ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
15-05-2025, 02:51
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เพิ่งได้ Mail เกี่ยวกับบทสรุปของ ร่างรัฐธรรมนูญ ปี 50 มา 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เพิ่งได้ Mail เกี่ยวกับบทสรุปของ ร่างรัฐธรรมนูญ ปี 50 มา  (อ่าน 3280 ครั้ง)
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« เมื่อ: 10-08-2007, 15:33 »

เมื่อกี๊ได้ Mail มามีเนื้อหาดังนี้

สรุปข้อสังเกต และข้อผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชน ในการลงประชามติ
ร่าง รธน.2550
แม้ ร่าง รธน.ปี 50 มีข้อดีบางประการมากกว่า รธน.ปี 40  แต่ประเด็นต่อไป
นี้ล้วนเป็นข้อด้อยและลิดรอนสิทธิ์ประชาชนทั้งสิ้น  ซึ่งจะสรุปดังนี้

หมวดที่ 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย
ส่วนที่3 หมวดสิทธิเสรีภาพ   ผมถือว่าเป็นหมวดที่กระทบรุนแรงสุด คือ
1)      มาตราที่29 ซึ่งเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน จะทำ
มิได้  แต่ รธน.50นี้  ระบุตอนสำคัญว่า  " เว้นแต่โดยอาศัยบทบัญญัติแห่ง
กฎหมายเฉพาะเพื่อการที่รัฐธรรมนูญนี้กำหนดไว้และเท่าที่จำเป็น  โดยตัดคำ
ว่า "เท่านั้น" ออก  เพราะ  คมช. กำลังผลักดัน พรบ.ความมั่นคงในราช
อาณาจักร ออกมาใช้  หาก รธน.50 และพรบ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร ผ่านมติและ
ประกาศใช้  ทหารจะคุมประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
2)      มาตราที่32 เกี่ยวกับการลงโทษด้วยวิธีการโหดร้าย  จากเดิมยกเว้นเพียง
โทษประหารชีวิตตามคำพิพากษาเท่านั้น  แต่ของใหม่  เพิ่มข้อความ " โทษตามคำ
พิพากษาของศาลหรือตามที่กฎหมายบัญญัติ...."  แสดงว่าโทษอะไรก็ได้  นอกจาก
นี้มาตรา33 ซึ่งระบุเกี่ยวกับ การเข้าไปในเคหสถานโดยปราศจากการยินยอมของ
ผู้ครอบครอง จะกระทำมิได้  โดย เพิ่มข้อความ " เว้นแต่มีคำสั่งหรือหมายของ
ศาลหรือมีเหตุอย่างอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ"  ในขณะที่ของเดิมให้อำนาจศาล
เท่านั้น  ของใหม่ให้อำนาจ คำสั่ง (ของผู้มีอำนาจใครก็ได้) ,หมายศาล และคำ
สั่งตามกฎหมายอื่น  เมื่อบวกกับ พรบ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร  ซึ่งให้
อำนาจ อำนาจจับกุม คุมขัง สอบสวนกับทหารไว้   ประชาชนก็ไม่มีหลักประกันใดๆ
เลย

ส่วนที่11 เสรีภาพในการชุมนุมและสมาคม
       3)   มาตราที่64  บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุม นั้น   ได้เพิ่ม
วรรคสอง " ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐย่อมมีเสรีภาพเช่นเดียวกับบุคคล
ทั่วไป"   ต่อไปนี้ใครได้อำนาจรัฐ  จัดม็อบชนม็อบได้เลย  ถูกกฎหมาย ใช้งบ
หลวงดำเนินการ  ประชาชนที่รวมกลุ่มมาเรียกร้องจะถูกต่อต้านด้วยอำนาจรัฐทุก
รูปแบบ   กฎระเบียบวินัยข้าราชการ ต้องยกเลิก เพราะขัด รธน.มาตรานี้
ม็อบข้าราชการจะยิ่งใหญ่ เพราะได้เงินเดือน สั่งได้ ใช้ของหลวงมาดำเนินการ
ได้

ส่วนที่13  สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ
       4)   มาตรา 68  บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตาม รธน.นี้ ล้มล้างการ
ปกครองมิได้   แต่เพิ่ม วรรคสี่ กรณีถูกศาลรธน.พิพากษาให้ยุบพรรค โดยให้
ตัดสิทธิ์ทางการเมืองแก่ หัวหน้า และกรรมการบริหารพรรค การเมืองนั้นห้า
ปี     เป็นบทลงโทษเดียวกับการลงโทษย้อนหลังใน คำสั่ง คปค. ซึ่งตุลาการร
ธน. ใช้ในการลงโทษยุบพรรคไทยรักไทย  และยังระบุไว้ในบทเฉพาะกาล มาตรา300
ว่า ให้ ตุลาการ รธน.ที่แต่งตั้งโดยคณะผู้ยึดอำนาจนั้น   ทำหน้าที่ตุลาการ
ศาล รธน.ต่อไป อย่างถูกต้อง  คือฟอกตัวให้ตุลาการ รธน. และ ออกใบรับรองคำ
พิพากษาของเดิม ในคราวเดียวกัน

หมวด 5  แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
ส่วนที่3 แนวนโยบายด้านการบริหารราชการแผ่นดิน
5)      มาตรา 78  เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน  ข้อย่อยที่1 ระบุตอนหนึ่ง
ว่า " ....โดยต้องส่งเสริมการดำเนินการตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง..."
ส่วนที่7 แนวนโยบายด้านเศรษฐกิจ
6)      มาตรา 83  "รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการดำเนินการตามแนวปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียง"  ทั้งสองมาตรา จะก่อให้เกิดปัญหาการตีความไม่สิ้นสุด
โครงการโน้นขัดแนวเศรษฐกิจพอเพียง โครงการนี้ขัดแนวเศรษฐกิจพอเพียง
รัฐบาลต่อไปไม่ต้องทำงานพอดี เพราะมัวต้องชี้แจงว่าขัดไม่ขัด  ยกตัวอย่าง
รถไฟฟ้าใต้ดิน คุณว่าขัดหรือไม่ขัดแนวเศรษฐกิจพอเพียง ?????

หมวด6 รัฐสภา
7)      มาตรา 94 ให้เลือกตั้งสส.แบบแบ่งเขตเรียงเบอร์  คือแต่ละเขตมีสิทธ์
เลือกได้ตั้งแต่หนึ่งถึงสามคน และประชาชนก็มีสิทธิ์เลือกได้ตามจำนวนผู้
สมัครแต่ละเขต โดยสรุปแต่ละเขตคือเลือกได้ไม่เท่ากัน ทำลายพื้นฐาน
ประชาธิปไตย หนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงลงอย่างสิ้นเชิง  นอกจากนี้ในข้อย่อย6
วรรคสอง ยังให้นับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการสนับสนุนการซื้อเสียง
และการควบคุมเสียง  เพราะหัวคะแนนตรวจสอบได้ว่าซื้อไปกี่เสียง และได้คะแนน
มากี่เสียง เป็นระบบที่ย้อนยุคถอยหลังไปอีกยี่สิบสามสิบปี
Cool      มาตรา 95 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ กลับไปแบ่งตามพื้นที่
กลุ่มจังหวัด โดยแบ่งเป็นแปดกลุ่มๆละ 10คน  ซึ่งเป็นผู้แทนราษฎรที่มาจาก
สัดส่วนท้องถิ่นไม่ต่างจากการได้มาของผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต   ในขณะที่
รัฐธรรมนูญเดิมสามารถใส่รายชื่อตามลำดับความสำคัญและความรู้ความสามารถของ
สมาชิกพรรค โดยทั้งประเทศเป็นเขตเลือกตั้งเดียว   อีกทั้งให้การนับคะแนน
ที่หน่วยเลือกตั้ง เป็นการสนับสนุนการซื้อเสียงและการควบคุมเสียง เช่น
เดียวกับข้อข้างต้น
9)      มาตรา 101  คุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือก
ตั้ง(ทั้งแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ) กำหนดคุณสมบัติกีดกันพรรคใหม่ อย่างน่า
เกลียด เช่น  มีทะเบียนบ้านอยู่ในจังหวัดนั้นไม่น้อยกว่า5ปี (เดิม 1 ปี)
เคยศึกษาในสถานศึกษาในจังหวัดนั้น ไม่น้อยกว่า5ปี(เดิม 2 ปี)  เคยรับ
ราชการในจังหวัดนั้น ไม่น้อยกว่า5ปี (เดิม 2 ปี)  ในบทเฉพาะกาล ลดให้
เหลือ 1ปี 2 ปี 2 ปี ตามลำดับ  เฉพาะสำหรับครั้งแรกที่มีการเลือกตั้ง  จะ
เห็นได้ว่า พรรคการเมืองใหม่   จะสรรหาสมาชิกใหม่ได้ยากขึ้น  แม้น
บทเฉพาะกาลลดระยะเวลาลง แต่หากรัฐบาลใหม่จาก รธน.นี้ ล้มลงเร็วกว่ากำหนด
ไม่ว่าเหตุใดก็ตาม  พรรคซึ่งก่อตั้งใหม่ ก็จะประสบปัญหาการสรรหาผู้สมัคร
เพื่อลงแข่งขันรับเลือกตั้ง  ในขณะที่พรรคเก่าแก่ มีสมาชิกและสร้างฐานใน
พื้นที่มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ย่อมได้เปรียบ   อีกทั้งการกำหนด
คุณสมบัติบางอย่างโดยไม่ดูข้อเท็จจริงเช่น การที่เคยศึกษาในจังหวัดนั้นสูง
ถึง5ปี  เพราะหากต้องการผู้มีวุฒิปริญญาตรี โดยส่วนใหญ่ก็จบการศึกษาไม่
เกินสี่ปี  หากต้องการ ปวส. ก็สองปี  ปวช.ก็สามปี  เท่านั้น  แสดงว่าหาก
เราอยู่กรุงเทพ ไปเรียนที่เชียงใหม่ จบ ป.ตรี แล้วกลับมาทำงาน กรุงเทพ พอ
อายุครบและญาติพี่น้องที่เชียงใหม่ก็สนับสนุนให้ลงสมัคร  ก็ทำไม่ได้
ทั้งๆที่มีความรู้ และเคยอยู่ในพื้นที่กว่าสี่ปี   หรือว่า รธน.ต้องการให้
ทุกคนเรียนซ้ำชั้นอีกปีหรือไง
10)     มาตรา 111 ถึง118  เป็นส่วนที่เลวร้ายกาจมากของ รธน.นี้  กล่าวคือ
กำหนดให้ วุฒิสภามีสมาชิกได้ 150คน  มาจากเลือกตั้งจังหวัดละ 1คน
รวม76คน และแต่งตั้ง 74คน   นี่เป็นการทำลายสิทธิพื้นฐาน 1สิทธิ์หนึ่ง
เสียงอย่างร้ายแรง เพราะกรุงเทพมีคนอาศัยอยู่6ล้านคน แต่มี สว.ได้คนเดียว
ในขณะที่ระนอง มีผู้อาศัยอยู่2แสน ก็มีสว.ได้หนึ่งคนเช่นกัน   นอกจากนี้
สว.ยังมาจากการแต่งตั้ง (ซึ่งก็แต่งตั้งจากพวกพ้อง)สูงถึง 74คน หา
กดึงสว.จากการเลือกตั้งมาอยู่ด้วยเพียง 1คน ก็จะมีเสียงเท่ากันแล้ว  หาก
ดึงมาได้ 2คน ก็ชนะโหวตได้ทันที    นอกจากนี้ สว.ที่มาจาก รธน.ชุดนี้ ยัง
มีอำนาจล้นฟ้ากล่าวคือ  1. พิจารณากฎหมาย และพรบ.งบประมาณ   2. อภิปราย
ทั่วไปการทำงานของรัฐบาลได้  3.แต่งตั้งองค์กรอิสระต่างๆ  4.ถอดถอนผู้ดำรง
ตำแหน่งทางการเมือง  5.ทำหน้าที่แทนสภาผู้แทนราษฎร    ด้วยเหตุผลข้างต้น
หาก สว.กลุ่มที่มาจากการแต่งตั้งรวมตัวกันแล้วต้องการชี้นำสิ่งใด ก็ทำได้
โดยดึง สว.มาเพิ่มอีก 2คน ก็ชนะโหวตได้ทันที   เช่นหากต้องการล้มรัฐบาล
โดยล้ม พรบ.งบประมาณ ก็สามารถทำได้โดยง่าย
       นอกจากนี้ สิ่งที่แฝงไว้คือและมีผลกระทบรุนแรงต่อรัฐบาลที่มาจากการเลือก
ตั้ง คือ มาตรา  270 โดยให้ประชาชนเพียง2หมื่น สามารถ เข้าชื่อถอดถอนนายก
รัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีได้  และให้วุฒิสมาชิก เพียงสามในห้า หรือ
เพียง90คน ลงมติและถอดถอนได้ทันที  สรุปคือจะล้มรัฐบาลก็แค่หา สว.มาเพิ่ม
แค่ 16 คน
       และการแต่งตั้งบุคคลไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระต่อไปนี้  ต้องให้วุฒิสภา
เห็นชอบทั้งสิ้น องค์กรเหล่านี้  ได้แก่ ศาลรัฐธรรมนูญ  ศาลปกครอง, คณะ
กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ, คณะกรรมการเลือกตั้ง,  ผู้
ตรวจการแผ่นดิน, คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน,  องค์กรอัยการ,  คณะกรรมการ
สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ,   ลองคิดดูว่า สว.ที่มาจากการแต่งตั้ง จะเลือกพรรค
พวกตัวเองหรือไม่
       แต่ในกรณี สว. ต้องถูกถอดถอน ต้องส่งเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบ
ปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)พิจารณาก่อน  ซึ่งคงไม่ลืมว่าใครคือผู้แต่ง
ตั้ง ปปช.  และต้องส่งกลับพิจารณาให้วุฒิสภาลงมติอีก เรียกว่า ชงเองกิน
เอง ทั้งสิ้น
สรุปง่ายๆ คือ วุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้ง จะครองแผ่นดินเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

มาตราอื่นๆ
11) มาตรา 162 ให้สมาชิกรัฐสภา ตั้งกระทู้ถามได้ และให้นายกหรือรัฐมนตรี
ต้องมาตอบด้วยตัวเอง ยกเว้นมีเหตุจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้     หากถาม
ทุกวัน ต้องตอบทุกวัน ไม่ต้องทำงานกันพอดี
12) มาตรา 171วรรคสี่นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินกว่าแปดปี
มิได้  ก็ไม่รู้จะกำหนดไปเพื่ออะไร สงสัยกลัวคนทำลายสถิติใครบางคน
13) มาตรา 196 วรรคสอง  กำหนดบำนาญให้องคมนตรี เท่านั้น  เหมือนเป็นการให้
รางวัลแก่คนที่สนับสนุนรัฐประหาร
       14) มาตรา 300 ให้ ตุลาการรัฐธรรมนูญ (ที่ คมช.แต่งตั้ง) เป็นตุลาการศาล
รัฐธรรมนูญ ทันทีที่รธน.ประกาศใช้
15) มาตรา 301 ให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินทำหน้าที่แทน ประธานกรรมการตรวจ
เงินแผ่นดินกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน   สรุปคือ คุณหญิงจารุวรรณ ทำหมดทุก
หน้าที่ จนกว่าจะมีการแต่งตั้งใหม่
         16) มาตรา 306  กำหนดให้ผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม และอัยการ ดำรง
ตำแหน่งได้จนถึงอายุเจ็ดสิบปี    ผู้พิพากษาและอัยการ ได้ประโยชน์
เต็มๆ
         17) มาตรา 309 คือสิ่งเลวร้ายที่สุด คือรับรองการกระทำทั้งก่อน
หน้า และ หลัง 19 กันยายน 2549 ทุกกรณี ทุกวาระ  หากผิดกฎหมาย ให้ถือว่า
ถูกกฎหมาย  และเป็นตราบาปของชนชาวไทย ที่มีบทบัญญัตินิรโทษกรรมการ
รัฐประหาร  การทำผิดกฎหมายและการโกงกินของคณะรัฐประหาร ไว้ในรัฐธรรมนูญ
ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ    ทั้งจะเป็นแบบอย่างให้ ทหารแย่งยึดอำนาจ
จากประชาชนไม่รู้จบ
นี่คือบาปกรรมที่เราจะส่งต่อให้ลูกหลานเราหากลงมติเห็นชอบร่าง รธน.ฉบับ
นี้
            เมื่อท่านอ่านข้อเสียต่างๆ แล้ว คงสามารถใช้วิจารณญาณ ในการ
ลงมติรับ หรือไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 นี้ได้เอง
แต่สำหรับผู้มีหัวใจรักประชาธิปไตยแล้ว   ร่าง รธน.ฉบับนี้ ถือว่าเป็น
กฎหมายที่เผด็จการที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติไทย ทีเดียว
                                                               จาก ผู้รักประชาธิปไตย
                                                               26 กรกฎาคม 2550


ไม่ทราบว่าทุกๆท่านคิดอย่างไรกันบ้างครับ กับ Mail ฉบับนี้

เพราะเท่าที่อ่าน ดู ดูเหมือนเป็นการตีความสุดกู่ยังไงก็ไม่ทราบ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #1 เมื่อ: 10-08-2007, 15:52 »

คุณSMใจกว้างดีที่ยอมเปิดความคิดรับข่าวสารอีกด้านมาช่วยกันพิจรณา ขอชมเชยน๊ะ....ท้าวฯเลยใคร่ขออนุญาตนำข้อมูลที่ฝ่ายเผด็จการชอบนำมาแหกตาปชช.บ่อยๆมาเพิ่มเติมตามนี้เลยท่าน!!


"ความเข้าใจผิด VS ความเข้าใจถูกในการคว่ำร่างรธน.50

โดย ป๋าเจ้าเก่า
17 กรกฎาคม 2550

ความเข้าใจผิด VS ความเข้าใจถูกในการลงประชามติไม่รับร่าง รธน.50

1.ความเข้าใจผิด -ให้รับร่างรัฐธรรมนูญปี 50 เพื่อจะได้เลือกตั้งโดยเร็ว หากไม่รับก็จะไม่มีเลือกตั้ง

ความจริงที่ถูกต้อง -รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี50แล้วไม่ทำให้เลือกตั้งเร็วขึ้น เพราะต้องไปออกกฎหมายลูก คือกฎหมายเลือกตั้งอีก ทำให้เสียเวลาอีกนาน ขณะที่ฉบับปี40ไม่ต้องออกกฎหมายลูกเลย เพราะของเดิมมีอยู่แล้ว ยิ่งจะเลือกตั้งได้เร็วขึ้น

2.ความเข้าใจผิด -หากไม่รับร่างรธน.ปี50ก็จะไม่มีเลือกตั้ง บ้านเมืองจะวุ่นวายไม่จบ

ความจริงที่ถูกต้อง -ไม่จริง เพราะรธน.ชั่วคราวของคมช.ปี49กำหนดไว้ชัดเจนว่า ถึงแม้รธน.ปี50ไม่ผ่านการลงประชามติ ก็จะนำฉบับอื่นที่มีอยู่มาประกาศใช้ และกำหนดให้เลือกตั้งอยู่ดี

3.ความเข้าใจผิด -หากไม่รับร่างรธน.ปี50 คมช.อาจนำรธน.ฉบับเผด็จการมาใช้ ดังนั้นฉบับปี50เห็นอยู่ตรงหน้าอยู่แล้วจึงต้องรับไว้ก่อนดีกว่า

ความเข้าใจที่ถูกต้อง -ไม่จริง เพราะหากประชาชนไม่ยอมรับร่างรธน.ปี50ก็แสดงว่าประชาชนต่อต้านรธน.ที่เป็นเผด็จการหรือไม่ได้มาจากประชาชนอยู่แล้ว ก็เท่ากับกดดันให้ต้องนำฉบับประชาชนปี2540มาใช้ ซึ่งพล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก รองประธานคมช.ก็บอกไว้แล้วว่าหากฉบับปี50ไม่ผ่านประชามติ ก็จะนำฉบับปี40มาใช้ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น หรือหากคมช.ดันทุรังนำฉบับเผด็จการมาใช้ก็เจอแรงต่อต้านของประชาชนทั่วประเทศ และประชาคมโลก ทำให้คมช.ต้องพังพินาศ และต่อไปก็ไม่กล้ามีใครมายึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญที่ประชาชนร่างมาอีก เท่ากับร่วมกันหยุดเผด็จการอย่างถาวร

4.ความเข้าใจผิด -รธน.ฉบับปี40ยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก ในขณะที่ฉบับปี50แม้จะมีข้อบกพร่องก็รับไปก่อน แล้วค่อยแก้ทีหลังก็ได้

ความเข้าใจที่ถูกต้อง -หากฉบับปี50ไปแก้ไขทีหลังได้ ..แล้วทำไมฉบับปี40จะไปแก้ไขทีหลังบ้างไม่ได้ ?

5.ความเข้าใจผิด -ถึงฉบับปี50จะมีที่มาจากการปฏิวัติยึดอำนาจ แต่เนื้อหาก็เป็นประชาธิปไตยพอๆกับปี40ที่มาจากประชาชนทั้งประเทศ

ความเข้าใจที่ถูกต้อง -ไม่จริง เพราะเนื้อหาฉบับปี50มีการนิรโทษกรรมให้ผู้กระทำผิดก่อกบฏยึดอำนาจรัฐประหารในวันที่19กันยายน2549 และเปิดทางให้มีการสืบทอดอำนาจเผด็จการ ทุกคนก็เห็นแล้วว่าพลเอกสนธิ บุญรัตกลิน บอกว่ารธน.ปี50ผ่านก็จะลงเลือกตั้งเพื่อสืบทอดอำนาจ แถมรธน.ปี50ให้อำนาจกับศาลไปก้าวก่ายอำนาจบริหารและนิติบัญญัติ หรือวุฒิสภาส่วนหนึ่งก็มาจากการแต่งตั้ง ซึ่งคมช.ก็จะเป็นผู้แต่งตั้งเอง แต่มีอำนาจควบคุมรัฐบาลที่มาจากประชาชนเลือกตั้ง ต่างกับปี40ประชาชนเลือกมาเองทั้งหมด

................................
ยินดีให้นำไปเผยแพร่ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ใดๆ
เหตุที่ผมเขียนสั้นๆก็เพื่อว่าจะได้เหมาะกับพิมพ์ลงกระดาษA4แล้วโรเนียวแจกสะดวกๆครับ
เขียนโดย พยับหมอก ที่ 7/17/2007 02:29:00 หลังเที่ยง"
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 10-08-2007, 15:57 »

กะแล้วว่า o0: ต้องมาเป็นคนแรก 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #3 เมื่อ: 10-08-2007, 16:03 »

กะแล้วว่า o0: ต้องมาเป็นคนแรก 


ฮ่าๆๆๆ...เมื่อท่านขุดบ่อ ปลาตัวน้อยๆอย่างท้าวฯก็ต้องดุ๊กดิ๊กๆเข้ามาเปงทามดา
บันทึกการเข้า
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #4 เมื่อ: 10-08-2007, 16:18 »

เมื่อกี๊ได้ Mail มามีเนื้อหาดังนี้ .....
จำได้ว่าสมาชิกเคยเอามาถามในบอร์ดแล้วโยงไปประชาไท และเคยตอบไปแล้วครับ
มันเอากฎหมายมาอ้างด้านเดียว แต่ไม่ได้อ้างถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย
สรุปว่ามันมั่วนั่นแหละครับ
บันทึกการเข้า
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #5 เมื่อ: 10-08-2007, 16:20 »

ส่วนที่จ๊ะยกมานั้นก็ถูกเป็นบางส่วน
แต่สรุปแล้ว รธน.50เปิดช่องให้แก้ไขได้ง่ายขึ้น
และอุดช่องโหว่ของ 40 ไปเยอะแล้ว
หากจะนำ 40 ขึ้นมาใช้และแก้ไข อาจจะทำได้ยาก
เพราะต้องทำหลายมาตราและวิธีการขั้นตอนก็เยอะกว่าด้วยครับ
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #6 เมื่อ: 10-08-2007, 16:23 »

"พงศ์เทพ"อัด รธน.50ถอยหลังเข้าคลอง-นักวิชาการติงอคติอำนาจเก่า
 


โดย ผู้จัดการออนไลน์ 10 สิงหาคม 2550 15:24 น.
 
 
       นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา แกนนำกลุ่มไทยรักไทย กล่าวในการสัมมนาโค้งสุดท้ายรัฐธรรมนูญ 2550 ว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะทำให้ประเทศชาติถอยหลังเข้าคลองไปก่อนปี 2540 โดยร่างรัฐธรรมนูญนี้ยึดอำนาจประชาชนและให้ความสำคัญกับระบบราชการ โดยปราศจากจุดยึดโยงกับประชาชน ทำให้ข้าราชการประจำมีอำนาจมากเกินไป แต่กลับไม่มีการเพิ่มระบบการตรวจสอบ ทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด นอกจากนี้ยังมีปัญหาในส่วนของอำนาจตุลาการ และเสถียรภาพของตุลาการ
        ขณะที่ นายณรงค์เดช สรุโฆษิต อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีอคติกับนักการเมือง และมุ่งเป้าจัดการอำนาจเก่าจนเกินไป ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง"
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #7 เมื่อ: 10-08-2007, 16:25 »

"มาตรา 111 ถึง118  เป็นส่วนที่เลวร้ายกาจมากของ รธน.นี้  กล่าวคือ กำหนดให้ วุฒิสภามีสมาชิกได้ 150คน  มาจากเลือกตั้งจังหวัดละ 1คน  รวม76คน และแต่งตั้ง 74คน   นี่เป็นการทำลายสิทธิพื้นฐาน 1สิทธิ์หนึ่งเสียงอย่างร้ายแรง เพราะกรุงเทพมีคนอาศัยอยู่6ล้านคน แต่มี สว.ได้คนเดียว ในขณะที่ระนอง มีผู้อาศัยอยู่2แสน ก็มีสว.ได้หนึ่งคนเช่นกัน   นอกจากนี้  สว.ยังมาจากการแต่งตั้ง (ซึ่งก็แต่งตั้งจากพวกพ้อง)สูงถึง 74คน หากดึงสว.จากการเลือกตั้งมาอยู่ด้วยเพียง 1คน ก็จะมีเสียงเท่ากันแล้ว  หากดึงมาได้ 2คน ก็ชนะโหวตได้ทันที   


นอกจากนี้ สว.ที่มาจาก รธน.ชุดนี้ ยังมีอำนาจล้นฟ้ากล่าวคือ 
1. พิจารณากฎหมาย และพรบ.งบประมาณ   
2. อภิปรายทั่วไปการทำงานของรัฐบาลได้ 
3.แต่งตั้งองค์กรอิสระต่างๆ 
4.ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 
5.ทำหน้าที่แทนสภาผู้แทนราษฎร   

ด้วยเหตุผลข้างต้น หาก สว.กลุ่มที่มาจากการแต่งตั้งรวมตัวกันแล้วต้องการชี้นำสิ่งใด ก็ทำได้โดยดึง สว.มาเพิ่มอีก 2คน ก็ชนะโหวตได้ทันที   เช่นหากต้องการล้มรัฐบาล โดยล้ม พรบ.งบประมาณ ก็สามารถทำได้โดยง่าย

• นอกจากนี้ สิ่งที่แฝงไว้คือและมีผลกระทบรุนแรงต่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง คือ มาตรา  271 โดยให้ประชาชนเพียง2หมื่น สามารถ เข้าชื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีได้  และให้วุฒิสมาชิก เพียงสามในห้า หรือ เพียง90คน ลงมติและถอดถอนได้ทันที  สรุปคือจะล้มรัฐบาลก็แค่หา สว.มาเพิ่มแค่ 16 คน

• และการแต่งตั้งบุคคลไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระต่อไปนี้  ต้องให้วุฒิสภาเห็นชอบทั้งสิ้น องค์กรเหล่านี้  ได้แก่ ศาลรัฐธรรมนูญ  ศาลปกครอง, คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ, คณะกรรมการเลือกตั้ง,  ผู้ตรวจการแผ่นดิน, คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน,  องค์กรอัยการ,  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ,   ลองคิดดูว่า สว.ที่มาจากการแต่งตั้ง จะเลือกพรรคพวกตัวเองหรือไม่

• แต่ในกรณี สว. ต้องถูกถอดถอน ต้องส่งเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)พิจารณาก่อน  ซึ่งคงไม่ลืมว่าใครคือผู้แต่งตั้ง ปปช.  และต้องส่งกลับพิจารณาให้วุฒิสภาลงมติอีก เรียกว่า ชงเองกินเอง ทั้งสิ้น

สรุปง่ายๆ คือ วุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้ง จะครองแผ่นดินเบ็ดเสร็จเด็ดขาด"
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 10-08-2007, 16:26 »

จำได้ว่าสมาชิกเคยเอามาถามในบอร์ดแล้วโยงไปประชาไท และเคยตอบไปแล้วครับ
มันเอากฎหมายมาอ้างด้านเดียว แต่ไม่ได้อ้างถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย
สรุปว่ามันมั่วนั่นแหละครับ

ไม่ทราบว่ามี Link หรือไม่ครับ ผมก็คุ้นๆว่าเคยเห็นแว๊บๆ แต่จำไม่ได้เหมือนกันครับ
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #9 เมื่อ: 10-08-2007, 16:32 »

"ส่วนที่3 หมวดสิทธิเสรีภาพ   ผมถือว่าเป็นหมวดที่กระทบรุนแรงสุด คือ


1) มาตราที่29 ซึ่งเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน จะทำมิได้  แต่ รธน.50นี้  ระบุตอนสำคัญว่า  “ เว้นแต่โดยอาศัยบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อการที่รัฐธรรมนูญนี้กำหนดไว้และเท่าที่จำเป็น  โดยตัดคำว่า “เท่านั้น” ออก  เพราะ  คมช. กำลังผลักดัน พรบ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร ออกมาใช้  หาก รธน.50 และพรบ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร ผ่านมติและประกาศใช้  ทหารจะคุมประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

2) มาตราที่32 เกี่ยวกับการลงโทษด้วยวิธีการโหดร้าย  จากเดิมยกเว้นเพียงโทษประหารชีวิตตามคำพิพากษาเท่านั้น  แต่ของใหม่  เพิ่มข้อความ “ โทษตามคำพิพากษาของศาลหรือตามที่กฎหมายบัญญัติ....”  แสดงว่าโทษอะไรก็ได้  นอกจากนี้มาตรา33 ซึ่งระบุเกี่ยวกับ การเข้าไปในเคหสถานโดยปราศจากการยินยอมของผู้ครอบครอง จะกระทำมิได้  โดย เพิ่มข้อความ “ เว้นแต่มีคำสั่งหรือหมายของศาลหรือมีเหตุอย่างอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ”  ในขณะที่ของเดิมให้อำนาจศาลเท่านั้น  ของใหม่ให้อำนาจ คำสั่ง (ของผู้มีอำนาจใครก็ได้) ,หมายศาล และคำสั่งตามกฎหมายอื่น  เมื่อบวกกับ พรบ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร  ซึ่งให้อำนาจ อำนาจจับกุม คุมขัง สอบสวนกับทหารไว้   ประชาชนก็ไม่มีหลักประกันใดๆเลย
ส่วนที่11 เสรีภาพในการชุมนุมและสมาคม

3)   มาตราที่64  บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุม นั้น   ได้เพิ่มวรรคสอง “ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐย่อมมีเสรีภาพเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป”   ต่อไปนี้ใครได้อำนาจรัฐ  จัดม็อบชนม็อบได้เลย  ถูกกฎหมาย ใช้งบหลวงดำเนินการ  ประชาชนที่รวมกลุ่มมาเรียกร้องจะถูกต่อต้านด้วยอำนาจรัฐทุกรูปแบบ   กฎระเบียบวินัยข้าราชการ ต้องยกเลิก เพราะขัด รธน.มาตรานี้   ม็อบข้าราชการจะยิ่งใหญ่ เพราะได้เงินเดือน สั่งได้ ใช้ของหลวงมาดำเนินการได้
ส่วนที่13  สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ

4)   มาตรา 68  บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตาม รธน.นี้ ล้มล้างการปกครองมิได้   แต่เพิ่ม วรรคสี่ กรณีถูกศาลรธน.พิพากษาให้ยุบพรรค โดยให้ตัดสิทธิ์ทางการเมืองแก่ หัวหน้า และกรรมการบริหารพรรค การเมืองนั้นห้าปี     เป็นบทลงโทษเดียวกับการลงโทษย้อนหลังใน คำสั่ง คปค. ซึ่งตุลาการรธน. ใช้ในการลงโทษยุบพรรคไทยรักไทย  และยังระบุไว้ในบทเฉพาะกาล มาตรา300 ว่า ให้ ตุลาการ รธน.ที่แต่งตั้งโดยคณะผู้ยึดอำนาจนั้น   ทำหน้าที่ตุลาการศาล รธน.ต่อไป อย่างถูกต้อง  คือฟอกตัวให้ตุลาการ รธน. และ ออกใบรับรองคำพิพากษาของเดิม ในคราวเดียวกัน


หมวด 5  แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ

ส่วนที่3 แนวนโยบายด้านการบริหารราชการแผ่นดิน

5) มาตรา 78  เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน  ข้อย่อยที่1 ระบุตอนหนึ่งว่า “ ....โดยต้องส่งเสริมการดำเนินการตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง...”   


ส่วนที่7 แนวนโยบายด้านเศรษฐกิจ

6) มาตรา 83  “รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการดำเนินการตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง”  ทั้งสองมาตรา จะก่อให้เกิดปัญหาการตีความไม่สิ้นสุด โครงการโน้นขัดแนวเศรษฐกิจพอเพียง โครงการนี้ขัดแนวเศรษฐกิจพอเพียง  รัฐบาลต่อไปไม่ต้องทำงานพอดี เพราะมัวต้องชี้แจงว่าขัดไม่ขัด  ยกตัวอย่าง รถไฟฟ้าใต้ดิน คุณว่าขัดหรือไม่ขัดแนวเศรษฐกิจพอเพียง ?????
 


หมวด6 รัฐสภา

7) มาตรา 94 ให้เลือกตั้งสส.แบบแบ่งเขตเรียงเบอร์  คือแต่ละเขตมีสิทธ์เลือกได้ตั้งแต่หนึ่งถึงสามคน และประชาชนก็มีสิทธิ์เลือกได้ตามจำนวนผู้สมัครแต่ละเขต โดยสรุปแต่ละเขตคือเลือกได้ไม่เท่ากัน ทำลายพื้นฐานประชาธิปไตย หนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงลงอย่างสิ้นเชิง  นอกจากนี้ในข้อย่อย6 วรรคสอง ยังให้นับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการสนับสนุนการซื้อเสียงและการควบคุมเสียง  เพราะหัวคะแนนตรวจสอบได้ว่าซื้อไปกี่เสียง และได้คะแนนมากี่เสียง เป็นระบบที่ย้อนยุคถอยหลังไปอีกยี่สิบสามสิบปี

Cool มาตรา 95 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ กลับไปแบ่งตามพื้นที่กลุ่มจังหวัด โดยแบ่งเป็นแปดกลุ่มๆละ 10คน  ซึ่งเป็นผู้แทนราษฎรที่มาจากส่วนท้องถิ่นไม่ต่างจากการได้มาของผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต   ในขณะที่รัฐธรรมนูญเดิมสามารถใส่รายชื่อตามลำดับความสำคัญและความรู้ความสามารถของสมาชิกพรรค โดยทั้งประเทศเป็นเขตเลือกตั้งเดียว   อีกทั้งให้การนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง เป็นการสนับสนุนการซื้อเสียงและการควบคุมเสียง เช่นเดียวกับข้อข้างต้น

9) มาตรา 101  คุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้ง(ทั้งแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ) กำหนดคุณสมบัติกีดกันพรรคใหม่ อย่างน่าเกลียด เช่น  มีทะเบียนบ้านอยู่ในจังหวัดนั้นไม่น้อยกว่า5ปี (เดิม 1 ปี)  เคยศึกษาในสถานศึกษาในจังหวัดนั้น ไม่น้อยกว่า5ปี(เดิม 2 ปี)  เคยรับราชการในจังหวัดนั้น ไม่น้อยกว่า5ปี (เดิม 2 ปี)  ในบทเฉพาะกาล ลดให้เหลือ 1ปี 2 ปี 2 ปี ตามลำดับ  เฉพาะสำหรับครั้งแรกที่มีการเลือกตั้ง  จะเห็นได้ว่า พรรคการเมืองใหม่   จะสรรหาสมาชิกใหม่ได้ยากขึ้น  แม้นบทเฉพาะกาลลดระยะเวลาลง แต่หากรัฐบาลใหม่จาก รธน.นี้ ล้มลงเร็วกว่ากำหนดไม่ว่าเหตุใดก็ตาม  พรรคซึ่งก่อตั้งใหม่ ก็จะประสบปัญหาการสรรหาผู้สมัครเพื่อลงแข่งขันรับเลือกตั้ง  ในขณะที่พรรคเก่าแก่ มีสมาชิกและสร้างฐานในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ย่อมได้เปรียบ   อีกทั้งการกำหนดคุณสมบัติบางอย่างโดยไม่ดูข้อเท็จจริงเช่น การที่เคยศึกษาในจังหวัดนั้นสูงถึง5ปี  เพราะหากต้องการผู้มีวุฒิปริญญาตรี โดยส่วนใหญ่ก็จบการศึกษาไม่เกินสี่ปี  หากต้องการ ปวส. ก็สองปี  ปวช.ก็สามปี  เท่านั้น  แสดงว่าหากเราอยู่กรุงเทพ ไปเรียนที่เชียงใหม่ จบ ป.ตรี แล้วกลับมาทำงาน กรุงเทพ พออายุครบและญาติพี่น้องที่เชียงใหม่ก็สนับสนุนให้ลงสมัคร  ก็ทำไม่ได้  ทั้งๆที่มีความรู้ และเคยอยู่ในพื้นที่กว่าสี่ปี   หรือว่า รธน.ต้องการให้ทุกคนเรียนซ้ำชั้นอีกปีหรือไง"
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #10 เมื่อ: 10-08-2007, 16:35 »

"มาตราอื่นๆ

11) มาตรา 162 ให้สมาชิกรัฐสภา ตั้งกระทู้ถามได้ และให้นายกหรือรัฐมนตรีต้องมาตอบด้วยตัวเอง ยกเว้นมีเหตุจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้     หากถามทุกวัน ต้องตอบทุกวัน ไม่ต้องทำงานกันพอดี

12) มาตรา 171วรรคสี่นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินกว่าแปดปีมิได้  ก็ไม่รู้จะกำหนดไปเพื่ออะไร สงสัยกลัวคนทำลายสถิติใครบางคน

13) มาตรา 196 วรรคสอง  กำหนดบำนาญให้องคมนตรี เท่านั้น  เหมือนเป็นการให้รางวัลแก่คนที่สนับสนุนรัฐประหาร

14) มาตรา 300 ให้ ตุลาการรัฐธรรมนูญ (ที่ คมช.แต่งตั้ง) เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทันทีที่รธน.ประกาศใช้

15) มาตรา 301 ให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินทำหน้าที่แทน ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดินกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน   สรุปคือ คุณหญิงจารุวรรณ ทำหมดทุกหน้าที่ จนกว่าจะมีการแต่งตั้งใหม่

16) มาตรา 306  กำหนดให้ผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม และอัยการ ดำรงตำแหน่งได้จนถึงอายุเจ็ดสิบปี    ผู้พิพากษาและอัยการ ได้ประโยชน์เต็มๆ   

17) มาตรา 309 คือสิ่งเลวร้ายที่สุด คือรับรองการกระทำทั้งก่อนหน้า และ หลัง 19 กันยายน 2549 ทุกกรณี ทุกวาระ  หากผิดกฎหมาย ให้ถือว่าถูกกฎหมาย  และเป็นตราบาปของชนชาวไทย ที่มีบทบัญญัตินิรโทษกรรมการรัฐประหาร  การทำผิดกฎหมายและการโกงกินของคณะรัฐประหาร ไว้ในรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ    ทั้งจะเป็นแบบอย่างให้ ทหารแย่งยึดอำนาจจากประชาชนไม่รู้จบ  


นี่คือบาปกรรมที่เราจะส่งต่อให้ลูกหลานเราหากลงมติเห็นชอบร่าง รธน.ฉบับนี้"
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 10-08-2007, 16:37 »

o0: ของเดิมในหัวข้อก็มีอยู่แล้ว จะเอามา Post หาพระแสงด้ามยาวอะไรวะ
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
irq5
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,149



« ตอบ #12 เมื่อ: 10-08-2007, 16:53 »

ผมว่า ฉบับ 40 นี่มีข้อเสียและจุดอ่อนมากเกินไป

ดังเห็นปัจจุบัน ทหารมาจากไหนไม่รู้มานั่งบริหารแทนทีมทักกี้แล้ว

ของ 40 ถือว่าขุดบ่อล่อเหี้ย ได้อย่างดี     

เมื่อหางส่าย ลิ้นฉกแล้ว ก็กระทืบเตะออกไปได้เลย

ของ 50 ก็ไม่แน่ว่าจะครอบคลุมหมด แต่มีเปิดทางให้ร่วมลงชื่อเสนอแก้กันได้

ก็น่าจะถูกต้องแล้ว



ถ้าหาเรื่องไม่รับเพื่อจะแสดงพลังว่าไม่ชอบ คมช ไม่คุ้มกันหรอกครับ
รับไม่รับเหลี่ยมก็ไม่ได้กลับ ดีไม่ดี รับแล้วเหลี่ยมจะได้กลับได้ง่ายขึ้นด้วย

ตอนนี้หนะ ทักกี้บอกว่าเลือกตั้งจะกลับมาขึ้นศาล

ผมอยากให้เลือกตั้ง เดือนหน้าด้วยซ้ำจะได้รู้จะมาจริงป่าว
บันทึกการเข้า

.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMddMMMs..
.:MMMMMMMMMMMMMMMMMMMMMssMMMMs..
.:Mddddddddddddddddddddddddddo+ddddNs..
.:M................................................hs..
.:M.............//:................//:.............hs..
.:M...........:MMs.............NMd............hs..
.:M................................................hs..
.:M................................................hs..
.:M.............yNNNNNNNNNN................hs..
.:M.................................................hs..
.:dyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyho..

....W..W::W:...AAA...NN...N...TTTTT..EEEEE...DDD..........
.....Ww.wW...AAAA..N..N..N......T.....EEE......D....D.......
.....-W...W...A......A N....NN......T.....EEEEE...DDD..........
. . . . . . . . . . . . thaksin shinawatra
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 14-08-2007, 14:25 »

ผมว่า ฉบับ 40 นี่มีข้อเสียและจุดอ่อนมากเกินไป

ดังเห็นปัจจุบัน ทหารมาจากไหนไม่รู้มานั่งบริหารแทนทีมทักกี้แล้ว

ของ 40 ถือว่าขุดบ่อล่อเหี้ย ได้อย่างดี     

เมื่อหางส่าย ลิ้นฉกแล้ว ก็กระทืบเตะออกไปได้เลย

ของ 50 ก็ไม่แน่ว่าจะครอบคลุมหมด แต่มีเปิดทางให้ร่วมลงชื่อเสนอแก้กันได้

ก็น่าจะถูกต้องแล้ว



ถ้าหาเรื่องไม่รับเพื่อจะแสดงพลังว่าไม่ชอบ คมช ไม่คุ้มกันหรอกครับ
รับไม่รับเหลี่ยมก็ไม่ได้กลับ ดีไม่ดี รับแล้วเหลี่ยมจะได้กลับได้ง่ายขึ้นด้วย

ตอนนี้หนะ ทักกี้บอกว่าเลือกตั้งจะกลับมาขึ้นศาล

ผมอยากให้เลือกตั้ง เดือนหน้าด้วยซ้ำจะได้รู้จะมาจริงป่าว

 

ไม่มีอะไรมาก ขุดขึ้นมาล่อเ_ี้ยเล่นๆ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
หน้า: [1]
    กระโดดไป: