่ 4 ไม่มีการยิงดาวเทียมไทยคม 4 ซึ่งเป็นดาวเทียมสื่อสารพื้นฐาน แต่กลับมีการยิงดาวเทียมไอพีสตาร์แทน ซึ่งไม่ได้อยู่ในสัญญาระบบดาวเทียมสื่อสารพื้นฐาน 

ที่สำคัญการยิงดาวเทียมไอพีสตาร์ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก บริษัทชินแซทฯ จึงขอลดเงื่อนไขการถือหุ้นกับกระทรวงคมนาคมจาก 51% เหลือ 41% เพื่อนำสัดส่วนที่เหลือไประดมทุนหางบประมาณมายิงดาวเทียมไอพีสตาร์ ทำให้รัฐเสียหาย 5 พันล้านบาท   

“ทั้งสามคดีอยู่ระหว่างการเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลและรวบรวมพยานหลักฐาน โดยไม่พบหลักฐานโยงถึงตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในคดีการปฏิบัติหน้าที่ทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งคตส.มีหน้าที่เดินหน้านำคดีขึ้นสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 

นอกจากนี้คตส.ยังพบว่าคดีทั้งหมดสามารถนำสู่การเพิกถอนหรือบังคับสัญญาเรียกค่าเสียหายได้ โดยให้ฝ่ายบริหารเพิกถอนหรือบังคับให้เป็นไปตามสัญญษ และเรียกค่าเสียหายจากผู้เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่และเอกชน โดยให้รมว.คลัง รัฐมนตรีที่กำกับดูแลทศท.และกสท. และอัยการ ดำเนินการเรียกค่าเสียหายได้เลยโดยไม่ต้องรอให้คดีอาญาที่คตส.ดำเนินการถึงที่สุด เนื่องจากข้อมูลทั้งหมดนิ่งแล้วสามารถดำเนินการได้ทันที โดยผู้เกี่ยวข้องสามารถดูได้จากสำนวนการตรวจสอบของกระทรวงไอซีที คณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ตรวจสอบมาก่อนหน้านี้ 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณ พ้นหน้าที่ไปแล้ว การดำเนินคดีต่าง ๆ จึงไม่เกี่ยวกับโทษการตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีแต่ต้องดำเนินคดีอาญาต่อไป ส่วนการไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ถือเป็นเรื่องของป.ป.ช.โดยตรง 

เลขานุการคตส. กล่าวถึงข้อโต้แย้งของทีมทนายพ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องการปฏิบัติสองมาตรฐานในการเรียกเก็บภาษีจากนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร จากการซื้อขายหุ้นบริษัทแอมเพิลริช แต่กลับดำเนินคดีอาญากับพ.ต.ท.ทักษิณ ผู้เป็นบิดา ว่า คตส.ไม่ได้ปฏิบัติสองมาตรฐาน แต่ตามกฎหมายกรมสรรพากรสามารถเรียกเก็บภาษีจากผู้มีรายได้ที่มีชื่อปรากฏ หากนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร ไม่ต้องการเสียภาษี ก็ให้บอกว่าใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง แต่ถ้าปากแข็งไม่ซัดทอด ก็ต้องเสียภาษี ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังถูกดำเนินคดีอาญาได้ด้วย เนื่องจากเป็นผู้ให้ลูกถือหุ้นแทน 

นายแก้วสรร กล่าวอีกว่า ผลของคดีที่ออกมาในช่วงนี้เป็นไปตามแผนการกำหนด และการประเมินการดำเนินการของคตส. หลังจากที่มีการต่ออายุให้คตส. ออกไปจนถึงเดือนมิ.ย. 2551 เมื่อต่ออายุแล้วคตส.จึงต้องเร่งตามแผนที่กำหนไว้ โดยจะมาสรุปในเดือนพ.ย.-ธ.ค. จะมานั่งทอดหุ่ยคงไม่ได้ จึงไม่เกี่ยวกับการเมืองและการเลือกตั้ง เหมือนกับอัยการและตำรวจก็ต้องดำเนินคดีไป ส่วนส.ส.ก็หาเสียงไป   

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รวมจำนวนคดีที่คตส.ดำเนินการกับพ.ต.ท.ทักษิณ แล้วจะมีทั้งหมด 4 กระทง คือ คดีซุกหุ้น 2 กระทง ระวางโทษจำคุก 6 ปี คดีแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต 1 กระทง จำคุกไม่เกิน 10 ปี และคดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยเงินกู้ให้พม่าอีก 1 กระทง ทั้งหมดนี้ถือเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระ หากศาลพิจารณาเห็นตรงกับคตส. รวมแล้วพ.ต.ท.ทักษิณ จะระวางโทษจำคุกสุงสุด 26 ปี

มา up date  ข่าว  แม้ว 
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #47 เมื่อ: 26-11-2007, 22:31 »

'อนุฯคตส.'สอบบ้านเอื้ออาทรพบผู้มีอำนาจรับสินบน700ล้าน
26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 22:00:00

"อนุคตส."สอบพบโครงการบ้านเอื้ออาทร มีการจ่ายสินบน 700 ล้าน จากบริษัทเอกชนให้กับผู้มีอำนาจ คาดอีก2สัปดาห์สรุปผลตรวจสอบได้

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :

นายแก้วสรร อติโพธิ หนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนโครงการบ้านเอื้ออาทร เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้ตรวจสอบการทุจริตแบบโควต้า เบื้องต้นตรวจสอบพบว่า มีเงินจ่ายสินบนประมาณ 700 ล้านบาท จากโครงการเอื้ออาทรและบริษัทเอกชน โดยไหลเข้าไปอยู่ในบัญชีของผู้มีอำนาจ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ขณะเดียวกันในการตรวจสอบการทุจริตที่ดินในการทำโครงการคาดว่า ภายในสองสัปดาห์จะสามารถสรุปผลการตรวจสอบได้ 4 คดี

ด้านนายสัก กอแสงเรือง โฆษกคตส. กล่าวว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาพิสูจน์คำร้องเพื่อการเพิกถอนคำสั่งอายัดทรัพย์ ที่มีนายอำนวย ธันธรา เป็นประธาน ได้รายงานความคืบหน้าว่าเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมานายพานทองแท้ ชินวัตร ได้มอบอำนาจให้ทนายความยื่นเอกสารมากกว่า 10 รายการ และขอเลื่อนการชี้แจงออกไปเป็นวันที่ 8,12 มกราคม 2551 เนื่องจากเอกสารบางส่วนยังไม่ครบ

ส่วนน.ส.พิณทองทา ได้มอบอำนาจให้ทนายความขอเลื่อนการชี้แจงออกไปเป็นวันที่ 5,12,19 ก.พ.2551 เนื่องจากเอกสารยังไม่ครบเช่นกัน ทั้งนี้บริษัทโอเอไอ แมนเนจเม้นต์ จำกัด ได้ขอเลื่อนการชี้แจงออกไปเป็นวันที่ 7 และ 15 ก.พ.2551

นายสัก กล่าวว่า ขณะเดียวกันนายอำนวย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 รายงานว่า ได้ทำคำสั่งเป็นหมายเรียกให้กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทโทโทลแอคเซส คอมมูนิวเคชั่น จำกัด (มหาชน) เข้าชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการฯ หลังจากที่ก่อนหน้าคณะอนุกรรมการฯได้ทำหนังสือตั้งแต่ 24 ต.ค.เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 เลขหมายภายใน 10 วัน แต่จนขณะนี้ก็ยังไม่ได้ข้อมูลดังกล่าวจึงออกหมายเรียกมาชี้แจง

"นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการคตส.และประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2-3 ตัว (หวยบนดิน) รายงานว่าในสัปดาห์ต่อไปจะเสนอผลสรุปการไต่สวนต่อที่ประชุมคตส.ได้ ส่วนคดีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานครที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคตส. เป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวน ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบแล้ว มีเพียงนายประชา มาลีนนท์ อดีตรมช.มหาดไทย และนายสมศักดิ์ คุณเงิน อดีตเลขานุการรมช.มหาดไทย เท่านั้น ที่ไม่มารับทราบข้อกล่าวหา คณะอนุกรรมการฯ จึงได้มีมติส่งข้อกล่าวหาไปทางไปรษณีย์" นายสัก กล่าว

 ขุดกระทู้  มา อัพเดท ข่าว
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #48 เมื่อ: 26-11-2007, 22:52 »

เซฟกระทู้นี้เก็บเอาไว้ตอบลิ่วล้อเหลี่ยม ไม่ต้องเสียเวลาตอบ
ให้เสียอารมณ์อีกต่อไป......เอิ้กกกกก

 
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #49 เมื่อ: 27-11-2007, 00:04 »

'อนุฯคตส.'สอบบ้านเอื้ออาทรพบผู้มีอำนาจรับสินบน700ล้าน
26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 22:00:00

"อนุคตส."สอบพบโครงการบ้านเอื้ออาทร มีการจ่ายสินบน 700 ล้าน จากบริษัทเอกชนให้กับผู้มีอำนาจ คาดอีก2สัปดาห์สรุปผลตรวจสอบได้

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :

นายแก้วสรร อติโพธิ หนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนโครงการบ้านเอื้ออาทร เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้ตรวจสอบการทุจริตแบบโควต้า เบื้องต้นตรวจสอบพบว่า มีเงินจ่ายสินบนประมาณ 700 ล้านบาท จากโครงการเอื้ออาทรและบริษัทเอกชน โดยไหลเข้าไปอยู่ในบัญชีของผู้มีอำนาจ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ขณะเดียวกันในการตรวจสอบการทุจริตที่ดินในการทำโครงการคาดว่า ภายในสองสัปดาห์จะสามารถสรุปผลการตรวจสอบได้ 4 คดี
.....................................................................................................................................................................................
 ขุดกระทู้  มา อัพเดท ข่าว



ได้รับคำบอกเล่าจากผู้เกี่ยวข้องของบริษัทแห่งหนึ่งที่ได้รับสัมปทานก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรว่า....
บริษัทฯ ต้องจ่ายค่า'กินเปล่า' ยูนิตละ 20,000 บาท  ผู้ได้รับผลประโยชน์คือ เจ้ากระทรวงฯที่ชอบกินไก่ต้มสุก
และผู้บริหารโครงฯ คนละ 10,000 บาทต่อยูนิต
ดังนั้นเจ้าหน้าที่ฯของโครงการ จึงไม่เต็มใจจะไปให้ปากคำกับคณะกรรมการ คตส.......


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
หน้า: [1] 2
    กระโดดไป: